ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF Chanyeol & Rit ] - M . A . N .O

    ลำดับตอนที่ #7 : M.A.N.O - 6 [END ?]

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 57


    M.A.N.O -  6 [END ?]


     

     

     

     

     

     

     

    ..

     

    อ๊ะ..ปวดหัวชะมัด
    ..

    .

    “...”

     

    เสียงงุ๊งงิ๊งๆ ใกล้ๆนี่มันอะไร..

     

    ..

     

     

    “....”

    “......ชานยอลหลับไปหลายชั่วโมงแล้วนะ..ฮยองไม่ทำอะไรหน่อยหรอ ถ้าชานยอลเป็นเจ้าชายนิทราไปจะทำยังไง”

     

    “ย๊า! หมอนี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก ขนาดใส่เฝือกที่แขนยังทำร้ายพวกฉันได้นานขนาดนั้น วิ่งตามกันจนหอบไปหมด”

    “แล้วทำไมฮยองไม่พาชานยอลไปหาหมอละครับ”

    “ขืนพาไปตอนนี้ คนก็ได้รู้กันหมดน่ะสิ  นี่ฉันพยายามจ่ายเงินตั้งมากมายเพื่อปิดเรื่องนี้ จะให้ความแตกได้ยังไง ถ้าที่บริษัทรู้ละก็ หัวขาดกันเป็นแถวแน่ ”

     

     

    “ก็จริงของฮยอง..”

     

     

     

    “....”

     

     

     

    “อ๊ะ ฮยองฮะ ชานยอลกระพริบตาแล้ว”

     

     

    เสียงดังนั่นน่ารำคาญชะมัด.

     

    ,,

    ,,,

    ,,,,

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    1 วันต่อมา ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

     

    “ชานยอล..นายเดินดีๆนะ ระวังอย่าให้แฟนๆมาโดนแขนข้างที่นายใส่เฝือก”

    แบคฮยอนกระซิบพลางพยายามจัดๆเสื้อแขนยาวตัวใหญ่ให้ผม

     

    “แค่นี้ก็เรียบร้อย นายเหมือนคนปกติไม่มีเฝือกแล้ว”

    “ไปกันเถอะ”

     

    ทันทีที่พวกเราวงเอ็กโซก้าวลงจากรถตู้ เสียงกรี๊ดเสียงรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปก็ดังลั่น แฟนๆที่รออยู่กรูกันเข้ามาเพื่อให้ได้ใกล้ชิดพวกเรามากที่สุด การ์ดเกือบ 30 คนมีจำนวนมาก แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่มากพอสำหรับการป้องกันพวกเราจากบรรดาแฟนคลับนับพันที่สนามบิน แรงเบียดเสียดรอบทิศทางทำให้เราโดนอัดกันประหนึ่งปลากระป๋อง

    “อ๊ะ!

    ผมรู้สึกเจ็บจุกแปล๊บๆเมื่อโดนเบียดมาทางฝั่งขวา ฝั่งที่มีเฝือกอยู่

    “ระวังหน่อยสิ”

    พี่คริสกระซิบพลางเดินมาขนาบด้านขวาผมไว้ คงช่วยบังเฝือกนั่นแหละ

    ตามด้วยสัมผัสอุ่นๆตรงมือซ้ายที่ทำให้ผมต้องก้มลงมอง ปรากฎว่าเป็นแบคฮยอนที่จับมืออีกข้างของผมอยู่

    “เดินระวังหน่อยนะฮยอง..”

    เสียงกระซิบจากเซฮุนดังขึ้นข้างหลัง..

     

    ตอนนี้ผมกำลังถูกเมมเบอร์ประกบเพื่อช่วยให้ผมสามารถเดินฝ่ากองทัพแฟนคลับไปยังเกทอย่างปลอดภัย..

     

    ..

    ..

    “ขอบคุณนะ...”

    ..

    ….

    …..

    ……

     

    ที่นั่งในชั้น first class  ถูกจับจองด้วยเหล่าสมาชิก EXO และทีมงาน ผมนั่งอยู่ริมหน้าต่างข้างๆกับพี่เมเนเจอร์..

    เมื่อนึกถึงหมวกสีแดงลายการ์ตูนแบ๊วๆตระกูลดิสนีย์ในกระเป๋าถือก็อดใจที่จะหยิบขึ้นมาดูไม่ได้..

     

    ความทรงจำที่แสนดีของผม..

     

     

    “นี่ชานยอล ตอนฉันเห็นนายใส่หมวกอันนี้นะ โคตรขำ” พี่เมเนเจอร์กระซิบพลางกลั้วหัวเราะไปด้วย

     

    ชิส์

     

    “ว่าแต่.. นายไม่คิดจะบอกคนที่ดูแลนายที่นั่นหน่อยหรอว่านายเป็นใคร? ให้รูปนายลายเซ็นนายไปอะไรแบบนี้ ”

    ..

    “แบบนี้ก็ดีแล้วพี่...เดี๋ยวตกใจเปล่าๆ เป็นข่าวทำไง..”

    ..

     

    หลังจากผมฟื้นขึ้นมาผมก็กลับมาอยู่โรงแรมที่กรุงเทพทันที (ความรู้สึกเหมือนหายตัวได้) แล้วผมก็จำได้ทุกๆอย่าง จำเมมเบอร์ทุกคนได้ จำพี่เมเนเจอร์ที่ผมมวิ่งหนีมาได้.. 

     

    จำได้แม้กระทั่งสัมผัสนุ่มนิ่มที่ริมฝีปากผม…

    ในคืนที่เราดูดาวด้วยกัน...

     

    หลังจากนั้นก็มีหมอจาก รพ.มาตรวจร่างกายผมถึงที่โรงแรม สภาพร่างกายผมไม่มีอะไรมากนอกจากแขนหัก และอ่อนเพลียเล็กน้อย..

     

    หากผมเป็นเพียงคนธรรมดา...

     

    ผมคงจะกลับไปหาคุณหมอที่กอแกดอะไรนั่น..

     

    แต่ผมมีสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้รู้ว่าผมไม่ควรทำให้มันยุ่งยาก..

     

    ผมมีความฝัน...

     

    ความฝันที่ไม่ใช่แค่ของผมคนเดียว..

     

    ในความฝันของผมยังมีเพื่อนพี่น้องของผมอีก 11 คนที่ต้องร่วมทางเดินไปด้วยกันอีก..

     

    ความฝันที่ชื่อว่า “ EXO

     

     

     

    ผมขอร้องให้พี่เมเนเจอร์ช่วยส่งจดหมายและของขวัญของผมกลับไปให้คุณหมอ แล้วบอกให้เขารู้ว่าผมปลอดภัยไม่ต้องห่วง

     

    แล้วที่ผมไม่ยอมบอกเขาว่าผมเป็นสมาชิกวง EXO  ที่โด่งดังของเกาหลี ไม่ใช่เพราะผมกลัวเขาแพร่งพรายจนเป็นข่าวเหมือนที่ผมบอกพี่เมเนอเจอร์นะครับ

     

    อา.. ผมบอกไปพวกคุณจะว่าผมปัญญาอ่อนมั้ย?

     

    สำหรับคุณหมอคนน่ารักคนนั้น...ผมอยากเป็นแค่ คุณเอ๋อ คนธรรมดาที่เขารู้จัก ..

    ผมอยากให้เขามองผมเป็นคนเดิมมากกว่า..

     

     

     

    ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากกลับมาหาเขาที่นี่อีก ..

     

    ถ้ามีโอกาส..ผมก็อยากให้เราได้เจอกันอีกจริงๆ..

    และถ้าเป็นไปได้ ผมก็หวังว่าเค้าจะเข้าใจกับสิ่งที่ผมส่งไปให้นะ

    ….

    …….

    ………

     

     

     

    เสียงแอร์โฮสเตสพูดต้อนรับพร้อมบอกวิธีคาดเข็มขัดและการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เป็นสัญญาณว่าเครื่องใกล้จะออกแล้ว

     

     

    อา...น้ำตาจะไหล  T Tคิดถึงคุณหมอจังเลย แง้

     

     

    แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

     

     

    ไว้พบกันอีกนะครับ


    ..

     

    ความทรงจำที่มีค่าของผม...

     

     

     

     

     

     

     

     






     















     

     

     

    เดือนผ่านไป..

     

    ณ กรุงโซล

     

    “เห้ยไอ้พ็อตมาถ่ายรูปให้กูหน่อย”

    “โหยอากาศเย็นๆแบบนี้กูฟินมาก”

    “เห้ย พวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ”

     

    ตอนนี้ผมและเพื่อนๆคณะแพทย์พากันมาเที่ยวที่เกาหลี ช่วงปิดเทอม เป็นเรื่องปกติสำหรับผมที่พอมีเวลาว่างปุ๊บก็จะพาเพื่อนบ้างครอบครัวบ้างไปเที่ยวต่างประเทศ ที่ที่ไปบ่อยมากคือญี่ปุ่น เป็นประเทศในดวงใจของผมตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วครับ ผมชอบอาหาร อากาศและวัฒนธรรมของที่ญี่ปุ่นมาก  ส่วนที่เกาหลี ผมก็เคยมาสมัยที่ยังดรอปเรียนทำงานเป็นริทเดอะสตาร์ แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว

     

    แต่ที่ผมเลือกมาเที่ยวที่นี่มันมีอีกเหตุผล..

     

     

    ไอ้มนุษย์เอ๋อ!! ไอ้บักเกาหลีสับปะรังเค ไอ้หัวแดง ไอ้ตาโปน ไอ้หูกาง ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ!!!!

     

    หนีมาไม่ยอมลากันซักนิด!!

     

    ยอมรับครับว่าหลังจากที่ได้รับกล่องของขวัญที่มีรูปโพลารอยด์ปริศนาและกระดาษที่เขียนภาษาเกาหลีเต็มไปหมด ตอนนั้นผมตกใจมาก  ไม่ใช่อะไร ไอ้คุณเอ๋อมันลืมไปรึไงว่าผมอ่านภาษาเกาหลีไม่ออก  กว่าจะหาคนแปลให้ได้ ก็ปาไปเป็นค่อนคืน แล้วคนที่แปลให้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จียอน สอนภาษารัก เพื่อนร่วมค่ายที่เรียกผมว่า “อิปลวก” นั่นเอง (นี่รู้สึกตัวเองโง่มากที่ลืมไปว่ามีคนรู้จักเป็นคนเกาหลี) ใจความในจดหมายนั้นบอกแค่ว่า เขาปลอดภัยดี จำทุกอย่างได้แล้ว และก็ต้องรีบบินกลับเกาหลีแบบด่วนๆ...ในตอนนั้นผมแทบอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก 

     

    ทั้งโล่งใจ...ที่ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับเขา

    ทั้งโกรธ...ที่จู่ๆ เขานึกอยากจะไปก็ไป

    และน้อยใจ...ที่เขาทิ้งกันไปโดยไม่เอ่ยคำลาซักคำ

     

    ผมแทบจะเขวี้ยงอีพวงกุญแจที่ซื้อกับไอ้คุณเอ๋อที่ถนนคนเดินทิ้งไปหลายครั้ง

     

    แต่สุดท้าย...ก็ทำไม่ลง....

     

    ผมหยิบรูปโพลารอยด์ปริศนารูปนั้นขึ้นมาดูมันเป็นรูปมือของใครซักคนที่เขียนปากกาสีดำลงกลางมือเป็นภาษาเกาหลีที่แปลว่า “กินฟรี” แล้วข้างล่างก็มีที่อยู่ของอะไรซักอย่าง....ที่เกาหลี..

     

    และนั่นคือเหตุผมที่มาที่นี่เพราะเห็นคำว่ากินฟรี..  ?  โว๊ะ ใช่ที่ไหนกันเล่า!ที่ผมมาที่นี่เพราะผมหวังว่าจะได้เจอไอ้คุณเอ๋อต่างหาก ถ้าเจอนะจะด่าให้หูดับเลย ฟังไม่ออกช่างแม่ง

     

    “อันยองฮาเซโย”

     

    ผมพยักหน้ายิ้มรับพนักงานสาวที่เดินมาต้อนรับ แล้วเดินตามเธอไปเพื่อหาโต๊ะที่ว่างพอสำหรับพวกเราทุกคน บรรยากาศร้านสบายๆ ที่มองแล้วเพลินตา ทำให้ผมมองไปรอบข้างได้อย่างไม่เบื่อ ผมกวาดสายตาไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งสายตาไปบรรจบลงที่มุมๆ หนึ่ง...

     

    มุมที่ริมกำแพงมีรูปใบหน้าเอ๋อๆ ของใครบางคนที่ผมเคยคุ้นเคยแปะอยู่

     

    ถึงเราจะเจอกันแค่ไม่กี่วัน จะคุยกันไม่รู้เรื่อง หรืออะไรก็ตามแต่...

     

    แต่ผมจำเขาได้ดี...

     

    “ไอริท จะไปไหน?”

     

    ผมยกมือเบรกเพื่อนและหันไปบอกให้พวกเขาหาอะไรกินกันไปก่อน ก่อนที่ผมจะพาตัวเองมายังมุมนั้น...

     

    ตามบอร์ดที่ติดอยู่ที่กำแพงมีรูปภาพของคนหน้าเอ๋อหูกางเต็มไปหมด ทั้งรูปเล็ก รูปใหญ่ หรือแม้กระทั่งรูปแฟนอาร์ตที่ดูก็รู้ว่าคงเป็นรูปของเจ้าตัว ผมแปลกใจนิดหน่อยที่ที่นี่ติดของแบบนี้เอาไว้เยอะแยะ ไอ้คุณเอ๋อเป็นเจ้าของร้านหรอ? ถ้าใช่ก็นับว่ากล้ามากนะ ที่เอาหน้าตัวเองมาโชว์ลูกค้าแบบนี้ ...เกิดลูกค้าเห็นแล้วกินไม่ลงจะทำยังไงงงง!

     

    ฮ่าๆๆๆ

     

    ผมหลุดขำออกมากับความคิดของตัวเอง ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคงไม่มีใครที่เห็นรูปพวกนี้แล้วกินไม่ลง จะมีก็แต่เจริญอาหารมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวซะมากกว่า ....ก็ไอ้คุณเอ๋อน่ะ หน้าตาธรรมดาที่ไหนกัน....

     

    ผมมองไปบนโต๊ะตัวยาวที่มีสมุด หนังสือมากมายวางเรียงรายเอาไว้ มันดูคล้ายกับสมุดแฮนด์เมดที่แฟนคลับเคยทำให้ผมสุดๆ พอเปิดดูก็เจอรูปเกี่ยวกับคุณเอ๋อมากมาย ทั้งรูปตอนเด็ก ตอนที่เรียนมัธยม หรือแม้กระทั่งตอนที่เขากำลังจับไมค์ยืนร้องเพลงอยู่บนเวที...หืม?

     

    อยู่....บนเวที....งั้นหรอ

     

    ผมลองเปิดสมุดเล่มอื่นดูบ้าง ถึงจะอ่านภาษาเกาหลีไม่ออกก็เถอะ แต่ดูจากรูปภาพแล้ว มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันแปลกๆ...

     

    คุณเอ๋อคงไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการรับจ๊อบร้องเพลงหรอกใช่มั้ย?...

     

    ...คงไม่ใช่หรอก

     

    คนรับจ๊อบที่ไหนจะมีแผ่นอัลบั้มเป็นของตัวเองขนาดนี้....

     

    ผมวางสมุดลงที่เดิมก่อนจะหยิบกล่องซีดีเพลงที่วางเอาไว้อยู่ขึ้นมาดู บนหน้าปกนั้นมีคนหลายคนที่มองผ่านๆ แล้วหน้าตาเหมือนกันไปหมด แต่พอลองพิจารณาดูทีละคนแล้วจึงจะรู้ว่าแต่ละคนหน้าตาก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว

     

    โดยเฉพาะคนหูกางที่เด่นเหลือเกินในสายตาผม

     

    ตลอดระยะเวลาในการนั่งอยู่ที่ร้านนั้นช่างยาวนาน  ในหัวสมองของผมมันว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ออก แม้กระทั่งรสชาติของอาหารที่ตัวเองกินเข้าไปยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมกำลังคิดว่าตัวเองมาผิดที่หรือเปล่า?

     

    ผมแค่อยากจะมาตามหาไอ้คุณเอ๋อหูกาง ที่ติ๊งต๊อง ชอบทำหน้าแบ๊วๆ ขัดกับตัวเอง

    ผมแค่อยากจะมาด่าเขาสักสิบยี่สิบคำ ให้เขารู้สึกผิด แล้วเราก็จะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม..

     

    ดูเหมือนอะไรๆ มันก็ผิดไปหมด

     

    ผมคิดว่าถ้าเราได้เจอกันอีกสักครั้ง ระยะห่างของพวกเราคงจะลดลง

     

    แต่ทำไมตอนนี้ถึงดูเหมือนมันจะไกลออกไปล่ะ...

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “คัมซาฮัมนีดา ทาอึมเม โต โอเซโย

     

    ผมพยักหน้าให้กับพนักงานสาวสวยที่ยังคงโค้งและยิ้มให้เสมอ แม้ว่าพวกเราจะมากินฟรี ก่อนจะออกจากร้าน เธอส่งซองสีทองผูกด้วยริบบิ้นอย่างดีมาให้กับผม และพูดเป็นภาษาอังกฤษแบบแปร่งๆ ว่าคุณเจ้าของร้านฝากมาขอโทษที่ไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเอง และเธอก็ฝากซองนี้มาให้กับผมที่เป็นคนถือโพราลอยด์กินฟรีใบนั้นอยู่ในมือ

     

    หรือว่าคุณเอ๋อจะฝากมา??

     

    ผมกำซองสีทองนั้นจนแน่น  ใจร่ำๆ อยากจะเปิดซองใจจะขาด แต่ติดตรงที่ว่าผมมีความกล้าไม่พอ...

     

    ถ้าผมเปิดมาแล้วเจอเช็ดเงินสดสิบล้านมันจะเป็นยังไง?

     

    อ่าว ไม่ใช่หรอ โอเค เอาใหม่...

     

    ถ้าผมเปิดมาแล้วเจออะไรที่มันเซอร์ไพรส์มากกว่าการที่รู้ว่าเขาเป็นนักร้องนักเต้นอะไรนี่ ผมจะทำยังไงดีล่ะ...แค่นี้ผมว่าเราก็ห่างกันมากพอแล้วนะ...

     

    ถึงจะคิดแบบนั้น แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเปิดมันออกมา...

     

    บัตรสีขาวสะอาดที่ตีพิมพ์อย่างสวยงามด้วยภาษาเกาหลี เป็นภาษาที่ผมเพลียมาตลอดทั้งเรื่อง ผมอ่านมันไม่ออก แต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ยังมีบางบรรทัดที่เป็นภาษาอังกฤษที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นใจความสำคัญของทั้งหมดทั้งมวล

     

    1st concert “EXO The lost planet in Seoul”

     

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    END ?

     

     
    >SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×