คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ติ่งที่ 1
ติ่งที่ 1
มินซอกกำลงยืนพินิจพิจารณานิตยสารแฟชั่นชื่อดังของเกาหลีฉบับล่าสุดอยู่ตรงแผงนิตยสาร สายตาจดจ้องตามสันเล่มและมุมหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อพบรอยยับเพียงเล็กน้อยก็รีบวางลงกองเดิมก่อนจะเลือกหยิบเล่มข้างล่างขึ้นมาส่องอีกรอบ
“ถ้าจะเลือกมากขนาดนี้ก็นะ ให้กูไปรอร้านข้าวเลยเถอะ ไส้กิ่วแล้วเนี่ย” เสียงเหน็บแนมของเพื่อนรักอย่างแบคฮยอนเอ่ยขึ้นมาเมื่อมินซอกใช้เวลาในการเลือกหนังสือนานเกินไป
วันนี้สามหนุ่มนัดกันมาพบปะพูดคุยกันบ้างตามประสาเพื่อนรักที่นานๆ จะว่างตรงกันสักที หลังจากเหยี่ยวข่าวประจำก๊วนอันมีนามว่า ‘โดคยองซู’ ได้ประกาศออกมาว่าวงบอยแบนด์สุดโปรดของพวกเขาได้ขึ้นปกนิตยสารเล่มใหม่ ทั้งสามจึงพากันมาที่ร้านหนังสือเพื่อสอยนิตยสารกลับบ้านไปเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นกันตามระเบียบ แม้ว่าทั้งเล่มจะมีวง Exorcist โผล่มาอยู่แค่ห้าหน้ารวมปกก็เถอะ..
ชีวิตติ่ง.. เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องเก็บ!
หลังจากเลือกเล่มที่ถูกใจได้ก็รีบจ่ายเงินแล้วมุ่งหน้าหาร้านอาหารทันที แต่ปัญหาใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาอีก และเป็นปัญหาที่แก้ไม่ค่อยตกเป็นประจำ
“กูอยากกินพิซซ่า” แบคฮยอนเสนอ
“แต่กูเบื่อ เพิ่งกินไปวันก่อน อาหารญี่ปุ่นดีกว่านะ” มินซอกค้าน
“เราว่าอาหารไทยดีกว่าไหม” คยองซูออกความคิดเห็นปิดท้าย
นี่แหละปัญหาใหญ่ แม้ว่าเรื่องติ่งจะเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่พอเรื่องกินทีไรความเห็นไม่เคยจะตรงกันเลยสักที คนหนึ่งอยากอย่าง อีกคนก็อยากอีกอย่าง เคยลองใช้วิธีจับสลากแต่พอจับได้แล้วก็เปลี่ยนอีกอยู่ดี สุดท้ายก็กลายเป็นเดินวนไปวนมาอยู่ในห้างเกือบชั่วโมงกว่าจะเลือกร้านได้
แต่วันนี้!!!! มินซอกตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องเป็นช้างเท้าหน้า(?) ห้ามใครคัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น มินซอกยื่นมือไปจับแขนเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะลากไปด้วยกันอย่างทุลักทุเลท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของแบคฮยอนที่ดูเหมือนจะไม่เคยมีความอับอายใดๆ อยู่บนหนังหน้าเลยแม้แต่น้อย กระทั่งทั้งสามหยุดลงที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์บุฟเฟต์ที่ด้านหน้าแปะโปสเตอร์รูปซูชิเรียงรายอยู่พร้อมตัวหนังสือที่เขียนไว้ว่า ‘กินไม่อั้น ราคาเดิม’
อา... คำว่า ‘กินไม่อั้น’ มันช่างไพเราะเสนาะหัวใจอะไรอย่างนี้
ร้านนี้เป็นร้านชาบูบุฟเฟ่ต์แบบจานหมุนซึ่งมีที่นั่งทั้งแบบบาร์และแบบโต๊ะ แน่นอนว่ามินซอกเลือกนั่งแบบโต๊ะโดยไม่ลังเล แถมยังจับจองที่นั่งด้านในของโต๊ะด้วย เหตุผลนั้นเพื่อนทั้งสองก็รู้ดีกันอยู่
“มินซอกนั่งข้างในอย่างนี้คงไม่คิดจะออกไปเดินหยิบตักอะไรเองเลยอีกสินะ เรากับแบคฮยอนต้องคอยหยิบให้อีกล่ะสิ” คยองซูที่นั่งข้างๆ มินซอกเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน
“แหม่มึงก็ เดี๋ยวกูก็เป็นคนหยิบจานบนสายพานให้ไง เนี่ยกูมือไวจะตาย”
ว่าแล้วก็รีบหยิบของกินที่เรียงรายอยู่บนสายพานด้านข้างมาด้วยวางบนโต๊ะด้วยความชำนาญ
ย้ำ! วางบนโต๊ะ แต่ไม่ได้เอาใส่ในหม้อซุปหรอกนะ
“มึงหยิบมาแล้วพวกกูสองคนก็ต้องทำหน้าที่เอาใส่หม้อ ส่วนมึงก็รอกินอย่างเดียวอีกสินะ”
คนโดนรู้ทันหัวเราะแห้งๆ กลับไปให้เพื่อนทั้งสอง แบคฮยอนแยกเขี้ยวใส่เพื่อนจอมเอาเปรียบหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นไปกดน้ำดื่มสำหรับเขาสามคน ส่วนคยองซูก็จัดแจงคีบของสดในจานที่มินซอกหยิบมาวางไว้ลงในหม้อซุป พอแบคฮยอนเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมถาดน้ำดื่ม ในหม้อซุปก็เต็มไปด้วยอาหารหลากสีสันแล้ว
“เออ มินซอก มึงทำซับรายการที่ Exorcist ไปออกที่จีนเมื่อคืนหรือยังวะ” เสียงแบคฮยอนถามขึ้นเมื่อเริ่มลงมือเปิบกันไปได้พอสมควร
“ยังเลยว่ะ ยังไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำ”
นอกจากมินซอกจะมีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์รายได้ดีแล้ว ยังมีอาชีพเสริมอีกอย่างก็คือการทำซับรายการต่างๆ ที่ Exorcist ไปออกที่จีน เนื่องจากช่วงนี้วงโปรดของพวกเขาเริ่มตีตลาดจีน ทำให้มีรายการเยอะแยะมากมายที่นั่น และแน่นอนว่าการสื่อสารกันในรายการจะใช้ภาษาจีนเสียเป็นส่วนใหญ่ มินซอกซึ่งเคยเรียนภาษาจีนมาจึงรับหน้าที่แปลซับจากจีนเป็นเกาหลีให้บรรดาสหายร่วมติ่งได้ฟินกันถ้วนหน้าอีกด้วย
แม้งานนี้จะไม่ได้เงินเป็นค่าตอบแทน แต่แค่ได้อ่านคอมเม้นในยูทูปมินซอกก็มีความสุขแล้ว
“วันนี้กลับไปทำเลยนะมึง กูอยากดูมาก เหมือนจะคุยกันเรื่องคู่จิ้นหรือไงเนี่ยแหละ”
“ใช่ เราเห็นมีคนแปลบางส่วนลงทวิตเตอร์กับเฟซบุคด้วยนะ ฟินมากเลย” คยองซูหันมาเสริมในขณะที่กำลังคีบเห็ดใส่จานตัวเอง
“จริงดิ กูชักไม่อยากแปลแล้วมึง มันต้องจับลู่หานของกูจิ้นรอบวงอีกแน่เลย”
มินซอกทำหน้าปวดใจกับการจับคู่จิ้นของวงโปรด เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนว่านางฟ้าของเขาจะโดนจับเป็นเคะให้กับอีกสี่คนอยู่ตลอด มินซอกรับไม่ได้อย่างแรงที่ลู่หานของเขาโดนกดขี่(?)ถึงเพียงนี้
นางฟ้าลู่หานต้องเคะให้กูคนเดียวเท่านั้นสิวะ!!
“แปลเถอะมึง กูอยากฟินแบบได้อารมณ์ ไม่มีซับนี่กูเครียด กูไม่เข้าใจ กูว้อนทูคราย” แบคฮยอนส่งสายตาวิงวอนให้เพื่อน ส่วนคยองซูก็หันมาพยักหน้าหงึกๆ เสริมทัพอีกคน
“เออๆ ก็ได้วะ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นกันเลยกูจะอ้วก”
“น้ำซุปแห้งแล้วอ่ะ” คยองซูที่กำลังง่วนอยู่กับการกินบ่นออกมา
“ก็บอกพนักงานมาเติมดิ.. น้องๆ เติมซุปให้หน่อย”
แบคฮยอนบอกก่อนจะหันไปเรียกพนักงานที่กำลังจะเดินผ่านไปพอดี.. ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง ทันทีที่พนักงานหนุ่มคนนั้นหันมาพร้อมรอยยิ้มก็ทำให้มินซอกเกือบจะเงิบกันเลยทีเดียว ก็ในเมื่อพนักงานคนนั้นมาพร้อมยิ้มกวนประสาท แว่นกรอบหนา และหน้าเหี่ยวๆ ของมัน
“ไอ้แว่น!!!!”
มินซอกเผลอหลุดเรียกออกมาตามใจคิดทันที โถชีวิต นี้ก็เพิ่งจะหลบหนีจากมันมาได้ แต่มินซอกหนีไม่พ้นหรือนี่?
“อ้าว พี่แมวเหมียว เจอกันอีกแล้วนะครับ” พนักงานหนุ่มทักทายอย่างยียวนส่งผลให้มินซอกที่กำลังนั่งระงับอารมณ์ยิ่งเดือดปุดๆ
ก็เมื่อเช้าเจ้าเด็กแว่นนี่บังอาจมาเคาะประตูเรียกเขาตั้งแต่หกโมง ไก่ยังไม่โห่เลยด้วยซ้ำ แล้วเหตุผลที่มาเคาะเรียกก็ช่างไร้สาระสิ้นดี
‘พี่แมวเหมียว ผมขอยืมเตารีดหน่อยสิ ของผมพังน่ะ ยังไม่ได้ซื้อใหม่เลย’
อื้อหือ ไม่ทราบว่าคุณมึงมาขยันรีดผ้าอะไรเอาตอนหกโมงเช้าวะครับ คือกูก็ติ่งอยู่เพิ่งจะได้นอนตอนตีสี่กว่าๆ หลังจากสาดสงครามน้ำลายด้วยการด่าปาวๆ (อยู่ฝ่ายเดียว เพราะอีกคนเอาแต่ยิ้มกวนประสาท) อยู่พักใหญ่ มินซอกก็จำใจเดินไปหยิบเตารีดให้จนได้
‘ห้องพี่น่ารักดีนะ บ้าดาราเหรอพี่?’
มันก็ยังไม่วายทิ้งทายด้วยการแอบจิกกัดมินซอกด้วยคำพูดที่แม้จะดูไม่ใช่คำด่าแต่ทำไมมินซอกกลับรู้สึกเจ็บก็ไม่รู้ คงเพราะสายตายียวนกวนส้นของไอ้แว่นนี่ด้วยล่ะมั้ง
ทำไม? กะอีแค่ห้องของเขามีรูปลู่หานขนาดเท่าตัวจริงแปะอยู่บนผนังห้อง รูปโปสเตอร์ขนาดมาตรฐานอีกเกือบสิบแผ่น แล้วก็ของสะสม อาทิเช่น หมอนรูปลู่หาน แท่งไฟ ซีดี และอื่นๆ อีกมายมายวางเรียงรายอยู่ทั่วห้องก็เท่านั้น
มันแปลกเหรอ?
“ได้เตารีดแล้วก็รีบไปดิ ไอ้แว่น คนจะหลับจะนอน” มินซอกปฏิญาณกับตัวเองไว้ตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกว่าจะไม่ญาติดีกับไอ้เด็กหน้าเหี่ยวคนนี้อย่างเด็ดขาด เพราะหมั่นไส้ในความกวนประสาทอันดับหนึ่งในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกของมัน
“ผมชื่อ คิมจงแด ไม่ได้ชื่อแว่นซะหน่อยนะครับพี่แมวเหมียว ง๊าวๆ”
ถุยเถอะ ทีมึงยังไม่เรียกชื่อกูเลย เรื่องอะไรกูต้องเรียกชื่อมึงล่ะไอ้แว่น ก็ได้แต่พูดในใจเพราะความง่วงงุนเข้าครอบงำ ขืนเสวนาต่อด้วยคงได้ยาว ไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี
แต่เดี๋ยวก่อน!!!
ความเกรียนของไอ้แว่นไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น!!!
ตอนที่มินซอกกำลังจะออกจากคอนโดฯ เพื่อมาลั้ลล้ากับเพื่อนรักทั้งสอง ก็ยังเจอไอ้แว่นนี่ก่อกวนอีกรอบด้วยการร้องเพลงเจ้าแมวเหมียวปัญญาอ่อนอยู่หน้าตึก และมินซอกคิดว่ามันคงจะประพันธ์เพลงนี้ขึ้นมาเองด้วย เพราะมันช่างหาสาระอะไรไม่ได้เอาเสียเลย
มินซอกอยากเอาหัวโหม่งโลกจริงๆ
กลับมาที่ปัจจุบัน
แบคฮยอนหันมองหน้าเพื่อนรักทีพนักงานร้านอาหารทีสลับกันไปมาด้วยความงุนงงว่าสองคนนี้รู้จักกันมาแต่ชาติปางไหนหรืออย่างไร ครั้นจะคาดเดาเอาเองก็ดูจะไม่ได้ความจึงเอ่ยปากถามออกมา
“สองคนนี้รู้จักกันเหรอ?”
“ไม่รู้จักเว้ย/รู้จักสิครับ” ตอบออกมาแทบจะพร้อมกัน ใครตอบประโยคไหนก็คงไม่ต้องบอก
แบคฮยอนที่นั่งทำหน้าอย่างกับหมางงก็ยิ่งงงไปกันใหญ่ยกมือขึ้นเกาหนังหัวแบบมึนๆ ในขณะที่คยองซูก็สะกิดแขนพนักงานหนุ่มพลางชี้โบ้ชี้เบ้เป็นเชิงว่าให้เอาซุปมาเติมให้หน่อย ที่ไม่พูดไม่ใช่อะไรนะ..
คยองซูกำลังเมามันกับการเคี้ยวเห็ดออรินจิอันเหนียวหนึบอยู่ในปากนั่นเอง!
คิมจงแดเดินไปหยิบกาน้ำซุปมาเติมให้คยองซูผู้หิวโหยก่อนจะยืนฉีกยิ้มโชว์หนังหน้าเหี่ยวๆ อยู่ข้างโต๊ะ มินซอกเห็นแล้วมันโคตรขัดใจ ขัดลูกตา ขัดแข้งขัดขาไปเสียหมด...เจอที่คอนโดฯ ไม่พอมันยังอุตส่าห์ตามมาระรานกันถึงที่นี่ แล้วดูมันจ้องดิ มินซอกที่กำลังคีบซูชิหน้าแซลมอนเข้าปากถึงกับต้องชะงัก การเปิบอาหารอันเลิศรสของมินซอกถึงกับแกร่วไร้ความอร่อยไปทันทีทันใด
คิดผิดซะแล้วสิที่เลือกกินร้านนี้ ถ้ารู้ว่าไอ้แว่นเหี่ยวนี่ทำงานอยู่ล่ะก็..มินซอกไม่ทางเหยียบเข้ามาที่นี่แน่นอน คอนเฟิร์ม!!!!
“เสร็จแล้วก็ไปดิ ยืนอยู่ทำไม”
“อยากมองลูกแมวกินซูชิ” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มยิงฟันกลับมาเป็นการปิดท้าย
ไม่กวนตีนสักนาทีนี่จะตายไหม? ตอบ!!
เสียงลูกค้ากลุ่มใหญ่เดินเข้าร้านมาทำให้จงแดต้องจำใจผละจากโต๊ะของมินซอกไปอย่างเสียไม่ได้ ถึงใจจริงจะอยากยืนมองเจ้าแมวน้อยน่ารักขู่ฟ่อๆ ไปกินซูชิไปด้วยมากแค่ไหน แต่หน้าที่ของตัวเองก็สำคัญกว่าอยู่ดี
“ผมต้องไปทำงานแล้วสิครับ ไว้จะคอยแอบมองห่างๆ นะ หง่าว” จงแดหัวเราะในลำคอน้อยๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางด้านหน้าร้านที่มีลูกค้ายืนต่อคิวเพิ่มมาอีกไม่น้อย มินซอกถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่พอหันกลับมาเจอสายตาเพื่อนทั้งสองที่มองมาอย่างสงสัยใคร่รู้ก็ถึงกับต้องผงะ
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าสุดหล่อนั่นคือใคร ไปรู้จักกันจากไหน เมื่อไหร่ ยังไง เล่ามาให้หมด ห้ามหมกเม็ด” แบคฮยอนยิงคำถามรัวยาวเป็นจังหวะแรพโย่วสมกับที่เป็นสุดยอดติ่งพันธุ์แท้ของปาร์คชานยอลมือแรพอันดับหนึ่งของจักรวาล
“ช้าๆ ดิทีละคำถาม กูฟังไม่ทัน”
“อย่าลีลา เล่ามา กูรู้ว่ามึงฟังทัน”
“ก็..ก็แค่เพื่อนบ้านใหม่อ่ะ เพิ่งย้ายมาอยู่ห้องตรงข้ามกู กวนตีนมากขอบอก” ตอบเสร็จก็ส่งซูชิที่คีบค้างไว้นานเข้าปากเคี้ยวหงึบหงับ
“เราว่าเขาน่ารักดีออกนะ”
มินซอกหันขวับไปมองคยองซูที่กำลังมองตามไอ้เด็กจงแดอยู่ทันทีทันใด ส่วนแบคฮยอนก็พยักหน้าเห็นด้วยยกใหญ่ เอาเข้าไปสิ ไอ้แว่นเหี่ยวนั่นมันหล่อมันน่ารักตรงไหนวะ มินซอกไม่เข้าใจเพื่อนรักทั้งสองจริงๆ
“ตาถั่วเหรอพวกมึง มองยังไงว่าไอ้เหี่ยวนั่นน่ารัก กูว่ามีดีแค่เรื่องกวนตีนอย่างเดียวล่ะไม่ว่า”
“มึงอคติ”
“ใจแคบ”
“กาก”
“ที่สุดเลย”
เดี๋ยวนะ คือทำไมพวกมึงต้องสลับกันด่ากูเป็นลูกคู่อย่างนี้ด้วยวะ? มินซอกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขัดใจที่เพื่อนๆ ต่างก็ไม่มีใครเข้าข้างเขาเลย วางตะเกียบลงบนจานก่อนจะยกมือขึ้นพยายามขัดขวางเพื่อนทั้งสองที่หัวเราะคิกคักไฮไฟว์กันอย่างสนุกสนาน
“เอาเถอะ ยกยอมันกันเข้าไป เข้าข้างมันกันเข้าไป เดี๋ยวเห็นธาตุแท้ไอ้เด็กบ้านั่นแล้วจะรู้สึก ฮึ” พูดเสร็จก็สะบัดหน้าเมินก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคืบอาหารกินต่อปล่อยให้อีกสองคนยกยิ้มกันอย่างสะใจที่ได้แกล้งเพื่อนตัวเองได้
ผ่านไปสักพักคยองซูและแบคฮยอนก็เลิกล้อเลียนกวนประสาทอีกคน ทั้งสามคนเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่ทานอาหารไปด้วย แต่ประเด็นหลักๆ ที่ถูกหยิบยกมาคุยบ่อยที่สุดก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องวงนักร้องสุดโปรดของทั้งสาม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายการที่วงรักไปร่วมมา
หรือเรื่องท่าเต้นในเพลงใหม่ที่เร้าใจสามหนุ่มเสียเหลือเกิน
และเรื่องยกยอปอปั้นอวยเมนของตัวเองแข่งกันไปมา
ไหนจะเรื่องคู่จิ้นในวงที่มินซอกฟังแล้วปวดหนึบในอกอีก
บ่อยครั้งที่คุยไปคุยมาก็ลามไปออกเรื่องทะลึ่งลามก อย่างเช่นตอนนี้ที่แบคฮยอนขาหื่นประจำแก๊งเปิดประเด็นด้วยการยื่นไอแพดเครื่องงามเข้ามากลางวงสนทนา หน้าจอไอแพดปรากฏรูปเมนรักของตนซึ่งก็คือปาร์คชานยอล หรือที่มินซอกเรียกอยู่เสมอว่า ‘ไอ้พี่ปาร์ค’ นั่นเอง
มินซอกเกือบจะไม่สนใจเมื่อเห็นว่าไม่ใช่นางฟ้าลู่หานสุดมุ้งมิ้ง(?)ของเขา แต่ติดที่ว่าสายตาไปสะดุดเข้ากับบางอย่างที่มันตุงๆ ออกมาจากกางเกงของคนในรูปที่เพื่อนตัวดีใจดียกนิ้วขึ้นมาถ่างจอเพื่อซูมให้เห็นกันชัดๆ เต็มตา
พรืดดดดดด
แทบจะยกมือปิดปากระงับปลาหมึกที่เพิ่งยัดเข้าปากไปไม่ทัน.. มันจะอื้อหืออ้าหาอะไรขนาดนั้น!!
“ไอ้แบคฮยอน มึงเอาเหี้ยไรมาให้ดูเนี่ย” ว่าพลางส่งมือตัวเองไปฟาดลงบนไหล่คยองซูไม่ยั้ง
“ว่าแบคฮยอนแต่ตีไหล่เรานี่มันใช่เรื่องไหมมินซอก”
“ก็กูตีมันไม่ถึงอ่ะ” ขมุบขมิบปากตัวเองน้อยๆ บ่นคยองซูที่หันไปสนใจกับการกินอีกครั้ง
เห็นมันตัวเล็กๆ แค่นี้ แต่เรื่องกินขอให้บอก... ไม่ยั้งเลยนะครับ! ไม่รู้ว่าเอาไปยัดไว้ตรงไหนของกระเพาะอาหาร ส่วนแบคฮยอนก็หัวเราะคิกคักพลางจดๆ จ้องๆ รูปเป้าไอ้พี่ปาร์คต่อไปอย่างมีความสุขจนมินซอกรู้สึกหมั่นไส้อยู่ไม่น้อย
“ถุย ไอ้หื่น!!”
“ทำเป็นว่ากู ถ้าเป็นรูปนางฟ้าลู่ของมึงบ้างล่ะ มึงก็ต้องหื่นแบบกูนี่แหละ ถุยๆๆ”
เห็นมินซอกมาดแมนแสนเถื่อน(?)แบบนี้ บอกไว้เลยว่าใสๆ ไร้มลพิษนะ!! เรื่องห่งเรื่องหื่นนี่พับเก็บเข้ากรุไปไกลๆ เลย มินซอกบริสุทธิ์ใจกับนางฟ้าของเขาสุดๆ ไม่เค๊ย ไม่เคยหรอกที่จะคิดอกุศลกลกามแบบแบคฮยอนน่ะ
“นางฟ้ากูเป็นผู้ดี กุลสตรีเกาหลีเว้ย ไม่มานั่งถ่างขาโชว์เป้าเหมือนพี่ปาร์คมึงหรอก”
“ของนางฟ้ามึงเล็กไม่มีให้โชว์น่ะสิ โถๆ”
มินซอกอยากจะสวนกลับไปเหลือเกินที่กล้าดูถูกนางฟ้าของเขาถึงเพียงนี้ เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะยอมกันได้ง่ายๆ มันหยามศักดิ์ศรีกันสุดๆ ว่าของมินซอกเสื่อมสมรรถภาพยังเจ็บน้อยกว่ามาดูถูกลูหานของเขาแบบนี้เลยนะ แต่เพื่อนที่นั่งกินอยู่เงียบๆ ก็ส่งสายตาปรามมาให้และบอกว่าให้อายคนหน่อย เราทั้งคู่ถึงได้หยุดสงครามกันไว้ชั่วคราว
หลังจากที่กินกันจนอิ่มแปล้พุงโย้แล้วตบด้วยขนมหวานและไอศกรีมปิดท้ายเสร็จสรรพทั้งสามก็รวบรวมเงินกันและลงมติให้มินซอกเป็นคนไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ส่วนทั้งสองก็ขอตัวไปห้องน้ำก่อน และราวกับวันนี้เป็นวันซวยของมินซอกอย่างแท้จริง เพราะคนที่รับหน้าที่แคชเชียร์อยู่ตอนนี้ดันเป็นไอ้เด็กแว่นกวนประสาทเนี่ยสิ อยากจะวิ่งไปรั้งเพื่อนทั้งสองไว้ให้มาจ่ายเงินแทนเสียเหลือเกิน แต่ทั้งสองคนก็เดินหายลับตาไปแล้ว จึงจำใจวางบิลพร้อมกับเงินลงตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์พลางมองหน้าอีกคนที่ส่งยิ้มกวนประสาทมาพร้อมกับหนังหน้าที่มินซอกปักใจคิดว่ามันเหี่ยวเหลือเกินทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วออกจะเนียนใสไร้สิวและริ้วรอยใดๆ เสียด้วยซ้ำไป
ก็คนมันไม่ชอบอ่ะ ไม่ชอบ!! จะให้คิดดีด้วยก็คงยาก!!!
จงแดยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าอีกคนหันหนีไปทางอื่นในระหว่างที่กำลังรอรับเงินทอนอยู่ ใบหน้ากลมๆ ของมินซอกที่ดูราวกับขัดใจช่างเป็นภาพที่น่ามองในสายตาเขา แต่ถ้าให้ดีขอมองใบหน้ายิ้มแย้มแบบตอนกำลังกินอาหารอยู่ในร้านเมื้อกี้ยังดีกว่า ถึงจงแดจะทำงานอยู่แต่สายตาก็อดที่จะมองไปยังโต๊ะที่เพื่อนบ้านตัวเล็กของเขานั่งอยู่กับเพื่อนไม่ได้
คนอะไรกินได้น่ารักน่าชังจริงๆ
“มองอะไร เมื่อไหร่จะเสร็จเนี่ย”
เมื่อมินซอกเห็นว่าคนที่ตนยกให้เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งในขณะนี้กำลังจ้องมองพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็ยิ่งไม่ชอบใจ หน้าเขามีอะไรตลกเหรอถึงได้ยิ้มแบบนั้น
“เสร็จแล้วครับ พี่แมวเหมียว”
“กูไม่ได้ชื่อแมวเหมียว”
“ครับๆ พี่เหมียวมินซอก นี่ครับเงินทอน”
มันยังไม่เลิกเรียกเขาเป็นแมวอยู่ดี มินซอกขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงเลยทำเป็นไม่ใส่ใจ มือเล็กหยิบธนบัตรในถาดใส่เงินทอนมาเก็บลงกระเป๋าเงิน ส่วนเศษเหรียญก็ปล่อยไว้ในถาดอย่างนั้น
“นี่ให้เป็นทิปนะ เผื่อมึงจะได้เอาไปทำโบท็อกซ์ให้หน้าหายเหี่ยว” ว่าจบก็ยักคิ้วกวนๆ ตบท้ายไปหนึ่งทีแล้วหันหลังทำท่าจะเดินออกจากร้าน แต่เสียงที่ลอยตามมาก็แทบทำให้มินซอกกลายร่างเป็นระเบิดนิวเคลียร์ยิงลงกลางกบาลไอ้แว่นกวนประสาท
“พี่น่าจะเก็บเงินนี่ไว้ไปเข้าฟิตเนสนะครับ กินเยอะซะขนาดนั้นคง ’อ้วน’ แย่เลย”
ถ้าไม่เน้นคำนั้นก็คงไม่เจ็บจี๊ดขนาดนี้... ไอ้เด็กเหี่ยว!!!!
_____________________________
@salynnxan #ฟิคแมวติ่ง
ความคิดเห็น