คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บท ๐๗ . ปฏิเสธ
7
ปฏิเสธ
เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ เรื่องปวดหัวต่างๆ นาๆ มันรุมเร้าเหลือเกิน เรื่องลู่หานยังคิดไม่ตก ก็มีเรื่องพี่คริสเข้ามาอีก เหนื่อยจริงๆ เหนื่อยเหลือเกิน โลกใบนี้จะมีความรักไปทำไม ไหนใครบอกว่ารักคือความสุข แต่ทำไมที่ผมเจออยู่นี่มันตรงข้ามกันเลย
ผมอยากจะหยุดคิดเรื่องพวกนี้แต่ก็ทำไม่ได้ แบคฮยอนชวนผมออกมาดูหนัง ผมไม่อยากมาซักเท่าไหร่หรอกนะ แต่เห็นว่าเราสองคนไม่ได้เที่ยวด้วยกันนานแล้ว ก็เลยยอมออกมา
“เราไม่ได้ออกมาดูหนังด้วยกันอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย มินซอก” แบคฮยอนถามขึ้นลอยๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจคำตอบ ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มเล็กๆ ไปให้
เราสองคนยืนเลือกหนังอยู่พักใหญ่ๆ เพราะเถียงกันว่าจะดูเรื่องอะไรดี สุดท้ายผมขี้เกียจให้มันมากความ เลยปล่อยให้แบคฮยอนเป็นคนเลือก
ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนักกับเรื่องหนัง เรื่องอะไรผมก็ดูได้หมด เลยนั่งรอที่ม้าหน้าโรงหนัง ส่วนแบคฮยอนก็ไปซื้อตั๋ว วันนี้คนเยอะจังแฮะ ดูวุ่นวายๆ ไม่ชอบเอาซะเลย ผมนั่งมองอะไรเพลินๆ มองคนเดินผ่านไปผ่านมาสักพัก แบคฮยอนก็เดินกลับมาพร้อมตั๋วหนังในมือสองใบ
“หนังรักนะแก” แบคฮยอนชูตั๋วหนังโบกไปมา
“ก็กะไว้อยู่แล้ว ว่านายต้องเลือกหนังรัก เอาเหอะ โรงไหนล่ะ”
“โรงสี่ อีกสิบนาที ฉันขอไปซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นก่อนนะ”
“อืม งั้นเดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน”
ผมแยกกับแบคฮยอน แล้วเดินตรงไปห้องน้ำ ต้องเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวเกิดปวดฉี่ตอนกำลังดูหนัง จะเสียอรรถรสกันพอดี
ผมกำลังเดินเลี้ยวมุมเพื่อออกจากโซนห้องน้ำหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ แต่ดันมีคนเดินมาชนผมจนเซถอยหลังไปกระแทกกับมุมผนังเข้า โอ้ย ใครเนี่ย เจ็บชะมัด ผมถอยหลังออกมา พลางลูบหัวทุย ของตัวเองอย่างเจ็บปวด หัวเริ่มปูดขึ้นมาแล้ว อ้าก ผมเงยขึ้นไปดูหน้าคนที่บังอาจมาทำผมเจ็บ
ผู้หญิงน่าตาน่ารัก ตาโตๆ กำลังมองผมด้วยสีหน้าที่ดูตกใจ
“เอ่อ ขอโทษจริงๆ ค่ะ เจ็บมากไหมค่ะ คือฉัน..”
“ไม่เป็นไรหรอก ช่างมันเถอะ ผมไม่ระวังเอง” ผมโบกมือให้เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร หน้าตาแบบนี้ โกรธไม่ลงจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นยกมือขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ ผมกลัวจะเลยเถิดถึงขั้นลงไปนั่งกราบขอขมา เลยรีบเดินออกมา
“เฮ้อ อะไรวะเนี่ย ซวยจริงๆ” ผมลูบหน้าผากที่ปูดขึ้นมาเบาๆ แล้วเริ่มบ่น ก่อนที่จะดึงผมหน้าม้าลงมาปิดหัวโนๆ อันน่าเกลียดไว้ ระหว่างนั้นที่สายตาผมก็ไปประสานกับดวงตาอีกคู่
น่าตกใจจริงๆ ‘ลู่หาน’ มาอยู่นี่ได้ยังไง
จะว่าดีใจก็ดีใจ เพราะไม่ได้เจอมานาน แต่เพราะผมยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้เลยไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ทำไมต้องมาเจอตอนนี้ด้วยเนี่ย ไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้ว ลู่หานยังมองมาที่ผม ผมที่กำลังหลบตาเขา อะไรกันนักหนาเนี่ย วันนี้มันวันบ้าอะไร
“หวัดดี มินซอก” เขาทักผมแล้ว ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจว่าจะเดินผ่านไปเฉยๆ แท้ๆ
“อะ อือ หวัดดี”
“มาดูหนังหรอ”
“อืม มากับแบคฮยอนน่ะ”
“แบคฮยอนหรอ ผิดคาดแฮะ นึกว่าจะมาดูกับแฟนซะอีก” โอ้ย ให้ตายสิ ทำไมตอนพูดต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองแย่ยังไงไม่รู้ที่ไปมีแฟน ถึงจะไม่ใช่แฟนจริงๆ ก็เถอะ แต่ลู่หานเขาคิดงั้นนี่
“ฉันก็อยากเที่ยวกับเพื่อนบ้างสิ จะให้ตัวติดกันตลอดได้ไง ถึงจะรักกันแค่ไหน ก็ต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง”
นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย ไม่อยากเชี่อเลย ผมเริ่มรู้สึกรังเกียจตัวเองแล้ว พูดออกไปได้ไงว่ารักกัน ทั้งๆ ที่ตั้งแต่วันนั้นมาก็ยังไม่ได้เจอหน้าพี่คริสเลยด้วยซ้ำ
“นั่นสินะ แล้วนาย..สบายดีใช่ไหม ”
“นายคิดว่าไงล่ะ” ผมยักไหล่ถามกลับไป ทำตัวเหมือนตัวเองสบายดี ทั้งกายและ หัวใจ แม้ว่ามันไม่ใช่เลยก็ตาม
“ก็ดูสบายดี ดีแล้วล่ะ ที่นายสบายดี ฉันจะได้ไม่รู้สึก...ผิด ที่ทำให้นาย...”
“ลู่หาน เราเสร็จแล้ว ไปเถอะ”
ลู่หานยังพูดไม่จบ ก็มีเสียงขัดขึ้นมาก่อน ผมหันไปดูต้นเสียง ก่อนจะต้องแปลกใจที่ต้นเสียงนั้นคือผู้หญิงตาโตๆ ที่เพิ่งเดินมาชนผมเมื่อกี้ นี่รู้จักกันหรอ
“อ้าวคุณ เมื่อกี้ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ” ตอนแรกก็ทำหน้าแปลกใจ ตอนนี้ทำหน้ารู้สึกผิดซะแล้ว
“มีอะไรกันหรอ ขอโทษเรื่องอะไร” ลู่หานถาม
“อ้อ เมื่อกี้ตอนเข้าห้องน้ำ เราเดินไปไปชนเค้าน่ะ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
ลู่หานตาโตทันทีที่ได้ยิน
“นาย เป็นอะไรมากไหม ไหนดูหน่อย”
ผมถอยหลังหนีลู่หานที่พยายามจะเข้ามาดูผม สีหน้าเขาดูตกใจที่ผมทำแบบนั้น แต่แล้วเขาก็กลับมาเป็นปกติ สายตานิ่งๆ
“ฉันลืมไปว่าฉันไม่มีสิทธิ์ ขอโทษแล้วกัน แค่ห่วงนายมากไปหน่อย”
“อืม ช่างเถอะ ขอบใจแล้วกัน แต่ฉันดูแลตัวเองได้”
“นี่สองคนรู้จักกันหรอ” เสียงหวานๆ ของยัยตาโตดังขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม เพื่อน..เก่าน่ะ”
ผู้หญิงที่มากับลู่หานที่พอรู้ว่าผมกับลู่หานเป็นเพื่อนกันก็ออกปากชวนผมทานข้าวด้วย และแน่นอนว่าผมต้องปฏิเสธ หนึ่งคือเพราะหนังที่ผมจะดูกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่นาที สอง... ผมไม่อยากเจอหน้าลู่หานสักเท่าไหร่นักในเวลาอย่างนี้
ตลอดเวลาในโรงหนังนั้น ผมยอมรับแต่โดยดีเลยว่าเนื้อหาของหนังไม่ได้เข้าในหัวของผมเลย สิ่งที่ผมคิดวนเวียนอยู่มีเพียงเรื่องของลู่หาน
ลู่หานจะรู้สึกยังไง..
ผู้หญิงที่มาด้วยเป็นใคร และอยู่ในฐานะอะไร..
และอีกหลายคำถามที่ผุดขึ้นมามากมายเสียจนผมแทบประสาทกิน
ดูเหมือนแบคฮยอนเองก็พอจะรู้ว่าตอนนี้จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงหันมาคอยสะกิดผมเป็นระยะๆ ทำให้ผมต้องหันกลับไปสนใจภาพในจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่บ้างเป็นครั้งคราว แต่เพียงไม่นานในหัวของผมก็มีภาพลู่หานกับผู้หญิงคนนั้นแทรกเข้ามาแทนที่อีกอยู่ดี
ลู่หาน... ฉันต้องทำยังไงดี
หลังจากดูหนังจบ แบคฮยอนก็พร่ำเพ้อถึงตัวละครในหนังตลอดช่วงเวลาที่เดินทางกลับบ้าน ในขณะที่ผมก็ยังคิดเรื่องเดิมๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปพยักหน้าเออออกับเพื่อนร่างเล็กเป็นครั้งคราว
และสิ่งที่ผมทำพลาดอีกเรื่องนอกจากเรื่องที่เลือกเดินไปเข้าห้องน้ำนั้นแล้ว ก็คงเป็นเรื่องที่ผมตกปากรับคำมาทานมื้อเย็นที่บ้านแบคฮยอนนี่แหละ
ผมลืมไปสนิทเลยว่าบ้านหลังนี้ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ผมอยากหลบหน้าที่สุดอยู่ด้วย
พี่คริส..
ผมมองตามแผ่นหลังกว้างของพี่คริสที่เดินออกมาเปิดประตูรับ สายตาที่ปะทะกันในวินาทีแรกที่ประตูเปิดออกทำให้ผมใจกระตุกเบาๆ ก่อนที่พี่คริสจะหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เพราะคุณนายพยอนยังเตรียมอาหารเย็นไม่เสร็จจึงต้องนั่งรอกันอีกพักใหญ่ๆ ผมจึงตัดสินใจขึ้นไปนั่งรอบนห้องของแบคฮยอนแทน
“โหย มินซอก จะขึ้นาอุดอู้บนห้องฉันทำไมเนี่ย ลงไปนั่งเล่นเกมข้างล่างกันเถอะนะ”
เสียงโอดครวญของเพื่อนรักดังขึ้นมาหลังจากนั่งอยู่ในห้องไปแค่ 5 นาที แบคฮยอนยังไม่รู้เรื่องที่พี่คริสสารภาพรักกับผมในวันนั้น จึงไม่แปลกที่จะไม่รู้ว่าทำไมผมหนีขึ้นมาอยู่บนห้องแทนที่จะนั่งเล่นเกมอยู่ข้างล่างอย่างที่เคยทำ เพราะคนที่ผมไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากลู่หานก็คือพี่คริสที่กำลังนั่งดูข่าวโทรทัศน์อยู่ข้างล่างนี่แหละ
“ก็อยากนอนอ่ะ วันนี้ดูหนังที่นั่งไม่สบายเลย ปวดหลังไปหมดแล้วเนี่ย”
“หรอวะ ฉันว่ามันสบายออก นุ๊มนุ่ม”
“ก็เพราะมันนุ่มเกินไปไง มันเลยปวด” ผมพยายามหาข้ออ้างแถไปเรื่อยในขณะที่แบคฮยอนทำหน้าหมางงใส่ผม ก่อนจะยอมเออออห่อหมกตาม
“เออๆ งั้นนอนไปดิ เดี๋ยวฉันไปตามพี่คริสมานวดให้ พี่คริสนี่มือหนึ่งเลยนะ”
“เฮ้ย! ไม่ต้อง!” ผมที่เพิ่งจะทิ้งตัวลงบนเตียงสีฟ้าอ่อนถึงกับรีบผุดลุกขึ้นรั้งแขนเรียวๆ ของเพื่อนรักไว้ไม่ทัน
ดันใจดีจะไปตามมาให้เจออีกทั้งที่พยายามหลบหน้าแทบตาย มันจะมาห่วงผมอะไรตอนนี้วะเนี่ย ปล่อยผมนอนหงายเงิบเงียบๆ คนเดี๋ยวก็พอแล้วมั้ง
“อ้าว ก็เห็นว่าปวด พี่คริสนวดเก่งจริงๆ เมื่อวานก็นวดให้ป๊า ป๊ายังชมเลย นายนอนรอไปเหอะ เดี๋ยวมา”
ว่าแล้วมันก็วิ่งออกจากห้องไป ไม่ได้หันกลับมาดูหน้าเพื่อนเลยว่าหน้าแห้งขนาดไหน เอาไงดีล่ะ หรือควรตามลงไปข้างล่างเลยดี อย่างน้อยก็ยังมีคุณน้าอยู่ด้วยมันจะได้ไม่อึดอัดมากเกินไป แต่เดี๋ยวนะ ถ้าเกิดพี่คริสบ้าบิ่นพูดอะไรแปลกๆ ออกมาต่อหน้าคนอื่นล่ะ?
โอ้ยปวดหัว!!!
ผมเดินไปเดินมาอยู่ในห้องแบคฮยอนอยู่นาน เข้าใจเลยว่าทำไมในละครเวลาตัวละครมีเรื่องกลุ้มใจถึงชอบเดินไปเดินมากัน ก็เพราะว่าคนมันกระวนกระวายใจ คิดไม่ตกเนี่ยแหละ ก็เลยอยู่นิ่งๆ ไม่ได้
ยังไม่ทันได้คิดอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้าไปนะ”
ไม่ทันได้เอ่ยอนุญาตประตูห้องก็ถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าของเสียงทุ้ม ผมมองเลยไปข้างหลังพี่คริสเพื่อหาเพื่อนรัก และดูเหมือนพี่คริสจะรู้ทันถึงได้พูดดักออกมาเสียก่อน
“ถ้ามองหาแบคฮยอนล่ะก็ ตอนนี้เข้าไปช่วยแม่อยู่ในครัวน่ะ”
“เหรอครับ”
“เห็นแบคฮยอนบอกว่าเราปวดหลัง มาสิ เดี๋ยวพี่นวดให้”
!!!
รู้สึกเหมือนสรรพนามมันเปลี่ยนไปหรือเปล่านะ ฟังดูละมุนเหลือเกิน ไหนจะเสียงทุ้มน่าฟังนั่นอีก พี่ต้องการอะไรครับพี่คริส ผมก้าวถอยหลังเมื่อเห็นว่าร่างสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ ใบหน้านิ่งๆ แต่แววตากลับดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ผมพยายามสุดๆ ที่จะเบือนหน้าหนีจากดวงตาคมคู่นั้น
“พี่ไม่ต้องนวดหรอกครับ ผมไม่เป็นอะไร”
“แต่แบคฮยอนบอก..”
“จริงๆ ครับ ผมไม่ได้เป็นไรเลย เนี่ยสบายมาก”
ผมยืดแข้งยืดขาบิดเอวไปมาเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แอบขำตัวเองอยู่ในใจที่ทำตัวเต้นแร้งเต้นกาอยู่อย่างนี้ ไม่อยากจะนึกสภาพ
“ผมว่าผมลงไปช่วยข้างล่างด้วยดีกว่า”
ผมเดินอ้อมร่างสูงของพี่คริสไป ยื่นมือไปจับลูบิดประตูเตรียมจะบิด แต่ก็มีมือหนาของอีกคนมาจับทับมือบนลูกบิดผมไว้เสียก่อน ผมแข็งทื่อไปชั่ววินาทีก่อนจะพยายามชักมือออกจากการเกาะกุมนั้น แต่ก็ดูจะไร้ผล เพราะอีกคนแรงเยอะกว่าเป็นไหนๆ
“มินซอก..”
“...”
“เรื่องที่พี่พูดวันนั้น..”
“...”
“...ได้เก็บไปคิดบ้างมั้ย?”
ความเงียบปกคลุมเราสองคน ผมไม่ได้พูดอะไร และพี่คริสก็เงียบเพื่อรอคำตอบ คิดสิ ทำไมจะไม่คิด ถ้าไม่คิดคงไม่หลบหน้า คงไม่ต้องเป็นอยู่อย่างนี้หรอก.. แต่คิดในความหมายของผมกับของพี่คริส มันไม่ใช่อย่างเดียวกันน่ะสิ
“พี่หมายถึงคิดแบบไหนล่ะ”
“..หืม?”
“ถ้าคิด.. ในความหมายของพี่คือ คิดที่จะตกลงปลงใจอะไรทำนองนั้นกับพี่ล่ะก็..” ผมเว้นช่วงนิดนึงก่อนจะเสริมต่อไปอีก
“ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย”
“...”
“แต่ถ้าคิดว่าจะบอกปฏิเสธพี่ด้วยวิธีไหน หรือหลบหน้าพี่ยังไง.. ผมคิดตลอดล่ะ”
ผมเห็นแววตาวูบไหวจากคนตรงหน้า เห็นใจก็เห็นใจนะ แต่ผมว่าบางทีพี่เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับผมลึกซึ้งจริงจังขนาดนั้น และมันจะเป็นการดีกว่าถ้าผมเลือกที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ว่าความรู้สึกของเขาจะจริงหรือไม่จริง ผมก็ต้องปฏิเสธเท่านั้น
“คงไม่เสียใจนะครับ เพราะผมว่าพี่ไม่ได้จริงจังกับผมขนาดนั้นหรอก..ใช่มั้ยครับ?”
TBC.
แซน “เห่ยยยย นี่แต่งอะไรไป? พี่หมินแม่งไม่เอาใครเลยยยยยยยยยย แต่....อย่าเพิ่งเกลียดพี่หมินนะ ถ้าจะเกลียดก็เกลีดเค้าเถอะ #ห๊ะ พี่จะยึดคอมอ่ะเลยต้องเร่งปั่น สั้นไปโหน่ย #ก็สั้นทุกตอน #โทดๆ ไว้จะพยายามมาอัพตอนต่อไปเร็วๆ นะเออ ยังดราม่ากันอีกนานนนน ฮา......... ปล. แอบเปลี่ยนชื่อตอน 55555 ”
ทวงฟิค @salynnxan #พี่หมินใจแข็ง
ความคิดเห็น