ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ((( exo . lumin . complicated )))

    ลำดับตอนที่ #1 : บท ๐๑ . เพื่อนรักและคนรัก

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 57


    1

    เพื่อนรักและคนรัก

     

     

    เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เขาย้ายมาอยู่ใกล้บ้านผมตั้งแต่เราอายุเจ็ดขวบ ผมมักจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านเขาบ่อยๆ ในขณะที่เขาก็ชอบมาขลุกอยู่ที่บ้านผมเป็นประจำ เพราะอย่างนั้นเราถึงได้สนิทกัน..

    ...มากเสียจนไม่อยากแยกจากกัน..

     

              ไอ้มินซอก ฉันรักนายว่ะ ฮ่าๆๆ

                เอ๋?? อะไรของนายเนี่ย พูดแบบนี้แล้วหัวเราะ หมายความว่าไงกัน

                ฉันแค่คิดว่า..ในเมื่อเราสนิทกันมากขนาดนี้ ทำไมเราไม่เป็นแฟนกันไปเลยนะ

                พูดอะไรวะ ตลกแล้ว

                เฮ้ย! ฉันพูดจริง เราสองคนมาคบกันเถอะ

                ...

                ไม่ต้องคิดมากน่า นายไม่มีใคร ฉันก็ไม่มีใคร คบกันไปจะได้ไม่ต้องอายชาวบ้านที่เกิดมาตั้งเกือบยี่สิบปี แต่ไม่ยักกะมีแฟนสักคน

                ..นี่นาย แค่อยากจะทำให้ชาวบ้านรู้ว่านายมีแฟน แค่เนี๊ยะ?’

                ใช่แล้ว ถูกเผง นายตกลงนะ โอเค เราเป็นเดอะเลิฟเวอร์กันแล้วนะ

                ..เอ๊ะ! เฮ้ย! ไอ้ลู่!! ลู่หานเว้ย!!! เวรกรรม ไปซะแล้ว....

     

    นั่นคือบทสนทนาของเราสองคน...ผมกับลู่หาน จากวันนั้นจนถึงวันนี้เราก็เป็นแฟนกันมาเกือบปีแล้วล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทุกอย่างมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เราเป็นเพื่อนกันเลย  นอกเสียจากเรื่องที่ลู่หานไปบอกใครต่อใครว่าเราเป็นแฟนกัน แต่เวลาเราอยู่ด้วยกัน เราก็แค่เพื่อนกัน..เหมือนเดิม

              ..เราเป็นเพื่อนกัน..แต่เราก็เป็นแฟนกันด้วย ตลกไหมล่ะ?

              ผมอยากจะบ้ากับความคิดของลู่หานเหลือเกิน

     

    / / /

     

              ตอนนี้เราทั้งสองกำลังจะขึ้นปีสอง ใช่ครับ..เราเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ผมและลู่หานตัดสินใจย้ายเข้ามาเรียนที่เมืองหลวงของเกาหลีใต้อย่าง โซลด้วยกันหลังจากที่จบมัธยมปลายที่ปูซาน แต่เราไม่ได้เรียนที่เดียวกันหรอกนะ ลู่หานน่ะหัวดีจะตาย ไม่แปลกเลยที่เขาจะสอบเข้าบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเกาหลีได้ แถมยังเรียนโปรแกรมนานาชาติอีกต่างหาก ส่วนผมน่ะเหรอ..ผมเรียนคณะไอที(เทคโนโลยีสารสนเทศ) ของมหาวิทยาลัยเอกชนน่ะ ผมไม่ได้รวยหรอกนะที่เรียนเอกชนได้นั่นก็เพราะแค่บังเอิญสอบเป็นนักศึกษาทุนได้เลยสบายหน่อย เรียนฟรี ดีใช่ไหมล่ะครับ?

              ช่วงปิดเทอมใหญ่ นักศึกษาหลายคนก็ลงเรียนภาคฤดูร้อนกัน คงอยากจบเร็วๆ หรือไม่ก็เรียนซ้ำ รีเกรดอะไรทำนองนั้น ส่วนผม..ก็อย่างที่บอก นักศึกษาทุนอย่างผมต้องเรียนตามหลักสูตร เลยไม่มีสิทธิ์ไปลงเรียนเพิ่มอะไรกับใครเขาหรอก แต่แทนที่ผมจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัวที่ปูซาน ผมกลับต้องมานั่งซีร็อกซ์งาน แล้วก็พิมพ์เอกสารก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่ที่ฝ่ายทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยเสียได้

              ปิดเทอมใหญ่ครั้งแรกของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย..ช่างน่าเปรมปรีด์เสียเหลือเกิน

              หนึ่งปีที่เราแยกกันเรียน จากที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก เราทั้งคู่ยังคงเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่ลู่หานมีเพื่อนมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็จะมีคนรายล้อมเขาอยู่เสมอ

    แน่ล่ะ เขานิสัยดี อัธยาศัยดี ในขณะที่ผมเหมือนเป็นอากาศธาตุในสังคม ไม่ค่อยมีใครสนใจผมหรอก ผมมีเพื่อนแค่คนเดียว คนเดียวจริงๆ นะ ถ้าไม่รวมลู่หานน่ะ

    แบคฮยอนเพื่อนคนเดียวในมหาวิทยาลัยของผม ฟังดูน่าเศร้าจริงๆ

              ตอนนี้ผมทำงานเสร็จแล้วและผมกำลังรอลู่หานที่บอกว่าจะมารับกลับบ้านอยู่ เนื่องจากบ้านของผมกับลู่หานอยู่ใกล้กันจึงไม่แปลกเลยที่ผมจะติสอยห้อยตามเขากลับด้วยเสมอ ผมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ในโซลที่พ่อซื้อทิ้งไว้นานแล้วซึ่งมันก็อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควร ส่วนลู่หานก็เลือกอยู่คอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่นัก และแน่นอนว่าเขามีรถ เขาถึงมารับผมไง

              เฮ้ย! มินซอกขึ้นมาเร็ว ฝนจะตกแล้วนะ รีบกลับเถอะ

              ลู่หานเรียกผมทันทีที่มาถึง ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มแล้วทั้งๆ ที่ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็น ซึ่งทำให้สรุปได้อย่างแน่นอนว่าฝนกำลังจะตกจริงๆ ผมรีบวิ่งขึ้นรถหลังจากที่ลู่หานเริ่มตะโกนเรียกอีกครั้ง

              มินซอก ที่บ้านมีไรกินบ้างวะ ฉันโครตหิวเลยว่ะ ลู่หานถามผม

              ผมแอบขำกับท่าทางโอดครวญนั่น เมื่อกี้เหมือนผมจะได้ยินเสียงท้องของลู่หานร้องนะ คงหิวจริงๆ

              ไม่มีว่ะ ของในตู้เย็นก็หมดแล้ว ฉันกะจะให้นายพาไปซื้ออยู่พอดี

              งั้นเดี๋ยวแวะหาไรกินแถวๆ นี้ก่อนแล้วค่อยไปซื้อเสบียงก็แล้วกัน มื้อเย็นไม่ต้องทำแล้ว

              ยังไงก็ได้นะ แต่จริงๆ วันนี้ฉันอยากกินข้าวผัดรวมมิตรฝีมือนายว่ะ แต่ช่างเถอะ วันหลังก็ได้

              ลู่หานหันมายิ้ม แล้วต่อยไหล่ผมเบาๆ ตามประสาเพื่อน หลังจากขับรถต่อไปได้ประมาณห้านาทีลู่หานก็หักรถเลี้ยวเข้าร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่ง ซึ่งผมจำได้ว่าที่นี่อาหารอร่อยมาก ลาภปากอีกแล้วสิ

              เราเลือกที่นั่งริมหน้าต่างซึ่งมองเห็นสวนหย่อมเล็กๆ ตรงหน้าร้านได้ ผมมองเม็ดฝนที่เริ่มตกลงมาทีละนิดๆ จนในที่สุดก็หนักขึ้นจนเสียงดังอทบจะกลบเสียงเพลงที่เปิดคลอเพื่อสร้างบรรยากาศในร้าน

    ผมปล่อยให้ลู่หานสั่งอาหารไป ลู่หานรู้ว่าผมชอบอะไร เขามักจะสั่งแต่ของที่ถูกใจผมเสมอ และระหว่างที่รออาหารผมก็เริ่มสังเกตุเห็นว่าวันนี้เขาแต่งตัวดีเป็พิเศษแถมยังดูอารมณ์ดีด้วย ร่าเริงจริงเกินไปทั้งที่ปกติจะทำหน้าเหมือนอึนๆ มึนๆ อยู่ตลอดเวลา

              วันนี้ไปไหนมาอ่ะ แต่งตัวซะดูดีเชียว นายเนี่ยน้าไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย

              ไปดูหนังกับเพื่อนมาอ่ะดิ ไอ้ชานยอลไง วันนี้มันพาสาวๆ มาเพียบเลย เจ๋งสุดๆ

              นี่ เลิกยิ้มร่าทำหน้าเหมือนถูกล็อตเตอร์รี่ซะทีเถอะ ทุเรศลูกตาว่ะ แล้วยังไง ติดใจใครคนไหนอีกเนี่ย อย่านะเว้ย ฉันเป็นแฟนนายนะ นายจะทิ้งฉันแล้วหรอ

              จ้าๆ พ่อคนงาม ฉันไม่ทิ้งนายหรอก แฟนสุดที่รัก

              ลู่หานพูดติดตลกแล้วทำหน้าตาทะเล้นเหมือนว่าไม่ได้คิดอะไร ซึ่งผมเองก็เช่นเดียวกัน เราสองคนมักจะพูดอะไรทำนองนี้กันบ่อยๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วเราก็ไมได้คิดอะไรอย่างที่พูดเลย

              นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทกันอยู่ไม่นาน อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ผมกับลู่หานไม่รอช้า รีบจัดการอาหารตรงหน้าทันที ผมหัวเราะกับท่าทางของลู่หานที่กินราวกับไปตายอดตายอยากมาหลายวัน ลู่หานเลยเอาตะเกียบมาเคาะหัวผม แล้วอย่างผมมีหรือจะไม่โต้ตอบ

              สุดท้ายมื้อเย็นของเราก็กลายเป็นสงครามตะเกียบขนาดย่อมไปจนได้..

    หลังจากรบรา(?)กันเสร็จ เราก็ลงมือกินกันจนอิ่ม แถมตบท้ายด้วยการสั่งไอศกรีมของชอบผมมากินด้วย ผมกินอย่างมีความสุข ส่วนลู่หานก็กินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย น่าจะคุยกับสาวสักคนที่เจอวันนี้ล่ะมั้ง โถๆๆ ไอ้หน้าหม้อ..

    ว่าแต่ดูมันกินดิ เลอะปากด้วย เด็กจริงๆ ไอ้ลู่เอ้ย

              เฮ้ย ลู่หาน นายจะตะกละมากไปแล้วมั้ง เลอะปากลามไปแก้มแล้วเนี่ย รีบเช็ดเลย ฉันอายแทนว่ะ

              หา! จริงดิ เฮ้ยมินซอก เช็ดให้หน่อยดิ

              ไม่ เช็ดเองดิวะ

              มือฉันไม่ว่างถือโทรศัพท์อยู่

              ไม่ได้ถือทั้งสองมือซะหน่อย

              อีกข้างตักไอติมอยู่อ่ะ ไม่รู้อ่ะ หยิบทิชชู่มาเช็ดให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย โหมดคำสั่ง เร็วๆ

              ผมมองหน้าลู่หานอย่างเซ็งๆ แล้วหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้เขาที่ยื่นหน้ามาแรงๆ เขาแยกเขี้ยวใส่ผมนิดหนึ่งแล้วพูดใส่โทรศัพท์สองสามคำก่อนจะวางมันลงแล้วหันมามองหน้าผม

              เช็ดดีๆ ดิ

              มือว่างแล้วนี่ เช็ดเองเลย

              เช็ดต่อดิ ให้หมดนะ

              นายเนี่ยน้า เออ เช็ดก็เช็ดวะ

              “...”

              เงียบทำไม

              ดูดิ มีคนมองเราเต็มเลย พวกเขาคงคิดว่าเราเป็นคู่รักที่น่ารักแน่ๆ เลย

              ลู่หานพูดพลางทำหน้ากะลิ่มกะเหลี่ย ผมมองไปรอบๆ รีบดึงมือกลับแล้วก้มหน้าหนีประชาชี หน้าผมร้อนไปหมด แล้วทำไมไอ้บ้าลู่หานต้องพูดแบบนี้เนี่ย รู้สึกแปลกๆ จัง

              เขินหรือไง

              เปล่าซะหน่อย ฉันแค่อายชาวบ้านชาวช่องต่างหาก แล้วอีกอย่างนะ ฉันจะเขินทำไม นายพูดเล่นแบบนี้บ่อยๆ ฉันชินแล้วล่ะ

              หึหึ นั่นสินะ

              ใช่ นั่นสิ ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ เชื่อไหม ใจผมเต้นแรงมากเลยตอนนี้ ทั้งๆ ที่ปกติผมจะเฉยๆ ไม่ว่าเขาจะพูดจาหวานแค่ไหนก็ตาม ผมก็จะเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น

    เฮ้อ! ผมเป็นอะไรไปเนี่ย อาการแบบนี้คงไม่ใช่ว่าผมจะ.. เฮ้ย! ไม่หรอก เราเป็นเพื่อนกันนี่ ไม่มีทางเด็ดขาด

              ..ไม่มีทาง..

     

    / / /

     

              ที่ซุปเปอร์มาเก็ตคนเยอะมาก จนทำให้ที่กว้างใหญ่แห่งนี้ดูแคบลงไปถนัดตา ตอนแรกผมตั้งใจใช้รถเข็นเพราะต้องซื้อของหลายอย่าง แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่ผมต้องหิ้วตะกร้าแทนเพื่อที่จะได้ง่ายต่อการเดิน ส่วนลู่หาน..เขามีตะกร้าอยู่ในมือทั้งสองข้างและกำลังพยายามเดินเบียดเสียดเหล่าแม่บ้านที่กำลังจับจ่ายซื้อของมายังผมที่เดินนำเขาอยู่มากทีเดียว ดูน่าสงสารจังเนอะ

              หลังจากซื้อเสบียงเสร็จ ลู่หานก็มาส่งผมที่บ้าน เขาช่วยหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามาเก็บในครัว ซึ่งตอนนี้ผมพยายามจะจัดให้มันเข้าที่เข้าทาง

              พรุ่งนี้นายว่างป่ะ?”

              อยู่ๆ ลู่หานก็ถามขึ้นมา ขณะที่กำลังพยายามแกะห่อขนมขบเคี้ยวออกมากินเล่น

              ก็ว่างอ่ะ พรุ่งนี้วันเสาร์ ไม่ต้องช่วยงานที่มหาวิทยาลัย ทำไมอ่ะ?

              ฮ้า..ในที่สุดนายก็ว่างซะทีลู่หานตาโตเป็นกระกายแสดงถึงความตื่นเต้นสุดขีด

              มีอะไร อย่าบอกนะว่าจะชวนไปเที่ยวเตร่ที่ไหนอีก น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วนี่ว่าฉันไม่ไป

              ใช่แล้ว ลู่หานน่ะชวนผมไปเที่ยวแทบจะทุกวันตลอดทั้งอาทิตย์ ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องไปช่วยงานที่มหาวิทยาลัย ก็เลยปฏิเสธไป

              โหย มินซอก พรุ่งนี้นายไม่ต้องไปช่วยงานนี่ ไปเที่ยวกันเถอะนะ

              ใจคอนายจะไม่ให้ฉันพักอยู่บ้านบ้างหรือไง ฉันเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์แล้วนะ

              จริงๆ ผมก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมายหรอก ก็แค่ไม่อยากไป แล้วผมเองก็ไม่รู้เหตุผลที่ชัดเจนเหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่อยากมากมายขนาดนั้น รู้แค่ว่าช่วงนี้เวลาผมอยู่กับเขาผมจะรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา ยิ่งพักหลังยิ่งเป็นบ่อยขึ้น ผมก็เลยกลัว... กลัวว่าจะมีอะไรที่เข้ามาทำให้ผมกับเขาต้องเปลี่ยนไป

              ค่อยพักวันอาทิตย์ดิ สัญญาว่าวันอาทิตย์ฉันจะไม่วุ่นวายกับนายเลย นะๆ ไปนะ น้าๆ เปาน้อยของลู่

    เปาน้อยคือชื่อเล่นที่ลู่หานตั้งให้ผมเอง มันฟังดูน่ารักดีนะ แต่หมอนี่มักจะเอามาใช้เรียกก็ตอนที่ต้องการอะไรจากผมเท่านั้นแหละ

    เหอะ รอบนี้นายใช้คำนี้มาอ้อนฉันไม่ได้ผลหรอกนะ

              แต่ว่าฉันไม่อยากไปเว้ย! นายจะอะไรกับฉันนักหนาวะ!

              ผมตวาดเขาไป เพราะเริ่มเหลืออดที่เขาเซ้าซี้ ลู่หานเหวอไปเล็กหน่อย ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วพูดประโยคหนึ่งที่เบามากราวกับเสียงกระซิบ แต่ผมก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

              ...ประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ และหัวใจของผมก็เริ่มเต้นรัวขึ้นมาทันที...

              ฉันแค่อยากทำอะไรให้เหมือนกับแฟนกันแค่นั้นเอง




     


    ______________________________
    #พี่หมินใจแข็ง @salynnxan

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×