ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาล..ภพ

    ลำดับตอนที่ #32 : ขุมนรกโกโก้ครั๊น!!!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 112
      3
      10 เม.ย. 58

    กาล..ภพ
          ตอน ๓๒ : ขุมนรกโกโก้ครั้น!!!

     

          ฉันและเบญจานั่งเอ้อระเหยอยู่ซักครู่จนกระทั่งโพล้เพล้ใกล้พลบค่ำ เบญจาจึงสะกิดฉันขึ้นรถเก๋งซีดานขนาดกะทัดรัด เพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านของพี่ศักดิ์ คนรู้จักรุ่นพี่

          'พี่ศักดิ์' เป็นเพื่อนรุ่นพี่อายุมากกว่าพวกเราประมาณสิบห้าปี ความที่เกิดมาก่อนทำให้มีประสพการณ์ต่างๆ มากกว่าพวกเราค่อนข้างมาก พี่ศักดิ์เป็นสายท่องเที่ยว เขาเล่าให้ฟังว่า เขามักจะเดินทางไปที่ทางๆ ที่คิดว่าน่าจะมีดวงวิญญาณที่ตกค้างหรือสถานที่เฮี้ยนๆ เห็นเขาว่าเวลาไปทีจะชวนคนไปเยอะๆ เพื่อพิสูจน์พวกผี รวมทั้งพิสูจน์เด็กในสังกัดของเขาด้วยว่ามีคนไหนที่เซ้นแรงพอจะสัมผัสผีใน พื้นที่ดังกล่าวได้บ้าง

          "ทำให้มันได้อะไรขึ้นมา? เปลืองน้ำมัน เสียเวลา"
           ฉันเคยถามเบญจาออกไปตามที่ใจคิด เบญจาเพียงแค่ยักไหล่แล้วไม่ตอบอะไร ถ้าให้ฉันเดา คาดว่าเบญจาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ศักดิ์เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

          ฉันนั่งมองภาพวิวทิวทัศน์รอบๆ ข้างเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยมีเบญจาเป็นผู้ขับรถ เบญจาขับรถมุ่งหน้าออกไปทางจังหวัดอยุธยาตามสถานที่นัดไว้

          "เออ พิมพาไปด้วยหรือเปล่าครั้งนี้?"
          ฉันถามเบญจาตามที่ใจคิด เรื่องแบบนี้เราจะไปไม่ครบทีมได้ยังไงกัน

          "พิม ตั้งแต่เจอเรื่องผีของแกไปสามเรื่องซ้อนเห็นว่า อ้วกแตก ไม่สบายลุกไม่ไหว ผีล้อมหน้าล้อมหลังจนต้องปิดหูปิดตางดรับฟังเรื่องผีไปก่อน อย่างน้อยแค่ช่วงนี้ก็ยังดี"

          ฉันนั่งฟังเงียบๆ อย่างเข้าใจ ก็ช่วงนี้มันช่วง 'วันพบญาติ' หรือที่พวกเรารู้กันดีว่าเป็นช่วงเชงเม้ง แดนนรกปล่อยให้สัตว์นรกได้กลับมารับส่วนบุญที่ทางบ้านทำส่งไปให้รวมทั้ง เยี่ยมลูกหลาน จากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ข่าวว่า เหล่าขบวนการผีแทบไม่ยอมให้พิมพาได้พักผ่อน เฝ้าแต่ตามแย่งคิวกันจ้าละหวั่น

    ####


    พวกเราเคลื่อนตัวมาจนถึงบ้านพักแถวๆ นวนครเข้าซอยเล็กๆ ไป เป็นบ้านพักไม้ขนาดใหญ่โปร่งแลดูสะอาดตา ฉันเดินตรงไปนั่งม้าหินอ่อนกลมหน้าบ้าน มีหนังสือพิมพ์วางไว้ให้แขกอ่านหนึ่งฉบับ ฉันหยิบเอาส่วนบันเทิงข่าวดาราขึ้นมาอ่าน พลิกไปพลิกมาดูข่าวเกษตรกรรม เห็นเบญจาจ้องให้ความสนใจข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างจดจ่อ

    “แกดูข่าวนี่สิ เล่นปิดถนนธุดงค์กันเลย รถติด ชาวบ้านเดือดร้อนกันระนาว” เบญจาพูดเชิงตำหนิ

    “จุ๊ จุ๊”

    ฉันยกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปาก โบกนิ้วช้าๆ เป็นเชิงปราม

    “ผ้าเหลือง ท่านมีศีลมากกว่าเรา ถึงศีลท่านจะด่างไปบ้าง แต่เอามานินทาสนุกปากแบบนี้ได้ไม่คุ้มเสีย”

    ฉันอธิบายต่อช้าๆ หัวสมองพลางคิดไปถึง เรื่องเล่าชาวผีเมื่อสองคืนก่อน สายตาฉันตอนนี้ไม่ได้จับจ้องอยู่บนตัวอักษรในหน้าหนังสือพิมพ์อีกต่อไป

    “ทำไมอ่ะ เนี่ยแกก็เห็น คนเขาด่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง นี่มันใช่กิจของสงฆ์หรอ”

    เบญจายังคงมีเหตุผล มาแย้งไม่ลดละ เอ่อ อันที่จริงหลายๆ ครั้งฉันก็เห็นหลายๆ ข่าวเกี่ยวกับวงการผ้าเหลืองที่มันดูขัดอกขัดใจ แต่ก็เถอะนะ...

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองเบญจา นิ่งๆ ใจจริงก็คันปากยิบๆ อยากจะร่วมวงสนทนาด้วย ถ้าไม่ติดไอ่นรกขุมที่เพิ่งเห็น เพิ่งสัมผัสมามันแย้งอยู่ในใจ

        "ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง พอดีเลย เรื่องนี้ใหม่ๆ สดๆ ซิงๆ เมื่อสองวันก่อนเพิ่งแหกนรกมาช่วงเชงเม้งพอดี"

        "ช่วงนี้แกนี่เฉียดนรกดีเนอะ เขาเตรียมมาตามแกกลับกันสินะ" เบญจาไม่วายแซวฉันยิ้มๆ ฉันม้วนหนังสือพิมพ์เป็นท่อนฟาดลงที่แขนเบญจาเบาๆ

        "จะฟังไม่ฟัง เดี๋ยวเถอะ"

        "เรื่องของเรื่อง หลังจากพิมพามันบอกว่างดสื่อ ก็มีโผล่มาที่บ้านฉันเพิ่มอีก แต่ฉันขอฟังแค่เรื่องเดียว"

        "คนแรกมาเลย ไอ่เราคุยกับเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง หูก็ตึง ตาก็บอด แต่ก็เกรงใจเขามานั่งรออยากให้เรารับฟัง พยายามเอาจิตเข้าไปรับรู้เรื่องราว เกิดเป็นภาพฉายเข้ามาเหมือนฉันเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์
     
          ภาพตรงหน้าเป็น ผู้คุมสองคนกำลังจับเขากดลงกับแท่นหินกลมๆ พื้นที่รอบๆ ดูร้อนระอุสีเทาราวกับขี้เถ้าเผาไฟ ผู้คุมใช้ท่อนแขนกดลงบนหัวสัตว์นรกติดแท่นหินไม่ให้ดิ้นรนหลบหนี ใช้มือง้างปากเขาให้อ้าออกแล้วเอาคีบหนีบลิ้นเหล็กแหลมทิ่มแทง  เท่านั้นยังไม่พอ ยังใช้ตะบวยตักน้ำกะทะทองแดงพวยพุ่งปุดๆ ราดเข้าไปในปากร้อนรนทุรนทุราย ปากเป็นแผลผุพองทรมาณเหลือจะกล่าว

        ริมฝีปากทั้งบนล่างเปื่อยเพราะความร้อนของน้ำกะทะทองแดง ทรมาณจนนัยน์ตาโปนปูดถลนออกจากเบ้าน้ำเลือดน้ำหนองไหลออกตามทวารทั้งห้าราวกับกำลังร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด อยากจะร้องแต่ไม่สามารถร้องออกมาได้เพราะเจ็บปวดทรมาณระบมไปทั้งปากเท่านั้นยังไม่พอ ผู้คุมคนเดิมจับอ้าปาก เอาลูกกลมๆ สีดำขนาดเท่าลูกปิงปองยัดเข้าปาก

         ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นก้อนอะไร แต่สัมผัสแรกที่ลูกเหล็กเข้าปากทั้งขมแปร่งปร่า เย็นเยียบจับจิต"

          "แกรู้ได้ไงอ่ะ ว่าขม เย็น?" เบญจาท้วงขัดขึ้น
          
          "มันรู้สึกว่ะแก แกก็รู้ว่าฉันฟังไม่ค่อยได้ยิน มักจะเห็นเป็นภาพ แถมภาพพวกนี้ก็มักจะเสมือนจริงซะด้วยนะแก"

          ฉันตอบไปเนิบๆ คล้ายไม่รู้สึกอะไร แต่รสขมๆ ภายในปากยังพอจะจำได้ลางๆ

          "นี่ลงทุนไปแสดงเองเลยเรอะ? ทุ่มทุนสร้างนะเนี่ย" เบญจายังคงแซวไม่เลิก

          "จะฟังต่อมะ?" ฉันแสร้งทำสีหน้าหงุดหงิดบ่นเบญจาเบาๆ แล้วพูดต่อ

          "ตอนที่ลูกเย็นๆ มันอยู่ในปาก ยังไม่ทันได้เตรียมใจเกิดแรงสั่นไหวคล้ายระเบิด ลูกเหล็กกลมเกลี้ยงแตกออกเป็นลูกหนามทิ่มแทงกระพุ้งแก้มทะลุออกมาภายนอก ได้แต่ร้องดิ้นรนทุรนทุรายให้น่าอดสู"

          คือฉันก็ไม่ได้เจ็บหรอกนะ วินาทีนั้น แบบว่าแค่เอาจิตไปเฝ้ารับรู้ได้แค่ลูกเหล็กมันก็ขมๆ ในปากเท่านั้นแหละ ส่วนความเจ็บไม่ขอเอามาด้วย

           "วินาทีที่มันแตกเป็นเข็มทิ่มในปากรู้สึกเหมือนมีอะไรตึงๆ แน่นไปหมด สัตว์นรกตนนั้นต้องชดใช้กรรมแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทรมาณไปเรื่อยๆ หากทนไม่ไหวสลบไปเมื่อไหร่ เพียงชั่วครู่ก็จะฟื้นขึ้นมาให้ผู้คุมจับทรมาณแบบเดิมอีกจนกว่าจะหมดกรรม"

        สอบถามเหตุต้นผลกรรมได้ความว่า ก่อนตายชอบนินทาพระ นินทาเจ้า ยุยงให้เกิดความแตกแยก แล้วพระที่นินทานี่หนา ดันเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสียด้วย อีกทั้งยังชอบพูดจาเสียดสี เรื่องดีๆ ไม่ค่อยจะพูด ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นสารพัด ทั้งคำหยาบ คำส่อเสียด

       ตรองดูเถิดหนา นี่ขนาดไม่ได้ไปฆ่าใครเขา ตายไปยังตกนรกใช้บาปกรรมถึงเพียงนี้ พระสงฆ์องค์เจ้าเป็นเรื่องที่ฆราวาสเช่นเราๆ ไม่ควรไปกล่าวล่วง ไม่ว่าท่านจะทำผิดหรือไม่อย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฏแห่งกรรม พูดให้น้อยเป็นดีที่สุด ไอ่เรานี่ก็จัดว่าปากไม่ดีคนหนึ่งซะด้วย ฟังไปได้แต่เสียววูบไป

           ฉันนั่งมองหน้าเบญจาที่ยังนั่งอ้าปากหวอลูบปากตัวเองเบาๆ ทำสีหน้าคล้ายสยอง

           "ปากไม่ดี โกโก้ครั้น ซักเม็ดไหม?"

           ฉันแซวเบญจาให้นรกขุมนี้เป็นโกโก้ครั้น เพราะยังจำอารมณ์ระเบิดตูมคาปากได้เป็นอย่างดี ทำให้พาลนึกไปถึงโฆษณาอาหารเช้ายี่ห้อนึงที่มีคำโฆษณา เขย่าตูมระเบิดเป็นโกโก้ครั้น ความรู้สึกนี้ คนไม่โดนเองไม่รู้หรอกจะบอกให้ หรือว่าอยากจะลองกันบ้างฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ

         "อีบ้า ฉันไม่เอาหรอก แต่ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ ทำผิดเห็นๆ ทำไมห้ามพูดถึง" เบญจายังคงเถียงเสียงอ่อยๆ

         "ผิดจริงหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ มันมีแต่ ถูกใจเรา กับไม่ถูกใจเราเท่านั้นแหละแก พอเราเห็นว่ามันไม่ถูกต้องไม่ถูกใจ เราก็ตัดสินว่ามันผิด เมื่อเราคิดว่ามันผิด เราก็หาแนวร่วมโดยการกระพือข่าวให้คนอื่นเห็นว่าผิดเช่นเดียวกับเรา นี่แหละเป็นการยุยงให้เกิดการแตกแยก ยิ่งพระท่านถือศีล 227 ข้อด้วยแล้ว แม้ว่าศีลมันจะหายไปบ้างซัก สี่ซ้า ห้า ข้อ แต่ศีลข้ออื่นๆ ของท่านก็จัดว่ามากกว่าเราหรือเปล่า?"

          ฉันทำหน้าประหนึ่งผู้มีความคิด แต่เปล่าเลย ฉันยกเอาคำสอนพระอาจารย์มาสอนเบญจาล้วนๆ การนินทาพระสงฆ์ หากท่านผิดจริงก็แค่เสมอตัว หากท่านไม่ผิดก็มีแต่ขาดทุน มองแล้วไม่เห็นกำไรของการติฉินนินทาเลยซักนิด

           "จะผิดจะถูก ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฏแห่งกรรมเถอะ การพูดถึงผู้อื่นในเชิงตำหนิ ยุยงให้เกิดการแตกแยกยังไงก็ไม่ดีทั้งนั้น"

          ฉันหันไปมองทางประตูบ้านเห็นเจ้าของบ้านเป็นชายวัยกลางคนเปิดประตูเดินตรงมาทางพวกเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

          ฉันยิ้มให้ 'พี่ศักดิ์' เจ้าของบ้านทักทายกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน ส่วนเรื่องนรกขุมโกโก้ครั้น ฉันจะพยายามจดจำเอาไว้สอนตัวเองก็แล้วกัน


              คุณผู้อ่านจะรับ โกโก้ครั้นไว้เคี้ยวเล่นซักเม็ดไหมจ้ะ?

     




    TALK อ่าน คอมเม้นท์บางคอมเม้นท์แล้วแอบยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว

    ### พอจรดปากกา เริ่มเรื่อง ก็ แบบว่าเนือยๆ ทำไม นรกขุมนี้ ถึงตั้งชื่อให้ว่า โกโก้ครั๊น คืออารมณ์อินเนอร์มาเต็ม
    ยังมีนรก มาม่า ต้มยำ(ลำไส้ในกะทะทองแดง) นรกหมูทุบ (ฆ้อนทุบหัวกระจุย) จนเพื่อนๆ แซวว่ามีแต่ของกินแล้ว ก็ตั้งชื่อของกินไม่ให้เครียดกันเกินไป แต่ตั้งแล้วหิวเลยล่ะ




               
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×