ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาล..ภพ

    ลำดับตอนที่ #7 : แม้ผ่านภพ ดินกลบหน้า กาลเวลามิอาจจบความสัมพันธ์

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 57


    แม้เพียงผ่านภพ กาลเวลามิอาจจบความสัมพันธ์ได้ ถึงร่างสิ้น ชีพด่าวดิ้นชีวาวาย แต่คำข้าจะติดตัวเจ้าจนถึงวันสลายของจิตนิรันดร์
    -----------------

     
    วันนี้สิรินมีนัดพบปะกับเพื่อนสมัยเรียน นานๆ ครั้งเธอถึงจะออกมาพบปะเพื่อนฝูงบ้างถึงเธอจะเป็นคนค่อนข้างเงียบขรึมแต่ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็สำคัญกับการใช้ชีวิตไม่น้อย จะให้วันๆ เธอคุยอยู่แต่กับผี กับสางก็คงกระไรอยู่ มันออกจะหลุดโลกไปซักนิด เธอคิด..

    ภายในห้างสรรพสินค้าดังย่านสยามสแคว์ หญิงสาวรูปร่างขาวตัวเล็กนั่งเล่นโทรศัพท์รอเพื่อนสาวอย่างสบายอารมณ์ 

    สิรินเห็นเพื่อนนั่งรออยู่ในร้านเดินตรงเข้าไปหา 
    ทันทีที่เขยิบมือดึงเก้าอี้เตรียมจะนั่งก็สะดุดตากับคำถามของเพื่อน 

    'พาใครมาด้วยหรือ?' พิมพาเงยหน้าถามสิริน
    สิรินหน้าเหวอไม่คิดว่าจะมีคนเห็นแขกไม่ได้รับเชิญตรงหน้าด้วย 

    'คนนั้น ที่มีปีกแดงๆ ตัวใหญ่ๆ มีไอแดงๆ รอบรอบนั่นน่ะ' พิมพาพูดพร้อมชี้นิ้วไปอีกด้านเพื่ออธิบายว่าไม่ใช่ชายหนุ่มหน้ามนคนข้างๆ 

    พิมพาเป็นเพื่อนสนิทอีกคนที่มีสัมผัสพิเศษมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่พิมพาออกจะแตกต่างกับ สิรินและเบญจาตรงที่ ค่อนข้างจะสนอกสนใจทุกสิ่งทุกอย่างด้วยเห็นว่าตื่นตาและน่าค้นหาก็แหม มันไม่ใช่ประสพการณ์ที่คนธรรมดาจะมีกันได้ ถ้าตัวเองมีความสามารถพิเศษก็ควรจะใช้มันให้เต็มที่ เหมือนเป็นการเปิดหูเปิดตาเรียนรู้โลกใบนี้อีกแนวซึ่งไม่มีสอนกันโดยทั่วไปซะด้วยสิ

    ต่างกับเบญจาและสิรินที่พยายามปิดหูปิดตาไม่สนใจอะไรเลยซักอย่าง เรียกว่าถ้าไม่มีคนขอร้องให้พยายามสื่อหรือมอง ก็จะปิดหูปิดตาไม่มองอะไรทั้งนั้น เนื่องด้วยทั้งสิรินและเบญจาสัมผัสได้เพราะฝึกฝนตนมา พูดคุยกับท่านอาจารย์บ่อยครั้ง ท่านจะให้เหตุผลกับทั้งคู่ว่า ถึงเราจะเห็นถึงเราจะสัมผัสได้ แต่มันไม่อาจเป็นหนทางหลุดพ้น การที่เรามาปฏิบัติแบบนี้ควรจะถามตัวเองให้แน่ใจว่าต้องการฤทธิ์ หรือต้องการอะไร หากแน่ใจแล้วก็ขอให้ไปตามทางที่ตั้งใจนั้นอย่างแนวแน่ ... นั่นสินะ สิ่งนี้คือใบไม้นอกกำมือโดยแท้ เรารู้เรื่องของคนอื่นไปแล้วจะทำให้เราหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ที่ไหนกัน...

    หลังจากคิดเพลินๆ ก็กลับมาคิดถึงคำพูดของพิมพา แล้วพิมพาหมายถึงใคร? สงสัยจะไม่ใช่ซานย่ะฮ์ฺซะล่ะมั้ง นี่เรามีใครแอบมาอยู่ด้วยเพิ่มอีกแล้วรึนี่ เมื่อใช้จิตพิจารณาก็พบ
    บุรุษร่างใหญ่เหมือนนักรบผิวคล้ำดำแดงเหมือนเพลิง ไอรอบกายกระจายสีแดงดูร้อนแรง มีปีกแข็งๆ อยู่เบื้องหลังดูสง่า แต่กลับดูน่าเกรงขามให้ความรู้สึกเหมือน devil ของคริสจักร อย่างไรอย่างนั้น.. พิศดูแล้วกลับไม่ให้ความรู้สึกที่เลวร้ายเท่าไหร่..

     ร่างกายสูงใหญ่มาก เกือบ 2 เมตรได้ ลำตัวหนาใบหน้านี่จัดว่าหล่อล่ำ คล้ำสเน่ห์เท่คมคาย ...แผงอกซิกแพคแน่นถัดลงมาเปล่าเปลือย ท่อนล่างนุ่งห่มคล้ายผ้าเตี่ยวตัวเล็ก โอ้พระเจ้า.. เห็นแล้วเลือดกำเดาป้าจิไหล พักนี้มีแต่ หนุ่มๆ ห้อมล้อม ซ้ายขวา ดูท่าจะฮอตกับผีสางเป็นพิเศษมิน่าเล่า หนุ่มๆ ถึงไม่มีตกมาถึงเลย

    "เราถามแล้วเขาไม่ตอบ เราเลยไม่รู้ว่าเขามาดีมาร้าย" พิมพาพูดต่อช้าๆ สายตายังคงแสดงความสนใจอย่างเห็นได้ชัด
    'เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย สิ่งนี้เขาเรียกว่าอะไร เธอลองถามดูสิ'

    ได้ยินเพื่อนถามแบบนั้นก็เลยกำหนดจิตถามแขกไม่ได้รับเชิญออกไป 

    "ท่านคือใครหรือ" พลันภาพที่แสดงออกมาให้เห็นว่าเขาเป็นสิ่งดึกดำบรรพ์ที่อยู่มานานแล้ว ขณะที่กำลังบินอยู่เห็นลำแสงบางอย่างพุ่งออกมาจึงมาตามแสงนั้นแล้วพบสิริน เข้า จึงสนใจและติดตามดู 

    'เวตาล..' เขาตอบสั้นๆ ขรึมๆ  
    "เวตาล???" สิรินทวนคำช้าๆ นึกว่าเวตาลจะผอมแห้งกระร่องก่องแบบในนิทานเวตาลที่เขาเล่าขานกันมา นี่มันไม่ใช่เลย 

    'มันก็มีหลายอย่างน่ะ แต่จัดเป็นประเภทเดียวกัน' แขกตรงหน้าอธิบายต่อ ดูแล้วเขาไม่ค่อยตอบโต้กับพิมพามากนักเหมือนกับพยายามจะไม่สุงสิงกับคนแปลก หน้า แต่ว่ายอมเปิดปากพูดคุยกับสิรินเท่านั้นเวลาสิรินเอ่ยถามก็อธิบายสั้นๆ พอเข้าใจ คงเพราะคิดว่าถึงอย่างไรก็ยังคงต้องขออยู่ดูเจ้ามนุษย์คนนี้ต่ออีกซักพักจะ ทำความรู้จักกันไว้ก็คงไม่เสียหาย

    สิรินเข้าใจว่า ปกติประตูมิติมักจะไม่เปิดออกง่าย ๆ ให้พลังงานต่างภพเข้ามายุ่มย่ามกับโลกมนุษย์เช่นนี้ แต่การที่เธอแผ่อุทิศส่วนกุศลทุกเช้าแผ่ออกไปโดยไม่ระบุอาจจะไปถึงผู้ที่ อยู่ห่างไกลต่างภพจรดแดนหิมพานต์ทำให้ประตูมิติเปิดออกแล้วเวตาลผู้นี้ตาม ลำแสงแห่งบุญมาพบเธอเข้า ด้วยความสงสัยว่ามนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งทำไมมี เทวธรรพ์ติดตาม อีกทั้งพญานาคหนุ่มรูปงามจึงเกิดความสนใจคอยติดตามดูโดยไม่แสดงตัวอยู่ห่างๆ

    พญานาคหนุ่มนั้น สิรินจำความได้ว่าติดตามเธอมานานแล้วจนเธอก็ลืมๆ เลือนๆ เพราะท่านไม่ค่อยจะเผยตัวให้เห็นเท่าไหร่นัก ท่านอยู่มาก่อนที่สิรินจะรู้สึกว่ามีซานย่ะฮ์เสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ท่านเงียบขรึมต่างกับซานย่ะฮ์ฺที่ค่อนข้างเจาะแจ๊ะโดยให้เหตุผลว่า กลัวว่าเธอจะลืมว่ามีเขาอยู่ 

    ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะหนุ่มละอ่อนนัก มีออร่าสีทองกระจาย หน้าตาเหมือนดาราเกาหลีที่เป็นที่นิยม ถ้าเป็นคนดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 23 ปี แต่พญานาคนั้นเคยบอกว่าอายุราว 4 ล้านปีมนุษย์แล้ว เธอจึงเรียกว่า ท่านปู่พญานาค ... นฤบดีพญานาคราช

    "ทำไมท่านถึงเด็กจังล่ะ? ในเมื่อแก่ขนาดนี้" สิรินเคยถามปู่พญานาคของเธอด้วยความสงสัย
    'แล้วใครบ้างเล่า อยากจะแก่จริงไหม?' ท่านตอบกลับมายิ้มๆ ด้วยความเอ็นดู พร้อมเอามือลูบหัวสิรินไปมา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×