คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : ตอนที่ 29 : เรื่องเล่าสัตว์นรก 100%
กาล..ภพ
ตอนที่ ๒๙: เรื่องเล่าสัตว์นรก
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ก๊วนซ่าท้าปราบผีพอจะมีเวลาว่างตรงกัน จึงเริ่มทักทายกัน ตุ๊งติ๊งขึ้นมาทางไลน์ เป็นพิมพาทักขึ้นมาก่อนคนแรกว่า ปวดหัว เหลือเกิน ช่วยดูให้หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
"งั้นเรามาแลกกันดูไหม เดี๋ยวพิมแก ส่องฉัน แล้วฉันส่องแก แล้วเบญจาก็ส่องฉันกับพิม แล้วมาแลกกันว่าเห็นอะไร เผื่อเห็นไม่เหมือนกันจะได้ไม่ต้องสนใจ" ฉันยื่นข้อเสนอที่ค่อนข้างจะได้เปรียบให้ เพราะรู้สึกว่ารอบๆ ตัวฉันคงไม่ใช่น้อยๆ แน่นอน เพราะเก็บมานานสะสมมาไว้เพียบ
"เพียบเลยแก สิเอ๊ยย" พิมทัก
"เป็นฝูงเลยอ่ะ มาทำอะไรกันเนี่ย" เบญจา ทักขึ้นมาบ้าง
"เห็นแต่ตาวาวๆ แดงๆ อ่ะ" ฉันตอบออกไป
ตอนนี้พวกเราแทบจะลืมอาการปวดหัวของ พิมพาไปจนหมดสิ้น ถ้าให้เดาฉันคิดว่า น่าจะปวดหัวเพราะผีรอบๆ ตัวฉันไปกระตุ้นให้พิมเข้ามาสื่อให้มากกว่า
"มาคุย"
เป็นเสียงของชายที่ดูจะเป็นหัวหน้าลักษณะผอมแห้งราวกิ่งไม้เผาตอบกลับมา เขามาตามแรงอธิษฐานของฉันที่เชื้อเชิญให้มา
พิมพากับเบญจานิ่ง อย่างสงสัยว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร ไม่ได้มาขอส่วนบุญ ไม่ได้มาเกาะกินบุญ แต่มาคุย? จนฉันต้องอธิบายไปว่าตอนนี้กำลังรวบรวมประสพการณ์ผีๆ กฏแห่งกรรม มาเป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยาย ไม่อยากจะพูดเลยแกเอ๋ย ฉันเอาเรื่องของพวกแกไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่องมาเขียนเพียบไปหมด ไหนๆ ก็ไหนๆ อย่าเก็บไว้ให้เสียของเลย เอามาเล่าสู่กันฟังยังได้ประโยชน์ได้ความรู้ด้วย
"พิม แกสื่อให้หน่อยนะ ฉันยังฟังไม่ค่อยถนัด ไม่เก่งเท่าแก"
ฉันตัดสินใจโยนหน้าที่สื่อให้พิมพ์ตามนิสัยขี้โกงที่ฉันค่อนข้างถนัด พระอาจารย์บอกอย่าพูดอย่าคุย ฉันโยนให้พิมคุยแทน แบบรัวๆ เลยทีเดียว
"ตอนนี้วัตถุดิบ รอบตัวเลยสิเนี่ย" พิมพาอดแซวฉันไม่ได้ ฉันคิดว่าถ้าจ้องมองจริงๆ ก็คงจะเยอะอยู่แหละนะ
เรื่องเล่าของชายคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจมาก แต่ฉันยังไม่ขอเล่าในรายละเอียด เพราะมีผีอีกมากมายเข้าคิวเล่ายาวเหยียดอยู่เบื้องหลัง คงจะเพราะฉันสะสมมานานหลายวันแต่ไม่มีผีตนใดมาเข้าฝันได้เลยแม้ซักตนเดียว ฉันฟังมาเรื่อยๆ โดยมากเป็นเรื่องราวของผู้ที่เสียชีวิตแล้วกลายเป็นเปรต แล้วต้องชดใช้กรรมต่างๆ กันไป ซึ่งมันก็คงจะเป็นเช่นนั้น เพราะหากต้องชดใช้กรรมในนรกแล้ว คงไม่สามารถจะขึ้นมาเล่าบาปกรรมที่ได้ทำมาให้พวกเราได้ฟัง คงต้องทนชดใช้กรรมอย่างโหยหวลทุกข์ทรมาณ
เรื่องของบางตนน่าสยดสยองแม้เป็นเพียงกรรมเล็กๆ น้อยๆ บางตนเป็นกรรมที่พวกเราอาจจะรู้ๆ กันอยู่ แล้ว ฉันจรดนิ้วมือจิ้มบันทึกเรื่องราวทุกคำพูดของเขา ตั้งใจว่าจะนำมาเรียบเรียงเล่าให้ผู้อ่านในเร็วๆ นี้แหละ
"ผี ปีศาจ พวกนี้ไม่มีบ้างหรือ?"
ฉันโพล่งถามออกไป หวังเผื่อจะได้รับรู้เรื่องราวของปีศาจ หรืออมนุษย์บ้าง แต่คงจะเป็นการยากมากๆ เพราะปีศาจโดยมากไม่ค่อยมีความสำนึกในบาปบุญคุณโทษ พวกมันล้วนพอใจกับอำนาจและตบะที่ตนมี ไอ่เรื่องจะให้มานั่งเล่าวีรเวรให้คนอื่นฟัง คงไม่มีทาง ส่วนพวกผีก็เป็นแค่คนตายที่ยังไม่ถึงเวลาชดใช้กรรม เร่ร่อนอดอยากไปตามยถากรรม เมื่อถึงเวลายมทูตจึงจะมาเก็บวิญญาณไปพิพากษาตามบาปบุญที่ได้ทำมา แล้วเขาจะมาเล่าเรื่องอะไรให้ฉันฟังได้? ในเมื่อเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีกรรมอันใดต้องชดใช้บ้าง
แต่เพราะรับฟังเรื่องของพวกเปรตมาแล้วถึงสามรายตั้งแต่ช่วงบ่าย จนนี้ก็เกือบ หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว ฟังเปรตมา สามเรื่องซ้อนแม้จะตื่นตาตื่นใจ แต่ก็อยากได้อะไรที่แปลกใหม่บ้างเหมือนกัน
ตอนนี้ฉันรู้สึกตัวเองเป็นคล้ายๆ ศาลไคฟงที่ใครๆ ก็เข้าคิวมาร้องทุกข์ แต่นี่เป็นการเข้าคิวเพื่อเล่าเรื่องราวเลวๆ ของตัวเองให้ฉันบันทึกไว้เพื่อมาบอกต่อ พระอาจารย์เคยบอกฉันว่า พวกนี้เรียกเหตุการณ์ระลึกชาติ นักกรรมฐานที่ดีไม่ต้องระลึกอดีตชาติได้ เพียงระลึกชาตินี้ได้ก็พอ 'ชาติชั่วนี่แหละ' เรื่องชั่วๆ ของตัวเองพึงจำเอาไว้ให้มั่นอย่าได้ลืมเลือน เมื่อถึงเวลาที่กฏแห่งกรรมตามทัน เมื่อนั้นจะสายเกินไป แน่นอนว่าทุกเรื่องได้อภินันทนาการจากพิมพาเป็นผู้สื่อให้ทั้งหมด
จนฉันคิดว่าหมดนี่แล้วพอแล้ว ตั้งใจจะพักผ่อนเสียที
พอดีรายที่ 4 มาต่อคิวเล่า ด้วยสภาพลากสังขารครึ่งล่างกระดึ้บมากับพื้น ลอยเลือดลากเป็นทางเครื่องในลำไส้ไหลออกมาแลดูน่าสยดสยอง รายนี้เล่าเรื่องโทษทัณฑ์ที่ได้รับก่อนเลย ไม่เหมือนรายอื่นๆ ที่ผ่านมา เปรต 3 รายก่อนหน้าต่างเล่าในสิ่งอันเลวที่ได้กระทำไว้ก่อนตายสุดท้ายจึงต้องได้รับผลกรรมกลายเป็นเปรตเช่นที่เห็นตอนนี้
เขาเล่าว่า ทุกวันจะถูกจับฉีกร่างเป็นสองท่อนออกจากกัน มันแสนจะเจ็บปวดร้องโหยหวนน่าเวทนา นึกสภาพเนื้อตรงเอวค่อยๆ ถูกดึงตึงออก ตึงออกจนฉีกขาดไส้ทะลักเลือดสาด แล้วเจ้าหน้าที่จะเอาตะปูเข็มใหญ่เกือบเท่าตะเกียบไม้ญี่ปุ่นร้อยรากไม้มาเย็บเก็บตับไตไส้พุ่งที่กระเซ็นใส่กลับเข้าไป พอเย็บเสร็จแล้วก็กลับเป็นร่างปกติ แล้วถูกฉีกอีก
“เจ็บปวดทรมาณเหลือเกิน ไม่อยากเจ็บปวดเยี่ยงนี้อีกแล้ว” ชายตรงหน้าที่เหลือสภาพเพียงครึ่งท่อน ร้องโอดโอย
“แล้วท่านทำกรรมอันใดมาเล่า?” ฉันตัดสินใจถามออกไปตามที่คิด
ชายคนตรงหน้าเพียงก้มหน้าด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่มีคำตอบกลับมา
บอกเพียงว่าสำนึกผิดแล้ว กลัวแล้วไม่กล้าทำกรรมใดๆอีกแล้ว แต่ไม่รู้ จำไม่ได้ว่าทำบาปอะไร แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงกันนี่
ใจคิดเพียงเวทนาสงสารชายตรงหน้า
"หนีนรกมาใช่ไหม?"
จากเรื่องที่เขาเล่าให้ฟัง ดูแตกต่างจากเรื่องของเปรตทั้ง 3 ก่อนหน้านี้ เพราะมีเรื่องผู้คุมเข้ามาเกี่ยวข้อง ปกติภพภูมิของเปรตจะไม่มีผู้คุมคอยลงทัณฑ์ เป็นไปตามคาด ชายตรงหน้าพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความที่ต้องการจะรู้เรื่องราวของเขา ฉันตั้งจิตอธิษฐานถึงท่านพญายมราชขอทราบเรื่องราวบาปกรรมที่ชายตรงหน้าได้กระทำได้
'เราจะส่งคนไปเล่าให้ฟัง'
คล้ายได้ยินเสียงตอบกลับมาเช่นนี้
พลันเกิดภาพยมทูตท่านหนึ่งถือเชือกคล้องเกี่ยวชายที่มีสภาพเหลือเพียงครึ่งท่อนไว้
กรรมของพี่ล่ะนะ อุตส่าห์หนีนรกขึ้นมา ฉันยังไปตามท่านยมทูตมาลากกลับไป แต่จากสภาพของเฮียดูแล้วคงหนีได้ไม่ไกล การกลับไปชดใช้แต่โดยดีคงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด
### ต่อ ###
"พิม แกเห็นใครอยู่ใกล้ๆ พี่เขาบ้างไหม?" ฉันถามพิมพาทันที ที่คิดว่ามีแขกมาใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคน อีกแล้วสิริน จอมบงการ ใช้เพื่อนอีกแล้ว
"เห็นแล้ว ทำไม?"
"ปู่ยมส่งคนมา หรอกถามท่านดูสิว่า ชายคนนั้นทำผิดอะไรมา"
อย่าสงสัยว่าทำไม ฉันถึงต้องใช้พิมพาเป็นคนช่วยสื่อ เพราะฉันเห็นภาพชัดแต่ได้ยินไม่ถนัด ถ้าจะเปรียบเทียบก็คงเหมือนคนที่สอบได้ IELTS ซัก 4-5 คือพูดจาพอจะไปวัดไปวาได้บ้างกับพวกฝรั่ง แต่ให้คุยเฉพาะกิจ คุยแบบจริงจัง สื่อความหมายอะไรไม่ค่อยจะได้เรื่อง
"จะลองถามท่านดูนะ"
พิมพาตอบกลับมากึ่งๆ เกรงใจ จับความรู้สึกได้ว่ามีความเกรงใจชายคนที่มาใหม่ค่อนข้างมาก
พิมพา นิ่งเงียบไปครู่ก่อนจะตอบกลับมาว่า
"ท่านตอบกลับมาเป็นกลอนน่ะ คนสมัยก่อนเขามักจะพูดจาเป็นบทกลอนกันแบบนี้หรือ?"
'ชายผู้นี้ มีกรรมอันอดสู
ชาติกำเนิด เกิดเป็นคนอาภัพหนา
แม้ได้อยู่ บนกองทอง เงินไหลมา
แต่ชาติหมา ไม่รักชาติ แยกแผ่นดิน
ยามออกศึก รบทัพ ทำจองหอง
คึกคะนอง หยิ่งผยอง ตัวข้าเก่ง
สุดท้ายพ่าย ข้าศึก สุดลำเค็ญ
พลิกปากลิ้น ยอมจำนน เป็นเชลย
ยอมถวาย ตัวกายใจ รับใช้เค้า
ยอมเป็นหนอน บ่อนไส้ บอกข่าวสาร
บอกเส้นทาง เคลื่อนไหว ลี้ภัยพาล
ไอ้ชาติหมา เปิดช่องทาง รบล้างเมือง'
พระเจ้า!!! ถ้ากลอนบทนี้ พิมพาเพิ่งด้นสดเมื่อซักครู่ ฉันจะบอกว่า มันคงจะไปสมัครเป็นลูกศิษย์กวีเอกสุนทรภู่ได้แน่ๆ บอกตรงๆ บางครั้งฉันก็ยังสงสัย ไม่ค่อยแน่ใจ ว่าที่จริงแล้ว ทั้งฉัน ทั้งเบญจา หรือพิมพานั้นสามารถสื่อสารกับสิ่งที่ตามองไม่เห็นได้จริงหรือไม่ หลายๆ ครั้งฉันทดสอบพิมพาด้วยการขอร้องให้เขาสื่อให้โดยไม่ทันตั้งตัวแบบครั้งนี้ เป็นการทดสอบโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า
ครั้งนี้ก็เช่นกันพิมพาไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าฉันขอสัมภาษณ์เปรต ผี วิญญาณสัตว์นรกทั้งหลายเพื่อเอามาเขียนเป็นธรรมทาน อีกทั้งยังแอบอธิษฐานถึงปู่พญายมราชให้ท่านช่วยส่งท่านยมทูตมาเล่าถึงเหตุต้นผลกรรมที่ชายคนนี้ได้ทำไว้ เพียงเวลาแค่ชั่วอึดใจ ถ้าพิมพามโนขึ้นเองก็จัดว่า บ้าขั้นเทพหรือ จิตครีเอทสุดๆ เรื่องนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้จะพิสูจน์ยังไงเหมือนกันนะ คือภาพพวกนี้เวลาเห็นมันจางๆ บางๆ ไม่ได้ชัดเจนจับต้องได้ มันเป็นความรู้สึกเท่านั้น
"เขาชดใช้กรรมมานานแค่ไหนแล้ว?" สิรินจอมบงการยังคงจี้ถามพิมพาให้ซักต่อ (พิมพาอาจจะกำลังคิดว่า แล้วทำไมเอ็งไม่ถามเองฟร่ะ ผีเป็นฝูงเข้าคิวรอจะคุยกับเอ็งแท้ๆ)
"400 ปี และยังต้องชดใช้ต่อไปอีกหลายพันปี" ท่านยมทูตตอบ
"แล้วถ้าฉันอยากจะอุทิศกุศลให้เขาที่อยู่ในนรกชั้นลึกขนาดนี้ เขาจะได้รับหรือไม่?"
ฉันยังไม่วายห่วง เพราะไม่อยากติดหนี้กรรมพี่เขาอุตส่าห์แหกนรกขึ้นมาเล่าความเจ็บปวดทรมาณของตัวเขาให้ฟัง
"ท่านตอบมาแบบนี้ว่ะแก" พิมพาพิมพ์กลับมาผ่านโปรแกรมไลน์ด้วยข้อความที่ฉันอ่านแล้ว ไม่ค่อยเข้าใจ
'ควรอุทิศกุศล และผลบุญ ให้แผ่นดิน เทพเทวา ผู้รักษา
ก่อนจะให้ ไอ่ชาติหมา ยั้วเยี้ยไป
หากแผ่นดิน สูญสิ้น ม้วนสลาย
ผองเธอจะ อุทิศบุญ ให้ได้ไหม
ถึงแม้อยากอุทิศ ก็จำใจ
ทนอดสู แผ่นดินสูญ มลายเอย'
"หมายความว่า เวลาจะอุทิศกุศล อย่าลืมอุทิศให้พระสยามเทวาธิราชใช่ไหม?"
ฉันถามพิมพาไป ยอมรับว่า บางทีก็ลืมๆ เลือนๆ ท่านพระสยามเทวาธิราชไปเหมือนกัน
ใจฉันยังต้องการคำตอบเพราะไม่อยากติดค้างเรื่องเล่าหนนี้ หากพี่ชายคนนี้กลับลงนรกไปแล้วฉันเคยได้ยินมาว่า นรกขุมลึกๆ นั้น ไม่มีบุญใดจะอุทิศไปถึงแต่บุญจากกรรมฐานนั้นพอจะไปถึงได้ แบบนั้นเขาไม่ขึ้นมาเหนื่อยฟรี ทรมาณต่อไปอีกนานเท่านานหรือ
"ขึ้นกับกำลังจิต หากเป็นบุญจากกรรมฐานที่จิตนิ่งพอกำลังแรงพอตั้งใจพอก็อาจจะถึงได้ในบางครั้ง"
เป็นคำตอบที่พอจะฟังให้โล่งใจได้บ้าง
"มีอะไรจะถามอีกไหม? ท่านจะพาเขากลับนรกแล้ว"
พิมพาสะกิดถามฉันที่กำลังอึ้งเงียบ จนไม่มีการสนทนาใดๆ
"ไม่มีแล้วล่ะ ฉันตอบกลับไป"
นั่งนิ่งๆ ไม่ได้พิมพ์อะไรเพิ่มเติม
"แค่คิดเบาๆ ดังไปจนถึงนรกเชียวนะ" ฉันแอบบ่นพึมพัมเบาๆ ผ่านไลน์
"เพราะเขาเคยเป็นบรรพบุรุษของแกนะสิ เมื่อมีเชื้อสายเกี่ยวข้องกัน มันก็เชื่อมโยงถึงกัน" พิมพาตอบ
พอพิมพาพูดถึงคำนี้ ทำให้ฉันนึกถึงคำสอนของหลวงปู่จันทาที่บอกว่า หากเราไม่มีกรรมเกี่ยวเนื่องถึงกัน เราไม่มีทางจะมาเจอกันเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้เลย งั้นที่เข้าคิวรอเป็นหางว่าวเหมือนชาวบ้านรอฟ้องศาลไคฟงนี่ก็คงจะเกี่ยวพันกันมาทั้งนั้นสินะ อีกคำสอนของหลวงปู่ดู่ ที่ท่านมักจะเอ่ยเสมอๆ ซึ่งฉันจำได้ขึ้นใจ
"หากเรามีกระจกส่องกรรม เราจะรู้ว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะมีกรรมเป็นตัวกำหนด"
"แยกย้ายกันไปกินข้าว เข้านอนเถอะ ฉันหิวแล้ว .."
ฉันพิมพ์ประโยคตัดบทตามที่ตั้งใจ โดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณพิมพาที่ช่วยทำหน้าที่สื่อให้เป็นอย่างดี จนได้ประสพการณ์อันดีถึง 4 เรื่องราว
"เออ ว่าแต่คนอื่นๆ ถ้าอยากจะเล่าต่อ คงต้องขอให้ไปเล่ากันในฝันแล้วล่ะนะงานนี้" ฉันพูดเล่นๆ แบบกวนๆ
"ไม่มีแล้วล่ะ" พิมพาตอบ
"แค่ยมทูตมา ก็แตกกระเจิงกันเกลี้ยงแล้ว ไอ่ที่เข้าแถวยาวๆ เมื่อกี้หายไปหมดเลย" พิมพาตอบกลับมาแบบขำๆ
"อืม งั้นก็ดี จะได้พัก" ฉันบอกลาเพื่อนๆ ก่อนกลับมาเรียบเรียงเรื่องราวเก็บใน word เพื่อเตรียมเขียนต่อไป จริงๆ ฉันตั้งใจจะตัดบทตั้งแต่คนที่สองที่สามแล้ว แต่ทุกคนมาต่อๆ กันจนไม่ได้พักเลย คราวนี้ตัวอะไรมา ก็จะไม่สนใจล่ะ คิดถึงหมอนนิ่มๆ กับเตียงนุ่มๆ เหลือเกิน / goodnight
หากเป็นไปได้ แม้เพียงเสี้ยวเศษบุญของคนที่ผ่านมารับรู้เรื่องราว หากจะมีน้ำใจปันซักนิด อุทิศถึงชายผู้อุทิศเรื่องเล่า แลท่านยมทูตทั้งหลายและท่านท้าวพญายมราช ไปจนถึงท่านท้าวสยามเทวาธิราชผู้ปกปักรักษาแผ่นดิน
อีกทั้ง คอมเม้นท์น้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจ ให้ผู้เขียนด้วยนะจ้ะ
ขอขอบคุณ
ความคิดเห็น