ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาล..ภพ

    ลำดับตอนที่ #28 : หญิงมากรัก และโทษทัณฑ์

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 58


    กาล..ภพ
          ตอน ๒๘ : หญิงมากรัก และบทลงทัณฑ์ในนรก

     

    พวกเราอยู่ในยุคที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว รักกันง่าย หน่ายกันเร็ว เดี๋ยวท้อง เดี๋ยวทิ้ง เดี๋ยวแท้ง ทุกวันนี้มีวิญญาณเด็กน้อยจำนวนนับไม่ถ้วน ที่คอยเกาะเกี่ยวโอบเอวผู้เป็นมารดาไว้ด้วยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เหตุใดแม่จึงฆ่าหนู

    แม่บางคนแม้เกิดสำนึกผิดในภายหลัง ก็หาวิธีต่างๆ มาทำให้ความรู้สึกผิดบาปในใจลดน้อยลง บ้างก็หาร่างตุ๊กตา หุ่นต่างๆ มาปลุกเสกเรียกจิตวิญญาณของลูกตัวเองที่ยังไม่สิ้นอายุขัยให้เข้าไปอยู่ แล้วให้ข้าว ให้น้ำ จุดธูปเรียก ให้ขนมกับตุ๊กตาตัวนั้นแทนการดูแลลูกตัวเอง เรียกลูกจ้ะ ลูกจ๋า หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้มันทดแทนไม่ได้กับอ้อมอกอุ่นๆ ของแม่ที่พึงมีให้แก่ลูกเลย ฉันเห็นแบบนี้มาแล้ว หลายคนใกล้ๆ ตัว

    เป็นเรื่องแปลกเหลือเกินที่เมืองพุทธแบบประเทศไทยกลับมีอัตราการทำแท้งที่สูงมาก คิดถึงตรงนี้ฉันก็หยุดถอนหายใจเฮือก รู้สึกถึงบรรยากาศหนักอึ้งรอบๆ ตัว คิดถึงประโยคคลาสสิคของรายการผียอดฮิตในช่วงคืนวันพุธ ที่พิธีกรหนุ่มหน้าตาน่ารักมักจะถาม ผู้เข้าร่วมรายการในช่วงร้องทุกข์ “คุณเคยทำแท้ง เคยเกี่ยวข้อง หรือเคยพบหรือแม้แต่ให้เงินใครไปทำแท้งบ้างหรือไม่?”

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ปัญหาทำแท้ง กลายเป็นปัญหาต้นๆ ของความอาฆาตแค้นของดวงวิญญาณ สมัยก่อนนั้นแม้ไม่มีเงินทองมากมาย แต่เพราะเทคโนโลยีที่ยังไม่เจริญก้าวหน้า การทำแท้งจึงเกิดขึ้นไม่มากนัก คนที่อยากได้วิญญาณเด็ก หรือกุมารมาทำกุมารทองจึงต้องไปหาขุดศพเด็กตามป่าช้า หรือผ่าเอาจากศพของผีตายทั้งกลม วิญญาณอันบริสุทธิ์ของเด็กที่ตายก่อนเวลาจนสามารถนำมาทำเป็นกุมารทองได้นั้นมีไม่มากมายเท่าทุกวันนี้เลย สมัยนี้ร่างกุมารที่ปลุกเสกตามแต่สำนักดังๆ แทบจะไม่พอกับวิญญาณทำแท้งด้วยซ้ำไป

    ฉันคิดถึงเรื่องเล่าของพระอาจารย์ท่านหนึ่งตอนที่ท่านไปจงกรมในป่าช้า บรรยากาศอันเงียบสงัดวังเวงโชยด้วยกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพรุนแรง อาจจะเพราะชาวบ้านฝังซากศพไม่ลึก สุนัขจึงมาขุดคุ้ยศพเน่าลากขึ้นมากิน วิธีแก้เรื่องกลิ่นเหม็นนี้ ให้เราสูดลมหายใจลึกๆ เอากลิ่นศพเข้าปอด วิธีนี้จะทำให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับกลิ่นเหม็นเน่าได้เร็วขึ้น ท่านเดินจงกรมไม่นานจนจิตรวมเกิดโอกาศสว่างจ้า

               

                ในแสงสว่างนั้น ท่านเห็นนิมิตเป็นหญิงสาว ๓ นาง ตัดผมสั้นคล้ายผู้หญิงสมัยโบราณ ผิวขาวร่างสูงใหญ่สวยมาก แต่ทั้ง ๓ นางล้วนเปลือยกายล่อนจ้อน เข้ามายืนเว้นระยะห่างจากท่านประมาณ ๒ วา ที่ของลับของพวกนางทั้ง ๓ มีหนอนตัวเท่ามือจำนวนมากมายเจาะอยู่ยุ่บยั่บน่าหวาดเสียว น้ำเหลืองน้ำหนองไหลพลั่กๆ ลงมาที่พื้นดิน จิตของท่านบอกให้รู้ว่าพวกนางทั้ง ๓ เป็นเปรต

     

                นางเปรตทั้ง ๓ ได้เดินไปยืนคร่อมเครือเถาวัลย์แล้วถูไปไถมาทำให้หนอนที่รุมเจาะของลับอยู่นั้นร่วงพรูลงสู่พื้นดิน เป็นภาพที่ทำให้สังเวชสลดใจยิ่งนัก ท่านพระอาจารย์กำหนดจิตถามเปรตทั้งถามไป

     

                “ทำกรรมทำเวรอันใดไว้ ถึงได้มาตกค้างอยู่ในสภาพนี้โยม?

               

                นางเปรตทั้ง ๓ ร้องเสียงดังโหยหวนไปทั้งป่าช้า ร้ำไห้น่าสงสาร กล่าวตอบกลับทั้งน้ำตา

               

                “ข้าน้อยมีทุกข์ทรมาณแสนสาหัสเหลือเกินท่านครูบาเอ๊ย ตั้งแต่สมัยตั้งเมืองนครพนมหลายร้อยปีนานมา พวกข้าน้อยเป็นสาวงม เมื่อมีผัว ก็เล่นชู้นอกใจผัว ไม่เลือกใครเป็นใคร ฝ่ายผัวรู้เข้าก็คับแค้นใจสาปให้ตายไปเป็นเปรต ถูกฝูงหนอนรุมเจาะของลับเช่นนี้แหละ”

     

                พระอาจารย์ท่านกำหนดจิตดู พบว่าท่านและนางทั้ง ๓ เคยเป็นญาติกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาหลายภพชาติ สมควรช่วยเหลือพวกนางให้ไปสู่สุขคติภูมิ ที่ผ่านมาเหตุที่ไม่มีพระสงฆ์องค์เจ้าท่านใดช่วยเหลือนางทั้ง ๓ ได้เลย ด้วยเหตุที่ไม่มีบุญสัมพันธ์กันมาแต่เก่าก่อนให้ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทุกสิ่งทุกอย่งล้วนมีเหตุและผลในตัวของมันทั้งนั้น

     

                ท่านพระอาจารย์รู้สึกสลดสังเวชใจ จึงบอกให้นางเปรตทั้ง ๓ ตั้งใจรับศีล ๕  แล้วจึงสอนให้เดินจงกรมภาวนาพุทโธ สอนให้หัดไหว้พระสวดมนต์กำชับให้เจริญภาวนาพุทโธเอาพุทโธเป็นสรณะ ที่พึ่งอยู่ตลอดเวลาอย่าได้ขาด หากเมื่อมีคนมาทำบุญที่วัดก็ให้พวกนางคอยโมทนาร่วมบุญไปกับชาวบ้านเหล่านั้นด้วย เพื่อให้นางหลุดพ้นได้เร็วยิ่งขึ้น 

     

                ท่านพระอาจารย์ยังย้ำเรื่องการช่วยเหลือกันอีกว่า พระกรรมฐานทุกรูปแม้จะได้ฌานสมาธิแต่ก็ไม่ได้เห็นผีเห็นเปรตหรือเห็นเทวดาเหมือนกันหมดทุกรูป ท่านที่จะเห็นได้ส่วนมากเคยมีกรรมเก่าพัวพันกับผีสางเทวดาเหล่านั้นมาแล้วในชาติปางก่อน การที่ท่านพระอาจารย์เห็นพวกเขาก็ไม่ได้แปลว่าท่านมีตาทิพย์หรืออะไรหรอกนะ แต่เป็นเพราะกรรมเก่ากำหนดมาให้ต้องมาเจอกัน อำนาจสมาธิอาจจะสามารถทำให้เห็นอดีต เห็นอนาคตได้

     

                แต่ถ้าผู้ได้สมาธิระดับนี้ใช้สอดส่องเพ่งมองอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเป็นการอวดตนหรือหวังลาภสักการะแล้ว ย่อมจะทำให้การก้าวหน้าทางธรรมหยุดชะงักอย่างน่าเสียดาย เปรียบประดุจดอกไม้ที่ยังไม่ทันได้บานขึ้นเต็มที่ ก็พลันร่วงโรยไม่มีโอกาสได้กระจายกลิ่นหอมหวลทวนลมแม้แต่น้อย

     

                ยังถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย ที่นางทั้ง ๓ คบชู้สู่ชายแล้วเป็นแค่เปรต หากไปเกิดเป็นสัตว์นรกคงไม่มีโอกาสได้อยู่คอยรับส่วนบุญบนโลกมนุษย์ ยิ่งหากเกิดท้องแล้วตัดสินใจทำแท้งยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคงจะต้องรับโทษทัณฑ์หนักหนากว่านี้นัก

     

                ตามที่เพื่อนของฉันเคยเล่าให้ฟัง (คงต้องเป็นเช่นนั้น เพราะถ้าเกิดฉันลงไปถามท่านพญายมเอง อาจจะเห็นกะทะทองแดงเป็นอ่างน้ำวน หรือสปาอโรม่าแทนก็เป็นได้ เรื่องมโนฉันล้ำเลิศเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว)  บาปโทษของการทำแท้งนั้น ถึงแม้เด็กที่ถูกทำแท้งจะไม่ถือสาโกธรเคืองผู้เป็นบิดา มารดา แต่ทางยมโลกได้บันทึกไว้แล้ว โทษยังคงรอหญิงคนนั้นอยู่เมื่อสิ้นลมหายใจ การลงโทษจะแบ่งเป็นโทษเบากับโทษหนัก

          โทษเบาพบหญิงถูกมัดขึงนอนหงายอยู่ ถูกนายนิรยบาลเอามีดเชือดตรงท้องแบบบั้งปลา เลือดกระจาย เสร็จแล้วนายนิรยบาลจะนำน้ำกรดมาราดที่อวัยวะเพศจนไหม้หมด หญิงนั้นหวีดร้องโหยหวลจนไม่เป็นเสียงมนุษย์ หลังจากถูกราดน้ำกรดจนละลายแล้ว จะถูกจับโยนลงบ่อน้ำกรดจนละลายหมด เสร็จแล้วนายนิรยบาลจะนำโครงกระดูกขึ้นมาราดน้ำทิพย์ทำให้ฟื้นขึ้นมา พองัวเงียฟื้นขึ้นมาจากความตายก็จะถูกจับมัดขึงพืดลงโทษซ้ำๆ จนกว่าจะหมดโทษ 

             ส่วนนรกสำหรับโทษหนักนั้น เอาไว้สำหรับต้อนรับสตรีที่เคยผ่านการทำแท้งแบบคอมโบหลายๆ เซต ประเภทครั้งเดียวไม่พอ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก สอง สาม สี่ ห้าครั้ง (มันไม่พังบ้างหรือยังไง) เอาที่เขาเล่ามานะ สัตว์นรกหญิงตนนั้นถูกมักขึงพืดนอนหงายเปลือยกายอยู่ นายนิรยบาลตนหนึ่งนำเหล็กเผาไฟไว้แดงมานาบทั่วตัวท่ามกลางเสียงหวีดร้องอย่างสุดเสียง เนื้อและเลือดไหม้ไฟควันคลุ้ง แต่เธอไม่ตายไม่หมดสติ เพราะเป็นต้องรับกรรม เธอถูกเหล็กเผาไฟแดงๆ นายไปทั่วตัว จนสภาพร่างแทบไม่เหลือความเป็นมนุษย์ เลือดเนื้อบนร่างของเธอเละเทะ แต่แม้จะตายก็ทำไม่ได้

           พอนายนิรยบาลนาบเหล็กเผาไฟจนทั่วตัวแล้ว ก็หยิบท่อนเหล็กเผาไฟท่อนใหญ่ที่เผาจนร้อนแดงโชนอีกท่อนหนึ่ง นำมาแทงเข้าไปที่ช่องคลอดของสัตว์นรกหญิงตนนั้น ไม่ต้องคาดเดา เสียงหวีดกรีดร้องแทบไม่เป็นภาษามนุษย์แลดูน่าสยดสยองมาก ร่างของสัตว์นรกไหม้หมดทั้งตัว ตกลงตอนนี้เธอตายแล้ว นายนิรยบาลก็นำน้ำทิพย์มาราดรดที่ร่างของเธอ เป็นที่น่าอัศจรรย์ ร่างของเธอค่อยๆ กลับฟื้นขึ้นมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง เมื่อรู้สึกตัวก็ถูกจับลงโทษซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดกรรมที่ทำแท้ง

     

    ฟังเรื่องเล่ามาจนถึงตอนนี้แล้ว หญิงใจร้ายทั้งหลายรู้สึกเช่นไร? สำหรับฉันไม่รู้สึกอะไรเลยแม้ซักนิด ไม่ใช่เพราะว่าฉันตายด้านไม่รู้สึกรู้สานะ แต่เพราะว่าฉันไม่คิดว่าจะได้ลงไปเที่ยวนรกขุมนั้นต่างหากล่ะ จริงๆ แล้วฉันไม่ได้อยากให้ใครลงไปเที่ยวนรกแลนด์ทั้งนั้นแหละ หากจะไปก็ขอให้ไปแบบฝึกฝนสมาธิแล้วลงไปกันเอง ไม่ใช่ไปแบบสิ้นอายุขัยแล้วต้องลงไปชดใช้กรรม .. 



         รู้กันเช่นนี้แล้ว ... วันนี้ คุณทำดี หนี นรกกันแล้วหรือยัง ...
    (ทำซาวเอฟเฟคแบบคนอวดผี)


    *** เครดิตเรื่องเล่า หลวงปู่จันทา ถาวโร และ สหายธรรม นาม คนธรรมดา

    บางครั้ง ผู้เขียนรู้สึกว่า มันหลุด เจตนาเดิมไปไกลอยู่นะ เรื่องนี้ คือตอนแรก ผู้เขียน ตั้งใจจะเขียน แนวเอาฮา แบบว่า ฮาเร็มๆ อ่ะ 
    หรือไม่ก็ ผีต๊องๆ เทวดา บวมๆ หรือแบบ ว่ากุมารน้อย น่ารักแสนกวนบาทา
    คือเราอยากนำเสมอ มุมของพลังงานลี้ลับ ที่น่ารักๆ ที่ผู้อ่านไม่เคยได้สัมผัส
    แต่การจะทำแบบนั้น วันๆ เราต้องนั่งจ้อง นั่งมอง นั่งคุยกับพวกเขา
    ซึ่งพระอาจ๊านนน (ทำเสียงสูง) ท่านสั่งห้าม เพราะมันขัดกับหลักการปฏิบัติ
    มันไม่ใช่แนว ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกรรมฐาน


    พอหันมาเขียนเรื่องคนอื่น
    เขียนไปเขียนมา กลายเป็น แนวสยองขวัญ เอ็กโซติส ไปซะได้ -______-' 

    เคยคิดจะกดปิดเรื่องหลายหน แต่ก็กลัวจะทนคิดถึงกันไม่ไหว 
    อยากจะถามผู้อ่านเหมือนกันนะ ว่าเราจะ ไปกันต่อใช่ไหมจ๊ะ

    ... ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อมไปด้วยกัน .... มุ่งมั่นทางศรีธัญญา 



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×