ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาล..ภพ

    ลำดับตอนที่ #25 : ผลของการทำบุญด้วยทรัพย์ที่ได้โดยมิชอบ

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 58


    กาลภพ
          ตอน 25 :  ผลของการทำบุญด้วยทรัพย์ที่ได้โดยมิชอบ

     

     

             ฉันนั่งมองสุนัข 3 ตัว หยอกเล่นกัน พวกมันทั้งสามเป็นพี่น้องกัน เกิดจากที่อื่นแล้วมีคนนำมาให้ที่นี่ ท่านพระครูเล่าว่า 3 ตัวนี้ มีประวัติพิศดารบางอย่างที่ท่านต้องช่วยเหลือดูแลมันไว้ 2 ตัวแรก ก็ดูเหมือนสุนัขทั่วๆ ไป เมื่อเติบโตก็เที่ยวไล่เกี้ยวสุนัขสาวๆ จนออกลูกออกหลาน เหลือไว้อยู่ตัวหนึ่งชื่อ ‘เจ้าหมี’

     

    เจ้าหมีนี่ มันหวงเนื้อหวงตัว ไม่เคยมีทีท่าว่าจะออกไปจีบสุนัขสาวๆ แบบพวกพี่น้องของมัน ซ้ำยังเอาแต่นอนเฝ้ากุฏิท่านพระครูไม่ไปไหน 

     

    ท่านพระครูลงมาพบญาติโยมตามปกติ เจ้าหนุ่มทั้งสามตัวเหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะมีแขกพิเศษมาหาท่านพระครู พวกมันลงมานอนเล่นรอที่หน้ากุฏิแต่เช้าไม่ไปไหน จนเมื่อมีหญิงสาวสองคนก้าวเข้ามา

     

    ผู้หญิงสองคน เดินตรงเข้ามาหยุดที่หน้ากุฏิพระครู ที่หนุ่มๆ ทั้งสามตัวนอนเรียงรายขวางทางอยู่ คนที่หน้าตาเหมือนแขกก็หยุดจ้องหน้าทั้งสามเหมือนตะลึงกับสุนัขทั้งสาม จ้องไปจ้องมาเธอก็น้ำตาไหลอย่างไม่อาจกลั้นได้  จนเพื่อนที่มาด้วยต้องสะกิดให้เธอเข้ามากราบท่านพระครู

     

    เพื่อนที่มากราบท่านพระครูสามครั้ง แต่ตัวสาวหน้าแขกไม่ได้กราบตาม เธอให้เหตุผลว่า “หนูเป็นมุสลิม ไม่สามารถกราบพระได้ หลวงพ่อคงไม่ว่าหนูนะค่ะ”

     

    “ไม่ว่าหรอกจ้ะ หนูยังดีกว่าชาวพุทธบางคนที่ไม่เคยเข้าวัดด้วยซ้ำ”

     

    “ที่จริงหนูก็ไม่ควรมาหรอกค่ะ แต่หนูไม่ได้เคร่งถึงขนาดนั้น คนที่เขาเคร่งจริงๆ เขาจะไม่เข้าวัดของศาสนาอื่น” หล่อนหันไปทางสุนัขทั้งสามที่นอนหาวเกลือกกลิ้งอยู่ด้านหน้ากุฏิแล้วพูดต่อ

    “หลวงพ่อค่ะ สุนัขตัวใหญ่สีดำนั่น ชื่อเจ้าหมีใช่ไหมค่ะ?”

    “ถูกแล้วมันชื่อเจ้าหมี ทำไมหนูรู้ล่ะ?” ท่านพระครูถามกลับ

    “เขาไปเข้าฝันหนูค่ะ ไปกับอีกสองตัวนั่น มันแปลกที่สุดในโลกเลยค่ะ” คนเล่ามีท่าทางตื่นเต้น เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

    “แปลกยังไง เล่าให้หลวงพ่อฟังได้ไหมหนู?”

    “ได้ค่ะ คือเมื่อคืนวันอาทิตย์ก่อน หนูฝันเห็นเขาทั้งสามตัวเลยค่ะ” หล่อนหยุดเว้นช่วงนิดหนึ่ง เมื่อสังเกตุเห็นอาการผู้ร่วมศาลาบางคนคล้ายกำลังกลั้นหัวเราะเหมือนไม่เช่ือเรื่องที่เธอเล่า แต่ท่านพระครูไม่คิดเช่นนั้น เพราะวัดนี้มักจะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

     

    “เล่าต่อไปสิหนู หลวงพ่ออยากฟัง” ท่านเอ่ยขึ้น เมื่อให้หญิงสาวรู้สึกสบายใจว่าหลวงพ่อท่านไม่ได้คิดเหมือนที่บางคนคิด

    สาวมุสลิมจึงเล่าต่อ “ในฝันหนูกำลังร้องไห้ คือหนูปลูกบ้านให้เช่าอยู่กรุงเทพค่ะ แต่คนเช่าก็มักจะหนีไม่จ่ายค่าเช่า เป็นแบบนี้อยู่หลายหน หนูก็ต้องแบกรับภาระค่าน้ำค่าไฟที่ผู้เช่าหนีไป ซ้ำค่าเช่าบ้านก็ยังไม่จ่ายอีกต่างหาก หนูขาดทุนทุกเดือนจนเป็นหนี้เป็นสิน นอนร้องไห้ทุกคืน”

     

    “เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหนูก็นอนร้องไห้จนหลับไป แล้วหนูก็ฝันเห็นเขาทั้งสาม เจ้าหมีถามหนูว่า ‘น้าๆ ร้องไห้ทำไม’ หนูก็ตอบกลับไปว่า น้าโดนโกงค่าเช่า เจ้าหมีบอกว่า ‘น้าไม่ต้องร้องไห้หรอก ไปหาหลวงพ่อที่สำนักสวนป่าไผ่สิ หลวงพ่อช่วยได้’ จนหนูตื่นขึ้นมาทั้งภาพทั้งชื่อวัดยังแจ่มชัด ขาดเพียงจังหวัดที่หนูจำไม่ได้ จึงตะเวนถามเอากับคนรู้จักไปเรื่อย บังเอิญเพื่อนคนที่พาหนูมานี่เขาเคยมีญาติมาปฏิบัติที่นี่ เขาจึงพาหนูมาค่ะ หลวงพ่อต้องช่วยหนูนะค่ะ” คนเล่าสรุปจบเรื่องแบบดื้อ ๆ ถึงเหตุผลของการมาครั้งนี้

     

    ผู้ที่นั่งฟังในศาลาตอนนี้หลายคนเร่ิมมีท่าทางเชื่อเธอมากขึ้น เพราะเจ้าทั้งสามตัวก็ยังนอนเรียงรายอยู่หน้ากุฏิเป็นพยานได้เป็นอย่างดี

    “แหม เจ้าหมีนี่ใจบุญจริง อุตส่าห์ไปช่วยเขาถึงกรุงเทพ สงสัยมันกลัวว่าอาตมาจะไม่มีงานทำ เลยไปหางานมาให้” ท่านพูดยิ้มๆ

     

    “หลวงพ่อต้องช่วยหนูนะค่ะ” สาวมุสลิมยังย้ำเรื่องที่ต้องการให้ช่วย

    “จะให้ช่วยยังไงล่ะหนู?”

    “ช่วยหาคนดีๆ มาเช่าบ้าน หนูจะได้ไม่ถูกโกงค่ะ”

    “หาคนดีๆ นี่ยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีกนะโยม”

    “แต่ถึงจะยากยังไง หลวงพ่อก็ช่วยได้แน่ค่ะ ไม่อย่างนั้นเจ้าหมีคงไม่ลงทุนไปเข้าฝันหนู” สาวมุสลิมยังย้ำด้วยความเชื่อมั่นว่า การมาของเธอครั้งนี้จะไม่คว้าน้ำเหลวอย่างแน่นอน

    “เอาละ ช่วยก็ช่วย หนูสวดมนต์ได้ไหม?”

    “สวดไม่ได้ค่ะ สวดไม่เป็นด้วยค่ะ ศาสนาหนูไม่ให้สวดค่ะ”

    “แล้วศาสนาของหนูมีสวดมนต์หรือเปล่า?”

    “มีค่ะ ก่อนละหมาดเราต้องสวดมนต์ทุกครั้งค่ะ”

    “ถ้าเช่นนั้น หนูสวดไปตามที่ศาสนาหนูสอนละกัน พอสวดเสร็จก็ตั้งใจแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วถ้าหลวงพ่อจะให้พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๕ หนูจะบูชาได้ไหม? ศาสนาจะห้ามไหม?”

    “ไม่ห้ามค่ะ ในหลวงไม่ห้ามค่ะ แต่ถ้าเป็นพระห้ามค่ะ”

    “งั้นก็ดีแล้ว หลวงพ่อจะให้หนูแผ่นนึง หนูเอาไปใส่กรอบไว้บูชานะ ขอบารมีพระองค์ให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง ทำตามที่หลวงพ่อบอกนะ ไม่เกินสองเดือนรับรองรู้ผล”

    “เสร็จธุระแล้ว หนูขอลาหลวงพ่อนะค่ะ” เมื่อสมใจแล้วจึงเอ่ยลาทันทีไม่อยู่เนิ่นนาน แต่ไม่ได้ก้มลงกราบเพราะกลัวว่าจะผิดหลักของศาสนา เมื่อหญิงทั้งสองจากไปแล้ว คนในศาลาที่ทำหน้าสงสัยอยู่หลายคนก็เริ่มเอ่ยปากขึ้นถาม

     

    “เป็นไปได้หรือหลวงพ่อ ที่สุนัขจะไปเข้าฝันคน?”

    “โยมไม่เชื่อใช่ไหม?” ท่านพระครูย้อนถาม

     

    ชายคนดังกล่าวหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบตามความคิดตน

    “เชื่อครับ แต่ก็อยากให้หลวงพ่อยืนยันเพื่อความแน่ใจ”

    “ถ้าเช่นนั้น อาตมาก็ขอยืนยันว่าเจ้าหมีไปเข้าฝันแม่หนูคนนั้นจริงๆ โยมอาจจะสงสัยว่าทำไมหมาถึงทำได้ ที่มันทำได้เพราะชาติก่อนมันเคยเกิดเป็นคน เรื่องราวของมันนั้นอาตมาจะเล่าให้ฟัง”

    “แต่ก่อนอื่นญาติโยมจะต้องเชื่อเรื่องภพชาติก่อน อีกทั้งเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดว่าที่พวกเราอยู่ทุกวันนี้ ผ่านการเกิดและการตายมาแล้วไม่รู้กี่ภพกี่หมื่นกี่แสนชาติ เกิดเป็นมนุษย์บ้างเป็นเดรัจฉานบ้าง เป็นเทวดาบ้างเป็นสัตว์นรกบ้างแล้วแต่กรรมที่ทำกัน

     

    ทีนี้สมมุติว่า นาย ก. เกิดเป็นมนุษย์จนอายุได้ยี่สิบแล้วก็ตายเพราะอุบัติเหตุหรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อตายก็ได้ไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์อีก เมื่อเขาเริ่มรู้ประสาเขาจะจำชาติที่แล้วของตนได้ เพราะเวลาที่เกิดเป็นมนุษย์ของตนนั้นมันสั้นและต่อเนื่องกัน จึงทำให้เขาจำอดีตได้ แต่อย่างคนปกติเมื่อนานๆ ไป ก็มักจะลืม อย่างเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน โยมคิดว่าโยมจะจำเรื่องไหนได้แม่นกว่ากันละ

     

    ในกรณีเจ้าหมีนี่ก็เช่นกัน เพราะชาติที่แล้วมันเกิดเป็นคนมาเนิ่นนาน มันรู้ภาษาคนเพียงแต่มันพูดไม่ได้เท่านั้น”

     

    “ในเมื่อมันพูดไม่ได้แล้ว หลวงพ่อคุยกับมันรู้เรื่องได้ยังไงล่ะครับ” บุรุษผู้หนึ่งไม่วายสงสัย

     

    ท่านพระครูยิ้มขำๆ ดูท่าเจ้าหนุ่มนี่จะคิดว่าท่านพูดภาษาสุนัขได้กระมัง

     

    “ไม่ยากหรอกโยม เพราะถึงมันพูดไม่ได้ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาพูด อาตมาใช้ภาษาจิตสอบถามมัน อย่าลืมนะว่าภาษาจิตเป็นภาษาสากล ถ้าต่างคนต่างฝึกจิตจนถึงขั้นสื่อสารกันได้ถึงจะต่างชาติต่างภาษาก็คุยกันรู้เรื่อง”

     

    คราวนี้ชายคนนั้นทำหน้านิ่วหนักกว่าเดิม “แปลว่าเจ้าหมีต้องฝึกจิตหรือครับ ถึงจะคุยกับหลวงพ่อรู้เรื่อง”

     

    เป็นเดรัจฉานทำแบบนั้นไม่ได้หรอกโยม เพราะการเกิดเป็นเดรัจฉานถือว่าเป็นอบายภูมิ หมดโอกาสที่จะประกอบกุศลสร้างกรรมดี แต่ที่เจ้าหมีมันทำได้ เพราะมันมี ‘สัญญา’ คือการจำได้หมายรู้ มันมีสัญญาเดิมหลงเหลือมาจากชาติที่เป็นมนุษย์ จึงฟังภาษามนุษย์ได้รู้เรื่องทั้งๆ ที่พูดไม่ได้ มันก็แปลกนะ แต่ก็เป็นเรื่องจริง”

     

    “แล้วมันเล่าให้หลวงพ่อฟังว่าอย่างไรบ้างครับ?” คนที่ยังสงสัยถามขึ้นต่อ

     

    “มันเล่าว่า เมื่อชาติที่แล้วก่อนที่มันจะมาเกิดเป็นเจ้าหมีแบบนี้ มันเกิดเป็นมัคทายกของวัดนี้มาก่อน และที่ต้องมาเกิดเป็นสุนัข เพราะกรรมที่มันชอบไปเรี่ยไรเงินคนเขามาทำบุญ เรี่ยไรเก่งมากแต่ไม่เคยเรี่ยไรตัวเองเลย เพราะถือว่าตนเป็นสะพานบุญบอกต่อคนอื่นแล้ว”

     

    “แม้มันจะทำบุญแต่ก็เป็นเงินของคนอื่น ไม่ใช่เงินของตัวเอง ในที่สุดมันเลยต้องมาเกิดเป็นสุนัขคอยดูแลวัดนี้ เรื่องของกรรมมันซับซ้อนนะโยม มันซับซ้อนมาก บวกกับการที่เจ้าหมีมันเอาเงินของคนอื่นมาทำบุญ จึงทำให้ต้องมาเกิดในอบายภูมิ คือเกิดมาเป็นเดรัจฉาน ตอนแรกมันก็ไม่ได้เกิดที่วัดนี้หรอกนะ แต่พอมันได้มาอยู่ที่นี่ มันก็จำได้ เพราะเคยอยู่มาแต่ครั้งอดีตชาติ” ท่านพระครูพูดยาวๆ ต่อเนื่องโดยไม่ได้หยุดพัก แล้วยกแก้วน้ำข้างกายขึ้นจิบเล็กน้อย

     

    "เราว่าเราจบเรื่องเจ้าหมีกันดีกว่าไหม? อาตมาอยากบอกกับญาติโยมว่า ถ้าใครอยากระลึกชาติได้ก็ให้หมั่นเจริญกรรมฐาน ถ้าระลึกชาติได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นโยมจะรู้ว่าการเวียนว่ายตายเกิดนั้นเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ทุกข์ทั้งนั้น จะเกิดเป็นมนุษย์หรือเกิดเป็นเทวดาก็ยังคงมีความทุกข์ แต่ก็นั่นแหละ ถ้ากรรมยังไม่สิ้นก็จำเป็นจะต้องเกิดอีก ไม่ว่าจะอยากเกิดหรือไม่อยากเกิดก็ตาม”

     

    ฉันคิดถึงคำท่านพระครูที่ว่า ‘เมื่อระลึกชาติได้จะรู้ว่าเกิดเป็นอะไรก็เป็นทุกข์’  นี่ขนาดฉันยังระลึกไม่ได้ซักชาติฉันว่าฉันก็ทุกข์นะ ฉันมองสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวฉัน พวกเขาก็ล้วนแต่เป็นทุกข์ เจ้ากรรมของฉันทุกข์เพราะฉันยังทุกข์ทรมาณไม่มากสมใจ เขาก็คอยตามจองเวรกันอยู่ร่ำไปไม่ไปไหน พวกเขาเฝ้ารอว่าเมื่อไรฉันจะย่อยยับเหมือนที่เคยทำกับพวกเขาไว้ ส่วนพวกหนุ่มๆ รอบกายฉันแม้จะมีสุขคติภูมิเป็นที่กำเนิดแล้ว ฉันก็ยังเห็นว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่ยังคงทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากคนที่เขารัก

     

    จะบอกว่าฉันไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดก็คงไม่ได้ เพราะเมื่อปีที่แล้วป้าของฉันเพิ่งเสียชีวิต ฉันยังบอกเขาว่า แน่จริงเข้าฝันกันด้วยนะ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาเข้าฝันฉัน ในฝันฉันจำได้ว่าเขาตายแล้ว ยังทักทายไปเลยว่า

     

    ‘อ้าว ป้า ตายไปแล้วนี่ เป็นยังไงบ้างสบายดีไหม?’  ในฝันฉันมีสติระลึกครบถ้วน เขายังยิ้มๆ แล้วเข้ามาโอบเอวฉันไว้ บ่งบอกว่าคิดถึงและสุขสบายดี เขายังคงไม่ได้ไปไหน วนเวียนอยู่รอบๆ คนที่เขารัก 

     

    เพราะว่าฉันไม่กลัวผีละมั้ง เขาถึงมาหาให้ฉันรู้ว่าเขาเป็นผี คนอื่นๆ ที่เขาไปหามักจะทำหน้าแหยงๆ กันหมด ของคนอื่นเขาบอกว่าลืมไปว่าตายไปแล้ว ในฝันแกจะมาหาเหมือนยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

     

    ด้วยความที่แกทำบุญมาเยอะ ฉันมั่นใจว่าป้าท่านนี้ต้องเกิดในภพภูมิที่ดีแน่ๆ เพราะถ้าไม่ดีจริงคงไม่มีเวลามาเยี่ยมลูกหลานแบบนี้ เท่าที่รู้นอกจากฉันแล้ว แกก็ตะเวนไปบ้านคนนั้นคนนี้ พี่น้องฉันอีก 2 คนแกก็ไปเข้าฝัน พี่น้องแก แกก็ไปเข้าฝัน เรียกว่าไปหาเหมือนเมื่อครั้งยังมีชีวิตไม่มีผิด บางทีก็พากันไปเที่ยวที่ต่างๆ

     

    คนเราเกิดมาเพียงเพื่อทำบุญไปชาตินึงๆ แล้วชาติต่อไปจะได้ดีๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปเท่านั้นหรือ? ต่อให้เกิดเป็นเทวดานางฟ้า สุดท้ายเมื่อบุญหมดก็ต้องมาเกิดใหม่ เกิดแล้วเกิดเล่า ไม่รู้จักจบจักสิ้น เผลอๆ เกิดมาลืมทำบุญคราวหน้าเกิดมาเป็นหมาให้เขาเตะเล่นไม่แย่หรือไงกัน? คิดถึงตรงนี้ คิ้วของฉันเริ่มขมวดกัน ความสงสัยในเรื่องที่คงไม่มีทางหาคำตอบได้นี่ มันช่างน่าหงุดหงิดหัวใจ

     

    ที่ฉันมานั่งอยู่ที่สำนักสวนป่าไผ่แห่งนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการระลึกชาติ หรือว่าอยากเหาะเหินเดินอากาศได้หรอกนะ ฉันก็เหมือนคนอื่นๆ ทั่วๆ ไปนั่นแหละ ถ้าไม่ทุกข์ก็ไม่เคยหรอกที่จะคิดถึงวัด แต่เมื่อได้มาแล้วซักครั้ง ทุกข์มันก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกนะ แต่ว่าเรากลับรู้สึกว่าเราอยู่ได้แม้ว่ามันจะทุกข์

     

    คำว่า ‘ทุกข์’ สั้นๆ คำเดียวนี่ พวกเราเสียเวลาเรียนรู้กันมา ไม่รู้กี่ภพชาติกันแล้วเนอะ...

     

     

     

     

     


     

    เย้ เย กลับมาเขียนได้อีก 1 ตอน เพิ่งเข้ามาดูเมื่อวาน ต๊กกะใจ นี่เราทิ้งเรื่องนี้ไปตั้ง เกือบ 10 วันแล้ว หรือนี่ .... ทั้งๆ ที่วิธีเขียนก็ไม่ได้ยากเย็นเลย อาศัยเรื่องเล่าต่างๆ ที่ฟังมาอยู่เต็มหีบ ถ่ายทอดออกมาให้ผู้อ่านเข้าใจ (ยากตรงที่เขียนยังไงให้เข้าใจนี่แหละ) 


    คืนนี้ฝันดี ผีรอบเตียงจ้า  

    ปอลิง. จริงๆ เราก็ไม่แปลกใจ ที่นิยายเรื่องนี้จะมีคอมเม้นท์ไม่มาก เราว่าถ้าเราเป็นคนอ่านก็จะอยู่ในความรู้สึกที่ว่า .. จะคอมเม้นท์อะไรดี    แต่ถ้ามีความคิดเห็นบ้างจะแจ่มเลยล่ะ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×