คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : กรรมของการฆ่าตัวตายแม้เป็นพระก็ยังต้องลงนรก
กาล…ภพ
ตอน 23 : กรรมของการฆ่าตัวตายแม้เป็นพระก็ยังต้องลงนรก
ฉันกำลังอยู่ที่ สำนักสวนป่าไผ่** นั่งฟังพระอาจารย์เล่าเรื่องราวต่างๆ ของท่านด้วยความเพลิดเพลิน ท่านเป็นพระนักพูดที่มีความสามารถ แม้ว่าตอนนี้ท่านจะมากด้วยวัยแล้วแต่ท่านก็ยังคงออกพบปะเหล่าลูกศิษย์และผู้มีศิษย์ศรัทธาทุกวัน ท่านให้เหตุผลว่า เพราะพวกเขาต่างมาจากที่ไกล หากไม่ได้พบก็คงจะผิดหวัง
ฉันและพวกผู้เข้ากรรมฐานท่านอื่นๆ กำลังรวมตัวกันอยู่บนศาลาเพื่อฟังธรรมและสอบอารมณ์ ทั้งๆ ที่พระครูท่านมักจะปลอบว่าอย่าตื่นเต้นไป แต่พวกเราทุกคนก็อดตื่นเต้นทุกครั้งที่มีการสอบอารมณ์ไม่ได้ อย่างน้อยก็คงไม่มีใครอยากจะสอบแล้วได้ผลแย่ลงกว่าเดิมแน่ๆ ล่ะ “ตกก็ไม่เจ็บ” “ทำบ่อยๆ ทำให้เป็นวสี” ท่านมักจะพูดแบบนี้เสมอ (วสี คือ ความชำนาญ)
“เมื่อคืนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอะไรกันหรือครับหลวงพ่อ?” ลูกศิษย์คนหนึ่งเอ่ยถามพระอาจารย์
“โยมอยากรู้หรือ?” พระครูถาม
“ถ้า ไม่อยากรู้แล้วจะถามหรือครับ” ผู้ถามตอบยิ้มๆ
อันที่จริงพวกเรามักจะรบเร้าให้พระครูท่านเล่าเรื่องของท่านให้ฟังหลังจาก สอบอารมณ์อยู่บ่อยๆ หากมีเวลา ถ้าจะพูดให้ถูกต้องแล้วพวกเราก็ถามท่านทุกอย่างที่สงสัยนั่นแหละ เพราะท่านมักมีประสพการณ์แปลกๆ มาเล่าให้ฟังเสมอ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์มีมาก เบื้องต้นเราก็คงต้องเอากิเลสมายั่วกิเลสเสียก่อนด้วยเรื่องราวเหนือธรรมชาติพวกนี้แหละ เมื่อเขาเริ่มเข้าวัดเราก็ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสเหล่านั้นออกให้มันบางเบาไป สุดท้ายมันก็จะลดลงไปได้เอง
พระครูท่านเคยบอกว่า พระนี่นะต้องเป็นได้ทุกอย่าง เป็นหมอ เวลาคนป่วยโคม่ารักษาไม่ได้ก็มาเข้าวัด หลายคนบอกจะขอมาตายที่วัดแต่พอได้ปฏิบัติธรรมกลับหายก็มีมาก ที่จองเมรุสั่งเสียลูกหลานไว้แล้วก็เลยไม่ต้องใช้ บางครั้งก็ต้องเป็นทนายไกล่เกลี่ย ผัวเมียทะเลาะกันก็หนีมาเข้าวัด พระต้องคอยเจรจาไม่ให้มาตบตีกันในวัดก็บ่อย เมียหาย พ่อตาป่วย สอบไม่ติด ผีเข้า หรือแม้แต่ตกงานก็มาเข้าวัด ทำไมตอนมีความสุขถึงไม่คิดถึงวัดกันบ้างก็ไม่รู้
“ผีเข้า” ท่านกล่าวยิ้มๆ
“แต่ไม่ใช่ผีจริงๆ หรอกนะ ผีพนันน่ะ นางลำดวนที่อยู่หลังวัด มักแอบผัวแกไปเล่นไพ่ประจำ ทีนี้พอวันไหนเล่นเสียก็จะทำเป็นผีเข้า แล้วด่าลูก ด่าผัว ทำเป็นเฉไฉกลัวว่าลูกกับผัวจะสงสัยว่าแกหายไปไหนมาทั้งวัน แล้วทีนี้เมื่อวานแกเสียมากไปหน่อย ก็เลยแกล้งทำเป็นผีเข้าตั้งแต่เช้ายันหัวค่ำก็ยังไม่ยอมออก ด่าลูกด่าผัวอยู่นั่นแหละ จนต้องมาตามอาตมาไปไล่ผีดึกๆ ดื่นๆ เพราะกลัวว่ามืดแล้วจะรบกวนเพื่อนบ้านแล้วลูกจะไม่ได้พักผ่อน”
“แล้วหลวงพ่อทำยังไงครับ? ผีปลอมถึงยอมออก” ลูกศิษย์คนเดิมถามต่อ
พระครูยิ้มน้อยๆ "ผีแบบนี้ใช้น้ำมนต์หรือพระทั้งวัดมันก็คงไม่ออกหรอก อาตมาเลยให้ผัวแกปรุงยาไล่ผีสูตรพิเศษให้นางลำดวลทาน แหม่ ยังไม่ทันกรอกลงคอเลยผีออกแทบไม่ทันเชียวล่ะ” พระครูพูดอย่างอารมณ์ดี
“บอกผมบ้างได้ไหมครับ เผื่อผมจะได้เอาไปใช้กับแม่อีหนูที่บ้านบ้าง” คราวนี้เป็นลูกศิษย์ชายอีกคนพูดอย่างนึกสนุก
“ได้สิ ถ้าไม่กลัวแม่อิหนูที่บ้านเอาไม้แพ่นหัวแตก แล้วอย่ามาให้อาตมาช่วยไกล่เกลี่ยล่ะ กรรมใดใครก่อนะ” ถึงตรงนี้พวกเราหัวเราะกันฮาทั้งศาลา
“แล้วตอนนั้นหลวงพ่อใช้อะไร ผีปลอมมันถึงยอมออกครับ?”
“ใช้พริกขี้หนูสดๆ แก่ๆ ยิ่งสีแดงยิ่งดี ตำกับเกลือซักถ้วยใหญ่ๆ”
“แล้วก็ให้ลูกกับสามีนางลำดวนจับกรอกลงปากให้หมดถ้วย แต่กว่าจะง้างปากผีให้อ้าได้นี่ก็ต้องให้สามีนางลำดวนใช้แรงมากพอสมควรเลยเชียวล่ะ เพราะผีทั้งดิ้นทั้งถีบ อาตมายังต้องคอยหลบเพราะเกรงจะโดนลูกหลงเข้าไปด้วย เมื่อยาเข้าปากเท่านั้นแหละ ผีปลอมก็พ่นออกมาเต็มไปหมด ทั้งลูกทั้งผัวนางลำดวนนี่แตกกระเจิงเพราะกลัวความแสบร้อนของพริก ทีนี้ผีปลอมก็ร้องหาน้ำพัลวันเลย แต่อาตมายังไม่ให้หรอกนะ บอกว่าถ้าให้น้ำตอนนี้เดี๋ยวผีจะไม่ยอมออกจริงเดี๋ยวมันจะกลับมาอีก ต้องกรอกพริกให้หมดถ้วยก่อน”
“เห็นไหมแค่กรอกเข้าไปคำเดียวผีออกทันทีเลย เอายาไปกรอกอีกให้หมดถ้วยรับรองผีไม่กล้าเข้าอีก” ท่านพระครูบอกสามีนางลำดวนโดยหมายจะดัดสันดานผีปลอมให้เข็ด
“โอย พอแล้วจ้ะหลวงพ่อ ผีมันไม่กล้าเข้าอีกแล้ว ฉันรับรอง” นางลำดวนพูดกับพระครูด้วยเสียงอู้อี้เพราะปากที่ตอนนี้บวมเจ่อเหมือนปากครุฑ
“แน่นะ” ท่านพระครูยังย้ำถาม
“แน่นอนจ้ะ ขอฉันทานน้ำหน่อยนะจ้ะ” นางลำดวนตอบเสียงอ่อย พลางคิดในใจ ต่อไปนี้เสียไพ่แค่ไหนก็จะไม่แกล้งทำผีเข้าอีกแล้ว เพราะไม่อยากให้ผัวไปตามพระครูมาไล่ผีแบบนี้อีก
“เอาล่ะ อาตมาขอพูดอะไรซักหน่อย นี่โยมคล้อย (สามีนางลำดวน) รู้ไหม ผีอะไรมันเข้านางลำดวน”
“ไม่ทราบขอรับหลวงพ่อ ผีอะไรหรือขอรับ”
“ผีพนัน โยมลำดวนโดนผีพนันเข้าสิง วันไหนเสียวันนั้นผีเข้า วันนี้เสียมากหน่อยผีเลยเข้านานหน่อย”
ถึงตอนนี้ สามีนางลำดวนหันมามองหน้านางลำดวนที่ทำหน้าแหยๆ นายคล้อยมองหน้าคนเป็นเมียอย่างจะกินเลือดกินเนื้อและเจ็บใจที่เสียรู้
“อ้อ มิน่าเล่า กระผมถึงว่าทำไมเงินทองมันไม่ค่อยพอใช้ บางทีก็หายไป กระผมยังคิดว่าลูกๆ มันเอาไปซื้อขนมกินก็ไม่ได้ว่าอะไร บางครั้งหายเยอะก็ถามกับแม่ลำดวน แม่ลำดวนก็มาผีเข้าเลยยังไม่ทันได้รู้เรื่องอะไรกันเสียที พอผีมันออกกระผมก็ลืมเรื่องที่จะถามไปสนิท คราวหน้าถ้าผีเข้าอีก กระผมคงต้องไล่ผีด้วยเท้าเสียกระมัง”
“อาตมาขอล่ะ อย่าให้ถึงกับต้องลงมือลงไม้กันเลย พูดจากันดีๆ ก็พอ" หลวงพ่อปรามเมื่อเห็นสองผัวเมียเริ่มจะวางมวยกันต่อหน้าพระ
เมื่อท่านพระครูเห็นว่าผีออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงขอตัวกลับมาพักผ่อนที่วัดต่อ
“แล้วหลวงพ่อทราบได้อย่างไรครับ ว่าเป็นผีปลอม” คนช่างสงสัยคนเดิมยังซักต่อ
“อาตมามีวิธีพิสูจน์” ท่านพูดยิ้มๆ ท่านคงหมายถึงวิชาของท่านนั่นแหละ ของพวกนี้เป็นปัจจัจตังที่รู้ได้เฉพาะตน
“โยมรู้ไหมว่านรกอยู่ที่ไหน” ท่านไม่บอกวิธีพิสูจน์กับชายคนนั้นเพราะหวังให้ลูกศิษย์ทุกคนพิสูจน์ด้วยตัวเองมากกว่า แต่กลับถามคำถามต่อ
“ไม่ทราบสิครับ ผมก็ไม่เคยเห็นเสียด้วย”
“อาตมาก็ไม่เคยเห็น แต่คราวก่อนที่ผีตาเง็กมาเข้าสิงยายเภา วันนั้นตรงกับวันโกน วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันสารท ซึ่งตรงกับวันที่แกผูกคอตายครบปีพอดี”
“ฆ่าตัวตายหรือครับหลวงพ่อ?”
ท่านพยักหน้ารับช้า ๆ
“ตาเง็กเล่าว่า แกผูกคอตายใต้ต้นแคท้ายป่าหลังวัด ช่วงที่ตายแรกๆ เขาเห็นอาตมาเดินบิณฑบาตทุกวัน แกก็ทัก แต่อาตมาไม่พูดกับแก ก็อาตมาไม่รู้นี่ว่าแกทัก ถ้ารู้ก็ต้องหยุดคุยด้วยแล้วจริงไหม?”
“แต่ตอนที่แกมาเข้าสิงยายเภานี่ ตาเง็กแกหนีมาจากนรก เรียกว่าผีนรกเลยล่ะ อาตมาซักหลายอย่างเกี่ยวกับตาเง็กจากลูกๆ หลานๆ ของแก จนเชื่อว่าเป็นตาเง็กจริงๆ อาตมายังถามเลยนะ ว่านรกเป็นยังไง เพราะเคยได้ยินเขาพูดกันแต่ไม่เคยเห็นนรกจริงๆ ซักที” ท่านยิ้มน้อยๆ เล่าอย่างอารมณ์ดี
“โยมอยากจะรู้ไหม ว่าทำยังไงถึงจะได้ไปอยู่นรก อาตมาจะเล่าให้ฟัง เผื่อพวกโยมสนใจจะไปอยู่ดูซักชาตินึง”
ถึงตอนนี้ลูกศิษย์ทั้งศาลาต่างส่ายหน้าดิก แต่ยังคงตั้งใจฟังท่านพระครูอย่างตั้งใจ
"แล้วหลวงพ่อถามเขาหรือเปล่าครับ ว่ามาเข้าสิงยายเภาได้ยังไง"
"ถามซี ตาเง็กเล่าว่าหนีมา ช่วงวันพระวันโกนทางนรกเขาหยุดลงโทษทัณฑ์เพื่อให้สัตว์นรกไหว้พระสวดมนต์ โยมคิดว่ามันแปลกไหม?"
"หลวงพ่อไม่เชื่อหรือครับ?"
"ตอนแรกอาตมาก็ยังไม่เชื่อ เพราะเป็นคนเชื่ออะไรยาก ต้องพิสูจน์ก่อนถึงจะเชื่อ แล้วที่นี้ตาเง็กเล่าว่า แกอยู่นรกขุมเดียวกับสมภารภพที่อยู่วัดป่าหมากที่อำเภอถัดไป อาตมาก็เลยไปสืบความดูว่ามันจริงตามที่แกเล่าไหม"
"สมภารภพ คือใครหรือครับ ทำไมเป็นถึงสมภารยังตกนรกล่ะครับ"
"สมภารภพเป็นเจ้าอาวาสอยู่อำเภอถัดไป เรื่องนี้อาตมาถามกับยายของอาตมา แกผูกคอตายแบบตาเง็กนี่แหละ สมภารภพตายก่อนอาตมาเกิด 15 ปี ข่าวนี้ดังมากเลยในช่วงนั้น เพราะแกเสียใจที่พวกกรรมการโกงเงินวัด แกไปจ้างคนมาทำโบสถ์แล้วพอถึงเวลาจ่ายค่าแรงปรากฏว่าเงินแกหายไป แกเสียใจไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายจึงได้ผูกคอตายที่โบสถ์นั้น"
"ไม่น่าเลยนะครับ อุส่าห์บวชเสียหลายปี พอตายกลับไปตกนรก น่าอนาถใจเหลือเกิน" เงียบไปซักพัก พ่อคนช่างซักจึงถามต่อ
"แล้วหลวงพ่อใช้วิธีไหนไล่ผีตาเง็กล่ะครับ ใช้วิธีเดียวกับนางลำดวนหรือเปล่า"
"ผีปลอมกับผีจริง ไล่เหมือนกันที่ไหนล่ะ ผีจริงต้องไล่ด้วยบุญ ทำบุญอุทิศกุศลให้เขาไป เขาพอใจเขาก็ไป แต่บาปกรรมของการฆ่าตัวตาย ทำบุญธรรมดาอุทิศให้เขาไม่ได้หรอกนะ ต้องเป็นบุญจากกรรมฐานเท่านั้น ต้องให้ญาติตาเง็กมาเข้ากรรมฐานให้ ไม่งั้นตาเง็กก็จะไม่ได้รับส่วนบุญเพราะโทษของการฆ่าตัวตายนั้นแรงมาก" ท่านพระครูตอบแบบขันๆ ในความคิดของลูกศิษย์
"ทำกรรมแบบไหนไว้ ก็ต้องอยู่นรกขุมเดียวกันใช่ไหมครับ?"
"อาตมาก็คิดเช่นนั้น ทำกรรมเหมือนกันก็ไปเกิดด้วยกัน สมภารภพกับตาเง็กตอนเป็นคนไม่เคยรู้จักกัน ผูกคอตายเหมือนกัน พอตายไปยังไปรู้จักกันในนรกได้ แล้วนั่นเราสองคนน่ะ อยากจะรู้จักกันต่อไหมล่ะ? กินเหล้าให้มันเยอะๆ นะ จะได้ไปลงกะทะทองแดงขุมเดียวกัน ไปเป็นเพื่อนกันต่อ" ท่านแซวกลับจนคนฟังหันมามองหน้ากันหัวเราะ
"พูดถึงพระตกนรก อย่าหาว่าผมนินทาพระเลยนะครับ สมัยนี้พระทำตัวไม่น่าเคารพบูชาเลย พระบางรูปเสพเมถุน เล่นหวย แอบฉันตอนดึกๆ ผมเห็นแล้วเสื่อมศรัทธาเหลือเกินครับ"
"เราก็อย่าคิดตรงจุดนั้นสิโยม ถ้าโยมคิดแบบนี้เหมือนกันหมด พระที่ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบก็พลอยลำบากไปด้วย เมื่อเราไม่รู้ว่าพระรูปไหนดีไม่ดี เราก็คิดเสียว่าเราทำบุญเพื่อทำนุบำรุงศาสนา หรือต่อให้เรารู้ว่าวัดไหนดี หรือวัดไหนไม่ดี เราก็ควรจะทำบุญบ้างโดยยึดว่ายังไงก็ยังมีทั้งพระดีพระไม่ดีปะปนกัน เราอย่าไปติเตียนท่านเพราะอาจจะเป็นการปรามาสพระสงฆ์โดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าท่านจะผิดหรือไม่ผิดยังไงศีลท่านก็มากกว่าเรา เราไม่ต้องไปตัดสินโทษพระเหล่านั้นให้ใจเราต้องตกนรกหรอกโยม ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของกฏแห่งกรรมเถอะนะ"
"เรื่องพวกนี้ อย่าคิดอะไรมากเลยนะโยม ขอให้ทำใจเถอะ ในอนาคตโยมอาจจะได้เห็นอะไรที่มันเลวร้ายมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก คนชั่วจะครองเมืองนะ คนจะเห็นเงินเป็นพระเจ้า เงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่ขอให้โยมรู้ไว้ เงินซื้อกฏแห่งกรรมไม่ได้ "
"ครับ" คนช่างซัก ตอบรับเบาๆ อย่างเหนื่อยใจ พร้อมถอนหายใจ
"ไปเถอะไป วันนี้ไปพักผ่อนกันได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้มาสอบอารมณ์กันใหม่ เอ้า กราบพระแล้วแยกย้ายกันได้แล้ว" ท่านพระครูพูดเมื่อเห็นว่า เวลาล่วงเลยมานานแล้ว จึงรีบตัดบทเพื่อปิดการสนทนาของวันนั้น
.... อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะวันตังอภิวา เทมิ ....
เสียงสวด กราบพระดังไปทั่วศาลา ก่อนที่ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวโดยไม่พูดคุยอะไรกัน
** ตอนที่แต่งแรกๆ สำนักสวนป่าไผ่ ฉันเรียกมันว่า เวฬุวัน ตอนนี้ขอเปลี่ยนชื่อเป็น สำนักสวนป่าไผ่ ก็แล้วกันนะ คนที่ตามอ่านแต่แรกอย่าได้งงไป
ผู้เขียนขอเลี่ยง ชื่อ และสถานที่ ที่น่าจะมีอยู่จริงให้อ่านเพื่อความบันเทิงดีกว่า เพราะคำสอนของพระอาจารย์ที่รวบรวมมาก็มาจากหลายๆ ท่าน ถ้ามีตัวละครมากไป เดี๋ยวก็จะสับสนเสียเปล่าๆ
*** คอมเสียแต่มีสำรอง (นี่ขนาดเสียไปสองแล้วนะ) ขอแว่บมาอัพ สัปดาห์ละ 1-2 ตอนแล้วกันน๊าา เพราะตอนแรกผู้เขียนอยากแต่งนิยายแนวฮาเร็ม คือเอาฮา แต่แต่งไปแต่งมามันกลายเป็นนิยายผี แล้วพลอตเรื่องที่อยู่ในมือตอนนี้ ดูแล้วมันกู่กลับเข้าฮาเร็มไม่ไหวแล้วเสียด้วยสิ (ดูท่าทางแล้วเอาช้างมาฉุดยังไม่ไหวเลย)
ปล.2 เม้นท์ คนละนิด จิตแจ่มใสน๊าาา
ความคิดเห็น