คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บุคคลในอดีต หนึ่งชีวิตที่พลัดพราก
กาล…ภพ
ตอน 23: บุคคลในอดีต หนึ่งชีวิตที่พลัดพราก
คนเรากว่าจะเกิดมาอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ผ่านการเกิดผ่านการตายมาแล้วไม่รู้กี่หน อย่างที่เขาบอกต่อๆ กันมาว่า ถ้าให้นำโครงกระดูกของเราในอดีตชาติมากองสุมรวมกัน จะมีมากมายกว่ามหาสมุทรเสียอีก
ฉันมีโรคประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง คืออาการปวดหลัง เวลาปกติฉันจะไม่ค่อยปวดแต่ถ้าล้มตัวลงนอนซัก 3 – 4 ชม. จะเริ่มชาจี๊ดดด จนลามไปถึงช่องท้องและช่วงสันหลังทำให้นอนต่อไม่ได้ ถ้าง่วงมากๆ ฉันก็จะลุกขึ้นมานั่งมองลมหายใจไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหลับไป จะเรียกว่านั่งสมาธิก็คงไม่ได้ เพราะใจไม่ได้จดจ่อกับการทำสมาธิ คิดแต่อยากจะหลับตานอนอย่างเดียวซะมากกว่า ติดแค่ว่ามันไม่สามารถนอนได้ก็เลยนั่งหลับมันซะเลย
‘แล้วข้าจะรีบกลับมา’
เอาอีกแล้ว ประโยคคลาสสิคที่ฉันพูดอยู่ประจำไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ จะมีไหมซักชาติที่ฉันไม่ให้คำสัญญาอะไรกับใครไว้แบบนี้
ฉันในตอนนี้เป็นชายหนุ่มหุ่นค่อนข้างหนาล่ำผิวคล้ำแดด สวมเสื้อคล้ายเสื้อกั๊กไม่มีกระดุมหน้าสะพายสัมภาระไว้เบื้องหลัง กำลังล่ำลากับชายรูปร่างเล็กกว่าเล็กน้อย
“จากกันคราวนี้ไม่รู้อีกนานไหมกว่าจะได้กลับมาเจอกันอีก ขอให้รักษาสุขภาพด้วย” ทั้งคู่สวมกอดกันแน่นเพื่อบอกลา ฉันตบหลังชายตรงหน้าผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายของฉันเบาๆ คล้ายให้กำลังใจ แล้วก็ผละออกมา
ตัวฉันในชาตินั้นเกิดเป็นชาย และบ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงการรบกับข้าศึกทำให้ฉันออกโดนหมายออกไปเป็นทหารรับใช้ชาติ น้องชายของฉันค่อนข้างจะบอบบางและติดพี่ชายซักหน่อย ก็พวกเราเหลือกันแค่เพียงสองพี่น้องเท่านั้นนี่นา
การศึกในคราวนั้นใช้เวลาค่อนข้างนานหลายปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงตอนไหน ฉันเข้ามอบตัวยื่นหมายเรียกให้นายกองที่หน้าด่านเพื่อตรวจสอบรายชื่อแล้วจัดเก็บสัมภาระลงที่พัก นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราสองคนได้เจอกัน มันคือ การกอดกันครั้งสุดท้ายของพวกเรา
ทุกวันข้าต้องนอนกลางดินกินกลางทรายขุดเผือก ขุดมัน เอาไว้กินประทังชีวิต ตกดึกก็ต้องคอยหลบข้าศึกตามป่าเขา บางครั้งขุดดินหลบพวกมันโดยแกล้งเอาดินกลบแทบมิดไปหมดทั้งตัว ข้าเป็นทหารม้าที่คอยวิ่งส่งสารระหว่างเมือง สิ่งที่อยู่ในมือจึงมีความสำคัญนักหนา เพราะมันถือเป็นความเป็นความตายของแผ่นดิน พวกเราจะมีทหารคอยส่งสารกันมากว่าหนึ่งคน หากคนใดพลาดพลั้งไป อย่างน้อยก็ยังมีคนที่ถือข่าวสำรองคนอื่นอีก
เมื่อได้รับสารในมือ ม้าเร็วอย่างพวกเรามีหน้าที่เพียงรักษาชีวิตรอดไปให้ถึงที่หมายเท่านั้น
ตอนนี้ฉันกำลังแอบพวกข้าศึกอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มใบค่อนข้างหนา ฉันยืนมองลงมาพวกมันกว่าสิบคนกำลังไล่ตามหาฉันเพื่อสืบข้อความว่าพวกเรากำลังวางแผนอะไรกัน
ฉันพยายามแอบให้แนบชิดต้นไม้ให้มากที่สุดภายในชุดสีแดงคล้ำเกือบน้ำตาลคลุกฝุ่นที่ตอนนี้สีเข้มไม่ต่างอะไรกับสีเปลือกไม้ ม้าที่ใช้ขี่มาโดนพวกมันฆ่าตายไปได้หลายวันแล้ว คิดว่าตัวข้าเองก็คงมีชะตาชีวิตไม่ต่างจากม้าตัวนั้นในอีกไม่นาน ตอนนี้ใจคิดถึงเพียงน้องชายร่วมสายโลหิตที่กำลังเฝ้ารอการกลับไปของฉัน … ‘คงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีกแล้ว’
ฉันตวัดดาบในมือปัดธนูดอกนึงที่พุ่งตรงเข้ามาทางฉัน พวกมันเห็นฉันแล้ว นี่พวกมันเป็นสุนัขตำรวจหรือยังไงกัน ขนาดแอบจนแทบจะฝังตัวลงเนื้อไม้แล้วยังเห็นฉันอีกนะ
แต่หนึ่งแขนปัดป้องหรือจะสู้ อีกสิบธนูที่พุ่งเข้ามา ฉันทำได้แค่ยื้อเวลาตายให้ยืดขึ้นเท่านั้น
‘ฉึก!!!’ เพียงไม่นานธนูสองดอกพุ่งทะลุร่างฉันตรงช่วงหลังและขา ฉันร่วงหล่นจากต้นไม้ลงสู่พื้นดิน ไม่รู้สึกอะไรอีกนับจากนั้น วิญญาณหลุดออกจากร่างหมดสิ้นภพชาตินั้นทันที
ผ่านไปเกือบ 6 เดือนแล้ว ที่พี่ชายของข้าจากไป ตอนนี้ข้านอนแน่นิ่งเหงื่อท่วมชโลมกายด้วยอาการปวดท้อง ปวดท้องเหลือเกิน หมอ หรือ ยาอันใดก็ไม่สามารถมาถึงได้ในพื้นที่ทุรกันดารแห่งนี้
‘ข้าจะรีบกลับมา’ ข้ายังจำคำที่พี่สั่งไว้ให้ดูแลรักษาตัวเอง เพื่อรอวันที่เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
พยายามตะกายยันตัวขึ้นเพื่อหยิบยาหม้อที่ต้มไว้ขึ้นมาดื่มเพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง
‘โครม!!!’ เพราะความเจ็บป่วย ข้าหน้ามืดล้มลงมือไขว้คว้าอากาศแล้ว เสียหลักซวนเซถลาคว้าได้เพียงฝาหม้อ ความร้อนของตัวยากระฉอกมาลวกตามแขนจนพุพอง ด้วยความเจ็บปวดในช่องท้อง และแสบร้อนจากน้ำร้อนที่ลวกตามตัว ทำให้ข้าสลบไป
ข้าตื่นขึ้นมาด้วยอาการเจ็บปวดในช่องท้องด้านซ้ายอย่างถึงที่สุด ฝ่ามือเย็นเฉียบ เหงื่อท่วมเหมือนวิ่งฝ่าสายฝน ‘มันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่’ คิดได้ถึงเท่านี้ สติก็เริ่มหลุดลอย พี่ข้า... เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ข้าจะรอท่านกลับมา...
‘หนึ่งชีวิตจากไป ตายด้วยข้าศึก อีกหนึ่งชีวิตจากไปด้วยเพราะไส้ติ่งแตก เพราะการแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยหากเป็นเช่นนี้มักจะเสียชีวิตและตาย’
………….
‘ข้าเจ็บปวดเหลือเกินพี่ ข้ารอท่านอย่างเจ็บปวดทรมานจนสิ้นลมหายใจ ท่านรู้หรือไม่’ บุคคลตรงหน้าฉันสีหน้าเศร้าหมองน้ำตาไหลนอง
ฉันถอนหายใจเฮือกก..พลางเกาหัว แล้วจะให้ทำยังไง ฉันจนใจจริงๆ สำหรับเรื่องนี้ ฉันทำอะไรผิด? ชาตินั้นฉันก็ตายเหมือนกันจะให้กลับไปหาได้ยังไงฟร่ะ ไม่ได้ผิดสัญญาแต่ว่าก็ตายไปก่อนแล้วด้วยซ้ำ นี่ฉันก็มาเกิดใหม่แล้วทำไมคนตรงหน้าไม่ตัดใจไปเกิดเสียทีล่ะ
“ข้าอยากให้ท่านรับรู้ ว่าข้าเจ็บปวดทรมานรอการกลับมาของท่านอยู่ ข้าไม่ได้โกธรแค้นท่านเลย”
อ่อออ ไส้ติ่งแตกตาย แต่เพราะคิดถึงอยากให้รู้ ก็เลยมาทำให้ฉันเจ็บปวดตามว่างั้น?? ตอนแรกฉันคิดว่าสงสัยคงเคยไปวางยาให้ใครตาย คิดไปเป็นตุเป็นตะว่าคงเคยทรมานใครไว้ ล่ามโซ่ตรวจให้นอนไม่ได้ทรมานมันคงส่งผลถึงฉันในวันนี้ แต่ทุกอย่างไม่เป็นตามที่คิด เพราะความรักความคิดถึงในอดีตที่ตามมาแล้วอยากให้รู้ถึงตัวตนของเขา ก็เลยมาเกาะสังขารตรงช่วงช่องท้อง (บริเวณไส้ติ่ง) นี่ถ้าเราไม่รู้สึกตัวสงสัยว่าคงจะได้เจ็บปวดต่อไปอีกนานสินะ
ตอนนี้ฉันยังคงปวดท้องเวลานอนอยู่ แต่ว่ามันก็ทุเลาลงมากแล้ว มากพอที่จะพักผ่อนได้ยาวประมาณ 7-8 ชม. แล้วค่อยตื่นมาเปลี่ยนอิริยาบถของร่างกายอาการปวดท้องปวดหลังก็จะหายไป ฉันไม่ได้ไปรักษาหมอที่ไหนแต่รักษาด้วยการภาวนา นั่งภาวนาอุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ ยังมีเข้าคิวรอเชคบิลกับฉันอีกเยอะ ฉันมองกลุ่มเงาลางๆ ด้านหลังฉันบางคนก็เปิดเผยตัวตน บางคนก็ไม่เปิดเผย บางคนโกธรแค้น บางคนรอจังหวะกระทืบซ้ำยามฉันล้ม ไม่ใช่จะพึ่งเพียงสิ่งที่ตามองไม่เห็นในทางกลับกันก็พยายามรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหารให้ครบทุกมื้อและงดทานน้ำเย็นที่จะเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการเสียดท้อง
เรื่องคราวนี้ฉันไม่รู้จะแก้ไขยังไงเหมือนกันนอกจากอธิบายให้เขารับรู้ไปตามความจริง เขาเองก็เข้าใจ แต่เพราะรักและห่วงหาจึงตามหาฉันจนเจอ และก็แฝงเกาะฉันอยู่แบบนี้เพราะคิดถึง เขาเพียงต้องการให้ฉันจำเขาได้ไม่ได้อยากให้ฉันเจ็บป่วย
.. คำสัญญา .. บางคนแม้ตายก็ไม่เคยจบตามลมหายใจ ..
คุยกันส่งท้าย ที่ถามว่า ผู้เขียนเห็นผีจริงไหม - ขอตอบว่า แค่รู้สึกได้แว่บๆ เป็นบางเวลาแล้วกันนะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์จ้า
ความคิดเห็น