ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาล..ภพ

    ลำดับตอนที่ #19 : ตามล้าง ตามผลาญ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 58


    กรุ๋ง กริ๋ง กรุ๋งกริ่ง เสียงกระดิ่งตรงหน้าต่าง ส่งเสียงลอยตามลมที่พัดวูบๆ เป็นระยะๆ ฉันเดินมายืนริมหน้าต่างมองออกไปข้างนอกตัวบ้าน ฉันไม่ได้เดินออกมาชื่นชมธรรมชาติหรือฟังเสียงกระดิ่ง ที่กระทบแข่งกับสายลมกรรโชกอยู่ตอนนี้ แต่เพราะมีบางสิ่งบางอย่างมันส่งเสียงหวีดหวิวแหลมเล็กกรีดร้องแสบแก้วหูอยู่ไม่ไกลฉันจึงเดินออกมาที่หน้าต่างเพื่อหาที่มาของเสียงเหล่านั้น

    ฉันเห็นดวงจิตไอสีแดงหน้าตาโกธรกริ้วหลายสิบตนยืนออตรงหน้าประตูบ้านคงเพราะเข้ามาภายในบ้านไม่ได้’ ด้วยอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระภูมิเจ้าที่อารักขาผืนดินแห่งนี้ ทำให้วิญญาณหรือสิ่งแปลกปลอมไม่อาจเข้ามาทำอันตรายฉัน พวกมันได้ยืนมองด้วยความโกธรเกรี้ยวมาดร้ายร้องตะโกนท้าทายให้ฉันออกไปเจอพวกมันไม่ใช่หดหัวอยู่ในบ้านแบบนี้ 

     

    ออกมาเซ่ มัวแต่หัวหดอยู่นั่นแหละ” 

    พวกมันยังคงตะโกนหมายยั่วยุให้ฉันออกไปตามที่มันเรียก เอาตรงๆ ถ้าฉันฉลาดฉันจะออกไปให้มันกระทืบเรอะ?? เล่นยกพวกมาเกือบร้อยตนแบบนั้น?? 

     

    เป็นคนยังมีทะเลาะกันได้ แล้วผีจะไม่มีหรือยังไง ฉันเองก็ทะเลาะกับพวกผีหลายครั้งหลายหนเพราะพวกมันหาว่าฉันก้าวก่ายใช้สิทธิ์เกินความเป็นมนุษย์เข้ามาวุ่นวายในโลกวิญญาณ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน มันส่งมาจากพวกสำนักคุณไสย์ซักเจ้าที่ฉันเคยถอนของนั่นแหละ คราวนี้มันถึงกับส่งผีมาหลายตนมาล้อมบ้านฉันเอาไว้  

     

    ตอนแรกฉันก็คิดจะซุกหัวอยู่ในบ้านเฉยๆ ไม่สนใจอะไรพวกมัน แหกปากได้แหกปากไปสิ’ แต่มันส่งพวกมาล้อมปิดบ้านฉันหลายวันแล้ว เมื่อฉันก้าวขาออกไปมันก็กระโดดเข้าเกาะจู่โจมฉันเหมาะจะทำให้สังขารของฉันปั่นป่วนเจ็บป่วย คราวนี้ก็อีกเหมือนเดิมมันแห่กันมาสุดลูกหูลูกตามองแล้วนับจำนวนไม่ไหว 

     

    อารมณ์ฉันตอนนี้บอกเลยเห็นช้างตัวเท่ามด ทั้งหงุดหงิดทั้งรำคาญที่พวกมันไม่รู้จักไปให้พ้นจากชีวิตฉันซักที แต่พวกของมันมีมากเหลือเกินจะออกไปตัวเปล่าก็คงไม่เหมาะ ฉันหันไปมองเทวรูปตรงหิ้งบูชาคิดขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง พลางคิด ถ้ามีอาวุธซักชิ้น’ พลันตรีศูรขนาดยาวเท่าๆ กับทวนยาวก็ปรากฏขึ้นมาในมือฉัน  เสียงเคร้งกระทบเข้าหูฉันทำให้รู้ว่าตรีศูรนี้ยาวจรดพื้น เพราะปลายฝั่งหนึ่งของตรีศูรลากพื้นทันทีที่ปรากฏออกมา ฉันอึ้งอยู่นิดๆ นึกสงสัยว่ามายังไง 

    หากเป็นของเก่าของเดิมเจ้าเคยมีก็จะมีได้ อาวุธหรือราชรถใดๆ ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามบารมีของผู้เป็นเจ้าของ” ซานย่ะฮ์เอ่ย ตอนนี้เดินเข้ามาข้างๆ เอามือวางบนไหล่ฉันช้าๆ 

     

    เขาอธิบายว่า มนุษย์นั้นก่อนจะเกิดมาก็มีสัญญาเดิมต่างกันไป ก่อนมาเกิดบางคนอาจจะเคยเป็นทหาร เป็นนักดนตรีในสมัยที่ยังคงเป็นเทวดา หรือแม้แต่เป็นแม่ทัพ จนถึงช่วงที่เหล่ามารถึงกาลรุ่งเรือง  เทวดาหรือทวยเทพหลายองค์แบ่งจิตลงมาจุติทำหน้าที่ต่างๆ กัน เทพบางองค์ลงมาจุติเป็นนักปกครองปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบร่มรื่นเพื่อทำนุบำรุงศาสนาให้ครบวาระ 5,000 ปี ดั่งที่คนมักจะเรียกว่าเป็นสมมุติเทพ บางคนเกิดมาเพื่อซ่อมแซมอุปถัมภ์วัดวาอาราม คนไหนเป็นฝ่ายบู๊ ก็จะยังคงตามล่าภูติปีศาจต่อเนื่องแม้เปลี่ยนสภาวะไปแล้ว ยังคงมีกลุ่มมนุษย์หลายคนที่ไล่จับผีลากคอมันส่งยมบาลอยู่แต่ไม่เปิดเผยตน ก็เพราะยมบาล ยมฑูตเริ่มไม่พอไล่จับพวกชั่วพวกนี้สิ คนชั่วยังมียุครุ่งเรืองของความชั่ว แล้วผีปีศาจชั่วๆ ก็ต้องมีช่วงหนึ่งที่เรืองอำนาจชั่วเฉกเช่นเดียวกัน ฝ่ายคุณธรรมถึงต้องแฝงตัวกระจายไปตามพื้นที่’  

     

    เหมือนตำรวจนอกเครื่องแบบนั่นแหละ’

    เมื่อเหล่าเทวที่เคยมีหน้าเหล่านั้นถึงเวลาลงมาจุติก็ยังคงตั้งมั่นในสัญญาเดิมแห่งตน ทำให้ยังคงมี ของเก่า’ ตามมา บางคนระลึกได้ บางคนระลึกไม่ได้ เป็นที่น่าเสียดายที่บางคนลงมาเกิดแล้วหลงระเริงในอำนาจตนทำให้ตกต่ำกว่าเดิมเมื่อหมดบุญ หมดลมหายใจต้องไปถือกำเนิดใหม่ คราวนี้ก็ถูกส่งไป ณ.จุดที่ตกต่ำกว่าเดิมก็มีมาก

     ‘ฟังดูมีเหตุผลเนอะ แต่ถ้าเป็นโลกของมนุษย์เขาคงว่าบ้า’ ฉันยังรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เชื่อยาก ถึงจะผ่านอะไรมาเยอะและเคยเห็นหลายๆ คนที่มีความสามารถแบบนี้อยู่บ้าง

     

    ฉันส่งจิตออกไปยืนอยู่ตรงประตูบ้าน แต่เมื่อเท้าก้าวพ้นออกไปจากบริเวณบ้าน พญาครุฑสีทององค์มหึมาขนาดตึก ชั้นโฉบมาจากหลังคาบ้านลงมาเบื้องหน้าฉัน หันหน้าเผชิญหน้ากับพวกมัน ฝุ่นคลุ้งตลบเมื่อปีกสีทองโบกขึ้นลง ขนของพญาครุฑดูคล้ายเกร็ดอัญมณีสีทองซ้อนๆ แบบเกร็ดปลา แต่เป็นลักษณะคล้ายแท่งคริสตัล

     

    คราวนี้พวกมันผงะหลังไปหลายช่วงตัวจากที่ตอนแรกปากดีตะโกนท้าทายฉัน เมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญตรงหน้า พวกมันคงคิดว่าฉันมีแต่ตัวเปล่าๆ เหมือนเมื่อก่อนเพราะมันไม่ได้มาก่อกวนฉันหลายเดือนแล้ว พอเห็นปู่อนาฆินทร์ ที่ยังคงคุ้มครองฉันอยู่ไม่ไปไหนถึงกับหน้าถอดสีทันที 

     

    แน่สิ แค่ภูตผีชั้นต่ำ จะสู้อะไรกับพญาครุฑผู้ทรงฤทธิ์ได้ ฉันมองพวกมันพลางยิ้มเยาะ พลาดแล้วแกเอ๋ย’ ปู่ครุฑไม่รอช้าโบกปีก 2-3 ครั้งพัดพวกมันกระเด็นไถลออกไปไกลหลายเมตร พวกมันกลิ้งไม่เป็นท่าถลอกปอกเปิก ฟกซ้ำดำเขียวเพียงแค่ปีกขยับเท่านั้น ฉันกำตรีศูรในมือไว้ เตรียมแทงใส่ถ้าพวกมันบางตนหลุดพุ่งเข้ามา 

     

    แต่ไวเท่าความคิดซานย่ะฮ์ก้าวออกไปก่อน ทั้งฟาดทั้งไล่กระทืบพวกมันสะบักสะบอม ดูพวกมันไม่มีอาวุธติดตัวกันเลยสักตน 'อาวุธเป็นเรื่องของบารมีไม่ใช่ว่าใครจะมีก็มีได้ สำหรับภูตผีธรรมดาต้องเสาะหาเอาเอง' ของซานย่ะฮ์มีธนูคู่กายฉันเคยเห็น 2-3 หน


    ตุ๊บ ตั๊บ พลั่กกกก โพล๊ะะะ” ทั้งมือ ทั้งขา ประเคนถีบใส่พวกสัมภเวสีรูปร่างผอมแห้งตาโปนอย่างไม่รู้สึกขยะแขยง ท่วงท่าดูงดงามเหมือนกำลังร่ายรำ โบกมือไปทางซ้ายทางขวา ในขณะที่พวกมันไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย รอบกายเขาเหมือนมีออร่าสีขาวคุ้มครองเขาอยู่

    อี๋’ ฉันนี่ไม่อยากจะสัมผัสตัวมันด้วยซ้ำ รูปชั่วแล้วยังใจทรามอีก พวกมันส่วนมากผอมแห้ง ตาโปนลึกเป็นสีแดง ผิวกระดำกระด่าง มีเพียงตัวหัวหน้าที่นำขบวนมา ตน เท่านั้นที่ดูเป็นมานพหนุ่มรูปงาม สวมเสื้อคอกลมกางเกงผ้าแพรไม่ได้ดูหรูหราอะไร  รูปงามนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งขอบารมีเช่นกัน’ ซานย่ะฮ์เคยบอกไว้

    เรื่องใช้แรงให้ซานย่ะฮ์รับหน้าไปแหละดีแล้ว ตอนนี้ฉันถอยกลับมาตั้งหลักในบริเวณบ้านเหมือนเดิม เพราะขี้เกียจคอยระวังว่าจะมีผีตนไหนพุ่งเข้ามา ยืนดูภาพตรงหน้า 
    50 : 2 รุม ตะลุมบอนกันอย่างสนุกสนาน

     

    มวยมันคนละชั้นก็แบบนี้แหละ’ 

     

    หลังจากตะลุมบอนกันอยู่ไม่นาน มีบางพวกแตกหนีไป บางตนโดนซานย่ะฮ์จับมัดเอาไว้ เขาจับเอาหัวหน้ามันไว้ได้หนึ่งตน และลูกน้องบางส่วน พวกมันถูกมัดรวมกันอยู่ประมาณ 10 ตนได้ ทั้งหมดยังคงมองมาที่ฉันอย่างโกธรเกรี้ยว 

    มึง E here~”  คำแรกที่มันตะโกนด่าฉัน ทำฉันผงะไปนิดกับคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน
    ฉันทำลอยหน้าลอยตา ยียวนใส่พวกมัน 

    “จุ๊ๆ ๆ ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะ”  

        “พวกเอ็งอยากตายนักใช่มั๊ย!!!”
     
    ประโยคหลังฉันถลึงตาตะโกนใส่พวกมันอย่างโมโห เห็นฉันนิ่งๆ ฉันก็มีเวลาที่องค์ลงเหมือนกันนะ อย่าให้โมโหก็แล้วกัน ฉันเค้นเสียงพลางเอามีดจ่อไปที่คอมัน ไม่ต้องมีมาดนางเอกแล้ว มือสั่นระริกอย่างข่มความรู้สึก ถึงจะไม่รู้ว่าเอามีดปักลงคอแล้วพวกมันจะตายอีกได้หรือไม่ แต่วินาทีนี้ บอกได้เลยว่าของขึ้น


         ตัวฉันเหงื่อยังไม่ทันออกเลยด้วยซ้ำ ขบวนการยอดมนุษย์ของฉันก็จัดการอัดพวกมันเสียหมอบราบ นี่ฉันยังงัดออกมาไม่หมดกรุนะ ปู่ๆ พญานาคสุดหล่อ ยังจำศีลอยู่ในถ้ำยังไม่ได้ออกมาฟาดหางใส่พวกมันเลย

     

    จะทำยังไงกับพวกมันดี??” ฉันถามซานย่ะฮ์อย่างขอความเห็น 

    จับส่งท่านพญายมราชให้ท่านพิพากษา” ซานย่ะฮ์ตอบเสียงเรียบ แววตาสีนิลดำมีแวววิบวับเฉียบขาดอยู่ในตัว 

    ท่านพญายมราชจะพิพากษาอย่างยุติธรรม ถ้าพวกมันมีคุณความดีอยู่บ้างก็จะได้ไปเสวยบุญ แต่ถ้าพวกมันบาปหนาก็จะลงนรกชดใช้กรรม กว่าจะได้ออกมาเจ้าก็คงตายจบสิ้นภพนี้ไปแล้วนั่นแหละ” 

     

    ได้ฟังตรงนี้ฉันยิ้มพอใจ ทำยังไงล่ะ” ฉันถามต่อ 

    เจ้าต้องเป็นคนพาพวกมันไปนะ ข้าไปไม่ได้หรอก นรกมันไม่ใช่พื้นที่ของข้า” ซานย่ะฮ์ตอบลอยหน้าลอยตา 

     

    ฉันอ้าปากค้างอย่างไม่แน่ใจว่าเขาบอกให้ฉันทำอะไร เขากำลังบอกให้ฉันไปนรกซะใช่ไหม???

     

    หรือเพียงตั้งจิตถึงท่านพญายมราช ให้ส่งยมทูตมาเก็บพวกมันไปเท่านั้นแหละ” เขายังพูดต่อ

    ถึงตรงนี้ฉันนี่อยากจะโดดถีบขาคู่ยันยอดหน้าหล่อๆ ของซานย่ะฮ์จริงๆ เรื่องง่ายๆ ก็ดันไม่บอก บอกแต่เรื่องยากๆ ให้ฉันทำ


    ฉันตั้งจิตอธิษฐานถึงท่านพญายมราชเพียงชั่วครู่ ก็เกิดเป็นชายร่างกายกำยำผิวเหลืองน้ำผึ้งอำพัน ผมลักษณะซอยสั้น มีอาวุธในมือเป็นหอกเหมือนที่เคยได้ยินเขาพูดๆ กัน ออกมาจากหลุมดำตรงหน้า 
    คน  เดินตรงเข้ามากระชากลากพวกผีเหล่านั้น ตัวไหนที่มันขัดขืนก็เอาด้ามหอกฟาดก่อนค่อยๆ หายกลับเข้าหลุมดำไป ดูพวกมันไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ายมทูตเหล่านั้นเลย เชือกสีแดงเรืองๆ แลดูเต็มไปด้วยอำนาจที่จะมัดพวกมันไม่ให้ขัดขืน

    ดวงตาของตัวหัวหน้าแดงก่ำจ้องมองฉันไม่วางตา ทำฉันเสียวสันหลังนิดๆ 'หึหึ' ฉันลอบหัวเราะ ยกยิ้มทีุ่มปากอย่างสะใจ

    ฉันมองตามภาพนั้นอย่างสบายใจกึ่งๆ ปนกังวลใจ ยังมีพวกมันอีกเยอะที่หลุดไปได้ ฉันจะต้องรอตั้งรับอยู่แบบนี้รอให้พวกมันมาระรานอีก หรือจะไปลากพวกมันมาให้หมดสำนักดีนะ 


    ผั๊วะ” พอคิดถึงตรงนี้เท่านั้นแหละ เสียงฝ่ามือของซานย่ะฮ์ก็ฟาดเข้ากกหูฉันอย่างจัง ฉันหันไปมองอย่างขุ่นเคือง
    อันตพาล” เขาแซวหน้าตาไม่จริงจังนัก
    ชริส์ ทีพวกมันล่ะ มาหาเรื่องถึงหน้าบ้านฉันเลย เดี๋ยวฉันทนไม่ไหว ไปถล่มมันบ้างเสียนี่
    แบบนี้ก็ตามล้างกันไม่จบไม่สิ้นเสียทีสิ?” เขาถาม

    อืมมม’  ประโยคหลังฉันตอบกับตัวเองเบาๆ 

     

     

     

    การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของผู้ที่แอบมองอย่างหวาดหวั่นอยู่มุมมืดไม่ไกล ฉันพอจะรู้ว่ายังมีพวกมันแอบอยู่บ้างแต่ไม่ได้สนใจจะตามจับให้หมด แต่รู้สึกได้ว่าพวกมันกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ การที่ปล่อยให้พวกมันรอดกลับไปได้บ้างเพื่อให้พวกมันกลับไปบอกพวกพ้องของมันว่า 'ฉันไม่ใช่หมูที่จะนั่งรอให้พวกมันมาคอยเชือดอยู่เฉยๆอีกต่อไปแล้ว' พวกมันน่าจะสงบศึกกับฉันได้ชั่วคราวล่ะนะครั้งนี้ 

     

     


    คืนนั้นฉันเข้านอนทันทีด้วยความสบายใจ หลังจากนอนไม่เต็มตามาหลายคืน ในฝันเห็นผู้คนมากมายเดินเข้ามาหาฉันทำสีหน้าอ้ำอึ้ง กึ่งหนักใจ 

         'พวกมันกลับมากันแล้ว?' เพียงแค่ข้ามวัน พวกมันกลับมาแล้ว ฉันสะดุ้งตื่น หันซ้ายหันขวามองหาแขกไม่ได้รับเชิญทันที เจอพวกมัน 4-5 ตน นั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าบ้าน ทำสีหน้าเหมือนกับถ่ายไม่ออกมาเป็นเดือน 

         ฉันส่งจิตถามออกไปทันที  "มีอะไร?"
    เพราะการมาที่เหมือนมาเจรจามากกว่าจะมาหาเรื่อง ฉันจึงพยายามข่มความรู้สึกถามกลับไปดีๆ  

    "พวกเราอยากให้เจ้าช่วยส่งไปปฏิบัติ ก่อนหน้านี้พวกเรารวมตัวกัน สร้างศรัทธา ล่อลวงมนุษย์เพราะเราอยากได้ลาภยศและอำนาจ จากการที่เราแอบมองมาหลายเดือน แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่า บารมีนั้นสามารถสร้างได้ด้วยวิธีอื่นที่ไม่ต้องเดือดร้อนใคร" ฝ่ายตรงข้ามตอบมาแต่ยังคงก้มหน้าแบบละอาย กับสิ่งที่ตัวเองเคยได้ทำไป

         ฉันมองอย่างคาดคะเน เท่าที่ฉันมองครั้งนั้นหนีไปได้เกือบ 40 ตน โดนจับไป สิบกว่าตน เหลือกลับตัวกลับใจมา 5 ตนเท่านี้หรือ?

        "ฉันให้เวลา ลองไปถามพี่น้องเจ้าว่ามีใครอยากจะไปเพิ่มเติมอีกไหม แล้วอีก 3 วันกลับมาเจอกันที่นี่" ฉันตอบพร้อมเดิมหันหลังกลับเข้าบ้านไม่สนใจอะไรอีก 

    .....

         อีก 3 วันให้หลังตามกำหนดนัด พวกเขาทั้ง 5 ตน รวมทั้งธีร์ยืนรอฉันหน้าบ้านด้วยชุดขาวพร้อมสำหรับการไปสถานปฏิบัติ ถึงแม้จะรู้สึกผิดหวังลึกๆ ที่ไมีมีใครเพิ่มเติม แต่ก็ยังรู้สึกดี เพราะการทำความดีนั้นทำง่ายแต่การลิกทำชั่วนั่นยากยิ่งกว่า อย่างน้อยๆ ตรงหน้าฉันก็มีผีดีๆ ที่พร้อมจะลองกลับตัวกลับใจอยู่ถึง 5 ตน

         ธีร์บอกฉันว่าพวกเขาทั้ง 5 เคยเป็นเพื่อนกันแล้วเขาก็ทราบเรื่องสถานปฏิบัติจากธีร์นั่นแหละ ส่วนคนนำทางไปส่งยังสถานปฏิบัติไม่ใช่ใครอื่น เป็นพ่อเทวะปากปีจอของฉันนั่นเอง เขาให้เหตุผลว่า ถึงแม้ธีร์จะเป็นผีที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้น แต่ก็ไม่อาจจะพาใครต่อใครไปได้โดยพละการเพราะเป็นพื้นที่ของเทวดา ต้องให้เขาเป็นผู้พาไปเท่านั้น

        ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ยืนส่งพวกเขาจนลับสายตาด้วยความรู้สึกสุขใจ 

     


    ผู้เขียนติด ภารกิจไปถือศีล กลับมา เดือนหน้า อาจจะหายไปซักพักนะขอรับ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×