คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : คุณไสย์ อวิชชา ที่ต้องมาพร้อมจิตวิญญาณผู้โชคร้าย
-----------
ฮึก ฮึก ฮื้ออออออ เสียงโหยหวลของเพื่อนสาวข้างหน้า ถ้าไม่เห็นตัวตนฉันคงนึกว่าผีตานี หรือนางตะเคียนเข้าสิง
“เป็นอะไรว่ะ” ฉันถามแบบเสียมิได้ อยู่ๆ เพื่อนฉันคนหนึ่งมันก็หอบสังขารมาร้องห่มร้องไห้ตรงหน้า
“แฟนฉันมันนอกใจว่ะแก”
“ยังไม่ชินอีกหรอ?? ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว” ปากฉันก็หมาขั้นเทพไม่แพ้ซานย่ะฮ์ฺดอกหนา แทนที่จะปลอบประโลมฉันกลับตอกย้ำมันเข้าไปอีก นี่มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ไอ่กานต์ เพื่อนฉันคนนี้ต้องเสียใจกับแฟนของมัน
“ถ้ามันนอกใจธรรมดา ฉันคงไม่เสียใจ นี่มันนอกใจเพราะโดนสเน่ห์” มันพูดสะอึกสะอื้น
“แกต้องช่วยฉันนะ มันไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว ดูท่าทางมันเบลอๆ เหมือนไม่มีสติสตัง ฉันเคยไปตามมัน มันก็ไม่หือ ไม่อือ เหมือนไม่มีชีวิตจิตใจ แต่พอมันอยู่ใกล้ๆ ฉัน มันเอาแต่ตวาดตะคอกเหมือนผีบ้า ฉันทนไม่ได้ถ้าจะต้องเลิกกันแบบนี้”
“....................” ฉันนิ่งไปซักครู่หนึ่ง
ครู่ใหญ่ๆ เลยทีเดียวเชียวล่ะ มันรู้ได้ไงว่าเจอของ?? ฉันก็ไม่ได้ถาม แต่....
‘ตรูเนี่ยนะ?’ .. เห็นฉันเป็นหมอผีรึไง??? ฉันคิด
“ฉันไม่ค่อยถนัดซะด้วยสิ เดี๋ยวจะลองถามพิมพามันให้นะ” ฉันยังตอบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ฉันจำได้ว่าพิมพามันเคยบอกว่าโดนกิ๊กของสามีมันทำคุณไสย์เหมือนกัน ท่าทางรายนั้นน่าจะช่ำชองไม่น้อยในเรื่องชิงรักหักสวาทแบบนี้ สาวน้อยไร้เดียงสาแบบฉันไม่สันทัดเรื่องแย่งผู้ชายหรอกค่ะ (กล้าพูดมาก ทั้งๆ ที่เลยวัยนั้นมาไกลโขแล้ว)
ชีวิตเรานี่มีสีสันดีเนอะ… คิดได้แค่นั้นแล้วก็ถอนหายใจเฮือกนึงเน้นๆ
ก็เพราะแบบนี้ ฉันถึงไม่คิดจะมีแฟน ฉันไม่อยากจะต้องเป็นทุกข์เพราะคนอื่น แค่ลำพังทุกข์ของตัวเองก็แบกรับไม่ไหวแล้ว คนเราเมื่อให้รักใครไปซักคน ถ้าเขาเจ็บ เราจะรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าหลายเท่านัก ถ้าเกิดมีคนมาแย่งของที่เราคิดว่ารัก มันจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัว แก่งแย่งกันซะจนไม่คิดถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นเลยทีเดียวเชียวล่ะ นี่พวกเอ็งสองคนบอกว่ารักนักรักหนา แต่ถึงกับทำคุณไสย์ใส่กันโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง เขาน่าจะเรียกว่าเห็นแก่ตัวมากกว่าความรักนะ
ตกดึกคืนนั้นฉันนั่งแชทออนไลน์กับพิมพาผ่านโปรแกรมไลน์ กะว่าจะปรึกษาเรื่องนี้แหละ เราปราบผีกันผ่านโลกดิจิตอลแล้ว สมัยนี้เขาไฮเทคแล้วนะค่ะ
ในมือของฉันถือภาพชายคนรักของเพื่อนเอาไว้ ‘เฮ้อออ ผู้หญิง 2 คน จะเป็นจะตาย เพราะแย่งผู้ชายคนเดียว’ … พร้อมทั้งตั้งจิตถึงบุคคลในภาพ สิรินเซ็งค่ะ เรื่องของตรูหรือเปล่าค่ะ?
“เห็นอะไรไหม” พิมพาถามฉัน เขาพยายามไม่ทำเองแต่ให้ฉันทำ เผื่อคราวหน้าจะได้เป็นงาน
“ก็เห็นแฟนมันนั่นแหละ” ฉันตอบไปเนิบๆ พยายามมองภาพตรงหน้าอย่างพิจารณา
“แล้วก็ตรงหัวมันดูกลวงๆ เหมือนหลุมดำนะ มีเส้นขาวๆ เหมือนใยบางๆ ออกมาจากหลุมนั้นด้วย” ฉันเห็นแล้วคิดไปถึงคำว่า ‘สมองกลวง’ ท่าทางจะใช้นิยามสถานการณ์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี
“ท่าทางจะโดนดึงขวัญนะ” พิมพาว่า
“การดึงขวัญทำให้คนๆ นั้นไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ โดนชักจูงอะไรก็ง่ายๆ”
“เห็นอะไรอีกไหม??” พิมพาถามต่อ
“ก็… เห็นผีผู้หญิงชุดแดง นอนยั่วยวนอยู่ใกล้ๆ นมตู้มๆ น่ะแก อารมณ์แบบนางยั่วเมืองเลยล่ะ” ฉันบอกไปตามทีเห็น
“อันนั้นคงเป็นผีที่มากับสเน่ห์ยาแฝดที่เกาะติดอยู่กับผู้ชายคนนั้น” พิมพาบอก
“แก กันผีตัวนั้นออกไปก่อนได้ไหม??” พิมพาถามฉัน
“ให้ฉันทำยังไงล่ะ จะให้ฉันวิ่งเข้าไปกระชากแล้วตบมันเลยป่ะ เรื่องใช้แรงงานฉันถนัดนะ แต่ให้ฉันเข้าไปถอดเสื้อผ้ายั่วแข่งกับมันฉันคงไม่ไหว มองเนื้อนมไข่ดูท่าว่าจะแพ้มันหลายขุมเลยว่ะ”
“ไอ่บ้า!!! แกก็ลากมันไปไกลๆ ใช้กุมารทองของแกก็ได้ เรียกตัวที่มันเก่งๆ หน่อย ลากมันออกไป”
อืมมม…. ฉันคิดถึงกุมารทองของหลวงปู่โต๊ะขึ้นมาเลย เป็นกุมารทองเทพที่จัดว่าเฮี้ยนมากตอนปลุกเสก เป็น เด็กจั่มม่ำ 2 องค์ ชายหญิง
องค์ผู้หญิงกระโดดขึ้นขี่คอผู้ชายคนนั้นทำท่าเหมือนกดตรงส่วนนั้นไว้ อีกองค์ผู้ชายองค์ถือมีดลักษณะคล้ายกริชแทงซวบเข้าไปที่พุง …
“เฮ้ยย แมร่งแทงท้องว่ะ” ฉันพูดแบบตกใจนิดๆ
“ปลายมีดมัน เหมือนมีอะไรดำๆ ดิ้นได้ด้วยแก ยังกับปลาช่อนแน่ะ” ฉันบรรยายเหตุการณ์ตรงหน้าต่อ ตอนนี้พวกเราเหมือนกำลังมองผ่านทีวีช่องเดียวกัน
“เป็นปลิงว่ะแก ของสกปรกน่ะ สงสัยคงให้ผู้ชายคนนั้นกินเข้าไป” พิมพามองตาม นี่ขนาดเราอยู่กันคนละที่ เรายังเห็นเรื่องเดียวกันได้ ชะรอยว่าเราสองคนมันต้องบ้าพอๆ กันแน่นอน
ฉันเห็นไอ่ดำๆ นั่นดิ้นดุ๊บๆ อยู่ซักพัก เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักแสยะยิ้มเหี้ยมนิดนึง ปามันลงกับพื้นเอาเท้ากระทืบๆๆ แต่ไอ่สีดำๆ รูปร่างคล้ายปลาช่อนก็ยังดิ้นยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนิ่ง
“แกลองตั้งจิตให้พุทธคุณช่วยล้างอาถรรพ์พวกนั้นดูนะ” พิมพาพูดต่อ
‘ตั้งจิตล้างอาถรรพ์’ ทำยังไงว่ะ… แหม่เกิดมาก็ไม่เคยซะด้วยสิ
ฉันพยายามคิดแบบที่เขาว่า น้อมนำอำนาจพุทธคุณเข้าสู่ปลิงตัวนั้น มันเกิดเป็นไอสีแดงเพลิงขึ้นเผาสิ่งดำๆ ตรงหน้าแล้วจางหายไป
'มันเหมือนจะง่ายเลยเนอะ' ฉันคิด
"แล้วไงต่อล่ะ" ฉันถามพิมพา
"แกเห็นเส้นๆ ที่โผล่ออกมาจากหัวไอ่ผู้ชายคนนั้นไหม?? แกตามเส้นนั้นไปนะ มันน่าจะเชื่อมโยงไปยังจิตบางส่วนของผู้ชายที่โดนดึงออกไป"
โอ้ พระเจ้า... นี่มันล้ำลึกว่าที่ฉันคิดนัก แต่ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ พิมพาก็พูดขึ้นมาอีกคำ
"แกก็ตามมันไปดีๆ นะ เกิดเจอไอ่หมอผีตัวนั้นเข้าก็หนีออกมาเสียล่ะ"
นี่มันขู่ฉันหรือยังไง???
ฉานเดินตามเส้นบางๆ ที่ดูเหมือนสายใยบางๆที่ไหลออกจากหลุมดำบนหัวผู้ชายคนนั้นไปจนสุดทางที่ห้องๆ หนึ่ง ดูแล้วก็ไม่มีอะไรนะที่ปลายทางนั้นเห็นชายรูปร่างหน้าตาแบบเดียวกันนั่งเหม่อลอยอยู่ มีผีบริวารผู้ชายเฝ้าอยู่ตนนึง
"ผีเฝ้าจิตแน่ะแก" พิมพาพูดเหมือนตาเห็น
"ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก พาจิตนั้นกลับมาก็พอ"
ฉันให้เด็กฉันเขี่ยอิผีตัวนั้นออกไปให้พ้นทาง แล้วเข้าไปลากผู้ชายสมองกลวงคนนั้นออกมา (สภาพนั้นต้องเรียกว่า สมองกลวงแน่นอน ถึงจะถูกต้อง)
"แกจับมันยัดกลับเข้าไปในนั้น" พิมพาบอก
'ง่ายนักนี่' ไอ่สิ่งที่เกลอพูดน่ะ แล้วทำยังไงล่ะ ... ฉันยังคิดไม่ออก
เหวี่ยงๆ มันกลับเข้าไปก็แล้วกันนะ
"เออ ยัดกลับเข้าไปแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนมันยังกลวงๆ อยู่เลยนะ"
"แกเอามือกดไว้ตรงนั้น น้อมระลึกถึงพุทธคุณ แล้วกดไหล่ทั้งสองข้างและด้านหลังของเขา เป็นการผนึกจิต"
ถึงตอนนี้ฉันอยากจะมองหน้าเพื่อนแล้วมันถามว่า
'ใครสอนแกมาว่ะ?? มันใช่เรอะ??' แต่ก็ยังไม่พูดอะไรมาก ลองบ้าตามมันดูซักตั้งเถอะ เออท่าจะบ้า ก็บ้ามันด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ มโนแจ่มกันทั้งคู่เลย
"เออ แล้วทำยังไงกับสาวยั่วเมืองตรงหน้าดีล่ะ" ฉันถามไป เห็นเด็กน้อยกำลังนั่งล่ามมันอยู่
"ผีพวกนี้มันโดนคาถากำกับไว้ พวกมันน่าสงสารนะ ตอนเป็นคนคงไปทำวิบากกรรมไว้กับพวกคุณไสย์ตายไปถึงต้องมาโดนเขาบังคับกักขังใช้งานแบบนี้ ถึงปล่อยไปก็ต้องกลับไปหาไอ่หมอผีอยู่ดี แกไปล้างอาคมตรงนั้นก่อน"
เช้สสสสส!! meung พูดจริงพูดเล่น??? นี่มันล้ำเกินที่ฉันคาดไว้เยอะเลยนะเนี่ย
"ทำไง" ยังไม่วายถาม
"ใช้ไฟเผา กำหนดจิตให้เป็นไฟเย็นนะ ไม่ใช่ไฟทำลายแบบตอนแรก ให้พุทธคุณช่วยนำพา"
'พูดง่ายนะ' ฉันคิด เอาก็เอาว่ะ ...
รู้สึกเหมือนเป็นไฟสีฟ้าระรอบกายผีตนนั้นอยู่วูบนึง ผีสาวตนนั้นก็หายไป
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไง ที่เหลือฉันปล่อยให้พิมพามันจัดการ เพราะรู้สึกว่ามันจะล้ำเกินไปหน่อย ไม่ค่อยสันทัดซักเท่าไหร่
แต่หลังจากนั้นฉันก็ส่งกุมารทอง 3 -4 ตนไปเฝ้าผู้ชายคนนั้นไว้ซักพัก พอให้เรื่องมันซาลงแล้วค่อยเรียกกลับ
มีกุมารทองบางประเภทสามารถป้องกันคุณไสย์ได้ ฉันเองก็ขี้เกียจให้กานต์มันมานั่งร้องห่มร้องไห้เรียกหาผัวเอากับฉันบ่อยๆ ด้วยสิ
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่า เห็นมันว่าหลังจากนั้น แฟนมันก็กลับมาบ้านแล้วก็พูดคุยปกติ ก็ถือว่าโชคดีไปแล้วกัน
หมดเรื่องคราวนี้ ฉันบอกเลย ต่อไปฉันจะไม่ยุ่ง... กรรมใครกรรมมันเถอะนะ อย่าให้ฉันบ้าไปกว่านี้อีกเลย สาธุ
---------
ตอนแรกผู้เขียนจะแต่งนิยายรักหวานแหววข้ามภพระหว่างเทพกับมนุษย์นะ ตอนจบก็ประมาณมณีสวาท สุดท้ายเราจะข้ามกาลเวลามาพบกัน ให้ดิ้นตายเถอะ ยิ่งแต่งยิ่งดำดิ่งลงเรื่อยๆ แฟนตาซีโรแมนติคที่ตั้งใจไว้แต่แรก ค่อยๆ ดาร์กขึ้น ดาร์กขึ้น กลายเป็นนิยายผีไปได้ยังไงก็ไม่รู้
มาถึงตอนนี้ ผู้เขียนนั่งเปิดเพลงภูตพิศวาส ของทัช ณ ตะกั่วทุ่ง ฟัง คลอไปด้วย แหม่ มันเย็น ได้ใจจริงๆ
เดี๋ยวเราจะดิ่งลงนรกภูมิกันเลยทีเดียว
ปล. 2 กรุณาอ่านแล้ว ทำความเข้าใจว่า นี่คือนิยายที่อ่านเพื่อความบันเทิง ย้ำคำว่า บันเทิงนะเจ้า
ถึงตอนนี้ ตัวละครทุกตัวยังออกมากันไม่ครบ แล้วก็ยังเผชิญหน้ากันไม่หมดเลยด้วยซ้ำ มันจะไปได้ถึงตอนนั้นไหมนะ
ความคิดเห็น