คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เจรจาอีกหน กับผีตนเดิม
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าไม่เป็นตามคิด รู้ทันทีว่าที่เคยตกลงกันไว้คงไม่ใช่เสียแล้ว อิตาผีเจ้าเล่ห์นี่พลิกลิ้นเป็นผีปลาไหลไปซะได้ จากที่ตอนแรกคิดว่าจะง่ายกลายเป็นยากแล้วไหมล่ะ สิรินเอ๋ย เมื่อรู้สึกว่าเสียรู้ผีแก่เจ้าเล่ห์ตนนี้เข้าให้แล้ว
ใจหนึ่งอยากจะแสร้งทำประหนึ่งเจ้าแม่กาลีประทับทรง วิ่งตรงเข้าไปกระชากผีตาแก่เจ้าเล่ห์แล้วฉีกอกให้ตายกลายเป็นผีอีกซักรอบ แต่อีกใจก็กลัวว่าทำแบบนั้นสงสัยญาติเพื่อนซี้จะต้องกลายเป็นผีเป็นแน่แท้ ‘เจ้าผีนี่ถ้าจะไม่ให้อภัยกันมันไม่เจ็บใจเท่าโกหกคำโตซึ่งๆ หน้า แบบนี้เข้าข่ายฆ่าได้หยามไม่ได้’
ฉันกัดฟันแน่นอย่างอดทน… แหม่ถ้ากระโดดกัดหัวผีตรงหน้าได้คงทำไปแล้ว
"ตา ท่านทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ไหนเราตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่รึ" คราวนี้เสียงเริ่มแข็งขาดความเกรงใจต่างจากครั้งแรกลิบ
"ตาฆ่าเขาตายคราวนี้ ระวังเถอะชาติหน้าเขาจะมาเอาคืน ตามจองเวรจองกรรมกันไม่สิ้นสุดแบบนึ้ไปเรื่อยไม่เหนื่อยรึไง แล้วเมื่อไหร่มันจะจบซักทีล่ะ" ผีเจ้ากรรมได้ยินดังนั้นเริ่มทำหน้าคิดตาม
“ตาดูสิ ลูกสาวตาเขามาเกิดใหม่ ไม่รับรู้อะไรแล้ว นี่ตาเป็นคนโดนกระทำแท้ๆ กลับต้องมาตามจองล้างจองผลาญคนที่เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ฆ่าเขาตายเขาก็ไม่สำนึกหรอก กลับคิดไปว่า เพราะอะไรถึงมาฆ่าเขาแบบนี้ ถ้าตาอยากให้เขาสำนึก สู้ปล่อยให้เขาฟื้นขึ้นมาแล้วทำบุญชดเชยบาปที่เคยทำมายังจะดีซะกว่า มัวแต่ตามกันแบบนี้ บุญบารมีไม่สร้างเพิ่ม ประเหมาะเคราะห์ร้ายหมดบุญเก่าขึ้นมา แบบนี้ไม่แคล้วเกิดมาชาติหน้ากลายเป็นหมูเป็นหมาหมดสิทธิ์เกิดเป็นคนไม่รู้ด้วย” ฉันยังพูดกล่อมแกมขู่อย่างไม่ลดละ ในเมื่อพูดดีๆ ลีลาเยอะ คงต้องขู่เสียหน่อย
ผีตรงหน้าเริ่มทำหน้าตระหนกนิดนึง มือที่ล้วงบีบเค้นหัวใจคนไข้เหมือนตั้งใจให้หัวใจวายตายไปในวินาทีนี้ชะงัก
“แล้วถ้ามันฟื้นขึ้นมา แล้วไม่บวชให้ข้าล่ะ? ข้าไม่ต้องเป็นผีไม่มีที่อยู่ล่องลอยไปเรื่อยๆ เรอะ” ยังต่อรองเสียงอ่อยๆ
ฉันนี่.. ถอนหายใจเฮือกเลยทีเดียว แล้วเอ่ยไป
“เอางี้ คืนนี้ตาลองปล่อยเขาไว้ แล้วมากับหนูไหม คืนนี้จะพาตาไปที่ๆ นึง”
ฉันพยายามล่อลวงต่อ จำได้ว่าเคยเจอผีสัมภเวสีตามข้างทางบ่อยๆ บางตนตายก่อนเวลาไม่มีที่ไป บางตนก่อนตายเมามายไม่ได้สติพอตายก็จำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรไว้ เคยเป็นใคร หรือมีญาติพี่น้องอยู่ที่ไหน จะไปขอส่วนบุญก็ไม่ได้ ได้แต่ล่องลอยเหมือนอมีบาหรือสัตว์เซลล์เดียวไม่มีสมองคิดอะไรด้วยซ้ำ บางตนเกกมะเรกเกเร เห็นใครมีบุญเข้าหน่อยก็กระโดดเกาะกระโดดแฝงกระโดดหวังจะสิงเข้ายึดครองร่างสังขารนั้นเสียดื้อๆ ฉันเองก็เจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ผีบางตัวมาหลอกว่าเป็นองค์เทพองค์นั้นองค์นี้แล้วก็อาศัยแฝงสังขารกินบุญเสียจนอิ่มแปร้โดยที่เจ้าของสังขารไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนผีมันหลอกลวง
ด้วยความสงสารจึงถามเหล่าเทวดาที่คอยรักษาวัดวาอารามว่า ทำอย่างไรที่จะพอมีที่พึ่งพิงให้ผีไม่มีญาติพวกนี้ได้พักรอเวลาสิ้นอายุขัยโดยที่ไม่ต้องไปเดือดร้อนใครต่อใครได้บ้าง เพราะเห็นว่าวัดนี่ มีผีเยอะดีกว่า ใครๆ บอกว่าผีกลัววัด มันไม่จริงหรอก ถ้าเป็นผีดีๆ ท่านก็ยังให้เข้าวัดเพื่อกราบไหว้พระ หรืออนุโมทนาบุญกับผู้คนที่มาทำบุญ
เทวดาท่านแนะนำว่า จะมีที่ๆ นึงให้เหล่าผีที่ตั้งใจทำดีพวกนั้นไปรวมตัวกัน เหมือนสถานปฏิบัติธรรมของมนุษย์นั่นแหละ แต่นี่เป็นแหล่งของผี หากผีปฏิบัติดีๆ ก็สามารถปรับภพภูมิให้ตนเองได้ ไม่ต้องเป็นผีเร่รอนแบบที่เป็นอยู่ ขอแค่คิดกลับตัวกลับใจและตั้งใจปฏิบัติจริงๆ เท่านั้น
คืนนั้นฉันพาผีตาเจ้าเล่ห์ร่วมสวดมนต์ ทำกรรมฐานแผ่อุทิศบุญกุศลให้เขาก่อนพาเขาไปสถานที่ที่คิดเอาไว้ แอบลอบมองว่าตาจะถูกใจบ้านใหม่หลังนี้หรือไม่ สถานที่นี้ไม่มีอะไรเลย แต่เท่าที่รู้จะไม่มีความหิวโหยและไม่ลำบากเหมือนอยู่ข้างนอก และไม่โดนกักขังใดๆ ทั้งสิ้น หากเปลี่ยนใจอยากจะไม่อยากปฏิบัติก็สามารถกลับออกมาได้ทุกเมื่อ แต่ส่วนมากผีแต่ละตนที่ฉันพามาเขาก็ดูจะมีความสุขดีกับสถานที่แห่งนี้นะ (เพราะหลอกพามาหลายตนแล้ว)
สายตาแอบเหลือบมองอย่างสังเกตุ.. ตาผีนี่จะตกหลุมเราไหมนะ
วันนี้เป็นวันที่ 9 แล้วที่ ญาติผู้น้องของเบญจายังไม่ฟื้นขึ้นมา ฉันยังคงยืนมองคนร่างตรงหน้าและดวงจิตตรงหน้าอย่างชั่งใจก่อนถามออกไป หลังจากเอาตาไปทิ้งไว้ที่นั่นแล้ว 2 วัน
“ว่ายังไงตา ok ไหม?” ลองแย๊พถามดูเพื่อจะล่อได้สำเร็จ
“ดีกว่าคอยตามเขาไปเรื่อยๆ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าตาตามเขาอยู่นะ เขาเจ็บตาอาจจะสะใจ แต่ตามีความสุขไหมล่ะ? ตาไม่เหงาหรือ? อยู่ที่นี่ไม่หนาว อบอุ่น มีอาหารทิพย์ มีเพื่อนเยอะแยะนะ” ปากพูดไปตาก็ลอบสังเกตุผีตรงหน้าไป
“พอๆๆๆๆ ไม่ต้องมาล่อข้าหรอก” ผีตรงหน้าพูดเหมือนรู้ทัน
“แต่ต้องรักษาสัญญานะ ถ้ามันฟื้น ข้าขอให้มันบวชให้ข้า 1 เดือน” ยังย้ำข้อตกลงเดิม
“เพราะถ้ามันไม่บวชให้ข้า ถึงข้าจะอภัยให้มันแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะเจ้ากรรมคนต่อไปจะยอมมันนะ โอกาศคนเราไม่ได้มีกันบ่อยๆ นี่ข้ายอมเพราะมันเป็นลูกสาวของข้าหรอกนะ แต่ถ้ามันผิดคำพูดละก็…
“ผีตาแก่พูดพลางเหลือบมองไปข้างหน้า…
“เจ้ากรรมคนต่อไปที่เขารออยู่ คงจะไม่ปล่อยไปแบบข้าแน่นอน ถึงตอนนั้นใครก็คงช่วยไม่ได้แล้ว”
ตาพูดพร้อมกับลูบไปหน้าอดีตลูกสาวแกที่นอนอยู่บนเตียงไปมา…
“ข้าอโหสิให้แก่เจ้า…” ผีตาพูดแผ่วๆ แล้วร่างก็จางหายไป ….
“ไปแล้วใช่ไหม” เบญจาถามอย่างสงสัย
“คิดว่าเช่นนั้นนะ …” ฉันตอบเบาๆ อย่างไม่แน่ใจว่า คนตรงหน้าจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างที่คิดหรือไม่ …
“แล้วถ้าน้องเขาฟื้นขึ้นมา แกก็ช่วยบอกให้เขาไปบวชตามที่ตกลงกันไว้ด้วยนะ อย่าลืมมารายงานผลให้ฉันด้วยล่ะ”
“อืมมมมม”
หลังจากนั้นอีก 2 วัน.. เบญจาจึงโทรมาแจ้งว่า ญาติผู้น้องของเขานั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว…
เฮ้อออ… ลุ้นแทบแย่ ฉันคิด…
ความคิดเห็น