คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พิธีประถมนิเทศ
“กัปตันมีร่างอวตาร..”เท็นมะพูดขึ้น
ขนาดชินโดกัปตันของไรมงก็ยังแสดงร่างอวตานออกมาเช่นกันครับ!!
สึรุงิมองชินโดก่อนจะฉีกยิ้มออกมา
“น่าสนุกนิ”
“ฉันเป็นกัปตันก็ต้องปกป้องฟุตบอลเอาไว้!!”
“จะทำได้หรอเพราะฉันคนนี้จะทำลายมันเอง!!” พูดจบสึรุงิก็เตะลูกบอลใส่ชินโดแต่ชินโดก็รับลูกบอลไว้ได้
รับไว้ได้ครับ!! ร่างอวตานปะทะกันแล้วตอนนี้ บอลลอยสูงขึ้นไปแล้วครับใครจะเป็นผู้ได้บอล!!
อยู่ ๆ เสียงของโค้ชทีมอัศวินสีดำก็ดังขึ้น
“พอได้แล้ว!!”
“ทำไมละครับ?!!”สึรุงิถาม
“จบการแข่งเท่านี้ ขอตัวกลับก่อนนะ”
“คิดจะหนีหรอ!!”
“หนีอะไรกัน คิดว่ายอมให้จะดีกว่านะครับในด้านผลการแข่ง เอาเป็นว่าตัวตนของเธอปกป้องไรมงเอาไว้ได้ก็แล้วกันนะชินโดคุง”
สึรุงิเตะบอลขึ้นฟ้าและทีมอัศวินสีดำก็หายตัวไปราวกับว่าไม่เคยมีอยู่ ชินโดล้มลงกับพื้นหอบหายใจก่อนจะสลบไปสมาชิกชมรมไรมงที่เห็นรีบวิ่งมาดูอาการชินโดทันที แต่โค้ชคุโดก็ห้ามเอาไว้ก่อนจะอุ้มชินโดไปห้องพยาบาล
“กัปตัน..”
“เท็นมะเป็นอะไรมั้ย?”ฉันเข้าไปถามเท็นมะด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไร…แค่เป็นห่วงกัปตันนิดหน่อย”เท็นมะเดินไปหาลูกฟุตบอลและย่อตัวลง
อาการนายก็หนักพอ ๆ กับชินโดนั้นแหละยังมีหน้าไปห่วงคนอื่นอีกนะ
ยูนะย่อตัวลงข้าง ๆ เท็นมะ
จากนั้นอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงของนักเรียนหญิงคนนึงดังขึ้น
“เท็นมะ” เธอโบกมือให้เท็นมะ
ฉันกับเท็นมะหันไปมองเธอ
“อาโออิมาด้วยหรอ?!”เท็นมะผุดสีหน้าประหลาดใจก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้เธอ
“อื้ม ตกใจหมดเลยนะเนี่ย นายโอเคมั้ยอะ?”เธอถามไถ่อาการเท็นมะด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง”
อาโออิย่อตัวลงข้างเท็นมะอีกฝั่ง
“อ๊ะ จริงสิอาโออินี้ยูนะ และยูนะนี่อาโออิเพื่อนฉันเอง”
ยูนะฉีกรอยยิ้มกว้างดูเป็นมิตรให้อาโออิก่อนจะยกมือขึ้นแล้วแนะนำตัว
“ยูนะ ฟูมิโกะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
อาโออิเผยรอยยิ้มกว้างแล้วจับมือตอบ
“โซราโนะ อาโออิ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
ทั้งสองคนปล่อยมือจากกันก่อนที่อาโออิจะเอ่ยต่อ
“เกิดเรื่องยุ่งก่อนการประถมนิเทศเลยนะเนี่ย”
เท็นมะนิ่งไปครู่นึงก่อนจะทำท่าเหมือนพึ่งนึกอะไรบางอย่างออก
“จริงด้วย! ลืมงานประถมนิเทศไปซะสนิทเลย!”
ยูนะหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ
“นั้นสิ ถ้ารีบไปตอนนี้อาจยังทันอยู่นะ”
ว่าแล้วทั้งสามคนก็รีบวิ่งออกจากสนามทันที
งานประถมนิเทศ
ยูนะหยิบสมุดพกพาเล่มนึงที่เธอเอาไว้จดคำศัพท์ขึ้นมานั่งอ่านพลาง ๆ รอผู้อำนวยการกล่าวประถมนิเทศเสร็จหลังจากอ่านไปได้สักพักยูนะก็เงยหน้าขึ้นมองผู้อำนวยการที่มัวแต่พล่ามเรื่องไร้สาระมาเป็นชั่วโมงแล้ว ในจังหวะนั้นเองสายตาพลันเหลือบไปเห็นคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นัยต์ตาสองสีสบกันครู่นึง อีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อย ส่วนยูนะจิ๊ปากออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะสะบัดหน้าหนี
เดี๋ยวนะ ถ้าไอ้นักเลงหัวไม้นั่งอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่าหมอนี่อยู่ห้องเดียวกับเรางั้นหรอ ดวงซวยชะมัด
เมื่อพิธีประถมนิเทศจบยูนะก็ลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินไปที่ห้องเรียน
ฉันเดินเข้าห้องเรียนที่ค่อนข้างเสียงดัง พอเข้าไปก็พบโต๊ะนักเรียนว่างอยู่เพียงที่เดียวและจุดตั้งของโต๊ะนั้นก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียวมันอยู่แถวท้ายสุดถัดจากแถวริมหน้าต่าง ฉันไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปด้วยความอารมณ์ดี
ดีจัง นึกว่าโต๊ะดี ๆ จะโดนแย่งไปหมดแล้วซะอีกอย่างน้อย ๆ วันนี้ก็ยังพอมีเรื่องดี-
จากอารมณ์ดี ๆ ก็พลันขุ่นหมองลงเมื่อเห็นหน้าเพื่อนข้างโต๊ะ คนที่นั่งแถวริมติดข้างหน้าต่างก็คือสึรุงิหรือไอ้เจ้านักเลงหัวไม้ที่พึ่งเจอหน้ากันตอนพิธีประถมนิเทศและตอนนี้ยังเป็นเพื่อนข้างโต๊ะกันอีก
ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้วันนี้มันเฮงซวยที่สุด
“เฮงซวย”ฉันพูดก่อนจะนั่งลง
สึรุงิที่ได้ยินก็หันมามองฉันพร้อมสายตาจิกกัดเหมือนโกรธใครมา แน่นอนว่าฉันก็ส่งสายตาจิกกัดตอบ
เมื่อเสียงกริ่งบองเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
ฉันลุกออกจากที่นั่งทันทีเพราะเบื่อหน้าใครบางคน ไปหาเท็นมะดีกว่า
เมื่อออกกจากห้องเรียนก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น
“ยูจัง!”
“เท็นมะ? อาโออิ?”
ฉันเห็นเท็นมะและอาโออิมารออยู่หน้าห้องกับผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนึง
“อ๊าา เธอคือยูนะ ฟูมิโกะ ใช่มั้ย? ฉันเห็นตอนที่เธอส่งลูกยาวในสนามแล้วมันเจ๊งสุด ๆ ” เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ชี้นิ้วมาทางฉันที่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างมึนงง
“อา แล้วนายคือ?”
“ฉันมิชิโซโนะ ชินสุเกะ! เรียกว่าชินสุเกะก็ได้!”
“ยูนะ ฟูมิโกะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เรารีบไปอาคารฟุตบอลกันเถอะสายแล้ว!”เท็นมะพูดเร่งก่อนจะวิ่งนำไปชินสุเกะก็รีบวิ่งตามเท็นมะ
“เดี๋ยวก่อน! รอฉันด้วยสิ!”อาโออิกล่าวพลางรีบวิ่งตามไป
เป็นคนที่มีพลังเหลือล้นจริง ๆ เลยนะ
อาคารฟุตบอล
เมื่อมาถึงอาคารฟุตบอลก็เห็นรุ่นพี่สมาชิกชมรมไรมงเดินออกมา รุ่นพี่สองคนนั้นหันมามองพวกเรา
“พวกนายตอนนั้นนิ”
“ตอนนี้กำลังประชุมเครียดกันเลย”รุ่นพี่อีกคนกล่าว พวกเรารีบเข้าไปถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอครับ?”
“ถ้าคิดจะเข้าชมรมฟุตบอลตอนนี้ล่ะก็รีบตัดใจซะเถอะ”
“ชมรมฟุตบอลน่ะพังซะแล้ว”
พังแล้ว? เป็นเพราะเรื่องฟิฟเซ็กเตอร์เมื่อเช้างั้นหรอ?
“หมายความว่ายังไงกันครับ!”ชินสุเกะถามแต่รุ่นพี่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ พวกเขารีบเดินออกไป
“นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่..”อาโออิพูดขึ้น
พอรุ่นพี่ออกไปจากอาคารแล้วพวกเราก็รีบวิ่งไปห้องประชุมของชมรมฟุตบอล เมื่อมาถึงก็เห็นรุ่นพี่คนนึงกำลังโวยวายแล้วเลือกออกจากชมรม ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ส่วนกัปตันก็ไม่ได้ห้ามอะไรปล่อยพวกเขาเดินออกจากห้องชมรม
“อย่าเพิ่งไปครับรอก่อน”เท็นมะกางเเขนบังทางออกไว้
“ขอร้องละครับ อย่าลาออกเลยนะครับ”
“โทษทีนะพวกฉันตัดสินใจไปแล้ว” หนึ่งในสมาชิกชมรมฟุตบอลหยักไหล่ตอบ
“ผมน่ะเข้าไรมงมาก็รอที่จะได้เล่นฟุตบอลกับรุ่นพี่ในชมรมทุกคนนะครับชมรมฟุตบอลไรมงเป็นความใฝ่ฝันของผมเลย”
“นายนี่มันเด็กจริง ๆ ดูวันนี้ก็รู้แล้วนี่นา ว่าฟุตบอลไรมงน่ะไม่มีความสามารถกันขนาดไหน”
“นั้นมันไม่จริงเลยครับ!”เท็นมะปฎิเสธทันควัน
“จะบอกให้ว่าฟุตบอลมันน่ากลัวจะตาย”
“ฟุตบอลมันน่ากลัวตรงไหนกันครับ? ผมว่าฟุตบอลมันสนุกออก ถ้าเราไม่คิดว่าฟุตบอลมันสนุกมันก็น่าสงสารแย่เลยนะครับ”
พอรุ่นพี่เห็นเท็นมะพูดแบบนั้นก็พากันหัวเราะออกมายกใหญ่ มันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย หัวเราะเยาะความฝันของคนอื่นเนี่ยนะไม่มีความน่าเคารพนับถือในฐานะรุ่นพี่สักนิด
“ฟุตบอลน่าสงสารเนี่ยนะ? ฟุตบอลมันไม่ใช่คนสักหน่อย” หนึ่งในรุ่นพี่ที่นั่งอยู่พูดขึ้น
ฉันห้ามเท็นมะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างและเอ่ยขัดขึ้นมาว่า
“พวกไร้ประโยชน์น่ะออกไปได้ซะก็ดี”
พวกรุ่นพี่ยัวะกันขึ้นมาทันที
“ห๋า! เป็นแค่เด็กปีหนึ่งอย่ามาปากดี” หนึ่งในรุ่นพี่ทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องฉัน แต่เท็นมะก็เข้ามาขวางทางไว้
“พอได้แล้วน่าพวกนายไปเถอะ..”ชินโดเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
“ชิ! รอดตัวไปนะยัยเด็กปีหนึ่ง”รุ่นพี่คนนั้นวิ่งเข้ามาชนเท็นมะอย่างแรงก่อนจะเดินออกไป
เสียงประตูเปิดดังขึ้นอีกครั้งโค้ชคุโดกับอาจารย์โอโตนาชิเข้ามา อาจารย์โอโตนาชิกวาดตามองรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เหลือกันอยู่แค่นี้หรอทาคุโตะคุง?”
“ครับ ทีมหลัก 9 คนทั้งชมรมแล้วครับ”
“อย่างงั้นสินะ..”
อาจารย์โอโตนาชิเดินมาหาพวกเรา
“เท็นมะคุง ยูนะจัง เมื่อเช้าให้เล่นเป็นกรณีพิเศษนะแต่ก่อนเข้าชมรมก็ต้องมีการทดสอบก่อน”
เท็นมะและชินสุเกะร้องกันเสียงหลงเพราะนึกว่าได้เข้าชมรมแล้ว
“แต่ว่าวันนี้เองก็เกิดเรื่องขึ้นเยอะแล้ว โค้ชคุโดจะเอายังไงดีคะ?”อาจารย์โอโตนาชิหันไปถามโค้ชคุโด
“นั้นสินะ พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนมาที่นี่แล้วกัน” โค้ชคุโดเอ่ย
“ครับ”เท็นมะเดินคอตก
“ไม่เป็นไรนะเท็นมะค่อยมาเข้าพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย” ฉันเอ่ยปลอบเท็นมะ
แต่ในขณะที่เรากำลังจะออกจากห้องชมรมชินโดก็เข้ามาขวางไว้ซะก่อน
“มัทสึคาเซะ เท็นมะกับยูนะ ฟูมิโกะ เมื่อเช้าฉันขอขอบคุณพวกนายทั้งสองคน พวกนายช่วยไรมงเอาไว้แต่ว่าชมรมไรมงตอนนี้…”
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับถึงยังไงผมก็จะเข้าชมรมอยู่ดี!”เท็นมะตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ฉันเองก็พยักหน้าหงึก ๆ
ชินโดยิ้มให้พวกเราเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ"ถ้างั้นกลับบ้านดี ๆ นะ"
“เช่นกันครับ!”เท็นมะเอ่ยทิ้งทายก่อนจะออกไป
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะกัปตัน”ฉันเอ่ยก่อนจะรีบเดินตามเท็นมะไป
ชินโดส่งยิ้มให้ฉันเล็กน้อย
ยูนะถอนหายใจพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ระหว่างทางกลับบ้าน
จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น
น้าทาเคมิยะ
“ฮัลโหล”
[ ฟูมิจังถ้าฟังแล้วอย่าโวยวายนะ ]
“หมายความว่าไง?”
[ เอาเป็นว่าทำใจดี ๆ ก่อนฟังนะ…คือน้าถูกรถชน ]
“…” ยูนะนิ่งเงียบไร้คำพูดไปพักใหญ่
[ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ต้องห่วงนะ ]
“ห๋าาา!! ถูกรถชนตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหนส่งโลเคชั่นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!!”
[ เดี๋ยวใจเย็นๆก่อนหูน้าจะแตกแล้ว เดี๋ยวน้าจะส่งโลเคชั่นไปให้นะ ]
“จะให้ใจเย็นได้ยังไงน้าบาดเจ็บนะ แล้วถูกใครชนแจ้งความหรือยัง!”
[เอาเป็นว่าเดี๋ยวน้าเล่าให้ฟังที่โรงบาลนะ] พอเขาพูดจบก็ตัดสายไปทันที
ตู๊ด ตู๊ด….
“…” วันนี้มันวันอะไรกันวะเนี่ย!!
ณ โรงพยาบาล
ฉันรีบวิ่งมาให้ถึงเร็วที่สุดก่อนจะผลักประตูห้องผู้ป่วย
ปั้ง!!
“น้าเป็นอะไรมากมั้ย?”
พอฉันมาถึงเขาก็ฉีกรอยยิ้มกว้างราวกับว่าไม่เป็นอะไร ทั้งที่มีสายน้ำเกลือโยงระยาวอยู่
“อ้าว มาถึงเร็วจังนะ ไม่เห็นจะต้องรีบวิ่งมาเลย”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รีบเล่ามาเดี๋ยวนี้นะอย่างละเอียดห้ามขาดตกบกพร่องด้วย”
เขาหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อยพอเห็นสีหน้าฉันไม่ดีขึ้นเขาก็ไอกระแอ่มออกมาก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด
“คือว่าน้าสะดุดล้มฟุตบาทระหว่างกำลังยืนรอไฟแดงทางม้าลาย น้าล้มลงไปบนถนนแล้วรถเบรคไม่ทันก็เลยโดนชนเรื่องนี้น้าเป็นคนผิดเองแต่คู่กรณีก็ยังอาสาออกค่าพยาบาลให้อยู่ดี อีกอย่างน้าก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักหนาสาหัสอะไรรักษาตัวแค่ 1-2 เดือนก็หายแล้วละไม่ต้องห่วงนะฟูมิจังตั้งใจเรียนต่อไปเถอะ”
“เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าแล้วใช่มั้ย” ยูนะเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ฮ่าฮ่า ดูออกด้วยหรอเนี่ย ขอโทษที่ไม่ได้รีบบอกนะ น้าอยากให้ฟูมิจังโฟกัสกับการเรียนก่อนน่ะอีกอย่างวันนี้เพิ่งเปิดเรียนด้วย แล้วไปโรงเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง”
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างปลง ๆ
ทั้งทีเพิ่งถูกรถชนมาแต่ทำตัวสบาย ๆ จังเลยนะ…บางทีเขาคงไม่อยากให้ฉันกังวลเกินเหตุสินะแต่ว่ามันก็…
“…โรงเรียนวันแรกสนุกมากเลยค่ะ” ฉันฉีกรอยยิ้มกว้างให้เขาสบายใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วละ”
“เดี๋ยวหนูจะกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามานอนเฝ้าน้านะ”
“เอ๋!! ไม่ต้องหรอกน้าอยู่คนเดียวได้…”
ฉันรีบเดินออกมาทันที ไม่อยู่รอฟังเขาพูดจบเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะห้าม
หลังจากกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านมาเรียบร้อย ฉันเดินตัดผ่านสวนในโรงพยาบาลเพราะเส้นทางนี้สั้นแล้วใช้เวลาน้อยที่สุดในการเข้าโรงพยาบาล
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้!!” เดินเข้ามาไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ยูนะก็ได้ยินเสียงของใครสักตะโกนเธอหันไปหาต้นตอเสียง
ทว่า เธอกลับเห็นใครบางคนกระโจนออกมาจากหลังพุ่มไม้ เด็กหนุ่มคนนั้นคงไม่ทันระวังจึงพุ่งมาชนยูนะทั้งคู่ล้มลงไปกับพื้นเด็กหนุ่มคนนั้นคร่อมทับตัวเธออยู่ข้างบน
โอ๊ย อะไรเนี่ยเจ็บหลังชะมัด
“โทษที เธอเป็นอะไรมากไหม?” เขาหัวเราะแห้ง
“เจ็บย่ะ รีบลุกออกไปสักทีจะได้ไหม”น้ำเสียงยูนะปนความหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
“อ้า ลูกบอล!” ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าแล้วก็พบว่าลูกบอลกำลังลอยอยู่ซึ่งมันอยู่สูงกว่าบนพื้นดินมากโขทั้งสองคนรีบลุกขึ้นทันที
“ขอยืมไหล่หน่อยนะ” เขาว่าพลางเหยียบไหล่ยูนะเป็นแรงเสริมในการกระโดดไปเตะลูกบอล
“ห้ะ” ยูนะที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงไปกับพื้นอีกครั้งเพราะแรงเหยียบบนลาดไหล่ของเด็กหนุ่ม
เขาหมุนตัวเตะลูกบอลลงมาได้อย่างสวยงาม ทว่า ลูกบอลนั้นชนกับต้นไม้และกำลังเด้งไปชนหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งมีคนอยู่ในนั้น ยูนะที่เห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นวิ่งใช้ขารับบอลไว้ได้ทันอย่างฉิวเฉียด
“เฮ้อ…เกือบไปแล้วเชียว” พอบอลตกลงพื้นเด็กหนุ่มเมื่อครู่ก็ใช้เท้าเขี่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“เก่งนี่” เขาพูดชมเธอด้วยรอยยิ้ม
ยูนะมองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะเดินผ่านอีกฝ่ายเหมือนธาตุอากาศ
“เฮ้ โกรธหรอ ขอโทษนะพอดีตอนนั้นฉันไม่ทันคิดน่ะ” อีกฝ่ายเร่งฝีเท้ามาตีคู่กับยูนะ
ยูนะไม่ได้ตอบอะไรกลับเธอก้มลงเก็บถุงเสื้อผ้าที่ทำตกไว้
“นี่ จงใจเมินกันเลยหรอใจจืดใจดำเกินไปมั้ย” เมื่อเห็นยูนะไม่ตอบอีกฝ่ายก็เดินตามพลางถามคำถามจุกจิกๆไปเรื่อย ๆ จนยูนะยอมเปิดปากพูด
“หยุดเซ้าซี้สักทีจะได้ไหม” ยูนะตอบด้วยท่าทีหงุดหงิด
พอเห็นยูนะยอมเปิดปากพูดแล้วอีกฝ่ายก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชั่วแวบก่อนกลับไปจะยิ้มแย้มตามปกติ
“ฉันอาเมมิยะ ไทโย แล้วเธอล่ะ”
“ทำไมฉันต้องบอก”
ไทโยไม่ได้ซักถามอะไรต่อเขาเพียงเดินตามเธออย่างเงียบๆเท่านั้น
เมื่อทั้งคู่อยู่ในลิฟต์ยูนะที่สังเกตว่าอีกฝ่ายยังไม่หยุดเดินตามตัวเองจึงเอ่ยปากถาม
“เดินตามฉันมาทำไม”
“ฉันไม่ได้เดินตามเธอมาสักหน่อย แค่ห้องพักฉันอยู่ทางนี้ต่างหาก”
ยูนะเหลือบมองอีกฝ่าย จะว่าไปเขาก็ใส่ชุดผู้ป่วยอยู่ด้วยนี่นะแต่ยังไงก็ไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี
พอลิฟต์หยุดเธอก็ปล่อยให้ไทโยเดินนำไปก่อนเพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาคือความจริง
ไทโยเดินนำไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรเขาหยุดอยู่หน้าห้องผู้ป่วยห้องหนึ่งหน้าประตูห้องมีป้ายแปะชื่อ อาเมมิยะ ไทโย อยู่ ซึ่งห้องของเขาอยู่ข้าง ๆ ห้องน้าทาเคมิยะ ตลกร้ายซะไม่มี
ไทโยจับลูกบิดประตูแล้วหันมาพูดกับยูนะ
“เธอเดินตามฉันมาหรอ”
“เหอะ ไม่มีทาง” ยูนะเปิดประตูห้องข้าง ๆ ไทโยแล้วเดินเข้าไปทันที
“เมื่อกี้ฟูมิจังคุยกับใครหรอ?” น้าทาเคมิยะเอ่ยปากถาม
“ก็แค่คนน่ารำคาญคนนึง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
โรงเรียนไรมง
ช่วงพักกลางวันยูนะลงมาซื้อขนมที่สหกรณ์เพราะขี้เกียจไปต่อแถวซื้อข้าวในโรงอาหาร
ยูนะหยิบห่อขนมรสชาตนึงที่เหลืออยู่ถุงสุดท้ายแล้ว
หมับ
จู่ ๆ ก็มีใครสักคนหยิบห่อขนมนี้พร้อมกับเธอทั้งคู่หันหน้ามองกัน
“ฉันหยิบก่อนเธอปล่อยมือซะ” สึรุงิกล่าวพลางใช้แรงดึงถุงขนม
ไอ้นักเลงหัวไม้นี่อีกแล้ว
“ตลกหรือไง ฉันเล็งห่อนี้มานานแล้วย่ะ” ยูนะดึงห่อขนมกลับ
“จะปล่อยหรือไม่ปล่อย” สึรุงิกล่าวเสียงเข้ม
“ฉันไม่มีทางปล่อย!”
ทั้งคู่ฉุดกระชากห่อขนมอย่างไม่มีใครยอมใคร จนห่อขนมเกิดแตกแผ่นมันฝรั่งข้างในหกเต็มพื้น
“หึ้ย ทั้งหมดมันเป็นเพราะนายนั่นและ”
“หา เป็นเพราะเธอต่างหากล่ะ ถ้ายอมปล่อยถุงขนมนั่นตั้งแต่แรกเรื่องก็ไม่เกิดหรอก”
“ว่าไงนะ!!”
ทั้งสองคนถลึงตาใส่กันแล้วปล่อยสะเก็ดไฟกันดังเปรี๊ยะๆ
“ออกไปทั้งคู่นั่นและ!!” อาจารย์ประจำสหกรณ์ที่เห็นสถานการณ์จึงไล่ทั้งคู่ออก
“เฮงซวย” ยูนะสบถให้คนที่อยู่ข้างๆได้ยิน
“ยัยแว่นน่ารำคาญ” สึรุงิโต้กลับ
ยูนะเดินมาที่สนามฝึกเพราะหาเท็นมะที่ห้องเรียนไม่เจอ
“อยู่ที่นี่จริงๆด้วยสินะ”
“ยูจัง/ยูนะ!” เท็นมะกับชินสุเกะเรียกชื่อเธอพร้อมๆกัน
“ฝึกกันอยู่หรอ”
“อื้ม ยูจังมาฝึกด้วยกันไหม”
“ขอปฎิเสธ” ยูนะเดินไปยืนข้างๆอาโออิ
“ยูนะจัง รู้ด้วยหรอว่าพวกเราอยู่ที่นี่” อาโออิเอ่ยถาม
“ก็แค่ลองเดาดูน่ะ เพราะคนอย่างเท็นมะน่าจะอยู่ไม่กี่ที่”ยูนะตอบพลางมองเท็นมะกับชิสุเกะที่ฝึกส่งลูกบอลอยู่ในสนาม
“นั่นสิเนาะ” อาโออิหัวเราะเล็กน้อย
“วันนี้มีทดสอบเข้าชมรมสินะ” เสียงทุ้มๆของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของฉันกับอาโออิให้หันไปมอง
“รุ่นพี่เซโตะ” อาโออิเอ่ย
“เรียกมิโดริก็ได้” มิโดริกล่างพลางมองไปที่สนาม
“ดีจังนะหมอนั่นน่ะ”
“เท็นมะหรอคะ?”
“ใช่ ดูแล้วน่าจะพึ่งพาได้ มีความเร่าร้อนอยู่ในนี้ไง” มิโดริชี้นิ้วไปที่หัวใจ
มีความเร่าร้อนในหัวใจงั้นหรอ? ไม่ค่อนเข้าใจความหมายเลยแฮะ
“ทดสอบเข้าชมรมต้องผ่านให้ได้” ชิสุเกะเอ่ยแล้วเตะฟุตบอลส่งคืนเท็นมะ
“นั่นสิ ต้องผ่านให้ได้นะ” เท็นมะตอบพลางส่งลูกกลับ ทว่า ลูกที่ส่งดันสูงเกินไป
“ต้องเข้าชมรมให้ได้!!” ชินสุเกะโดดขึ้นไปรับลูกที่อยู่บนฟ้าซึ่งเป็นความสูงที่ไม่ธรรมดาเลย
ทั้งที่ตัวเล็กแค่นั้นแต่กลับกระโดดได้สูงขนาดนี้เลยงั้นหรอ
“สุดยอดไปเลยชินสุเกะ!” เท็นมะกล่าวชม
“นั่นสิ โดดได้สูงสุดๆไปเลย” อาโออิเอ่ยชมต่อ
“นี่ พวกนายอีก 5 นาทีจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้วนะ” ยูนะตะโกนบอกพลางกดโทรศัพท์มือถือ
“เข้าใจแล้ว” เท็นมะเก็บบอลแล้วเริ่มเดินกลับไปที่อาคารเรียน
ระหว่างทางเดินกลับพวกเราบังเอิญเจอสึรุงิเอามือล้วงกระเป๋าพลางกดโทรศัพท์อยู่หน้าอาคารเรียน เท็นมะเดินเข้าไปหาสึรุงิ เขาพับโทรศัพท์ลง
เหอะ ทำท่าเก๊กชะมัด
“ฉันน่ะ จะเข้าชมรมฟุตบอล”เท็นมะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หึ ก็เรื่องของนาย” สึรุงิตอบพลางแสยะยิ้ม
“ไปกันเถอะเท็นมะ” อาโออิเรียก
เท็นมะยืนมองสึรุงิอยู่ครู่นึงก่อนจะเดินกลับ
8/5/67 ลงตอน ยังไม่ได้แก้ไขคำผิด
ไม่ได้เทเรื่องนี้แต่อย่างใด ไรท์แค่ไปอัพอีกเรื่องก่อนตอนนี้ก็กลับมาอัพเรื่องนี้แล้วไว้ใจได้
ความคิดเห็น