ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fanfic Inazumaeleven go] fallen flowers

    ลำดับตอนที่ #3 : พิธีประถมนิเทศ

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 67


    “กัปตันมีร่างอวตาร..”เท็นมะพูดขึ้น

    ขนาดชินโดกัปตันของไรมงก็ยังแสดงร่างอวตานออกมาเช่นกันครับ!!

    สึรุงิมองชินโดก่อนจะฉีกยิ้มออกมา

    “น่าสนุกนิ” 

    “ฉันเป็นกัปตันก็ต้องปกป้องฟุตบอลเอาไว้!!”

    “จะทำได้หรอเพราะฉันคนนี้จะทำลายมันเอง!!” พูดจบสึรุงิก็เตะลูกบอลใส่ชินโดแต่ชินโดก็รับลูกบอลไว้ได้

    รับไว้ได้ครับ!! ร่างอวตานปะทะกันแล้วตอนนี้ บอลลอยสูงขึ้นไปแล้วครับใครจะเป็นผู้ได้บอล!!

    อยู่ ๆ เสียงของโค้ชทีมอัศวินสีดำก็ดังขึ้น

    “พอได้แล้ว!!” 

    “ทำไมละครับ?!!”สึรุงิถาม

    “จบการแข่งเท่านี้ ขอตัวกลับก่อนนะ”

    “คิดจะหนีหรอ!!”

    “หนีอะไรกัน คิดว่ายอมให้จะดีกว่านะครับในด้านผลการแข่ง เอาเป็นว่าตัวตนของเธอปกป้องไรมงเอาไว้ได้ก็แล้วกันนะชินโดคุง”

    สึรุงิเตะบอลขึ้นฟ้าและทีมอัศวินสีดำก็หายตัวไปราวกับว่าไม่เคยมีอยู่ ชินโดล้มลงกับพื้นหอบหายใจก่อนจะสลบไปสมาชิกชมรมไรมงที่เห็นรีบวิ่งมาดูอาการชินโดทันที แต่โค้ชคุโดก็ห้ามเอาไว้ก่อนจะอุ้มชินโดไปห้องพยาบาล

    “กัปตัน..”

    “เท็นมะเป็นอะไรมั้ย?”ฉันเข้าไปถามเท็นมะด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่เป็นอะไร…แค่เป็นห่วงกัปตันนิดหน่อย”เท็นมะเดินไปหาลูกฟุตบอลและย่อตัวลง

    อาการนายก็หนักพอ ๆ กับชินโดนั้นแหละยังมีหน้าไปห่วงคนอื่นอีกนะ

    ยูนะย่อตัวลงข้าง ๆ เท็นมะ

    จากนั้นอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงของนักเรียนหญิงคนนึงดังขึ้น

    “เท็นมะ” เธอโบกมือให้เท็นมะ

    ฉันกับเท็นมะหันไปมองเธอ 

    “อาโออิมาด้วยหรอ?!”เท็นมะผุดสีหน้าประหลาดใจก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้เธอ

    “อื้ม ตกใจหมดเลยนะเนี่ย นายโอเคมั้ยอะ?”เธอถามไถ่อาการเท็นมะด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง”

    อาโออิย่อตัวลงข้างเท็นมะอีกฝั่ง

    “อ๊ะ จริงสิอาโออินี้ยูนะ และยูนะนี่อาโออิเพื่อนฉันเอง”

    ยูนะฉีกรอยยิ้มกว้างดูเป็นมิตรให้อาโออิก่อนจะยกมือขึ้นแล้วแนะนำตัว

    “ยูนะ ฟูมิโกะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

    อาโออิเผยรอยยิ้มกว้างแล้วจับมือตอบ

    “โซราโนะ อาโออิ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”

    ทั้งสองคนปล่อยมือจากกันก่อนที่อาโออิจะเอ่ยต่อ

    “เกิดเรื่องยุ่งก่อนการประถมนิเทศเลยนะเนี่ย”

    เท็นมะนิ่งไปครู่นึงก่อนจะทำท่าเหมือนพึ่งนึกอะไรบางอย่างออก

    “จริงด้วย! ลืมงานประถมนิเทศไปซะสนิทเลย!”

    ยูนะหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ

    “นั้นสิ ถ้ารีบไปตอนนี้อาจยังทันอยู่นะ”

    ว่าแล้วทั้งสามคนก็รีบวิ่งออกจากสนามทันที

     

     

     

    งานประถมนิเทศ

    ยูนะหยิบสมุดพกพาเล่มนึงที่เธอเอาไว้จดคำศัพท์ขึ้นมานั่งอ่านพลาง ๆ รอผู้อำนวยการกล่าวประถมนิเทศเสร็จหลังจากอ่านไปได้สักพักยูนะก็เงยหน้าขึ้นมองผู้อำนวยการที่มัวแต่พล่ามเรื่องไร้สาระมาเป็นชั่วโมงแล้ว ในจังหวะนั้นเองสายตาพลันเหลือบไปเห็นคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นัยต์ตาสองสีสบกันครู่นึง อีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อย ส่วนยูนะจิ๊ปากออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะสะบัดหน้าหนี

    เดี๋ยวนะ ถ้าไอ้นักเลงหัวไม้นั่งอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่าหมอนี่อยู่ห้องเดียวกับเรางั้นหรอ ดวงซวยชะมัด

    เมื่อพิธีประถมนิเทศจบยูนะก็ลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินไปที่ห้องเรียน 

    ฉันเดินเข้าห้องเรียนที่ค่อนข้างเสียงดัง พอเข้าไปก็พบโต๊ะนักเรียนว่างอยู่เพียงที่เดียวและจุดตั้งของโต๊ะนั้นก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียวมันอยู่แถวท้ายสุดถัดจากแถวริมหน้าต่าง ฉันไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปด้วยความอารมณ์ดี

    ดีจัง นึกว่าโต๊ะดี ๆ จะโดนแย่งไปหมดแล้วซะอีกอย่างน้อย ๆ วันนี้ก็ยังพอมีเรื่องดี-

    จากอารมณ์ดี ๆ ก็พลันขุ่นหมองลงเมื่อเห็นหน้าเพื่อนข้างโต๊ะ คนที่นั่งแถวริมติดข้างหน้าต่างก็คือสึรุงิหรือไอ้เจ้านักเลงหัวไม้ที่พึ่งเจอหน้ากันตอนพิธีประถมนิเทศและตอนนี้ยังเป็นเพื่อนข้างโต๊ะกันอีก 

    ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้วันนี้มันเฮงซวยที่สุด

    “เฮงซวย”ฉันพูดก่อนจะนั่งลง

    สึรุงิที่ได้ยินก็หันมามองฉันพร้อมสายตาจิกกัดเหมือนโกรธใครมา แน่นอนว่าฉันก็ส่งสายตาจิกกัดตอบ

     

     

     

     

     

     

    เมื่อเสียงกริ่งบองเวลาเลิกเรียนดังขึ้น

    ฉันลุกออกจากที่นั่งทันทีเพราะเบื่อหน้าใครบางคน ไปหาเท็นมะดีกว่า 

    เมื่อออกกจากห้องเรียนก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น

    “ยูจัง!”

    “เท็นมะ? อาโออิ?”

    ฉันเห็นเท็นมะและอาโออิมารออยู่หน้าห้องกับผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนึง

    “อ๊าา เธอคือยูนะ ฟูมิโกะ ใช่มั้ย? ฉันเห็นตอนที่เธอส่งลูกยาวในสนามแล้วมันเจ๊งสุด ๆ ” เด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ชี้นิ้วมาทางฉันที่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างมึนงง

    “อา แล้วนายคือ?”

    “ฉันมิชิโซโนะ ชินสุเกะ! เรียกว่าชินสุเกะก็ได้!”

    “ยูนะ ฟูมิโกะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

    “เรารีบไปอาคารฟุตบอลกันเถอะสายแล้ว!”เท็นมะพูดเร่งก่อนจะวิ่งนำไปชินสุเกะก็รีบวิ่งตามเท็นมะ

    “เดี๋ยวก่อน! รอฉันด้วยสิ!”อาโออิกล่าวพลางรีบวิ่งตามไป

    เป็นคนที่มีพลังเหลือล้นจริง ๆ เลยนะ

     

     

     

     

     

     

    อาคารฟุตบอล

    เมื่อมาถึงอาคารฟุตบอลก็เห็นรุ่นพี่สมาชิกชมรมไรมงเดินออกมา รุ่นพี่สองคนนั้นหันมามองพวกเรา

    “พวกนายตอนนั้นนิ”

    “ตอนนี้กำลังประชุมเครียดกันเลย”รุ่นพี่อีกคนกล่าว พวกเรารีบเข้าไปถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอครับ?”

    “ถ้าคิดจะเข้าชมรมฟุตบอลตอนนี้ล่ะก็รีบตัดใจซะเถอะ”

    “ชมรมฟุตบอลน่ะพังซะแล้ว”

    พังแล้ว? เป็นเพราะเรื่องฟิฟเซ็กเตอร์เมื่อเช้างั้นหรอ?

    “หมายความว่ายังไงกันครับ!”ชินสุเกะถามแต่รุ่นพี่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ พวกเขารีบเดินออกไป

    “นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่..”อาโออิพูดขึ้น

    พอรุ่นพี่ออกไปจากอาคารแล้วพวกเราก็รีบวิ่งไปห้องประชุมของชมรมฟุตบอล เมื่อมาถึงก็เห็นรุ่นพี่คนนึงกำลังโวยวายแล้วเลือกออกจากชมรม ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ส่วนกัปตันก็ไม่ได้ห้ามอะไรปล่อยพวกเขาเดินออกจากห้องชมรม

    “อย่าเพิ่งไปครับรอก่อน”เท็นมะกางเเขนบังทางออกไว้

    “ขอร้องละครับ อย่าลาออกเลยนะครับ”

    “โทษทีนะพวกฉันตัดสินใจไปแล้ว” หนึ่งในสมาชิกชมรมฟุตบอลหยักไหล่ตอบ

    “ผมน่ะเข้าไรมงมาก็รอที่จะได้เล่นฟุตบอลกับรุ่นพี่ในชมรมทุกคนนะครับชมรมฟุตบอลไรมงเป็นความใฝ่ฝันของผมเลย”

    “นายนี่มันเด็กจริง ๆ ดูวันนี้ก็รู้แล้วนี่นา ว่าฟุตบอลไรมงน่ะไม่มีความสามารถกันขนาดไหน”

    “นั้นมันไม่จริงเลยครับ!”เท็นมะปฎิเสธทันควัน

    “จะบอกให้ว่าฟุตบอลมันน่ากลัวจะตาย”

    “ฟุตบอลมันน่ากลัวตรงไหนกันครับ? ผมว่าฟุตบอลมันสนุกออก ถ้าเราไม่คิดว่าฟุตบอลมันสนุกมันก็น่าสงสารแย่เลยนะครับ”

    พอรุ่นพี่เห็นเท็นมะพูดแบบนั้นก็พากันหัวเราะออกมายกใหญ่ มันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย หัวเราะเยาะความฝันของคนอื่นเนี่ยนะไม่มีความน่าเคารพนับถือในฐานะรุ่นพี่สักนิด

    “ฟุตบอลน่าสงสารเนี่ยนะ? ฟุตบอลมันไม่ใช่คนสักหน่อย” หนึ่งในรุ่นพี่ที่นั่งอยู่พูดขึ้น 

    ฉันห้ามเท็นมะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างและเอ่ยขัดขึ้นมาว่า

    “พวกไร้ประโยชน์น่ะออกไปได้ซะก็ดี”

    พวกรุ่นพี่ยัวะกันขึ้นมาทันที 

    “ห๋า! เป็นแค่เด็กปีหนึ่งอย่ามาปากดี” หนึ่งในรุ่นพี่ทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องฉัน แต่เท็นมะก็เข้ามาขวางทางไว้

    “พอได้แล้วน่าพวกนายไปเถอะ..”ชินโดเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ

    “ชิ! รอดตัวไปนะยัยเด็กปีหนึ่ง”รุ่นพี่คนนั้นวิ่งเข้ามาชนเท็นมะอย่างแรงก่อนจะเดินออกไป

     

    เสียงประตูเปิดดังขึ้นอีกครั้งโค้ชคุโดกับอาจารย์โอโตนาชิเข้ามา อาจารย์โอโตนาชิกวาดตามองรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

    “เหลือกันอยู่แค่นี้หรอทาคุโตะคุง?”

    “ครับ ทีมหลัก 9 คนทั้งชมรมแล้วครับ”

    “อย่างงั้นสินะ..”

    อาจารย์โอโตนาชิเดินมาหาพวกเรา

    “เท็นมะคุง ยูนะจัง เมื่อเช้าให้เล่นเป็นกรณีพิเศษนะแต่ก่อนเข้าชมรมก็ต้องมีการทดสอบก่อน”

    เท็นมะและชินสุเกะร้องกันเสียงหลงเพราะนึกว่าได้เข้าชมรมแล้ว

    “แต่ว่าวันนี้เองก็เกิดเรื่องขึ้นเยอะแล้ว โค้ชคุโดจะเอายังไงดีคะ?”อาจารย์โอโตนาชิหันไปถามโค้ชคุโด

    “นั้นสินะ พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนมาที่นี่แล้วกัน” โค้ชคุโดเอ่ย

    “ครับ”เท็นมะเดินคอตก

    “ไม่เป็นไรนะเท็นมะค่อยมาเข้าพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย” ฉันเอ่ยปลอบเท็นมะ

    แต่ในขณะที่เรากำลังจะออกจากห้องชมรมชินโดก็เข้ามาขวางไว้ซะก่อน

    “มัทสึคาเซะ เท็นมะกับยูนะ ฟูมิโกะ เมื่อเช้าฉันขอขอบคุณพวกนายทั้งสองคน พวกนายช่วยไรมงเอาไว้แต่ว่าชมรมไรมงตอนนี้…”

    “เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับถึงยังไงผมก็จะเข้าชมรมอยู่ดี!”เท็นมะตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

    ฉันเองก็พยักหน้าหงึก ๆ

    ชินโดยิ้มให้พวกเราเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ"ถ้างั้นกลับบ้านดี ๆ นะ"

    “เช่นกันครับ!”เท็นมะเอ่ยทิ้งทายก่อนจะออกไป

    “แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะกัปตัน”ฉันเอ่ยก่อนจะรีบเดินตามเท็นมะไป

    ชินโดส่งยิ้มให้ฉันเล็กน้อย

     

     

     

     

    ยูนะถอนหายใจพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ระหว่างทางกลับบ้าน

    จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น

    น้าทาเคมิยะ

    “ฮัลโหล”

    [ ฟูมิจังถ้าฟังแล้วอย่าโวยวายนะ ]

    “หมายความว่าไง?”

    [ เอาเป็นว่าทำใจดี ๆ ก่อนฟังนะ…คือน้าถูกรถชน ]

    “…” ยูนะนิ่งเงียบไร้คำพูดไปพักใหญ่

    [ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ต้องห่วงนะ ]

    “ห๋าาา!! ถูกรถชนตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหนส่งโลเคชั่นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!!”

    [ เดี๋ยวใจเย็นๆก่อนหูน้าจะแตกแล้ว เดี๋ยวน้าจะส่งโลเคชั่นไปให้นะ ]

    “จะให้ใจเย็นได้ยังไงน้าบาดเจ็บนะ แล้วถูกใครชนแจ้งความหรือยัง!”

    [เอาเป็นว่าเดี๋ยวน้าเล่าให้ฟังที่โรงบาลนะ] พอเขาพูดจบก็ตัดสายไปทันที

    ตู๊ด ตู๊ด….

    “…” วันนี้มันวันอะไรกันวะเนี่ย!!

     

     

     

     

    ณ โรงพยาบาล

    ฉันรีบวิ่งมาให้ถึงเร็วที่สุดก่อนจะผลักประตูห้องผู้ป่วย

    ปั้ง!!

    “น้าเป็นอะไรมากมั้ย?”

    พอฉันมาถึงเขาก็ฉีกรอยยิ้มกว้างราวกับว่าไม่เป็นอะไร ทั้งที่มีสายน้ำเกลือโยงระยาวอยู่

    “อ้าว มาถึงเร็วจังนะ ไม่เห็นจะต้องรีบวิ่งมาเลย”

    “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รีบเล่ามาเดี๋ยวนี้นะอย่างละเอียดห้ามขาดตกบกพร่องด้วย”

    เขาหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อยพอเห็นสีหน้าฉันไม่ดีขึ้นเขาก็ไอกระแอ่มออกมาก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด

    “คือว่าน้าสะดุดล้มฟุตบาทระหว่างกำลังยืนรอไฟแดงทางม้าลาย น้าล้มลงไปบนถนนแล้วรถเบรคไม่ทันก็เลยโดนชนเรื่องนี้น้าเป็นคนผิดเองแต่คู่กรณีก็ยังอาสาออกค่าพยาบาลให้อยู่ดี อีกอย่างน้าก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักหนาสาหัสอะไรรักษาตัวแค่ 1-2 เดือนก็หายแล้วละไม่ต้องห่วงนะฟูมิจังตั้งใจเรียนต่อไปเถอะ”

    “เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าแล้วใช่มั้ย” ยูนะเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    “ฮ่าฮ่า ดูออกด้วยหรอเนี่ย ขอโทษที่ไม่ได้รีบบอกนะ น้าอยากให้ฟูมิจังโฟกัสกับการเรียนก่อนน่ะอีกอย่างวันนี้เพิ่งเปิดเรียนด้วย แล้วไปโรงเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง”

    ฉันถอนหายใจออกมาอย่างปลง ๆ 

    ทั้งทีเพิ่งถูกรถชนมาแต่ทำตัวสบาย ๆ จังเลยนะ…บางทีเขาคงไม่อยากให้ฉันกังวลเกินเหตุสินะแต่ว่ามันก็…

    “…โรงเรียนวันแรกสนุกมากเลยค่ะ” ฉันฉีกรอยยิ้มกว้างให้เขาสบายใจ

    “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วละ”

    “เดี๋ยวหนูจะกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามานอนเฝ้าน้านะ”

    “เอ๋!! ไม่ต้องหรอกน้าอยู่คนเดียวได้…”

    ฉันรีบเดินออกมาทันที ไม่อยู่รอฟังเขาพูดจบเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะห้าม

     

     

     

     

     

    หลังจากกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านมาเรียบร้อย ฉันเดินตัดผ่านสวนในโรงพยาบาลเพราะเส้นทางนี้สั้นแล้วใช้เวลาน้อยที่สุดในการเข้าโรงพยาบาล

    “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้!!” เดินเข้ามาไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ยูนะก็ได้ยินเสียงของใครสักตะโกนเธอหันไปหาต้นตอเสียง

    ทว่า เธอกลับเห็นใครบางคนกระโจนออกมาจากหลังพุ่มไม้ เด็กหนุ่มคนนั้นคงไม่ทันระวังจึงพุ่งมาชนยูนะทั้งคู่ล้มลงไปกับพื้นเด็กหนุ่มคนนั้นคร่อมทับตัวเธออยู่ข้างบน

    โอ๊ย อะไรเนี่ยเจ็บหลังชะมัด

    “โทษที เธอเป็นอะไรมากไหม?” เขาหัวเราะแห้ง

    “เจ็บย่ะ รีบลุกออกไปสักทีจะได้ไหม”น้ำเสียงยูนะปนความหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย

    “อ้า ลูกบอล!” ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าแล้วก็พบว่าลูกบอลกำลังลอยอยู่ซึ่งมันอยู่สูงกว่าบนพื้นดินมากโขทั้งสองคนรีบลุกขึ้นทันที

    “ขอยืมไหล่หน่อยนะ” เขาว่าพลางเหยียบไหล่ยูนะเป็นแรงเสริมในการกระโดดไปเตะลูกบอล

    “ห้ะ” ยูนะที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงไปกับพื้นอีกครั้งเพราะแรงเหยียบบนลาดไหล่ของเด็กหนุ่ม

    เขาหมุนตัวเตะลูกบอลลงมาได้อย่างสวยงาม ทว่า ลูกบอลนั้นชนกับต้นไม้และกำลังเด้งไปชนหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งมีคนอยู่ในนั้น ยูนะที่เห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นวิ่งใช้ขารับบอลไว้ได้ทันอย่างฉิวเฉียด

    “เฮ้อ…เกือบไปแล้วเชียว” พอบอลตกลงพื้นเด็กหนุ่มเมื่อครู่ก็ใช้เท้าเขี่ยขึ้นมาอีกครั้ง

    “เก่งนี่” เขาพูดชมเธอด้วยรอยยิ้ม

    ยูนะมองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะเดินผ่านอีกฝ่ายเหมือนธาตุอากาศ

    “เฮ้ โกรธหรอ ขอโทษนะพอดีตอนนั้นฉันไม่ทันคิดน่ะ” อีกฝ่ายเร่งฝีเท้ามาตีคู่กับยูนะ

    ยูนะไม่ได้ตอบอะไรกลับเธอก้มลงเก็บถุงเสื้อผ้าที่ทำตกไว้

    “นี่ จงใจเมินกันเลยหรอใจจืดใจดำเกินไปมั้ย” เมื่อเห็นยูนะไม่ตอบอีกฝ่ายก็เดินตามพลางถามคำถามจุกจิกๆไปเรื่อย ๆ จนยูนะยอมเปิดปากพูด

    “หยุดเซ้าซี้สักทีจะได้ไหม” ยูนะตอบด้วยท่าทีหงุดหงิด

    พอเห็นยูนะยอมเปิดปากพูดแล้วอีกฝ่ายก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชั่วแวบก่อนกลับไปจะยิ้มแย้มตามปกติ

    “ฉันอาเมมิยะ ไทโย แล้วเธอล่ะ”

    “ทำไมฉันต้องบอก”

    ไทโยไม่ได้ซักถามอะไรต่อเขาเพียงเดินตามเธออย่างเงียบๆเท่านั้น

    เมื่อทั้งคู่อยู่ในลิฟต์ยูนะที่สังเกตว่าอีกฝ่ายยังไม่หยุดเดินตามตัวเองจึงเอ่ยปากถาม

    “เดินตามฉันมาทำไม”

    “ฉันไม่ได้เดินตามเธอมาสักหน่อย แค่ห้องพักฉันอยู่ทางนี้ต่างหาก”

    ยูนะเหลือบมองอีกฝ่าย จะว่าไปเขาก็ใส่ชุดผู้ป่วยอยู่ด้วยนี่นะแต่ยังไงก็ไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี

    พอลิฟต์หยุดเธอก็ปล่อยให้ไทโยเดินนำไปก่อนเพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาคือความจริง

    ไทโยเดินนำไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรเขาหยุดอยู่หน้าห้องผู้ป่วยห้องหนึ่งหน้าประตูห้องมีป้ายแปะชื่อ อาเมมิยะ ไทโย อยู่ ซึ่งห้องของเขาอยู่ข้าง ๆ ห้องน้าทาเคมิยะ ตลกร้ายซะไม่มี

    ไทโยจับลูกบิดประตูแล้วหันมาพูดกับยูนะ

    “เธอเดินตามฉันมาหรอ”

    “เหอะ ไม่มีทาง” ยูนะเปิดประตูห้องข้าง ๆ ไทโยแล้วเดินเข้าไปทันที

    “เมื่อกี้ฟูมิจังคุยกับใครหรอ?” น้าทาเคมิยะเอ่ยปากถาม

    “ก็แค่คนน่ารำคาญคนนึง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

     

     

     

     

     

     

    โรงเรียนไรมง

    ช่วงพักกลางวันยูนะลงมาซื้อขนมที่สหกรณ์เพราะขี้เกียจไปต่อแถวซื้อข้าวในโรงอาหาร

    ยูนะหยิบห่อขนมรสชาตนึงที่เหลืออยู่ถุงสุดท้ายแล้ว

    หมับ

    จู่ ๆ ก็มีใครสักคนหยิบห่อขนมนี้พร้อมกับเธอทั้งคู่หันหน้ามองกัน

    “ฉันหยิบก่อนเธอปล่อยมือซะ” สึรุงิกล่าวพลางใช้แรงดึงถุงขนม

    ไอ้นักเลงหัวไม้นี่อีกแล้ว

    “ตลกหรือไง ฉันเล็งห่อนี้มานานแล้วย่ะ” ยูนะดึงห่อขนมกลับ

    “จะปล่อยหรือไม่ปล่อย” สึรุงิกล่าวเสียงเข้ม

    “ฉันไม่มีทางปล่อย!”

    ทั้งคู่ฉุดกระชากห่อขนมอย่างไม่มีใครยอมใคร จนห่อขนมเกิดแตกแผ่นมันฝรั่งข้างในหกเต็มพื้น

    “หึ้ย ทั้งหมดมันเป็นเพราะนายนั่นและ”

    “หา เป็นเพราะเธอต่างหากล่ะ ถ้ายอมปล่อยถุงขนมนั่นตั้งแต่แรกเรื่องก็ไม่เกิดหรอก”

    “ว่าไงนะ!!”

    ทั้งสองคนถลึงตาใส่กันแล้วปล่อยสะเก็ดไฟกันดังเปรี๊ยะๆ

    “ออกไปทั้งคู่นั่นและ!!” อาจารย์ประจำสหกรณ์ที่เห็นสถานการณ์จึงไล่ทั้งคู่ออก

    “เฮงซวย” ยูนะสบถให้คนที่อยู่ข้างๆได้ยิน

    “ยัยแว่นน่ารำคาญ” สึรุงิโต้กลับ

     

     

     

     

     

    ยูนะเดินมาที่สนามฝึกเพราะหาเท็นมะที่ห้องเรียนไม่เจอ

    “อยู่ที่นี่จริงๆด้วยสินะ”

    “ยูจัง/ยูนะ!” เท็นมะกับชินสุเกะเรียกชื่อเธอพร้อมๆกัน

    “ฝึกกันอยู่หรอ”

    “อื้ม ยูจังมาฝึกด้วยกันไหม”

    “ขอปฎิเสธ” ยูนะเดินไปยืนข้างๆอาโออิ

    “ยูนะจัง รู้ด้วยหรอว่าพวกเราอยู่ที่นี่” อาโออิเอ่ยถาม

    “ก็แค่ลองเดาดูน่ะ เพราะคนอย่างเท็นมะน่าจะอยู่ไม่กี่ที่”ยูนะตอบพลางมองเท็นมะกับชิสุเกะที่ฝึกส่งลูกบอลอยู่ในสนาม

    “นั่นสิเนาะ” อาโออิหัวเราะเล็กน้อย

    “วันนี้มีทดสอบเข้าชมรมสินะ” เสียงทุ้มๆของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของฉันกับอาโออิให้หันไปมอง

    “รุ่นพี่เซโตะ” อาโออิเอ่ย

    “เรียกมิโดริก็ได้” มิโดริกล่างพลางมองไปที่สนาม

    “ดีจังนะหมอนั่นน่ะ”

    “เท็นมะหรอคะ?”

    “ใช่ ดูแล้วน่าจะพึ่งพาได้ มีความเร่าร้อนอยู่ในนี้ไง” มิโดริชี้นิ้วไปที่หัวใจ

    มีความเร่าร้อนในหัวใจงั้นหรอ? ไม่ค่อนเข้าใจความหมายเลยแฮะ

    “ทดสอบเข้าชมรมต้องผ่านให้ได้” ชิสุเกะเอ่ยแล้วเตะฟุตบอลส่งคืนเท็นมะ

    “นั่นสิ ต้องผ่านให้ได้นะ” เท็นมะตอบพลางส่งลูกกลับ ทว่า ลูกที่ส่งดันสูงเกินไป

    “ต้องเข้าชมรมให้ได้!!” ชินสุเกะโดดขึ้นไปรับลูกที่อยู่บนฟ้าซึ่งเป็นความสูงที่ไม่ธรรมดาเลย

    ทั้งที่ตัวเล็กแค่นั้นแต่กลับกระโดดได้สูงขนาดนี้เลยงั้นหรอ

    “สุดยอดไปเลยชินสุเกะ!” เท็นมะกล่าวชม

    “นั่นสิ โดดได้สูงสุดๆไปเลย” อาโออิเอ่ยชมต่อ

    “นี่ พวกนายอีก 5 นาทีจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้วนะ” ยูนะตะโกนบอกพลางกดโทรศัพท์มือถือ

    “เข้าใจแล้ว” เท็นมะเก็บบอลแล้วเริ่มเดินกลับไปที่อาคารเรียน

    ระหว่างทางเดินกลับพวกเราบังเอิญเจอสึรุงิเอามือล้วงกระเป๋าพลางกดโทรศัพท์อยู่หน้าอาคารเรียน เท็นมะเดินเข้าไปหาสึรุงิ เขาพับโทรศัพท์ลง

    เหอะ ทำท่าเก๊กชะมัด

    “ฉันน่ะ จะเข้าชมรมฟุตบอล”เท็นมะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “หึ ก็เรื่องของนาย” สึรุงิตอบพลางแสยะยิ้ม

    “ไปกันเถอะเท็นมะ” อาโออิเรียก

    เท็นมะยืนมองสึรุงิอยู่ครู่นึงก่อนจะเดินกลับ

     

     

     


    8/5/67 ลงตอน ยังไม่ได้แก้ไขคำผิด

    ไม่ได้เทเรื่องนี้แต่อย่างใด ไรท์แค่ไปอัพอีกเรื่องก่อนตอนนี้ก็กลับมาอัพเรื่องนี้แล้วไว้ใจได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×