ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Executional fanfic] เรื่องสั้นยามอยากเขียน

    ลำดับตอนที่ #2 : งานวัดมัดใจ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 54




    โธ่..  ภัสสร
    !  ทำไมเธอถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ!

     

    ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กสาวผมยุ่งตลอดทางที่เดินผ่านมา   ตอนนี้เธอและเพื่อนสาวอีก2คนกำลังจะไปเที่ยวงานปิดทองหลวงพ่อวัดรวมมิตรประชาทัณฑ์กัน  อันที่จริงเธอตั้งใจจะชวนกานดาไป  แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าจนต้องมาว่าตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนี้ 

     

    แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  เมื่อจู่ๆชายหนุ่มที่เฝ้าคิดถึงเดินผ่านตัดหน้าเธออย่างกะทันหัน

     

    ก... กานดา!?”  เธอหลุดปากเรียกชื่อเขาออกมา

     

    อ้าว.. . ภัสสร  กานดาหันมาตามเสียงเรียก  พวกเธอจะไปเที่ยวงานวัดกันเหรอ?”

     

    อือ  แล้วเธอล่ะ  ไปหรือเปล่า?”  เด็กสาวถามอย่างมีความหวัง  บางทีอาจได้เดินเที่ยวงานด้วยกัน

     

    เปล่าหรอก  ไปซื้อของมา  กำลังจะเข้าบ้านน่ะ  กานดาชี้ไปที่บ้านเขาที่อยู่ตรงหน้า

     

    อนึ่ง  บ้านกานดานั้นอยู่ติดป่ากล้วยที่ฝั่งตรงข้ามเป็นป่าช้า  หรือก็คือบ้านกานดาอยู่ใกล้วัดนั่นเอง

     

    ระหว่างที่สาวอับโชคกำลังคอตกอยู่นั้น  เพื่อนสาวทั้ง2ก็หันมามองหน้ากัน

     

    กานดา!!!” 

     

    แว๊ก!!”  กานดาถึงกับร้องเมื่อถูกเพื่อนสาวสุดเถื่อนของภัสสรกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วแผดเสียงใส่เขา

     

    พวกฉันติดธุระกะทันหัน!!  เพราะฉะนั้น!! นายจงไปเที่ยวเป็นเพื่อนภัสสรซะ!!!  ห้ามปฏิเสธ!!!  ไม่งั้นฉันจะบอกผู้หญิงทุกคนในห้องไม่ให้นายลอกการบ้าน!!!  เข้าใจ๋~!”

     

    ว่าแล้วเธอก็ผลักภัสสรจนเสียหลักไปซบลงอกกานดา    ภัสสรหน้าแดงจนควันออกหู  เด้งผละออกมาโดยอัตโนมัติ  พอหันกลับไปจะโวยเพื่อน   แม่เพื่อนสาวตัวดีก็วิ่งหัวเราะคิกคักไปซะแล้ว

     

    ง่า...  งั้นรอแป๊ปนึงนะ  เดี๋ยวเอาของไปเก็บก่อน  แล้วกานดาก็วิ่งเข้าบ้านตัวเองไป

     

    ภัสสรตอนนี้รู้สึกหัวหมุนไปหมด   ท...ทำไงดี  เธอไม่ได้คิดว่าจะมีโอกาสไปเที่ยวกับกานดา 2ต่อ2 แบบนี้  ด...เดี๋ยวสิ..  นี่มันเรียกว่า เดท รึเปล่า  ล...แล้วเธอควรทำอะไรบ้างล่ะ  ต้องทำยังไงต่อ  โอ๊ย~!!!  คิดอะไรไม่ออกแล้ว

     

    ระหว่างที่มัวคิดสะระตะ   เจ้าหนุ่มก็มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

     

    ปะ  ไปกัน  แล้วกานดาก็เดินออกหน้าไป

     

    จ้ะ!”



    --------------------


    ไม่ได้มาซะนาน  ของขายเยอะยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีกแฮะ

     

    กานดาเดินไปเรื่อยๆ  มองร้านรวงต่างๆที่ตั้งกันเรียงรายในงาน  มีขายทั้งของกินของใช้ต่างๆมากมาย   ตั้งกะน้ำพริก กะปิ น้ำปลา หอมแดง กระเทียม  ครก สาก  ยันฟูกที่นอน   อาหารที่ขายอยู่ตามสองข้างทางส่งกลิ่นหอมเตะจมูก  ไม่ว่าจะลูกชิ้น  หอยทอด  ไก่ย่างวิเชียร  หมูทอดเชียงฮาย   หรือเครปญี่ปุ่นที่ทาด้วยน้ำพริกเผาโรยหมูหยองรสแซ่บ  แต่ไอ้หนุ่มทรัพย์จางของเราก็ได้แต่มองน้ำลายหยดแหมะๆ     

     

    ภัสสรมองคนตรงหน้า(ที่สภาพน่าเวทนาไปหน่อย)และก็ตั้งเป้าหมายว่าเธอต้องใช้โอกาสนี้เพิ่มความสนิทสนมให้จงได้    

     

    ขั้นแรก!!   มัดใจเขาด้วยบทแม่บุญทุ่ม   ให้เขามั่นใจว่าเธอดูแลเขาได้  อย่างน้อยก็ไม่อดตายล่ะ!!

     

    ว่าแล้วภัสสรก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกมา  มองเงินในกระเป๋าแล้วก็อดเหงื่อตกไม่ได้   เธอไม่ได้คิดว่าจะซื้ออะไรเยอะแยะเลยไม่ได้พกเงินมามากนัก  โธ่เอ้ย~!!  รู้งี้งัดกระปุกเอาเงินเก็บมาด้วยก็ดีหรอก  

     

    เธอกระชับกระเป๋าเงินในมือ  แล้วเรียกคนข้างหน้า

     

    กะ..กานดา  อยากกินอะไรมั้... 

     

    มัจฉา!!!”   

     

    พูดยังไม่ทันจบคนตรงหน้าก็วิ่งไปหากลุ่มเด็กที่ยืนซื้อลูกชิ้นปิ้งอยู่   เด็กกลุ่มนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  หัวหน้ากองกำลังของเขากับเพื่อนซี้พ่วงด้วยเกษมและเจ้าเป็ดนั่นเอง   เกษมที่มองเห็นภัสสรวิ่งตามหลังกานดามาก็ดีใจยิ้มแก้มแทบปริ   ที่จริงเขาตั้งใจจะชวนภัสสร  แต่เจ้าเป็ดดันมารบเร้าขอให้เขาไปชวนมัจฉาเป็นเพื่อน  เลยลงเอยที่มาด้วยกันทั้งหมดแบบนี้(ถึงเจ้าเป็ดจะวางแผนแยกกลุ่มตอนฝ่าฝูงคนก็เถอะ...) 

     

    หรือนี่จะเป็นพรหมลิขิต

     

    แต่มาคิดดูอีกที  ภัสสรมากับกานดากัน2คนนี่หว่า  หรือว่า...  ไม่ใช่น่า...

     

    สวัสดีครับคุณภัสสร  บังเอิญจังเลยนะครับ  มากัน2คนหรือครับ  เนียนถามซะเลย 

     

    อื้อ  ภัสสรยิ้มหน้าแดง   เกษมเริ่มหน้าซีด

     

    หรือว่ามาเดทครับเนี่ย  ถึงจะทำหน้ายิ้มๆเหมือนแซวเล่นแต่จริงๆกลั้นใจถามสุดชีวิต

       

    ปะ...เปล่า!!  แบบว่า...เพื่อนมีธุระกะทันหันเลยให้กานดามาแทนน่ะ!!  เออนี่..ลูกชิ้นร้านนี้น่ากินดีเนอะ!”  รีบปฏิเสธแก้เขินพัลวัน  แล้วเบี่ยงประเด็นหันไปหาลูกชิ้นปิ้งแทน

     

    เกษมได้ยินแบบนั้นค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย   เขาหันไปดูลูกชิ้นบ้าง   บางทีเขาน่าจะซื้อลูกชิ้นเลี้ยงภัสสร  นี่เป็นโอกาสทำคะแนนแล้ว!   เขาหันไปจะถาม   แต่เสียงกานดาก็ดังขึ้นมาจนเขาต้องหันไปดู

     

    ภาพที่เห็นคือกานดานั่งคุกเข่า  สองมือถือถุงที่อัดแน่นไปด้วยลูกชิ้นยกขึ้นเหนือหัว  กำลังร่ายคำสรรเสริญท่านมัจฉาผู้ใจบุญน้ำตาไหลพรากๆ จนคนเขาหันมามองกันหมด   ส่วนมัจฉาก็วีนใส่ตามระเบียบ  

     

    แต่คนที่น้ำตาไหลพรากๆไม่ได้มีแค่กานดาคนเดียว   เพราะสาวน้อยอับโชคของเราก็เช่นกัน

     

    บทแม่บุญทุ่มของเธอโดนแย่งไปซะแล้ว  โธ่~  

    --------------------------------

    “แล้วเราจะไปไหนกันต่อดี”  หลังจากเดินเที่ยวงานกันจนกินขนมที่ซื้อมาหมดแล้ว  มัจฉาที่ตอนนี้เป็นเสมือนหัวหน้ากลุ่มทัวร์งานวัดเฉพาะกิจถามก็ขึ้น  เมื่อได้ยินดังนั้นภัสสรก็รีบเสนอความคิดทันที

     

    “ไปไหว้พระกันเถอะ!

     

    ถ้าถามว่าทำไมภัสสรถึงเสนอให้ไปไหว้พระ  คำตอบง่ายๆคืออยากขอบารมีหลวงพ่อท่านช่วยดลให้สมรักกับนายกานดานั่นแหละ  แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้หวังว่าท่านจะช่วยขนาดนั้น  แต่อย่างน้อยก็ขอให้อะไรมันคืบหน้าบ้าง  เพราะเกาะเป็นกลุ่มแบบนี้จะทำอะไรก็ลำบาก  เธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากชวนกานดาแยกกลุ่มออกมาซะด้วยสิ 

     

    ในเมื่อเธอไม่มีทั้งเล่ห์ ทั้งกล  เธอก็ขอชนด้วยมนต์คาถานี่แหละ

     

    แล้วทั้งกลุ่มก็พากันเคลื่อนตัวฝ่าฝูงชนไปยังที่หมายคือโบสถ์ที่อยู่ค่อนข้างจะไกลไปสักหน่อย  แต่เหมือนหลวงพ่อท่านจะศักดิ์สิทธิ์สมคำร่ำลือ  ยังไม่ทันจะไปไหว้ขอพรถึงโบสถ์  ท่านก็ดลให้มีกลุ่มคนเดินตัดทาง  ดันกันไปดันกันมาก็กลายเป็นว่าพลัดกันเป็นสองกลุ่ม  และอาจเป็นเพราะหลวงพ่อท่านไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มคนไหนคือกานดา  ทำให้เธอพลัดหลงมาอยู่กับ

     

    เกษม

     

    แทน...

     

    แต่ไม่แน่...  ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเกษมเองก็ขอแบบเดียวกับภัสสรละมั้ง

     

    ภัสสรกับเกษมโดนฝูงชนดันจนจำต้องไหลไปตามกระแสคลื่นมนุษย์  พักใหญ่กว่าจะหลุดออกมาได้  จากนั้นเกษมก็โทรศัพท์ไปหามัจฉาบอกว่าให้ไปที่โบสถ์เลย ถ้าเขากับภัสสรไปถึงแล้วจะโทรบอกอีกที

     

    “เราหาทางกลับไปรวมกับพวกเขากันเถอะครับ”  เกษมบอกยิ้มๆ  ในใจเขาไม่อยากรีบไปนักหรอก  เขาอยากยืดโอกาสที่ได้รับมานี้ออกไปนานๆเท่าที่จะทำได้  จึงค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ  แวะดูนั่นดูนี่บ้าง  อ้างว่าเผื่อจะซื้อไปฝากคนที่บ้าน  อดคิดไม่ได้ว่าคราวหน้าเขาชวนครอบครัวมาถวายสังฆทานวัดนี้ท่าจะดี   

     

    ส่วนสาวอับโชคของเราก็เดินคอตกไปตามระเบียบ

     

     

    ส่วนอีกกลุ่มที่ไม่ได้โดนกระแสคนพัดไปก็ยืนกันอยู่ที่หน้าบรรดาร้านเกมชิงรางวัลที่ตั้งอยู่บนเส้นทางไปโบสถ์  มัจฉาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าหลังจากอีกฝ่ายวางหูไปแล้ว

     

    “เกษมบอกว่าโดนดันไปไกล  อีกพักใหญ่กว่าจะตามมาได้ให้ไปกันก่อนน่ะ”

     

    จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินไปโบสถ์โดยมีเจ้าเป็ดบ่นอุบอิบไปตลอดทางว่าทำไมคนที่หลงไปไม่ใช่เขากับมัจฉา

     

    ตอนนี้พวกเขาเห็นหลังคาโบสถ์อยู่ไกลๆแล้ว  ดูเหมือนจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด

     

    “หาอะไรทำฆ่าเวลาก่อนมั้ย?”  มัจฉาถามพร้อมกับส่ายสายตามองไปรอบๆ  ก่อนจะหยุดลงที่ตุ๊กตาปลาทองตัวใหญ่ยักษ์ที่เป็นรางวัลของร้านปาเป้าลูกโป่งร้านหนึ่ง

     

    “อยากได้เหรอ?  เล่นให้เอามั้ย?”  กานดาถามขึ้นพร้อมกับถูมือไปมา  ถึงจะไม่ได้เล่นมานานแล้วแต่เมื่อก่อนเขาน่ะเซียนปาเป้าเลยนะเออ  มัจฉาได้ยินดังนั้นก็เลย...

     

    “เดี๋ยวก่อน! ถ้าจะให้กานดาเล่นล่ะก็  ให้ฉันเล่นแทนดีกว่า”  เจ้าเป็ดขัดขึ้นทันที  ซีนนี้บทพระเอกต้องเป็นของเขาต่างหาก!  แน่นอนว่าคู่กัดอย่างกานดามีหรือจะยอมง่ายๆ   

     

    “อย่าดีกว่าน่า~ ให้แกเล่นเดี๋ยวก็ปาวืดหมด  เปลืองเงินมัจฉาเปล่าๆ” สรุป...เอ็งเล่นมัจฉาจ่ายสินะ...

     

    “ว่าไงนะ!!  แกน่ะแหละ! แก่แล้วตาฝ้าฟางปาไม่โดนหรอก  ต้องฉันต่างหาก”

     

    “พูดงี้แข่งกันเลยดีกว่า!!  ลุง! จัดมาเลย 2 ชุด” 

     

    ยังไม่ทันที่มัจฉาจะได้พูดอะไรทั้งคู่ก็ตงลงกันไปเป็นที่เรียบร้อย  แถมลุงแกยังจัดลูกดอกมาแล้วด้วย  มัจฉาก็เลยจ่ายๆไป  ดูทั้งสองคนแข่งก็น่าสนุกดีเหมือนกัน 

     

    “แต่ให้แค่รอบเดียวนะยะ! 

     

    เริ่มที่กานดาเป็นคนปาก่อน 

     

    <<โผล๊ะ!>>

     

    ดอกแรกเข้ากลางเป้าอย่างงดงาม  เจ้าตัวกอดอกหันไปยิ้มเย้ยให้อยู่แข่งอย่างลำพอง  เจ้าเป็ดกัดฟันกรอด 

     

    หนอย!  ทำเป็นเย้ยเรอะ  เดี๋ยวเห็นกัน!

     

    ก่อนจะปาลูกดอกออกไป

     

    <<โผล๊ะ!>>

     

    เข้าเป้าอย่างงดงามเช่นกัน  ว่าแล้วก็ทำท่ายักไหล่ว่าเรื่องแค่นี้น่ะมันกล้วยๆ

     

    ทั่งคู่ผลัดกันปาโดยที่ยังไม่มีใครพลาดจนมาถึงดอกสุดท้าย

     

    “เอาล่ะ  ดอกสุดท้ายแล้ว”

     

    กานดาตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่  ดอกนี้ถ้าเข้า  ไม่ชนะก็เสมอแน่นอน  บรรยากาศโดยรอบพลันสงบนิ่ง

     

    ตอนนี้แหละ!!

     

    กานดาสะบัดข้อมือและป...

     

    <<ติ๊ดตีดีติ๊ด~>>

     

    <<ฉึก>>

     

    ลูกดอกปักคาขอบเป้า...

     

    กานดามองตาค้าง...  มือถือใครลั่นวะแสรดดดดด!!!

     

    หันไปดูก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  ก็คนที่ออกเงินให้น่ะแหละ...

     

    “เกษมโทรมาบอกว่าไปถึงแล้วนะ  นันทกรรีบปาดอกสุดท้ายแล้วไปกันได้แล้ว”

     

    สิ้นเสียงคำสั่งจักรพรรดินี  ลูกดอกก็ลอยเข้าไปปักกลางเป้า  เสียงลูกโป่งแตกเป็นดั่งระฆังลั่นชัยชนะ  เจ้าเป็ดรับตุ๊กตาปลาทองยักษ์จากลุงเจ้าของร้าน  ก่อนจะยื่นมอบให้กับมัจฉ..

     

    “ใครจะเอายะ  ใหญ่เทอะทะขนาดนั้น”

     

    เจ้าเป็ดถึงกับช็อคแข็งค้าง  ที่นี่ขั้วโลกเหนือหรือเปล่านะ?  ทำไมเขารู้สึกหนาวจัง?  ฮ่ะๆๆ...

     

    “เดี๋ยวเราต้องเข้าไปไหวพระ  ไว้ออกมาแล้วค่อยให้ละกัน  ฝากนายถือไว้ก่อน”    

     

    มัจฉาหันมาบอกก่อนจะเดินดุ่ยๆนำไปทางโบสถ์  พอเจ้าเป็ดได้ยินก็ฟื้นคืนชีพทันที  แต่ยังไม่ทันจะเดินตามไปก็มีมือมารมาคว้าคอเสื้อไว้ก่อน

     

    “ฉันปาพลาดเพราะเสียงโทรศัพท์หรอก  อย่าเพิ่งคิดว่าชนะแล้วนะเฟ้ย!  กานดายังคงเจ็บใจไม่หาย  แต่เจ้าเป็ดก็หาได้ยี่หระ  แกะมือเขาแล้ววิ่งตามมัจฉาไปหน้าตาเฉย

     

    “แล้วเราน่ะเอาอะไร”  ลุงเจ้าของร้านหันมาถาม  กานดาเองก็ปาได้เกือบหมด  เลือกของรางวัลได้เหมือนกัน 

     

    ขณะที่กำลังคิดเพราะไม่ได้สนใจอย่างอื่นนอกจากปลาทองก็มีคนเลือกแทนเขา

     

    “เอากระต่ายตัวนั้น”

     

    “อ้าว  นึกว่าไปกับมัจฉาแล้วซะอีก”  หันไปดูก็เห็นเป็นวิริยากำลังชี้ไปที่ตุ๊กตากระต่ายตัวหนึ่ง  มืออีกข้างก็กระตุกแขนเสื้อเขา

     

    “เอาตัวนั้น”

     

    “ได้ๆ  ลุงครับ เอาตัวนี้”  กานดารับตุ๊กตามา  ทำท่าจะส่งให้วิริยาแต่ก็หยุดมือไว้ก่อน

     

    “ให้ถือให้มั้ย?”  ที่ถามก็ไม่ใช่อะไร  แค่ไม่อยากซ้ำรอยเจ้าเป็ดมัน

     

    “ไม่เป็นไร  ตัวมันเล็กถือเองได้”  แล้ววิริยาก็กอดตุ๊กตาในมือแน่นก่อนจะเดินไป  กานดาก็ได้แต่เดินตาม

     

    ---------------------------------

     

    “กานดามาแล้ว! 

     

    ที่หน้าโบสถ์  ภัสสรสังเกตเห็นเขาก่อนใครเพื่อน  ตอนนี้ทุกคนมากันครบแล้วจึงเข้าไปไหว้หลวงพ่อด้วยกัน  ต่างคนต่างอธิฐานขอพรในหลายๆเรื่อง  ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เรื่องที่กังวลทั้งในเกมและนอกเกม  หรือแม้แต่ขอให้ได้ค่าขนมจากพี่เพิ่ม  ซึ่งข้อนี้น่าจะไปบอกคนให้แต่เกรงว่าขอจากหลวงพ่อน่าจะมีโอกาสได้มากกว่าซะอีก  

     

    หลังจากที่ได้ขอพรกับหลวงพ่อ  ภัสสรก็มีความมั่นใจขึ้น  ตอนเดินมาที่โบสถ์เธอเห็นพวกของที่น่าจะใช้ประกอบในรายงานกลุ่มที่โรงเรียนได้  คราวนี้เธอก็ได้ข้ออ้างชวนกานดาแยกไปกัน 2 คนแล้ว  เหลือแต่ชวนล่ะ

     

    “กานดา ฉัน...”

     

    “กลับกันได้แล้วมั้ง”  อยู่ๆกานดาก็โผล่งขึ้นมา  คนกำลังจะพูดถึงกับชะงัก 

     

    มัจฉาก้มลงไปมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

     

    “นั่นสิ  ตั้ง 2 ทุ่มครึ่งแล้ว”  ว่าแล้วเธอก็โทรไปหาพ่อของวิริยาที่รับปากว่าจะมารับ 

     

    สุดท้ายภัสสรก็ไม่ได้ชวนเพราะสำหรับเธอมันก็ดึกแล้วจริงๆ  จึงได้แต่ยืนหน้าจ๋อย  ดวงเธอมันแย่ขนาดหลวงพ่อท่านยังช่วยไม่ได้เลยหรือนี่...   

     

    เอาน่า  อย่างน้อยก็ได้กลับบ้านด้วยกัน

     

    ซะเมื่อไหร่...

     

    พ่อของวิริยามารับพร้อมกับชวนทุกคนให้ติดรถไปด้วย  แต่กานดาปฏิเสธเพราะเห็นว่าบ้านอยู่ใกล้ๆ แล้วรถก็อัดกันเข้าไปตั้ง 5 คนแล้ว  ส่วนเธอเองก็อยากกลับกับกานดา  แต่บ้านเธออยู่ไกลกว่าเขา  จะให้ไปส่งก็เกรงใจ  จึงได้แต่โอดครวญอยู่ในใจว่าโชคเธอช่างน้อยเหลือเกิน

     

    แต่ก็ยังมีอยู่บ้างล่ะนะ  เธอคิดแบบนั้นเมื่อกานดาเดินเข้ามาบอกลาเธอก่อนขึ้นรถ

     

    “ฉันไม่ได้มางานวัดตั้งนาน  วันนี้สนุกมาก  ขอบใจที่ชวนมานะ  แล้วเจอกันในเกม”

     

    “อื้อ! ฉันก็สนุกมากเหมือนกัน  แล้วเจอกันในเกมนะ” 

     

     

    เธอนั่งอมยิ้มไปตลอดทาง  ถึงแม้ความรักของเธอจะไม่ได้มีอะไรคืบหน้ามาก  แต่วันนี้ก็ถือเป็นความทรงจำที่มีค่ามากๆสำหรับเธอ  ไม่เป็นไร  เธอยังมีเวลาอีกเยอะ  ไหนจะเรียนห้องเดียวกัน  ไหนจะเล่นเกมกลุ่มเดียวกัน  ยังมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันอีกมากมาย  สักวันหนึ่งเธอต้องมัดใจเขาให้ได้ 

     

    แต่ปัญหาคือ...  เธอจะไปบอกเรื่องวันนี้กับเพื่อนสาวสุดโหดของเธอยังไงดีล่ะเนี่ย

     

    โธ่~


    -------------------------

    ดองซะนาน  ทั้งๆที่ไม่กี่หน้าแท้ๆ  ฮ่ะๆ    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×