คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : งานวัดมัดใจ
โธ่.. ภัสสร! ทำไมเธอถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ!
ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กสาวผมยุ่งตลอดทางที่เดินผ่านมา ตอนนี้เธอและเพื่อนสาวอีก2คนกำลังจะไปเที่ยวงานปิดทองหลวงพ่อวัดรวมมิตรประชาทัณฑ์กัน อันที่จริงเธอตั้งใจจะชวนกานดาไป แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าจนต้องมาว่าตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนี้
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆชายหนุ่มที่เฝ้าคิดถึงเดินผ่านตัดหน้าเธออย่างกะทันหัน
“ก... กานดา!?” เธอหลุดปากเรียกชื่อเขาออกมา
“อ้าว.. . ภัสสร” กานดาหันมาตามเสียงเรียก “พวกเธอจะไปเที่ยวงานวัดกันเหรอ?”
“อือ แล้วเธอล่ะ ไปหรือเปล่า?” เด็กสาวถามอย่างมีความหวัง บางทีอาจได้เดินเที่ยวงานด้วยกัน
“เปล่าหรอก ไปซื้อของมา กำลังจะเข้าบ้านน่ะ” กานดาชี้ไปที่บ้านเขาที่อยู่ตรงหน้า
อนึ่ง บ้านกานดานั้นอยู่ติดป่ากล้วยที่ฝั่งตรงข้ามเป็นป่าช้า หรือก็คือบ้านกานดาอยู่ใกล้วัดนั่นเอง
ระหว่างที่สาวอับโชคกำลังคอตกอยู่นั้น เพื่อนสาวทั้ง2ก็หันมามองหน้ากัน
“กานดา!!!”
“แว๊ก!!” กานดาถึงกับร้องเมื่อถูกเพื่อนสาวสุดเถื่อนของภัสสรกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วแผดเสียงใส่เขา
“พวกฉันติดธุระกะทันหัน!! เพราะฉะนั้น!! นายจงไปเที่ยวเป็นเพื่อนภัสสรซะ!!! ห้ามปฏิเสธ!!! ไม่งั้นฉันจะบอกผู้หญิงทุกคนในห้องไม่ให้นายลอกการบ้าน!!! เข้าใจ๋~!”
ว่าแล้วเธอก็ผลักภัสสรจนเสียหลักไปซบลงอกกานดา ภัสสรหน้าแดงจนควันออกหู เด้งผละออกมาโดยอัตโนมัติ พอหันกลับไปจะโวยเพื่อน แม่เพื่อนสาวตัวดีก็วิ่งหัวเราะคิกคักไปซะแล้ว
“ง่า... งั้นรอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวเอาของไปเก็บก่อน” แล้วกานดาก็วิ่งเข้าบ้านตัวเองไป
ภัสสรตอนนี้รู้สึกหัวหมุนไปหมด ท...ทำไงดี เธอไม่ได้คิดว่าจะมีโอกาสไปเที่ยวกับกานดา 2ต่อ2 แบบนี้ ด...เดี๋ยวสิ.. นี่มันเรียกว่า เดท รึเปล่า ล...แล้วเธอควรทำอะไรบ้างล่ะ ต้องทำยังไงต่อ โอ๊ย~!!! คิดอะไรไม่ออกแล้ว
ระหว่างที่มัวคิดสะระตะ เจ้าหนุ่มก็มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
“ปะ ไปกัน” แล้วกานดาก็เดินออกหน้าไป
“จ้ะ!”
--------------------
“ไม่ได้มาซะนาน ของขายเยอะยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีกแฮะ”
กานดาเดินไปเรื่อยๆ มองร้านรวงต่างๆที่ตั้งกันเรียงรายในงาน มีขายทั้งของกินของใช้ต่างๆมากมาย ตั้งกะน้ำพริก กะปิ น้ำปลา หอมแดง กระเทียม ครก สาก ยันฟูกที่นอน อาหารที่ขายอยู่ตามสองข้างทางส่งกลิ่นหอมเตะจมูก ไม่ว่าจะลูกชิ้น หอยทอด ไก่ย่างวิเชียร หมูทอดเชียงฮาย หรือเครปญี่ปุ่นที่ทาด้วยน้ำพริกเผาโรยหมูหยองรสแซ่บ แต่ไอ้หนุ่มทรัพย์จางของเราก็ได้แต่มองน้ำลายหยดแหมะๆ
ภัสสรมองคนตรงหน้า(ที่สภาพน่าเวทนาไปหน่อย)และก็ตั้งเป้าหมายว่าเธอต้องใช้โอกาสนี้เพิ่มความสนิทสนมให้จงได้
ขั้นแรก!! มัดใจเขาด้วยบทแม่บุญทุ่ม ให้เขามั่นใจว่าเธอดูแลเขาได้ อย่างน้อยก็ไม่อดตายล่ะ!!
ว่าแล้วภัสสรก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกมา มองเงินในกระเป๋าแล้วก็อดเหงื่อตกไม่ได้ เธอไม่ได้คิดว่าจะซื้ออะไรเยอะแยะเลยไม่ได้พกเงินมามากนัก โธ่เอ้ย~!! รู้งี้งัดกระปุกเอาเงินเก็บมาด้วยก็ดีหรอก
เธอกระชับกระเป๋าเงินในมือ แล้วเรียกคนข้างหน้า
“กะ..กานดา อยากกินอะไรมั้...”
“มัจฉา!!!”
พูดยังไม่ทันจบคนตรงหน้าก็วิ่งไปหากลุ่มเด็กที่ยืนซื้อลูกชิ้นปิ้งอยู่ เด็กกลุ่มนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หัวหน้ากองกำลังของเขากับเพื่อนซี้พ่วงด้วยเกษมและเจ้าเป็ดนั่นเอง เกษมที่มองเห็นภัสสรวิ่งตามหลังกานดามาก็ดีใจยิ้มแก้มแทบปริ ที่จริงเขาตั้งใจจะชวนภัสสร แต่เจ้าเป็ดดันมารบเร้าขอให้เขาไปชวนมัจฉาเป็นเพื่อน เลยลงเอยที่มาด้วยกันทั้งหมดแบบนี้(ถึงเจ้าเป็ดจะวางแผนแยกกลุ่มตอนฝ่าฝูงคนก็เถอะ...)
หรือนี่จะเป็นพรหมลิขิต
แต่มาคิดดูอีกที ภัสสรมากับกานดากัน2คนนี่หว่า หรือว่า... ไม่ใช่น่า...
“สวัสดีครับคุณภัสสร บังเอิญจังเลยนะครับ มากัน2คนหรือครับ” เนียนถามซะเลย
“อื้อ” ภัสสรยิ้มหน้าแดง เกษมเริ่มหน้าซีด
“หรือว่ามาเดทครับเนี่ย” ถึงจะทำหน้ายิ้มๆเหมือนแซวเล่นแต่จริงๆกลั้นใจถามสุดชีวิต
“ปะ...เปล่า!! แบบว่า...เพื่อนมีธุระกะทันหันเลยให้กานดามาแทนน่ะ!! เออนี่..ลูกชิ้นร้านนี้น่ากินดีเนอะ!” รีบปฏิเสธแก้เขินพัลวัน แล้วเบี่ยงประเด็นหันไปหาลูกชิ้นปิ้งแทน
เกษมได้ยินแบบนั้นค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย เขาหันไปดูลูกชิ้นบ้าง บางทีเขาน่าจะซื้อลูกชิ้นเลี้ยงภัสสร นี่เป็นโอกาสทำคะแนนแล้ว! เขาหันไปจะถาม แต่เสียงกานดาก็ดังขึ้นมาจนเขาต้องหันไปดู
ภาพที่เห็นคือกานดานั่งคุกเข่า สองมือถือถุงที่อัดแน่นไปด้วยลูกชิ้นยกขึ้นเหนือหัว กำลังร่ายคำสรรเสริญท่านมัจฉาผู้ใจบุญน้ำตาไหลพรากๆ จนคนเขาหันมามองกันหมด ส่วนมัจฉาก็วีนใส่ตามระเบียบ
แต่คนที่น้ำตาไหลพรากๆไม่ได้มีแค่กานดาคนเดียว เพราะสาวน้อยอับโชคของเราก็เช่นกัน
บทแม่บุญทุ่มของเธอโดนแย่งไปซะแล้ว โธ่~
--------------------------------
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อดี” หลังจากเดินเที่ยวงานกันจนกินขนมที่ซื้อมาหมดแล้ว มัจฉาที่ตอนนี้เป็นเสมือนหัวหน้ากลุ่มทัวร์งานวัดเฉพาะกิจถามก็ขึ้น เมื่อได้ยินดังนั้นภัสสรก็รีบเสนอความคิดทันที
“ไปไหว้พระกันเถอะ!”
ถ้าถามว่าทำไมภัสสรถึงเสนอให้ไปไหว้พระ คำตอบง่ายๆคืออยากขอบารมีหลวงพ่อท่านช่วยดลให้สมรักกับนายกานดานั่นแหละ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้หวังว่าท่านจะช่วยขนาดนั้น แต่อย่างน้อยก็ขอให้อะไรมันคืบหน้าบ้าง เพราะเกาะเป็นกลุ่มแบบนี้จะทำอะไรก็ลำบาก เธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากชวนกานดาแยกกลุ่มออกมาซะด้วยสิ
ในเมื่อเธอไม่มีทั้งเล่ห์ ทั้งกล เธอก็ขอชนด้วยมนต์คาถานี่แหละ
แล้วทั้งกลุ่มก็พากันเคลื่อนตัวฝ่าฝูงชนไปยังที่หมายคือโบสถ์ที่อยู่ค่อนข้างจะไกลไปสักหน่อย แต่เหมือนหลวงพ่อท่านจะศักดิ์สิทธิ์สมคำร่ำลือ ยังไม่ทันจะไปไหว้ขอพรถึงโบสถ์ ท่านก็ดลให้มีกลุ่มคนเดินตัดทาง ดันกันไปดันกันมาก็กลายเป็นว่าพลัดกันเป็นสองกลุ่ม และอาจเป็นเพราะหลวงพ่อท่านไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มคนไหนคือกานดา ทำให้เธอพลัดหลงมาอยู่กับ
เกษม
แทน...
แต่ไม่แน่... ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเกษมเองก็ขอแบบเดียวกับภัสสรละมั้ง
ภัสสรกับเกษมโดนฝูงชนดันจนจำต้องไหลไปตามกระแสคลื่นมนุษย์ พักใหญ่กว่าจะหลุดออกมาได้ จากนั้นเกษมก็โทรศัพท์ไปหามัจฉาบอกว่าให้ไปที่โบสถ์เลย ถ้าเขากับภัสสรไปถึงแล้วจะโทรบอกอีกที
“เราหาทางกลับไปรวมกับพวกเขากันเถอะครับ” เกษมบอกยิ้มๆ ในใจเขาไม่อยากรีบไปนักหรอก เขาอยากยืดโอกาสที่ได้รับมานี้ออกไปนานๆเท่าที่จะทำได้ จึงค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ แวะดูนั่นดูนี่บ้าง อ้างว่าเผื่อจะซื้อไปฝากคนที่บ้าน อดคิดไม่ได้ว่าคราวหน้าเขาชวนครอบครัวมาถวายสังฆทานวัดนี้ท่าจะดี
ส่วนสาวอับโชคของเราก็เดินคอตกไปตามระเบียบ
ส่วนอีกกลุ่มที่ไม่ได้โดนกระแสคนพัดไปก็ยืนกันอยู่ที่หน้าบรรดาร้านเกมชิงรางวัลที่ตั้งอยู่บนเส้นทางไปโบสถ์ มัจฉาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าหลังจากอีกฝ่ายวางหูไปแล้ว
“เกษมบอกว่าโดนดันไปไกล อีกพักใหญ่กว่าจะตามมาได้ให้ไปกันก่อนน่ะ”
จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินไปโบสถ์โดยมีเจ้าเป็ดบ่นอุบอิบไปตลอดทางว่าทำไมคนที่หลงไปไม่ใช่เขากับมัจฉา
ตอนนี้พวกเขาเห็นหลังคาโบสถ์อยู่ไกลๆแล้ว ดูเหมือนจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด
“หาอะไรทำฆ่าเวลาก่อนมั้ย?” มัจฉาถามพร้อมกับส่ายสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดลงที่ตุ๊กตาปลาทองตัวใหญ่ยักษ์ที่เป็นรางวัลของร้านปาเป้าลูกโป่งร้านหนึ่ง
“อยากได้เหรอ? เล่นให้เอามั้ย?” กานดาถามขึ้นพร้อมกับถูมือไปมา ถึงจะไม่ได้เล่นมานานแล้วแต่เมื่อก่อนเขาน่ะเซียนปาเป้าเลยนะเออ มัจฉาได้ยินดังนั้นก็เลย...
“เดี๋ยวก่อน! ถ้าจะให้กานดาเล่นล่ะก็ ให้ฉันเล่นแทนดีกว่า” เจ้าเป็ดขัดขึ้นทันที ซีนนี้บทพระเอกต้องเป็นของเขาต่างหาก! แน่นอนว่าคู่กัดอย่างกานดามีหรือจะยอมง่ายๆ
“อย่าดีกว่าน่า~ ให้แกเล่นเดี๋ยวก็ปาวืดหมด เปลืองเงินมัจฉาเปล่าๆ” สรุป...เอ็งเล่นมัจฉาจ่ายสินะ...
“ว่าไงนะ!! แกน่ะแหละ! แก่แล้วตาฝ้าฟางปาไม่โดนหรอก ต้องฉันต่างหาก”
“พูดงี้แข่งกันเลยดีกว่า!! ลุง! จัดมาเลย 2 ชุด”
ยังไม่ทันที่มัจฉาจะได้พูดอะไรทั้งคู่ก็ตงลงกันไปเป็นที่เรียบร้อย แถมลุงแกยังจัดลูกดอกมาแล้วด้วย มัจฉาก็เลยจ่ายๆไป ดูทั้งสองคนแข่งก็น่าสนุกดีเหมือนกัน
“แต่ให้แค่รอบเดียวนะยะ!”
เริ่มที่กานดาเป็นคนปาก่อน
<<โผล๊ะ!>>
ดอกแรกเข้ากลางเป้าอย่างงดงาม เจ้าตัวกอดอกหันไปยิ้มเย้ยให้อยู่แข่งอย่างลำพอง เจ้าเป็ดกัดฟันกรอด
หนอย! ทำเป็นเย้ยเรอะ เดี๋ยวเห็นกัน!
ก่อนจะปาลูกดอกออกไป
<<โผล๊ะ!>>
เข้าเป้าอย่างงดงามเช่นกัน ว่าแล้วก็ทำท่ายักไหล่ว่าเรื่องแค่นี้น่ะมันกล้วยๆ
ทั่งคู่ผลัดกันปาโดยที่ยังไม่มีใครพลาดจนมาถึงดอกสุดท้าย
“เอาล่ะ ดอกสุดท้ายแล้ว”
กานดาตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่ ดอกนี้ถ้าเข้า ไม่ชนะก็เสมอแน่นอน บรรยากาศโดยรอบพลันสงบนิ่ง
ตอนนี้แหละ!!
กานดาสะบัดข้อมือและป...
<<ติ๊ดตีดีติ๊ด~>>
<<ฉึก>>
ลูกดอกปักคาขอบเป้า...
กานดามองตาค้าง... มือถือใครลั่นวะแสรดดดดด!!!
หันไปดูก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คนที่ออกเงินให้น่ะแหละ...
“เกษมโทรมาบอกว่าไปถึงแล้วนะ นันทกรรีบปาดอกสุดท้ายแล้วไปกันได้แล้ว”
สิ้นเสียงคำสั่งจักรพรรดินี ลูกดอกก็ลอยเข้าไปปักกลางเป้า เสียงลูกโป่งแตกเป็นดั่งระฆังลั่นชัยชนะ เจ้าเป็ดรับตุ๊กตาปลาทองยักษ์จากลุงเจ้าของร้าน ก่อนจะยื่นมอบให้กับมัจฉ..
“ใครจะเอายะ ใหญ่เทอะทะขนาดนั้น”
เจ้าเป็ดถึงกับช็อคแข็งค้าง ที่นี่ขั้วโลกเหนือหรือเปล่านะ? ทำไมเขารู้สึกหนาวจัง? ฮ่ะๆๆ...
“เดี๋ยวเราต้องเข้าไปไหวพระ ไว้ออกมาแล้วค่อยให้ละกัน ฝากนายถือไว้ก่อน”
มัจฉาหันมาบอกก่อนจะเดินดุ่ยๆนำไปทางโบสถ์ พอเจ้าเป็ดได้ยินก็ฟื้นคืนชีพทันที แต่ยังไม่ทันจะเดินตามไปก็มีมือมารมาคว้าคอเสื้อไว้ก่อน
“ฉันปาพลาดเพราะเสียงโทรศัพท์หรอก อย่าเพิ่งคิดว่าชนะแล้วนะเฟ้ย!” กานดายังคงเจ็บใจไม่หาย แต่เจ้าเป็ดก็หาได้ยี่หระ แกะมือเขาแล้ววิ่งตามมัจฉาไปหน้าตาเฉย
“แล้วเราน่ะเอาอะไร” ลุงเจ้าของร้านหันมาถาม กานดาเองก็ปาได้เกือบหมด เลือกของรางวัลได้เหมือนกัน
ขณะที่กำลังคิดเพราะไม่ได้สนใจอย่างอื่นนอกจากปลาทองก็มีคนเลือกแทนเขา
“เอากระต่ายตัวนั้น”
“อ้าว นึกว่าไปกับมัจฉาแล้วซะอีก” หันไปดูก็เห็นเป็นวิริยากำลังชี้ไปที่ตุ๊กตากระต่ายตัวหนึ่ง มืออีกข้างก็กระตุกแขนเสื้อเขา
“เอาตัวนั้น”
“ได้ๆ ลุงครับ เอาตัวนี้” กานดารับตุ๊กตามา ทำท่าจะส่งให้วิริยาแต่ก็หยุดมือไว้ก่อน
“ให้ถือให้มั้ย?” ที่ถามก็ไม่ใช่อะไร แค่ไม่อยากซ้ำรอยเจ้าเป็ดมัน
“ไม่เป็นไร ตัวมันเล็กถือเองได้” แล้ววิริยาก็กอดตุ๊กตาในมือแน่นก่อนจะเดินไป กานดาก็ได้แต่เดินตาม
---------------------------------
“กานดามาแล้ว!”
ที่หน้าโบสถ์ ภัสสรสังเกตเห็นเขาก่อนใครเพื่อน ตอนนี้ทุกคนมากันครบแล้วจึงเข้าไปไหว้หลวงพ่อด้วยกัน ต่างคนต่างอธิฐานขอพรในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เรื่องที่กังวลทั้งในเกมและนอกเกม หรือแม้แต่ขอให้ได้ค่าขนมจากพี่เพิ่ม ซึ่งข้อนี้น่าจะไปบอกคนให้แต่เกรงว่าขอจากหลวงพ่อน่าจะมีโอกาสได้มากกว่าซะอีก
หลังจากที่ได้ขอพรกับหลวงพ่อ ภัสสรก็มีความมั่นใจขึ้น ตอนเดินมาที่โบสถ์เธอเห็นพวกของที่น่าจะใช้ประกอบในรายงานกลุ่มที่โรงเรียนได้ คราวนี้เธอก็ได้ข้ออ้างชวนกานดาแยกไปกัน 2 คนแล้ว เหลือแต่ชวนล่ะ
“กานดา ฉัน...”
“กลับกันได้แล้วมั้ง” อยู่ๆกานดาก็โผล่งขึ้นมา คนกำลังจะพูดถึงกับชะงัก
มัจฉาก้มลงไปมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“นั่นสิ ตั้ง 2 ทุ่มครึ่งแล้ว” ว่าแล้วเธอก็โทรไปหาพ่อของวิริยาที่รับปากว่าจะมารับ
สุดท้ายภัสสรก็ไม่ได้ชวนเพราะสำหรับเธอมันก็ดึกแล้วจริงๆ จึงได้แต่ยืนหน้าจ๋อย ดวงเธอมันแย่ขนาดหลวงพ่อท่านยังช่วยไม่ได้เลยหรือนี่...
เอาน่า อย่างน้อยก็ได้กลับบ้านด้วยกัน
ซะเมื่อไหร่...
พ่อของวิริยามารับพร้อมกับชวนทุกคนให้ติดรถไปด้วย แต่กานดาปฏิเสธเพราะเห็นว่าบ้านอยู่ใกล้ๆ แล้วรถก็อัดกันเข้าไปตั้ง 5 คนแล้ว ส่วนเธอเองก็อยากกลับกับกานดา แต่บ้านเธออยู่ไกลกว่าเขา จะให้ไปส่งก็เกรงใจ จึงได้แต่โอดครวญอยู่ในใจว่าโชคเธอช่างน้อยเหลือเกิน
แต่ก็ยังมีอยู่บ้างล่ะนะ เธอคิดแบบนั้นเมื่อกานดาเดินเข้ามาบอกลาเธอก่อนขึ้นรถ
“ฉันไม่ได้มางานวัดตั้งนาน วันนี้สนุกมาก ขอบใจที่ชวนมานะ แล้วเจอกันในเกม”
“อื้อ! ฉันก็สนุกมากเหมือนกัน แล้วเจอกันในเกมนะ”
เธอนั่งอมยิ้มไปตลอดทาง ถึงแม้ความรักของเธอจะไม่ได้มีอะไรคืบหน้ามาก แต่วันนี้ก็ถือเป็นความทรงจำที่มีค่ามากๆสำหรับเธอ ไม่เป็นไร เธอยังมีเวลาอีกเยอะ ไหนจะเรียนห้องเดียวกัน ไหนจะเล่นเกมกลุ่มเดียวกัน ยังมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันอีกมากมาย สักวันหนึ่งเธอต้องมัดใจเขาให้ได้
แต่ปัญหาคือ... เธอจะไปบอกเรื่องวันนี้กับเพื่อนสาวสุดโหดของเธอยังไงดีล่ะเนี่ย
โธ่~
-------------------------
ดองซะนาน ทั้งๆที่ไม่กี่หน้าแท้ๆ ฮ่ะๆ
ความคิดเห็น