ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The war of the knight

    ลำดับตอนที่ #8 : น้องชายคนใหม่ของเอเลสซิล

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 48


         ทุกอย่างดูจะปกติดีในเช้าวันที่ 5 แต่ลางสังหรณ์ของเอเลสซิลไม่ปกติเลย  เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง  



    ที่คืบคลานเข้ามาใกล้  อันตรายที่



    ใกล้ตัวมาก  แต่เขาก็ไม่แน่ใจนัก  สายตาของเขาเหลือบไปเห็นเอลด์เลนกำลังเดินเข้ามา  เขารู้สึกถึงอะไรที่ขาดไป  



    เอเลสซิลควรจะเจอคอีกคนนึงนี่นา



         “ตั้งแต่มาถึงข้ายังไม่เห็นพระราชินีเลย  พระนางอยู่ไหนเหรอท่านอา”



         “ก็อยู่ในวังเล็กนั่นแหละ  ขลุกอยู่กับลูกน่ะ”



         “OoO  ฮะ  ลูกของท่านอาเหรอ  งั้นก็เป็นน้องของข้าน่ะสิ  ข้าขอเข้าไปดูหน่อยได้รึเปล่า”  เอเลสซิลถามอย่าง



    อยากรู้อยากเห็น



          “ไปก็ไปสิ  ข้าจะพาไปเอง  วาเลนซ่าร์คงดีใจที่มีคนมาเยี่ยม”



         “เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท O_+”  คอปป์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา (อยากรู้ว่าถ้าวิ่งหน้าตาหลับมันจะเป็นไง)  ลางสังหรณ์



    ที่ไม่ค่อยดีของเอเลสซิลจะเป็นจริงรึเปล่านะ



         “พะ  พะ  พวกปีศาจมันบุกมาแล้วพะย่ะค่ะ  ถะ  ถะ  แถมมีกำลังมากกว่าเดิมหลายเท่าด้วย”



    คอปป์ละล่ำละลักบอก



         “ ที่มันหยุดการโจมตีไปหลายวันก็เพื่อซ่องสุมกำลังทหารนี่เอง  คอปป์ให้ทหารที่รักษากำแพงยิงธนูต้านมันไว้ให้ได้  



    ถ้าเป็นธนูไฟก็ยิ่งดี  แล้วก็ห้ามให้ทหารออกนอกประตูเมืองเด็ดขาดเพราะข้าให้คนเอาเหล็กแหลมอันเล็ก ๆ ไปโรยไว้



    และรักษาประตูเมืองไว้ให้ดีที่สุด  ข้าจะไปเตรียมกองทัพ”  เอเลสซิลสั่งแบบน้ำไหลไฟดับ  คอปป์ดูอึ้ง ๆ อยู่สองวิ



    แล้วรีบออกไปทันที  เอเลสซิลกับเอลด์เลนก็ออกไปตระเตรียมทหารเช่นกัน  แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ซะแล้ว



    เมื่อพวกปีศาจทำลายประตูลงได้  ถึงแม้ว่าม้าของพวกมันจะถูกเหล็กแหลมตำไปหลายร้อยตัวก็ตาม  ทั้งเขาและเอลด์เลน



    ต้องเข้ารับมือกับพวกปีศาจพร้อมกับทหารฮาล์ฟทุกคน  



         ผู้นำกองทัพศาจไม่ใช่คัสมาร์นี่นา



          แต่คงจะเป็นสมุนคนสำคัญคนหนึ่งของจอมปีศาจ  มันกำลังต่อสู้อยู่กับเอลด์เลน  ดูจากสายตาของเอเลสซิลแล้ว  



    ปีศาจตนนั้นดูจะได้เปรียบพระราชาอยู่ไม่น้อยเลย  ไม่ได้แล้ว  ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต้องเสร็จมันแน่  เขาพยายามจะเข้า



    ไปช่วย  แต่ก็เจอพวกปีศาจขวางทางอยู่เต็มไปหมด  ณ วินาทีนั้น  ภาพที่เอเลสซิลจะจดจำไปตลอดกาลก็เกิดขึ้น  



    ปีศาจตนนั้นช้าดาบฟันลำตัวของเอลด์เลนขาดออกเป็นสองส่วนภายในพริบตา  



         “ม่ายยยยยยยยยยยยยย”  เสียงตะโกนของเอเลสซิลดังก้อง  เขาฟาดฟันพวกปีศาจที่ดาหน้าเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง  



    เจ้าปีศาจตนนั้นขี่มาหายเข้าไปในวัง  เอเลสซิลตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ในทันที  



         “พระราชินี”  เขาพยายามตามมันไป  แต่เจ้าพวกปีศาจนี่ถ่วงเวลาเขาเอาไว้  เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะฝ่าวงล้อมปีศาจนี่



    ออกไป



         “คอปป์  ข้าฝากทางนี้ด้วยนะ”



         “ไว้ใจได้พะย่ะค่ะ  ฝ่าบาท”  คอปป์ตะโกนตอบ  น้ำเสียงสั่นเครืออย่างชัดเจน  เขาคงเห็นภาพนั้นเช่นกัน  เอเลสซิลคิด



    อย่างโกรธแค้นแล้วขี่ม้าลับหายไปในวัง



                                             -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+--+-+-+-+-+-+



         พระราชินีวาเลนซ่ารกำลังโอบอุ้มพระธิดาน้อยไซล์นีซีลไว้ในอ้อมแขนอันสั่นระริก  ขณะที่มีปีศาจตนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า

      

         “เจ้าเป็นใคร”



          “ข้าคือ  เฮอร์ล็อบ  หัวหน้าผู้ล่าวิญญาณ  สมุนผู้ภักดีแห่งจอมปีศาจ”  มันตอบเสียงเย็นยะเยือก



         “เจ้าเข้ามาทำไม  ต้องการอะไรกันแน่”  



         “กำจัดฮาล์ฟทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรนี้”  คำตอบที่เลือดเย็นของมันทำให้อ้อมแขนของวาเลนซ่าร์แน่นกระชับขึ้นมา



    ทันที  พระธิดาไซล์นีซีลเริ่มร้องไห้  เฮอร์ล็อบเงื้อดาบขึ้นช้า ๆ และฆ่าหญิงรับใช้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นอย่างโหดเหี้ยม  



    เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่ว  



         “หยุดนะ!”  พระราชินีตรัสด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ  



         “ไม่ต้องเสียใจไปหรอก  เพราะเดี๋ยวท่านก็ต้องไปอยู่กับพวกนั้นเหมือนกัน  รวมทั้งเอลด์เลนด้วย  หวังว่าท่านคงดีใจที่



    จะได้ไปอยู่กับพระราชาสุดที่รักนะ”  มันพูดอย่างเย้ยหยัน  พระราชินีไม่อยากจะเชื่อคำพูดนั้นเลย  เอลด์เลนตายแล้วเหรอนี่  



    เฮอร์ล็อบเงื้อดาบขึ้นเป็นครั้งที่สอง



         “ฮึ  ข้าขอสาปแช่งเจ้า  เจ้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงอันเป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ฟีอาร์เกล”วาเลนซ่าร์ตรัสอย่าง



    โกรธแค้น  คำ ๆ นั้นทำให้ผู้ล่าวิญญาณโมโหขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  



         “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะฆ่ามันซะ” มันจะใช้ดาบฟันไซล์นีซีล  แต่พระนางวาเลนซ่าร์เบี่ยงตัวเข้ารับดาบนั้นเอง  คมดาบนั้น



    สร้างบาดแผลฉกรรจ์ที่หลังของนาง  เจ้าปีศาจเงื้อดาบขึ้นอีกครั้ง  เตรียมฟันสุดแรง



         ฉึก!  



         “อ๊ากกกกกกกกกกกกกส์”  เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างเจ็บปวด  เมื่อลูกธนูดอกหนึ่งปักเข้าที่กลางหลังของเฮอร์ล็อบอย่าง



    แม่นยำ



         “เอเลสซิล!”  พระราชินีเรียก  พระหัตถ์ที่อ่อนแรงทั้งสองข้างโอบกอดพระธิดาไว้  เอเลสซิลชักดาบเรียวออกมาจากฝัก



    และต่อสู้กับเฮอร์ล็อบ  แต่ผู้ล่าวิญญาณทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงหนีไปอย่างโกรธแค้น



         “ท่านอา  เป็นยังไงบ้าง”  เอเลสซิลประคองพระราชินีขึ้นมา  นางใช้ปลายนิ้วจุ่มโลหิตสีแดงเข้มของตนเองแล้วเขียน



    ตัวอักษรลงไปในกระดาษแผ่นหนึ่งโดยไม่ให้เอเลสซิลเห็น  นางพับกระดาษแผ่นนั้นแล้วสอดไว้ในผ้าอ้อมของพระธิดา  



         “นำจดหมายไปให้แม่เจ้า  พาลูก ชะ  ชายของข้าหนีไป  พะ พาริลวิลเซนต์หนีไปซะ  ตะ  แต่เจ้าห้ามอ่านจะ  



    จดหมายนั้นเด็ดขาด  สัญญากับข้านะ”พระราชินีตรัสสั่ง  น้ำเสียงเริ่มขาดห้วง  



         “ได้  ข้าสัญญา”เจ้าชายหนุ่มรับปาก



         “ฝากลูกข้าด้วยนะ  เอเลสซิล”  



    ลมหายใจของนางขาดหายไป  และสิ้นพระชนม์ ณ ที่นั้น  เอเลสซิลพิศดูใบหน้าของเด็กน้อยที่เป็นน้องชายของเขา  



    ผู้ที่วาเลนซ่าร์บอกว่า  เขาชื่อ  ริลวิลเซนต์!



         “พี่ขอโทษที่รักษาชีวิตพ่อและแม่เจ้าไว้ไม่ได้  แต่พี่สัญญาว่าจะรักษาชีวิตเจ้าไว้ให้ได้”



    เขาถอดเสื้อเกราะออก  วางเด็กน้อยนั้นลงในเสื้อแล้วใส่เสื้อเกราะตามเดิม  ตอนนี้  น้องชายคนเดียวจะปลอดภัย



    อยู่ในเสื้อเกราะของเขา



         “ถ้าจะต้องมีใครตาย  ก็ขอให้เป็นข้าแทน  พระเจ้า  ขอให้ท่านพ่อมาทันด้วยเถอะ” เจ้าชายฮาล์ฟขี่ม้าออกไป  



    และเขาก็พบว่า



         กองทัพใหญ่มาถึงแล้ว!



         วิเศษจริง ๆ ตอนนี้หน้าที่ของเขาเหลือเพียงอย่างเดียว คือ



         รักษาชีวิตของเด็กคนนี้ไว้ให้ได้  ชีวิตของน้องชายคนเดียวของเขา  ริลวิลเซนต์  ฟีอาร์เกล  คนเดียวเท่านั้น



         พันธสัญญาแห่งชีวิตข้อเดียวที่เขาต้องทำ



         เจ้าชายฮาล์ฟฝ่ากองทัพปีศาจออกมา  เขาพยายามอยู่ถึงสามชั่วโมงกว่าจะออกมาได้  ชุดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีเงิน  



    บัดนี้มันกลายเป็นสีดำ สนิทไปแล้วเพราะถูกอาบด้วยเลือดของปีศาจ  แต่น่าแปลก  ไม่มีส่วนไหนของร่างกายริลวิลเซนต์



    ที่เปื้อนเลือดเลย  เอเลสซิลจะไม่ยอมให้เลือดชั่วนี้เปื้อนแม้ปลายเล็บของเด็กน้อยเด็ดขาด



    เอเลสซิลควบม้าเร็วที่สุดในชีวิต  ต้องไปถึงฮาล์ฟาเอิร์ธให้ได้ภายในหนึ่งวัน  เด็กทารกอย่างริลวิลเซนต์คงอดอาหาร



    ไม่ได้นานกว่านั้นหรอก  เพราะฉะนั้น  ยิ่งไปถึงฮาล์ฟาเอิร์ธเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี  แต่.....



         ฟ้าวววววว



         ฉึก



         ลูกธนูพุ่งออกไปจากคันธนูของเอเลสซิลอย่างรวดเร็วและปักลงที่ต้นไม้เบื้องหลังบุรุษในชุดเกราะสีดำสนิทผู้มี



    ดวงตาเย็นชาและชั่วร้าย  เขาก้มดูรอยถลอกบนเสื้อเกราะที่เกิดจากคมธนูของเอเลสซิล  แสดงให้เห็นว่าเขาหลบมันได้



    อย่างฉิวเฉียดเต็มที



         “รู้ตัวซะแล้วเหรอ  ความรู้สึกไวดีนี่”  น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความเสียดายอย่างเสแสร้ง  



         “เจ้าเป็นใคร”



         “นามของข้าคือ ราเซล หนึ่งในผู้ล่าวิญญาณ สมุนผู้ภักดีแห่งเจ้าปีศาจ”



         “เจ้าตามข้ามาทำไม”



         ราเซลหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วถามกลับ



         “เจ้าทำร้ายนายของข้าถึงสองคน  แล้วเจ้าคิดว่าข้าตามเจ้ามาทำไมกัน ที่จริงคนฉลาดอย่างเจ้าไม่น่าตั้งคำถามโง่ ๆ



    อย่างนี้เลยนะ”  เอเลสซิลนิ่งเงียบ  



         ฮึ  เจ้านั่นแหละที่โง่  ข้ากำลังหาวิธีกำจัดเจ้าอยู่ต่างหาก  เขาคิดและพยายามประเมินสถานการณ์  ร่างกายของเขา



    อ่อนล้าเกินไป  คงสู้ตัวต่อตัวไม่ไหวแน่



         “ให้สมุนคนสำคัญตามคน ๆ เดียวมาอย่างนี้  ไม่สมกับที่กำลังทำศึกใหญ่เลยนะ”



         “แต่คนที่สร้างรอยแผลให้กับจอมปีศาจไม่สมควรมีชีวิตรอด”



         “แล้วถ้าข้ารอด.....”



         “ไม่มีทาง!” ราเซลสวนทันควัน



         “แน่ใจขนาดนั้นเชียว”  เอเลสซิลหยั่งเชิง  ว่าแผนที่เขาคิดไว้จะใช้กับคน ๆ นี้ได้รึเปล่า  



         “ขนาดคัสมาร์กับเฮอร์ล็อบ  ข้ายังจัดการได้  แล้วจะนับประสาอะไรกับเจ้า…..”



         “อย่าเอ่ยนามของเจ้าปีศาจนะ!”ราเซลตอบอย่างกราดเกรี้ยว



          โกรธง่ายซะด้วย  อย่างนี้ก็เข้าแผน  



          เอเลสซิลคิดพร้อมกับค่อย ๆ เอื้อมมือไปด้านหลัง  และเปิดฝาขวดแก้วที่บรรจุยาพิษร้ายแรง  สำหรับอาบคมธนู  



    แต่แน่นอน  เขารู้ว่าราเซลจะไม่เปิดโอกาสให้เขาใช้ธนูเป็นครั้งที่สองหรอก  แต่เขาก็มีวิธีที่ดีกว่านั้น



          “เจ้าแน่ใจแล้วเหรอที่จะสู้กับข้าน่ะ”



         “ฮึ  เจ้ามันก็แค่เด็กเมื่อวานซืน  แถมยังเหนื่อยกับการต่อสู้มาทั้งวัน  รู้มั้ย  การฆ่าเจ้าน่ะ  มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย



    เข้าปากซะอีก”



         “ถ้าแน่ใจขนาดนั้นก็เข้ามาเลยสิ”



         “ให้ข้ารุกอย่างนั้นเหรอ”



         “แน่น้อนนน  ถือว่าข้าให้เกียรตินะ”



         ราเซลชักดาบเรียวสีดำวาววับออกจากฝักและเข้าโจมตีเอเลสซิลทันที  



          .....แต่......พระเอกของเราเอาแต่หลบซ้ายทีขวาที



         ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้   แต่เขาออมแรงไว้ต่างหาก  ซึ่งราเซลก็เล่นละครตามบทที่เอเลสซิลเขียนเป็นอย่างดีโดยการ



    โจมตีอย่างหนักหน่วง  เอเลสซิลแกล้งทำเป็นเหนื่อยหลังต่อสู้ไปได้สักพัก  เขารู้สึกว่าราเซลจะเหนื่อยพอ ๆ กับเขาแล้วในตอนนี้



    คราวนี้ถึงตาข้าบ้างละ  



         เจ้าชายหนุ่มเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว  มือขวาของเขาตวัดดาบลงมายังร่างของปีศาจ  ถึงราเซลจะรับดาบนั้นไว้ได้  



    แต่...เข็มกลัดอาบยาพิษในมือซ้ายของเอเลสซิลก็ปักอยู่ที่เส้นเลือดตรงข้อมือของเขาเสียแล้ว



         “อ๊ากกกกกกกกกกกกส์”  เสียงกรีดร้องของราเซลดังขึ้นอย่างเจ็บปวด  รู้สึกเหมือนมีมีดร้อน ๆ สักร้อยเล่มเสียดแทง



    ไปทั่งสรรพางค์กาย



         “ดีมาก  ความโกรธและเหนื่อยจะช่วยให้ยาพิษฉีดพล่านไปทั่วร่างพร้อมกับกระแสเลือดของเจ้า”



         “ยาพิษฆ่าข้าไม่ได้  เลือดของปีศาจนะหลอมรวมกับยาพิษทุกชนิด”  ราเซลกัดฟันพูด



         “แต่ยาพิษนี่คงจะเป็นปฏิปักษ์กับเลือดของเจ้าซัก 2-3  ชั่วโมงละนะ  กว่ามันจะผูกมิตรกันได้  เจ้าคงต้องทนกับสงคราม



    ภายในเส้นเลือดตัวเองซักพัก  อ้อ อย่าโกรธมากแล้วก็อย่าเคลื่อนไหวนะ  เพราะยาพิษจะออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น  ข้าไปก่อนละ  



    บังเอิญมีธุระ”  เอเลสซิลควบม้าออกไปอย่างไม่แยแส  เขารู้ดีว่าไม่สามารถฆ่าผู้ล่าวิญญาณตนนั้นได้  ตราบใดที่จอมปีศาจยังอยู่  



    พลังของมันจะอยู่ในตัวราเซล  และผู้ล่าวิญญาณทุกตน  ทำให้พวกมันเป็นอมตะ  ไม่มีทางฆ่ามันได้  นอกจากกำจัดคัสมาร์ซะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×