ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : น้องชายคนใหม่ของเอเลสซิล
    ทุกอย่างดูจะปกติดีในเช้าวันที่ 5 แต่ลางสังหรณ์ของเอเลสซิลไม่ปกติเลย  เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง 
ที่คืบคลานเข้ามาใกล้  อันตรายที่
ใกล้ตัวมาก  แต่เขาก็ไม่แน่ใจนัก  สายตาของเขาเหลือบไปเห็นเอลด์เลนกำลังเดินเข้ามา  เขารู้สึกถึงอะไรที่ขาดไป 
เอเลสซิลควรจะเจอคอีกคนนึงนี่นา
    “ตั้งแต่มาถึงข้ายังไม่เห็นพระราชินีเลย  พระนางอยู่ไหนเหรอท่านอา”
    “ก็อยู่ในวังเล็กนั่นแหละ  ขลุกอยู่กับลูกน่ะ”
    “OoO  ฮะ  ลูกของท่านอาเหรอ  งั้นก็เป็นน้องของข้าน่ะสิ  ข้าขอเข้าไปดูหน่อยได้รึเปล่า”  เอเลสซิลถามอย่าง
อยากรู้อยากเห็น
      “ไปก็ไปสิ  ข้าจะพาไปเอง  วาเลนซ่าร์คงดีใจที่มีคนมาเยี่ยม”
    “เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท O_+”  คอปป์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา (อยากรู้ว่าถ้าวิ่งหน้าตาหลับมันจะเป็นไง)  ลางสังหรณ์
ที่ไม่ค่อยดีของเอเลสซิลจะเป็นจริงรึเปล่านะ
    “พะ  พะ  พวกปีศาจมันบุกมาแล้วพะย่ะค่ะ  ถะ  ถะ  แถมมีกำลังมากกว่าเดิมหลายเท่าด้วย”
คอปป์ละล่ำละลักบอก
    “ ที่มันหยุดการโจมตีไปหลายวันก็เพื่อซ่องสุมกำลังทหารนี่เอง  คอปป์ให้ทหารที่รักษากำแพงยิงธนูต้านมันไว้ให้ได้ 
ถ้าเป็นธนูไฟก็ยิ่งดี  แล้วก็ห้ามให้ทหารออกนอกประตูเมืองเด็ดขาดเพราะข้าให้คนเอาเหล็กแหลมอันเล็ก ๆ ไปโรยไว้
และรักษาประตูเมืองไว้ให้ดีที่สุด  ข้าจะไปเตรียมกองทัพ”  เอเลสซิลสั่งแบบน้ำไหลไฟดับ  คอปป์ดูอึ้ง ๆ อยู่สองวิ
แล้วรีบออกไปทันที  เอเลสซิลกับเอลด์เลนก็ออกไปตระเตรียมทหารเช่นกัน  แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ซะแล้ว
เมื่อพวกปีศาจทำลายประตูลงได้  ถึงแม้ว่าม้าของพวกมันจะถูกเหล็กแหลมตำไปหลายร้อยตัวก็ตาม  ทั้งเขาและเอลด์เลน
ต้องเข้ารับมือกับพวกปีศาจพร้อมกับทหารฮาล์ฟทุกคน 
    ผู้นำกองทัพศาจไม่ใช่คัสมาร์นี่นา
      แต่คงจะเป็นสมุนคนสำคัญคนหนึ่งของจอมปีศาจ  มันกำลังต่อสู้อยู่กับเอลด์เลน  ดูจากสายตาของเอเลสซิลแล้ว 
ปีศาจตนนั้นดูจะได้เปรียบพระราชาอยู่ไม่น้อยเลย  ไม่ได้แล้ว  ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต้องเสร็จมันแน่  เขาพยายามจะเข้า
ไปช่วย  แต่ก็เจอพวกปีศาจขวางทางอยู่เต็มไปหมด  ณ วินาทีนั้น  ภาพที่เอเลสซิลจะจดจำไปตลอดกาลก็เกิดขึ้น 
ปีศาจตนนั้นช้าดาบฟันลำตัวของเอลด์เลนขาดออกเป็นสองส่วนภายในพริบตา 
    “ม่ายยยยยยยยยยยยยย”  เสียงตะโกนของเอเลสซิลดังก้อง  เขาฟาดฟันพวกปีศาจที่ดาหน้าเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง 
เจ้าปีศาจตนนั้นขี่มาหายเข้าไปในวัง  เอเลสซิลตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ในทันที 
    “พระราชินี”  เขาพยายามตามมันไป  แต่เจ้าพวกปีศาจนี่ถ่วงเวลาเขาเอาไว้  เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะฝ่าวงล้อมปีศาจนี่
ออกไป
    “คอปป์  ข้าฝากทางนี้ด้วยนะ”
    “ไว้ใจได้พะย่ะค่ะ  ฝ่าบาท”  คอปป์ตะโกนตอบ  น้ำเสียงสั่นเครืออย่างชัดเจน  เขาคงเห็นภาพนั้นเช่นกัน  เอเลสซิลคิด
อย่างโกรธแค้นแล้วขี่ม้าลับหายไปในวัง
                                        -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+--+-+-+-+-+-+
    พระราชินีวาเลนซ่ารกำลังโอบอุ้มพระธิดาน้อยไซล์นีซีลไว้ในอ้อมแขนอันสั่นระริก  ขณะที่มีปีศาจตนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า
 
    “เจ้าเป็นใคร”
      “ข้าคือ  เฮอร์ล็อบ  หัวหน้าผู้ล่าวิญญาณ  สมุนผู้ภักดีแห่งจอมปีศาจ”  มันตอบเสียงเย็นยะเยือก
    “เจ้าเข้ามาทำไม  ต้องการอะไรกันแน่” 
    “กำจัดฮาล์ฟทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรนี้”  คำตอบที่เลือดเย็นของมันทำให้อ้อมแขนของวาเลนซ่าร์แน่นกระชับขึ้นมา
ทันที  พระธิดาไซล์นีซีลเริ่มร้องไห้  เฮอร์ล็อบเงื้อดาบขึ้นช้า ๆ และฆ่าหญิงรับใช้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นอย่างโหดเหี้ยม 
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่ว 
    “หยุดนะ!”  พระราชินีตรัสด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ 
    “ไม่ต้องเสียใจไปหรอก  เพราะเดี๋ยวท่านก็ต้องไปอยู่กับพวกนั้นเหมือนกัน  รวมทั้งเอลด์เลนด้วย  หวังว่าท่านคงดีใจที่
จะได้ไปอยู่กับพระราชาสุดที่รักนะ”  มันพูดอย่างเย้ยหยัน  พระราชินีไม่อยากจะเชื่อคำพูดนั้นเลย  เอลด์เลนตายแล้วเหรอนี่ 
เฮอร์ล็อบเงื้อดาบขึ้นเป็นครั้งที่สอง
    “ฮึ  ข้าขอสาปแช่งเจ้า  เจ้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงอันเป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ฟีอาร์เกล”วาเลนซ่าร์ตรัสอย่าง
โกรธแค้น  คำ ๆ นั้นทำให้ผู้ล่าวิญญาณโมโหขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ 
    “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะฆ่ามันซะ” มันจะใช้ดาบฟันไซล์นีซีล  แต่พระนางวาเลนซ่าร์เบี่ยงตัวเข้ารับดาบนั้นเอง  คมดาบนั้น
สร้างบาดแผลฉกรรจ์ที่หลังของนาง  เจ้าปีศาจเงื้อดาบขึ้นอีกครั้ง  เตรียมฟันสุดแรง
    ฉึก! 
    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกส์”  เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างเจ็บปวด  เมื่อลูกธนูดอกหนึ่งปักเข้าที่กลางหลังของเฮอร์ล็อบอย่าง
แม่นยำ
    “เอเลสซิล!”  พระราชินีเรียก  พระหัตถ์ที่อ่อนแรงทั้งสองข้างโอบกอดพระธิดาไว้  เอเลสซิลชักดาบเรียวออกมาจากฝัก
และต่อสู้กับเฮอร์ล็อบ  แต่ผู้ล่าวิญญาณทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงหนีไปอย่างโกรธแค้น
    “ท่านอา  เป็นยังไงบ้าง”  เอเลสซิลประคองพระราชินีขึ้นมา  นางใช้ปลายนิ้วจุ่มโลหิตสีแดงเข้มของตนเองแล้วเขียน
ตัวอักษรลงไปในกระดาษแผ่นหนึ่งโดยไม่ให้เอเลสซิลเห็น  นางพับกระดาษแผ่นนั้นแล้วสอดไว้ในผ้าอ้อมของพระธิดา 
    “นำจดหมายไปให้แม่เจ้า  พาลูก ชะ  ชายของข้าหนีไป  พะ พาริลวิลเซนต์หนีไปซะ  ตะ  แต่เจ้าห้ามอ่านจะ 
จดหมายนั้นเด็ดขาด  สัญญากับข้านะ”พระราชินีตรัสสั่ง  น้ำเสียงเริ่มขาดห้วง 
    “ได้  ข้าสัญญา”เจ้าชายหนุ่มรับปาก
    “ฝากลูกข้าด้วยนะ  เอเลสซิล” 
ลมหายใจของนางขาดหายไป  และสิ้นพระชนม์ ณ ที่นั้น  เอเลสซิลพิศดูใบหน้าของเด็กน้อยที่เป็นน้องชายของเขา 
ผู้ที่วาเลนซ่าร์บอกว่า  เขาชื่อ  ริลวิลเซนต์!
    “พี่ขอโทษที่รักษาชีวิตพ่อและแม่เจ้าไว้ไม่ได้  แต่พี่สัญญาว่าจะรักษาชีวิตเจ้าไว้ให้ได้”
เขาถอดเสื้อเกราะออก  วางเด็กน้อยนั้นลงในเสื้อแล้วใส่เสื้อเกราะตามเดิม  ตอนนี้  น้องชายคนเดียวจะปลอดภัย
อยู่ในเสื้อเกราะของเขา
    “ถ้าจะต้องมีใครตาย  ก็ขอให้เป็นข้าแทน  พระเจ้า  ขอให้ท่านพ่อมาทันด้วยเถอะ” เจ้าชายฮาล์ฟขี่ม้าออกไป 
และเขาก็พบว่า
    กองทัพใหญ่มาถึงแล้ว!
    วิเศษจริง ๆ ตอนนี้หน้าที่ของเขาเหลือเพียงอย่างเดียว คือ
    รักษาชีวิตของเด็กคนนี้ไว้ให้ได้  ชีวิตของน้องชายคนเดียวของเขา  ริลวิลเซนต์  ฟีอาร์เกล  คนเดียวเท่านั้น
    พันธสัญญาแห่งชีวิตข้อเดียวที่เขาต้องทำ
    เจ้าชายฮาล์ฟฝ่ากองทัพปีศาจออกมา  เขาพยายามอยู่ถึงสามชั่วโมงกว่าจะออกมาได้  ชุดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีเงิน 
บัดนี้มันกลายเป็นสีดำ สนิทไปแล้วเพราะถูกอาบด้วยเลือดของปีศาจ  แต่น่าแปลก  ไม่มีส่วนไหนของร่างกายริลวิลเซนต์
ที่เปื้อนเลือดเลย  เอเลสซิลจะไม่ยอมให้เลือดชั่วนี้เปื้อนแม้ปลายเล็บของเด็กน้อยเด็ดขาด
เอเลสซิลควบม้าเร็วที่สุดในชีวิต  ต้องไปถึงฮาล์ฟาเอิร์ธให้ได้ภายในหนึ่งวัน  เด็กทารกอย่างริลวิลเซนต์คงอดอาหาร
ไม่ได้นานกว่านั้นหรอก  เพราะฉะนั้น  ยิ่งไปถึงฮาล์ฟาเอิร์ธเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี  แต่.....
    ฟ้าวววววว
    ฉึก
    ลูกธนูพุ่งออกไปจากคันธนูของเอเลสซิลอย่างรวดเร็วและปักลงที่ต้นไม้เบื้องหลังบุรุษในชุดเกราะสีดำสนิทผู้มี
ดวงตาเย็นชาและชั่วร้าย  เขาก้มดูรอยถลอกบนเสื้อเกราะที่เกิดจากคมธนูของเอเลสซิล  แสดงให้เห็นว่าเขาหลบมันได้
อย่างฉิวเฉียดเต็มที
    “รู้ตัวซะแล้วเหรอ  ความรู้สึกไวดีนี่”  น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความเสียดายอย่างเสแสร้ง 
    “เจ้าเป็นใคร”
    “นามของข้าคือ ราเซล หนึ่งในผู้ล่าวิญญาณ สมุนผู้ภักดีแห่งเจ้าปีศาจ”
    “เจ้าตามข้ามาทำไม”
    ราเซลหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วถามกลับ
    “เจ้าทำร้ายนายของข้าถึงสองคน  แล้วเจ้าคิดว่าข้าตามเจ้ามาทำไมกัน ที่จริงคนฉลาดอย่างเจ้าไม่น่าตั้งคำถามโง่ ๆ
อย่างนี้เลยนะ”  เอเลสซิลนิ่งเงียบ 
    ฮึ  เจ้านั่นแหละที่โง่  ข้ากำลังหาวิธีกำจัดเจ้าอยู่ต่างหาก  เขาคิดและพยายามประเมินสถานการณ์  ร่างกายของเขา
อ่อนล้าเกินไป  คงสู้ตัวต่อตัวไม่ไหวแน่
    “ให้สมุนคนสำคัญตามคน ๆ เดียวมาอย่างนี้  ไม่สมกับที่กำลังทำศึกใหญ่เลยนะ”
    “แต่คนที่สร้างรอยแผลให้กับจอมปีศาจไม่สมควรมีชีวิตรอด”
    “แล้วถ้าข้ารอด.....”
    “ไม่มีทาง!” ราเซลสวนทันควัน
    “แน่ใจขนาดนั้นเชียว”  เอเลสซิลหยั่งเชิง  ว่าแผนที่เขาคิดไว้จะใช้กับคน ๆ นี้ได้รึเปล่า 
    “ขนาดคัสมาร์กับเฮอร์ล็อบ  ข้ายังจัดการได้  แล้วจะนับประสาอะไรกับเจ้า ..”
    “อย่าเอ่ยนามของเจ้าปีศาจนะ!”ราเซลตอบอย่างกราดเกรี้ยว
      โกรธง่ายซะด้วย  อย่างนี้ก็เข้าแผน 
      เอเลสซิลคิดพร้อมกับค่อย ๆ เอื้อมมือไปด้านหลัง  และเปิดฝาขวดแก้วที่บรรจุยาพิษร้ายแรง  สำหรับอาบคมธนู 
แต่แน่นอน  เขารู้ว่าราเซลจะไม่เปิดโอกาสให้เขาใช้ธนูเป็นครั้งที่สองหรอก  แต่เขาก็มีวิธีที่ดีกว่านั้น
      “เจ้าแน่ใจแล้วเหรอที่จะสู้กับข้าน่ะ”
    “ฮึ  เจ้ามันก็แค่เด็กเมื่อวานซืน  แถมยังเหนื่อยกับการต่อสู้มาทั้งวัน  รู้มั้ย  การฆ่าเจ้าน่ะ  มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย
เข้าปากซะอีก”
    “ถ้าแน่ใจขนาดนั้นก็เข้ามาเลยสิ”
    “ให้ข้ารุกอย่างนั้นเหรอ”
    “แน่น้อนนน  ถือว่าข้าให้เกียรตินะ”
    ราเซลชักดาบเรียวสีดำวาววับออกจากฝักและเข้าโจมตีเอเลสซิลทันที 
      .....แต่......พระเอกของเราเอาแต่หลบซ้ายทีขวาที
    ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้  แต่เขาออมแรงไว้ต่างหาก  ซึ่งราเซลก็เล่นละครตามบทที่เอเลสซิลเขียนเป็นอย่างดีโดยการ
โจมตีอย่างหนักหน่วง  เอเลสซิลแกล้งทำเป็นเหนื่อยหลังต่อสู้ไปได้สักพัก  เขารู้สึกว่าราเซลจะเหนื่อยพอ ๆ กับเขาแล้วในตอนนี้
คราวนี้ถึงตาข้าบ้างละ 
    เจ้าชายหนุ่มเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว  มือขวาของเขาตวัดดาบลงมายังร่างของปีศาจ  ถึงราเซลจะรับดาบนั้นไว้ได้ 
แต่...เข็มกลัดอาบยาพิษในมือซ้ายของเอเลสซิลก็ปักอยู่ที่เส้นเลือดตรงข้อมือของเขาเสียแล้ว
    “อ๊ากกกกกกกกกกกกส์”  เสียงกรีดร้องของราเซลดังขึ้นอย่างเจ็บปวด  รู้สึกเหมือนมีมีดร้อน ๆ สักร้อยเล่มเสียดแทง
ไปทั่งสรรพางค์กาย
    “ดีมาก  ความโกรธและเหนื่อยจะช่วยให้ยาพิษฉีดพล่านไปทั่วร่างพร้อมกับกระแสเลือดของเจ้า”
    “ยาพิษฆ่าข้าไม่ได้  เลือดของปีศาจนะหลอมรวมกับยาพิษทุกชนิด”  ราเซลกัดฟันพูด
    “แต่ยาพิษนี่คงจะเป็นปฏิปักษ์กับเลือดของเจ้าซัก 2-3  ชั่วโมงละนะ  กว่ามันจะผูกมิตรกันได้  เจ้าคงต้องทนกับสงคราม
ภายในเส้นเลือดตัวเองซักพัก  อ้อ อย่าโกรธมากแล้วก็อย่าเคลื่อนไหวนะ  เพราะยาพิษจะออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น  ข้าไปก่อนละ 
บังเอิญมีธุระ”  เอเลสซิลควบม้าออกไปอย่างไม่แยแส  เขารู้ดีว่าไม่สามารถฆ่าผู้ล่าวิญญาณตนนั้นได้  ตราบใดที่จอมปีศาจยังอยู่ 
พลังของมันจะอยู่ในตัวราเซล  และผู้ล่าวิญญาณทุกตน  ทำให้พวกมันเป็นอมตะ  ไม่มีทางฆ่ามันได้  นอกจากกำจัดคัสมาร์ซะ
ที่คืบคลานเข้ามาใกล้  อันตรายที่
ใกล้ตัวมาก  แต่เขาก็ไม่แน่ใจนัก  สายตาของเขาเหลือบไปเห็นเอลด์เลนกำลังเดินเข้ามา  เขารู้สึกถึงอะไรที่ขาดไป 
เอเลสซิลควรจะเจอคอีกคนนึงนี่นา
    “ตั้งแต่มาถึงข้ายังไม่เห็นพระราชินีเลย  พระนางอยู่ไหนเหรอท่านอา”
    “ก็อยู่ในวังเล็กนั่นแหละ  ขลุกอยู่กับลูกน่ะ”
    “OoO  ฮะ  ลูกของท่านอาเหรอ  งั้นก็เป็นน้องของข้าน่ะสิ  ข้าขอเข้าไปดูหน่อยได้รึเปล่า”  เอเลสซิลถามอย่าง
อยากรู้อยากเห็น
      “ไปก็ไปสิ  ข้าจะพาไปเอง  วาเลนซ่าร์คงดีใจที่มีคนมาเยี่ยม”
    “เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท O_+”  คอปป์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา (อยากรู้ว่าถ้าวิ่งหน้าตาหลับมันจะเป็นไง)  ลางสังหรณ์
ที่ไม่ค่อยดีของเอเลสซิลจะเป็นจริงรึเปล่านะ
    “พะ  พะ  พวกปีศาจมันบุกมาแล้วพะย่ะค่ะ  ถะ  ถะ  แถมมีกำลังมากกว่าเดิมหลายเท่าด้วย”
คอปป์ละล่ำละลักบอก
    “ ที่มันหยุดการโจมตีไปหลายวันก็เพื่อซ่องสุมกำลังทหารนี่เอง  คอปป์ให้ทหารที่รักษากำแพงยิงธนูต้านมันไว้ให้ได้ 
ถ้าเป็นธนูไฟก็ยิ่งดี  แล้วก็ห้ามให้ทหารออกนอกประตูเมืองเด็ดขาดเพราะข้าให้คนเอาเหล็กแหลมอันเล็ก ๆ ไปโรยไว้
และรักษาประตูเมืองไว้ให้ดีที่สุด  ข้าจะไปเตรียมกองทัพ”  เอเลสซิลสั่งแบบน้ำไหลไฟดับ  คอปป์ดูอึ้ง ๆ อยู่สองวิ
แล้วรีบออกไปทันที  เอเลสซิลกับเอลด์เลนก็ออกไปตระเตรียมทหารเช่นกัน  แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ซะแล้ว
เมื่อพวกปีศาจทำลายประตูลงได้  ถึงแม้ว่าม้าของพวกมันจะถูกเหล็กแหลมตำไปหลายร้อยตัวก็ตาม  ทั้งเขาและเอลด์เลน
ต้องเข้ารับมือกับพวกปีศาจพร้อมกับทหารฮาล์ฟทุกคน 
    ผู้นำกองทัพศาจไม่ใช่คัสมาร์นี่นา
      แต่คงจะเป็นสมุนคนสำคัญคนหนึ่งของจอมปีศาจ  มันกำลังต่อสู้อยู่กับเอลด์เลน  ดูจากสายตาของเอเลสซิลแล้ว 
ปีศาจตนนั้นดูจะได้เปรียบพระราชาอยู่ไม่น้อยเลย  ไม่ได้แล้ว  ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต้องเสร็จมันแน่  เขาพยายามจะเข้า
ไปช่วย  แต่ก็เจอพวกปีศาจขวางทางอยู่เต็มไปหมด  ณ วินาทีนั้น  ภาพที่เอเลสซิลจะจดจำไปตลอดกาลก็เกิดขึ้น 
ปีศาจตนนั้นช้าดาบฟันลำตัวของเอลด์เลนขาดออกเป็นสองส่วนภายในพริบตา 
    “ม่ายยยยยยยยยยยยยย”  เสียงตะโกนของเอเลสซิลดังก้อง  เขาฟาดฟันพวกปีศาจที่ดาหน้าเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง 
เจ้าปีศาจตนนั้นขี่มาหายเข้าไปในวัง  เอเลสซิลตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ในทันที 
    “พระราชินี”  เขาพยายามตามมันไป  แต่เจ้าพวกปีศาจนี่ถ่วงเวลาเขาเอาไว้  เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะฝ่าวงล้อมปีศาจนี่
ออกไป
    “คอปป์  ข้าฝากทางนี้ด้วยนะ”
    “ไว้ใจได้พะย่ะค่ะ  ฝ่าบาท”  คอปป์ตะโกนตอบ  น้ำเสียงสั่นเครืออย่างชัดเจน  เขาคงเห็นภาพนั้นเช่นกัน  เอเลสซิลคิด
อย่างโกรธแค้นแล้วขี่ม้าลับหายไปในวัง
                                        -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+--+-+-+-+-+-+
    พระราชินีวาเลนซ่ารกำลังโอบอุ้มพระธิดาน้อยไซล์นีซีลไว้ในอ้อมแขนอันสั่นระริก  ขณะที่มีปีศาจตนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า
 
    “เจ้าเป็นใคร”
      “ข้าคือ  เฮอร์ล็อบ  หัวหน้าผู้ล่าวิญญาณ  สมุนผู้ภักดีแห่งจอมปีศาจ”  มันตอบเสียงเย็นยะเยือก
    “เจ้าเข้ามาทำไม  ต้องการอะไรกันแน่” 
    “กำจัดฮาล์ฟทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรนี้”  คำตอบที่เลือดเย็นของมันทำให้อ้อมแขนของวาเลนซ่าร์แน่นกระชับขึ้นมา
ทันที  พระธิดาไซล์นีซีลเริ่มร้องไห้  เฮอร์ล็อบเงื้อดาบขึ้นช้า ๆ และฆ่าหญิงรับใช้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นอย่างโหดเหี้ยม 
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่ว 
    “หยุดนะ!”  พระราชินีตรัสด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ 
    “ไม่ต้องเสียใจไปหรอก  เพราะเดี๋ยวท่านก็ต้องไปอยู่กับพวกนั้นเหมือนกัน  รวมทั้งเอลด์เลนด้วย  หวังว่าท่านคงดีใจที่
จะได้ไปอยู่กับพระราชาสุดที่รักนะ”  มันพูดอย่างเย้ยหยัน  พระราชินีไม่อยากจะเชื่อคำพูดนั้นเลย  เอลด์เลนตายแล้วเหรอนี่ 
เฮอร์ล็อบเงื้อดาบขึ้นเป็นครั้งที่สอง
    “ฮึ  ข้าขอสาปแช่งเจ้า  เจ้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงอันเป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ฟีอาร์เกล”วาเลนซ่าร์ตรัสอย่าง
โกรธแค้น  คำ ๆ นั้นทำให้ผู้ล่าวิญญาณโมโหขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ 
    “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะฆ่ามันซะ” มันจะใช้ดาบฟันไซล์นีซีล  แต่พระนางวาเลนซ่าร์เบี่ยงตัวเข้ารับดาบนั้นเอง  คมดาบนั้น
สร้างบาดแผลฉกรรจ์ที่หลังของนาง  เจ้าปีศาจเงื้อดาบขึ้นอีกครั้ง  เตรียมฟันสุดแรง
    ฉึก! 
    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกส์”  เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างเจ็บปวด  เมื่อลูกธนูดอกหนึ่งปักเข้าที่กลางหลังของเฮอร์ล็อบอย่าง
แม่นยำ
    “เอเลสซิล!”  พระราชินีเรียก  พระหัตถ์ที่อ่อนแรงทั้งสองข้างโอบกอดพระธิดาไว้  เอเลสซิลชักดาบเรียวออกมาจากฝัก
และต่อสู้กับเฮอร์ล็อบ  แต่ผู้ล่าวิญญาณทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงหนีไปอย่างโกรธแค้น
    “ท่านอา  เป็นยังไงบ้าง”  เอเลสซิลประคองพระราชินีขึ้นมา  นางใช้ปลายนิ้วจุ่มโลหิตสีแดงเข้มของตนเองแล้วเขียน
ตัวอักษรลงไปในกระดาษแผ่นหนึ่งโดยไม่ให้เอเลสซิลเห็น  นางพับกระดาษแผ่นนั้นแล้วสอดไว้ในผ้าอ้อมของพระธิดา 
    “นำจดหมายไปให้แม่เจ้า  พาลูก ชะ  ชายของข้าหนีไป  พะ พาริลวิลเซนต์หนีไปซะ  ตะ  แต่เจ้าห้ามอ่านจะ 
จดหมายนั้นเด็ดขาด  สัญญากับข้านะ”พระราชินีตรัสสั่ง  น้ำเสียงเริ่มขาดห้วง 
    “ได้  ข้าสัญญา”เจ้าชายหนุ่มรับปาก
    “ฝากลูกข้าด้วยนะ  เอเลสซิล” 
ลมหายใจของนางขาดหายไป  และสิ้นพระชนม์ ณ ที่นั้น  เอเลสซิลพิศดูใบหน้าของเด็กน้อยที่เป็นน้องชายของเขา 
ผู้ที่วาเลนซ่าร์บอกว่า  เขาชื่อ  ริลวิลเซนต์!
    “พี่ขอโทษที่รักษาชีวิตพ่อและแม่เจ้าไว้ไม่ได้  แต่พี่สัญญาว่าจะรักษาชีวิตเจ้าไว้ให้ได้”
เขาถอดเสื้อเกราะออก  วางเด็กน้อยนั้นลงในเสื้อแล้วใส่เสื้อเกราะตามเดิม  ตอนนี้  น้องชายคนเดียวจะปลอดภัย
อยู่ในเสื้อเกราะของเขา
    “ถ้าจะต้องมีใครตาย  ก็ขอให้เป็นข้าแทน  พระเจ้า  ขอให้ท่านพ่อมาทันด้วยเถอะ” เจ้าชายฮาล์ฟขี่ม้าออกไป 
และเขาก็พบว่า
    กองทัพใหญ่มาถึงแล้ว!
    วิเศษจริง ๆ ตอนนี้หน้าที่ของเขาเหลือเพียงอย่างเดียว คือ
    รักษาชีวิตของเด็กคนนี้ไว้ให้ได้  ชีวิตของน้องชายคนเดียวของเขา  ริลวิลเซนต์  ฟีอาร์เกล  คนเดียวเท่านั้น
    พันธสัญญาแห่งชีวิตข้อเดียวที่เขาต้องทำ
    เจ้าชายฮาล์ฟฝ่ากองทัพปีศาจออกมา  เขาพยายามอยู่ถึงสามชั่วโมงกว่าจะออกมาได้  ชุดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีเงิน 
บัดนี้มันกลายเป็นสีดำ สนิทไปแล้วเพราะถูกอาบด้วยเลือดของปีศาจ  แต่น่าแปลก  ไม่มีส่วนไหนของร่างกายริลวิลเซนต์
ที่เปื้อนเลือดเลย  เอเลสซิลจะไม่ยอมให้เลือดชั่วนี้เปื้อนแม้ปลายเล็บของเด็กน้อยเด็ดขาด
เอเลสซิลควบม้าเร็วที่สุดในชีวิต  ต้องไปถึงฮาล์ฟาเอิร์ธให้ได้ภายในหนึ่งวัน  เด็กทารกอย่างริลวิลเซนต์คงอดอาหาร
ไม่ได้นานกว่านั้นหรอก  เพราะฉะนั้น  ยิ่งไปถึงฮาล์ฟาเอิร์ธเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี  แต่.....
    ฟ้าวววววว
    ฉึก
    ลูกธนูพุ่งออกไปจากคันธนูของเอเลสซิลอย่างรวดเร็วและปักลงที่ต้นไม้เบื้องหลังบุรุษในชุดเกราะสีดำสนิทผู้มี
ดวงตาเย็นชาและชั่วร้าย  เขาก้มดูรอยถลอกบนเสื้อเกราะที่เกิดจากคมธนูของเอเลสซิล  แสดงให้เห็นว่าเขาหลบมันได้
อย่างฉิวเฉียดเต็มที
    “รู้ตัวซะแล้วเหรอ  ความรู้สึกไวดีนี่”  น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความเสียดายอย่างเสแสร้ง 
    “เจ้าเป็นใคร”
    “นามของข้าคือ ราเซล หนึ่งในผู้ล่าวิญญาณ สมุนผู้ภักดีแห่งเจ้าปีศาจ”
    “เจ้าตามข้ามาทำไม”
    ราเซลหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วถามกลับ
    “เจ้าทำร้ายนายของข้าถึงสองคน  แล้วเจ้าคิดว่าข้าตามเจ้ามาทำไมกัน ที่จริงคนฉลาดอย่างเจ้าไม่น่าตั้งคำถามโง่ ๆ
อย่างนี้เลยนะ”  เอเลสซิลนิ่งเงียบ 
    ฮึ  เจ้านั่นแหละที่โง่  ข้ากำลังหาวิธีกำจัดเจ้าอยู่ต่างหาก  เขาคิดและพยายามประเมินสถานการณ์  ร่างกายของเขา
อ่อนล้าเกินไป  คงสู้ตัวต่อตัวไม่ไหวแน่
    “ให้สมุนคนสำคัญตามคน ๆ เดียวมาอย่างนี้  ไม่สมกับที่กำลังทำศึกใหญ่เลยนะ”
    “แต่คนที่สร้างรอยแผลให้กับจอมปีศาจไม่สมควรมีชีวิตรอด”
    “แล้วถ้าข้ารอด.....”
    “ไม่มีทาง!” ราเซลสวนทันควัน
    “แน่ใจขนาดนั้นเชียว”  เอเลสซิลหยั่งเชิง  ว่าแผนที่เขาคิดไว้จะใช้กับคน ๆ นี้ได้รึเปล่า 
    “ขนาดคัสมาร์กับเฮอร์ล็อบ  ข้ายังจัดการได้  แล้วจะนับประสาอะไรกับเจ้า ..”
    “อย่าเอ่ยนามของเจ้าปีศาจนะ!”ราเซลตอบอย่างกราดเกรี้ยว
      โกรธง่ายซะด้วย  อย่างนี้ก็เข้าแผน 
      เอเลสซิลคิดพร้อมกับค่อย ๆ เอื้อมมือไปด้านหลัง  และเปิดฝาขวดแก้วที่บรรจุยาพิษร้ายแรง  สำหรับอาบคมธนู 
แต่แน่นอน  เขารู้ว่าราเซลจะไม่เปิดโอกาสให้เขาใช้ธนูเป็นครั้งที่สองหรอก  แต่เขาก็มีวิธีที่ดีกว่านั้น
      “เจ้าแน่ใจแล้วเหรอที่จะสู้กับข้าน่ะ”
    “ฮึ  เจ้ามันก็แค่เด็กเมื่อวานซืน  แถมยังเหนื่อยกับการต่อสู้มาทั้งวัน  รู้มั้ย  การฆ่าเจ้าน่ะ  มันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย
เข้าปากซะอีก”
    “ถ้าแน่ใจขนาดนั้นก็เข้ามาเลยสิ”
    “ให้ข้ารุกอย่างนั้นเหรอ”
    “แน่น้อนนน  ถือว่าข้าให้เกียรตินะ”
    ราเซลชักดาบเรียวสีดำวาววับออกจากฝักและเข้าโจมตีเอเลสซิลทันที 
      .....แต่......พระเอกของเราเอาแต่หลบซ้ายทีขวาที
    ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้  แต่เขาออมแรงไว้ต่างหาก  ซึ่งราเซลก็เล่นละครตามบทที่เอเลสซิลเขียนเป็นอย่างดีโดยการ
โจมตีอย่างหนักหน่วง  เอเลสซิลแกล้งทำเป็นเหนื่อยหลังต่อสู้ไปได้สักพัก  เขารู้สึกว่าราเซลจะเหนื่อยพอ ๆ กับเขาแล้วในตอนนี้
คราวนี้ถึงตาข้าบ้างละ 
    เจ้าชายหนุ่มเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว  มือขวาของเขาตวัดดาบลงมายังร่างของปีศาจ  ถึงราเซลจะรับดาบนั้นไว้ได้ 
แต่...เข็มกลัดอาบยาพิษในมือซ้ายของเอเลสซิลก็ปักอยู่ที่เส้นเลือดตรงข้อมือของเขาเสียแล้ว
    “อ๊ากกกกกกกกกกกกส์”  เสียงกรีดร้องของราเซลดังขึ้นอย่างเจ็บปวด  รู้สึกเหมือนมีมีดร้อน ๆ สักร้อยเล่มเสียดแทง
ไปทั่งสรรพางค์กาย
    “ดีมาก  ความโกรธและเหนื่อยจะช่วยให้ยาพิษฉีดพล่านไปทั่วร่างพร้อมกับกระแสเลือดของเจ้า”
    “ยาพิษฆ่าข้าไม่ได้  เลือดของปีศาจนะหลอมรวมกับยาพิษทุกชนิด”  ราเซลกัดฟันพูด
    “แต่ยาพิษนี่คงจะเป็นปฏิปักษ์กับเลือดของเจ้าซัก 2-3  ชั่วโมงละนะ  กว่ามันจะผูกมิตรกันได้  เจ้าคงต้องทนกับสงคราม
ภายในเส้นเลือดตัวเองซักพัก  อ้อ อย่าโกรธมากแล้วก็อย่าเคลื่อนไหวนะ  เพราะยาพิษจะออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น  ข้าไปก่อนละ 
บังเอิญมีธุระ”  เอเลสซิลควบม้าออกไปอย่างไม่แยแส  เขารู้ดีว่าไม่สามารถฆ่าผู้ล่าวิญญาณตนนั้นได้  ตราบใดที่จอมปีศาจยังอยู่ 
พลังของมันจะอยู่ในตัวราเซล  และผู้ล่าวิญญาณทุกตน  ทำให้พวกมันเป็นอมตะ  ไม่มีทางฆ่ามันได้  นอกจากกำจัดคัสมาร์ซะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น