ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สงครามฮาล์ฟแลนด์ 1
“เตรียมทหารให้พร้อม  ส่งม้าเร็ว 9 นายไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9
เราต้องแจ้งข่าวได้พวกเขารู้”  ราชาเอลด์เลนแห่งอาณาจักรฮาล์ฟแลนด์
ตรัสสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด  องครักษ์ทั้งสองรีบออกไปอย่างรวดเร็ว 
ข้าศึกประชิดกำแพงเมืองแล้วจะชักช้าอยู่ไม่ได้  พระราชา
ทอดพระเนตรไปยังราชินีวาเลนซ่าร์ที่กำลังกันแสงร่ำไห้อยู่อย่างโศกเศร้า
“ทำไมต้องเป็นเราด้วยเพคะ  ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย” 
ราชินีตรัสพร้อมกับสะอึกสะอื้น  พระเนตรที่มีอัสสุชลเอ่อล้นทอดพระเนตร
ไปยังทารกน้อยเพศหญิงอายุไม่ถึง 3 เดือนที่นอนร้องไห้อยู่ในอ้อมอก 
พระราชาเอลด์เลนนั่งลงข้าง ๆ แล้วโอบไหล่ของนางไว้ 
“ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายลูกของเราได้เป็นอันขาด  วาเลนซ่าร์ 
เจ้าจงดูแลลูกของเราให้ดี  ถ้าหากข้าตาย...”
“อย่าตรัสอย่างนั้นเพคะพระองค์”  ราชินีวาเลนซาร์ขัดขึ้น
“ถ้าหากข้าตาย  เจ้าต้องหนีไปจากที่นี่  พาลูกของเราไปด้วย  ไปยังฮาล์ฟาเอิร์ธ 
พี่ชายของข้าจะปกป้องเจ้าและลูกได้  เจ้าอสูรยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำสงคราม
กับดินแดนศักดิ์ทั้ง 9 จงจำคำของข้าไว้  วาเลนซ่าร์’’  ราชาเอลด์เลนกล่าวแล้วจุมพิต
ที่หน้าผากของวาเลนซ่าร์และลูกน้อยอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลก่อนจะเสด็จออกไปจากห้อง 
ทิ้งให้พระนางวาเลนซ่าร์กันแสงร่ำไห้อยู่เช่นนั้น
                        ..................................................................
    กองทัพปีศาจแห่งเจ้าอสูรนั้นดูชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก 
ทหารปีศาจนับแสนต่างกู่ร้องเสียงก้องไปทั่วอาณาบริเวณ  ร่างกายสูงใหญ่
เกินมนุษย์ของพวกมันอัดแน่นไปด้วยความกระหายสงคราม  ความปรารถนา
ที่จะฆ่าฟันและความโหดร้ายทารุณ  ปีศาจทุกตนสวมชุดเกราะที่ทำจากโลหะสีดำสนิท 
หมวกเกราะสีดำใบใหญ่นั้นปกปิดใบหน้าอัปลักษณ์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 
เบื้องหน้าของกองทัพคือบุรุษผู้หนึ่งซึ่งสวมชุดเกราะสีดำสนิท  หมวกเกราะปิดบังใบหน้า
ไว้ทั้งหมดยกเว้นดวงตาสีแดงก่ำดุจเลือดนกที่เปล่งรังสีอำมหิตออกมาอย่างร้อนแรง
แสดงถึงความโลภโมโทสัน  กระหายซึ่งอำนาจและความเป็นใหญ่  ร่างกายกำยำทรงไว้ซึ่ง
อำนาจและความชั่วร้ายนั้นอยู่บนหลังม้าสีดำสนิทที่รูปร่างใหญ่โตกว่าม้าธรรมดาทั่วไป 
ดวงตาสีดำดูชั่วร้าย  มันอ้าปากออกคล้ายแสยะยิ้มเผยให้เห็นคมเขี้ยวใหญ่ยาว 
ใช่แล้ว !  แบล็คคิงส์  ม้าปีศาจและผู้ที่อยู่บนหลังมันจะเป็นใครไปมิได้นอกจาก 
คัสมาร์    จอมปีศาจแห่งความมืด  ชายในชุดคลุมสีดำ  9  คนผู้อยู่เบื้องหลัง
ของจอมปีศาจ  หน้ากากสีดำบดบังใบหน้าที่แท้จริงของมันไว้  ผู้ล่าวิญญาณ 
และคนที่อยู่ตรงกลางนั่น  คือ  หัวหน้าผู้ล่าวิญญาณ  เฮอร์ล็อบ
“เฮอร์ล็อบ”  จอมปีศาจเปล่งเสียงเรียกสมุนคนสำคัญ
“ครับ  นายท่าน”  หัวหน้าผู้ล่าวิญญาณตอบรับน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเคารพ
อย่างเต็มเปี่ยม
“เจ้าจงเกณฑ์ทหารจำนวนหนึ่งไปดูแลที่ประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ 
อย่าให้ใครเล็ดลอดไปได้เป็นอันขาดโดยเฉพาะพวกม้าเร็วที่จะส่งข่าว
ไปเมืองต่าง ๆ ข้ายังไม่พร้อมที่จะรบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 พร้อม ๆ กัน 
รอให้ข้าได้เสพพลังวิญญาณของเอลด์เลนและคนอื่น ๆ เสียก่อน 
เมื่อนั้นข้าจะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 เหลือเพียงภัสมะธุลี”
“น้อมรับบัญชา”  เฮอร์ล็อบกล่าวแล้วรีบทำตามคำสั่งทันที
                                ..........................................................................
“ข้าว่าอย่าไปทางประตูเมือง  พวกปีศาจคงเฝ้าไว้หมดแล้ว  เราไปทางลับดีกว่า 
ข้ารู้ทางลับอยู่ทางหนึ่งเป็นอุโมงค์ทอดผ่านใต้ท้องทะเลทางทิศตะวันออกไปสู่
เกาะทัวร์ทูก้า  ข้ารู้จักคนบนเกาะนั้น  เขาจะพาเราไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ 
มันอาจจะช้ากว่าไปทางป่าสักหน่อยแต่ก็ปลอดภัยกว่ามาก” 
คอปป์ซึ่งเป็นนายทหารม้าเร็วคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงรัวเร็ว
“ไม่ได้หรอกคอปป์  หน้าที่ของพวกเราคือต้องนำสารไปให้กษัตริย์ทั้ง 9 ให้เร็วที่สุด 
เจ้าก็รู้ว่าเราต้านกองทัพของจอมปีศาจไว้ได้ไม่นานแน่  เราต้องไปทางตรงคอปป์ 
เราช้าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว”  นายทหารอีกคนกล่าวแล้วกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว
“แล้วอีกอย่างนะ  พวกมันไม่รู้หรอกว่าเรามีประตูอยู่ 4 ทิศ  แล้วสมมติว่ามันรู้นะ 
เจ้าจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่รู้ทางลับที่เจ้าว่า”  นายทหารคนเดิมกล่าวแล้วควบม้าออกไป
“แต่ถ้าเจ้ารักตัวกลัวตายก็ไม่เป็นไร  ข้าจะส่งสารไปฮาล์ฟาเอิร์ธแทนเจ้าก็ได้” 
ทหารอีกคนหนึ่งตะโกนมาจากบนหลังม้า  แล้วพวกเขา 8 คนก็ควบม้าไปไกลลับตาในที่สุด 
คอปป์ได้แต่ถอนใจก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าแล้วควบตามไปเงียบ ๆ
ม้าเร็วทั้ง 8 ห้อเหยียดเต็มฝีเท้า  กีบม้าที่ตะกุยพื้นดินทำให้เกิดฝุ่นปลิงฟุ้งขึ้นด้านหลัง 
ใช่แล้ว  หน้าที่ของพวกเขา  คือ  นำข่าวสารการบุกโจมตีของกองทัพปีศาจไป
แจ้งแด่ประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ  ความแน่นอนและปลอดภัย 
จะมีประโยชน์อะไรที่จะวิ่งฝ่าฝูงสิงโตไปเพื่อไปดื่มน้ำในลำธารที่อยู่ตรงหน้าแทนที่
จะเดินอ้อมวงล้อมอันตรายนั้นไปโดยเสียเวลาไม่กี่นาที
บางทีการเสียสละสิ่งสำคัญก็คุ้มค่าถ้าเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่จะตามมาภายหลัง
เสียสละเวลาเพื่อได้ดื่มน้ำโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อหรือชีวิตให้กับสิงโตทั้งฝูง
เสียสละเวลาเพื่อนำข่าวสารไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกโจมตี
ทหารม้าเร็วทั้ง 8 แยกกันไปทางประตูทั้ง 4 ทิศ  คอปป์เลือกที่จะตามชายที่ดูถูกเขาไปทางทิศใต้ 
ม้าวิ่งเร็วซะจนต้นไม้ทั้งสองข้างทางเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเลือนราง 
ในที่สุดก็ถึงประตูทิศใต้  นายประตูเปิดประตูให้ทันทีที่กวาดสายตาดูพระราชสาส์นอย่างลวก ๆ 
ไม่ถึงสิบนาทีที่ทหารคนนั้นควบม้าออกไป  เสียงแผดร้องดังก้อง  คอปป์ที่เพิ่งผ่านประตู
ไปหยก ๆ ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า  มือใหญ่กำแน่นอยู่รอบคอนายทหารคนนั้น 
เขาถูกยกขึ้นสูงจากพื้นไม่ต่ำกว่า 1 ฟุต  ร่างนั้นดิ้นทุรนทุราย  สองมือพยายาม
แกะมือที่กำแน่นนั้นออก  จนในที่สุดก็หยุดเคลื่อนไหว  ไอควันสีขาวจาง ๆ
ลอยเป็นสายจากปากของเขาเข้าสู่ปากของปีศาจตนนั้น 
มันดูดพลังวิญญาณของเขาแล้ว !  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทหารม้าเร็วอีก 7
คนก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน  คอปป์ชักม้ากลับทันที  เขาเคาะประตูรัวเร็ว 
นายประตูเปิดช่องเล็ก ๆ ดูว่าเป็นใครก่อนจะเปิดประตูให้  คอปป์ควบม้าห้อเหยียด
ออกไปก่อนที่นายประตูจะปริปากถามคำถามใด ๆ  เขาควบม้าตรงไปทางทิศตะวันออก
ซึ่งเป็นป่าทึบมีอาณาเขตไม่กว้างขวางนัก  ในป่ามีทางเดินแคบ ๆ ปูด้วย
แผ่นหินขนาดใหญ่  คอปป์มุ่งตรงเข้าไปอย่างไม่รอช้า 
เราต้องแจ้งข่าวได้พวกเขารู้”  ราชาเอลด์เลนแห่งอาณาจักรฮาล์ฟแลนด์
ตรัสสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด  องครักษ์ทั้งสองรีบออกไปอย่างรวดเร็ว 
ข้าศึกประชิดกำแพงเมืองแล้วจะชักช้าอยู่ไม่ได้  พระราชา
ทอดพระเนตรไปยังราชินีวาเลนซ่าร์ที่กำลังกันแสงร่ำไห้อยู่อย่างโศกเศร้า
“ทำไมต้องเป็นเราด้วยเพคะ  ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย” 
ราชินีตรัสพร้อมกับสะอึกสะอื้น  พระเนตรที่มีอัสสุชลเอ่อล้นทอดพระเนตร
ไปยังทารกน้อยเพศหญิงอายุไม่ถึง 3 เดือนที่นอนร้องไห้อยู่ในอ้อมอก 
พระราชาเอลด์เลนนั่งลงข้าง ๆ แล้วโอบไหล่ของนางไว้ 
“ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายลูกของเราได้เป็นอันขาด  วาเลนซ่าร์ 
เจ้าจงดูแลลูกของเราให้ดี  ถ้าหากข้าตาย...”
“อย่าตรัสอย่างนั้นเพคะพระองค์”  ราชินีวาเลนซาร์ขัดขึ้น
“ถ้าหากข้าตาย  เจ้าต้องหนีไปจากที่นี่  พาลูกของเราไปด้วย  ไปยังฮาล์ฟาเอิร์ธ 
พี่ชายของข้าจะปกป้องเจ้าและลูกได้  เจ้าอสูรยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำสงคราม
กับดินแดนศักดิ์ทั้ง 9 จงจำคำของข้าไว้  วาเลนซ่าร์’’  ราชาเอลด์เลนกล่าวแล้วจุมพิต
ที่หน้าผากของวาเลนซ่าร์และลูกน้อยอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลก่อนจะเสด็จออกไปจากห้อง 
ทิ้งให้พระนางวาเลนซ่าร์กันแสงร่ำไห้อยู่เช่นนั้น
                        ..................................................................
    กองทัพปีศาจแห่งเจ้าอสูรนั้นดูชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก 
ทหารปีศาจนับแสนต่างกู่ร้องเสียงก้องไปทั่วอาณาบริเวณ  ร่างกายสูงใหญ่
เกินมนุษย์ของพวกมันอัดแน่นไปด้วยความกระหายสงคราม  ความปรารถนา
ที่จะฆ่าฟันและความโหดร้ายทารุณ  ปีศาจทุกตนสวมชุดเกราะที่ทำจากโลหะสีดำสนิท 
หมวกเกราะสีดำใบใหญ่นั้นปกปิดใบหน้าอัปลักษณ์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 
เบื้องหน้าของกองทัพคือบุรุษผู้หนึ่งซึ่งสวมชุดเกราะสีดำสนิท  หมวกเกราะปิดบังใบหน้า
ไว้ทั้งหมดยกเว้นดวงตาสีแดงก่ำดุจเลือดนกที่เปล่งรังสีอำมหิตออกมาอย่างร้อนแรง
แสดงถึงความโลภโมโทสัน  กระหายซึ่งอำนาจและความเป็นใหญ่  ร่างกายกำยำทรงไว้ซึ่ง
อำนาจและความชั่วร้ายนั้นอยู่บนหลังม้าสีดำสนิทที่รูปร่างใหญ่โตกว่าม้าธรรมดาทั่วไป 
ดวงตาสีดำดูชั่วร้าย  มันอ้าปากออกคล้ายแสยะยิ้มเผยให้เห็นคมเขี้ยวใหญ่ยาว 
ใช่แล้ว !  แบล็คคิงส์  ม้าปีศาจและผู้ที่อยู่บนหลังมันจะเป็นใครไปมิได้นอกจาก 
คัสมาร์    จอมปีศาจแห่งความมืด  ชายในชุดคลุมสีดำ  9  คนผู้อยู่เบื้องหลัง
ของจอมปีศาจ  หน้ากากสีดำบดบังใบหน้าที่แท้จริงของมันไว้  ผู้ล่าวิญญาณ 
และคนที่อยู่ตรงกลางนั่น  คือ  หัวหน้าผู้ล่าวิญญาณ  เฮอร์ล็อบ
“เฮอร์ล็อบ”  จอมปีศาจเปล่งเสียงเรียกสมุนคนสำคัญ
“ครับ  นายท่าน”  หัวหน้าผู้ล่าวิญญาณตอบรับน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเคารพ
อย่างเต็มเปี่ยม
“เจ้าจงเกณฑ์ทหารจำนวนหนึ่งไปดูแลที่ประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ 
อย่าให้ใครเล็ดลอดไปได้เป็นอันขาดโดยเฉพาะพวกม้าเร็วที่จะส่งข่าว
ไปเมืองต่าง ๆ ข้ายังไม่พร้อมที่จะรบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 พร้อม ๆ กัน 
รอให้ข้าได้เสพพลังวิญญาณของเอลด์เลนและคนอื่น ๆ เสียก่อน 
เมื่อนั้นข้าจะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 เหลือเพียงภัสมะธุลี”
“น้อมรับบัญชา”  เฮอร์ล็อบกล่าวแล้วรีบทำตามคำสั่งทันที
                                ..........................................................................
“ข้าว่าอย่าไปทางประตูเมือง  พวกปีศาจคงเฝ้าไว้หมดแล้ว  เราไปทางลับดีกว่า 
ข้ารู้ทางลับอยู่ทางหนึ่งเป็นอุโมงค์ทอดผ่านใต้ท้องทะเลทางทิศตะวันออกไปสู่
เกาะทัวร์ทูก้า  ข้ารู้จักคนบนเกาะนั้น  เขาจะพาเราไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ 
มันอาจจะช้ากว่าไปทางป่าสักหน่อยแต่ก็ปลอดภัยกว่ามาก” 
คอปป์ซึ่งเป็นนายทหารม้าเร็วคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงรัวเร็ว
“ไม่ได้หรอกคอปป์  หน้าที่ของพวกเราคือต้องนำสารไปให้กษัตริย์ทั้ง 9 ให้เร็วที่สุด 
เจ้าก็รู้ว่าเราต้านกองทัพของจอมปีศาจไว้ได้ไม่นานแน่  เราต้องไปทางตรงคอปป์ 
เราช้าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว”  นายทหารอีกคนกล่าวแล้วกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว
“แล้วอีกอย่างนะ  พวกมันไม่รู้หรอกว่าเรามีประตูอยู่ 4 ทิศ  แล้วสมมติว่ามันรู้นะ 
เจ้าจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่รู้ทางลับที่เจ้าว่า”  นายทหารคนเดิมกล่าวแล้วควบม้าออกไป
“แต่ถ้าเจ้ารักตัวกลัวตายก็ไม่เป็นไร  ข้าจะส่งสารไปฮาล์ฟาเอิร์ธแทนเจ้าก็ได้” 
ทหารอีกคนหนึ่งตะโกนมาจากบนหลังม้า  แล้วพวกเขา 8 คนก็ควบม้าไปไกลลับตาในที่สุด 
คอปป์ได้แต่ถอนใจก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าแล้วควบตามไปเงียบ ๆ
ม้าเร็วทั้ง 8 ห้อเหยียดเต็มฝีเท้า  กีบม้าที่ตะกุยพื้นดินทำให้เกิดฝุ่นปลิงฟุ้งขึ้นด้านหลัง 
ใช่แล้ว  หน้าที่ของพวกเขา  คือ  นำข่าวสารการบุกโจมตีของกองทัพปีศาจไป
แจ้งแด่ประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ  ความแน่นอนและปลอดภัย 
จะมีประโยชน์อะไรที่จะวิ่งฝ่าฝูงสิงโตไปเพื่อไปดื่มน้ำในลำธารที่อยู่ตรงหน้าแทนที่
จะเดินอ้อมวงล้อมอันตรายนั้นไปโดยเสียเวลาไม่กี่นาที
บางทีการเสียสละสิ่งสำคัญก็คุ้มค่าถ้าเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่จะตามมาภายหลัง
เสียสละเวลาเพื่อได้ดื่มน้ำโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อหรือชีวิตให้กับสิงโตทั้งฝูง
เสียสละเวลาเพื่อนำข่าวสารไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกโจมตี
ทหารม้าเร็วทั้ง 8 แยกกันไปทางประตูทั้ง 4 ทิศ  คอปป์เลือกที่จะตามชายที่ดูถูกเขาไปทางทิศใต้ 
ม้าวิ่งเร็วซะจนต้นไม้ทั้งสองข้างทางเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเลือนราง 
ในที่สุดก็ถึงประตูทิศใต้  นายประตูเปิดประตูให้ทันทีที่กวาดสายตาดูพระราชสาส์นอย่างลวก ๆ 
ไม่ถึงสิบนาทีที่ทหารคนนั้นควบม้าออกไป  เสียงแผดร้องดังก้อง  คอปป์ที่เพิ่งผ่านประตู
ไปหยก ๆ ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า  มือใหญ่กำแน่นอยู่รอบคอนายทหารคนนั้น 
เขาถูกยกขึ้นสูงจากพื้นไม่ต่ำกว่า 1 ฟุต  ร่างนั้นดิ้นทุรนทุราย  สองมือพยายาม
แกะมือที่กำแน่นนั้นออก  จนในที่สุดก็หยุดเคลื่อนไหว  ไอควันสีขาวจาง ๆ
ลอยเป็นสายจากปากของเขาเข้าสู่ปากของปีศาจตนนั้น 
มันดูดพลังวิญญาณของเขาแล้ว !  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทหารม้าเร็วอีก 7
คนก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน  คอปป์ชักม้ากลับทันที  เขาเคาะประตูรัวเร็ว 
นายประตูเปิดช่องเล็ก ๆ ดูว่าเป็นใครก่อนจะเปิดประตูให้  คอปป์ควบม้าห้อเหยียด
ออกไปก่อนที่นายประตูจะปริปากถามคำถามใด ๆ  เขาควบม้าตรงไปทางทิศตะวันออก
ซึ่งเป็นป่าทึบมีอาณาเขตไม่กว้างขวางนัก  ในป่ามีทางเดินแคบ ๆ ปูด้วย
แผ่นหินขนาดใหญ่  คอปป์มุ่งตรงเข้าไปอย่างไม่รอช้า 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น