ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The war of the knight

    ลำดับตอนที่ #11 : The Demon Ring 40%

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 49


         การตัดสินใจครั้งสำคัญของวอร์ลอร์ดอริงกาซัสนั้นเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญมากถึงเขาจะไม่รู้ว่าผู้ถูกเลือกทั้งเก้านั้นจะทำได้แค่ไหนแต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจในตัวเอเลสซิล
         “แล้วพบกันใหม่   คัสมาร์  วอร์ลอร์ดปล่อยลูกธนูออกไป  นัยน์ตาสีดำไร้แววยินดี  ลูกธนูพุ่งเป็นเส้นตรงเข้าตัดขั้วหัวใจของจอมปีศาจทันที  เสียงคำรามดังลั่นเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนที่ร่างของมันสลายเป็นผุยผง  และสิ่งที่พ่อมดอริงกาซัสเห็นหลังจากนั้นก็คือไอควันสีดำม้วนตัวเป็นเกลียวก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าไปธนูสีเทาเล่มนั้น  เขาเฝ้ามองธนูเล่มนั้นหายวับไป  มันกลับไปอยู่ที่เดิม ณ หอคอยจีไนล์ในดินแดนร้าง 

           เมื่อคัสมาร์สูญสลายพลังของมันก็หายไปจากตัวของสมุนมันด้วย  กษัตริย์และนักรบฆ่าพวกปีศาจและผู้ล่าวิญญาณได้อย่างง่ายๆ  ร่างของพวกมันสลายเป็นผงเช่นเดียวกับนายของมัน  ทหารทุกคนโห่ร้องอย่างดีใจ  เป็นพลังเสียงแห่งความปีติยินดีที่ไม่มีแววเฉลียวใจกับความลับที่อยู่เบื้องหลังสงครามครั้งนี้เลย 

         อริงกาซัสหลับตาลง

            อืม   มีทหารและชาวฮาล์ฟแลนด์รอดชีวิตทั้งหมดหนึ่งพันคน  รวมทั้งคอปป์ด้วย  เขาจำเป็นที่จะต้องล้างความทรงจำที่อาจเป็นอันตรายต่อรัชทายาทที่รอดชีวิต  คนพวกนี้อาจไม่ทรยศ  แต่เขาไม่อาจรู้ได้ว่าจอมปีศาจที่จะกลับมานั้นมีความสามารถในการรีดความจริงขนาดไหน

          ฉะนั้น  คงจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาจะกันไว้ก่อน

          วอร์ลอร์ดจึงลงมือลบล้างความทรงจำบางส่วนของคนเหล่านั้นและใส่ความทรงจำใหม่ที่สอดคล้องกับเรื่องที่เขาต้องการให้เป็นนั่นคือไม่มีรัชทายาทแห่งฟีอาร์เกลรอดชีวิตจากสงครามครั้งนี้

          สิ่งที่อริงกาซัสทำต่อจากนั้นคือการแนะนำให้เหล่ากษัตริย์และทหารทั้งหลายจัดพิธีฝังศพให้กับผู้คนที่ตายลงและแยกย้ายกันยกกองทัพกลับไปยังดินแดนของตน   หลังจากนั้นเขาก็หายวับไปทันทีที่พูดจบ  ทุกคนดูจะชินซะแล้วกับการหายตัวไปอย่างปัจจุบันทันด่วนทุกทีที่พูดจบโดยไม่เปิดโอกาสให้ใครถามอะไรที่เขาไม่อยากตอบหรือพูดอะไรก็ตามแต่ที่เขาไม่อยากฟังหรือไม่ก็ไม่มีเวลาที่จะฟัง

    -----------------++++++++++++++++++++---------------------+++++++++++++++------------------------

          เอเลสซิลขี่ม้ามาถึงพระราชวังในที่สุด  อาทิตย์อัสดงส่องแสงสีแดงฉานฉาบผืนฟ้าทั้งผืนให้เป็นสีแดงเข้ม  เหมือนแผ่นดินฮาล์ฟแลนด์ที่อาบด้วยเลือดไม่มีผิด  เขาเปล่งเสียงที่ค่อนข้างเหนื่อยอ่อนเรียกทหารยามที่เฝ้าประตูอยู่ซึ่งให้เขาเข้าไปทันทีที่เห็นหน้า  แม้ว่าใบหน้าหยาบกร้านของทหารคนนั้นจะแสดงความแปลกใจอยู่บ้างที่ในเสื้อเกราะของเจ้าชายหนุ่มมีห่อผ้าที่ส่งเสียงร้องได้อยู่ด้วย  แต่เอเลสซิลไม่สนใจสายตาใคร่รู้นั้น  เขาขี่ม้าตัดผ่านสนามกว้างหน้าพระราชวังและกระโดดลงมาอย่างแผ่วเบาที่สุดเมื่อมาถึงหน้าหน้าประตูด้านใน 

          “ท่านแม่อยู่ไหน  เขาเอ่ยถามหญิงรับใช้คนหนึ่ง

          “ห้องโถงใหญ่เพคะ  นางตอบ  แววตาอยากรู้ปนตกใจมองมาที่ทารกที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนที่เปื้อนด้วยรอยเลือดสีดำของเอเลสซิล  เขารู้สึกรำคาญสายตาแบบนี้เล็กน้อย  แต่ก็รีบสาวเท้าไปตามโถงทางเดินอย่างเร่งรีบ  เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่  เขาก็พบพระราชินีนั่งอยู่สุดปลายห้อง  กำลังเสวยพระกระยาหารอย่างเงียบ ๆ  พระนางทิ้งส้อมและมีดจากมือในทันทีที่เห็นสภาพของเขาจนมันกระทบจานเสียงดัง

          “โอ  เอเลสซิล  แม่ไม่รู้จะถามอะไรเจ้าก่อนดี  มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันนี่  นางดูตกใจจนเกือบจะพูดไม่เป็นภาษา  ปากคอสั่นระริกไปหมด  นางเดินมาหาเขาด้วยความพยายามทั้งหมดที่จะทำให้การก้าวย่างนั้นมั่นคง  เอเลสซิลประคองเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมแขนให้พระมารดาที่รับไปด้วยลำแขนอันสั่นเทา

          “เด็กคนนี้---เป็นใครกัน  พระนางอลิซาเบธถามอย่างรวดเร็วแต่ค่อนข้างตะกุกตะกัก

          “ริลวิลเซนต์  ฟีอาร์เกล  เป็นลูกของท่านอาเอลด์เลนกับท่านอาวาเลนซ่าร์ครับ  แต่-----แต่ว่า  ทะ  ทั้งสองพระองค์สวรรคตแล้ว  น้ำเสียงของเขาขาดห้วงและเบาโหวง  ขอบตาเริ่มแสบร้อน  เจ้าชายหนุ่มพยายามกะพริบตาถี่ ๆ

         ข้าไปช่วยท่านอาทั้งสองไม่ทันตอนที่มัน----

          “โธ่  เอเลสซิล  เจ้าทำดีที่สุดแล้วนะ  ไม่เป็นไร  นางไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่จากแววตาเจ็บปวดของลูกชายแล้วเขาคงไม่พร้อมที่จะเล่าในตอนนี้ จิตใจของเขายังสับสนและวุ่นวายเกินไป

    จริงสิ  เอ้อ  ท่านแม่  คือว่าท่านอาวาเลนซ่าร์ฝากจดหมายมาให้ท่าน  อยู่ในผ้าอ้อมของริลวิลเซนต์น่ะครับ  แต่ว่าท่านอาไม่ยอมให้ข้าอ่าน  เขาพยายามลืมเรื่องอื่น ๆ ไปก่อนในเวลานั้น

    อย่างนั้นหรือ  ทำไมล่ะ  ไหนขอแม่ดูซิ  นางหยิบจดหมายออกมาจากผ้าอ้อมของริลวิลเซนต์แล้วคลี่จดหมายออกอ่าน

    ถึง  อลิซาเบธ

    ในที่สุดข้าก็ทำความผิดครั้งใหญ่ลงไป  เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย  ข้าได้สาปแช่งเฮอร์ล็อบหัวหน้าผู้ล่าวิญญาณว่ามันจะต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงซึ่งเป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ฟีอาร์เกล  ข้าเชื่อว่ามันต้องฆ่าลูกข้าแน่  ที่จริงเด็กคนนี้เป็นผู้หญิงชื่อ  ไซล์นีซีล  ฟีอาร์เกล  แต่ข้าบอกเอเลสซิลว่านางชื่อริลวิลเซนต์  ขอให้ท่านเลี้ยงลูกของข้าในนามของริลวิลเซนต์จนกว่าจะถึงเวลาที่ความจริงจะต้องถูกเปิดเผยด้วยเถิด

                                                                                                              วาเลนซ่าร์

          พระนางอลิซาเบธอ่านทวนลายมือที่ตวัดอย่างรีบเร่งและค่อนข้างจะขาดช่วงนั้นซ้ำหลายรอบก่อนที่จะวางจดหมายลง  พยายามเรียบเรียงสถานการณ์ 

          เด็กคนนี้เป็นผู้หญิง  แต่ด้วยคำสาปทำให้ต้องปิดบังเรื่องทั้งหมด 

          นี่เราต้องปลอมตัวเด็กคนนี้เป็นผู้ชายหรือ 

          และในวินาทีที่นางกำลังสับสนอยู่นั้น  ราวกับสวรรค์ทรงโปรด  เมื่อหญิงรับใช้วิ่งเข้ามาบอกว่าวอร์ลอร์ดอริงกาซัสมาขอพบ  พระราชินีพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด  นางกำลังต้องการคำปรึกษา  โดยเฉพาะคำปรึกษาของพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

          พ่อมดในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มปรากฏตัวขึ้นในห้องโถง

          “วอร์ลอร์ดอริงกาซัส  เอเลสซิลเรียกเสียงแผ่ว

          “เจ้ารู้จักข้าด้วยเหรอ 

          ข้าเคยเห็นรูปท่านในหนังสือน่ะครับ 

          “ยังไงก็แล้วแต่คงต้องขอให้เจ้าออกไปก่อนละนะ  เอเลสซิล

          “ท่านรู้จักข้าด้วยเหรอ  เอเลสซิลทำตาโตเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ

          “ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้   พ่อมดขยิบตาให้

          “เอาละ  ยังไงก็ตาม  ข้าอยากคุยกับแม่ของเจ้าเป็นการส่วนตัวนะ 

         “ครับ  เอเลสซิลเดินออกไปจากห้องนั้น

          อริงกาซัสหันมามองหน้าของอลิซาเบธ

         “เจ้าคงรู้เรื่องของไซล์นีซีลแล้วนะ  เขาพูด  ดวงตาสีดำชำเลืองไปยังกระดาษที่มีตัวอักษรสีแดงส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง

          “ข้าจะทำยังไงดีท่านอริงกาซัส  นางถามอย่างร้อนรน

         เลี้ยงเขาในนามของริลวิลเซนต์  ไม่ต้องกังวล  ข้าจะคอยช่วยเหลือเจ้าเท่าที่จะทำได้  เช่นลบความจำคนที่บังเอิญมารู้เข้า  แต่ใช่แล้ว  ข้าจะไม่ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายจริง ๆ ขึ้นมาหรอก  นั่นเป็นเรื่องผิดกฎการใช้เวทมนตร์เช่นเดียวกับการชุบชีวิต  แต่ข้าอาจต้องทำเป็นบางครั้งถ้าจำเป็น  การแปลงร่างน่ะไม่ผิดหรอก  แต่จะเปลี่ยนร่างอยู่เป็นสิบ ๆ ปีได้ยังไง  จริงมั้ย  เอาเป็นว่ามันเป็นผลเสียกับตัวเด็กและคนอื่น ๆ ด้วย  ข้าเชื่อว่าเขาจะปลอดภัยอยู่ในวังนี้  แม้ว่าไอ้พวกพันธมิตรของคัสมาร์ที่ไม่ใช่ปีศาจจะยังลอยนวลอยู่บ้างก็เถอะ  แต่เมื่อเขาอายุครบ 30 ปี  เจ้าจะต้องส่งเขาและเอเลสซิลไปอยู่กับข้า  เพราะเมื่อถึงเวลานั้น  ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเท่าเดอะไนท์ออฟไซดอนส์  พ่อมดร่ายยาว

         หมายความว่ายังไง  ส่งไปอยู่กับท่าน

          “ให้เขาไปทดสอบเพื่อเข้าเป็นอัศวินฝึกหัดที่ K.S.น่ะสิ            

          “เดอะไนท์ออฟไซดอนส์น่ะนะ  แต่การสอบนี้มันยากมาก  ถ้าพวกเขาไม่ผ่านล่ะ

          “เชื่อมั่นหน่อย  อลิซาเบธ  พวกเขาน่ะ  เกิดมาเพื่อเป็นอัศวินโดยเฉพาะเลยล่ะ  พ่อมดหายตัวไปทันทีที่พูดเรื่องที่ต้องการจบตามแบบฉบับของเขา  ทำให้อลิซาเบธไม่ได้ถามเรื่องที่ค้างคาใจ 

          เดอะไนท์ออฟไซดอนส์น่ะเป็นเหมือนหอรบ  แล้วมันจะปลอดภัยได้ยังไง

          แต่ช่างเถอะ  นั่นมันอีกตั้ง 30 ปี

          ราชินีก้มลงมองใบหน้าของเด็กน้อยในอ้อมแขนอย่างพินิจ

          ยินดีต้อนรับ  พริ๊นซ์ริลวิลเซนต์  โรวิลครอฟ  นางพูดพร้อมกับมองเรือนผมสีทองและดวงตากลมโตสีม่วงกล้วยไม้สดใสของเจ้าชาย(หญิง) น้อยอย่างเอ็นดู

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

                   


        

      


        

        
        
        




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×