คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : The Demon Ring 40%
การตัดสินใจครั้งสำคัญของวอร์ลอร์ดอริงกาซัสนั้นเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญมากถึงเขาจะไม่รู้ว่าผู้ถูกเลือกทั้งเก้านั้นจะทำได้แค่ไหนแต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจในตัวเอเลสซิล
“แล้วพบกันใหม่ คัสมาร์” วอร์ลอร์ดปล่อยลูกธนูออกไป นัยน์ตาสีดำไร้แววยินดี ลูกธนูพุ่งเป็นเส้นตรงเข้าตัดขั้วหัวใจของจอมปีศาจทันที เสียงคำรามดังลั่นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของมันสลายเป็นผุยผง และสิ่งที่พ่อมดอริงกาซัสเห็นหลังจากนั้นก็คือไอควันสีดำม้วนตัวเป็นเกลียวก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าไปธนูสีเทาเล่มนั้น เขาเฝ้ามองธนูเล่มนั้นหายวับไป มันกลับไปอยู่ที่เดิม ณ หอคอยจีไนล์ในดินแดนร้าง
เมื่อคัสมาร์สูญสลายพลังของมันก็หายไปจากตัวของสมุนมันด้วย กษัตริย์และนักรบฆ่าพวกปีศาจและผู้ล่าวิญญาณได้อย่างง่ายๆ ร่างของพวกมันสลายเป็นผงเช่นเดียวกับนายของมัน ทหารทุกคนโห่ร้องอย่างดีใจ เป็นพลังเสียงแห่งความปีติยินดีที่ไม่มีแววเฉลียวใจกับความลับที่อยู่เบื้องหลังสงครามครั้งนี้เลย
อริงกาซัสหลับตาลง
อืม มีทหารและชาวฮาล์ฟแลนด์รอดชีวิตทั้งหมดหนึ่งพันคน รวมทั้งคอปป์ด้วย เขาจำเป็นที่จะต้องล้างความทรงจำที่อาจเป็นอันตรายต่อรัชทายาทที่รอดชีวิต คนพวกนี้อาจไม่ทรยศ แต่เขาไม่อาจรู้ได้ว่าจอมปีศาจที่จะกลับมานั้นมีความสามารถในการรีดความจริงขนาดไหน
ฉะนั้น คงจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาจะกันไว้ก่อน
วอร์ลอร์ดจึงลงมือลบล้างความทรงจำบางส่วนของคนเหล่านั้นและใส่ความทรงจำใหม่ที่สอดคล้องกับเรื่องที่เขาต้องการให้เป็นนั่นคือไม่มีรัชทายาทแห่งฟีอาร์เกลรอดชีวิตจากสงครามครั้งนี้
สิ่งที่อริงกาซัสทำต่อจากนั้นคือการแนะนำให้เหล่ากษัตริย์และทหารทั้งหลายจัดพิธีฝังศพให้กับผู้คนที่ตายลงและแยกย้ายกันยกกองทัพกลับไปยังดินแดนของตน หลังจากนั้นเขาก็หายวับไปทันทีที่พูดจบ ทุกคนดูจะชินซะแล้วกับการหายตัวไปอย่างปัจจุบันทันด่วนทุกทีที่พูดจบโดยไม่เปิดโอกาสให้ใครถามอะไรที่เขาไม่อยากตอบหรือพูดอะไรก็ตามแต่ที่เขาไม่อยากฟังหรือไม่ก็ไม่มีเวลาที่จะฟัง
-----------------++++++++++++++++++++---------------------+++++++++++++++------------------------
เอเลสซิลขี่ม้ามาถึงพระราชวังในที่สุด อาทิตย์อัสดงส่องแสงสีแดงฉานฉาบผืนฟ้าทั้งผืนให้เป็นสีแดงเข้ม เหมือนแผ่นดินฮาล์ฟแลนด์ที่อาบด้วยเลือดไม่มีผิด เขาเปล่งเสียงที่ค่อนข้างเหนื่อยอ่อนเรียกทหารยามที่เฝ้าประตูอยู่ซึ่งให้เขาเข้าไปทันทีที่เห็นหน้า แม้ว่าใบหน้าหยาบกร้านของทหารคนนั้นจะแสดงความแปลกใจอยู่บ้างที่ในเสื้อเกราะของเจ้าชายหนุ่มมีห่อผ้าที่ส่งเสียงร้องได้อยู่ด้วย แต่เอเลสซิลไม่สนใจสายตาใคร่รู้นั้น เขาขี่ม้าตัดผ่านสนามกว้างหน้าพระราชวังและกระโดดลงมาอย่างแผ่วเบาที่สุดเมื่อมาถึงหน้าหน้าประตูด้านใน
“ท่านแม่อยู่ไหน” เขาเอ่ยถามหญิงรับใช้คนหนึ่ง
“ห้องโถงใหญ่เพคะ” นางตอบ แววตาอยากรู้ปนตกใจมองมาที่ทารกที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนที่เปื้อนด้วยรอยเลือดสีดำของเอเลสซิล เขารู้สึกรำคาญสายตาแบบนี้เล็กน้อย แต่ก็รีบสาวเท้าไปตามโถงทางเดินอย่างเร่งรีบ เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ เขาก็พบพระราชินีนั่งอยู่สุดปลายห้อง กำลังเสวยพระกระยาหารอย่างเงียบ ๆ พระนางทิ้งส้อมและมีดจากมือในทันทีที่เห็นสภาพของเขาจนมันกระทบจานเสียงดัง
“โอ เอเลสซิล แม่ไม่รู้จะถามอะไรเจ้าก่อนดี มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันนี่” นางดูตกใจจนเกือบจะพูดไม่เป็นภาษา ปากคอสั่นระริกไปหมด นางเดินมาหาเขาด้วยความพยายามทั้งหมดที่จะทำให้การก้าวย่างนั้นมั่นคง เอเลสซิลประคองเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมแขนให้พระมารดาที่รับไปด้วยลำแขนอันสั่นเทา
“เด็กคนนี้---เป็นใครกัน” พระนางอลิซาเบธถามอย่างรวดเร็วแต่ค่อนข้างตะกุกตะกัก
“ริลวิลเซนต์ ฟีอาร์เกล เป็นลูกของท่านอาเอลด์เลนกับท่านอาวาเลนซ่าร์ครับ แต่-----แต่ว่า ทะ ทั้งสองพระองค์สวรรคตแล้ว” น้ำเสียงของเขาขาดห้วงและเบาโหวง ขอบตาเริ่มแสบร้อน เจ้าชายหนุ่มพยายามกะพริบตาถี่ ๆ
“ข้าไปช่วยท่านอาทั้งสองไม่ทันตอนที่มัน----”
“โธ่ เอเลสซิล เจ้าทำดีที่สุดแล้วนะ ไม่เป็นไร” นางไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากแววตาเจ็บปวดของลูกชายแล้วเขาคงไม่พร้อมที่จะเล่าในตอนนี้ จิตใจของเขายังสับสนและวุ่นวายเกินไป
“จริงสิ เอ้อ ท่านแม่ คือว่าท่านอาวาเลนซ่าร์ฝากจดหมายมาให้ท่าน อยู่ในผ้าอ้อมของริลวิลเซนต์น่ะครับ แต่ว่าท่านอาไม่ยอมให้ข้าอ่าน” เขาพยายามลืมเรื่องอื่น ๆ ไปก่อนในเวลานั้น
“อย่างนั้นหรือ ทำไมล่ะ ไหนขอแม่ดูซิ” นางหยิบจดหมายออกมาจากผ้าอ้อมของริลวิลเซนต์แล้วคลี่จดหมายออกอ่าน
ถึง อลิซาเบธ
ในที่สุดข้าก็ทำความผิดครั้งใหญ่ลงไป เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย ข้าได้สาปแช่งเฮอร์ล็อบหัวหน้าผู้ล่าวิญญาณว่ามันจะต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงซึ่งเป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ฟีอาร์เกล ข้าเชื่อว่ามันต้องฆ่าลูกข้าแน่ ที่จริงเด็กคนนี้เป็นผู้หญิงชื่อ ไซล์นีซีล ฟีอาร์เกล แต่ข้าบอกเอเลสซิลว่านางชื่อริลวิลเซนต์ ขอให้ท่านเลี้ยงลูกของข้าในนามของริลวิลเซนต์จนกว่าจะถึงเวลาที่ความจริงจะต้องถูกเปิดเผยด้วยเถิด
วาเลนซ่าร์
พระนางอลิซาเบธอ่านทวนลายมือที่ตวัดอย่างรีบเร่งและค่อนข้างจะขาดช่วงนั้นซ้ำหลายรอบก่อนที่จะวางจดหมายลง พยายามเรียบเรียงสถานการณ์
เด็กคนนี้เป็นผู้หญิง แต่ด้วยคำสาปทำให้ต้องปิดบังเรื่องทั้งหมด
นี่เราต้องปลอมตัวเด็กคนนี้เป็นผู้ชายหรือ
และในวินาทีที่นางกำลังสับสนอยู่นั้น ราวกับสวรรค์ทรงโปรด เมื่อหญิงรับใช้วิ่งเข้ามาบอกว่าวอร์ลอร์ดอริงกาซัสมาขอพบ พระราชินีพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด นางกำลังต้องการคำปรึกษา โดยเฉพาะคำปรึกษาของพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
พ่อมดในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มปรากฏตัวขึ้นในห้องโถง
“วอร์ลอร์ดอริงกาซัส” เอเลสซิลเรียกเสียงแผ่ว
“เจ้ารู้จักข้าด้วยเหรอ”
“ข้าเคยเห็นรูปท่านในหนังสือน่ะครับ”
“ยังไงก็แล้วแต่คงต้องขอให้เจ้าออกไปก่อนละนะ เอเลสซิล”
“ท่านรู้จักข้าด้วยเหรอ” เอเลสซิลทำตาโตเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
“ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้” พ่อมดขยิบตาให้
“เอาละ ยังไงก็ตาม ข้าอยากคุยกับแม่ของเจ้าเป็นการส่วนตัวนะ”
“ครับ” เอเลสซิลเดินออกไปจากห้องนั้น
อริงกาซัสหันมามองหน้าของอลิซาเบธ
“เจ้าคงรู้เรื่องของไซล์นีซีลแล้วนะ” เขาพูด ดวงตาสีดำชำเลืองไปยังกระดาษที่มีตัวอักษรสีแดงส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง
“ข้าจะทำยังไงดีท่านอริงกาซัส” นางถามอย่างร้อนรน
“เลี้ยงเขาในนามของริลวิลเซนต์ ไม่ต้องกังวล ข้าจะคอยช่วยเหลือเจ้าเท่าที่จะทำได้ เช่นลบความจำคนที่บังเอิญมารู้เข้า แต่ใช่แล้ว ข้าจะไม่ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายจริง ๆ ขึ้นมาหรอก นั่นเป็นเรื่องผิดกฎการใช้เวทมนตร์เช่นเดียวกับการชุบชีวิต แต่ข้าอาจต้องทำเป็นบางครั้งถ้าจำเป็น การแปลงร่างน่ะไม่ผิดหรอก แต่จะเปลี่ยนร่างอยู่เป็นสิบ ๆ ปีได้ยังไง จริงมั้ย เอาเป็นว่ามันเป็นผลเสียกับตัวเด็กและคนอื่น ๆ ด้วย ข้าเชื่อว่าเขาจะปลอดภัยอยู่ในวังนี้ แม้ว่าไอ้พวกพันธมิตรของคัสมาร์ที่ไม่ใช่ปีศาจจะยังลอยนวลอยู่บ้างก็เถอะ แต่เมื่อเขาอายุครบ 30 ปี เจ้าจะต้องส่งเขาและเอเลสซิลไปอยู่กับข้า เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเท่าเดอะไนท์ออฟไซดอนส์” พ่อมดร่ายยาว
“หมายความว่ายังไง ส่งไปอยู่กับท่าน”
“ให้เขาไปทดสอบเพื่อเข้าเป็นอัศวินฝึกหัดที่ K.S.น่ะสิ”
“เดอะไนท์ออฟไซดอนส์น่ะนะ แต่การสอบนี้มันยากมาก ถ้าพวกเขาไม่ผ่านล่ะ”
“เชื่อมั่นหน่อย อลิซาเบธ พวกเขาน่ะ เกิดมาเพื่อเป็นอัศวินโดยเฉพาะเลยล่ะ” พ่อมดหายตัวไปทันทีที่พูดเรื่องที่ต้องการจบตามแบบฉบับของเขา ทำให้อลิซาเบธไม่ได้ถามเรื่องที่ค้างคาใจ
เดอะไนท์ออฟไซดอนส์น่ะเป็นเหมือนหอรบ แล้วมันจะปลอดภัยได้ยังไง
แต่ช่างเถอะ นั่นมันอีกตั้ง 30 ปี
ราชินีก้มลงมองใบหน้าของเด็กน้อยในอ้อมแขนอย่างพินิจ
“ยินดีต้อนรับ พริ๊นซ์ริลวิลเซนต์ โรวิลครอฟ” นางพูดพร้อมกับมองเรือนผมสีทองและดวงตากลมโตสีม่วงกล้วยไม้สดใสของเจ้าชาย(หญิง) น้อยอย่างเอ็นดู
ความคิดเห็น