ตอนที่ 9 : TAPE EIGHT [100%]
“มินวูติดต่อกลับมาหรือยังครับ”
(ยังเลย นี่แม่ก็พยายามติดต่อกับเจ้าของสวนดอกไม้ แต่เขาบอกว่ามินวูมารับดอกไม้ออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้มินวูจะเป็นยังไงบ้าง ถ้าวันนี้มินวูไม่กลับมาบ้าน แม่ก็จะไปแจ้งความแล้ว)
“ถ้าได้เรื่องยังไงรีบโทรบอกผมด้วยนะครับ หรือถ้าจะให้ผมช่วยอะไร บอกผมได้ครับ”
(ขอบใจมากนะมาร์ค ถ้ามีอะไรคืบหน้าแม่จะบอกนะ)
“ครับ” มาร์ควางสายจากยองมินด้วยใบหน้าตึงเครียด ตอนนี้มันมีอารมณ์หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นในความรู้สึกของเขา
ความรู้สึกแรกเลยคือเขาอึดอัดกับเรื่องอดีตของเขาที่หายไป มาร์คตั้งใจจะไปพูดคุยกับมินวูเผื่อมินวูจะเล่าเรื่องบางอย่างที่เขาไม่รู้ให้ฟัง หลังจากได้นามบัตรมาเช้าวันต่อไปมาร์คก็รีบไปหามินวูที่ร้านเลย แต่ว่าก็ไปเก้อเพราะมินวูไปต่างจังหวัด
และความรู้สึกที่สองที่รู้สึกนั่นก็คือ กังวล เพราะวันที่เขาไปบ้านมินวู เขาไม่ได้พบมินวู แต่ได้พบกับยองมิน แม่ของมินวูแทน เธอบอกกับมาร์คว่าติดต่อมินวูไม่ได้หลายวันแล้ว ก็เลยอดเป็นห่วงไม่ได้ว่ามินวูจะเป็นอะไรหรือเปล่า คงจะต้องรอให้ถึงคืนวันนี้ ถ้ามินวูไม่ติดต่อกลับมาจริง ๆ มาร์คก็คงจะไปรับยองมินให้ไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งตามหาคนหาย
ร่างสูงผ่อนลมหายใจปัดเป่าอารมณ์เครียดพร้อมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นก็หันไปหยิบกล่องใส่เครื่องประดับกำมะหยี่มาถือไว้ เมื่อถือครบจำนวนแล้ว มาร์คก็เปิดประตูลงจากรถคันหรูของเขา
ตาคมเลื่อนสายตามองไปที่ประตูทางเข้าห้องเสื้อที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีการรอช้า เขารีบเดินขึ้นบันไดไปยังหน้าประตู ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าประตูกระจกครู่หนึ่งเพื่อสำรวจ
มาร์คสอดส่องสายตาเข้าไปข้างในเห็นแม่เขากำลังยืนพูดคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวสไตล์ที่ล้ำสมัย เดาไม่ยากว่านั่นจะต้องเป็นจีน่า ดีไซน์เนอร์ส่วนตัวของแม่เขา
คนตัวสูงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เป็นการปรับอารมณ์และความคิด ในตอนนี้เขากำลังสงสัยทุกอย่างในตัวแม่ของเขา แต่มาร์คก็ไม่อยากจะทำท่าทีเปลี่ยนไปจนแม่จับได้ อีกอย่างก็ไม่อยากจะสงสัย ถ้าแม่ไม่ได้ทำอะไรผิดขึ้นมา คนที่เสียใจที่สุดก็คงจะเป็นเขาที่เผลอไปคิดร้าย ๆ เมื่อปรับอารมณ์และความคิดได้แล้วก็จัดการมือดันประตูกระจกเพื่อเข้าไปข้างใน
การมาของมาร์คทำให้สองสาววัยกลางคนต้องหยุดพูดคุยกัน เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้าในห้องเสื้อเป็นมาร์คก็ทำคนเป็นแม่ยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก เธอรีบสาวเท้ามาหามาร์คพร้อมเอามือไปรับกล่องเครื่องเพชรที่เธอวานให้มาร์คเอามาให้
“ขอบใจมากนะลูก” มิเชลเอ่ยขอบคุณลูกชายพร้อมส่งยิ้มกว้าง มาร์คยิ้มตอบพร้อมเลื่อนสายตาไปมองตรงใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาด้วยความสงสัย เขาไม่คิดว่าจะมีคนอื่นนอกจากแม่ของเขาและน้าจีน่า “แบมแบมน่ะ มาลองชุดที่ตัดไว้”
มิเชลพูดกระซิบบอกมาร์คเพราะรู้ว่าลูกชายมีปัญหาเรื่องจำหน้าคน และคำพูดของมิเชลก็ทำแววตาของมาร์คที่มองแบมแบมด้วยสายตาเหมือนคนแปลกหน้าเปลี่ยนมาเป็นแววตาที่สดใส เหมือนอย่างกับเขากำลังดีใจที่รู้ว่าแบมแบมนั่งอยู่ตรงนั้น
แบมแบมไม่ทันได้สนใจมาร์คเพราะกำลังวุ่นอยู่กับการส่งงานให้เพื่อนในไอแพด จนเมื่อส่งงานเรียบร้อยจึงได้เงยหน้าขึ้นมามอง และเพียงแค่เห็นหน้าคนที่เกลียด ก็ทำคนตัวเล็กตกใจที่เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า
“แบมแบม ทำงานเสร็จแล้วใช่ไหม” มิเชลเอ่ยถามพร้อมส่งยิ้มกว้าง แบมแบมทำเพียงพยักหน้าและส่งยิ้มบางตอบกลับ ในขณะที่สายตาเลื่อนไปมองมาร์คด้วยความรู้สึกเกร็ง ยิ่งเห็นฝ่ายนั้นเดินมาใกล้ ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก “งั้นระหว่างที่รอช่างแก้ไซส์กางเกง หนูจะดูรูปที่หนูถ่ายแบบวันนั้นไหม”
คำพูดของมิเชลทำอาการเซ็งของแบมแบมหายไปปลิดทิ้ง คนตัวบางพยักหน้าถี่พร้อมส่งยิ้มสดใสให้มิเชล ทำคนมองอย่างมาร์คต้องคลี่ยิ้มออกมาทันที
“หนูชอบรูปไหนก็ติ๊กหัวใจไว้นะ เผื่อว่าน้าจะได้บอกให้ทีมงานใช้รูปที่หนูเลือกบ้าง” แบมแบมพยักหน้าตอบรับอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือไปรับไอแพดจากมิเชล แค่เห็นรูปแรกที่เปิดค้างไว้ก็ทำเจ้าตัวบางต้องรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น แบมแบมดีใจที่จะได้เห็นภาพที่เขาถ่ายแบบวันนั้น
“ฉันดูด้วยนะ” เสียงมาร์คทำแบมแบมสะดุ้งตกใจ เห็นเขานั่งลงข้าง ๆ ก็ตกใจมากขึ้นไปอีก ฝ่ายนั้นส่งยิ้มหวานให้จนเห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง เป็นรอยยิ้มที่แบมแบมไม่ไว้ใจเอาเสียเลย และยิ่งมาร์คโน้มตัวเข้ามาใกล้ยิ่งทำคนตัวบางอยากจะขยับตัวถอยห่าง แต่ก็ขยับหนีไม่ได้เพราะโซฟาที่นั่งดันแคบ ใจก็อยากจะลุกหนีแต่ก็ไม่กล้าทำเพราะกลัวมิเชลสงสัยว่าทำไมถึงเปลี่ยนที่นั่ง เพราะอย่างนั้นแบมแบมจึงทำได้แค่เพียงข่มอารมณ์และเลื่อนตากลับมามองรูปของตัวเองในไอแพด แม้ในใจจะรู้สึกอึดอัดก็ตาม
มาร์คแอบลอบมองแบมแบมเห็นเจ้าตัวบางนั่งเงียบไม่พูดไม่จา เขาก็พอรู้อยู่หรอกว่าแบมแบมรู้สึกอึกอัด แต่ก็อยากจะนั่งตรงนี้นาน ๆ เพราะโอกาสที่แบมแบมจะไม่ทำตัวเป็นม้าพยศมันหาได้น้อยมาก
ตาคมเลื่อนไปมองที่ใบหน้าของแบมแบม จ้องมองตั้งแต่ตาไล่ลงมายันจมูก และมาสะดุดที่ริมฝีปาก แค่มองก็ทำเขาต้องลอบกลืนน้ำลายแล้ว เขาคิดถึงจูบจากริมฝีปากอวบ คิดถึงสัมผัมนุ่ม ๆ และความสนุกตอนกัดริมฝีปากบนและล่างของแบมแบม ยิ่งตอนนี้เห็นแบมแบมกัดริมฝีปากของตัวเอง ก็ทำมาร์คยิ่งสร้างจินตนาการมากมายอยู่ในหัว
ตาของมาร์คไม่ได้หยุดมองแค่ตรงนั้น เขาเลื่อนไปมองที่ลำคอเรียว แล้วภาพวันวานที่เขาหอมจูบก็วนเข้ามาทำให้เขาคิดถึง และการที่แบมแบมใส่เสื้อคอกว้างอีกทั้งนั่งไม่ระวังแบบนั้น มันทำให้เขามองไปถึงไหนต่อไหน
ให้ตายเถอะ! ก็รู้ว่านั่นหน้าอกผู้ชาย แต่ทำไมถึงกระตุ้นอารมณ์ได้มากมายขนาดนี้ มาร์คกำลังคำรามในใจ
“แบมแบม กางเกงแก้เสร็จแล้ว” เสียงจีน่าดังขึ้น แบมแบมละสายตาจากการมองหน้าจอไอแพดไปมองตามเสียง “หนูลองไปเปลี่ยนดู ใส่ครบชุดออกมาให้น้าดูเลยนะ”
แบมแบมพยักหน้าตอบรับพร้อมวางไอแพดลงบนโต๊ะตรงหน้า และในจังหวะนั้นก็ทำให้แบมแบมเพิ่งได้รู้ตัวว่ากำลังถูกมาร์คมองอยู่ แบมแบมหันไปสบตาเขา เห็นฝ่ายนั้นส่งยิ้มมุมปากให้ก็รีบลุกหนีทันที เจ้าตัวบางไม่รอให้ตัวเองโชว์แก้มแดง ๆ ออกมา รีบไปรับกางเกงจากมือจีน่าและพาตัวเองไปหลบการถูกมองในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่หลังราวเสื้อผ้าที่ลับสายตาผู้คน
ทันทีที่ปิดม่าน แบมแบมก็รีบเอามือมากุมหัวใจตัวเอง ไม่รู้ทำไมหัวใจมันเต้นแรงมาก ๆ อีกทั้งยังรู้สึกร้อนกายวูบวาบ อีกแล้วที่ภาพใบหน้าของมาร์คลอยเข้ามาในหัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาพของมาร์คตามหลอกหลอน ตั้งแต่ที่มีอะไรกันครั้งล่าสุด แบมแบมก็ไม่สามารถสลัดภาพในกระจกเงาที่ตัวเองเห็นได้เลย ภาพนั้นปรากฏขึ้นทีไร ก็หายใจไม่ออกไปเสียทุกรอบ
แบมแบมสะบัดหัวสองสามทีเพื่อให้ตัวเองเอาภาพของมาร์คออกจากหัวไปเสียที จากนั้นก็หันไปแขวนเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนไว้กับราว เมื่อมือว่างที่จะถอดเสื้อผ้าแล้ว แบมแบมก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด จนตอนนี้เหลือกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว
มือเรียวหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาใส่ก่อนเป็นชิ้นแรก ตาหวานจับจ้องตัวเองในเงากระจกอีกครั้ง กำลังจะยกมือขึ้นมามาปิดกระดุมเสื้อ ก็ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างเมื่อเห็นร่างของมาร์คปรากฎอยู่ในกระเงา
ร่างสูงพาตัวเองเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า การมาของเขาทำเจ้าตัวบางตกใจไม่น้อย แบมแบมกำลังจะอ้าปากด่ามาร์คที่เขาเข้ามาในห้องแต่งตัวแบบไม่บอกกล่าวอีกแล้ว แต่ก็ไม่ทันได้ส่งเสียงเพราะฝ่ายนั้นเข้ามาปิดปากเสียงก่อน และเพียงมาร์คเอาหน้าเข้ามาใกล้ก็ทำแบมแบมสูญเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะ
มาร์คดันร่างแบมแบมไปชิดกับชั้นไม้ขอบบางที่ติดกระจก จากนั้นเขาก็เอามือที่ปิดปากแบมแบมมาอุ้มคนตรงหน้าให้ขึ้นนั่งกับแผ่นไม้อันนั้น สายตาของเขาที่จ้องมองมาทำให้แบมแบมรู้สึกร้อนเหมือนโดนเผาไปทั้งร่าง แม้แต่การหายใจก็ไม่สามารถควบคุมให้มันปกติได้เลย
“ค…คุณทำอะไร!” แบมแบมพยายามดึงสติตัวเองพร้อมยกมือเตรียมจะผลักมาร์คออกเต็มแรง แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามไว้กว่า เขาจับข้อมือทั้งสองของแบมแบมไว้พร้อมนำมือเรียวมาโอบคอตัวเองไว้แทน
“ถ้าไม่อยากให้คนเปิดม่านมาดู ก็ห้ามส่งเสียง”
มาร์คเริ่มจูบของเขาด้วยจูบที่แสนเร้าร้อน เขาบดขยี้ริมฝีปากอวบด้วยความหื่นกระหาย ส่วนคนถูกบุกก็ปล่อยตัวให้เขานำลิ้นเข้ามาในโพรงปากได้อย่างง่าย แบมแบมรู้สึกร้อนไปทั้งใบหน้า ร่างกายของเขามันตอบสนองความต้องการบางอย่างที่ไม่ควรรู้สึก อีกแล้วที่ภาพในเงากระจกฉายซ้ำในโสตความทรงจำให้แบมแบมร้อนวูบไปทั้งใบหน้ามากกว่าเก่า
การที่แบมแบมยอมให้มาร์คมอบจูบให้โดยไม่ทำท่าทีพยศ ทำให้มาร์คแอบพอใจเล็ก ๆ มือหนาลูบไล้ผิวเนียนตรงช่วงอกอย่างเบามือ จากนั้นก็เลื่อนไปต่ำลงไปที่เอวก่อนจะเอาแขนโอบรัดคนตัวบางให้ร่างแนบชิด ทั้งสองยังคงจูบตอบกันอยู่เนิ่นนาน แต่สุดท้ายก็มีคนยอมหยุดมอบจูบที่แสนหอมหวานครั้งนี้
มาร์คถอนหน้าออก ตาของเขาจับจ้องใบหน้าคนตรงหน้าด้วยสายตาที่หวานหยอดย้อย แน่นอนว่าความต้องการของเขาไม่ได้หยุดแค่ตรงนี้แน่ แต่ที่เขาต้องรีบถอยออกห่างก่อนเพราะกลัวตัวเองจะสิ้นสติทำอะไรคนตรงหน้าก่อน และยิ่งอยู่ในที่แบบนี้ยิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง ส่วนแบมแบมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองไม่ควรจะปล่อยตัวไปจึงรีบเอาแขนออกจากการโอบคอมาร์คและรีบเอามือดันตัวเขาออก พร้อมก้มหน้าหลบสายตา ตอนนี้เจ้าตัวบางเริ่มรู้สึกตัวแล้วล่ะว่าตัวเองเผลอตัวไปมากขนาดไหน
“รีบแต่งตัวเถอะ ฉันจะไปรอข้างนอก” แค่ได้จูบให้หายคิดถึงก็พอใจแล้ว มาร์คคิดแค่นั้น
ร่างสูงใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้าแค่รวดเดียว มองเรือนร่างที่ส่วนงามนั้นในสภาพที่เสื้อผ้าน้อยชิ้นก็ทำมาร์คกระตุกยิ้ม สายตาของเขาทำคนถูกมองหน้าแดงมากกว่าเก่า แต่ก็โชคดีของแบมแบมที่มาร์คไม่ได้แกล้งผ่านทางสายตานานนัก เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงม่าน พร้อมโผล่หัวออกไปดูว่ามีใครอยู่แถวนี้ไหม เมื่อทางโล่งไร้ผู้คนเขาก็เดินออกไปโดยที่จะไม่ลืมปิดม่านให้แบมแบมอย่างเรียบร้อย
เมื่อได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วแบมแบมก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นมาลูบที่หน้าอกก็รับรู้ได้ว่ามันเต้นแรงมาก ๆ แต่อย่างไรก็ตามแต่แบมแบมไม่อยากจะคิดว่านี่คืออาการเต้นเพราะรู้สึกดี ก็รู้อยู่เต็มอกว่าเกลียดเขามากขนาดไหน ไม่มีทางหรอกที่มาใจเต้นเพราะหวั่นไหว
แต่อีกครั้งที่ภาพคืนที่อยู่ด้วยกันครั้งล่าสุดปรากฏขึ้นในหัวให้แบมแบมร้อนรุ่ม ไม่รู้ว่าโดนคำสาปหรือยังไงนะ ถึงถูกสะกดให้คิดถึงช่วงเวลานั้นอยู่ตลอดเวลา และแบมแบมเองก็ไม่ชอบความรู้สึกนี้ของตัวเองเลยสักนิด
.
.
.
.
.
.
07:19 P.M.
BAMBAM’S PART
ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงนอนของตัวเองอย่างหมดสภาพ วันนี้เป็นวันแห่งความวุ่นวายและว้าวุ่นที่สุด และความวุ่นวายของผมมันเกิดขึ้นก็ตอนที่ไอ้มาร์คโผล่หน้ามา คิดย้อนกลับไปก็โมโหชะมัดที่มันเข้ามาในห้องแต่งตัวของผม แถมยังทำพฤติกรรมแย่ ๆ กับผมอีก แต่ไอ้ที่น่าหงุดหงิดกว่าก็คือผมนี่แหละที่ไม่ปกป้องตัวเอง แถมยังทำตัวน่าอายโดยการจูบตอบมัน
ส่วนที่รู้สึกว้าวุ่นอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ผมรู้สึกสติมันไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร ในหัวของผมมันมีแต่ภาพคืนวันนั้น… ภาพในกระจกเงา ภาพนั้นมันไม่สามารถสลัดออกจากหัวของผมได้จริง ๆ พอคิดถึงทีไร มันก็รู้สึกมวนท้องอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังรู้สึกคอแห้งแปลก ๆ เมื่อไรไอ้ภาพบ้า ๆ นั่นมันจะหลุดไปออกจากหัวของผมสักที
แต่ว่าเรื่องเซ็ง ๆ มันไม่ได้หมดแค่นั้น! หลังจากที่ผมลองเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เมื่อไม่มีอะไรที่ต้องแก้อีก ผมกับคุณมิเชลเราก็ต่างจะบอกลากัน แต่จู่ ๆ ไอ้บ้ามาร์คมันก็พูดมาว่า ‘เราแวะไปส่งน้องที่บ้านดีไหม’บอกตรง ๆ ว่ามันเล่นทำผมเหวอจนทำตัวไม่ถูก และคุณมิเชลก็ดันเห็นด้วยกับความคิดของลูกชายตัวเอง เธอเอ่ยปากว่าจะไปส่งผมที่บ้าน ผมปฏิเสธกลับไปแล้วเพราะผมไม่อยากให้ไอ้มาร์ครู้ที่อยู่ แต่มันก็ไม่ได้ผลเพราะว่าการที่คุณมิเชลรู้ว่ารถผมเสีย เธอยิ่งพยายามรบเร้าขอจะไปส่งให้ได้ เราเถียงกันอยู่นานจนท้ายที่สุดผมก็เป็นคนพ่ายแพ้
ผมต้องจำใจเปิดเผยที่อยู่ให้ไอ้มาร์ครู้ ผมไม่รู้ว่านี่เป็นแผนอะไรของมันหรือเปล่า และผมก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างมันจะแค่อยากมาส่งเฉย ๆ มันต้องมีแผนอะไรแน่ แต่ก็โชคดีที่วันนี้คุณมิเชลนั่งรถมาด้วยกัน ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยตลอดทางที่กลับบ้าน ผมบอกลาคุณมิเชลเรียบร้อยก็รีบพาตัวเองเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังชั้นดาดฟ้าที่เป็นบ้านของผม
นั่นแหละครับ... เพราะรู้ว่ามันรู้ที่อยู่บ้านแล้วมันทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ทำไมความรู้สึกของผมตอนนี้มันช่างน่าสับสน จะบอกว่ากลัวมันแวะมาหามันก็ไม่ใช่ แต่มันกลับรู้สึกเหมือนตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
จะตื่นเต้นอะไร!!! ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเลย!!มีแต่เรื่องน่าหัวเสียต่างหาก! โอ๊ยยยยยย!!!จะประสาทตายอยู่แล้ว!!
เพราะหัวเสียกับความคิดตัวเองผมถึงได้กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ผมเกลียดที่ตัวเองรู้สึกบ้าบอแบบนี้ ผมเกลียดไอ้มาร์ค และขยะแขยงมัน แต่ทำไมเรื่องของมันถึงวนเวียนอยู่ในหัวของผมไม่เลิกแบบนี้
อ๊อดดดด!
เฮ้ย! ใครกดออ๊อดวะ!!
ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งและจ้องมองประตูบ้านตัวเองด้วยใจที่เต้นรัว ใครวะจะมาหาผมตอนนี้ คนที่รู้ที่อยู่บ้านผมก็มีครอบครัวผม ไอ้ยูคยอม เพื่อนที่ทำงานที่สนิทกัน และก็…
ไม่หรอกน่ะ ไอ้มาร์คมันคงไม่มาหรอก มันจะมาทำไมกัน และอีกอย่างมันเพิ่งส่งผมเอง มันจะขยันกลับมาหาผมงั้นเหรอ บ้า! ไม่มีทางหรอก
อ๊ออดดด!
เสียงกริ่งดังอีกครั้งทำผมต้องลอบกลืนน้ำลาย หัวใจของผมก็ยังเต้นแรง ไม่รู้ว่ามันตื่นเต้นเรื่องอะไร ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้จริง ๆ
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดประตูก่อนที่เสียงกริ่งจะดังเป็นครั้งที่สาม สายตาของผมจับจ้องไปที่จอ LCD ที่ฉายภาพว่าใครที่มากดกริ่งหน้าบ้านผม ผมพยายามเพ่งมองก็มองไม่ออก เพราะไอ้คนที่อยู่ในจอมันใส่หมวกปิดหน้าปิดตา และจากมุมกล้องที่เห็นตอนนี้ก็บอกลักษณะตัวได้ไม่ชัดเจน อาจจะเป็นเพื่อนผมที่เป็นคนดังมันเลยต้องใส่หมวกปิดหน้าปิดตาเพราะกลัวแฟนคลับเห็น ใช่!ต้องเป็นเพื่อนผมแน่ ไม่มีทางเป็นไอ้มาร์คหรอก
แล้วในที่สุดผมก็ยอมเปิดประตูเสียที และทันทีที่สายตาได้ประสานกับสายตาแขกที่มาหา ก็ทำผมนิ่งไปชั่วขณะ
“มาส่งของให้ใช้” ไอ้มาร์คพูดพร้อมยื่นถุงกระดาษใบเล็กให้ผม แถมยังทำยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ด้วย ส่วนผมอึ้งไปชั่วครู่ เพราะนอกจากจะตกใจที่มันย้อนกลับมาหาผมที่บ้านอีกครั้ง ยังงงว่ามันเอาอะไรมาให้ และการที่ผมเอาแต่จ้องหน้ามัน ไอ้มาร์คจึงทำเขย่าถุงกระดาษเป็นการปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมยื่นมือไปรับด้วยใบหน้านิ่ง แต่บ้าเอ๊ย! ทำไมใจผมเต้นแรงแบบนี้วะ รำคาญตัวเองโว๊ย!!
ผมหลุบตามองถุงกระดาษที่รับมา และทันทีที่ผมได้เห็นก็ทำผมต้องเบิกตากว้างด้วยอาการช็อก น…นี่มันอะไรกัน
“ทุเรศ!” ผมด่าไอ้มาร์คทันทีที่ได้เห็นของในนั้น พร้อมยื่นถุงคืนมัน แต่ไอ้มาร์คมันไม่ยอมรับคืน มันทำกอดอกไว้เหมือนป้องกันไม่ให้ผมคืนของได้
และที่ผมด่ามันว่าทุเรศเพราะของที่อยู่ในถุงนั่นเป็นถุงยางอนามัยจำนวนไม่น้อย และก็มีเจลล่อลื่นด้วย นิสัยไม่ดี น่าเกลียด กล้าเอาของแบบนี้มาให้คนอื่นได้ยังไงกัน!
“ใจคอจะไม่ชวนฉันเข้าบ้านหน่อยหรือไง” หน้าด้าน พูดออกมาได้ยังไง!
“คุณก็รู้ว่าผมเกลียดคุณ ทำไมถึงกล้าพูดเหมือนอย่างกับผมอยากจะเชื้อเชิญคุณเข้าบ้าน”
“ก็คิดว่ารักฉันแล้วซะอีก ถึงได้จูบตอบฉันแบบนั้น” มันยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นการแซวผม และนั่นทำผมแทบไม่กล้าสบตามันเลยด้วยซ้ำ น่าอายชะมัด!
“ความรู้สึกของผมไม่มีทางเปลี่ยนไปแน่ รู้แล้วก็ควรเลิกวุ่นวายกับผมสักที” ผมพูดไปน้ำเสียงแข็ง แต่แปลกที่ครั้งนี้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมพูดมันไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกทั้งหมดของผม และที่แปลกกว่านั้น… ทำไมผมจะต้องลุ้นว่าไอ้มาร์คจะตอบกลับมาว่าอะไร ผมไม่ควรสนใจมันไม่ว่ามันจะตอบว่าอะไรก็ตาม นี่ผมกำลังเป็นอะไรไป…
“นายไม่มีสิทธิ์มาร้องเรียกความอิสระ ในเมื่อนายได้เริ่มเกมไปแล้ว ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกจากเกมนี้” น่าแปลกอีกแล้วที่ผมรู้สึกว่าไอ้มาร์คมันไม่ได้พูดด้วยความเครียดแค้น สายตาที่มันจ้องมองมาที่ผม มันทำให้ผมรับรู้ถึงความอ่อนแอบางอย่าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันจะจ้องมองผมด้วยสายตาที่ต้องการเอาชนะ
คงไม่ใช่แค่ผมที่เปลี่ยนไปสินะ… ไอ้มาร์คก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
“และฉันก็เชื่อว่านายคงอยากจะคุยกับฉัน ไม่งั้นนายก็คงจะไม่มายืนคุยกับฉันอยู่แบบนี้หรอก ถ้าเป็นเมื่อก่อนนายคงจะปิดประตูใส่หน้าฉันแล้ว” สิ้นสุดคำพูดของมาร์คผมก็รีบถอยตัวกลับเข้าไปในบ้านเพื่อปิดประตูใส่หน้ามันตามที่มันพูดออกมา แต่ทว่ายังไม่ทันได้ปิดประตู ไอ้มาร์คก็เอามือดันประตูไว้ และในจังหวะนี้ผมพลาดเพราะตอนนี้มันเข้ามาในบ้านของผมได้เรียบร้อยแล้ว
“ผมยังไม่อนุญาตให้คุณเข้ามา คุณเข้ามาทำไม” ผมถามพร้อมลอบกลืนน้ำลาย ของที่มันให้ผมมากับการกระทำของมัน ทำให้ผมอดคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้จริง ๆ
“หิว” มันพูดเพียงสั้น ๆ พร้อมใช้สายตาสำรวจร่างผม และนั่นทำให้ผมต้องเดินถอยหลังหนีมันทันที รู้สึกตัวเองไม่ปลอดภัยเพราะสายตาของมันนี่แหละ
“นี่มันบ้านของผมนะ หยุดคิดที่จะทำเรื่องทุเรศ ไม่งั้นผมจะแฉคุณแน่” ผมขู่มันเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย แต่พูดไปแล้วมันไม่ได้ทำท่าทีว่ากลัวผมเลยสักนิด แถมยังทำกวนประสาทโดยการส่งยิ้มให้อีก บ้าเอ๊ย! เพราะมันมีคลิปผมสินะ ถึงได้ลอยหน้าลอยตาได้ขนาดนี้
“ทะลึ่งนะนาย ฉันบอกว่าหิว ก็แค่หมายถึงหิวข้าว คิดไปถึงไหนเนี่ย” จะไม่ให้คิดได้ยังไงวะ ก็มันตั้งใจให้ผมคิดเพราะมันใช้สายตาทะลึ่ง ๆ แบบนั้นมองผม! “ทำอะไรให้กินหน่อยสิ”
“หิวก็ไปร้านอาหาร บ้านผมไม่ใช่ร้านอาหาร ออกไป” ผมพูดเสียงแข็ง และผมก็ไม่เคยทำให้มันรู้สึกกลัวได้เลยสักครั้ง ผมเบื่อที่ตัวเองต้องตกอยู่ใต้อำนาจของมันอยู่เรื่อย
“ถ้านายไม่ทำอะไรให้ฉันกิน ฉันก็จะ…” ไอ้มาร์คยิ้มมุมปากพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรบางอย่าง และไม่นาน…
‘อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ’
เสียงครางของผมก็รอดผ่านลำโพงโทรศัพท์ของมัน เพียงแค่นั้นก็ทำผมร้อนวูบไปทั้งใบหน้ารวมทั้งใบหูด้วย ในตอนนี้ผมทั้งโกรธและในขณะเดียวกันก็รู้สึกอาย ภาพคืนวันนั้นมันย้อนกลับมาในหัวของผมอีกแล้ว
“อยากแชร์ให้คนอื่นดูไหม” ผมเกลียดมัน!!
ท้ายที่สุดผมก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ ผมเดินไปโซนครัวพร้อมหยิบหม้อทำเสียงดังกระแทกตามอารมณ์ของตัวเอง หันไปมองหน้ามันแวบนึงก็เห็นไอ้มาร์คส่งยิ้มพร้อมส่งเสียงหัวเราะที่ทำผมอารมณ์โกรธพุ่งปรี๊ด มันนั่งลงตรงโต๊ะทานข้าว ส่วนผมทำอะไรได้นอกจากจะต้องทำอะไรให้มันกินเพื่อรักษาชื่อเสียงอันน้อยนิดของตัวเองไว้
แต่เอ๊ะ… มันมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของผมได้ยังไง ถ้าผมทำให้มันกินแบบรสชาติกินไม่ได้ล่ะ คงจะสะใจดี
“ถ้าคิดจะแกล้งฉันผ่านรสชาติอาหาร ขอเตือนไว้ก่อนว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดี” มันรู้ได้ยังไงว่าผมกำลังคิดอะไร!!! “และฉันว่ารูปที่นายถ่ายลงนิตยสารดูดีไม่น้อยเลยนะ คนน่าจะสนใจในตัวนายเยอะเลย”
“คุณจะพูดเพื่ออะไรกัน!” ผมหันไปตวาดด้วยความหงุดหงิด นอกจากจะหงุดหงิดที่ต้องทำอาหารให้มัน ยังหงุดหงิดที่โดนมันพูดดักแบบนั้น!
“ก็แค่พูดชมเฉย ๆ ยังไงก็… ทำให้อร่อย ๆ ล่ะกันนะ” ไม่หันไปมองหน้าไอ้มาร์คก็พอจะรู้ว่ามันคงจะทำยิ้มกวนประสาทผม หัวร้อนชะมัด!!
.
.
.
.
.
10:19 P.M.
ในตอนนี้ผมได้แต่นั่งทำหน้าบูดมองดูไอ้มาร์คกินรามยอนอย่างเอร็ดอร่อย ดีนะที่ผมกินอิ่มมาก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะต้องรู้สึกเสียฟอร์มมากแน่ถ้าต้องมานั่งท้องร้องให้ไอ้มาร์คได้ยิน มันนี่บังคับผมได้ทุกอย่างจริง ๆ ตอนแรกบังคับให้ผมไปทำอาหารให้กิน ตอนนี้ก็มาบังคับให้ผมนั่งเฝ้ามันอีก มันน่าอึดอัดทุกครั้งเวลาที่มันมองมาที่ผม และตอนที่มันยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไรสักอย่างมันทำให้ผมอยากจะหันหลังไม่ให้มันได้เห็นหน้าของผม
“คิดว่าทำหน้าบูดแล้วจะทำให้ฉันรู้สึกแย่เหรอ” มันถามน้ำเสียงกวน
“ผมไม่ได้ทำเพื่อแสดงใส่คุณ แต่ผมทำเพราะผมรู้สึกจริง ๆ ผมเบื่อที่จะนั่งอยู่ตรงนี้”
“พูดแล้วคิดว่าฉันจะปล่อยนายไปงั้นเหรอ”
“ผมไม่ได้พูดเพื่อให้คุณปล่อยผมไป แต่ผมพูดเพราะอยากให้คุณรู้ว่าผมเบื่อที่จะเห็นหน้าคุณ!” ไอ้มาร์คก็ยังหน้าด้านอยู่เหมือนเดิม มันไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับคำด่าของผม มันปล่อยเสียงหัวเราะพร้อมวางตะเกียบลงเป็นการบอกว่ามันอิ่มแล้ว
“งั้นฉันจะปล่อยให้นายได้เดินเล่นก็ได้” นี่มันใช่คำพูดที่ควรจะมาพูดกับเจ้าของบ้านไหมวะ!! “ไปเตรียมชุดนอนให้หน่อย ฉันจะอาบน้ำ”
“ด…เดี๋ยว! ใครอนุญาตให้คุณอาบน้ำบ้านผมไม่ทราบ อยากอาบก็กลับไปอาบที่บ้านคุณสิ” แล้วที่มันบอกให้เตรียมชุดนอน อย่าบอกนะว่ามันจะค้างกับผม ใครอนุญาตชวนมันนอน!!! ใคร!!!
“ก็ฉันจะนอน”
“หน้าด้าน เจ้าของบ้านเขาไม่ได้ชวนยังจะกล้านอนเหรอ”
“อย่าพูดทำเป็นเหินห่างกันนักสิ อย่าลืมนะว่านายเป็นเมียฉันแล้ว” คำพูดของมันทำผมร้อนวูบไปทั้งใบหน้าและนอกจากนั้นหัวใจก็เต้นรัว ไอ้บ้าเอ๊ย! ทำไมผมต้องมารู้สึกประหลาดแบบนี้ด้วย
“ผมไม่ใช่เมียคุณ”
“หรือต้องให้ฉันเปิดคลิปยืนยันว่าฉันเป็นผัวของนายหรือยัง” ไอ้มาร์คทำยิ้มเจ้าเล่ห์โชว์เขี้ยวทั้งสองข้าง ผมรู้สึกโกรธและในขณะเดียวกันก็รู้สึกมวนท้องแปลก ๆ ไอ้หัวใจบ้ามันก็เต้นแรงแบบไม่ควรจะเป็น
“ผมยอมรับว่าผมมีเซ็กซ์กับคุณ แต่ผมไม่เคยยอมรับว่าผมเป็นเมียของคุณ เพราะผมไม่เต็มใจ!!”
“ใช่เหรออออ” มันทำหน้ากวนประสาทเหมือนไม่เชื่อคำพูดของผมพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดคลิปคืนนั้น และนั่นทำให้ผมต้องรู้สึกอายมากกว่าเก่า คราวนี้ผมเห็นทั้งภาพและเสียงพร้อมกัน ในคลิปนั่นมันไม่ควรให้ใครเห็นเลยจริง ๆ เพราะในคลิปมันเห็นหน้าของผมเต็ม ๆ “ก็ดูนายจะครางดูมีความสุขดีนะ”
น่าโมโหชะมัด กร็อซซซซ!!! ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ผมไม่น่าหาเหาใส่หัวให้ตัวเองตั้งแต่แรกเลย!!!
“เร็ว ๆ ไปหาชุดนอนมาให้ฉัน”
“ไม่! ผมไม่ให้คุณนอน” ผมรีบค้านกลับทันที
“ก็ได้ งั้นฉันจะเดินแก้ผ้าออกมาจากห้องน้ำเลยล่ะกัน” ไอ้มาร์คพูดพร้อมลุกขึ้น
“ทุเรศ!! หยุดทำพฤติกรรมแย่ ๆ ในบ้านคนอื่นซะทีเถอะ”
“ทุเรศตรงไหน ของเคย ๆ เห็นกันทั้งนั้น” พูดจบไอ้มาร์คก็ถอดเสื้อยืดของมันแล้วโยนทิ้งใส่หัวของผม ทำเอาผมอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วครู่ ผมรีบดึงเสื้อไอ้มาร์คออก ก็เห็นมันกำลังเดินไปทางห้องน้ำของผม
ไอ้คนนิสัยทราม! ทำตัวน่ารังเกียจ มารยาทก็ไม่มี คนอย่างมันทำไมต้องมีคนชอบด้วยวะ ก็เห็นอยู่ว่ามันไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกของมัน!
“เดี๋ยวก่อน!! ผมจะเอาผ้าขนหนูให้!!”
อีกครั้งที่ผมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ไอ้มาร์คหยุดเดินและหันส่งยิ้มที่เหมือนเป็นการเย้ยผมนิด ๆ ว่ามันชนะ ผมก็ไม่ได้อยากจะทำตามที่มันพูดหรอก แต่ก็พอจะรู้นิสัยของมันดีว่าที่มันพูดว่าจะเดินแก้ผ้าออกมามันคงจะทำจริงแน่ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเห็นมันโป๊มาแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่อยากจะเห็นอีก สงสารตาตัวเอง!
“ขอบคุณครับ” มันพูดขอบคุณผมตอนที่ผมยื่นผ้าขนหนูให้มัน แถมยังส่งยิ้มแซวผมอีก เพราะงั้นผมเลยทำหน้าบูดใส่มัน แม้ว่าใจผมกำลังเต้นแรงขนาดไหนก็ตาม “เดี๋ยวพี่จะรีบอาบน้ำให้ตัวหอม ๆ เลย รอก่อนนะครับ”
“ไม่ต้องมาพูดจาเลี่ยน ๆ ฟังแล้วมันจะอ้วก!” ผมด่ามันพร้อมรีบหันหน้าหนี บ้าเอ๊ย! ทำไมใจผมมันเต้นแรงแบบนี้ ผมต้องรู้สึกโกรธให้มากกว่านี้สิ นี่ผมเป็นบ้าอะไรกัน
“หูแดงหมดแล้ว เขินก็บอก”
“ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก!!” ผมตวาดใส่ไอ้มาร์คเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ประหลาด และไอ้บ้านั่นก็ประสาท โดนผมตวาดขนาดนี้ยังกล้าหัวเราะอีก มันส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ผมก่อนจะยอมปิดประตูห้องน้ำ นั่นจึงทำให้ผมได้อยู่กับตัวเอง
ผมทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาอย่างเหน็บเหนื่อย ไม่คิดว่าการคุยกับไอ้มาร์คจะทำให้ผมเหนื่อยได้ขนาดนี้ นี่ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าหลังจากไอ้มาร์คออกมาจากห้องน้ำมา ผมจะต้องมีเรื่องหัวร้อนสักกี่เรื่อง แล้วที่มันบอกให้ผมเตรียมชุดนอน… มันไม่ได้หมายความว่าจะค้างที่นี่ใช่ไหม
มันจะหน้าด้านไม่รับฟังคำพูดของผมจริง ๆ เหรอ ทั้งที่ผมบอกไม่ให้นอนมันก็ยังทำเป็นหูทวนลมทำตามใจตัวเอง ไม่แปลกเลยที่ผมจะเกลียดมันมากขนาดนี้
ความเงียบเริ่มเข้ามาครอบงำพื้นที่ที่ผมอยู่ มันเงียบจนผมได้ยินเสียงจากฟักบัว และในจังหวะนั้นสายตาของผมก็เลื่อนไปโฟกัสที่ถุงกระดาษใบเล็กที่ไอ้มาร์คยื่นให้ผมตอนเจอกันประตูบ้าน ความคิดหลาย ๆ อย่างเริ่มไหลมาในหัวผม แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกกลัวกับสิ่งที่ตัวเองคิด ในขณะเดียวกันกลับรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาแปลก ๆ
นี่ผมกำลังจะยอมให้มันถ่ายคลิปแบล็กเมล์ผมอีกครั้งงั้นเหรอ
.
.
.
.
.
.
แบมแบมเดินไปหยิบเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มมาวางไว้บนโต๊ะใกล้ประตูห้องน้ำ เป็นการเตรียมเสื้อผ้าให้มาร์คใส่กลับบ้าน ระหว่างนั้นก็พยายามข่มสติอยู่ให้เลิกคิดเรื่องถุงกระดาษของมาร์คแต่มันก็ไม่ช่วยทำให้เจ้าตัวบางเลิกคิดได้เลย ความสับสนเกิดขึ้นมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าที่ตัวเองใจเต้นแรงอยู่นี่เพราะกำลังตื่นเต้นกับค่ำคืนนี้ ในหัวอดคิดไม่ได้ว่าที่มาร์คมาต้องมาทำเรื่องอย่างว่าแน่ ๆ ทั้งที่ผ่านมาเกลียดจนไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้า แต่ทำไมใจเจ้ากรรมถึงเต้นแรงเหมือนกำลังตื่นเต้นและเฝ้ารอช่วงเวลาที่แสนหอมหวานนั่น พอรู้ว่าตัวเองคิดไม่เข้าท่าเอามาก ๆ แบมแบมก็รีบเอามือตบหน้าตัวเองเบา ๆ เป็นการเรียกสติ จากนั้นก็รีบเดินไปหยิบ Macbook ขึ้นมาทำงานของตัวเอง หัวสมองจะได้ไม่ว่างคิดเรื่องของมาร์ค
ตากลมจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ การที่ให้หัวสมองโฟกัสแต่เรื่องงานมันช่วยทำให้แบมแบมมีสติมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นหูก็ดันฟังเสียงน้ำที่ดังมาจากห้องน้ำ ฟังไปเพลิน ๆ ก็ต้องสะดุ้งนั่งหลังตรงเมื่อเสียงน้ำนั้นหายไปแล้ว และนั่นทำให้แบมแบมต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกประหม่า จู่ ๆ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกทั้งที่นั่งอยู่ในบ้านของตัวเอง
มาร์คเปิดประตูห้องน้ำออกมาด้วยสภาพเปียกโชกทั้งตัว ตาคมจับจ้องไปที่คนตัวบางที่กำลังนั่งหันหลังให้ มองแค่นั้นก็ทำเขาต้องหลุดยิ้มออกมาทันที
“เสื้อผ้าวางอยู่ตรงนั้น ใส่แล้วก็กลับบ้านไปซะ” แบมแบมพูดโดยไม่หันไปมองแม้แต่นิดเดียว เขากำลังแสดงความเย็นชาให้มาร์คเห็นแม้ว่าหัวใจกำลังเต้นแรงมากขนาดไหน แต่คิดเหรอว่าน้ำเสียงแดกดันนั้นจะทำให้คนตัวสูงรู้สึกสลด มาร์คแต้มยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าแม้คนตัวเล็กจะไม่เห็นก็ตาม
มาร์คไม่ตอบอะไรกลับไป เขานำผ้าขนหนูเช็ดกายจนแห้งแล้วก็ทำการใส่เสื้อผ้าตามที่คนตัวเล็กสั่ง แต่เขาไม่ได้ทำตามคำสั่งของแบมแบมทุกอย่าง เพราะเขาไม่ยอมกลับบ้านง่าย ๆ หรอก
หลังจากแต่งตัวเสร็จมาร์คก็เดินมาทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา และการที่เขาเงียบมันทำให้คนที่หันหลังให้อยู่ต้องรู้สึกสงสัยจนต้องหันหน้ากลับมามอง และมาร์คเองก็รู้ว่าแบมแบมหันมามองเขาถึงได้ช้อนตามอง และนั่นทำให้คนตัวเล็กทำตัวไม่ถูกจนต้องรีบหนีการสบสายตาโดยการหันกลับไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊คดังเดิม ท่าทางของแบมแบมทำมาร์คแอบหลุดยิ้ม
“ผมไล่คุณกลับบ้าน คุณไม่ได้ยินหรือยังไง แต่งตัวเสร็จแล้วก็กลับไปสิ”
“…” มาร์คไม่ตอบแต่ตาของเขายังจ้องมองแผ่นหลังเล็กในขณะที่โทรศัพท์ก็ยังค้างหน้าApp Instagram อยู่อย่างนั้น เขาจ้องเพราะเขารู้ว่าแบมแบมจะต้องหันหน้ากลับมามองเขาอีกรอบแน่ และสิ่งที่เขาคาดเดาก็ตรงเป๊ะ
เพราะมาร์คไม่ยอมพูดแบมแบมถึงได้หันกลับมามอง และยิ่งรู้ความจริงว่ามาร์คกำลังจ้องมองตาไม่กะพริบก็ทำแบมแบมยิ่งวางท่าทางการนั่งไม่ถูก
“กลับไปสิ” แบมแบมเอ่ยปากไล่อีกครั้ง แม้ว่าพวงแก้มจะเริ่มเปลี่ยนสีแล้วก็ตาม
“ทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ ก็ทำไปสิ” คำพูดของมาร์คทำแบมแบมคิดคำพูดต่อแทบไม่ทัน หันกลับไปมองมาร์คอีกรอบก็เห็นว่าเขาไม่ได้จ้องมองมาแล้ว ตอนนี้เขากำลังจดจ้องกับการเล่นโทรศัพท์
“คุณอยู่ด้วยแล้วผมอึดอัด” แบมแบมก็ยังหาเรื่องเขาต่อ
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายอึดอัด ก่อนหน้านั้นใกล้ชิดกับฉันจนเนื้อแนบยังไม่เห็นจะบ่นเลย” คำตอบของมาร์คทำใบหน้าของแบมแบมร้อนฉ่ามากกว่าเก่า ในหัวเริ่มมีภาพสุดร้อนแรงระหว่างเขากับมาร์คเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ผมไม่จำเป็นต้องพูดคุณก็ต้องคิดเองได้ เพราะผมเกลียดคุณ คุณก็รู้”
“อ้อเหรอ” มาร์คตอบส่งเดชด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าไม่เชื่อคำพูดของแบมแบม และนั่นทำให้คนตัวบางต้องหันกลับไปหาเรื่องทั้งที่ไม่ได้โกรธเขาเลยสักนิด
“นี่คุณมาร์ค! ช่วยออกจากบ้านผมไปสักที ผมอยากอยู่อย่างเงียบ ๆ ลำพัง”
“แต่นายก็เป็นฝ่ายเปิดเรื่องคุยตลอดเลยนะ ทั้งที่ฉันก็เงียบเพื่อให้นายทำงาน” มาร์คเลื่อนตาไปมองแบมแบมพร้อมส่งยิ้มแซว และนั่นทำให้คนตัวบางต้องทำหน้าบูด สะบัดหน้ากลับไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊คอีกครั้งในขณะที่แก้มยังแต้มสีชมพู แบมแบมไม่ชอบอาการเหล่านี้ของตัวเองเอาซะเลย
เจ้าตัวบางสะบัดหัวสองสามทีเป็นการเอาเรื่องมาร์คออกจากหัว และมันก็เป็นจังหวะที่มาร์คเลื่อนตาไปมองพอดี เขาแต้มยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าเพราะรู้สึกเอ็นดู สายตาของเขาที่จับจ้องแผ่นหลังเล็กช่างแสนละมุน มาร์คปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จริง ๆ ว่าเขากำลังหลงคนคนนี้หัวปักหัวปำ และยิ่งฝ่ายนั้นทำท่าทางเกลียดเขามากขนาดไหน มาร์คก็ยิ่งอยากจะให้แบมแบมเปลี่ยนมารู้สึกดีกับเขาให้ได้
ทั้งหมดไม่ใช่เพราะเขาอยากจะเอาชนะ แต่เป็นเพราะมาร์คเริ่มหลงรักแบมแบมแล้วต่างหากล่ะ
ความเงียบเริ่มเข้ามาครอบคลุมพื้นที่ห้อง มาร์คปล่อยให้แบมแบมได้ทำงานของตัวเองไปโดยที่ไม่เข้าไปก่อกวนให้คนตัวเล็กจะต้องเสียงาน เขาทำเพียงนอนเล่นโทรศัพท์รอแบมแบมทำงานเสร็จค่อยไปก่อกวนใหม่ แต่รอไปรอมาก็ผลอยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว เช่นเดียวกันกับแบมแบม เขาเข้าโหมดทำงานอย่างมีสมาธิจนลืมไปเลยว่ามีมาร์คอยู่ในห้อง จนเวลาล่วงเลยเกือบห้าทุ่มแล้วงานก็เสร็จพอดี คนตัวบางบิดขี้เกียจสองสามทีก็เพิ่งนึกได้ว่ามาร์คอยู่ในห้องด้วยกัน พอหันไปมองมาร์คก็ต้องผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก เพราะแบมแบมคิดว่าตัวเองปลอดภัยจากมาร์คก็ตอนที่เขาหลับนี่แหละ
ตาสวยจับจ้องไปที่ร่างสูงที่กำลังนอนขดตัวอย่างยากลำบากบนโซฟาตัวสั้น นี่เป็นครั้งแรกสำหรับแบมแบมที่จ้องมองมาร์คอย่างเนิ่นนาน เพราะงั้นถึงได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูดีไปหมดทุกส่วน ตอนนี้ไม่แปลกใจแล้วที่เขาจะได้ดังระเบิดระเบ้อขนาดนั้น แต่ถึงจะชมเขาไปยกใหญ่ก็ยังไม่ลืมที่จะตำหนิฝ่ายนั้นที่เคยทำให้ตัวเองเจ็บปวดมาก่อน
แต่ก็แปลกเสียจริง ทั้งที่เจ็บช้ำเพราะการกระทำของคนคนนี้มามาก แต่ทำไมในเวลานี้ถึงรู้สึกเฉยชากับความรู้สึกพวกนั้นแล้ว
แบมแบมหันกลับไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊คอีกครั้งก่อนจะทำการออกจากโปรแกรมที่ตัวเองทำงาน ทำการ Sleep เครื่องเป็นพักการทำงานทั้งเขาและเจ้าโน้ตบุ๊ค หลังจากนั้นคนตัวบางก็เดินไปที่เตียงนอนของเขา แขนเล็กโอบกอดผ้านวมมากอดไว้ ก่อนจะอุ้มมันกลับมาหามาร์คตรงโซฟา
นี่คงจะเป็นครั้งแรกของแบมแบมที่ทำอะไรให้มาร์คที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง ผ้านวมพื้นใหญ่ถูกคลุมร่างมาร์คเอาไว้
หากทว่า…
“คุณมาร์ค!!” พ่อปีศาจร้ายก็ดันรู้สึกตัวเสียก่อน และด้วยความไวทำให้มาร์ครีบอ้าแขนสวมกอดคนตัวบางไว้แน่น จนแบมแบมเสียหลักล้มไปนอนทับตัวเขาบนโซฟา “คุณทำบ้าอะไร ปล่อยผม!!”
“แอบห่มผ้าให้ด้วยเหรอเนี่ย” มาร์คถามพร้อมส่งยิ้มแซว และนั่นทำให้คนตัวบางหน้าแดงขึ้นมาทันที
“เพราะผมยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรอกถึงยอมเอาผ้าห่มมาให้คุณ ถ้ารู้ว่ามาห่มแล้วต้องเจอแบบนี้ ผมหนีไปนอนยังจะดีซะกว่า” แบมแบมตอบพร้อมทำหน้างอใส่ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าใบหน้านั้นทำให้คนตรงหน้าชมคำว่าน่ารักในใจไปกี่ครั้งแล้ว
“ถึงนายจะหนีไปนอน ฉันก็จะตามไปกอดบนเตียง” ดูเหมือนตอนนี้แบมแบมจะโดนมาร์คโจมตีให้เขินไม่จบไม่สิ้น เพราะเขินกับคำพูดของเขาหนักมาก แบมแบมถึงได้พยายามดิ้นให้แรงกว่าเก่าเพื่อจะได้ออกจากอ้อมกอดของมาร์คเสียที
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้! และคุณเองก็กลับบ้านไปซะ!!” วันนี้แบมแบมเริ่มได้คำตอบแล้วล่ะว่าเขาควรจะเข้าฟิตเนสไปออกกำลังกายบ้าง เพราะเหตุการณ์นี้มันทำให้เขารู้ได้ว่าเขาอ่อนแอชะมัด
“เลิกวางมาดสักทีเถอะนะ เป็นเด็กดีกับฉันหน่อยได้ไหม”
“ไม่มีวัน! ผมเกลียดคุณ จะให้ย้ำสักกี่ทีกันคุณถึงจะเข้าใจที่ผมพูดเสียที” ไม่รู้ทำไม ได้ฟังแล้วมันทำให้มาร์คเจ็บจี๊ดไปที่หัวใจ ถ้าไม่นับช่วงเวลาที่ความจำเสื่อม นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่มาร์ครู้สึกเจ็บเพราะคำพูดของคน
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำในอดีตกับนายมันแย่ แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ลืมฉันคนเก่าได้ไหม” มาร์คพูดมันออกมาจากความรู้สึกของเขา เขาอยากจะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทุกอย่าง ถ้าเริ่มได้เขาจะไม่มีวันทำให้แบมแบมต้องรู้สึกเจ็บปวดแบบนั้นอีกเด็ดขาด
“มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ แล้วน้ำตาและความรู้สึกที่ผมเสียไป มันคืนได้ไหมล่ะ” แค่คิดถึงเรื่องราวในอดีตก็ทำแบมแบมเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่ตอนที่พูดน้ำเสียงยังสั่นเครือ เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่อยากที่จะทำดีกับคนคนนี้เลยสักครั้ง “กว่าผมจะผ่านมันมาถึงทุกวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจะมาพูดเพื่อขอให้ผมลืมเริ่มนั้น คุณเห็นแก่ตัวมากคุณมาร์ค”
“ฉันรู้… แต่ฉันก็อยากจะบอกกับนายว่าฉันก็เกลียดตัวเองในอดีตไม่น้อยไปกว่านายหรอก”
“…”
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไปเป็นมาร์คที่ตามปกป้องนายทุก ๆ ที่ จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรนายแม้แต่ปลายเล็บ จะไม่มีวันทำให้นายต้องเจ็บปวดแม้แต่วินาทีเดียว”
“แต่มันย้อนกลับไปไม่ได้ไงคุณ” คำพูดของแบมแบมทำมาร์ครู้สึกจุกจนพูดอะไรต่อแทบไม่ออก และยิ่งได้มองหน้าของแบมแบมตอนนี้เขายิ่งโกรธตัวเองที่ทำร้ายคนคนนี้ได้ลงคอ “เลิกวุ่นวายกับผมเถอะ ยิ่งคุณอยู่ใกล้ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัด”
“…” เจ็บชะมัด…
“แต่ถ้าคุณอยากรู้สึกผิดจริง ๆ ล่ะก็…” แบมแบมเว้นเสียง จู่ ๆ ก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลังเลใจที่จะพูดออกไป “อย่าได้มาเจอหน้าผมอีก แค่นั้นแหละที่ผมขอ”
สิ้นสุดคำพูดมาร์คก็นำฝ่ามือกดหัวคนตัวเล็กลงมาพร้อมนำริมฝีปากไปประกบ การกระทำของเขาทำให้แบมแบมตกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะโดนจับจูบ แต่ก็แปลกที่โดนขโมยจูบแบบนี้ทำไมไม่ผลักเขาออก กลับยอมให้ริมฝีปากแนบชิดกับเขาอยู่เนิ่นนาน อีกทั้งยังพริ้มตาลงคล้ายกับมีความรู้สึกร่วมไปกับมาร์ค
“ปกติฉันก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว” มาร์คพูดออกมาเสียงกระซิบหลังจากที่เขาถอนริมฝีปากออก สายตาของเขาสำรวจไปทั่วใบหน้าของคนตรงหน้าซึ่งเป็นใบหน้าที่เขาไม่เคยจำได้เลยสักครั้ง “งั้นฉันจะขอเป็นคนเลวต่อไปเผื่อให้ฉันได้ปกป้องนาย”
“ผมไม่ได้ขอร้องให้คุณมาปกป้องผม” แบมแบมตอบเสียงแผ่วเบา และเขาก็พอรู้ตัวว่ามันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะตะโกนใส่หน้ามาร์คด้วยอารมณ์โกรธ อีกทั้งต้องรีบถอยห่างเขาให้ไกลที่สุด แต่ในตอนนี้กลับนอนทับร่างเขาอย่างแนบชิดทั้งที่มาร์คก็แค่โอบกอดไว้เบา ๆ แต่กลับไม่ยอมหนีออกเอง
“ฉันไม่ได้พูดประโยคคำถาม แต่ฉันพูดประโยคบอกเล่า”
“…”
“ไม่ว่านายจะพูดอะไรฉันก็ไม่มีทางทำอะไรที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุขหรอก”
“เห็นแก่ตัว” แบมแบมตำหนิมาร์ค แต่น้ำเสียงไม่ได้บอกว่าโกรธเขาเลยสักนิด
“รู้ไหมว่าฉันเห็นแก่ตัวได้มากกว่านี้” สิ้นสุดคำพูดมาร์คก็ลุกขึ้นนั่งและทุกอย่างหลังจากนั้นมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แบมแบมไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร รู้ตัวอีกทีก็เป็นฝ่ายที่นอนราบไปกับโซฟาแล้ว…
30/07/62
กรี๊โดดดำไดสำไดำสดวำสด วสพี่มาร์ค คลลลลบ้าาาาาาาาาาาาาา ไหนใครอยากให้พี่เห็นแก่ตัวบอกมาเลยจ้า ไรต์ล่ะคนหนึ่ง (*สูดเลือดกำเดา)
ในช่วงหลังนี้จะเห็นอะไรบางอย่างระหว่างเขาทั้งสองที่เปลี่ยนไป *ร้องเพลง เธอรู้สึกถึงรักหรือเปล่าาาาา~
คาดหวังอะไรกันไหมจ๊ะ ขนาดนี้แล้ว อยู่ในบ้านที่อยู่กันเพียงลำพังสองต่อสอง พี่พร้อมมาก (ตั้งแต่เตรียมของมา) น้องก็ดูอ่อนไหวไปเสียทุกรอบ ทุกอย่างครบขนาดนี้ล่ะก็....
คอมเม้นค่ะ!!!
ฝากเล่นแท็กด้วยน้า จุ๊บ ๆๆ #ลับ19มบ
17/07/62
กรี๊ดดดดดดดดด กรี๊ดดดดด ไอ้พี่มาร์ค ไอ้คลลลบ้าาาาาาาาา รักน้องแบมแล้วก็บอกมาาาาา ทำมาเป็นมาหาที่บ้าน ให้น้องทำนู่นทำนี่ หวังจะอยู่กับน้องนาน ๆ ล่ะสิ คิคิ ส่วนน้องก็มีใจสั่นบ้างเด้อออออ
ซีนนี้เป็นซีนที่ไรต์ก็แอบชอบ ดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่มาร์คแบมมีความกุ๊กกิ๊กกันอยู่เบา ๆ ถึงน้องแบมจะปากแข็งด่าพี่เขา แต่น้องก็มีเขินน้า เหมือนแกล้งทำเป็นโกรธเพื่อไม่ให้ลืมว่าตัวเองเคยเกลียด
เรื่องอะไรเครียด ๆ ไม่ต้องไปคิดถึงมันนะพี่มาร์ค โฟกัสคืนนี้เถอะ อาบน้ำให้ตัวหอม ๆ เพื่ออะไร ของก็เตรียมมา รู้ทันหรอก!!
คิดว่ายังไงกันคะ พี่มาร์คเขามาเพื่อมากินข้าวบ้านน้อง อาบน้ำ แล้วก็กลับหรือเปล่า คิคิ
คอมเม้นกันหน่อยน้า ขอกำลังใจเยอะ ๆ เลยย คนละเม้นสองเม้น ให้ไรต์มีกำลังใจกลับมาแต่งต่อ ฝากเล่นแท็กด้วยน้า รกร้างมานานแสนนาน #ลับ19มบ
ขอพื้นที่ฝากฟิควาย ที่ไม่ใช่คู่ชิปไหนเลย (แต่จะใช้มาร์คแบมจิ้นก็ได้ เพราะไรต์ก็มีภาพในหัวเป็นมาร์คแบม) ไรต์แค่อยากลองแต่งในมุมที่แตกต่างออกไปจากเดิมที่เคยแต่ง เลยลองดู ฝากติดตามนะครับ >>> เรื่อง Months’ love #สิงหากันยา >> จิ้ม ๆ
12/07/62
เอาแล้วววววววว ในห้องแต่งตัวไม่ทำ แล้วมาที่บ้านน้องจะทำหรือเปล่านะ แต่พี่ก็บ้า! เอาถุงยางมาให้น้องทำไม นิสัยๆๆๆๆ เอามาให้แล้วต้องใช้ด้วยนะ เอ๊ย!
มาเดากันค่ะว่าฉากหลังจากนี้จะเป็นยังไง คิคิ
ขอคอมเม้นหน่อยนะคับ ไรต์จะได้มีกำลังใจจจ และฝากเล่นแท็กด้วยค้าบ #ลับ19มบ
24/06/62
กรี๊ดดดดดดด พี่มาร์คจะทำอะไรน้องงงง น้องโป๊ ๆ อยู่นะ เข้ามาแบบนี้ได้ยังไง! ใครจะไปฟ้องให้คนมาช่วยน้องก็ไปเลย ไรต์จะขอรับบทเป็นกระจก หึหึ
เชิญกรี๊ดร้องหรือคำรามเพื่อเรียกไรต์กลับมาต่อเร็ว ๆ จะเป็นยังไงต่อน้า เขาแค่มาคุยกันแบบใกล้ชิดหรือว่าทำอะไรกันน้า แล้วน้องแบมจะยอมให้พี่ทำอะไรหรือเปล่า ไปลุ้นกันต่อค่าา
ขอคอมเม้นหน่อยน้า จะได้มีกำลังใจจจ และฝากเล่นแท็กด้วยค้าบ #ลับ19มบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หมูเอยยย????
กรี๊ดดดดดด น้องต้องยอมนะ55555
รักกันแล้ว แต่ยังไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง แม่มาร์คน่าสงสัยมาก
มาต่อเร็วๆน้าาารออยู่ฮับ
มาต่อไวๆนะคะไรท์ ตื่นเต้นอยากอ่านแล้วววววใ