ตอนที่ 6 : TAPE FIVE [100%]
“ขอบคุณมาก ๆ นะครับ เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะครับ” ผมพูดบอกลาทีมงานอย่างอารมณ์ดีที่สุด วันนี้มันมีแต่เรื่องดี ๆ จริง ๆ
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเมื่อตอนที่ได้รู้ความจริงจากปากไอ้มาร์คว่ามันป่วยเป็นโรคจำหน้าคนไม่ได้ แค่คำตอบคำเดียวเหมือนกลายเป็นกุญแจที่ไขปริศนาทุกอย่างที่มันค้างคา ผมไม่แปลกใจแล้วจริง ๆ ว่าทำไมมันถึงไม่เอาเรื่องผม ที่แท้มันก็จำหน้าผมไม่ได้นี่เอง และก็โชคดีของผมที่ยูคยอมช่วยไปลบคลิปให้ทัน ทำให้หลักฐานที่จะจับตัวผมได้เท่ากันศูนย์ ผมไม่เคยรู้สึกสะใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย ในที่สุดมันก็มีวันที่เป็นของผม
ผมอยากจะเม้าท์เรื่องนี้กับยูคยอมตอนนี้เลย แต่น่าเสียดายที่มันติดงานยาวเลยคุยกันตอนนี้ไม่ได้ ผมไม่อยากจะโทรไปเล่าให้ยูคยอมผ่านโทรศัพท์เพราะมันไม่ได้อรรถรส ดังนั้นผมจึงต้องยอมเก็บเรื่องเด็ด ๆ นี่ไว้ รอจนกว่ายูคยอมจะว่างมาเจอผม
“วันนี้ทำได้ดีมากเลยนะแบมแบม ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นงานถ่ายแบบครั้งแรก” คุณมิเชลพูดเชยชมผม ฟังแล้วรู้สึกดีใจชะมัด ดีใจที่ผลงานครั้งแรกของผมออกมาดี “เออจริงสิ วันที่ 15 เดือนนี้หนูว่างหรือเปล่า”
“อืม… ผมมีจัดรายการตอนบ่ายโมงครับ คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คืออย่างนี้นะ น้าอยากจะชวนหนูให้ไปงานวันเกิดคุณลีซองจุนน่ะจ๊ะ” คำพูดของคุณมิเชลทำผมเบิกตากว้างด้วยอาการตกใจ ลีซองจุน… ใช่ผู้กำกับหนังชื่อดังหรือเปล่า “งานจัดช่วงค่ำ ตอนแรกน้าก็ตั้งใจจะออกงานคู่กับมาร์ค แต่ก็อย่างที่รู้เขาออกสื่อไม่ได้ น้าก็เลยมาชวนหนู อีกอย่างมันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้หนูได้รู้จักกับคนในวงการอีกมากมาย หนูสนใจไปหรือเปล่า”
“ครับ ผมอยากไป” ผมแทบจะเก็บสีหน้าอาการดีใจของตัวเองไว้แทบไม่อยู่ สิ่งที่คุณมิเชลยื่นให้ผมมันเป็นโอกาสทองที่ผมจะไม่มีทางปฏิเสธแน่ อ๊ากกกก ดีใจชะมัด ผมกำลังจะก้าวเท้าเข้าวงการบันเทิงแล้วจริง ๆ ใช่ไหม การที่ได้ไปงานวันเกิดคนดังอย่างผู้กำกับลีซองจุนมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย
“ดีใจจังที่หนูจะไปเป็นเพื่อนน้า น้าคิดว่าน้าจะต้องไปงานคนเดียวเหงา ๆ ซะแล้ว” คุณมิเชลส่งยิ้มใจดีให้กับผม พร้อมเอามือมากุมมือผมไว้แสดงความเอ็นดู
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณน้าที่มอบโอกาสดี ๆ ให้กับผม รวมถึงงานนี้ด้วย ผมไม่รู้จะตอบแทนพระคุณคุณน้ายังไงดี” คุณมิเชลใจดีกับผมมาก ๆ ดีจนผมไม่อยากให้เธอเป็นแม่ของมาร์ค ผมอยากจะขโมยเธอมาเป็นแม่ของผมด้วยซ้ำ
“อย่าคิดว่ามันเป็นบุญคุณเลยนะ หนูก็เป็นเหมือนลูกชายน้าอีกคน รับโอกาสพวกนี้ไว้นะ มันดีต่อตัวหนู” ยิ่งเห็นคุณมิเชลดีกับผมมากเท่าไรผมยิ่งรู้สึกเสียใจที่ทำให้เธอต้องอับอายเรื่องที่มีลูกชายนิสัยแย่ แต่ถึงผมรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่มันเรียกว่าหน้าด้าน แต่ผมก็จะทำต่อ ผมโดนไอ้มาร์คเห็นแก่ตัวกับผมมามากแล้ว มันถึงคราวที่ผมต้องเห็นแก่ตัวบ้าง “เดี๋ยวน้าจะนัดหนูไปตัดชุดสูทสำหรับใส่ไปงานอีกทีนะ ความจริงแล้วน้าก็ตัดคู่กับมาร์คไป แต่ยังไงน้าก็อยากจะใส่ชุดธีมคู่อยู่ หนูต้องใส่คู่กับน้านะ”
“ได้ครับ” ผมส่งยิ้มกว้างให้คุณมิเชล สีหน้าของเธอดูมีความสุขสุด ๆ ที่ผมตกลงทุกคำชวนของเธอ
“กลับบ้านกันเถอะ หนูเองจะได้พักผ่อน แล้วนี่หนูมายังไง ขับรถมาเองหรือเปล่า”
“อ๋อ พอดีรถผมเสียน่ะครับ ก็เลยให้เพื่อนมาส่ง ขากลับผมก็คงนั่งรถเมล์กลับ”
“ได้ยังไงกัน! อย่าลำบากตัวเองเลย ป่ะ!เดี๋ยวน้าไปส่งที่บ้าน” แล้วคุณมิเชลก็นำมือมาจับผมไว้แน่น ส่วนอีกมือของเธอก็คว้ากระเป๋ามาถือไว้ ก่อนจะดึงมือผมให้เดินตามเธอไป
“อย่าเลยครับคุณน้า ผมกลับเองได้”
“จะเป็นซุปเปอร์สตาร์อยู่แล้วยังจะมานั่งรถเมล์กลับบ้านได้ยังไงอันตราย”
“แต่ผมเป็นคนธรรมดา ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมพยายามยื้อเพราะเกรงใจคุณมิเชล จนเมื่อเดินออกจากสตูดิโอมา เห็นมาร์คเดินมาด้วยสีหน้ารีบ ๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้คุณมิเชลต้องหยุดเดิน ผมเองก็ด้วยเช่นกัน
“แม่คิดว่าลูกกลับไปแล้วซะอีก” นั่นสิ ผมก็คิดว่ามันกลับไปแล้วเพราะกลัวผมซะอีก ก็เพราะว่าหลังจากที่มันคายความลับมาว่ามันป่วย มันก็ไม่โผล่หน้าเข้ามาสตูดิโออีกเลย
“ผมออกไปหาเพื่อนสตู ฯ ข้าง ๆ มา แล้วนี่… กำลังจะไปไหนกัน ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ” ไอ้มาร์คมองหน้าผมอยู่ แต่ผมไม่อยากมองหน้ามันกลับก็เลยเลื่อนตาไปมองอะไรที่น่ามองอย่างเช่นโซฟาลายเสือที่ตั้งอยู่ตรงหน้า เหอะ! โซฟายังน่ามองกว่าหน้ามันเยอะ
“ใช่จ๊ะ แม่กำลังจะไปส่งแบมแบมที่บ้าน”
“แม่มีนัดฉลองวันครบรอบแต่งงานกับพ่อไม่ใช่เหรอ ไม่รีบไปแต่งสวยล่ะ” ผมเพิ่งรู้ว่าคุณมิเชลมีนัดสำคัญ ได้ยินอย่างนี้ผมยิ่งไม่อยากให้เธอไปส่งผม
“คุณน้าไม่ต้องไปส่งผมหรอกครับ ผมกลับเองได้สบายมาก” ผมรีบปฏิเสธอีกครั้ง แต่สีหน้าคุณมิเชลดูไม่อยากให้ผมกลับเองอยู่ดี
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งแบมแบมแทน” ใครยอมให้ไปส่งก็โง่แล้ว!!
“ไม่เป็นไร…”
“ดีเลย! งั้นมาร์คไปส่งน้องแทนแม่นะ” ผมกำลังจะพูดปฏิเสธ แต่คุณมิเชลก็พูดแทรกมาก่อน ไม่ว่ายังไงผมจะไม่ยอมให้ไอ้มาร์คได้รู้ที่อยู่บ้านผมเด็ดขาด
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า อย่าให้พี่มาร์คไปส่งผมเลย คนเป็นข่าวอย่างเขาไม่สมควรออกมาเดินเพ่นพ่าน มันอันตราย”
ผมพูดเสียงแข็ง ถ้ามันรู้ว่าผมเกลียดมัน มันคงจะรู้ในทันทีว่าผมกำลังด่ามันมากกว่าจะเป็นห่วง แต่ก็น่าสงสารไอ้มาร์คนะ คนที่ทำร้ายมันอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย หึ! สะใจชะมัด
“ก็แค่ไปส่งน้องชาย มันจะน่าเป็นข่าวสักแค่ไหนกันเชียว” ไอ้มาร์คส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม ใครนับญาติกับนายไม่ทราบ! อย่ามาเรียกฉันว่าน้องชาย เพราะฉันไม่ใช่น้องนาย!
“จริงด้วยแบมแบม ไม่เป็นไรหรอก ให้พี่มาร์คไปส่งเถอะ อย่างน้อยก็ทำให้น้าสบายใจว่าหนูถึงบ้านอย่างปลอดภัย ไม่อย่างนั้นน้าต้องรู้สึกผิดต่อคุณย่าแน่ที่พาเธอมาแต่ก็ปล่อยเธอทิ้งไว้กลางทางแบบนี้” คุณมิเชลเธอคิดเยอะเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ผมโตพอที่จะกลับเองได้แล้วน่ะ ผมอยากจะพูดออกไปแบบนั้นนะ แต่ก็กลัวจะทำร้ายความรู้สึกเธอ
“หรือว่านายกลัวอะไร ถึงไม่กล้าไปกับฉัน” ไอ้มาร์คจ้องมองผมด้วยสายตาจับผิด และคำพูดของมันก็ทำให้คุณมิเชลหันมามองผมด้วยความสงสัยเช่นกัน
ได้… จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม
“งั้นก็รบกวนด้วยนะครับ” ไอ้มาร์คยิ้มรับคำพูดของผมทันที ไม่รู้ว่ามันมีแผนอะไรหรือเปล่า แต่ผมจะไม่โง่ให้มันรู้ที่อยู่ผมแน่ “แต่ผมนึกได้ว่าจะต้องกลับไปเอาของที่บริษัทก่อน งั้นพี่มาร์คไปส่งผมที่บริษัทล่ะกันครับ”
จบเรื่อง… เท่านี้ไอ้มาร์คก็ไม่รู้ที่อยู่ผมแล้วว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน
“เชิญครับ” ทำไมมันต้องส่งยิ้มร้ายให้ผมด้วย ตอนแรกผมมั่นใจว่าผมได้คุมเกมแล้ว แต่แค่เห็นรอยยิ้มไอ้มาร์คผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าผมเป็นฝ่ายคุมเกมหรือเปล่า
“มาร์คไปส่งน้องดี ๆ นะลูก” คุณมิเชลพูดลาผมกับมาร์ค ส่วนผมทำได้เพียงก้มหัวให้เธอเป็นการบอกลา ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามหลังไอ้มาร์ค
ผมหันไปมามองมาร์ค มันแค่ชายตามองผมแค่ครู่เดียว จากนั้นมันก็เลื่อนสายตาไปมองทางข้างหน้าเหมือนว่ามันไม่ได้รู้สึกอะไรที่ผมยอมไปกับมัน
ไม่ว่ามันจะมีแผนอะไรก็ตามแต่ ผมจะขัดขวางมันทุกวิธีทาง โชคดีที่ผมฉลาดคิดทันมัน ไม่ยอมให้มันไปส่งบ้าน ไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่ปลอดภัยแน่ ๆ
แต่… ตอนที่ผมบอกให้มันไปส่งที่บริษัท ทำไมมันต้องยิ้มรับเหมือนอย่างกับผมตกไปหลุมพรางของมันด้วย มันคิดจะวางแผนทำอะไรกันแน่
มันคิดจะทำร้ายผมเหรอ มันจำผมไม่ได้นี่ แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่มันจะทำร้ายผมด้วย หรือผมจะคิดมากเกินไป… แต่ถึงยังไงก็ตามผมจะต้องระวังตัวไว้ ผมจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องตกเป็นเหยื่อของไอ้มาร์คแน่ ไม่มีทาง…
.
.
.
.
.
.
.
ผมรู้สึกไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องนั่งในรถไอ้มาร์ค เพราะมันทำให้ผมนึกถึงวันนั้น วันที่ผมพยายามอ่อยมันเพื่อให้มันตกมาในหลุมพรางของผม แค่คิดก็รู้สึกพะอืดพะอมเต็มทน อยากจะตบรางวัลให้ตัวเองงาม ๆ ที่ทำแผนนั่นได้สำเร็จ แต่มันจะทำให้ผมรู้สึกมากกว่านี้ ถ้าผมไม่ต้องมาเจอหน้ามันอีก
“เห็นแม่บอกว่านายเรียนที่โรงเรียนศิลปะการแสดง” สิ่งที่มันพูดออกมาทำร่างกายผมชาไปชั่วครู่ มันรู้แล้วสินะว่าผมเรียนที่เดียวกับมัน แต่มันจำได้หรือเปล่าว่ามันทำอะไรกับผมไว้ “เราเคยคุยกันบ้างไหมตอนสมัยอยู่โรงเรียน”
“คุณจำอะไรไม่ได้เลยงั้นสิ” ผมพูดน้ำเสียงแข็ง ในขณะที่ตามองทางข้างหน้าอย่างเหมอลอย จู่ ๆ ภาพในวันวานที่เคยโดนไอ้มาร์คทำร้ายก็ย้อนเข้ามาตรอกย้ำให้ผมต้องรู้สึกกลัว แค่คิดถึงตอนนั้นน้ำตาก็เริ่มคลอแล้ว
“พูดแบบนี้แปลว่าเราต้องรู้จักงั้นสิ”
“ไม่รู้จัก” ไม่ได้รู้จักกันแม้แต่นิด มันเห็นผมเป็นแค่คนไร้ตัวตนคนหนึ่ง ส่วนผมจำเป็นต้องรู้ว่ามันเป็นใครเพราะพ่อแม่มันเป็นถึงคนดังระดับประเทศ ใคร ๆ ก็ต่างยกย่องส่งเสริมมัน ทั้งที่มันไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง เกาะชื่อเสียงพ่อแม่ตัวเองไปวัน ๆ ในขณะที่ตัวเองก็ไร้น้ำยาทำอะไรไม่ดีสมกับที่มีพ่อแม่เก่ง
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่านายโกหก”
“คุณไม่รู้จักผม”
“แต่นายรู้จักฉันใช่ไหม” ผมไม่เถียงข้อนั้น เพราะผมรู้จักมัน อย่างที่เล่าไป พ่อแม่ของมันดังจะตาย ใครไม่รู้จักก็บ้าแล้ว “ทำไมนายถึงไม่บอกฉันว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน”
“บอกแล้วได้อะไร” ผมตอบกลับด้วยความรู้สึกที่รำคาญเต็มทน
“ฉันทำอะไรให้นายไม่ชอบหรือเปล่า นายถึงทำท่าทางเหมือนเกลียดฉันซะขนาดนั้น” ผมชายตามองไอ้มาร์ค มันหันมามองหน้าผม สีหน้ามันดูซีเรียสเอามาก ๆ เหมือนว่ามันอยากรู้ว่าตัวเองทำเลวอะไรไว้
“ผมไม่ได้เกลียดคุณ คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า” ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเวลาที่ผมควรจะด่ามันให้แหลก แต่ท้ายที่สุดผมก็ระงับสติอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ เพราะขืนผมพูดออกไปหมด มันคงได้รู้กันพอดีว่าผมคือคนที่ทำคลิปแบล็กเมล์มัน
“งั้นเหรอ… สงสัยฉันจะคิดมากไป” ให้มันรู้สึกเหมือนกำลังโดนแว้งกัดอยู่ตลอดเวลาแบบน่ะดีแล้ว
“แล้วคุณ… ป่วยเป็นโรคจำหน้าคนไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไร” เพราะอยากสืบเรื่องนั้นผมเลยถามขึ้น แต่ถ้านึกย้อนไปถึงสมัยเรียน ผมคิดว่ามันก็ดูปกติดี ไม่เหมือนคนป่วยเลย เพื่อนฝูงมันก็เยอะ ถ้ามันจำหน้าคนไม่ได้ก็น่าจะมีคนรู้เรื่องบ้างล่ะ
“ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ” คำพูดของไอ้มาร์คทำผมหันไปมองหน้ามันด้วยอาการตกใจไม่น้อย มันประสบอุบัติเหตุงั้นเหรอ ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่อง “ไม่มีใครรู้เรื่องหรอก แม่ฉันปิดข่าวไว้”
มาร์คพูดเล่าให้ผมฟังอย่างหมดเปลือก น่าสงสารมันนะที่มันคลายความลับนั่นให้กับงูพิษอย่างผม แต่ก็น่าเสียดายที่ผมปล่อยข่าวนี้ไม่ได้ ก็มันเล่นขู่ผมไว้ซะขนาดนั้น
“แล้วมันแย่กับคุณมากขนาดไหน” ผมถามต่อเพราะอยากรู้จุดอ่อนของมัน อย่างน้อยมันจะเป็นข้อมูลในการพลางตัวไม่ให้ไอ้มาร์คจำผมได้
“ไม่แย่เท่าไรหรอก เพราะฉันรู้ทริคในการอยู่ร่วมกับมัน”
“ยังไง” ผมจ้องหน้าไอ้มาร์คอย่างอยากรู้คำตอบ เพราะคำตอบของมันอาจจะเป็นประโยชน์ที่ทำให้ผมชนะมันได้
“ถึงแม้ว่าฉันจะลักษณะใบหน้าไม่ได้ แต่อย่างอื่นฉันจำได้ดีเลยล่ะ” น้ำเสียงโทนเรียบนั้นทำผมต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ผมรู้สึกไม่ชอบประโยคหลังที่มันพูด “แต่ฉันคงจะบอกนายอย่างละเอียดไม่ได้หรอก เพราะไม่งั้นนายคงจะหาลู่ทางในการหลบหนีฉันได้”
มันพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง…
“ผมจะหนีคุณทำไม… ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” ผมหันหน้ากลับมามองทางเหมือนเดิม แต่ทว่าเมื่อได้เห็นบางอย่างที่ผิดปกติผมก็ต้องรีบลุกขึ้นนั่งหลังตรง ไม่รู้ว่าผมตาฝาดไปหรือเปล่า ผมเห็นตึกเพ้นท์เฮ้าท์ของไอ้มาร์คตั้งอยู่ไม่ไกลนี่ มันอาจจะบังเอิญขับผ่าน แต่เอ๊ะ…“นี่มันไม่ใช่ทางไปบริษัทผมนี่”
บ้าชะมัด! เพราะมัวแต่สนใจเรื่องที่ไอ้มาร์คพูด ก็เลยไม่ทันได้สังเกตว่ามันกำลังขับรถออกนอกเส้นทาง ผมกำลังคาดคั้นคำตอบจากไอ้มาร์คต่อ จนเมื่อได้เห็นคำตอบอยู่ตรงหน้าก็ทำหัวใจของผมแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ไอ้มาร์คไม่ตอบ มันเลี้ยวรถเข้าตึกอาคารเพ้นท์เฮ้าส์ของมัน หัวใจของผมเต้นรัว ผมพยายามปลอบตัวเองล้าน ๆ ครั้งว่าอย่าเพิ่งคิดมาก ไอ้มาร์คมันจำผมไม่ได้ และอีกอย่างถ้ามันจะทำอะไรผม คอยดูผมจะตะโกนลั่นให้คนมาช่วย รับรองว่ามันต้องเป็นข่าวอีกแน่
มาร์คไม่พูดอธิบายอะไรผมสักอย่าง มันเลี้ยวรถมาถึงชั้นที่มันคอยจอด และช่องจอดที่ผมจำได้ว่ามันเคยจอดช่องนี้เมื่อครั้งก่อนที่ผมมา จนมันถอยรถจบเรียบร้อยแล้วและดับเครื่องยนต์ ผมถึงได้ถามมันต่อ
“คุณมาที่บ้านคุณทำไม ถ้าคุณจะกลับบ้านทำไมไม่ปล่อยผมไว้ข้างทาง ผมจะได้นั่งรถของผมไปต่อ” ผมจ้องมองหน้าไอ้มาร์คอย่างรอคอยคำตอบ จนเมื่อตอนที่มันหันมาสบตาผม วินาทีนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังขาดอากาศหายใจ
สายตาที่มันจ้องมองผม… มันน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“นายรู้ได้ยังไงว่าที่นี่เป็นบ้านของฉัน” ร่างกายของผมชาไปหมดทุกส่วนเมื่อตอนที่ได้ยินคำพูดนั้นออกมาจากปากมาร์ค ความรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าจนชาไร้ความรู้สึก
นี่ผมขุดหลุมให้ตัวเองงั้นเหรอ…
“ผ…ผม เคยได้ยินจุนซูพูดว่าคุณซื้อบ้านอยู่ที่นี่” โชคดีที่ผมนึกถึงจุนซูได้ทัน ไม่อย่างนั้นผมต้องตายแน่ ๆ “ถ้างั้นผมกลับบ้านเองดีกว่า คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ ขอบคุณที่รับผมติดรถมาด้วย”
ผมรีบหยิบกระเป๋าตัวเองมาถือไว้เพื่อเตรียมตัวออกจากรถคันนี้ให้เร็วที่สุด ผมปลดสายเบลล์ออกและกำลังจะเปิดประตูรถ
“แบมแบม” ผมเผลอหันไปมองตามเสียงเรียก หลังจากนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อื้อ!” จู่ ๆ ไอ้มาร์คก็เอาผ้าบางอย่างมาปิดจมูกผมไว้ แถมมันยังเอื้อมตัวเอาแขนมาโอบบ่าผมไว้เป็นการล็อกตัว ผมทั้งดิ้นและทุบอกไอ้มาร์ค อีกทั้งพยายามส่งเสียงร้องแม้ว่ามันจะเป็นอู้อี้ไร้ประโยชน์ก็ตาม แล้วไม่นานผมก็รู้สึกเหมือนมีคนมาดึงหนังตาให้หลับ ผมพยายามฝืนเปลือกตาตัวไว้แต่มันก็ต่อต้านไม่ไหว ภาพใบหน้าไอ้มาร์คมันเลือนราง จนในที่สุดผมก็เห็นเพียงแต่ภาพสีดำ
.
.
.
.
.
.
ไม่รู้ว่านานมากขนาดไหนที่ผมหลับไป นี่ผมไปอดหลับอดนอนมาที่ไหนกันทำไมถึงง่วงขนาดนี้ ผมพลิกตัวไปมาบนเตียงด้วยความงัวเงีย จะว่าไปแล้วก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าตัวเองกลับบ้านนอนตอนไหน ผมพยายามดึงสติของตัวเองและนึกเลียงเหตุการณ์ของวันนี้ในขณะหลับตา
เดี๋ยวนะ!!!
ผมรีบลืมตาขึ้นมามองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะผมเพิ่งระลึกได้แล้วว่าไอ้มาร์คมันทำชั่วกับผมไว้ แค่คิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นหัวใจของผมก็เหมือนหล่นวูบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำไมไอ้มาร์คถึงต้องวางยาสลบผม
หัวใจของผมเต้นรัวมากกว่ากว่าเมื่อเห็นว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในห้องนอนไอ้มาร์ค ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว ไอ้มาร์คไม่อยู่ ไม่รู้มันไปไหน แต่เสื้อผ้าของผมยังอยู่ครบดี เพียงแค่นั้นผมก็สบายใจที่ตัวเองยังไม่ทันโดนทำไอ้มาร์คทำอะไรชั่ว ๆ ลงไป แต่ถึงยังไงก็ตามผมก็ยังไม่เข้าใจว่าไอ้มาร์คมันวางยาสลบผมทำไม
ไม่ว่าเหตุผลที่มันจับผมมาเพราะอะไรก็ตาม ผมรู้แต่ว่าผมต้องหนี การอยู่ที่นี่ไม่มีคำว่าปลอดภัยเลยสักนิด เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็รีบลุกออกจากเตียงและรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนเพื่อออกจากที่นี่ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าผมไม่มีวันหนีออกไปได้ง่าย ๆ แน่ แต่ก็จะสู้มันวินาทีสุดท้าย
ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องนอนออก ผมก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นไอ้มาร์คอยู่ตรงหน้า รังสีความน่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากตัวมัน ทำผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ผมรู้สึกกลัวเหมือนมันเป็นฆาตกรรมโรคจิต ไอ้มาร์คมันน่ากลัวชะมัด ผมจะมีชีวิตรอดออกจากที่นี่ได้ไหมเนี่ย
“คุณทำแบบนั้นทำไม” ผมถามออกไปตรง ๆ การที่มันเปิดฉากโดยการลักพาตัวผมแบบนี้ ผมก็ไม่จำเป็นที่ต้องปั้นหน้าทำเป็นไม่เกลียดมันอีกแล้ว อย่าให้ผมหลุดออกไปจากที่นี่ได้นะ ผมจะแบล็กเมล์จนมันออกจากวงการแน่
“ฉันต้องถามนายมากกว่าว่าทำแบบนั้นทำไม” มาร์คถามผมน้ำเสียงโทนเรียบ พร้อมก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ผม และนั่นทำให้ผมต้องเดินถอยหลังกลับเข้าไปในห้อง ไอ้มาร์คเดินตามเข้ามาพร้อมปิดประตูล็อกกลอนเรียบร้อย การกระทำของมันทำให้หัวใจผมเต้นแรงมากขึ้นไปอีก
“ท…ทำอะไร” ผมพยายามทำเฉไฉ ทั้งที่รู้ว่ามันกำลังถามเรื่องอะไร ในเมื่อมันไม่มีหลักฐาน มันก็เอาผิดผมไม่ได้ และถ้ามันใช้ศาลเตี้ยกับผมล่ะก็ รับรองว่าได้เห็นดีแน่ ๆ
“นายคือคนในคลิป นายตั้งใจที่จะแบล็กเมล์ฉัน นายทำแบบนั้นไปทำไม” ผมแทบขาดอากาศหายใจไปเสียเดี๋ยวนั้น ทั้งที่โดนจับได้แล้ว แต่ผมก็ไม่อยากจะที่ยอมรับ มันไม่มีหลักฐานเอาผิดผม ยังไงผมก็หนีได้
“คุณจะมากล่าวหาผมแบบนี้ลอย ๆ ไม่ได้นะ” มาร์คยิ้มมุมปากรับคำพูดผม และนั่นทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โชคดีอีกแล้ว มันเดินเข้ามาใกล้ผม ผมเองก็ต้องเดินถอยหลังเพื่อเป็นการหลบหลีกไม่ให้มันเข้ามาใกล้มากกว่านี้
“แล้วถ้าฉันมีหลักฐานล่ะ” ผมแทบจะควบคุมสีหน้าตัวเองไว้ไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนก่อเรื่องแท้ ๆ และบอกไม่เคยกลัวมัน แต่พอโดนจับได้แบบนี้เข้า กลับรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
“หลักฐานอะไร” ผมแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง แม้ว่าข้างในจะรู้สึกกลัวไอ้มาร์คก็ตาม ไอ้มาร์คเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เหมือนคนที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านั้น ที่มันทำเป็นเฉย แท้ที่จริงแล้วมันรู้ความจริงมาตลอดงั้นเหรอ แล้วมันก็หลอกให้ผมตายใจ พอคิดแบบนี้ได้ผมก็รู้เลยว่าตัวเองพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เกมนี้ผมแพ้จริง ๆ เหรอ
ไอ้มาร์คหยิบโทรศัพท์มันออกมาจากกระเป๋ากางเกงหลัง มันกดอะไรอยู่สักพัก ไม่นานมันก็หันหน้าจอมาพร้อมก้าวเท้าอีกก้าวเข้ามาหาผม
“หลักฐานนี้ชัดพอไหม” ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ พร้อมถอยหลังหนีมันอีกก้าว แต่เพราะขาติดเตียงเลยทำให้ผมล้มลงไปนั่งกับเตียงอย่างพอดี ส่วนไอ้มาร์คก็ดูจะมีความสุขที่จับคนร้ายได้ มันส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับผม
ตอนนี้ผมถูกจับแบบไม่มีทางหนีได้เลย สิ่งที่มาร์คให้ผมดูก็คือคลิปกล้องวงจรปิดที่ผมให้ยูคยอมช่วยลบ ผมไม่คิดว่าคลิปนั่นยังอยู่ มันอยู่กับไอ้มาร์คมาตลอดเลยงั้นเหรอ… แล้วถ้างั้น…
“ในเมื่อรู้ความจริงอยู่แล้ว ทำไมไม่จับผมตั้งแต่แรก” ผมถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยมากที่สุดในตอนนี้ออกไป มันไม่มีเหตุผลเลยที่ไอ้มาร์คจะเก็บคลิปนั้นไว้ตั้งสองอาทิตย์ มันควรจะทำร้ายผมตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นคลิปเลยด้วยซ้ำ
“นายรู้อะไรไหม ว่าโรคจำหน้าคนไม่ได้ มันทำให้ฉันไม่สามารถรู้ได้ว่าคนในคลิปหน้าตาเป็นยังไง ต่อให้ดูซ้ำ ๆ ฉันก็ไม่มีทางรู้” คำพูดนั้นทำร่างกายของผมชาไปหมดทุกส่วน อย่าบอกนะว่า… “นายเพิ่งทำให้ฉันได้รู้ว่าคนในคลิปนั่นเป็นนายจริง ๆ”
ผมนี่มันโครตโง่ โง่แล้วยังทำเก่งคิดว่าตัวเองเหนือกว่าไอ้มาร์คทุกอย่าง แต่ที่จริงแล้วผมกลับเดินตามหลังมันอย่างเชื่อง ๆ ผมไม่น่าสร้างเชือกให้ไอ้มาร์คจูงผมได้เลย…
“ใช่… ผมคือคนที่อยู่ในคลิปเอง ผมแบล็กเมล์คุณ แล้วยังไงต่อ เอาเรื่องผมสิ มันจะได้จบ ๆ กันสักที” ผมทำเก่งแม้ว่าตอนนี้จะเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่ตาเหมือนใกล้ร้องไห้แล้วก็ตาม
“ถ้าทำแบบนั้นมันก็ไม่สนุกล่ะสิ” คำพูดของมาร์คทำผมต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ผมเริ่มเห็นแล้วว่าเรื่องนี้จะจบไม่สวยแน่ ๆ
“แล้วคุณจะทำอะไร” ไอ้มาร์คยิ้มมุมปากรับคำถามของผม จากนั้นมันก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ผม เพราะตกใจผมจึงรีบคลานถอยหลังหนี แต่ผมก็โง่อีกแล้ว การที่ผมถอยหนีทำให้ไอ้มาร์คคลานขึ้นมาบนเตียงได้อย่างง่ายดาย มันคลานไล่ตามผมเพื่อที่จะเข้าใกล้ชิดผมให้ได้
“นายมีคลิปแบล็กเมล์แล้ว ฉันก็อยากจะมีบ้าง”
“หยุด! ห้ามเข้ามาแตะต้องตัวผม!!! คุณก็รู้แล้วว่าผมเกลียดคุณมากขนาดที่ทำลายอนาคตคุณได้ แล้วคุณจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน และมันไม่มีประโยชน์หรอกนะ เพราะชื่อเสียงของผมไม่มีจะให้คุณทำลายหรอก!!!” ผมพยายามพูดเตือนสติมัน ผมไม่ได้เป็นห่วงว่ามันจะเสียประโยชน์หรอก แต่ผมเป็นห่วงตัวเองต่างหาก แค่คิดว่าจะโดนมันสัมผัสร่างกายอีกครั้ง ผมก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว
“อีกหน่อยนายก็จะรู้เองว่าคลิปแบล็กเมล์ของฉันมันมีค่ากับนายขนาดไหน ฉันเชื่อว่าถึงตอนนั้นนายจะยอมทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างเพื่อไม่ให้คลิปลับของนายหลุดออกไป… นายไม่น่ามาเล่นเกมกับฉันเลยนะแบมแบม”
‘นายอาจจะยังไม่รู้ว่าฉันน่ะเป็นคนชอบเล่นเกม เวลาใครชวนเล่นความอยากชนะในตัวฉันมันมีสูงมาก ๆ ตราบใดที่่ฉันไม่ชนะฉันจะไม่มีวันเลิกเล่นแน่’
จู่ ๆ คำพูดของที่ไอ้มาร์คเคยพูดกับผมในวันที่มันขอให้ผมเป็นแบบวาดรูปก็ดังขึ้นในหัวของผม และนั่นจึงทำให้ผมเพิ่งตาสว่าง และเข้าใจทุกอย่าง….
หรือว่าตอนนั้นที่มันพูดแบบนั้นมันตั้งใจจะสื่อความหมายเรื่องที่ผมแบล็กเมล์มัน ที่ผ่านมาเวลาที่มันเจอผม มันคงก็แกล้งโง่ ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งที่มันรู้อยู่เต็มอกว่าผมเป็นคนทำ
ยอมรับเลยว่าผมโง่ โง่มาก ๆ ที่วางใจคนเลว ๆ อย่างมัน ยิ่งตอนที่รู้ว่ามันป่วยผมยิ่งชะล้าใจ คิดว่าเรื่องคืนนั้นจะจบไปแล้ว แต่ในความจริงมันไม่ใช่… ไอ้มาร์คแค่กำลังวางแผนที่จะให้ผมตกลงไปในแผนของมัน
“อย่าเข้ามานะโว๊ย! ไม่งั้นผมต่อยคุณจริง ๆ แน่” ผมไม่ใช่แค่พูด ผมกำมัดแน่นเตรียมซัดไปที่หน้าไอ้มาร์ค แต่ทว่ามันกลับไหวตัวทัน ไอ้มาร์คเอามือมาจับข้อมือผมไว้ จากนั้นมันก็บังคับแขนผมให้ล็อกไปกับเตียงนอน และนั่นทำให้ผมแทบหยุดหายใจไปซะเดียวนั้น
ผมเกลียดตอนที่มันส่งยิ้มให้ผม ที่ผ่านมาผมคิดว่ายิ้มนั่นเป็นยิ้มของคนโง่ แต่ในพอมองย้อนกลับไปผมถึงได้รู้ตัวว่ายิ้มของไอ้มาร์คมันน่ากลัวมากขนาดไหน
ไอ้มาร์คโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ผมพยายามดิ้นสู้เพื่อไม่ให้มันทำอะไรผมได้ ถึงแม้ว่าผมจะเคยมีอะไรกับมันมาก่อน แต่ผมก็ไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่ ผมทั้งเกลียดและขยะแขยงมันขนาดนั้น ใครจะยอมให้มันสัมผัสร่างกายผมได้ลงกันล่ะ ครั้งก่อนที่ผมยอมก็เพื่อคลิปแบล็กเมล์มันเท่านั้น และผมก็ให้คำมั่นกับตัวเองว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก แค่ครั้งเดียวก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว
“หยุดดิ้นสักที อย่าทำตัวเหมือนว่าไม่เคยสิ”
“มันไม่เหมือนกัน!!! ครั้งก่อนผมจำใจทำมันต่างหาก” ผมพูดออกไปเสียงสั่น จ้องมองไอ้มาร์คด้วยแววตาโกรธ ทั้งที่ข้างในผมกำลังหวาดกลัว ผมไม่อยากอ่อนแอให้มันเห็น ไม่งั้นมันจะข่มขู่ผมได้ เพราะอย่างนั้นผมจะต้องทำให้ไอ้มาร์คเห็นว่าผมไม่เคยกลัวมัน และผมจะทำให้มันได้รู้ว่ามันกำลังคิดผิดที่เล่นกับผม
“ยั่วเก่งขนาดนั้น จำใจหรอกเหรอ?” ไอ้มาร์คยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“การแสดงไง! เป็นยังไง ผมเล่นละครเก่งใช่ไหม คนโง่ ๆ อย่างคุณถึงได้ตกมาในหลุมพรางผมได้” คราวนี้เป็นผมบ้างที่ส่งยิ้มกวนให้มัน สะใจชะมัดที่ได้ด่ามันกลับบ้าง ผมจะต้องเข้มแข็งและจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ไอ้มาร์คเห็น ไม่งั้นมันจะยิ่งได้ใจคิดว่าตัวเองควบคุมผมได้
“อืม ยอมรับก็ได้ว่าโง่” ยิ่งได้ยินมันพูดอย่างนั้นผมยิ่งโครตสะใจที่อย่างน้อยสิ่งที่ผมทำก็ทำมันเจ็บได้บ้าง “และก็คิดไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้จะมีคนที่คิดจะแก้แค้นคนด้วยการเอาตัวเข้าแลก ฉันว่ามันเป็นการแก้แค้นที่เหมือนคนโง่ดี”
ผมกัดฟันกรามตัวเองแน่นเป็นการระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง น่าโมโหชะมัดที่ตอนนี้ผมทำหรือพูดอะไรก็โดนมันขัดได้ทั้งหมด ผมอยากให้มันได้เจ็บบ้างจริง ๆ มันต้องไม่จบแบบนี้สิ
“มันก็คุ้มกับที่ต้องเสีย” ทำพูดกดเสียงต่ำ จ้องมองหน้าคนที่เกลียดด้วยสายตาที่โกรธแค้น ส่วนไอ้มาร์คมันส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผม จากนั้นมันก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้พร้อมนำริมฝีปากเข้ามาใกล้ใบหู และนั่นทำให้ขนของผมลุกตั้งแต่บนลงล่างในทันที
“แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้นายกำลังจะขาดทุนนะ... และดูเหมือนว่าจะขาดทุนแบบไม่มีจุดสิ้นสุดด้วย” น้ำตาของผมมันมาจ่อที่ขอบตาเสียง่าย ๆ ทั้งที่บอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง แต่คำพูดนั้นผมรับไม่ได้ ผมไม่อยากตกเป็นเหยื่อของคนคนนี้อีกแล้ว
“ปล่อยผม!!” ผมเริ่มดิ้นอีกครั้งเมื่อตอนที่ไอ้มาร์คเอาริมฝีปากมาสัมผัสที่ลำคอของผม มันพรมจูบไปทั่วลำคอของผมอย่างเนิบ ๆ จากนั้นมันก็เลื่อนใบหน้ามาจูบที่คางของผม และจบท้ายด้วยริมฝีปากของผม
ผมทั้งเบี่ยงหน้าหนีและปิดริมฝีปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้ไอ้มาร์คจูบผมได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าผมจะเคยจูบแบบดูดดื่มกับมันมาแล้วก็ตาม แต่ที่ผ่านมานั่นมันเป็นแค่การแสดงละคร แต่ครั้งนี้มันคือเรื่องจริงและผมก็รังเกียจมันมากที่จะยอมให้มันได้สัมผัสผมเป็นครั้งที่สอง
ไอ้มาร์คพยายามที่จูบผมให้ได้ ผมเองก็เบี่ยงหน้าหนีอย่างไม่ยอมแพ้ ดูสิว่ามันจะทนได้สักกี่น้ำกัน ผมจะทำให้มันหัวเสียจนสุดท้ายก็หมดอารมณ์แล้วก็ต้องปล่อยผมไป ไม่มีทางที่มันจะเอาชนะผมได้หรอก!!!
“แบมแบม” มันเรียกผมด้วยใบหน้าหงุดหงิด ผมเห็นอย่างนั้นก็ต้องยิ้มมุมปากในขณะที่ริมฝีปากปิดสนิท “อย่าให้ฉันต้องรุนแรงกับนาย”
ผมเบะริมฝีปากใส่ไอ้มาร์คเป็นการบอกว่าผมไม่ได้กลัวคำขู่ของมันเลยสักนิด ถ้ามันจะปล้ำ ผมก็จะดิ้นจนมันหมดอารมณ์ จะจูบมันก็ทำได้แค่เอาปากมาชนเท่านั้น และอย่าดูถูกคนอย่างแบมแบม ถ้าผมไม่ยอม ก็ไม่มีใครทนฤทธิ์ร้ายของผมได้หรอก และเมื่อไรที่มันปล่อยมือออกจากข้อมือผมเมื่อไร ผมจะทุบให้เจ็บตัวกว่านี้เลยคอยดู
“นายคิดว่าถ้าตัวเองดื้อต่อไปอย่างนี้แล้วฉันจะหมดความอดทนจนต้องปล่อยนายไปงั้นเหรอ” ผมจ้องมองหน้าไอ้มาร์คด้วยอาการตะลึง ผมไม่รู้ว่ามันรู้ความคิดผมได้ยังไง สิ่งที่น่ากลัวต่อจากนั้นคือผมกลัวว่ามันจะหาวิธีเล่นงานผมได้กลับ “นายประเมินค่าฉันต่ำไปแบมแบม”
สิ้นสุดคำพูด ไอ้มาร์คก็เอาตัวออกจากการคร่อมร่างผม รวมทั้งเอามือออกจากข้อมือผมด้วย ผมกำลังจะลุกขึ้นเพื่อหนีแต่ก็ไม่ทันเพราะจู่ ๆ ไอ้มาร์คก็เอาแขนมาสอดใต้ร่างของผม อีกทั้งอุ้มผมขึ้นแล้วทิ้งร่างผมให้นอนหัวอยู่ตรงปลายเตียง
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมมึนงง ผมไม่เข้าใจว่ามันคิดจะทำอะไร มันแค่ให้ผมเปลี่ยนมานอนหันหัวตรงปลายเตียง มันจะทำให้เสียเวลาทำไมกัน แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาสงสัย ผมต้องรีบหนี ก่อนที่มันจะมีโอกาสทำอะไรผมได้อีก
อีกครั้งที่ผมหนีไม่สำเร็จ ไอ้มาร์ครีบเอาตัวมานั่งคร่อมเอวผมไว้ก่อนทำผมขยับตัวไปไหนไม่ได้ มันโน้มตัวมาใกล้ผม แต่มันไม่ได้ทำอะไรผม เหมือนมันกำลังเอื้อมหยิบอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงพื้นห้อง ส่วนผมเมื่อไม่ได้ถูกมันจับข้อมือไว้ ผมก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีทั้งดันและทุบไปที่อกไอ้มาร์ค ส่วนปากผมไม่กล้าอ้า เพราะตอนนี้ไอ้มาร์คเอาหน้ามาใกล้ผมมาก ๆ ผมกลัวถ้าตัวเองเผลออ้าปากจะโดนมันจูบและเอาลิ้นเข้ามาในปากได้ทัน
จู่ ๆ ก็มีวัตถุบางอย่างถูกวางไว้ข้าง ๆ ใบหน้าของผม เช่นเดียวกันไอ้มาร์คก็ลุกเอาตัวออกห่าง ผมหันไปมองสิ่งที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเองด้วยความสงสัย อาจจะเป็นเพราะผมมองไม่ถนัดเลยไม่รู้ว่าสิ่งนั่นมันคืออะไร แต่ไอ้มาร์คเอามาทำไม อย่าบอกนะว่ามันจะเอามาใช้กับผม
“คุณจะทำอะไร!!” ผมถามขึ้นเมื่อตอนที่โดนไอ้มาร์คจับมือพร้อมเอาอุปกรณ์บางอย่างมาใส่ตรงข้อมือของผมไว้ ลักษณะมันเป็นปลอกหนังที่มีโซ่ยึดติด ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บข้อมือตอนใส่ แต่การที่โดนมันจับใส่อุปกรณ์นี่ก็ทำผมกลัวไม่น้อย
เพราะมัวแต่ตกใจผมเลยเผลอปล่อยให้มันใส่ไอ้อุปกรณ์นั่นสำเร็จไปข้าง แต่อีกข้างผมไม่ยอม ผมพยายามยื้อข้อมือตัวเอง ไอ้มาร์คเองก็สู้ไม่น้อย แต่เพราะแรงของผมน้อยกว่าผมถึงโดนมันใส่อุปกรณ์นั่นให้ผมสำเร็จ
“คุณมันโรคจิต ถ้าคุณไม่ปล่อยผม ผมจะแฉเรื่องทั้งหมดที่คุณทำกับผมและเรื่องอุปกรณ์โรคจิตนี่ด้วย” มาร์คไม่ตอบอะไรผม มันทำหน้านิ่งจนผมไม่รู้ว่ามันกำลังซ่อนความรู้สึกอะไรอยู่ ผมพยายามเอามือมาแกะสายรัดข้อมือออก แต่ทว่าจู่ ๆ แขนทั้งสองข้างของผมก็ต้องแยกออก เพราะไอ้มาร์คมันดึงโซ่ที่อยู่ในมือของมัน โซ่นั่นมันถูกวางกลไกบางอย่างที่ทำให้แขนทั้งสองของผมข้างถูกดึงเอาไว้เหนือหัว จนตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกแขวนบนผนังทั้งที่นอนบนเตียง
“เพราะนายเป็นงูพิษ ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้กับนาย บอกเลยนะว่าฉันไม่ใช่พวกที่มีรสนิยมชอบใช้อุปกรณ์และข่มขืนใคร แต่ถ้าฉันไม่ทำ... นายก็จะลอบกัดฉันเป็นครั้งที่สอง และนายก็เป็นพวกฤทธิ์เยอะซะด้วย เพราะงั้นฉันถึงได้ต้องวางยานายและใช้อุปกรณ์นี่เพื่อให้นายอยู่นิ่ง ๆ”
“...” ผมรู้สึกเหมือนก้อนบางอย่างมาอัดอยู่ในคอ ดวงตาของผมร้อนผ่าว ผมไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้มาร์คมันจะรู้ทันความคิดผมทุกอย่าง ไม่อยากจะพูดชมว่ามันฉลาด แต่ก็ต้องยอมรับเลยจริง ๆ ว่ามันฉลาดมาก
“ความจริงฉันไม่อยากก็ไม่ได้จะเอาคืนเรื่องที่นายปล่อยคลิปหรอกนะเพราะมันดีซะอีกที่ทำให้ฉันโดนพักงาน” ดีงั้นเหรอ มันบ้าหรือยังไง!!! ผมทำให้มันเสียชื่อเสียง เสียแฟนคลับ เสียงาน มันบอกว่าดีงั้นเหรอ!!!! “แต่ที่ฉันต้องมีคลิปไว้ขู่นายเพราะนายดันรู้เรื่องอาการป่วยของฉัน”
ตอนมันพูดประโยคนั้น ผมรับรู้ได้ถึงรังสีแห่งความเย็นชาที่แผ่ออกมารอบตัวของมัน ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกกลัวจนไม่กล้ามองหน้ามัน
“ผมไม่บอกใครหรอก เพราะงั้นปล่อยผมไปเถอะ คุณได้คลิปไปมันก็เปล่าประโยชน์” ปากผมพูดไปแบบนั้น แต่ความแค้นที่มีในใจของผมมันทำให้ผมอยากจะพูดบอกทุกคนเมื่อตอนที่ผมออกไปจากที่นี่ได้
“สายตาของนายยังดูโกรธแค้นฉันไม่เหมือนกับคำพูดที่กำลังยอมฉันเลยนะแบมแบม” คำพูดของมันทำผมต้องหลบสายตา ผมเกลียดที่มันรู้ทันผมหมดทุกอย่าง ทำไมวะ ทำไม!!! “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว และฉันก็ไม่มีทางไว้ใจงูพิษอย่างนายได้ เพราะฉะนั้นฉันจะขอเตือนว่าอย่าดิ้นให้เสียแรง เพราะยังไงคืนนี้ฉันต้องได้คลิป”
“อื้อ!!” สิ้นสุดคำพูดไอ้มาร์คก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ผม อีกครั้งที่ผมปิดปากแน่น ผมพยายามเบี่ยงหน้าไปมาเพื่อไม่ให้ไอ้มาร์คจูบผมได้สำเร็จ ไอ้มาร์คพยายามสู้ผมอยู่สักพัก สุดท้ายมันก็ต้องยอมแพ้ เลื่อนริมฝีปากมาจูบแก้มของผม จากนั้นก็เลื่อนไปจูบที่คอของผม พร้อมเอาจมูกคลอเคลียปล่อยลมหายใจร้อนรดต้นคอจนร่างกายของผมตอบสนองความรู้สึกบางอย่างที่ทรยศ
“ปล่อยผม!!” ใบหน้าของผมร้อนฉ่าขึ้นมาเมื่อตอนที่โดนปลายลิ้นของไอ้มาร์คสัมผัสตรงลำคอ มือของมันที่ว่างมันสอดเข้ามาในใต้เสื้อเชิ้ตของผม และใช้นิ้วสัมผัสที่จุดเล็กตรงหน้าอกของผม
ผมพยายามดิ้นสู้อีกครั้ง เมื่อตอนที่ไอ้มาร์คถอนหน้าออก มันแกะกระดุมเสื้อผมออกจนหมด มันก็ทำได้แค่เพียงเปิดเสื้อของผม เพราะอุปกรณ์ของไอ้มาร์คทำให้เสื้อของผมยังอยู่กับตัว แต่ยังไงต่อให้มันอยู่มันก็ไม่ช่วยปกปิดไม่ให้ผมไม่โป๊ได้เลย
มือของไอ้มาร์คไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น มันถอยตัวออกห่างผม พร้อมจัดการปลดกระดมกางเกงของผมออก ผมพยายามยกขาถีบไอ้มาร์ค แต่มันก็หลบผมได้ทุกครั้ง และยิ่งผมดิ้นมากเท่าไร มันก็ยิ่งรุนแรงกับผมมากยิ่งขึ้น
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าตอนนี้ผมจะได้กลับมาอยู่ในห้องนี้ในสภาพที่เปลือยเปล่าอีกครั้ง ผมอยากให้มันเป็นแค่ฝันร้าย แต่กัดริมฝีปากตัวเองแล้วผมก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บ มันคือเรื่องจริง...
ผมพยายามกักเก็บน้ำตาของตัวเองไม่ให้มันไหลออกมาจนมันทำให้ผมดูเป็นคนอ่อนแอ ผมจ้องมองไอ้มาร์ค มันกำลังจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนร่างกายของมันเปลือยเหมือนกันกับผม ทั้งที่ผมเห็นภาพนี้มาก่อน แต่ครั้งนี้ผมรับไม่ได้กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นผมถึงหันหน้าหนี ไม่สบตามัน
หากทว่าผมก็ต้องกลับไปสบตาไอ้มาร์คอีกครั้ง เพราะโดนมันเอามือมาจับบังคับหน้าของผมไว้ ในจังหวะเดียวกันมันก็แทรกตัวมาอยู่ตรงหว่างขาของผม ขาของผมต้องแยกออกจากกันโดยไม่สามารถฝืนอะไรได้ ไอ้มาร์คโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง มันเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมจนผมรู้สึกอึดอัด และอีกครั้งที่ผมโดนมันจูบ
.
.
.
.
.
.
.
.
CUT
24/05/62
ใครที่คาดหวังฉากที่รอคอย ไปค่ะ ไปอ่านกัน ลิงก์อยู่ที่เดิม ใต้ไบโอทวิตเตอร์ของไรท์นะครับ อ่านจบแล้วกลับมาคอมเม้นด้วยน้าา ถ้าชอบก็ฝากคอมเม้นและเล่นแท็ก #ลับ19มบ ด้วยนะค้า ไรท์จะได้หายเหนื่อยยย
ตอนต่อไปจะเป็นยังไง น้องแบมจะรู้สึกยังไงน้า ไม่พูดอะไรเยอะ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นการสปอย NC ไปลุ้นกันค่ะ ว่าน้องแบมจะรู้สึกยังไง!
14/05/62
กรี๊ดดดดดดดดดดดด พี่มาร์คร้ายมากค่า ฮืออออ น้องแบมของแม่กำลังจะโดนพี่แบล็กเมล์กลับ ฮืออออออ สรุปแล้วลูกเราเสียเปรียบในเกมนี้เห็น ๆ ขาดทุนแบบแรงมากลูก
เอาใจช่วยให้ลูกผ่านมันไปได้นะคะ ส่วนฉากต่อไปนี้ก็นะ... ไม่ต้องเดากันให้ยาก ใครจะไปขัดขวางก็แล้วแต่เลย ส่วนไรท์จะขอแปลงร่างเป็นฝุ่นลอยไปมาในอากาศแพร่บ อ๊ายยย
ขอกำลังใจหน่อยน้าา
1 คอมเม้น 1 แท็ก = ล้านกำลังใจให้ไรท์ธิต้า
ฝากเล่นแท็กด้วยน้า #ลับ19มบ
12/05/62
พี่มาร์ค!!!! แรงมาก!!! ถึงขั้นต้องวางยาสลบน้องเลยเหรอ ทำไมรุนแรงกับน้อง ไหนใครจะไปช่วยน้องจากพี่มาร์คบ้าง ขอมือหน่อย ไรท์ไม่ไปนะ ไม่ว่าง ติดไปเบิกเลือดที่สภากาชาดอยู่
เอาแล้วค่ะ มาลุ้นกันว่าจะเป็นยังไงต่อไป สปอยว่าอีกไม่นานเราจะได้รู้แล้วสักทีว่าพี่มาร์คทำอะไรน้อง ขอกำลังใจเยอะ ๆ นะค้า
1 คอมเม้น 1 แท็ก = ล้านกำลังใจให้ไรท์ธิต้า
ฝากเล่นแท็กด้วยน้า #ลับ19มบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ใครไหวไปก่อนเลย
อร้าาาาาาาายย~~ ซ่ากับพี่เขาดีนัก! โดนพี่เขาลงโทษเลยเห็นมั้ยย
แม่สงสารหนูแต่แม่แอบฟิ- แค่กๆๆ
ทำไมพี่มาร์คฉลาดอย่างงี้นะ ตกเป็นลูกไก่ในกำมือเค้าแล้วลูกเอ้ยยย
ตอนแรกกลัวอ่านเอ็นซีแล้วปวดใจ แต่พอไรท์บอกหัวอกคนเป็นแม่ เข้าใจเลย 5555
เป็นกำลังใจให้ไรท์น้า
กลัวมาร์คแก้แค้นน้อง กลัวทำอะไรรุนแรง กลัวคำพูกหยาทเหยียดอะไรเทือกนั้น ยอมรับเลยว่าการอ่านฟิคที่เอาอิมเมจจากคนที่เรารักแบบร้องแบม มีผลต่อความรู้สึก เมื่อก่อนไม่เป็นนะ อ่านงานsexแบบจิตๆของตปท.มาเยอะ แต่พอได้อ่านฟิคที่น้องแบมเป็นผู้ถูกทำ คือดาวน์ไปหลายวันและเลิกอ่านฟิคนั้นไปเลย ฮือออ
แต่เรื่องนี้อ่านncแล้ว โอเคเลย มันรู้สึกได้ว่าตัวพี่ก็ไม่ได้เลวเกิน น้องก็ใช่จะไร้ใจ สรุปคือชอบค่ะ ซื้อแน่นอน
ปล.ขออีบุ๊คนะคะ จุฟฟฟ
แบมเอ้ยตกหลุมตัวเองชัดๆ
มาร์คใจร้าย????????????