ตอนที่ 24 : ➵ CHAPTER 21 [100%]
YOUNGJAE PART
หัวใจของผมยังไม่หยุดเต้นแรงเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันบ้ามาก ๆ พวกทหารไล่ตามยิงผมกับแจ็คสันอยู่หลายนาที กว่าแจ็คสันจะสลัดพวกมันหลุดได้ เล่นทำผมเกือบหัวใจวายใจจริง ๆ แล้ว ไม่คิดเลยทหารพวกนั้นจะบ้าระห่ำขนาดนี้ ทั้งที่พวกเขาก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่บนหลังหมาป่าก็ยังยิงธนูมาใส่พวกเราอย่างไม่ปรานี มันบ้ากันไปหมดแล้ว ภาพอดีตที่ทหารรักประชาชนนี่แทบไม่เหลืออยู่เลย ทำไมมันถึงโหดร้ายแบบนี้ เมื่อไรสงครามบ้า ๆ นี่จะจบสักที
ว่าแต่คนอื่นจะเป็นยังไงบ้างนะ โดยเฉพาะพ่อกับแม่ พวกเขาจะต้องตื่นตูมมากแน่ ๆ แค่ได้ขี่หลังหมาป่าก็ดูกลัวไม่น้อยแล้ว ยังจะมาเจอทหารเอาธนูไล่ยิงอีก วันนี้คงเป็นวันที่แย่สำหรับพวกเขา และผมก็ได้แต่หวังว่าวันนี้เป็นสุดท้ายที่เรื่องร้าย ๆ จะเกิดขึ้นกับเรา ขอให้การย้ายบ้านหนีเป็นไปได้ด้วยดีเถอะ เราจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขซะที
Hooowl~
แจ็คสันหอนลั่นเสียงดังก้องไปทั่วทั้งป่า ถึงแม้จะอยู่กับหมาป่ามาสักพักใหญ่แล้วผมก็ยังอดขนลุกไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมกวาดสายตามองรอบด้านด้วยความหวาดผวาไม่หาย ผมกำลังช่วยแจ็คสันระวังหลัง เผื่อเขามองไม่เห็นศัตรูที่แอบซุ่มอยู่
แต่แล้วหัวใจของผมก็เต้นรัวเมื่อผมเห็นร่างของใครบางคนที่สวมผ้าคลุมสีดำกำลังยืนซุ่มอยู่ตรงทางข้างหน้า ผมสะกิดบอกแจ็คสัน แต่ผมว่าเขาน่าจะรู้อยู่แล้ว แจ็คสันวิ่งตรงเข้าไปหาคนคนนั้นอย่างไม่หวาดกลัว หัวใจของผมเต้นรัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเรายิ่งเข้าไปใกล้ คนคนนั้นหันมามองพวกเรา และทันทีที่เขาดึงฮู้ดลงจากหัว ก็ทำผมผ่อนลมหายใจด้วยความสบายใจ
“ธีม มายืนทำอะไรตรงนี้" ผมถามขึ้นเมื่อแจ็คสันเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา จะว่าไปผมก็ไม่ได้เห็นหน้าธีมนานแล้วเหมือนกันนะ ปกติเขาจะอยู่ตามติดแจ็คสันตลอด เขาหายไปไหนของเขามา
“ผมไปตามฟังข่าวจากหมู่บ้านมา" อ่อ เขาหายไปฟังข่าวที่นู่นนี่เอง มิน่าถึงไม่เห็นหน้าเขาเลย "ข่าววันนี้แย่มาก ๆ"
“ทำไม มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นงั้นเหรอ" ผมรีบถามกลับด้วยความตกใจ คำว่าข่าวแย่มันทำใจผมหวิวขึ้นมา หวังว่ามันจะไม่ร้ายแรงถึงขั้นที่มีใครเลือดตกอย่างออกหรอกนะ
“พระราชาจินยองถูกลอบทำร้าย" ทำเบิกตากว้างด้วยอาการตกใจ ไม่นะ...อย่าบอกว่าเป็นฝีมือ... “โดยแจบอม"
แล้วผมได้ช็อกค้างไปเสียแล้ว ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าแจบอมจะทำแบบนั้นจริง ๆ ทั้งที่ก่อนที่เขาจะแยกไป เขาพูดเหมือนว่าเขาเป็นคนรักของพระราชาจินยอง และสามารถเกลี่ยกล่อมเขาได้ ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ผมจะไม่มีทางปล่อยให้เขาออกจากบ้านผมไปแน่
“แล้วพระราชาเป็นอะไรไหม" ผมถามกลับด้วยความเป็นห่วง
“ที่ฟังข่าวมา ยังไม่มีประกาศว่าพระราชาสิ้นพระชนม์ ก็แปลว่าพระราชาไม่ถึงขั้นกับตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บมากน้อยขนาดไหน"
คนที่เป็นต้นเรื่องทั้งหมดเป็นแจบอมสินะ ไม่น่าเชื่อเลย...แล้วอย่างนี้แจ็คสันกับมาร์คจะรู้สึกยังไงนะ พวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน ข่าวนี้คงจะทำให้เขาเสียใจไม่น้อย
“ครับ" จู่ ๆ ธีมก็ขานตอบรับ ผมจึงหันไปมองที่เขา เห็นธีมกำลังจ้องหน้าแจ็คสัน ส่วนแจ็คสันก็บ่นพึมพำภาษาหมาที่ผมฟังแล้วไม่สามารถรู้ความได้ "เราจะย้ายไปอยู่ที่ปราสาทต้วนงั้นเหรอครับ"
ปราสาทต้วน? มันคือที่ไหน... นี่เราไม่ได้จะกลับบ้านแจ็คสันกันเหรอ
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมจะตามไปที่นั่น แต่ก่อนอื่นผมขอไปสืบเรื่องหมู่บ้านต่อ ถ้าได้เรื่องอะไรผมจะไปมาบอกนายท่านนะครับ"
พูดจบธีมก็กลับร่างมาอยู่ในร่างหมาป่าขนสีดำของเขาเหมือนเดิม เขากำลังจะวิ่งไปแล้ว แต่ผมกำลังจะรั้งเขาไว้ก่อน
“ธีม!” เจ้าหมอนั่นหันหน้ามามองผม "ระวังตัวด้วยนะ"
ธีมพยักหน้าตอบรับคำพูดของผม แล้วเขาก็วิ่งหายลับไปในป่า ส่วนแจ็คสันเองก็เริ่มออกตัววิ่งไปทางข้างหน้าอีกครั้ง เขาคงจะกำลังมุ่งหน้าไปปราสาทต้วน จะเป็นไปได้ไหมว่าที่ที่นั่นจะเป็นบ้านของมาร์ค ไม่รู้ว่าตอนนี้ทุกคนไปถึงที่นั่นหรือยัง หวังว่าทุกคนจะปลอดภัยดีและขอให้ผมเป็นคู่สุดท้ายที่กลับไปถึง เพราะผมไม่อยากอยู่ที่นั้นด้วยความกังวลและรอคอยการกลับมาของทุกคน
ขอให้ปลอดภัยกันด้วยเถอะ!
.
.
.
.
.
แจ็คสันพาผมลุยป่าอยู่สักพักใหญ่ จนในที่สุดผมก็เริ่มเห็นยอดปราสาทสีขาวบริสุทธิ์ หรือว่าเรากำลังใกล้จะถึงปราสาทต้วนแล้ว ผมอยากจะลงจากหลังแจ็คสันเต็มทนแล้ว และเขาเองก็ควรจะได้พักบ้าง ทั้งวันนี้เขาวิ่งมาทั้งวันแล้ว สงสัยวันนี้แม่ครัวอาจจะต้องทำอาหารเยอะเป็นพิเศษ เพราะแจ็คสันคงจะกินเยอะกว่าทุกวันแน่ ๆ
แล้วเราก็ได้เริ่มใกล้ปราสาทของมาร์คมากยิ่งขึ้น จะว่าไปผมเพิ่งนึกได้ว่าผมเคยมาปราสาทมาร์คมาก่อนเมื่อตอนที่มาแอบดูแบมแบม ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจตัวปราสาทเท่าไร เพราะกำลังจับจ้องเจ้าน้องชายของผม ในวันนี้คงจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้พิจารณาอย่างจริง ๆ จัง ๆ
พอได้ใกล้ผมก็ยิ่งได้เห็นความงดงามของปราสาทที่นี่ มันสวยมาก ๆ และดูขาวสะอาดตา ไม่เหมือนปราสาทของแจ็คสันเลยสักนิด ที่นั่นมันน่ากลัวมาก ๆ ถ้าจะเปรียบให้ฟังที่นี่ก็คงจะเป็นปราสาทของเจ้าชาย ส่วนปราสาทหวังของแจ็คสันเป็นปราสาทของปีศาจ ผมเคยเกลียดและกลัวสถานที่นั่นมาก่อน แต่พออยู่นาน ๆ เข้าผมก็เริ่มชินกับมัน แล้วนอกจากนั้นก็ยังรู้สึกผูกพันกับมันมาก ๆ ด้วย พอคิดว่าต้องย้ายจากที่นั่นเพื่อไปอยู่ที่ใหม่ ผมก็อดคิดถึงมันไม่ได้ ไม่รู้ว่าผมจะอาลัยอาวรณ์อะไรมันนักหนา ทั้งที่มันก็เป็นปราสาทผีสิงที่น่ากลัว
แต่ที่ผมรู้สึกว่าคิดถึงมันอาจจะเป็นเพราะที่แห่งนั้นมีความทรงจำมากมายอยู่ที่นั่น โดยเฉพาะความทรงจำระหว่างผมกับแจ็คสัน ต่อให้มันมีช่วงเวลาที่ข่มขื่น แต่ในตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นความทรงจำที่น่าจดจำสำหรับผมไปแล้ว
ไม่สิ! ผมไม่ควรอาลัยอาวรณ์มัน ผมควรจะตื่นเต้นกับที่อยู่ใหม่ที่เรากำลังจะย้ายกันไป ที่นั่นคงจะมีแต่ความทรงจำที่ดีทั้งหมด คงไม่มีความเศร้าและคิดถึงอีกต่อไปแล้ว เพราะผมจะได้ย้ายไปพร้อมครอบครัวของผม และนอกจากนั้นแจ็คสันก็จะไปกับเรา
มันจะเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความสุข ผมอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ
Hooowl~
แจ็คสันหอนรับอีกครั้งเหมือนเป็นคำสั่งที่บอกให้คนที่อยู่ในเขตปราสาทเปิดประตูรั้ว แล้วพวกเราก็ได้เข้ามาอยู่ในเขตของปราสาทได้อย่างปลอดภัย แจ็คสันยังคงวิ่งเพื่อพาเราไปยังข้างในปราสาท ประตูไม้ขนาดใหญ่ถูกเปิดออก ผมมองไปที่ตอนนั้นก็ทำผมยิ้มกว้างด้วยความโล่งอก พ่อกับแม่ของผมปลอดภัย
“ยองแจ!” แม่ตะโกนเสียงผม น้ำเสียงของแม่ดูดีใจไม่น้อยที่ได้เจอผม พวกเขาคงจะกังวลมากสินะที่ผมมาช้า
แจ็คสันวิ่งพาผมเข้ามาสู่ในเข้าในตัวปราสาทแล้ว ความอบอุ่นข้างในทำผมรู้สึกดีไม่น้อย ผมลงจากหลังแจ็คสันก่อนจะหันไปหาพ่อแม่ เขาทั้งสองวิ่งมากอดผมไว้แน่น แค่ได้กอดพวกท่านผมก็รู้สึกอากาศของในปราสาทที่ผมชมเมื่อกี้ ยังไม่อบอุ่นเท่าพ่อกับแม่กอดเลย ผมโล่งใจชะมัด
ว่าแต่... แบมแบมไปไหน
“แบมแบมมาถึงแล้วใช่ไหมครับ?" ผมถามขึ้นเมื่อตอนที่เราคลายออกจากกัน หากทว่าพอได้มองหน้าพ่อกับแม่แล้วก็ทำความรู้สึกของผมมันลงดิ่งทันที
“ยังไม่มาเลย พ่อเป็นห่วงจะบ้าแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า" ตาของผมร้อนผ่่าวขึ้นมา ผมเป็นห่วงน้อง ทำไมไม่เป็นผมที่มาถึงที่นี่เป็นคนสุดท้าย การรอคอยใครกลับบ้านนี่มันทรมานชะมัด
“แจ็คสัน!! คุณจะไปไหน!!” ผมตะโกนถามขึ้น เพราะจู่ ๆ แจ็คสันก็วิ่งออกจากปราสาทไป และการที่เขากำลังจะหายไปอีกคนมันทำผมกังวลมากขึ้นไปอีก
“เขาคงจะไปตามหาพี่มาร์คกับแบมแบม" เสียงใครบางคนดังขึ้นจากข้างหลังของผม ผมหันไปมองก็เห็นชายวัยที่ดูน่าจะวัยเดียวกันกับผม เขาหน้าตาคล้าย ๆ กับมาร์ค หรือจะเป็นพี่น้องของมาร์ค "จริง ๆ เราก็ส่งคนออกไปตามหาแล้ว แต่ผมบอกพี่แจ็คสันไม่ทัน"
เขาคงเป็นห่วงแบมแบมกับมาร์คมากจริง ๆ เห็นเขากลับมาเป็นคนมีหัวใจแบบนี้ก็ทำผมอดรู้สึกดีไม่ได้ แต่ถึงยังไงก็ไม่ได้รู้สึกดีซะทีเดียว เพราะผมกังวลกลัวมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา
“ยองแจ นายพาพ่อกับแม่ไปนั่งในข้างในเถอะ ตั้งแต่ที่พวกเขามาที่นี่ พวกเขาเอาแต่เดินวนอยู่หน้าประตู เขาควรได้พักได้แล้ว" ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงรู้ชื่อผม ยังไม่ทันได้ถามอะไรเขาก็เดินนำผมไปแล้ว ผมจึงเอาทั้งแขนซ้ายและแขนขวาประคองพ่อกับแม่ให้เดินตามเขาไปติด ๆ
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอ" ผมถามกลับเพื่อให้ตัวเองหายสงสัย
“ผมรู้เพราะตอนที่แบมแบมอยู่ที่นี่ เจ้านั่นชอบพูดถึงทุกคนในครอบครัวให้ฟัง ทำให้ผมพอรู้จักพวกคุณอย่างคร่าว ๆ" เรื่องที่ชายคนนั้นเล่า ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเจ้าน้องชายของผมคงจะฉายแสงสดใสไปทั่วในที่นี่ แบมแบมเป็นแสงสว่างที่ให้อบอุ่นแก่พวกเราจริง ๆ
“ตลอดเวลาที่แบมแบมหายไป แบมแบมอยู่ที่นี่ตลอดเลยงั้นสินะ" พ่อถามขึ้น ผมหันไปมองพ่อก็สังเกตได้ชัดว่าความหวาดกลัวที่มีในตอนแรกหายไปหมดแล้ว เขาคงจะยอมรับการอยู่ร่วมกับหมาป่าได้แล้วล่ะ
“ใช่ครับ ตั้งแต่ที่แบมแบมมาอยู่ที่นี่ แบมแบมมาช่วยเติมความอบอุ่นให้กับที่นี่มาก ๆ ทำพี่ชายของผมที่ทำตัวเป็นภูเขาน้ำแข็ง กลายเป็นผู้ชายติ๊งต๊องขึ้นมาได้" เรื่องเล่านั้นทำให้พวกเรายิ้ม ฟังแล้วก็รู้สึกอบอุ่นตาม ขอบคุณที่แบมแบมได้อยู่ที่นี่เพราะทุกคนดูใจดีกับน้องชายของผมเหลือเกิน
“ยังไงก็ขอบคุณคุณมาก ๆ นะคะ ที่ช่วยดูแลเจ้าเด็กดื้อของเราเป็นอย่างดี"
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แบมแบมเป็นเด็กดี ใคร ๆ ก็ต่างเอ็นดู" ผมยิ้มตอบให้ผู้ชายคนนั้น เออ ว่าแต่ผมยังไม่รู้ชื่อเขาเลย
“ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ?”
“ผมชื่อโจอี้ เป็นน้องชายของพี่มาร์ค แต่ถ้าอยู่กับแบมแบม เจ้านั่นจะเรียกผมว่าคุณจิงโจ้" คำพูดของโจอี้ทำพวกเราหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เจ้าเด็กแสบของเรา อยู่ที่ไหนก็สร้างชื่อใหม่ให้คนอื่นไปทั่วเลย" แม่พูดพร้อมแต้มยิ้ม แววตาของแม่ที่ฉายออกมาเต็มไปด้วยความสุข ผมด้วยเช่นกัน... แบมแบมเป็นเหมือนแหล่งรวมพลังงานแห่งความสุข อยู่ด้วยลืมเรื่องเครียดไปทั้งหมดเลย
เฮ้อ.... คิดถึงแบมแบมก็อดเป็นห่วงอีกไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ขอให้น้องและมาร์คกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ
Hooowl~
จู่ ๆ ก็มีเสียงหมาป่าดังออกมาจากนอกปราสาท เสียงนั่นทำให้ผมหัวใจเต้นแรง เพราะเป็นเสียงบอกว่าใครบางคนกำลังมา พวกเราหยุดเดินหันไปมองที่ทางเข้าประตู หัวใจของผมเต้นรัว ผมได้แต่ภาวนาขอให้เห็นร่างสามคนกลับมา เราควรได้อยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัยสิ ได้โปรด ได้โปรด... ขออย่าให้มีข่าวร้ายอะไรอีกเลย
ลมปะทะเข้ามาข้างใน ผมมองไปที่ตรงทางเข้าด้วยอาการลุ้น และดูเหมือนว่าคนข้าง ๆ ผมจะรอลุ้นไม่ไหวแล้ว พ่อกับแม่รีบวิ่งไปตรงหน้าประตู
“แบมแบม!!! แบมแบมกลับมาแล้ว" เสียงตะโกนของแม่ทำผมดีใจไม่น้อย แต่ถึงยังไงผมก็ไม่โล่งใจซะทีเดียว ผมต้องเห็นกับตาให้ได้ว่าทุกคนกลับมาครบและปลอดภัย
ผมกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปหาพ่อกับแม่ แต่ทว่าก็ต้องหยุดชะงักปลายเท้าเมื่อมีอะไรวิ่งสวนผ่านประตูเข้ามาเสียก่อน ภาพตรงหน้าทำผมปลดปล่อยลมหายใจที่อัดแน่นอยู่ข้างในออกมาทั้งหมด
ทุกคนกลับมากันครบแล้วและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นี่คงจะเป็นข่าวดีที่สุดในรอบปีของผมเลยล่ะ เพราะนี่เป็นการบอกว่า... พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแล้ว
.
.
.
.
.
.
07.21 P.M.
นานมากแล้วที่บนโต๊ะอาหารของมาร์คมีคนร่วมทานอาหารเยอะมากขนาดนี้ และก็นานมากแล้วที่โต๊ะอาหารของเขาไม่ได้มีอาหารเต็มโต๊ะมากมายขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนเขาได้อยู่อย่างพร้อมหน้ากับพ่อแม่ เวลากินข้าวร่วมกันทีก็มีอาหารให้เลือกมากมาย แต่หลังจากที่ให้พ่อกับแม่ย้ายไปอยู่ที่ใหม่เพื่อหลบหนีความวุ่นวายในดินแดน ก็ทำให้มีเพียงเขา แบมแบม และโจอี้ที่ทานอาหารร่วมกัน
แต่วันนี้ความอบอุ่นได้กลับมาสู่หัวใจของมาร์ค เขามองคนที่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันก็รู้สึกสุขใจขึ้นมา มันเป็นภาพที่เขาเคยวาดฝันว่าจะได้ทานข้าวร่วมกับครอบครัวของแบมแบม และมาร์คคิดว่าภาพมันคงจะเพอร์เฟ็กต์มากกว่านี้ถ้าพ่อกับแม่ของเขาได้อยู่ด้วย
“แม่เพิ่งรู้ว่าหมาป่ากินอาหารคล้าย ๆ กับมนุษย์เรา" เบลล่าพูดขึ้นระหว่างที่มือของเธอนั้นก็จัดการหั่นเนื้อสเต็กชั้นดี คำพูดของเธอทำให้คนที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับหมาป่าเยอะหลุดยิ้มออกมา
“พวกเขาเหมือนเราทุกอย่าง มีหัวใจเหมือนกัน แต่ที่ต่างก็แค่เขามีพลังวิเศษที่สามารถแปลงกายเป็นหมาป่าได้เท่านั้น" ยองแจตอบคำถามแม่ พูดจบก็ช้อนตามองแจ็คสันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาที่ซ่อนความอบอุ่นทำหัวใจแจ็คสันได้อบอุ่นตาม
“คุณหมาป่าใจดีที่สุดเลยฮับ คุณป๊าคุณม้ารู้ไหม ว่าถ้าน้องแบมไม่ได้คุณหมาป่าช่วยชีวิตไว้ ป่านนี้น้องแบมก็กลายเป็นอาหารของคุณหมีไปแล้ว" เจ้าตัวเล็กพูดเสียงสดใส หากแต่พูดออกมาแล้วทำมาร์คส่ายหัวทันที เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่น่าพูดเอาซะเลย เดาได้ทันทีว่าเจ้าตัวเล็กต้องโดนครอบครัวดุแน่ ๆ
“ว่าไงนะ!!!” ทั้งครอบครัวของแบมแบมต่างประสานเสียงกันด้วยความตกใจ และนั่นทำให้แบมแบมเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังจะโดนดุ
“นี่ป๊าลืมไปเลยว่าต้องตีหนู ที่หนูหนีออกจาบ้านไปแบบนั้น แล้วดูสิ! ยังไปเสี่ยงอันตรายเกือบโดนหมีจับกินอีก" แจซองเริ่มดุแบมแบมเป็นคนแรก
“นั่นสิ ถ้าสมมุติคุณมาร์คเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ป่านนี้หนูจะได้มาเจอหน้าป๊ากับม้า และพี่ยองแจไหม"ต่อด้วยเบลล่าเป็นคนที่สอง
“คราวหลังอย่าทำอะไรเสี่ยง ๆ แบบนี้อีกนะแบมแบม ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ ไม่กลัวพวกเราเสียใจเหรอ" และก็จบท้ายด้วยยองแจ เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าตัวเล็กก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดแล้ว โดนดุรวดเดียวแบบนี้ จะไม่ให้หงอยได้ยังไงกันล่ะ
มาร์คหันไปมองแบมแบมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาได้แต่มองคนตัวเล็กด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนแบมแบมก็ยังเป็นเจ้าเด็กตัวแสบสำหรับเขา คิดไปแล้วเขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองเป็นตาเฒ่าแก่ที่กำลังแอบหลอกกินเด็ก ถึงอายุเขากับแบมแบมจะต่างกันแค่ห้าปีก็เถอะ แต่ในความรู้สึกของเขา เขากลับรู้สึกเหมือนอายุห่างกับแบมแบมตั้งสิบกว่าปีเลย
“ก็น้องแบมเป็นห่วงพี่ยองแจนี่" คนตัวเล็กเริ่มออกเสียงเถียงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ "ก็คุณป๊าบอกทุกคนจะเลิกตามหาพี่ยองแจแล้ว น้องแบมไม่อยากหยุดที่จะตามหาพี่ยองแจ เพราะอย่างนั้นน้องแบมถึงได้ออกตามหาพี่ยองแจเอง"
คำพูดของแบมแบมทำบรรยากาศบนโต๊ะเงียบไปทันที ทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่เจ้าตัวเล็ก คิดไปถึงเหตุการณ์ตอนนั้นที่ยองแจหายไปทั้งแจซองและเบลล่าก็ต่างรู้สึกจุกไม่น้อย ส่วนคนที่ก่อเรื่องไว้อย่างแจ็คสัน เขารู้ว่าเขาทำผิดต่อยองแจไว้มาก และในวันนี้ที่เขาได้ฟังสิ่งที่แบมแบมพูด มันทำให้เขารู้สึกผิดอย่างไม่อยากให้อภัยตัวเอง กว่าจะคิดได้ก็ทำใครต่อใครเสียใจไปเยอะ
“ผมว่าเราเลิกคุยเรื่องเครียด ๆ กันเถอะ ในตอนนี้ทุกคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ" โจอี้พูดทำลายบรรยากาศตึงเครียดนั้น ทำให้คนที่ร่วมโต๊ะอาหารต่างกันพยักหัวเป็นการเห็นด้วยในคำพูดของโจอี้
จริงที่สุด อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้กลับมาอยู่ร่วมกันหรอก แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว
“ใช่ ๆ เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะฮะ" เห็นได้ชัดว่าแบมแบมจะเห็นด้วยกับความคิดของโจอี้สุด ๆ ก็แน่ล่ะ เพราะอยากจะหนีออกจากการพูดคุยที่ตัวเองโดนดุเมื่อกี้นี้ และคิดเหรอว่าคนอื่นจะไม่รู้ทัน ช่างน่าเอ็นดูจริง ๆ จนทำให้ทุกคนต่างหลุดยิ้มออกมา “น้องแบมตื่นเต้นจังเลยฮะที่เราทุกคนจะได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันทั้งหมด เหมือนว่าครอบครัวของน้องแบมกำลังใหญ่ขึ้นเลย"
เป็นคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นตาม นั่นสิเนอะ...ครอบครัวของพวกเขากำลังจะใหญ่ขึ้นแล้ว พอคิดแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นตามแบมแบมแล้วล่ะ
“และพอน้องแบมแต่งงานกับคุณมัคคึเมื่อไร ครอบครัวของเราก็จะใหญ่ขึ้นไปอีก" เสียงหวานพูดออกมาไม่คิดอะไร แต่ทำพ่อกับแม่ต่างเงยหน้าขึ้นมามองหน้าด้วยอาการตกใจ ส่วนมาร์คเองก็เริ่มรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แล้วล่ะ มันก็จริงที่เขาเคยคิดที่จะขอแบมแบมแต่งงาน แต่นั่นมันก็ตอนที่แบมแบมโตกว่านี้ ถึงยังไงก็เถอะ การที่แบมแบมพูดออกมาในตอนนี้มันอาจจะทำให้พ่อแม่ของแบมแบมเข้าใจผิดไปได้
“หมายความว่ายังไง แต่งงาน..."แจซองถามขึ้นด้วยอาการที่ยังช็อกไม่หาย ส่วนมาร์คก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็เลยขอดื่มไวน์เพิ่มความกล้าให้กับตัวเองก่อนที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด หวังว่าพ่อกับแม่ของแบมแบมจะเข้าใจ
“ก็น้องแบมกับคุณมัคคึเราจูบกันแล้ว งั้นเราก็ต้องแต่งงานกันสิฮะ"
"แค่ก ๆ" คำพูดของแบมแบมทำมาร์คสำลักน้ำไวน์ในทันที น้ำสีม่วงเข้มทะลักออกจากปากเขาจนเปื้อนเสื้อสีขาวของเขาเป็นจุด ๆ ส่วนแบมแบมเห็นมาร์คไอก็หันไปมองด้วยความเป็นห่วง พอเห็นว่าคุณมัคคึเสื้อเปื้อนก็รีบเอาผ้าเช็ดปากมาเช็คเสื้อให้ เจ้าตัวเล็กไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเลยว่าทำให้ทุกคนบนโต๊ะจะช็อกมากขนาดไหน แต่ก็มีแค่โจอี้แหละมั้งที่เขาไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เขารับรู้เรื่องพวกนั้นแล้วจนกลายเป็นความรู้สึกเอือมระอาในตัวพี่ชาย
“หมายความว่ายังไง! ที่นายดูแลลูกชายฉัน ไม่ใช่ว่าดูแลแบบพี่น้องหรอกเหรอ!!” แจซองเริ่มมีน้ำโหขึ้นมา ก็แบมแบมเป็นแก้วตาดวงใจของเขา การที่รู้ว่ามาร์คได้จูบกับแบมแบมแล้วมันทำให้เขาคิดภาพไปขั้นที่สูงมากกว่านั้นอีกถึงขั้นที่คิดว่าเจ้าตัวเล็กโดนปู้ยี่ปู้ยำ
“ไม่ใช่อย่างที่คิดแบบนั้นนะครับ ใจเย็น ๆ ก่อน"มาร์ครีบแก้ตัวเพราะกลัวว่าจะโดนเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้ ส่วนคนที่ระเบิดไว้อย่างแบมแบมไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย ได้แต่เป็นห่วงคราบเปื้อนบนเสื้อของมาร์ค
“มันยังไง! พูดมาให้หมด แบมแบมยังเด็ก นายกล้าทำอะไรลูกชายฉันได้ยังไง" เริ่มเห็นเขี้ยวงอกออกจากฟันของแจซองแล้วล่ะสิ ทำมาร์คเริ่มเหงื่อตกกลัวจะอธิบายไปพวกเขาก็ยังไม่เข้าใจ
“ผมจริงจังกับแบมแบมนะครับ!” มาร์คพูดออกมาอย่างแมน ๆ "ผมรักแบมแบม ผมรู้ว่าผมไม่ควรคิดอะไรเพราะแบมแบมยังเด็กมาก แต่จะให้ผมย้อนกลับไปคิดว่าแค่คิดแบบน้องชายมันก็ไม่ทันแล้วครับ เพราะผมรักแบมแบมแบบคนรักไปแล้ว"
มือเล็กที่กำลังวุ่นวายกับการเช็ดเสื้อสีขาวของมาร์คหยุดชะงักลง ใบหน้าน่ารักเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจ
“ถ้ารักแบมแบมก็ต้องรอให้น้องโตกว่านี้สิ นี่น้องอายุแค่สิบห้าเองนะ ทำอะไรทำไมไม่รู้จักคิดบ้าง" มาร์คเหมือนเห็นภาพพ่อกับแม่เขามาอยู่ตรงหน้าเลย ถ้าพ่อกับแม่ของเขารู้เขาก็คงจะโดนดุแบบนี้แหละ
“ผมทราบดีครับว่ามันไม่ควร... แต่เราทั้งสองไม่มีอะไรเกินกว่าจูบแน่นอนนะครับ เรายังไม่ถึงขั้นนั้น และจะไม่มีวันถึงจนกว่าเราจะได้แต่งงานกัน" ถึงมาร์คจะไม่อยากย้ำออกไปว่าเขาเคยจูบแบมแบม แต่ก็จำใจต้องพูด เพราะกลัวทุกคนจะเข้าใจผิดว่าเขาทำอะไรแบบลึกซึ้งกับแบมแบมแล้ว
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของครอบครัวฝั่งของแบมแบมดูผ่อนคลายลง งั้นก็แสดงว่าพวกเขาเข้าใจผิดจริง ๆ สินะ คิดว่ามาร์คทำอะไรมากกว่าจูบ
“ขั้นนั้นคืออะไรเหรอฮะคุณมัคคึ" เสียงหวานถามขึ้นอย่างใสซื่อ ทำมาร์คเบิกตากว้างด้วยอาการตกใจ แบมแบมไม่ควรสงสัยอะไรในสิ่งที่เขาไม่อยากให้สงสัย จะพูดยังไงดีให้แบมแบมเลิกสงสัย
“คือ... ขั้น... อาบน้ำด้วยกัน" เอาวะ อ้างเรื่องอาบน้ำด้วยกันไปก่อน ใครจะอยากพูดความจริงเพื่อทำลายความคิดใส ๆ ของแบมแบมบ้างล่ะ
“แต่เราก็เคยอายน้ำด้วยกันนี่ครับ บ่อยด้วย" ดูเหมือนความซวยของมาร์คจะไม่จบนะ...
“ว่าไงนะ!!!” ครอบครัวฝั่งแบมแบมต่างร้องลั่นออกมาด้วยอาการตกใจ ส่วนมาร์คก็เองก็ได้แต่ทิ้งตัวเอนพิงกับพนักพิงเก้าอี้อย่างจำนนต่อหลักฐาน ในขณะที่แบมแบมยังพยายามขอให้มาร์คอธิบายอีกเพราะไม่เข้าใจ
โต๊ะอาหารได้วุ่นวายอีกครั้ง ยิ่งมาร์คพยายามอธิบายอะไรออกไป ก็เหมือนว่าสิ่งที่เขาอธิบายกลับเป็นมีดมาเฉือดคอของเขาตามหลัง ที่เห็นจะมีนั่งทานมื้อค่ำอย่างเงียบ ๆ ก็มีแต่คนที่บริสุทธิ์ใจจริงอย่างโจอี้นี่แหละ ก็เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเขาก็ไม่จำเป็นต้องร้อนตัว ส่วนอีกคนที่ไม่ได้ออกเสียงในการสนทนาอย่างแจ็คสันก็รู้สึกผวาไปเสียทุกครั้ง ก็แน่ล่ะ ในโต๊ะนี้เขามีความผิดสูงสุด ถ้าพ่อกับแม่ของยองแจรู้เข้าว่าเขาเคยทำไม่ดีต่อยองแจขนาดไหน เขาคงจะโดนไล่ให้ออกห่าง ๆ ยองแจแน่ ๆ อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย ตอนนี้กลับตัวกลับใจได้แล้ว ไม่มีทางทำแบบนั้นอีกแล้ว ให้อภัยเถอะ
“แจ็คสัน เงียบเลยนะมึง มึงเองก็คบกับยองแจไม่ใช่เหรอ อย่าปล่อยให้กูโดนรุมคนเดียวสิ" เอาแล้วล่ะ โดนลากไปจนได้
“หมายความว่ายังไง" แจซองถามขึ้นด้วยน้ำเสียงซ่อนความน่ากลัว
มาร์คพรูลมหายใจด้วยความโล่งอกที่การสอบสวนของเขาได้จบลงแล้ว แต่จริง ๆ เขาก็รู้สึกผิดนะที่โยนเรื่องไปหาเพื่อนแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้จะแฉสิ่งที่แจ็คสันทำในอดีต เพราะอย่างนั้นเขาถึงพูดออกไปแค่ว่าคบกับยองแจ
“ผมเองก็จริงจังกับยองแจนะครับ และอีกอย่าง...ยองแจก็อายุสิบแปดแล้ว มันก็ไม่น่าจะผิดเท่ากับ... ทำกับเด็กอายุสิห้า" แจ็คสันเลื่อนสายตาไปมองมาร์ค พร้อมส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยผ่านสายตา แม้ว่าหน้าตาของเขาจะปั้นทำเป็นใสซื่อก็ตาม
ส่วนมาร์คก็ได้แต่อ้าปากค้างอึ้งกับการตอกกลับของแจ็คสัน นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนนะ จะแฉสิ่งที่ทำในอดีตให้พ่อแม่แบมแบมให้จัดการแน่
เพราะแจ็คสันมัวแต่เยาะเย้ยเพื่อนเลยไม่ทันมองว่าแก้มของยองแจแดงมากขนาดไหน ก็ยองแจไม่คิดว่าแจ็คสันจะกล้าพูดว่าจริงจังกับพ่อแม่ของเขา
“จริง ๆ แล้วฉันก็เริ่มมาคิดว่าทำไมนายไม่พาแบมแบมกลับไปส่งบ้าน ทำไมต้องพาแบมแบมมาอยู่ที่นี่ นายเองก็คิดจะรวบหัวรวบหางแบมแบมใช่ไหมล่ะ!" เอาแล้วล่ะ เพราะแบมแบมยังอายุสิบห้า และเป็นกล่องแก้วดวงใจของแจซองกับเบลล่า ก็เลยทำให้มาร์คยังถูกสอบสวนไม่เลิก
“น้องแบมไม่มีหางสักหน่อย แต่ลูกของน้องแบมมีแน่นอน"
“ไอ้มาร์ค แก!!” ดูเหมือนแบมแบมจะได้ปล่อยระเบิดให้มาร์คไปอีกรอบ แจซองหวงลูกชายจนควันออกหู ทั้งยองแจและเบลล่าต่างล็อกตัวแจซองไว้ไม่ให้เขาปีนโต๊ะไปจิกหัวมาร์ค ส่วนคนที่โดนกล่าวหาก็ได้แต่อธิบายความคิดของเขาออกไปรัว ๆ ว่าเขาไม่ได้คิดที่จะหวังรวบหัวรวบหางแบมแบม และเจ้าตัวเล็กเองก็ได้แต่ทำหน้ายู่เอาแขนมากอดคอมาร์คไว้เป็นการปกป้อง ในตอนนี้ก็คงจะมีแต่แจ็คสันกับโจอี้นี่แหละที่แอบหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน เพราะสะใจที่มาร์คโดนพ่อตาเล่นงานเอา ท่าทางอารมณ์ดีของแจ็คสันนั้นทำแบมแบมต้องหันมามองค้อน
“คุณป๊าจะดุคุณมัคคึของน้องแบมคนเดียวไม่ได้นะ ดุพี่เจสันด้วยสิ"แจ็คสันสะดุ้งขึ้นเพราะรู้ว่าเจสันที่แบมแบมพูดถึงหมายถึงเขา ส่วนยองแจเองก็รีบส่ายหัวบอกแบมแบมว่าห้ามพูด แต่เจ้าตัวเล็กมองหน้าแจ็คสันอยู่ไงเลยไม่ได้รับการส่งซิกส์นั่น "หมาป่าที่ลักพาตัวพี่ยองแจไปก็คือพี่เจสันนี่แหละ คุณป๊าดุพี่เจสันเยอะ ๆ เลยที่มาขโมยพี่ยองแจไปจากพวกเรา"
“ตู้ม~” มาร์คแอบใส่เอฟเฟคเสียงให้กับเพื่อนพร้อมส่งยิ้มเยาะ และหลังจากนั้น...
“ไอ้เจสัน!!!! ทำแบบนี้ได้ไงวะ"
“ป๊าใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุยกัน"
“ป๊า นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะ"
และลงระเบิดก็ได้ลงที่แจ็คสันจริง ๆ ทั้งยองแจและเบลล่าต่างรั้งร่างแจซองไว้ไม่ให้เข้าไปจัดการแจ็คสันได้ ส่วนแจ็คสันผู้ไม่เคยคุกเข่าให้ใคร ก็ทรุดลงไปคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกล่าวคำขอโทษพ่อตารัว ๆ มาร์คเห็นภาพนั้นก็พยายามกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ให้มันดังลั่นออกไป ส่วนแบมแบมก็ได้แต่พูดยุยงให้ป๊าโกรธแจ็คสันมากขึ้นไปอีก ก็ถือความซวยของแจ็คสันล่ะกัน ที่บังอาจไปหัวเราะเยาะคุณมัคคึของแบมแบม
โจอี้นั่งยิ้มมองภาพบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร มันเป็นเหตุการณ์ที่ตลกจริง ๆ เขายอมรับ และมันก็เป็นภาพความอบอุ่นที่โจอี้เองก็โหยหามานาน ก็ตั้งแต่เกิดเรื่องหมาป่าโดนมนุษย์ไล่ฆ่ามันก็ทำให้ภาพแบบนี้มันหายไปนาน บรรยากาศตอนนี้มันช่วยเยียวยาหัวใจที่ห่อเหี่ยวของโจอี้ให้มีกลับมามีพลัง และเขาก็ได้แต่หวังว่าในวันพรุ่งนี้พวกเขาทุกคนจะปลอดภัยในการหลบหนี ขอร้องล่ะ เรื่องร้าย ๆ มันควรจะจบเสียที
“แล้วนายล่ะจิงโจ้!! มีคดีอะไรก่อไว้หรือเปล่า" โจอี้สะดุ้งทันทีที่แจซองหันมาชี้หน้า เหมือนเห็นภาพพ่อของเขาซ้อนอยู่ในร่างพ่อของแบมแบมเลย
นี่ถ้าไปอยู่ด้วยกัน... จะเป็นความคิดที่ดีหรือเปล่าเนี่ย ดูท่าทางจะเกเรไม่ได้แล้วล่ะ
.
.
.
.
.
.
11.21 P.M.
ความเงียบปกคลุมไปทั่วปราสาท เสียงเจี๊ยวจ๊าวในช่วงหัวค่ำได้หายไปหมดแล้วเพราะในตอนนี้มันคือช่วงเวลาเข้านอน ถึงจะเงียบน่าวังเวงแต่ก็ปลอดภัยเพราะในตัวปราสาทและนอกปราสาทมีหมาป่าอยู่หลายจำนวนที่ผลัดกันเดินเวรยามรอบอาณาเขต เพื่อให้นายท่านได้พักผ่อนอย่างสงบ
ในขณะที่ทุกคนกำลังหลับใหลในห้องพักของแต่ละคน ตรงห้องโถงกลางยังมีหมาป่าหนุ่ม ที่ยังไม่เข้านอน เพราะเขากำลังคุยงานเกี่ยวกับภารกิจในวันพรุ่งนี้ ความเครียดแสดงออกมาผ่านสีหน้าทั้งสาม พวกเขากังวลไม่น้อยสำหรับการย้ายถิ่นพรุ่งนี้ เพราะก็ไม่รู้ระหว่างทางจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่ ดังนั้นพวกเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางวันพรุ่งนี้
“ปัญหาของเราในตอนนี้คือยังมีหมาป่าที่อยู่ในคุกใต้ดินในอาณาจักรอากาเซ่อยู่มาก แค่คิดว่าต้องหนีเอาตัวรอดไปดื้อ ๆ กูก็รู้สึกว่ามันโหดร้ายเกินไป พวกเขาเป็นครอบครัวของเรา" มาร์คพูดออกมาด้วยใบหน้าเครียด
“อืม... กูก็เหมือนกัน กูก็คิดอยู่ตลอดว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี" แจ็คสันพูดแล้วก็เอนหลังพิงกับโซฟานั่ง พร้อมเอามือมานวดต้นคอของตัวเองเพื่อคลายความเครียด
“มันจะเป็นไปได้ไหมพี่ ที่เราจะไปช่วยพวกเขา" โจอี้ถาม สีหน้าก็ดูเครียดไม่แพ้จากพี่ ๆ ทั้งสอง
“เป็นไปได้ถ้าเราฆ่ามนุษย์ที่ขวางทางเราทั้งหมด" แจ็คสันพูดขึ้นเสียงเรียบ คำพูดนั้นทำมาร์คช้อนตาขึ้นมามองเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่แสดงอาการกังวล ถ้าให้แจ็คสันทำแบบนั้น ก็จะมีคนบริสุทธิ์ตายไปโดยอย่างไม่ยุติธรรม "โดยเฉพาะไอ้แจบอม ถ้าเจอมันคนแรกฉันจะไม่ลังเลที่จะยิงหัวมันแน่"
“ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าพี่แจบอมจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นได้ อะไรที่ทำให้เขากลายเป็นคนแบบนี้กันนะ เขาทำไปเพื่ออะไรกันนะ" ตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องที่แจบอมแอบเข้าไปทำร้ายจินยองหมดแล้ว เพราะข่าวเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายไปรวดเร็วมาก และทุกเสียงพูดตรงกันหมด มันจึงทำให้เรื่องนี้มีน้ำหนักที่จะเชื่อได้
“ที่รู้ ๆ ตอนนี้แจบอมคงจะลำบากมาก" มาร์คพูดออกมาลอย ๆ แต่แจ็คสันดันสนใจในคำพูดของเขา
“นี่อย่าบอกว่ามึงยังสงสารมันอยู่"
“ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะพวกเราทำมัน ก็เหมือนที่มึงเคยเป็นบ้า แค่ดีหน่อยที่มึงกลับใจได้แล้ว และกูก็เชื่อว่าแจบอมมันต้องกลับใจได้แน่ แค่อาจจะต้องให้เวลา" แจ็คสันไม่อยากจะเห็นด้วยกับมาร์คหรอก แต่ว่าเขาเถียงไม่ออก ก็ยอมรับว่าเขากลายเป็นคนนิสัยดุร้ายขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้ว แต่แจ็คสันก็อยากจะเถียงอีกว่าเขาก็ไม่ได้คิดทำอะไรรุนแรงแบบสร้างสงครามแบบที่แจบอมทำสักหน่อย
“มาร์ค... มึงคิดดี ๆ นะ ว่าให้เวลาตอนนี้มันทันหรือเปล่า... ที่พวกเราต้องย้ายบ้านหนีเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะมันเหรอ" มาร์คผ่อนลมหายใจทันที เขายกนิ้วมานวดขมับตัวเองเพื่อคลายความเครียด แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วย
“เรื่องอื่นค่อยว่ากันเถอะพี่ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้คนของเราเจ็บไปมากกว่านี้" โจอี้พูดขึ้นแสดงความเห็น ทำให้มาร์คและแจ็คสันเริ่มมีสติขึ้นมาว่านั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ มาร์คผ่อนลมหายใจอีกครั้งเป็นการปัดเรื่องเครียดทั้งหมดก่อนเริ่มพูดแผนเสียที เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบแผนที่ถูกม้วนเก็บไว้ จากนั้นก็นำมันมากางตรงกลางโต๊ะ
“โจอี้ นายฟังฉันให้ดี"มาร์คเรียกเจ้าน้องชาย ทำคนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย จากที่เอนกายพิงโซฟาอย่างสบายก็รีบลุกขึ้นมานั่งหลังตรง "พรุ่งนี้นายจะเป็นคนนำทางทุกคนไปที่บ้านพักของเราที่แอลโซไซซ์"
“เดี๋ยว... ทำไมพี่พูดเหมือนจะไม่ไปด้วยกัน" โจอี้ถามขึ้นด้วยความสงสัย เช่นเดียวกันกับแจ็คสันเขาก็สงสัยสิ่งที่มาร์คพูดไม่น้อยไปกว่ากัน
“ใช่... ฉันตั้งใจจะอยู่ที่นี่ก่อน และไปช่วยหมาป่าที่ถูกจับตัวไป"
“แต่แบบนั้นมันอันตรายมากนะพี่ พี่ไม่มีทางแหกเข้าไปในคุกใต้ดินของมันได้หรอก"
“ยังไงฉันก็ต้องทำให้ได้โจอี้ นายกล้าทิ้งพวกเขาได้ลงเหรอ" โจอี้หงุดหงิดขึ้นมาเสียเดียวนั้น เขาหงุดหงิดที่เหตุผลนั่นมันทำให้เขาเถียงไม่ได้ โจอี้เองก็เป็นห่วงฝูงของเขาไม่น้อยไปกว่ามาร์ค แต่เขาเองก็เป็นห่วงพี่ชายกลัวว่ามาร์คจะได้รับอันตราย "ส่วนแจ็คสัน มึงไปกับกูนะ เพราะกูคิดว่ากูไม่น่าจะสู้คนเดียวไหวแน่"
“ถึงมึงไม่บอกกูก็ไม่มีทางปล่อยมึงไปคนเดียวหรอกมาร์ค" มาร์คยิ้มบางตอบรับคำพูดของแจ็คสัน รู้สึกดีไม่น้อยเลยที่ได้เพื่อนคนนี้กลับคืนมา
“แล้วอย่างนี้ยองแจกับแบมแบมจะยอมเหรอที่พวกที่ไม่ไปด้วยกัน"
“ผมไม่ยอมไปถ้าพวกคุณไม่ไป" เสียงบุคคลที่สี่โผล่เข้ามา เสียงนั่นทำให้ทั้งสามรับรู้ได้ถึงความซวย ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากให้ยองแจอยู่ แต่การที่ยองแจย้ายไปก่อนจะทำให้เขาปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์
“ไม่เอายองแจ นายอยู่ที่นี่ไม่ได้มันอันตราย" แจ็คสันพูดเสียงดุในขณะที่ตายังจับจ้องไปที่ร่างบางที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา
“เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างมนุษย์และหมาป่า ทำไมพวกคุณถึงคิดว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ผมควรอยู่กับพวกคุณจนเรื่องมันจบ"
“ยองแจ ไม่รู้เหรอว่าเราจะเจอกับอะไร เมื่อตอนกลางวันนายก็เห็นว่าพวกทหารไม่ปรานีนายแน่ ๆ ฉันไม่ยอมให้นายอยู่ที่นี่" แจ็คสันก็ยืนยันคำเดิมว่าเขาจะไม่ยอมให้ยองแจอยู่ เพราะไม่งั้นเขาต้องพะว้าพะวงหลังเป็นห่วงยองแจแน่ ๆ
“ให้ผมอยู่ที่นี่เถอะ อย่างน้อยถ้าผมออกไปสู้กับพวกคุณไม่ได้ ก็ให้ผมคอยเป็นหน่วยพยาบาลอยู่ที่ปราสาทนี้ก็ได้ ให้ผมได้ช่วยอะไรสักทางเถอะ ไม่งั้นผมคงจะเป็นบ้าตายแน่ ๆ" คำพูดของยองแจทำทั้งสามเงียบและพิจารณา แน่นอนว่าเขาก็ยังอยากให้ยองแจไปจากที่นี่อยู่ดี แต่ดูฝ่ายนั้นดื้อรั้นน่าดู "นะ ให้ผมอยู่กับพวกคุณเถอะนะ อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าไปที่นั่นผมคงกระวนกระวายใจเป็นห่วงคุณแน่"
ไม่บ่อยที่ยองแจจะพูดอะไรแบบนี้กับเขา แต่ฟังแล้วมันก็ทำให้แจ็คสันหัวใจพองโตขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น เขาจับจ้องไปที่เจ้าของใบหน้าหมวย ฝ่ายนั้นทำหน้าเว้าวอนที่น่ารักจนเขาอดใจร้ายไม่ลง
“นายต้องรับปากกับฉันก่อนว่าถ้าอยู่ก็ห้ามออกจากอาณาตัวปราสาทเลยเด็ดขาด" แจ็คสันยื่นข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้เขาสบายใจว่าตัวเองจะไม่ได้ตัดสินใจผิดถ้าให้ยองแจอยู่
“ผมสัญญา ขอให้ผมได้อยู่ช่วยเหลือพวกคุณที่นี่ก็พอ" ยองแจพูดพร้อมส่งยิ้มที่แสนสดใสให้ทุกคน เป็นการบอกว่าเขาดีใจสุด ๆ ที่อยู่ที่นี่ ก็ดูเหมือนว่าการตกลงระหว่างพวกเขาสี่คนจะจบลงด้วยดี
แต่ว่าพวกเขาคงจะลืมนึกถึงใครบางคนไป....
.
.
.
.
.
ในเช้าวันต่อมา
รถม้าได้ถูกเตรียมไว้หน้าปราสาทอยู่จำนวนไม่น้อย เหล่าบริวารต่างพากันยกขนย้ายของที่จำเป็นใช้ มันเป็นครั้งแรกที่หมาป่าต้องเดินทางโดยใช้ม้าในการเดินทาง แต่นี่เป็นวิธีพลางตัวที่ดีที่สุด การที่ใช้ร่างหมาป่าวิ่งถึงจะไปถึงเป้าหมายเร็วก็จริง แต่ว่ามันอันตรายมาก ๆ
มาร์คเดินสำรวจให้ทั่ว เช็คความเรียบร้อยให้แน่ว่าไม่มีอะไรขาดเหลือ เมื่อทุกอย่างใกล้พร้อมแล้ว เขาก็เดินกลับไปหาแบมแบมที่ห้องนอนเป็นการพูดคุยเป็นการเกลี่ยกล่อมให้เจ้าตัวเล็กไม่งอแง มันยากตรงที่เขาก็ไม่ได้กับแบมแบม และยองแจเองก็ไม่ได้ไปด้วย นั่นจึงเป็นเปอร์เซ็นต์สูงมาก ๆ ที่แบมแบมจะงอแงขั้นรุนแรง
“เตรียมตัวพร้อมหรือยัง" มาร์คถามเจ้าตัวเล็กเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป แบมแบมแค่ชายตามองมาร์คแค่ครู่เดียวจากนั้นก็หยิบผ้าคลุมสีเขียวมาสวม "อ้าว ทำไมวันนี้ใส่สีเขียวล่ะ ปกติฉันเห็นนายชอบใส่สีแดง"
มาร์คถามพร้อมเดินเข้ามาใกล้คนตัวเล็กและช่วยใส่ผ้าคลุม แบมแบมเองเห็นมาร์คช่วยก็เลยปล่อยให้เขาช่วยจัดการแต่งตัวให้เสร็จ
“พี่ยองแจชอบสีเขียว น้องแบมก็เลยอยากใส่ผ้าคลุมสีเขียวไป จะได้รู้สึกว่าพี่ยองแจอยู่กับน้องแบมตลอดเวลา" มาร์คหรี่ตามองเจ้าตัวเล็ก นี่มันผิดจากที่เขาคิดเลยนะเนี่ย ตอนแรกคิดว่าแบมแบมจะงอแงอยากอยู่ที่นี่ด้วยกันซะอีก
“นายเข้าใจฉันกับพี่ยองแจใช่ไหม เรามีงานต้องเคลียร์ให้เสร็จ"
“อือ" แบมแบมตอบพร้อมทำหน้าหงอยใส่มาร์ค และนั่นทำให้คนตัวสูงอ้าแขนกอดคนตัวบางเป็นการปลอบ
“นายไปกับคุณจิงโจ้ต้องสนุกมากแน่ ๆ บ้านใหม่ที่เราจะไปอยู่มีทะเลด้วยนะ นายได้เล่นน้ำทุกวันแน่"
“จริงเหรอฮะ ที่บ้านใหม่มีทะเลเหรอ" แบมแบมทำขึ้นด้วยความสนใจ
“ใช่ แต่นายต้องสัญญากับฉันนะว่านายจะไม่ไปเล่นน้ำทะเลคนเดียว ถ้าอยากจะไปเล่นต้องเอาคุณจิงโจ้ไปด้วย เข้าใจไหม"
“อือ น้องแบมจะตัวติดหนึบกับคุณจิงโจ้ไม่ห่างเลย คุณมัคคึไม่ต้องห่วงนะ" ได้ยินแบบนี้แล้วสบายใจที่สุด ดีใจที่เจ้าตัวเล็กยอมไปอย่างง่าย ๆ มันทำให้มาร์คกังวลน้อยลง แต่ถึงยังไงเขาก็แอบอดคิดมากไม่ได้ หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางที่แบมแบมเดินทางไป แต่ยังไงแบมแบมก็ต้องปลอดภัยแน่ เพราะหมาป่าที่เขาแบ่งไปที่แอลโซไซซ์ก็มีจำนวนไม่น้อย และอีกอย่างมีโจอี้อยู่ก็ไม่กังวลอะไรแล้ว
“แล้วฉันจะรีบตามไปหานาย หลังจากนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข"
“แล้วตอนนี้เราไม่มีความสุขเหรอฮะ" แบมแบมถามด้วยความใสซื่อ เจ้าเด็กน้อยช่างไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย
“พวกเราน่ะมี แต่คนอื่นที่ไม่มีความสุขพยายามจะมาขัดขวางเรา เพราะฉะนั้นฉันจะต้องช่วยจัดการคนที่ขัดขวางเราให้เรียบร้อย จากนั้นเราก็จะไม่มีอะไรมากวนใจอีก" มาร์คกระชับกอดให้แน่น ให้ตัวเองได้ชาร์ตพลังจากเจ้าตัวเล็กให้เต็มที่เพื่อให้ตัวเองมีแรงไปเคลียร์กับปัญหาที่วุ่นวายมานาน
“คุณมัคคึ รู้ไหมว่าน้องแบมฝันว่าอะไร" คำพูดของแบมแบมทำมาร์คค่อย ๆ คลายกอดและมองหน้าเจ้าตัวเล็กพร้อมเลิกคิ้วมอง มันนานมากแล้วที่แบมแบมไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้เขาฟัง แต่ถึงจะนานเขายังจำบทพูดนั้นได้ไม่มีลืม
“น้องแบมฝันอยากแต่งงาน น้องแบมอยากมีเมีย น้องแบมอยากรู้ว่าใครจะได้เป็นเมียของน้องแบม แต่ตอนนี้น้องแบมจะมีเมียไม่ได้ น้องแบมต้องอายุสิบแปดก่อนถึงจะแต่งงานได้" มาร์คพูดครบทุกประโยคพร้อมส่งยิ้มแซวเจ้าตัวเล็ก แบมแบมทำปากยื่นใส่เป็นการประท้วงเล็ก ๆ
“ผิดแล้ว น้องแบมไม่ได้ฝันแบบนั้นอีกแล้ว" คำพูดนั้นทำมาร์คจ้องมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าตัวเล็กจะเปลี่ยนความคิดแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้แบมแบมไม่ได้อยากเป็นคุณสามีแล้ว แต่กำลังอยากเป็นคุณภรรยา พอคิดอย่างนั้นมาร์คก็แสดงความเจ้าเล่ห์ออกมาทางรอยยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่แบมแบมไม่เคยรู้ทัน
“งั้นนายฝันว่าอะไร" มาร์คส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แบมแบม อยากจะฟังให้ชื่นใจซะจริง ถ้าเปลี่ยนคำพูดก็คงจะเป็น.... น้องแบมฝันอยากแต่งงาน น้องแบมอยากมีสามี น้องแบมรู้ว่าใครจะได้เป็นสามีของน้องแบม แต่ตอนนี้น้องแบมจะมีสามีไม่ได้ น้องแบมต้องอายุสิบแปดก่อนถึงจะแต่งงานได้คงจะพูดแบบนี้สินะ พอคิดแบบนั้นได้มาร์คก็ยิ้มมากขึ้นไปอีก
“ความฝันของน้องแบมฉบับปัจจุบันคือ..." มาร์คยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวทั้งข้างของเขา น่ารักเสียจริงกับคำว่าฉบับปัจจุบัน"น้องแบมอยากแต่งงานกับคุณมัคคึ น้องแบมอยากเป็นคุณภรรยาที่ดีของคุณมัคคึ และน้องแบมก็อยากจะเป็นคุณแม่ที่ดีของลูก ๆ น้องแบมอยากใช้ชีวิตกับคุณมัคคึตลอดไป"
ผิดจากที่คิดไว้ทั้งหมด... ถึงจะคล้ายกับที่เขาคิดไว้ แต่คำพูดประโยคนี้มันทำให้มาร์ครู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที แววตาความเจ้าเล่ห์หายไปหมด เหลือเพียงแววตาที่แสนอบอุ่นจ้องมองมาที่คนตัวเล็ก ดูเหมือนฝันของแบมแบมจะเหมือนฝันของเขา เขาเองก็อยากจะแต่งงานกับแบมแบม อยากจะเป็นสามีที่ดีให้แบมแบม อยากจะเป็นพ่อดีที่ดีให้กับลูก ๆ และอยากจะอยู่ดูแลเจ้าตัวเล็กไปทั้งชีวิตจนเขาหมดลมหายใจ
“ฉันจะทำให้ฝันนายเป็นจริง ฉันสัญญา"
05/08/62
ความเครียดและความกดดันเริ่มมา คุณมัคคึจะไปช่วยหมาป่าที่เหลือออกได้หมดไหม แล้วน้องแบมของแม่จะปลอดภัยหรือเปล่า ลุ้นกันต่อจ้า
ใครที่อดใจรอไม่ไหว ตอนนี้เรื่องนี้มีเล่มพร้อมส่งและมีเป็นอีบุ๊คสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านในหนังสือ สนใจดูรายละเอียดได้ที่ >>> https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1536451&chapter=33
03/08/62
อีกครั้งที่ไรต์กลับมาอัปเพราะต้องแก้บน 55555555 เอาล่ะ เหมือนในพาร์ทนี้เราจะได้เห็นว่าพวกเขามีความสุขกันแล้ว ครอบครัวของมาร์คกับแบมแบมได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว และแบมแบมกับยองแจก็เหมือนจะไม่ได้แยกจากกันอีก เหลือแต่แจบอมกับจินยองแล้วล่ะ จะได้มาอยู่กับพวกเขาไหมนะ มาลุ้นกันค่ะ
ใครที่อดใจรอไม่ไหว ตอนนี้เรื่องนี้มีเล่มพร้อมส่งและมีเป็นอีบุ๊คสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านในหนังสือ สนใจดูรายละเอียดได้ที่ >>> https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1536451&chapter=33
31/07/62
ความจริงคุณหมาป่าไรต์ว่าจะเว้นช่วงสักพักใหญ่เพราะตั้งใจให้คนที่ซื้อเล่มและซื้อ E-book ได้อ่านตอนจบก่อนใคร แต่วันนี้มีความจำเป็นที่ต้องลงเพิ่มอีกนิดเพราะไรต์ต้องแก้บน 55555555 เลยเป็นโอกาสดีของคนที่ยังไม่ได้ซื้อเล่ม แต่บอกเลยว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ไม่ควรรอ มันเป็นช่วงแก้ปมกันแบบสุด ๆ เลย และไรต์ก็จะหายไปยังไม่อัปเรื่องนี้อีกพักใหญ่เหมือนเดิมนะคะ ตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับคนซื้อเล่ม
ใครที่อดใจรอไม่ไหว ตอนนี้เรื่องนี้มีเล่มพร้อมส่งและมีเป็นอีบุ๊คสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านในหนังสือ สนใจดูรายละเอียดได้ที่ >>> https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1536451&chapter=33
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกมากจิงๆ ค่ะ ชอบน้องแบม ใสซื้อ ดีงามมาก