ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมนิทานจากหลายเรื่องราวที่น่าอ่าน

    ลำดับตอนที่ #5 : เจ้าชายกบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      2
      21 เม.ย. 49



    เจ้าชายกบ....ถือเป็นนิทานอมตะคลาสสิคอีกเรื่องหนึ่ง ที่แต่งขึ้นโดยจาค็อบ(Jacob Grimm)และวิลเฮล์ม (Wilheim Grimm)สองพี่น้องตระกูลกริมม์ที่แต่งนิทานดังติดคู่มาพร้อมกันกับนิทานเรื่องซินเดอเรลล่า มีหลายคน ที่รู้จักเรื่องของเจ้าชายกบนี้เป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะเนื้อหาที่ชวนให้ใครที่อ่านแล้วเกิดความสงสารเจ้าชายที่ถูกสาป ให้กลายเป็นกบต่างก็เอาใจช่วยอยู่ตลอด และด้วยเนื้อหาที่ทำให้คนอ่านสามารถยิ้มได้นี่เอง ที่อาจจะทำให้นิทานเรื่อง นี้ไม่หายไปจากความทรงจำของคนอ่านและเด็ก ๆ ทั้งหลายทั่วโลกนั่นเอง....ทีนี้เราก็มาเริ่มกันเลยนะคะ


    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาพระองค์หนึ่งทรงปกครองบ้านเมืองของพระองค์ ด้วยทศพิธราชธรรม นำความเจริญ ความสงบสุขมาสู่ประชาชนของพระองค์โดยถ้วน หน้า พระองค์ทรงมีพระธิดาอยู่พระองค์หนึ่ง ซึ่งว่ากันว่าทรงมีความงามอันล้ำเลิศ ผู้ใด ได้เห็นมักจะตะลึงงัน ไม่เป็นอันทำสิ่งใดต่อไปได้เลย ต่างก็จะตะลึงกับพระพักตร์รูปไข่ หวานละมุน พระขนงเรียวสวย ดวงพระเนตรยาวรีดังกวางป่า พระนาสิกเชิดรั้น โอษฐ์ สีระเรื่อตามธรรมชาติ เรือนร่างโปร่งระหงหากแต่กลมกลึงชวนมองไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง.... และด้วยการที่ทรงมีความสวยงามล้ำเลิศ อย่างนี้นี่เอง พระธิดาจึงทรงเป็นที่หมายปองของเหล่า บรรดาเจ้าชายและพระราชาตามหัวเมือง และแว่นแคว้นน้อยใหญ่ที่ได้ยินและได้ฟังคำล่ำลือ ในความงามของพระองค์เข้า ดังนั้นในทุก ๆ วันจึงได้มีเจ้าชายและพระราชาเสด็จเข้ามาเสนอตัวขอ พระธิดาอภิเสกสมรสไม่เว้นในแต่ละวันเลยทีเดียว แต่พระธิดาคนงามนั้น ก็ไม่เคยเลยที่จะถูกตาต้องใจ หรือพอพระทัยในพระราชาองค์ใดหรือเจ้าชายองค์ใหนเป็นพิเศษเลยสักพระองค์เดียว ดังนั้นพระราชา ผู้เป็นพระบิดาจึงให้เป็นต้องหนักพระทัย กับการเลือกคู่ครองของพระธิดาองค์น้อยคนงามองค์นี้ของ พระองค์เป็นอย่างมาก


    แล้ววันเวลาก็ผ่านไป...อยู่มาในวันหนึ่ง...พระธิดาทรงได้รับจดหมายอันน่าฉงน ที่ชวนให้พระองค์สนใจ มันเป็นอย่างมาก ลงนามว่าส่งมาจากเจ้าชายที่อยู่ต่างเมืองอันไกลโพ้น พร้อมกับกล่องของกำนัลอันใหญ่ ซึ่งในกล่องของกำนัลนั้น ได้มีลูกบอลทองคำที่สวยงามมากอยู่ลูกหนึ่ง แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ถูกตาต้องใจของ พระธิดาเธอเป็นอย่างมาก...ในจดหมายนั้นมีเนื้อความที่จารึกไว้ทำนองฝากรักกับพระธิดาว่า
    " ข้าแต่พระธิดาผู้เป็นดวงใจของหม่อมฉัน เมื่อถึงเวลาบรรทมของพระองค์แล้ว จงกอดลูกบอลทองคำ ลูกนี้เอาไว้ แล้วพระองค์จะได้เห็นหม่อมฉันออกมาปรากฏกายในนิมิตฝันของพระองค์ เพื่อบอกขอ พระองค์อภิเสกสมรส....
    ในจดหมายนั้นได้ลงนามในตอนท้ายว่า...จากเจ้าชายที่อยู่ในแดนไกล...เมื่ออ่าน จดหมายจบลง พระธิดาก็หันกลับไปจ้องมองเพ่งพินิจพิจารณาลูกบอลทองคำลูกนั้นอย่างไม่วางตาเป็นเวลา นานเลยทีเดียว


    และในคืนวันนั้นพระธิดาผู้เลอโฉมจึงทรงบรรทม และกอดลูกบอลทองคำที่สวยงามลูกนั้นเอาไว้กับอกของพระองค์ แล้วหลับไหลลงไปบนแท่นบรรทมเหมือนในทุก ๆคืนที่ผ่านมา...แต่ในค่ำคืนนี้พระองค์ได้นิมิตเห็นว่าได้มีเจ้าชายผู้สง่า งามจนหาที่ติมิได้เลยพระองค์หนึ่ง ออกมาปรากฏกายที่ตรงหน้า...แล้วบอกขอให้พระองค์ยอมเป็นพระชายา และยอมตก ลงใจเลือกเจ้าชายให้เป็นคู่อภิเสกสมรสเสียเถอะ...ในนิมิตฝันนั้นพระธิดาทรงยินดีและบอกตอบรับรักของเจ้าชาย อย่างเต็มใจและยินดีเป็นอย่างมาก...แล้วพระองค์ก็ทรงสะดุ้งและตื่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน


    "ทำไมถึงได้เป็นเจ้าชายที่ทรงมีความงดงาม และมีสเน่ห์ถูกใจฉันไปหมดทุกอย่างเสียเหลือเกินนะ " พระธิดาน้อยผู้ ที่ไม่เคยเลยที่จะทรงพอพระทัยหรือนึกรักใคร่ในชายใดมาก่อนเลยนั้น... บัดนี้และตอนนี้พระองค์กำลังตกอยู่ในความรัก และก็กับเจ้าชายในความฝันผู้นั้นเข้าให้เสียแล้วสิ...แล้วหลังจากคืนนั้นมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในทุก ๆ คืนทุก ๆ วันพระธิดาจะเฝ้าใจจดใจจ่อรอคอยว่า ทำไมช้าจัง และเมื่อไหร่ที่จะถึงเวลาบรรทมของพระองค์เสียทีเลยทีเดียว.... และแล้วในคืนวันหนึ่งเจ้าชายในความฝันสุดที่รักก็ได้พูดบอกเหมือนเป็นเชิงขอร้องกับพระธิดาว่า.....


    " พระธิดาสุดที่รักของหม่อมฉัน พรุ่งนี้ในตอนเช้า พระองค์จงนำลูกบอลทองคำลูกนี้ลงไปที่อุทยาน แล้ว ให้โยนมันเล่นไปรอบ ๆ สระน้ำอย่าได้หยุด " และในตอนรุ่งเช้าเมื่อพระธิดาตื่นบรรทมขึ้น พระองค์จึงลงไปที่อุทยาน โดยถือลูกบอลทองคำไว้ในมือ พระองค์ทรงเพลิดเพลินกับการโยนมันไปรอบ ๆ สระน้ำตามที่เจ้าชายได้บอกขอร้อง พระองค์ไว้...แต่ขณะที่ยังวนไปไม่ครบรอบเลยในกลางครัน พระธิดาก็เปลี่ยนใจหันมาโยนมันขึ้นไปในอากาศ แล้วก็คอยรับมันเอาไว้ในเวลาที่มันจะตกลงมา แต่ต่อมาสักครู่เมื่อพระองค์ได้โยนลูกบอลทองคำขึ้นไปจนสูงมาก แล้วขณะที่พระองค์กำลังจะยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไปรับมันเข้าเท่านั้น....


    อยู่ ๆ ในฉับพลันทันใดนั้นเอง....ก็ได้มีค้างคาวสีดำทมึนตัวใหญ่มากตัวหนึ่ง กางปีกบินร่อนถลาโฉบลงมา ที่เหนือพระเกศาของพระองค์ ด้วยความเร็วเป็นอย่างมาก แล้วมันก็กระพือปีกกางตบให้ลูกบอลทองคำลูกนั้น กระดอนตกลง แล้วพลัดหล่นลงไปสู่สระน้ำที่อยู่ในอุทยานนั้น เจ้าค้างคาวเมื่อมันตบลูกบอลทองคำหล่นไปแล้ว มันก็ยังสำรอกออกมาว่า " แก๊กๆๆๆ..เหอๆๆๆแค่นี้เองก็หมดห่วงสบายใจไปได้อีกวาระหนึ่งแล้ว เหอๆๆๆ " ก่อนที่ มันจะบินหายลับไปจากที่ตรงนั้น... และแล้วในที่สุดลูกบอลทองคำก็จมดิ่งหายลงไปสู่ก้นสระทันที แล้วน้ำในสระ นั้นก็ลึกมากจนเกินกว่าที่ใครจะลงไปงมหาได้ พระธิดาทรงทำได้แต่อย่างเดียวตอนนี้ก็คือทรงกันแสงเพราะ เสียดายลูกบอลทองคำอันเป็นที่รักลูกนั้นอยู่ที่ตรงริมสระน้ำได้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง...


    พระธิดาได้แต่ชะเง้อมองลงไปในสระน้ำ แต่สระน้ำนั้นก็ลึกเหลือเกินลึกจนพระองค์มองไม่เห็นก้นสระ จึงได้แต่คร่ำครวญและร้องว่า " โอ...ลูกบอลทองคำสุดที่รักของฉัน ขอเพียงฉันได้เธอคืนมา ฉันยินดีที่จะแลก ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์เนื้อดี อัญมณีเครื่องประดับ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี " และในขณะที่ทรงกันแสง อยู่นั้น ก็ปรากฏว่ามีกบตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แล้วมันก็ได้เอ่ยถามพระธิดาว่า " เกิดอะไรขึ้นกับ พระองค์หรือพระเจ้าข้า องค์หญิง ?? " พระธิดาจึงมองหาต้นเสียง และพอเห็นว่าเป็นเจ้ากบตาใส เท่านั้นก็ทรงตอบว่า " ลูกบอลทองคำของเราน่ะสิ หล่นหายไปในสระน้ำนี่ " พลางชี้ไปที่สระน้ำข้างหน้า


    เจ้ากบตาใสเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มหวานทีเดียวเท่าที่มันจะทำได้ และพูดปลอบว่า " อย่ากังวลเลยพระเจ้าข้า หม่อมฉันจะนำลูกบอลทองคำนั้นขึ้นมาให้องค์หญิงเอง แต่มีข้อแม้ว่า องค์หญิงจะต้องรับหม่อมฉันเป็นเหมือน คนรัก และจะยอมให้หม่อมฉันได้ร่วมชีวิตกับพระองค์ได้กินอาหารจากจานทองคำเล็ก ๆ ร่วมกัน และนอน บนเตียงน้อย ๆ ร่วมกันกับพระองค์อีกด้วย แล้วหม่อมฉันก็ยินดีที่จะลงไปเอาลูกบอลทองคำนั้นขึ้นมาให้... " "ช่างเป็นกบที่เหลวไหลเสียจริง " พระธิดาครุ่นคิดอยู่ในใจ " แต่เขาเป็นกบนี่คงไม่สามารถที่จะออกไปจาก สระนี่ได้หรอก แต่ถึงกระนั้น เขาก็อาจที่จะช่วยเอาลูกบอลทองคำสุดที่รักของฉันขึ้นมาจากก้นสระน้ำนี้ได้ ฉันจะแกล้งรับปากตามที่เขาขอดู "



    ดังนั้นพระธิดาจึงพูดกับกบว่า " หากเจ้าสามารถนำลูกบอลทองคำกลับมาคืนให้กับฉันได้ ฉันก็จะทำตามในสิ่งที่เจ้าขอ " กบเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนจะพูดต่อไปว่า " อย่าลืมสัญญานะพระเจ้าข้า ที่หม่อมฉันขอร่วมโต๊ะ เสวยกับพระองค์ และเรื่องขอนอนร่วมเตียง และขอไปทุกที่ที่พระองค์ไป พระเจ้าข้า " " เราบอกแล้วไง ว่าเราให้สัญญา " พระธิดาให้คำมั่น แล้วพอสิ้นคำของพระองค์ เจ้ากบก็ดำลงไปในน้ำ เพียงครู่เดียวมันก็โผล่ขึ้นมา พร้อมกับลูกบอลทองคำ และนำมาถวายพระธิดา พระองค์รีบหยิบลูกบอลทองคำจากปากกบทันที แล้วก็ รีบวิ่งหนีจากไป โดยไม่สนใจเสียงเรียกของเจ้ากบที่ดังตามหลังของพระองค์เลยสักนิดเดียว " พระองค์หญิง รอคนรักของพระองค์ด้วย....พระเจ้าข้า รอหม่อมฉันด้วย ! ! " แต่หากพระธิดาไม่ฟังเสียง ไม่แม้แต่ที่จะหันมา มองมันให้เสียสายตาของพระองค์เสียด้วยซ้ำ....


    วันต่อมา ในทันทีที่พระธิดานั่งลงเพื่อรับประทานอาหารพลันก็มีเสียงดัง " ตุบ-ตุบ-ตุบ " อย่างกับมีเสียงใคร กำลังขึ้นมาที่บันใดหินอ่อน แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียก....

    " พระธิดาคนงามโปรดฟังทางนี้หน่อย เปิดประตูคอยที่รักจักมาหา จำได้ไหมคำมั่นที่สัญญา ณ อุทยานริมสระน้ำใต้ร่มเงา "

    พระธิดาเมื่อได้ยินเสียงเรียกเช่นนั้น ก็สะดุ้ง จนพระพักตร์เสียทันที เพราะพระองค์นั้นทราบดีว่ามันเป็นเสียง ของใคร?...นั่นเอง พระราชาผู้เป็นพระราชบิดาเมื่อทรงเห็นกิริยาอาการแปลก ๆ ของพระธิดาเข้าอย่างนั้น จึงเอ่ยถามขึ้นว่า " มีอะไรหรือเปล่าลูกหญิงใครมาเคาะประตูเรียกลูกหรือ? "



    พระธิดาทรงอึกอักเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบว่า " เอ่อ...กบเพคะ เสด็จพ่อ นั่นเสียงกบ " " กบ ! " พระราชาทรงอุทาน ด้วยความประหลาดพระทัย " เพคะ " พระธิดาทรงตอบเสียงอ่อย พระราชาทรงรวบช้อน แล้วตรัสถามว่า " กบมาเคาะประตูเรียกลูกทำไม ? ไหนเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ? เล่าให้พ่อฟังซิลูก " พระธิดาจึงทรงเล่าเรื่องทั้งหมด ให้พระบิดาฟัง เมื่อฟังจบพระราชาก็ตรัสว่า " การถือคำสัตย์คำมั่น เป็นสิ่งที่ผู้เจริญควรยึดถือ เราให้คำสัญญาสิ่งใด กับผู้ใดก็ควรจะปฏิบัติตามคำนั้นนะลูก จงเปิดประตูให้เขาเข้ามาสิ " ดังนั้นพระธิดาจึงจำต้องสั่งให้มหาดเล็กประจำ โต๊ะเสวยไปเปิดประตูรับให้กบเข้ามา เมื่อมหาดเล็กได้นำกบมาถึงที่โต๊ะเสวยแล้ว เจ้ากบก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า.....


    " องค์หญิง กรุณาจับคนรักของพระองค์ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเสวยข้าง ๆ พระองค์ด้วยสิ ! พระเจ้าข้า " พระธิดา ทรงลังเล และทำท่าจะไม่ยอม แต่พระราชาตรัสสั่งให้พระองค์ทรงทำตามคำของกบ ส่วนเจ้ากบเมื่อได้ขึ้นมา ที่บนโต๊ะเสวยได้ ก็บอกกับพระธิดาต่อไปว่า " ช่วยขยับจานของพระองค์ให้เข้ามาใกล้ ๆ หม่อมฉันด้วยสิ หม่อมฉันจะได้กินอาหารจากจานของพระองค์ " ซึ่งพระธิดาก็ทำตามอย่างจำยอม ทั้ง ๆ ที่พระองค์นั้นสุดแสน ที่จะรังเกียจรูปร่างอันน่าขยะแขยง และลิ้นที่ยาว ๆ ของเจ้ากบที่กำลังแลบลิ้นของมันออกมาตวัดเลียกินน้ำซุปที่ อยู่ในจานเสวยของพระองค์เป็นอย่างมากก็ตาม และเมื่อมันกินอาหารจนอิ่มหนำสำราญแล้ว มันก็ยังบอกกับ พระธิดาด้วยอีกว่า .........


    " ช่วยนำหม่อมฉันขึ้นไปที่ห้องบรรทมด้วย แล้วก็วางหม่อมฉันลงนอนบนเตียงน้อย ๆ ของพระองค์ด้วยนะ " เจ้าหญิงนึกรังเกียจเจ้ากบจนแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็ต้องฝืนพระทัยทำตาม เพราะด้วยกำลังอยู่ต่อหน้าพระบิดา นั่นเอง พระองค์จึงจำต้องหยิบเอาเจ้ากบตัวลื่นที่แสนจะน่าเกียจตัวนั้นติดมือมาที่ห้องบรรทมของพระองค์ด้วย... แต่เมื่อมาถึงห้องบรรทมอันเป็นที่ลับสายตาของทุกคนโดยเฉพาะพระบิดาแล้ว พระธิดาก็ทรงวางเจ้ากบลงกับพื้น อย่างไม่สนใจใยดี แล้วพระองค์ก็เสด็จไปสรงน้ำ เตรียมตัวบรรทมโดยไม่สนใจมัน เจ้ากบมองการกระทำ ของพระธิดาอยู่นานพอสมควรก่อนที่จะพูดขึ้นว่า " พระธิดาเจ้าขา หม่อมฉันเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวกัน นะเจ้าข้า กรุณาพาหม่อมฉันขึ้นไปนอนบนแท่นบรรทมด้วยสิ มิเช่นนั้นแล้ว หม่อมฉันจะฟ้องพระบิดาว่าพระองค์ ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้... " พระธิดาก็เลยจำต้องยอมและจำใจจับมันขึ้นมาวางไว้บนแท่นบรรทมด้วย เจ้ากบเมื่อขึ้น มาบนแท่นบรรทมได้ก็ทำท่านอนหงายอวดท้องที่ป่อง ๆของมัน แล้วทำหลับตานอนนิ่งเหมือนอย่างกับว่ามันนั้น ช่างเหน็ดเหนื่อย และง่วงนอนเสียเหลือเกินเลยล่ะ... แต่พอพระธิดากำลังจะล้มตัวลงนอนลงไปที่ข้าง ๆ มันเข้าเท่านั้น มันก็ลืมตาอันใสแจ๋วของมันขึ้นมาในทันที...


    แล้วทูลพระธิดาแกมบังคับว่า " หม่อมฉันเป็นคนรักของพระองค์นี่นะ ถ้าอย่างนั้นพระองค์จะต้องจูบหม่อมฉันเสียก่อนที่จะบรรทมสิถึงจะถูก ไม่งั้นหม่อมฉันจะไปฟ้องพระบิดา สิ.. จูบฉันหน่อยนะที่รัก.." เมื่อพระธิดาได้ฟังดังนั้นก็สุดที่จะทนทานต่อไปได้อีกแล้ว พระองค์ทรงตวาดมันด้วย เสียงอันดังว่า " ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้สัญญาขนาดว่าจะต้องจูบเจ้าอีกด้วยนะ ! " และด้วยทรงพิโรธเป็นอย่างมาก กับการที่ต้องทำอะไรฝืนพระทัยตัวเองมาตลอด พระธิดาจึงหยิบเจ้ากบขึ้นมา แล้วจ้องตามันเขม็งก่อนที่จะตรัส ด้วยเสียงดุ ๆ แบบโมโหฉุนเฉียวว่า " ก็เชิญเจ้าไปฟ้องเลยสิ แล้วก็ไปบอกเสด็จพ่อด้วยว่า เราน่ะทั้งรังเกียจทั้ง ขยะแขยงเจ้าจะแย่อยู่แล้ว...ได้ยินไหม เจ้ากบบ้า ! ฮึ ! ..." พูดจบพระองค์ก็ทรงเขวี้ยงมันจนสุดแรงลงไปที่พื้น... แล้วจะเหลืออะไรเล่าทีนี้... ร่างของเจ้ากบเป็นอันต้องลอยละลิ่วปลิวไปกระแทกเอาเข้ากับพื้นห้องอย่างเต็มแรง โม่งโลกเลยหละ ผลก็เลยต้องลงไปหงายทองนอนแผ่สองสลึง สลบแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นในทันทีทันใด.....


    พระธิดาเมื่อเห็นกบนอนสลบแน่นิ่งไม่ไหวติงเข้าดังนั้น ก็ตกพระทัยเป็นอย่างมาก ทรงตรงเข้าไปที่ใกล้ ๆ แล้วเอื้อม พระหัตถ์ไปแตะต้องตามร่างกายของมัน แล้วยิ่งพระองค์ไม่เห็นว่ามันหายใจ และขยับเขยื่อนเข้าให้อย่างนั้น... พระองค์จึงได้สำนึกผิดว่า...นี่เราคงจะทำโหดร้ายกับมันมากเกินไปเสียแล้ว..." ฉันขอโทษ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ...อย่า เพิ่งตายนะ...ได้โปรดลุกขึ้นมาเถิดเจ้ากบน้อยของฉัน... " พูดจบน้ำตาอันใสสะอาดจากดวงพระเนตรของพระองค์ ก็เอ่อล้น แล้วร่วงพลูหลั่งไหลลงไปสัมผัสเอาเข้ากับร่างของเจ้ากบ...และในทันทีทันใดนั้นเอง ก็เกิดมหัศจรรย์บรรดาล ให้มีกลุ่มควันสีเทาหนาทึบลอยขึ้นมาจากร่างของเจ้ากบ และพอควันจางลง ก็ปรากฏเป็นร่างของชายหนุ่มซึ่งงาม สง่ายิ่งนักแทนที่ พระธิดาทั้งตกพระทัย ทั้งแปลกพระทัยจนยืนงวยงง " ทะ ท่านคือเจ้าชายสุดที่รักที่อยู่ในลูกบอล ทองคำของฉันนี่ ! แล้วเจ้ากบตัวนั้นหายไปไหน ? "


    เจ้าชายทรงยิ้มแล้วยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกมาจับ พระหัตถ์ของพระธิดาเอาขึ้นมากุมไว้ พร้อมกับกล่าวว่า " หม่อมฉันคือเจ้าชายที่ถูกแม่มดสาปให้กลายเป็นกบ และสิ่งที่จะถอนคำสาปได้ก็มีแต่หยาดน้ำตาอันบริสุทธิ์และมีเมตตาของพระองค์เท่านั้นพระเจ้าข้า " แล้วเจ้าชายยังทูลต่ออีกว่า " แต่คำสาปจะคลายลงอย่างสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อพระธิดาจะยอมอภิเษกสมรสกับหม่อมฉัน ...เป็นชายาของหม่อมฉันได้ไหม ?..." พูดพลางเจ้าชายก็ก้มพระพักตร์ลงมาสบดวงเนตรของพระธิดา ซึ่งก็บัดนี้ พระพักตร์ของพระธิดานั้นแดงกล่ำเพราะเขินอายไปหมดเลยทีเดียว....

    แต่ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะลงเอยอย่างสวยงามอยู่ตรงนี้แล้วนั้น...พลันก็บังเกิดมีเสียงร้องของสัตว์ร้ายชนิด หนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล " แก็ก ๆๆๆ " แล้วทันทีทันใดนั้น ประตูหน้าต่างของห้องบรรทมก็โดนลมกระแทกเปิดอ้า ออกมาเหมือนตั้งใจ...แล้วเงาดำดำก็บินโผโฉมเข้ามาสู่ภายใน เงานั้นกางปีกบินล่อนถลาโฉบไปมา แล้วมันก็ บินไปเกาะห้อยหัวต่องแต่งอยู่ที่โคมไฟอันใหญ่ที่ห้อยระย้าอยู่ตรงกลางห้องบรรทมทันที ใช่แล้วมันเป็นแม่มด ที่อำพลางร่างเป็นค้างคาวปีศาจตัวนั้นตัวที่เคยแกล้งกระพือปีกตบลูกบอลทองคำของพระธิดาให้ตกลงไปใน สระน้ำนั่นเอง...."เหอ ๆๆๆ นางพระธิดา...มาเป็นตัวมารขวางทางข้าอีกแล้ว เห็นทีจะอภัยให้ไม่ได้เสียแล้วหละ วันนี้เตรียมตัวตายได้เลย...เหอ ๆๆๆ " มันพูดแบบอาฆาตออกมาแล้วยังแถมเขม็งตาจ้องมองอย่างโกรธแค้น....

    ส่วนเจ้าชายเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปยืนข้างหน้ากำบังพระธิดาเอาไว้ทันที..." อย่าทำอะไรพระธิดาของข้านะ...คราวนี้ ถึงเวลาที่จะต้องสั่งสอนเจ้าให้เข็ดหลาบและราบคาบเสียที " แล้วเจ้าชายก็ชักดาบของพระองค์ออกมาจากฝัก พร้อม กับยกชูขึ้นเพื่อเตรียมที่จะต่อสู้...ทันทีนั้นเจ้าค้างคาวผีก็หมุนตัวตีลังกาลงมาหนึ่งตลบก่อนที่จะบรรดาลให้มีกลุ่มควันลอย คลุ้งกระจายออกมาจนทั่วบริเวณนั้นทั้งหมด แล้วสักครู่ท่ามกลางกลุ่มควันที่คลุ้งกระจายนั้น ก็ปรากฏเป็นร่างของ มังกรยักษ์หน้าตาดุร้ายมากตัวหนึ่งย่างสามขุมออกมา มันเดินมาหยุดยืนจังก้าอยู่ต่อหน้าเจ้าชายและพระธิดา แล้วส่าย หัวไปมาพร้อมกับพูดว่า " ก้าวว์ว์..เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็เตรียมตัวตาย และเป็นอาหารของข้าเสียทั้งสองคนนั่นแหละ... เหอ ๆๆๆๆ..ก้าวว์ว์.. "


    พอสิ้นเสียงคำรามของมันจบลง เจ้าชายก็ตรงเข้าเหวี่ยงดาบลงไปหวังจะฟันไปที่หางของมัน แต่เจ้ามังกร ด้วยความไวมันหมุนตัวกลับ แล้วแลบลิ้นที่ยาวเหมือนงูของมันออกมาม้วนพันไปที่ดาบของเจ้าชายอย่าง เหนียวแน่น จนพระองค์นั้นไม่สามารถที่จะขยับพระวรกายของพระองค์ไปตรงไหนและทางไหนได้เลยสักน้อยนิด... " อ๊ะ.." เจ้าชายอุทานออกมาอย่างร้อนรนและตกพระทัย แต่พระองค์ก็พยายามที่จะฝืนขยับพระวรกายเพื่อ ให้หลุดลอดพ้นออกมาให้จงได้....แต่ก็เป็นเหมือนกับว่ายิ่งพระองค์ฝืนและขยับ มันก็กลับยิ่งติดแน่นเข้าไปทุกที แน่นเข้าไปทุกทีเลยทีเดียวก็ว่าได้....


    เจ้ามังกรร้ายนั้นด้วยมันหมายที่จะกินทั้งเจ้าชายและพระธิดาให้ได้พร้อม ๆ กันทีเดียวนั้นเลย มันจึงพยายาม อ้าปากให้กว้างที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ จนแลเห็นเคี้ยวที่แหลมคมอันน่าสะพึงกลัวของมันเลยทีเดียว แล้วมันยังพยายาม ดึงตัวของมันให้เข้ามาใกล้ ๆ กับทั้งสองที่ละนิด...ทีละนิด....ประชิดเข้าไปเรื่อย ๆ....ส่วนพระธิดานั้นยืนอยู่ที่ด้าน หลังของเจ้าชายที่กำลังโดนเบียดเข้าไปจนติดชิดอยู่กับข้างแท่นบรรทมของพระธิดา และในทันทีนั้นพระธิดาก็ทรง นึกขึ้นมาได้ว่าที่บนแท่นบรรทมของพระองค์นั้นได้มีลูกบอลทองคำวางอยู่ และด้วยความไวพระธิดาก็เอื้อมพระหัตถ์ ของพระองค์ออกไปจับลูกบอลทองคำเอาไว้แน่น แล้วรวบรวมพลังที่พระองค์มีอยูทั้งหมดเขวี้ยงลูกบอลทองคำตรง เป้าเป๋ง เข้าไปอยู่ในปากของเจ้ามังกรร้ายทันที....ลูกบอลทองคำเมื่อเข้าไปอยู่ในปากของมังกรแล้วก็ค่อย ๆ ขยายตัว ขึ้นเหมือนลูกโป่งพองลมก็ไม่ปาน และในที่สุดมันก็พองโตขึ้นด้วยความไวจนใหญ่โต แน่นจนคับคอของเจ้ามังกรร้าย เลยทีเดียว " โอ๊ะ ก้าวว์ว์.. หายใจไม่ออก คุ...คุ.."


    มังกรร้ายด้วยความทรมานและตกใจมันจึงส่ายหัวไปมา หมายสบัดให้ลูกบอลทองคำกระเด็นออกไปจากปากของมัน ให้ได้ แต่อาการนั้นเป็นผลให้ดาบที่มันได้ใช้ลิ้นม้วนพันเอาไว้นั้น เป็นอันต้องกระเด็นกระดอนออกไป และไปตกลง อยู่ที่พื้นใกล้ ๆ กับที่เจ้าชายกำลังล้มคุกเข่าอยู่ ดังนั้นพระองค์จึงรีบคลานเข้าไปฉวยเอาดาบของพระองค์ขึ้นมา แล้วทันที ทันใดนั้นก็ได้กระโดดตรงเข้าเสียบปลายดาบแทงลงไปที่คอหอยของเจ้ามังกรร้ายอย่างเต็มแรง เสียงสนั่นดัง " จึ๊ก " และ ตามมาด้วยเสียงร้องของเจ้ามังกรร้าย " ก้าวว์ว์.. ก้าวว์ว์.. " มันต้องล้มตัวนอนลงยาวเหยียด และส่งเสียงร้องโหยหวน อยู่พักใหญ่ก่อนที่ร่างกายอันแสนที่จะน่าเกียจของมัน จะค่อย ๆ ละลายกลายเป็นขี้เถ้าและจางหายไปกับลมที่พัดโชย มาจากทางหน้าต่างของห้องบรรทมทั้งหมด จนไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ให้เห็นเป็นซากเพื่อจะไว้ได้ดูเลยสักน้อยนิด...........


    " ต่อแต่นี้ไป...ขอให้สิ้นเวรสิ้นกรรมที่มีต่อกันเสียที..." เจ้าชายพูดแล้วก็ตรงเข้าไปโอบกอดพระธิดาเอาไว้กับอก แล้วทูลว่า " พระธิดาของหม่อมฉัน ลูกบอลทองคำลูกนั้นเป็นของที่มีอำนาจและพลังอันมหัศจรรย์ที่หม่อมฉันได้รับมา จากเทพธิดาที่อยู่ในสรวงสวรรค์ ต่อแต่นี้ไปทุกคนคงจะหมดทุกข์หมดโศรกกันเสียที...แล้วตอนนี้..หม่อมฉัน... ยังไม่ได้รับคำตอบตกลงจากองค์หญิงเลยว่า จะยอมเป็นชายาของหม่อมฉันได้ไหม ? " พระธิดาทรงขวยอาย ก่อนที่จะพยักหน้ารับ แล้วทูลเจ้าชายว่า " เพคะ...หม่อมฉันเต็มใจและยินดีอย่างที่สุด..." แล้วทั้งสองก็ทรงให้คำมั่นสัญญา ต่อกันว่าจะร่วมมือร่วมใจกันใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกันตราบนานเท่านาน....ชั่วนิรันดร์


    และในวันรุ่งขึ้น เมื่อพระราชาทรงทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็ทรงอนุญาตให้ทั้งสองพระองค์อภิเสกสมรสกัน แล้ว ทั้งสองพระองค์ก็เดินทางไปยังเมืองของเจ้าชายครองรักครองเรือนกันอย่างมีความสุข ...และก็เห็นทีว่าคงจะต้องจบสิ้น ตำนานของเจ้าชายกบในคราวนี้เองนะคะ.....คติสอนใจที่เหมาะกับนิทานเรื่องนี้...ก็คงจะมีอยู่ที่ว่า...

    คนเราควรคิดก่อนพูด เพราะหลังจากพูดแล้ว เราจะตกเป็นทาสมัน และถ้าเราไม่ทำตามคำพูดนั้น เราก็จะกลายเป็นคนที่ตระบัดสัตย์คบไม่ได้นั่นเอง....


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×