ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : นิทาน หนูน้อยหมวกแดง
บทนำเรื่องนิทานเรื่อง " หนูน้อยหมวกแดง " เป็นนิทานของประเทศทางยุโรป ได้ถูกแต่งขึ้นโดยสองพี่น้องตระกูลกริมม์ ซึ่งเป็นนักเขียนเทพนิยายชื่อดังและอยู่ในสมัยเดียวกันกับ ผู้แต่งนวนิยายชื่อดังอีกท่านคือ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เสน นิทานของสองพี่น้องตระกูลกริมม์ เรื่องนี้ แต่งขึ้นเพี่อต้องการเน้นให้เด็ก ๆ ทั้งหลายหันมาเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่และบิดามารดาที่รู้มากกว่าเราอย่างเคร่งคัด ไม่ให้คิดเถรไถรไปเที่ยวเล่นหรือไว้ใจและเชื่อคำพูดของคนที่ไม่รู้จักหรือคนแปลกหน้า ในขณะที่ได้ใช้ให้ไปทำธุระหรือทำกิจ อะไรให้บางอย่างอย่างใด ได้ยกความผิดพลาดของตัวเอกของเรื่องคือ " หนูน้อยหมวกแดง " มาให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า เพราะการ ที่คิดเที่ยวเถรไถร และพูดคุยกับคนแปลกหน้า โดยไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนแล้ว ผลร้ายที่ได้รับนั้น ก็เกือบจะทำให้ตัวเองเกือบจะต้องตาย และก็เกือบจะกลายไปเป็นอาหารของหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์เสียอย่างน่าสงสารนั่นเองค่ะ |
เวลาที่แม่หนูน้อยสวมหมวกเสื้อคลุมสีแดงออกไปเดินเล่นข้างนอก สุนัขก็จะวิ่งตามมาแล้วบอกกับเธอว่า " ช่างน่ารักและ เหมาะ กับเธออย่างที่สุดเลยหละ...หนูน้อยหมวกแดง " หรือแม้แต่คุณลุงที่เป็นชาวนาข้างบ้านก็ยังบอกเหมือน ๆ กันอีกว่า " ม่า..ช่างสวย เลิศและเหมาะกับเธอเสียจริง ๆ แม่หนูน้อยหมวกแดง ฮ่า ๆๆๆ " จึงเป็นด้วยเหตุดังนี้นี่เอง ที่ใคร ๆ ทุกคนที่รู้ จักกับแม่หนูน้อย ต่าง ก็พร้อมใจกันหันมาเรียกและเปลี่ยนชื่อของเธอกันเสียใหม่ว่า " หนูน้อยหมวกแดง " กันหมด ทุกคนไป จนติดปากกันเลยทีเดียวว่า อย่างนั้นเลยหละ...
วันนี้หนูน้อยหมวกแดงของเรา จะต้องออกไปทำธุระให้กับคุณแม่คือเธอได้รับหน้าที่ ที่จะต้องนำเอากระเช้าที่ใส่ขนมพาย, และ เหล้าองุ่นไปให้กับคุณยายของตัวเอง ที่อาศัยอยู่ในที่กลางป่าที่อยู่ถัดไป ซึ่งคุณยายผู้นี้ที่เป็นผู้ที่ได้เย็บหมวกเสื้อคลุมสี แดงให้ กับเธอนั่นเอง คุณแม่ได้ตามออกมาส่งและบอกกับ " หนูน้อยหมวกแดง " ว่า " ตอนนี้คุณยายได้เกิดล้มป่วยลงอย่าง กระทัน หัน เธอจงช่วยนำเอาของเหล่านี้ไปเยี่ยมไข้ให้คุณยายนะลูก แล้วก็ห้ามแวะเที่ยวเล่นตรงไหนด้วยนะ รีบไปแลัวก็ รีบกลับ จำไว้ ให้ขึ้นใจนะว่าห้ามเถรไถรเป็นอันขาด แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือห้ามพูดคุยกับใครที่ไม่รู้จักหรือคนแปลกหน้าด้วย ล่ะ..เข้าใจนะ " ฟังแม่สั่งเสียเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนูน้อยหมวกแดงก็ออกเดินทางไปเยี่ยมคุณยายของตนด้วยความร่าเริงอย่าง ที่สุดเพราะ แม่ หนูน้อยดีใจที่จะได้ไปพบกับคุณยายผู้ใจดีของตนนั่นเอง
เมื่อหนูน้อยหมวกแดง เดินทางมาถึงกลางทางที่ในป่าแล้วนั้น ก็พอดีได้มีหมาป่าที่ออกมาเดินเกะกะอยู่ที่ใกล้ ๆ แถว ๆ บริเวณนั้น ตัวหนึ่งเข้าอย่างบังเอิญ และเมื่อมันมองไปและเห็นว่าได้มีเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ กำลังเดินอยู่กลางป่าคนเดียวเช่นนั้น มันจึงคิดที่จะ กินแม่หนูน้อยทันที มันรีบเดินเข้าไปที่ใกล้ ๆ และได้ยื่นปากออกมาพูดทักทายกับหนูน้อยหมวกแดงว่า " นี่ นี่ หนูน้อยหมวกแดง ที่ในป่าลึก ๆ เช่นนี้ เธอจะไปไหนหรือ? " หนูน้อยหมวกแดงจึงตอบว่า " อ๋อ เราก็จะไปเยี่ยมไข้คุณยาย ของเราน่ะสิ คุณยายจะอยู่ ลึกเข้าไปในกลางป่าอีกหน่อยนี่แหละจ๊ะ " ตอบแล้วหนูน้อยหมวกแดงก็เดินของเธอต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีท่าทางที่จะติดใจหรือ คิดสงสัยอะไรกับเจ้าหมาป่าตัวนั้นเลยสักน้อยนิดว่าที่มันมาทักนี่น่ะ มันนั้นหมายที่จะกินเธออยู่ ตรงนี้แล้ว !! หนูน้อยหมวกแดง เดินของเธอไปอย่างร่าเริงโดยมีเจ้าหมาป่าตัวร้ายเดินตามไปด้วยติด ๆ ไม่ยอมห่างเลยทีเดียว เลยหละ
เจ้าหมาป่าเดินตามมาติด ๆ และมันก็คอยมองหาจังหวะที่จะกินหนูน้อยหมวกแดงอยู่ทุกวินาทีเลยทีเดียวเสียด้วยสิ ! และ เมื่อมันได้จังหวะ!! มัน...ก็อ้าปากอันใหญ่มหึมาที่มีเขี้ยวที่แหลมคมของมันขึ้น แล้วเตรียมที่จะงับ...แต่อยู่ ๆ ขณะนั้นที่เป็นเวลา เหมือนกับที่เรียกว่าเข้าด้ายเข้าเข็มอะไรทำนองนั้นของมันอยู่ พลัน ! ก็มีลูกคุริ ( ลูกเก๋าลัก ) นับเป็นสิบได้ถูกปากระหน่ำลงมา จากบนต้นไม้ เจ้าหมาป่าต้องหุปปากของมันลงอย่างกระทันหันด้วยความเจ็บ แล้วยกมือขึ้นกุมหัวเอาไว้ มันร้องขึ้นด้วยความ ตกใจเพราะ เจ็บอย่างมากเลยทีเดียว " จ๊าก...เจ็บ ๆ ใครปาหัวข้าฟะ " และเมื่อมันมองขึ้นไปดูที่บนต้นไม้ มันก็ได้พบว่าพวก กระรอกมาก มายหลายตัวที่อยู่แถว ๆ นั้น ซึ่งพวกมันเผอิญมองไปและได้เห็นว่าเจ้าหมาป่ากำลังอ้าปากและจะงับหนูน้อย หมวกแดงกินเสียแล้วนั่นเอง จึงได้ช่วยกันเอาลูกเก๋าลักปาลงมาเพื่อช่วยเหลือหนูน้อยหมวกแดงไปได้อย่างหวุดหวิด
ส่วนหนูน้อยหมวกแดงของเรานั้น ด้วยเธอเป็นเด็กที่ไม่ค่อยจะสนใจอะไรรอบ ๆตัวของเธอเป็นนิสัยและเป็นเด็กที่เชื่อคน ง่ายอย่างมากอยู่ด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่ทันนึกหรือที่จะคิดสังหรณ์ใจอะไรเลยสักนิดว่ากำลังจะโดนกินอยู่ทุกขณะอย่างนั้น จึง เดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อย ๆตามปกติอย่างเดิม เจ้าหมาป่าเมื่อมันตั้งหลักได้แล้ว ก็วิ่งตามมาอีกติด ๆ " ว๊อย..มีตัวขัดจังหวะมา แทรก แต่คราวต่อมานี้ ไม่มีทางรอดแน่นอนหนูน้อยหมวกแดงเอ๋ย " และเมื่อมันตามมาได้ทันอีกครั้ง ก็อ้าปากของมันขึ้นอีก หมายจะงับให้จมเขี้ยวเลยทีนี้ แต่...ก็พลันทันทีทันใดนั้นเหมือนกัน ที่ได้มีต้นไม้ทั้งต้นเกิดล้มตึงลงมา แล้วล้มพาดทับลงมาที่ หัวของเจ้าหมาป่าเสียง ดัง " โครม " " แว๊ก..แจ๊ก เจ็บ ๆ ใครทำอะไรข้าอีกล่ะ " คนตัดไม้นั่นเอง...ที่เผอิญมองไปและได้เห็นว่า หนูน้อยหมวกแดงกำลังจะโดนงับ เลยคิดช่วยเหลือโดยการล้มต้นไม้ทั้งต้นให้ ก็เลยเป็นว่าหนูน้อยหมวกแดงจึงได้รอดพ้นจาก การโดนกินไปได้อีกครั้งอย่างโชคดี และเหลือเชื่อที่สุดอีกตามเคย
เมื่อหนูน้อยหมวกแดงเดินลึกเข้ามาเรื่อย ๆ จนถึงตรงแถว ๆที่เป็นบริเวณทุ่งกว้าง ที่มีดอกไม้ป่าขึ้นอยู่อย่างมากมายนั้นแล้ว เจ้าหมาป่า มันก็วิ่งตามมาจนทันอีกครั้ง และคราวนี้มันคิดแผนการณ์ขึ้นมาใหม่และได้พูดบอกกับหนูน้อยหมวกแดงว่า " นี่ถ้า เธอจะไปเยี่ยมคนป่วย แล้วถ้ามีดอกไม้สวย ๆ พวกนี้ติดมือไปด้วยก็ดีนะหนูน้อยหมวกแดง "หนูน้อยหมวกแดงเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ไม่ต้องหยุดคิดอะไรให้เหนื่อยพลังสมองเลยสักนิดเดียว เพราะเธอก็ติดจะเป็นเด็กที่ว่าง่ายอย่างที่ว่า เธอจึงเห็นด้วยกับ เจ้าหมาป่าทันที และตอบมันไปว่า "อ๋อ จริงอย่างที่เธอว่าเลยทีเดียวนะเนี่ย ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวหาเก็บดอกไม้แถว ๆ นี้ติดมือไป ด้วยก็ดี ขอบคุณมากจ๊ะ ที่ใจดีบอกเรา " เมื่อหนูนัอยหมวกแดงพูดบอกขอบคุณเจ้าหมาป่าเสร็จแล้ว ก็เดินไปหยุดลงนั่งเก็บ ดอกไม้ที่มองเห็นเหล่านั้นเสียอย่างเพลิดเพลิน
" เหอ ๆๆๆ อ้ายเด็กโง่นั่นมันกำลังนั่งเก็บดอกไม้ อย่างเพลินเลยทีเดียว คราวนี้หละ ไม่รอดแน่ " เจ้าหมาป่าตัวร้าย ค่อย ๆ ย่าง เท้าเข้าไปไกล้ ๆ แล้วอ้าปาก แต่เจ้าหมาป่าต้องสะดุ้งเฮือกและตาเหลือกขึ้นด้วยความเจ็บอีกหน เพราะขณะที่ มันกำลังก้าวขา จะเข้าไปไกล้ ๆ นั้น มันได้เกิดก้าวผิดและพลาดไปเหยียบเอาผิ้งหลวงตัวหนึ่งที่กำลังตอมกินน้ำหวานใน ดอกไม้ดอกหนึ่งอยู่ เพลิน ๆเข้าอย่างจัง ! ผึ้งหลวงเมื่อโดนเหยียบอย่างไม่รู้ตัวเข้าอย่างนั้นจึงเกิดโมโหและได้ต่อยเอาเท้าของเจ้าหมาป่าเข้าให้ อย่างแรง " แว๊ก เจ็บ ๆ " มันทั้งเจ็บและตกใจจนร้องเสียจนเสียงหลงเลยทีเดียว มันต้องพลาดการได้กินหนูน้อยหมวกแดงอีก แล้ว แต่หนูน้อยหมวกแดงของเราก็ยังไม่รู้ตัวหรือไม่รู้อิโน่อิเหน่อะไรของเธออยู่อย่างเดิมนั่นแหละ เธอเพียง แต่ได้ยินหมาป่า ร้องอยู่ที่ไกล้ ๆ ก็หันมามองดูนิดหนึ่ง แล้วก็หันกลับไปเก็บดอกไม้ของเธอต่อตามเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยังไงยังงั้น เลยจริง ๆ
เจ้าหมาป่าตัวร้ายต้องผิดหวังหลายครั้งหลายหน แต่ความที่มันต้องการที่จะกินหนูน้อยหมวกแดงให้ได้เป็นอย่างมาก มันจึง ถอยออกมาและมายืนคิดแผนการณ์อันชั่วร้ายของมันใหม่อีกครั้ง " เหอๆๆๆ ฮึๆๆ อ้ายเด็กนั่นมันช่างดวงดีเสียจริง ๆ แต่ไม่ เป็นไร มันต้องไม่พ้นไปจากความพยายามของข้าได้หรอก เอาอย่างงี้ดีกว่า เดี๋ยวไปกินยายของ มันเสียก่อนดีกว่ามั้ง...มัน บอกว่ายายของมันกำลังไม่สบาย ต้องไม่มีแรงอะไรที่จะสู้เราได้หรอก แหม..เรานี่ ก็หัวแหลมไม่เบาเลยทีเดียว เหอๆๆๆ.. เมื่อกินยายของมันเสร็จแล้ว ทีนี้ก็ดักรอแล้วกินอ้ายเด็กนี่ทีหลัง..ฮ่ะ ๆๆๆ อย่างนี้ต้องเรียกว่าทีเดียวได้สองต่อ เหอๆๆลาภ ปาก " และเมื่อ มันคิดอุบายใหม่ได้แล้ว มันก็รีบเดินทางไปที่บ้านของคุณยายของหนูน้อยหมวกแดงทันที และเมื่อมันมาถึงที่ หน้าบ้านของคุณยายแล้ว ก็เคาะประตู แล้วทำเสียงเลียนแบบหนูน้อยหมวกแดงทันที " ยาย...คุณยายขา เปิดประตูให้หน่อย หนูน้อยหมวกแดงเองไง เปิดประตูให้หน่อย สิจ๊ะ..." มันดัดเสียงเสียจนหวานจ๋อยจนเหมือน ๆกับเสียงของหนูน้อยหมวกแดง เลยจริง ๆ และคุณยายที่อยู่ในบ้านก็เชื่อสนิทว่าเป็นเสียงของหลานจริง ๆเสียด้วย " โอหยา... โอหยา หลานน้อยหมวกแดงคน ดีของยาย หรือจ๊ะ มาได้ยังไงคนเดียวหรือนี่ " แต่..! พอยายเปิดประตูออกมาเพื่อที่จะรับหลานเข้าเท่านั้น...
ก็โดนเจ้าหมาป่าที่มันคอยตั้งท่าและอ้าปากค้างเอาไว้เพื่อจะคอยรับอยู่แล้วนั้น...เขมือบเข้าปากไปเลยทีเดียวทั้งตัว .... คำเดียวจริง ๆ หายลับเข้า ไปอยู่ในท้องหมดทั้งตัวเลย เมื่อมันกินยายเสร็จแล้ว ทีนี้มันก็ได้ไปเอาเสื้อผ้าของคุณยายมาเปลี่ยน แล้วเข้าไปนอนคอยหนูน้อยหมวกแดงอยู่ที่บน เตียง " ฮึ ๆๆๆ อ้ายเด็กบ้านั่นมันเชื่อคนง่าย จะต้องนึกว่าข้าคือยายของมันจริง ๆ อย่างแน่นอน แล้วตอนนั้นมันจะต้องไม่ทันระวังตัวและเมื่อมันเดิน เข้ามาใกล้ ๆ ทีนี้ละก็..ฮึๆๆๆ ก็จะต้องโดนข้าขะเหมือบจับกินได้อย่างง่าย ๆ ให้สมใจซะเลยเหอ ๆๆๆ โอ้ยทำไมข้า ถึงหัวดีอย่างนี้ก็ไม่รู้ ฮ่า ๆๆๆ เป็น มีความสุขเสีย จริง ๆ " เจ้าหมาป่ามันว่าแล้ว ก็กระโดดขึ้นเตียงลงไปนอนวาดวิมานในอากาศของมันไปอย่างเรื่อยเปื่อย และสุดแสนที่จะมีความ สุขเลยทีเดียวเชียว...
และจากนั้น...เมื่อเวลาผ่านมาได้สักหน่อย หนูน้อยหมวกแดงของเรา ก็ได้เดินทางมาถึงที่หน้าบ้านของคุณยาย และได้เคาะประตูเรียก " คุณ ยายขาหนูน้อยหมวกแดงเองจ๊ะ คุณยาย " แต่ไม่ว่าจะเคาะกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เห็นมีเสียงตอบออกมาเลยสักนิด และเมื่อเธอจับลูกบิดประตูดูก็ปรากฏ ว่าประตูไม่ได้ล๊อกเอาไว้เสียด้วย ดังนั้นหนูน้อยหมวกแดงจึงเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน เธอได้มองไปเห็นว่าคุณยายของเธอกำลังนอนอยู่บน เตียง จึงเดินเข้าไปที่ใกล้ ๆ กับเตียงนั้นทันที คุณยายนอนสวมหมวกใบใหญ่ไว้บนหัวด้วย แต่เมื่อเธอมองไปที่ใต้ผ้าห่มก็แลเห็นใบหูของคุณยายที่ ลอดออกมานอกผ้าห่มนั้นเข้าเท่านั้น ก็ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า " คุณยายขา นอนหลับอยู่หรือคะ...แต่...เอ๊ะ !...ทำไมหูของคุณยายถึงได้ใหญ่จังเลย ล่ะ...ใหญ่มากกว่าเก่าตั้งเยอะแน่ะ เป็นอะไรไปหรือปล่าวจ๊ะ"
เมื่อได้ยินเสียงถามขึ้นมาเข้าอย่างนั้น คุณยายตัวปลอมก็ตอบออกมาว่า " อ๋อ..หูนี่หรือจ๊ะ ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอกจ๊ะ ยายกางใบหนูให้มันใหญ่ ๆ เองจ๊ะ จะได้เอาไว้ฟังเสียง หวาน ๆ ของหลานได้ชัด ๆ ยังไงเล่า ? " เมื่อได้ฟังดังนั้นหนูน้อยหมวกแดงก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วขยับขาเดินเข้า ไป...ใกล้เข้าไปอีกนิดหนึ่ง แต่เมื่อเธอ มองไปเห็นที่ดวงตาเข้าอีกเข้าเท่านั้น ก็ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจขึ้นอีกว่า " เอ๊ะ !......แล้วลูกตาคุณยายก็...ทำไม... ถึงได้ใหญ้..ใหญ่เหมือนกัน เล่าคะ !..." เจ้าหมาป่าตัวร้ายก็ตอบกลับมาอีกว่า " ยายก็ถ่างตาให้มันใหญ่ ๆ เองแหละจ๊ะ จะได้เอาไว้มอง หน้าที่น่ารักของเจ้าได้ถนัด ๆ ยังไงเล่า ? มาเข้ามาใกล้ ๆ ยายอีกนิด อย่ามัวสงสัยอะไรเลย มา...เข้ามาใกล้ ๆ ให้ยายได้เห็นชัด ๆ ถนัด ๆ กว่านี้อีก หน่อยสิจ๊ะหลานรัก เร๋ว.. " เจ้าหมาป่าตอบแล้วก็นิ่งเงียบ มันพยายามหลบหน้าเข้าไปในโปง แต่ !... แล้วหนูน้อยหมวกแดงก็เหลือบไปเห็นที่มือและ ปากของคุณยายตัวปลอมเข้าอีกหนอย่างเต็มเปาเลยทีนี้ เธอจึงถามขึ้นอย่างตกใจว่า " โอ๊ะ ! แล้วมือกับปากของคุณยายก็ใหญ่ขึ้นมามาก กว่าเก่า ตั้งเยอะแน่ะ..อ๊ะ ทำ ไม คะ คุณยาย ??"
เมื่อหนูน้อยหมวกแดงพูดจบเท่านั้นหละ เจ้าหมาป่าตัวร้ายก็กระโจนออกมาจากโปง พร้อมทั้งย่างสามขุมตรงเข้าประชิดจนติดตัวหนูน้อย หมวกแดงเลยทีเดียวคราวนี้ แล้วพูดว่า " เหอ ๆๆๆ ที่มือกับปากมันใหญ่ขึ้นมาอย่างนี้นี่น่ะ น้า หนูน้อยหมวกแดงเอ๋ย มือนี่ก็เพื่อที่จะเอาไว้ ตะปบไปที่คอของเจ้า....อย่างนี้ ฮ่า ๆๆๆ แล้วปากที่มันใหญ่ขึ้นมาอย่างนี้..นี่ก็....ก็...เอาไว้ขะเหมือบและงับเจ้าอย่างนี้ยังไงเล่า เหอๆๆๆ " มัน หัวเราะเสียงดังลั่น แล้วตรงเข้าจับหนูน้อยหมวกแดง แล้วโยนเข้าปาก ขะเหมือบทีเดียวคำเดียวจริง ๆ เหมือนกับตอนที่กินคุณยายเลยหละ เผลอ แผลบเดียว หนูน้อยหมวกแดงก็หายเข้าไปในปากแล้วก็เข้าไปอยู่ในท้องของมันทันทีทันใด... " ฮ่า ๆๆ ช่างอร่อยเสียจริง ๆ ทั้งยายทั้งหลาน เหอๆๆๆ "
เจ้าหมาป่าด้วยเหตุที่มันโลภมากกินเข้าไปทีเดียวพร้อมกันทั้งยายและหลานเข้าอย่างนั้น ก็เกิดหนักท้องและอิ่มขึ้นมาอย่างมาก จึงบรรดาล ให้เกิดความง่วงขึ้นมาอย่างติดหมัดทันทีทันใด มันเลยล้มตัวลงนอนไปบนเตียงของคุณยายทันที มันหลับสนิทและกรนเสียจนเสียงดังสนั่น หวั่นไหวดัง " คร๊อก..ฟี่...คร๊อก...ฟี้ "ลั่นก้องไปจนทั่วทั้งป่าเลยทีเดียว และก็พอดีที่ในขณะนั้น ก็เกิดได้มีพรานป่าที่รู้จักมักคุ้นกับคุณยายอย่าง มากผู้หนึ่ง ได้ออกมาล่าสัตว์ตามปกติ แล้วพอดีได้เดินทางผ่านมาแถว ๆ บริเวณนั้นพร้อมกับสุนัขล่าเนื้อแสนรู้ตัวโปรดของเขาเอง เข้าอย่าง บังเอิญ...
และเมื่อพรานป่ากับสุนัขล่าเนื้อได้ยินเสียงกรนที่ดังสนั่นหวั่นไหวออกมาจากบ้านของคุณยายเข้าเท่านั้น เจ้าสุนัขล่าเนื้อก็เฮ่ากรรโชก บอกกับเจ้านายของมันด้วยเสียงอันดัง " โฮ้ง ๆๆ " พรานป่าตอนแรกก็คิดว่าเป็นเสียงกรนของคุณยาย แต่เมื่อเขาพยายามเงี่ยหูฟังดู ตามที่สุนัขล่าเนื้อของเขาเห่าทักเหมือนบอกลางร้ายอะไรบางอย่างอีกครั้งเข้าเท่านั้น... " แต่..เอ๊ะ...เสียงน่ะมันดังออกมาจากบ้านคุณ ยายอย่างแน่นอนเลยหละ แต่ ! เสียงกรนนี่...มันไม่ใช่เสียงของคุณยายนี่น้า...มันเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่ น่าสงสัยจัง?? " พรานป่าจึงด้วยความสงสัย แล้วเขาก็ได้เดินเข้าไปที่ใกล้ ๆ กับตัวบ้านแล้วจึงแอบมองเข้าไปดูที่ข้างในบ้านทันที
ภายในบ้านไม่มีแม้แต่เงาของคุณยายเลยสักนิด แต่กลับมีหมาป่าตัวหนึ่ง นอนพุงกางและที่พุงของมันนั้นก็ใหญ่โตจนผิดปกติอย่างมาก กำลังนอนกรนอยู่บนเตียงของคุณยายอีกด้วย " โอ๊ะ อะไรกันนั่น มีแต่หมาป่านอนกรนอยู่ตัวเดียว แล้วที่ท้องของมันนั่น !...ก็..ทำไมถึงใหญ่ และพองโตอย่างมากมายอย่างนั้นด้วยล่ะนี่ โอ้ ๆๆ สงสัยอ้ายหมาป่ามันจะต้องกินคุณยายเจ้าของบ้านเข้าไปแล้วอย่างแน่นอนเลยหละ... จ๊าก " แล้วเมื่อพรานป่าพยายามเงี่ยหูฟังดูให้ถนัด ๆ อีกครั้ง เขาก็พลันได้ยินเสียงที่แทรกออกมาแบบแผ่วๆ ตามหลังออกมาพร้อมกับ เสียงกรนที่ดังสนั่นหวั่นไหวนั้น อีกด้วยว่า " ช่วยด้วย ช่วยด้วย " ใช่แล้วเลยหละมันเป็นเสียงของคุณยายกับเสียงของหนูน้อยหมวกแดง ที่พยายามร้องเรียกเพื่อขอความช่วยเหลือออกมาจากข้างในท้องของเจ้าหมาป่า....อีกเสียด้วยอย่างแน่นอนเลยที
นายพรานป่าเมื่อพยายามฟังจนแน่ชัดแล้วดังนั้น เขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมากว่า " โอ๊ะ เสียงของคุณยาย กับเสียงหลานของแกนี่ ดังออกมาจากในท้องของเจ้าหมาป่านั่นจริง ๆ ด้วย แต่ !ถ้ายังร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างนี้ละก็ ก็คงจะยังไม่ ตายนี่..ยังมีชีวิตอยู่ " ดังนั้นนายพรานป่าผู้นั้นจึงรีบเข้าไปข้างในบ้านโดยไว แล้วใช้กรรไกรตัดไปที่ท้องของเจ้าหมาป่าที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างไม่รู้ตัว ตัวนั้นทันทีทันใด....แล้วจึงเป็นด้วยการดังนี้นี่เอง นายพรานป่าจึงสามารถและได้ช่วยเหลือให้คุณยายและหนูน้อยหมวกแดง ออกมาจากท้องของหมาป่าได้อย่างทันการและปลอดภัย โดยไม่ต้องตายไปอย่างน่าเสียดายเสียงานนี้ หนูน้อยหมวกแดงเมื่อออกมาจากท้องของหมาป่าได้ ก็รีบพูดกล่าวขอบคุณนายพรานผู้นั้นเป็นการใหญ่เลยทีเดียว " ขอบคุณ ท่านพรานป่าที่ได้มาช่วยไว้ได้ทันการ ขอบคุณ อย่างมากเลยค่ะ "
ส่วนคุณยายนั้น เมื่อหายตกใจแล้วก็ได้รีบพูดขึ้นมากลางครันว่า " หลานน้อยหมวกแดงรีบไปเก็บหิน มาเยอะ ๆ เลยหลานรัก เร็ว.. เจ้าหมาป่ามันยังคงหลับไม่รู้ตัวอยู่ ไปเอาหินมาใส่ลงไปในท้องของมันนี่ เร็ว ๆๆ " และเมื่อได้หินมาแล้ว คุณยายก็จัดแจงใส่หินมากมายพวก นั้นลงไปในท้องของเจ้าหมาป่าทั้งหมด เสร็จแล้วคุณยายก็ไปเอาเข็มมาร้อยเข้ากับด้ายแล้วนำมาเย็บลงไปที่ท้องของเจ้าหมาป่านั้นอย่างแน่น หนา เย็บเสียจนสนิทจนเข้าที่เข้าไปอย่างเดิม แล้วทั้งสามก็ออกมาแอบยืนคอยดูเหตุการณ์กัน อยู่ที่นอกบ้านหลังต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้ ๆ บ้าน นั้นเอง
เจ้าหมาป่าเมื่อมันนอนของมันเต็มที่แล้ว ก็ลุกขึ้นมาแบบงัวเงียเป็นอย่างมาก " อ้า อ้าๆๆ ฮาว..ว้า ๆๆ ทำไมข้าถึงรู้สึกคอแห้งและหิวน้ำ มากอย่างนี้นะ " และด้วยความที่กระหายเป็นอย่างมาก มันจึงเดินแบบงัวเงียเอามือป้องปากหาวหวอด ๆ เดินออกมาข้างนอกบ้านเพื่อ หมายจะไปหาดื่มน้ำที่บ่อน้ำบาดาลที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั้นเอง มันเดินเซไปเซมาด้วยความหนักของหินที่อยู่ในท้องแล้วก็บ่นไปด้วยว่า " อ๋อย.. อ้อย...ทำไมท้องของข้าถึงได้รู้สึกหนักมากมายอย่างนี้อยู่อีกเล่า เอ้อ..จะเดินทีละก็..ลำบากจัง " หนูน้อยหมวกแดงที่แอบอยู่ที่ใกล้ ๆ กันนั้น ก็ตอบแบบเสียงแผ่ว ๆ ทำเสียงให้เหมือนกับดังลอดออกมาจากท้องของเจ้าหมาป่าว่า " ก็กินเข้าไปตั้งสองคน ก็ต้องหนักอย่างนี้น่ะสิ "
เจ้าหมาป่าเมื่อได้ยินเสียงบอกมาว่าอย่างนั้นก็พยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยกับเสียงที่บอกมานั้นเหมือนกัน " อ้อ..ก็กินเข้าไปตั้งสองคนทั้งยาย ทั้งหลาน น่ะน้าข้านี่ เออ..จริงด้วยใช่เลย..มันก็ต้องหนักอย่างนี้ละสิ ฮ่า ๆๆ " เจ้าหมาป่ามันไม่ทันคิดถึงหรือรู้ตัวว่าหนูน้อยหมวกแดง และคุณยายนั้นได้ออกมาจากท้องของมันตั้งแต่นมแต่นานแล้วนั่นเอง มันจึงไม่คิดสงสัยอะไร และพยายามเดินไปจนถึงที่ตรงปากบ่อน้ำ บาดาลนั้นจนได้ และเมื่อมาถึงปากบ่อแล้ว มันก็รีบปีนขึ้นไปบนปากบ่อแล้วก้มหัวลงไปหมายจะดื่มน้ำให้หายอยาก แต่เป็นด้วยที่ว่าในท้อง ของมันนั้นมีหินอยู่อย่างมากมาย และด้วยความหนักของหิน มันจึงจำต้องหัวทิ่มลงไปในบ่อน้ำบาดาลนั้นอย่างไม่เป็นท่า และได้จบชีวิต ชั่ว ๆ ของมันเสียในบ่อน้ำบาดาลนั้นเลยทันที...
และเมื่อเป็นดังนั้น ทั้งสามคือคุณยาย พรานป่าและหนูน้อยหมวกแดง จึงด้วยความดีใจที่สามารถปราบหมาป่าตัวร้ายลงได้ ก็ได้จัดการ นำเอาขนมพายและเหล้าองุ่นที่หนูน้อยหมวกแดงนำเอามาเพื่อหมายจะเอามาเยี่ยมไข้ให้กับคุณยายพวกนั้น ออกมาเลี้ยงสังสรรย์และ กินกันฉลองความดีใจที่พ้นภัยร้ายมาได้อย่างหวุดหวิด แล้วในขณะที่กำลังสังสรรย์กันอยู่เพลิน ๆ นั้น หนูน้อยหมวกแดงก็นึกขึ้นมาได้ถึง สิ่งที่เธอถูกใช้ให้มาทำธุระ จึงพูดถามคุณยายว่า " อ๊ะ..คุณแม่บอกว่าคุณยายไม่สบายอยู่นี่คะ แล้วอาการเป็นยังไงบ้างล่ะคะ " คุณ ยายจึงตอบหนูน้อยหมวกแดงอย่างอาย ๆ ว่า " เมื่อตะกี๊ ต้องตกใจอย่างมากมายขนาดนั้นเข้า...ไข้ที่เป็นอยู่เลยหายหมดเลยจ๊ะหลานรัก อิ ๆๆๆ " เมื่อคุณยายพูดจบทั้งสามก็หัวเราะกันขึ้นจนเกือบจะพร้อมกันเลยทีเดียวเชียว........
เมื่องานสังสรรจบลงและทั้งหมดก็อิ่มหนำสำราญกันแล้ว คุณยายก็ได้บอกกับหนูน้อยหมวกแดงหลานรักว่า " นี่จ๊ะ ขนมคุ๊กกี้กับลูก สเตอร์เบอร์รี่ เป็นของตอบแทนที่เธอมาเยี่ยมไข้ให้กับยาย แล้วนี่ก็ได้เวลาที่เธอจะต้องกลับไปบ้านของเธอแล้วด้วย นะจ๊ะหลานรัก " ส่วนคุณลุงนายพรานป่านั้นก็ได้ของขวัญติดมือกลับไปด้วยคราวนี้กับเขาด้วยเหมือนกันคือ " หนังของเจ้าหมาป่าตัวร้าย " นั่นเอง แล้วทั้งสองก็เดิน ทางแยกย้ายกันกลับไปตามที่อยู่อาศัยของตน อย่างสำราญบานใจด้วยกันทั้งสองคนเลยทีเดียว
และเมื่อหนูน้อยหมวกแดงของเราได้กลับมาถึงที่บ้านของเธอแล้ว ก็ได้รีบเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่บ้านของคุณยาย ให้กับคุณแม่ของเธอฟังและได้พูดสัญญาบอกกับคุณแม่ของเธอว่า " ต่อแต่นี้ไปจะไม่เถรไถรเที่ยวแวะเล่นที่ตรงไหน...แล้วก็จะไม่ ไว้ใจและพูดคุยกับใครที่เป็นคนแปลกหน้าและไม่รู้จักมักคุ้น เป็นอันขาด " ค่ะ..บทเรียนที่แสนอันตรายอันนี้ ก็คิดว่าหนูน้อยหมวกแดง เธอคงจะต้องเข็ดและจำจนขึ้นใจ อย่างแน่นอนเลยนะคะ...ผู้แปลก็ขออธิษฐานให้มันเป็นอย่างนั้นด้วยอีกแรงค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น