ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๑ (หน้าที่ ๒)
        แม่จูงแขนพลอยเดินต่อไป ผ่านโรงละครในวัง ซึ่งเป็นโรงโถง แลดูกลางวันก็เหมือนศาลาวัดกว้างๆ ไม่มีความหมาย มีคนนั่งเล่นอยู่แถวนั้นสองสามคน เดินต่อไปแม่ชี้ให้ดูสระน้ำ บอกว่า สระองค์อรทัย ผ่านทิมโขลน ซึ่งพลอยต้องสะดุ้งกลัวอีกครั้ง เพราะก้าวแรกที่ย่างเข้ามาในวัง ก็รู้จักอำนาจโขลนเสียแล้ว ที่ทิมโขลนนี้ พลอยสังเกตเห็นโขลนนั่งอยู่มาก บางคนก็แต่งตัวครบ คือใส่เสื้อห่มผ้าจีบตามระเบียบ บางคนก็แต่ง ลำลอง ห่มผ้าแถบผืนเดียว กำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ โขลนหลายคนที่นั่งอยู่นั้นรู้จักแม่ โดยเฉพาะคนที่มีอายุมาก เสียงร้องตะโกนทักกันเอิกเกริก บ้างก็อ้างว่าไม่ได้พบกันหลายปีแล้ว ไม่เห็นหน้าตาเปลี่ยนไปเลย บางคนก็ร้องถามแม่ว่า ยังซนเหมือนแต่ก่อนหรือเปล่า บางคนก็ร้องถามว่า พลอยเป็นใครมาจากไหน
\"แม่แช่ม ไปเอาเด็กที่ไหนมา\" เสียงร้องถาม แม่ตะโกนตอบว่า
\"ลูกฉันเอง จะเอามาอยู่ที่ตำหนัก\" เสียงร้องตอบมาว่า
\"ดีแล้ว จะช่วยดูให้\" แล้วก็มีเสียงขัดคอมาว่า
\"ถ้าซนเหมือนแม่เมื่อเด็กๆ ใครจะไปดูไหว\" ต่อจากนี้ ทั้งแม่และคนที่โต้ตอบกัน ก็หัวเราะกันอย่างขบขัน รื่นเริง แม่ถามโขลนคนต่อไปว่า
\"หลวงแม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง\" ก็มีเสียงตอบมาว่า
\"ก็ยังงั้นๆแหละ เจ็บๆไข้ๆ อายุท่านมากแล้ว\"
        พลอยเกิดความสนใจขึ้นมาใหม่ เพราะชื่อคนว่า หลวงแม่เจ้า นี้ไม่เคยได้ยินมาแต่ก่อน อดความอยากรู้ไว้ ไม่ไหว ต้องกระตุกแขนแม่ แล้วกระซิบถามว่า
        \"แม่จ๋า หลวงแม่เจ้านี่ใครกันจ๊ะแม่\"
        แม่หันมาบอกว่า \"นั่นแหละนายโขลนละ พลอยจำไว้เถิด\" แล้วแม่ก็จูงมือพลอยเดินต่อไป ถนนหนทางตอนนี้ มีทางแยกไปเป็นหลายสาย ถนนทุกสายปูหินแผ่นใหญ่ๆ และไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็มีตำหนักหรือเรือนใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ปลูกอยู่สลับซับซ้อนกันไป แม่พาพลอยเดินเลี้ยวไปทางหนึ่ง ที่ริมทางเดินมีตึกยาวติดต่อกันเป็นสองชั้น แบ่งเป็นห้องๆ พลอยสังเกตดูมีคนอยู่ในตึกนั้นมากมาย ครั้นถามว่า ตึกยาวนั้นเรียกว่าอะไร แม่ก็ตอบสั้นๆว่า \"แถวเต๊ง\"
        \"แล้วใครอยู่ที่แถวเต๊งนี่จ๊ะแม่\" พลอยซักต่อ \"โอ๊ย ! ใครต่อใครเยอะแยะไปหมด\" แม่ตอบ \"คุณพนักงานก็มี คุณเฒ่าแก่ก็มี คุณห้องเครื่องก็มี ข้าหลวงที่บนก็มี\"
        พลอยเดินสนใจชื่อแปลกๆต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาทันที แม่พูดถึงคนชนิดใหม่ๆ อีกหลายชนิด แต่พลอยก็ยัง จำไม่ได้ว่าใครบ้าง จำได้แต่ชื่อสุดท้าย ข้าหลวงที่บน จึงถามแม่แต่เท่าที่จำได้ว่า ข้าหลวงพระตำหนักเป็นใคร แม่ก็ตอบว่า
        \"เป็นข้าหลวงสมเด็จที่บนไงล่ะ\" แล้วแม่ก็หันไปทักทายกับคนที่รู้จักกันตามแถวเต๊ง เหมือนกับว่าคำตอบ ที่ไห้แก่พลอยนั้นแจ่มแจ้ง เพียงพอแล้ว
        พลอยรู้ได้ว่า ตามแถวเต๊งนั้น มีคนอยู่เต็มไปหมด ไม่มีที่ว่าง สังเกตดูจากผู้คนที่นั่งบ้างยืนบ้าง หรือกำลังทำธุระส่วนตัวต่างๆ อยู่บนนั้น บ้างก็ตากผ้า บ้างก็เอาหีบออกมาเปิดผึ่งแดดหน้าห้อง บางแห่งก็มีของวางขายกระจุกกระจิก เป็นของใช้เล็กๆน้อยๆบ้าง เป็นขนมและของกินเล่น พวกไส้กรอกปลาแนม และอื่นๆ มึคนผ่านไปผ่านมา ซื้อขายหรือหยุดทักทายพูดคุยกันไม่รู้จบ พลอยมาเข้าใจว่า ในวังนี้มิใช่บ้านคน อย่างธรรมดาเสียแล้ว แต่เป็นเมืองอีกเมืองหนึ่ง มีระเบียบแบบแผน และความเป็นอยู่ของตัวเอง ไม่เกี่ยวและไม่สนใจต่อโลกภายนอก และภายในเมืองที่พลอยกำลังเข้ามาอยู่ใหม่นี้ พลเมืองทุกคนเป็นผู้หญิง ไม่มีผู้ชายเข้ามาปะปนอยู่เลย
        ในที่สุด แม่ก็จูงมือพลอยเดินมาถึงตึกใหญ่ สี่เหลี่ยมหลังหนึ่ง ฝาฉาบปูนขาวแล้วทาสีเหลือง คล้ำไปด้วยความเก่า ตามขอบหน้าต่าง ขอบประตูมีลายปูนปั้นเป็นช่อดอกไม้ บานหน้าต่างประตูที่ปิดไว้ เป็นส่วนมากนั้นเป็นบานเกล็ด และดูเข้าไปทางประตูตำหนักด้านหน้า และดูมืดครึ้ม ทางขึ้นตำหนักเป็นบันไดหิน เตี้ยๆ ไม่กี่ขั้น แม่บอกให้นางพิศนั่งคอยอยู่ก่อน แล้วพาพลอยเดินเบาๆ เข้าไปข้างใน
          ด้านหน้าตำหนักมีห้องปิดไว้บ้าง และเปิดไว้ให้แลเห็นภายในได้บ้าง พลอยแลเห็นโต๊ะเก้าอี้ มีลวดลายประณีตวางไว้ในห้อง มีตู้กระจกลักษณะเดียวกัน ใส่ของต่างๆ ซึ่งยังสังเกตไม่ทันว่า เป็นอะไรบ้าง แม่หันมากระซิบ สั่งพลอยให้เดินเบาๆ เพราะเสด็จคงยังไม่ตื่นบรรทม แต่ความจริงแม่ไม่จำเป็นต้องห้าม เพราะความมืดครึ้มเยือกเย็น ของสถานที่ ความแปลกและใหม่ของตำหนัก และความรู้สึกเคารพยำเกรง ว่าที่นี่เป็นตำหนักของเสด็จ ทำให้พลอยเดินอย่างเบาที่สุดอยู่แล้ว แม่พาพลอยเดินตรงไปยังห้องๆหนึ่ง ทางด้านหลังตำหนัก ผ่านบันไดใหญ่ ซึ่งพุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นบน ก่อนจะถึงแม่หันมากระซิบ บอกว่าจะพาไปหา คุณสาย ซึ่งเป็นข้าหลวงต้นตำหนักของเสด็จ ความจริงแม่ได้เคยเล่าเรื่องคุณสาย ให้พลอยฟังมาแล้วหลายครั้งว่า คุณสายเป็นข้าหลวงเสด็จ มาตั้งแต่เสด็จยังทรงพระเยาว์ และคุณสายยังเป็นเด็ก คุณสายอยู่กับเสด็จตลอดมา จนเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อพระทัย มอบให้ดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง และให้ดูแลว่ากล่าว ข้าหลวงทุกคนในตำหนัก แม่เล่าว่า คุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรด คอยช่วยเหลืออุปการะข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ คุณสายเป็นผู้ใหญ่แล้วเมื่อแม่ยังเป็นเด็ก และเคยเลี้ยงดูให้ความอุปการะ ตลอดจนถ่ายทอดวิชาความรู้ ให้หลายอย่าง แม่เคยบอกว่านอกจากเสด็จแล้ว ก็ยังมีคุณสายอีกคนหนึ่ง ที่เป็นผู้มีพระคุณต่อแม่ ขอให้ลูกได้จำไว้ ด้วยเหตุที่ได้ยินมาเสมอว่า คุณสายเป็นคนใจดี พลอยจึงเดินตามแม่ไป โดยปราศจาก ความสะทกสะท้าน เมื่อไปถึงห้องคุณสายแล้ว ทรุดตัวลงนั่ง ก้มลงกราบตามคำแม่สั่ง และได้เงยขึ้นดูคุณสาย ซึ่งอยู่กลางห้อง พลอยก็รู้ทันทีว่าที่แม่เล่ามา ถึงความใจดีอารีอารอบของคุณสายนั้น เป็นความจริงทุกประการ
        คุณสายเป็นคนเจ้าเนื้อ หน้าตาเป็นคนอารมณ์ดี ผิวเนื้อสองสี ถึงแม้เป็นคนมีอายุมากแล้ว และผมที่ตัดสั้น ตามสมัยนั้นหงอกประปราย คุณสายก็ยังไม่มีใบหน้าที่แสดงริ้วรอย ของความโกรธหรือความทุกข์ที่ผ่าน คุณสายนุ่งผ้าลายขัดสีเหล็ก ห่มผ้าแถบจีบสีจำปา นอนคว่ำอย่างสบายอยู่บนพื้นกระดาน ที่เย็นและเป็นมัน ไม่มีฝุ่นละอองจับเลย ตรงหน้าคุณสายมีกระด้งไม่ไผ่สาน ในนั้นมีพลูวางอยู่เป็นอันมาก ทั้งที่จีบแล้ว และยังไม่ได้จีบ ข้างๆตัวมีเต้าปูนใบใหญ่ บรรจุปูนที่หอมไปด้วยใบเนียม และพิมเสน คุณสายกำลังจีบพลูยาว ชนิดมีหางยาวเป็นพิเศษ แม้แต่พลูที่คุณอุ่นจีบอยู่เสมอก็ไม่เท่า ข้างตัวคุณสายมีเชี่ยนหมาก ซึ่งขาดเสียไม่ได้ สำหรับสตรีสมัยนั้น และยังมีชามฝาอีกสองใบ วางไว้ใกล้ๆกัน
        พอคุณสายแลเห็นแม่ ก็ลุกขึ้นนั่งต้อนรับด้วยความดีใจ เสือ กกระด้งพลูไปอีกทางหนึ่ง เรียกแม่เข้าไปใกล้ๆ แล้วลูบหลังลูบหน้า ถามเรื่องราวอย่างคนที่ไม่ได้พบกันมานาน ฝ่ายแม่ก็เล่าเรื่องทางบ้าน ให้คุณสายฟังเบาๆ พอพูดไปได้หน่อยหนึ่งแม่ก็ร้องไห้ แต่แล้วก็เล่าเรื่องให้คุณสายฟังต่อไปอีก คุณสายก็พยักพเยิด ด้วยความเห็นใจบ้าง ปลอบแม่ให้หยุดร้องไห้บ้าง เหมือนกับผู้ใหญ่ปลอบเด็ก ระหว่างนั้นพลอยก็ได้แต่สังเกต ดูของต่างๆ ภายในห้องของคุณสาย ทางฝาด้านหนึ่งที่เป็นฝาทึบ คุณสายตั้งตู้ไว้สองสามใบเก็บข้าวของ จิปาถะ อีกด้านหนึ่งที่มีหน้าต่าง คุณสายก็วางหีบอีกหลายใบ และโถลายครามใบใหญ่ๆ ลายดอกไม้และผีเสื้อ สำหรับใส่ผ้าห่มที่จีบแล้ว อีกหลายใบอยู่เหมือนกัน ทางฝาด้านใกล้ประตู พลอยมองไปเห็นก็ใจเต้น เพราะเช้าวันนั้น พลอยเพิ่งรู้ตัวว่า ยังไม่ได้กินข้าว ท้องกำลังจะเริ่มร้องเมื่อเดินทางมาถึงที่หมาย สิ่งที่เตือนให้พลอยรู้ตัวว่ายังไม่ได้กินข้าว ก็คือชั้นเตี้ยๆ ที่วางอยู่ชิดฝาด้านข้างประตู บนชั้นนั้นมีขวดโหล วางเรียงรายอยู่เป็ฯแถว ในขวดโหลนั้นใส่ข้าวตัวกะทิบ้าง น้ำพริกเผาบ้าง หมูยอง มะขามฉาบ ปลาแห้งผัด พริกกะเกลือ ฝอยทองกรอบ ขนมอะลัว และของอื่นๆ ที่น่าสนใจสำหรับเด็กอายุ ๑๐ ขวบขนาดพลอยเป็นอันมาก
        คุณสายกำลังนั่งคุยกับแม่อยู่อย่างสนใจ แต่นานๆ ก็ไม่วายเหลือบมามองดูพลอยสักครั้งหนึ่ง ครั้นเห็นพลอย นั่งพิศดูชั้นที่ตั้งของกินอย่างเพลิดเพลิน คุณสายก็ได้คิด ถามออกมาดังๆว่า
        \"นี่กินข้ากันมาแล้วหรือยัง\"
        แม่ได้ยินดังนั้นก็ยกมือทาบอก ร้องขึ้นว่า
        \"โถ ! พลอยลูกแม่ ตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้กินข้างเลย นี่ก็สายจนป่านนี้แล้ว !\"
        \"พุทโธ่แม่เช่ม\" คุณสายพูด \"มัวแต่ทะเลาะกับผัวเสียจนลูกเต้าอดข้าว นี่มิหิวแย่แล้วหรือ\" ว่าแล้วคุณสายก็กวักมือ เรียกให้พลอยไปนั่งใกล้ๆ พอพลอยคลานเข้าไปเกือบถึงที่คุณสายนั่งอยู่ คุณสายก็เลื่อนชามฝา ที่วางอยู่สองใบใกล้ๆตัวมาให้ แล้วพูดว่า
        \"กินนี่เล่นไปก่อนนะพลอย ป้าจะให้เขาไปจัดสำรับมาให้เดี๋ยวนี้\" ว่าแล้วคุณสายก็จับผ้าห่มให้รัดกุม แล้วเดินเบาๆออกไปข้างนอก ฝ่ายแม่ก็บอกกับพลอยว่า
        \"กินอะไรกันก่อนเถิดพลอย แม่ก็หิวเหมือนกัน อยู่นี่ไม่ต้องกลัวใครเขามาดูถูกหรอก ต้องถือเสียว่า ที่นี่เป็นบ้านของแม่ ดีกว่าบ้านฟากข้างโน้นเป็นไหนๆ\" แล้วแม่ก็เปิดชามฝาสองใบนั้นขึ้นดู
\"แหม ! ดีจริง ไม่ได้กินมาเสียนาน\"
        พลอยมองดูของกินที่อยู่ในชามฝาสองชามนั้น แล้วก็ตกตะลึง ด้วยไม่เคยเห็นมาแต่ก่อน และไม่นึกว่า จะเป็นไปได้ ชามใบหนึ่งนั้น ใส่ไข่แมงดาทะเล ซึ่งพลอยเคยเห็นแต่เขาแกงคั่วกับสับปะรด และชามอีกใบหนึ่งนั้น ใส่กุ้งตะเข็บ ซึ่งพลอยเคยเห็นเขาทำกุ้งเค็ม หรือใช้ผัดใช้แกง แต่ไข่แมงดาทะเลและกุ้งที่เห็นในวังนี้ กลายเป็นของใหม่สำหรับพลอย เพราะทั้งสองอย่างนั้นเชื่อมน้ำตาล มีน้ำตาลจับจนแข็ง พลอยเหลียวไปดูแม่ เพื่อจะหาความรู้ ก็เห็นแม่กำลังหยิบกุ้งเชื่อม หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็ต้องเรียกว่า กุ้งแช่อิ่มนั้น ขึ้นใส่ปากเคี้ยวกิน อย่างเอร็ดอร่อย
        \"แม่\" พลอยกระซิบพลางเขยิบตัวเข้าใกล้ \"ฉันกินไม่เป็นหรอก อะไรก็ไม่รู้\"
        แม่หัวเราะแล้วหยิบไข่แมงดาใส่ปากพลอย ปากก็บอกว่า
\"ลองกินดูสิพลอย อร่อยดีนะ\"
        พลอยลองเคี้ยวดูแล้วก็ต้องรีบกลืนให้หมด เพราะหวานแสบไส้ แต่แล้วก็ต้องนิ่ง ไม่ถามแม่ว่ากระไรต่อ เพราะกลัวแม่จะป้อนของที่ไม่เคยกินเข้าไปอีก
        อีกสักครู่ คุณสายก็เดินกลับเข้ามาในห้อง มีคนยกสำรับตามเข้ามา พร้อมด้วยถ้วยชามข้าวอีกสองใบ เอามาวางตรงหน้าพลอยกับแม่ เด็กอีกคนหนึ่งยกกระโถนขันน้ำ และผ้าเช็ดมือเข้าตั้ง เสียงคุณสายสั่งคนยกสำรับ ซึ่งเธอเรียกชื่อเฉยๆว่าผาด ให้แบ่งผัดปลาแห้งที่ใส่ขวดโหลไว้มาเติม ฝ่ายพลอยนั้นใจคอไม่ค่อยจะดีเลย เพราะเดาไม่ถูกว่าในชามต่างๆ ในสำรับนั้นจะมีกับข้าวชาววัง ที่แปลกประหลาดพิสดารอย่างไรอีกบ้าง แต่พอผาดเปิดฝาชามออก พลอยก็ค่อยคลายใจ เพราะพบกับข้าวที่รู้จักแล้วทั้งนั้น เป็นต้นว่าแกงบอน ผัดถั่วฝักยาว ยำไข่ปลาดุก ระหว่างนั้นคุณสายก็บ่นเอากับแม่ว่า
        \"จะไปจะมาก็ไม่รู้จักกัน ถ้ารู้ตัวก่อนฉันจะได้หาของที่แม่แช่มชอบไว้ให้กิน\"
        แม่หัวเราะแล้วตอบว่า \"คุณละก้อ ตามใจฉันเสียจนเสียคน อยู่กับใครไม่ได้นาน ต้องกลับมาหาคุณอีกทุกที\"
        ระหว่างที่พลอยนั่งกินข้าวอยู่กับแม่นั่นเอง คุณสายก็เดินไปไขตู้ ที่ตั้งอยู่ข้างฝาในห้อง หยิบเอาพานทอง ออกมาใบหนึ่ง แล้วเดินไปที่อีกตู้หนึ่ง เปิดหยิบเอาธูปเทียนแพออกมาหนึ่งแพ ขณะที่เดินกลับมายังที่นั่ง คุณสายก็บอกผาดให้ไปหาใบตองมาอีก จะเย็บกระทงดอกไม้
        แม่มองตาคุณสายด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้นว่า
        \"นั่นคุณจะทำอะไรคะ\"
        \"อ้าว\" คุณสายตอบ \"ก็จัดดอกไม้ธูปเทียนให้พลอยถวายตัวเสด็จไงเล่า\"
        \"ต้องถึงยังงั้นทีเดียวหรือคุณ\" แม่ท้วงขึ้นมา
        \"ก็พลอยเป็นลูกฉัน ก็เป็นข้าเสด็จอยู่แล้ว จะต้องถวายตัวอีกทำไม\"
        \"แม่แช่มนี่เมื่อไรจะโตเสียที\" คุณสายบ่น
        \"พลอยเป็นลูกแม่แช่มเสียคนเดียวเมื่อไหร่ล่ะ พ่อเขาเป็นพระน้ำ พระยา แล้วก็ก๊กฟากข้างโน้น เอาลูกเขามาทำดีไม่ดี เดี๋ยวญาติเขาจะมาพลอยว่าฉันด้วย ไหนๆก็จะเอาพลอย มาถวายท่านแล้ว ทำเสียให้มันถูกเรื่องถูกราว แล้วเรื่องมันก็ไม่ยากเย็นอะไรนักหนา ข้าวของเราก็มีอยู่แล้ว\"
        แม่หัวเราะแล้วบอกพลอยว่า
        \"พลอยดูไว้นา คุณท่านร่ำรวย ข้าวของอะไร ทั้งตำหนักนี่ ของท่านทั้งนั้นแหละ\"
        คุณสายหัวเราะกี๊ก แล้วร้องว่า \"เอ ! อย่ามาพูดดีไป พานใบนี้ของฉันจริงๆนะ ไม่ใช่ของเสด็จหรอก...\"
        \"แล้วธูปเทียนแพนั่นของคุณอีกเหมือนกันซี\" แม่ขัดคอขึ้นมา
        \"โฮ้ย ! ฉันไม่กล้าเถียงหรอกแม่คุ้น !\" คุณสายร้องอย่างอารมณ์ดี
        \"หน้าอย่างฉันใครเขาจะมาถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ก็ของท่านน่ะแหละ ท่านเที่ยวรับของใครๆ เขาไว้ออกเป็นก่ายเป็นกอง นานๆ ฉันก็เอาถวายคืน ท่านไปอีก ท่านจะไปทรงจำได้อย่างไร\"
        พูดแล้วทั้งคุณสายและแม่ก็พากันหัวเราะอย่างขบขัน ส่วนพลอยซึ่งไม่สู้จะสนใจฟังนัก ก็นั่งก้มหน้าเปิบข้าว อย่างคนหิว
        ระหว่างนั้นข่าวที่แม่กลับเข้าวังก็ค่อยๆกระจายออกไป ข้าหลวงเสด็จหลายคน ทยอยกันเข้ามา ในห้องคุณสาย บางคนก็มาจากที่อื่น เพื่อทักทายถามทุกข์สุขกับแม่ จนในที่สุดห้องคุณสายเต็มไปด้วยผู้หญิง แก่บ้างสาวบ้าง ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนฝูงคนรู้จัก ของแม่ทั้งสิ้น ทุกคนทักทายกับพลอยเป็นอันดี บางคนก็กอด จูบ ลูบหลัง พลอยรู้สึกทั้งอายทั้งตื่นเต้น เพราะตั้งแต่เกิดมาเป็นตัว ก็ยังไม่เคยได้รับความสนใจ จากคนเป็นจำนวนมาก ถึงเพียงนี้ แต่ความกระดากอาย ก็มิได้ขัดขวางพลอยมิให้สังเกตเห็นว่า สตรีทุกคนที่เข้ามา ในห้องนั้น แต่งกายสะอาดสะอ้าน เป็นแบบเดียวกัน ทุกคนนุ่งผ้าลายห่มผ้าแถบสีประจำวัน อย่างเดียวกัน จะผิดกันก็ที่แหวน หรือสายสร้อย เครื่องประดับกาย ทุกคนหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นอบ กลิ่นร่ำ นั่งที่ไหน ก็หอมติดกระดาน ผมใส่น้ำมันหวีเรียบ แต่ละคนขัดสีฉวีวรรณ ร่างกายตนมาแล้วอย่างยอดเยี่ยม
        เมื่อเห็นหน้าเพื่อนฝูงเก่าๆ แม่ก็ดูเหมือนจะลืมความทุกข์ทั้งสิ้น ที่ผ่านมา จนทำให้ถึงต้องหอบลูก ออกจากบ้าน เมื่อเช้านี้เอง แม่พูดคุยกับเพื่อนฝูง อย่างสนุกด้วยความเบิกบาน เสียงหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่ ไม่หยุดหย่อน พลอยสังเกตเห็นแม่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน กว่าเมื่ออยู่ที่บ้าน เมื่อครั้งอยู่ที่บ้านนั้น แม่ทำตัวเหมือนคนแก่ มีอารมณ์เฉียวบ่อยๆ บางเวลาก็นั่งเหม่อมึนตึงเฉยๆ น้อยครั้งที่พลอยเคยเห็นแม่ พูดจาเล่นหัวกับใคร แต่พอเข้ามาในวังได้ ไม่กี่ชั่วโมง ได้เข้ามาอยู่ในหมู่เพื่อนฝูง ที่รู้จักคุ้นเคยกันมาแต่เดิม ได้กลับมาสู่บรรยากาศอันร่มเย็น ไร้ความรำคาญจุกจิก แม่ก็ดูกลับเป็นสาว กระชุ่มกระชวยขึ้นทันที เริ่มพูดจาสัพยอกกับคนที่อยู่รอบๆตัว และทุกคนที่มาหาแม่ก็ดูเหมือน จะคอยจับฟังทุกคำพูดของแม่ ด้วยความเลื่อมใส ไม่ว่าแม่จะพูดสิ่งใดออกมาก็เห็นเป็นขบขัน เสียงหัวเราะต้อนรับคำพูดของแม่ มีอยู่ไม่ขาดระยะ
        พลอยกับแม่อิ่มข้าวไปนานแล้ว และผาดก็ยกสำรับกลับออกไปแล้ว เป็นนานเหมือนกัน ระหว่างที่แม่คุย กับเพื่อนฝูง คุณสายก็นั่งเย็บกระทงดอกไม้ฟังอยู่ อย่างอารมณ์ดี นานๆก็ร่วมหัวเราะกับคนอื่นๆด้วย พลอยซึ่งบัดนี้ ไม่มีใครสนใจ เพราะทุกคนพากันนั่งล้อมแม่ คุยกันด้วยเรื่องที่พลอยไม่เข้าใจ และไม่สนใจนัก ก็ได้แต่นั่งดูคุณสายเย็บกระทง แต่กระทงหรือสิ่งที่คุณสายเรียกว่ากระทงนั้น แปลกประหลาดกว่าที่พลอยเคยเห็น ในขั้นแรกคุณสายเอาใบตองดีๆ มาฉีกออกเป็นชิ้นเท่าๆกันก่อน ซึ่งพลอยก็นึกงงงวยเต็มทีว่า คุณสายทำไมจึงทำเช่นนั้น แต่แล้วคุณสายก็เอาใบตองที่ฉีกไว้ แต่ละชิ้น มาพับจีบให้ได้รูป แล้วเอาไม้กลัด กลัดปะติดปะต่อกลับเข้าไปอีก จนในที่สุด ได้รูปกระทงเล็กๆ ซึ่งวิจิตรพิสดารกว่าที่พลอยเคยเห็นมาแต่ก่อน คุณสายแก้ห่อใบตองอีกห่อหนึ่ง หยิบดอกจำปาซึ่งมีอยู่ในนั้นสองสามดอก ใส่ในกระทง แล้วเอาใบตอง มาตัดเย็บเป็นกรวยครอบไว้อย่างเรียบร้อย ครั้นแล้วคุณสาย ก็เอาธูปเทียนแพขึ้นตั้งบนพาน เอากระทงดอกไม้ ตั้งอยู่บนธูปเทียน เมื่อเสร็จแล้วคุณสาย เหลือบมาเห็นพลอยนั่งตั้งตาอยู่ ด้วยความสนใจก็ยิ้มด้วย แล้วถามว่า
        \"สวยไหม พลอย\"
        พลอยไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ก็ได้แต่ยิ้ม แล้วก็ก้มหน้าดูกระดานต่อไป
        อยู่กับป้าไป วันหลังป้าจะสอนให้ทำ กลัวแต่พอคุ้นกันเข้า ก็จะซนเหมือนแม่ เลยทำอะไรไม่เป็นจนบัดนี้\" เสียงคุณสายพูดต่อ
        \"ค้า !\" เสียงแม่ร้องตอบออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ \"อะไรไม่ดีก็ซัดดิฉันเข้าไว้เถอะ ลูกเต้ามันหมดนับถือ คราวนี้เอง\" แล้วทุกคนในที่นั้นก็พากันหัวเราะ
        ขณะนั้น มีหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เดินผ่านห้องคุณสาย จะไปทางหลังตำหนัก คุณสายเห็นเข้าก็ร้องเรียก หญิงนั้นก็เข้ามาคุกเข่า อยู่ตรงประตูห้อง
        \"แม่ลมัย\" คุณสายถาม
        \"บรรทมตื่นแล้วหรือยัง\"
        \"ตื่นนานแล้วละค่ะ\" แม่ลมัยตอบ
        \"อิฉันกำลังจะไปเรียกเครื่อง\"
        พอได้ยินดังนั้น คุณสายก็หันมากุลีกุจอ จับพานดอกไม้ธูปเทียน แล้วพูดว่า
        \"แม่แช่ม ขึ้นเฝ้ากันเสียทีเถิด เฝ้าตอนเสวยนี่แหละดี จะได้ไปช่วยคุยให้เสวยได้\"
        แม่ได้ยินดังนั้นก็ร้องว่า \"นี่พอทอดพระเนตรเห็นฉัน เป็นกริ้วตายแน่ ออกไปมีผัวเสียกี่ปีๆ ไม่เคยเข้ามาเฝ้าเลย จะมากับเขาสักที ก็ต้องหอบลูกมาทิ้งให้ท่านเลี้ยง\"
        แต่แล้วแม่ก็ลุกขึ้น จับผ้านุ่งห่มให้เรียบร้อย แล้วบอกให้พลอยตามออกไปข้างนอก
        เมื่อออกมานอกห้อง คุณสายก็เดินถือพานดอกไม้ธูปเทียนไปข้างหน้า แม่และพลอยเดินตามไปติดๆ คุณสายพาเดินไปตามทางเดิน ที่มืดสลัวๆ ผ่านห้องที่ปิดไว้หลายห้อง แล้วก็เริ่มขึ้นบันไดใหญ่ ที่พลอยเห็นเมื่อตอนเช้า พอก้าวขึ้นบันได พลอยก็เริ่มใจเต้นด้วยความประหม่า เพราะแม่เคยเล่าถึงเสด็จ ให้ฟังมาแต่จำความได้ และเท่าที่รู้ เสด็จก็เป็นยอดแห่งความนับถือเคารพบูชาของแม่ วันนี้เป็นวันแรก ที่พลอยจะได้เฝ้าเสด็จ อีกสักครู่ก็จะได้เห็น เพราะเสด็จประทับอยู่ชั้นบนของตำหนัก ห่างกันด้วยบันไดไม่กี่ขั้นนี้ เท่านั้นเอง
        เมื่อไปถึงกลางบันได คุณสายก็ส่งพานดอกไม้ธูปเทียน มาให้พลอยถือ แล้วคุณสายก็ขึ้นบันได นำหน้าต่อไป เมื่อมาถึงเพียงนี้ พลอยสังเกตได้ทันทีว่า บรรยากาศของชั้นบนแห่งตำหนัก และชั้นล่างนั้น ผิดจากกันไกลอยู่ ที่ชั้นล่างนั้น ใครจะเดินเหินพูดจาก็อย่างเป็นกันเอง และไม่ต้องระมัดระวังตัวเท่าไรนัก แต่พอขึ้นบันไดมาได้ครึ่งหนึ่ง อากัปกิริยาของคุณสายและแม่ก็ผิดไป แม้แต่จะขึ้นบันได หรือส่งพานธูปเทียน ก็ทำด้วยความสำรวม มิใช่ทำตามสบายเหมือนเมื่ออยู่ชั้นล่างของตำหนัก ลมโชยจากชั้นบนของตำหนัก ผ่านมาวูบหนึ่ง พาเอากลิ่นอบร่ำและน้ำอบหอมมาเข้าจมูกพลอย ได้ยินเสียงคนพูดเบาๆ และมีเสียงหัวเราะเบาๆ เช่นกัน
        พอคุณสายขึ้นไปถึงบันไดชั้นสุดยอด ก็คลานต่อไปตามพื้นเฉลียง ทั้งแม่และพลอยคลานตามติดๆไป พลอยประหม่าเสียจน ไม่สามารถจะเงยหน้าขึ้นดูสิ่งที่อยู่รอบๆตัวได้ ประกอบกับมือหนึ่งต้องถือพานดอกไม้ ซึ่งดูเหมือนจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นทุกที ครั้นจะจับพานด้วยมือทั้งสอง แล้วคลานเข่า พลอยก็ไม่กล้า เพราะจะต้องเงยหน้าขึ้น จึงได้แต่จับพานไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งและเข่าทั้งสอง คลานตามอย่างประดักประเดิด สิ่งที่เห็นชัดทีสุดในขณะนั้น คือเท้าของคุณสาย ซึ่งคลานอยู่ข้างหน้า คุณสายคลานนำเรื่อยไปมิรู้ว่านานเท่าไร แต่ในที่สุดก็หยุด หลีกทางออกไปหน่อยหนึ่ง แล้วก็หมอบอยู่ พลอยเหลือบดูแม่ เห็นหยุดคลาน หมอบกราบไปข้างหน้า พลอยก็วางพานลงตรงหน้าแล้วทำตาม แต่แล้วพลอยก็หมอบก้มหน้านิ่งอยู่ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ดูว่าใครเป็นใครอยู่นั่นเอง
        \"นั่นสายพาใครขึ้นมา\" เสียงสตรีผู้หญิงถามขึ้น และเสียงนั้นดังมาจากข้างหน้า พลอยก็เข้าใจเอาว่า เสด็จรับสั่งถาม เมื่อได้ยินเช่นนั้น พลอยก็ยิ่งก้มหน้าลงไปอีก แต่ก่อนที่คุณสายจะทูลตอบ เสด็จก็รับสั่งขึ้นมาทันทีว่า
        \"แช่มไม่ใช่รึนั่น\" พลอยแอบชำเลืองมองดูแม่ เห็นหมอบกราบอีกหนหนึ่ง พลอยก็เลยกราบตามไปอีก
        \"เอ้า ! นั่นอะไรกัน\" เสด็จรับสั่งต่อ
        \"ถามทีกราบที เป็นยังไงแช่ม หายไปกี่ปีแล้วไม่รู้ เพิ่งจะโผล่หน้ามา ข้านึกว่าเจ้าตายเสียแล้ว\"
        \"วันนี้พาลูกสาวมาถวายตัวมังคะ\" พลอยเพิ่งเคยได้ยินคนพูดราชาศัพท์กับเจ้านายในวันนี้ แม่เคยสอนให้พลอยพูด ตั้งแต่อยู่บ้าน แต่ก็ไม่ได้สอนละเอียด เป็นต้นว่าให้ใช้คำว่า \"เพคะ\" เวลาตอบรับ แต่ครั้นเอาจริงเข้า แม่ก็ไม่ได้พูดว่า \"เพคะ\" สักหน่อย เสียงแม่พูดดัวคล้ายๆ \"มังคะ\" โดยออกเสียงตัว \"มัง\" แต่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
        \"เด็กนั่นน่ะรึลูกสาว\" เสด็จรับสั่งต่อ
        \"ข้าเคยเห็นเจ้าวิ่งเล่นอยู่แถวๆนี้ ตั้งแต่ตัวเล็กๆ แล้วก็หายไป กลับมาอีกที ก็หอบลูกมาให้ข้าเลี้ยง พวกเจ้านี่เลี้ยงไม่รู้จักโตสักที ตัวหายไปแล้วลูกก็มาแทน\"
        เสียงผู้หญิงที่หมอบเรียงรายอยู่ตามเฉลียง หัวเราะเบาๆหลายคน
        \"อยู่ดีๆไม่ว่าดี\" เสด็จรับสั่ง
        \"อยากออกไปมีผัว แล้วก็ไปเป็นเมียน้อยเขาเสียด้วย นี่ผัวเขาไล่มา หรือเจ้ามาเอง แช่ม\"
        \"มาเอง มังคะ\" แม่ตอบ
        \"แต่เขาก็ไม่ห้าม\"
        \"ยังพูดเก่งอยู่นั่นเอง\" เสด็จทรงพระสรวล
        \"ลูกชื่ออะไร อายุเท่าไหร่\" รับสั่งถามต่อไป
        \"ชื่อพลอยมังคะ\" แม่กราบทูล
        \"อายุ ๑๐ ขวบ\"
        \"ไหนเงยหน้าขึ้นซิพลอย\" เสด็จรับสั่ง
        \"มาหมอบก้มหน้าเป็นลิงลมอยู่ได้\"
        พอได้ยินเสด็จรับสั่งกับตัวโดยตรง พลอยก็แทบจะแทรกแผ่นดินไปด้วยความประหม่า และความอาย แต่แม่รีบเอื้อมมือมาสะกิด พลอยก็ต้องจำใจเงยหน้าขึ้นตามรับสั่ง
        เมื่อพลอยเงยหน้าขึ้นด้วยความจำใจเช่นนั้น ก็ได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ที่ๆพลอยหมอบอยู่ เป็นเฉลียงยาว พื้นขัดถูจนเป็นมัน ด้านหนึ่งเป็นหน้าต่างมีแสงสว่างเข้ามาตลอด ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นประตู เปิดเข้าไปในห้องต่างๆ บนตำหนัก ตรงหน้าพลอยออกไปมีพรมสีเขียว ปูอยู่ใกล้ๆทางฝาด้านใน เสด็จประทับอยู่บนพระที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ เย็บติดกับที่อิงเย็บเป็นรูปหมอนขวาน ทั้งเบาะและหมอนที่อิง หุ้มด้วยแพรดอกสีแดงเข้ม รอบๆที่เสด็จประทับ พลอยเห็นมีของกระจุกกระจิก วางอยู่หลายอย่าง เป็นต้นว่า กระโถน ขันน้ำ เชี่ยนหมาก กาน้ำร้อน และพานเล็กพานน้อยใส่ของเครื่องใช้ต่างๆอีกมาก
        เสด็จเป็นคน วัยเดียวกับคุณสาย จะแก่กว่าคุณสายก็ไม่กี่ปี่ พลอยสังเกตุเห็นเสด็จขาวกว่าคุณสาย และจะเป็นเพราะประทับตรงที่ๆ มีแสงสว่าง หรือเพราะเหตุใดก็ตาม พลอยรู้สึกว่าเสด็จมีราศี ผุดผ่องกว่าคนอื่นๆ ที่หมอบเรียงรายอยู่บนเฉลียงที่ประทับนั้น ทั้งที่เสด็จแต่งพระองค์ ไม่ผิดกับคนอื่นๆเลย คือทรงผ้าลายและผ้าห่ม เป็นแบบเดียวกับชาววังอื่นๆ ที่พลอยได้เห็น สิ่งที่ดึงดูดความสังเกต ของพลอยมากกว่าอื่นๆ ในพระองค์เสด็จ ก็คือพระเนตรทั้งคู่ ซึ่งดำขลับและเป็นประกาย พระเนตรคู่นั้นดูเหมือนจะมองดูพลอย และมองทะลุไปตลอดลำตัว พลอยรู้สึกทันทีว่า พระเนตรคู่นั้นมีอำนาจ บังคับคนได้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกด้วยว่า พระเนตรคู่นั้นเต็มไปด้วย ความเมตตา อาจยึดถือเป็นที่พึ่งอันแท้จริงได้เช่นกัน
        บนเฉลียงนั้นมีข้าหลวงวัยสาวหมอบอยู่อีกหลายคน และพลอยอดนึกไม่ได้ว่า แต่ละคน ช่างสวยสดงดงามไปสิ้น พอพลอยเงยหน้าขึ้น ตาทุกคู่ก็หันมาจ้องพลอย และทุกคนรวมทั้งเสด็จ ต่างก็ยิ้มอย่างปรานี ขณะที่พลอยกำลังม้วนหน้ากลับลงไปอีก ด้วยความอาย แม่ก็สะกิดอีกทีหนึ่ง แล้วกระซิบว่า
        \"พลอย เอาดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปถวายตัวเสีย\" แล้วแม่ก็ทูลดังๆว่า
        \"ยังขี้อายมังคะ ไม่เคยออกจากบ้าน เพิ่งจะพาออกมาวันนี้\"
        \"ดีแล้วละ\" เสด็จรับสั่งตอบ
        \"ถ้าเก่งอย่างแม่ของมันเมื่อเด็กๆ ข้าก็ชักจะเข็ดเหมือนกัน กลัวเลี้ยงมันไม่ไหว\"
        พลอยลุกขึ้นขยับเขยื้อนมือหนึ่งจับพาน จะคลานก็คลานไม่ค่อยจะออก เพราะยังประหม่าอยู่มาก แต่แม่เอื้อมมือมาเสือ กขาออกไปข้างหน้า พลอยก็ค่อยๆคลานอย่างขลุกขลัก ไปจนถึงพรมสีเขียว พอถึงก็ชะงัก ไม่แน่ใจว่าจะคลานต่อไป หรืออย่างไร พอดีเสด็จรับสั่งว่า
        \"เข้ามาใกล้ๆ สิพลอย\"
        พลอยก็แข็งใจคลานเข้าไปถึงพระองค์ พอถึงก็หลับตาเสือ กพานดอกไม้ธูปเทียน ออกไปข้างหน้า แล้วก็หมอบกราบใจเต้นอยู่ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
        \"ดูสิ กรวยดอกไม้ก็ยังไม่ได้เปิด\" เสียวเสด็จรับสั่ง
        \"เปิดกรวยดอกไม้เสียก่อนพลอย\" เสด็จรับสั่งต่อ
        พลอยเอื้อมมือไปเปิดกรวยดอกไม้ขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป จนเสด็จรับสั่งว่า
        \"ยกพานส่งเข้ามา\" พลอยก็ทำตาม เสด็จทรงรับดอกไม้ธูปเทียน ไปวางไว้ข้างพระองค์ แล้วเอื้อมพระหัตถ์ มาลูบพลอยเบาๆ พลางรับสั่งว่า
        \"ยังไม่ประสาเสียเลย จะคุ้นคนง่ายหรือยากก็ไม่รู้ เดี๋ยวมากลัวเห็นข้าเป็นยักษ์เป็นมาร อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ต้องกลัวกันนะพลอย\"
        เสด็จเอาพระหัตถ์เชยคางพลอยขึ้น ทอดพระเนตรดูหน้า แล้วทรงพระสรวล รับสั่งว่า
        \"หน้าตาน่าเอ็นดู สวยกว่าแม่อีก ผิวพรรณก็ดี สมเป็นลูกพระน้ำพระยา\" พลอยได้ยินดังนั้นก็แทบจะตัวลอย เพราะอยู่บ้านไม่เคยมีใครชมว่าสวย อย่างดีก็บอกว่าน่าเอ็นดู แต่เสด็จรับสั่งชมว่าสวย ทำให้พลอยปลื้ม จนบอกไม่ถูก
        \"เอามาให้แล้วละก็ให้ข้าขาดนะ\" เสด็จรับสั่งกับแม่
        \"ประเดี๋ยวก็จะมาเอาตัวออกไปเสียอีก โตขึ้นก็จะหาผัว ให้กันเท่านั้น\"
        \"โธ่ ไม่ทำหรอกมังคะ\" เสียงแม่ตอบ \"มอบถวายเด็ดขาด แล้วแต่จะทรงพระกรุณาชุบเลี้ยง ถ้าหม่อมฉัน เข้ามายุ่งละก็แล้วแต่จะลงพระอาญาทีเดียว\"
        \"เจ้าก็ดีแต่พูด\" เสด็จรับสั่งตอบ \"แม่ลูกกันจะไปตัดกันขาดได้อย่างไร ข้าก็ได้แต่คอยเลี้ยงจนโตเท่านั้น ว่ายังไง พลอย\"
        แต่พลอยก็ได้แต่ก้มหน้า ไม่รู้จะทูลตอบว่าอย่างไรถูก
        \"แล้วตัวเจ้าล่ะแช่ม จะทำอย่างไรต่อไป\" เสด็จรับสั่งถามแม่ต่อไปอีก
        \"รอจนผัวมารับซีนะ นังตัวดี\" เสด็จรับสั่งสัพยอกแล้วก็ทรงพระสรวล
        \"ชาตินี้ทั้งชาติ แช่มเห็นจะไม่มีวันกลับไปอีกได้\" แม่ทูลตอบ
        \"เมื่อหม่อมฉันอยู่ในวังเคยแต่มีสุข ไม่รู้ทุกข์ ออกไปแล้วจึงได้รู้ เมื่อรู้จักทุกข์แล้ว ก็เห็นจะกลับไปหาทุกข์อีกไม่ได้\"
        \"พวกเจ้าก็เหมือนกันทุกคน\" เสด็จรับสั่ง
        \"อยู่สบายๆไม่ชอบ ว่าคับแคบไปละ ถูกกดขี่ละ อยากออกไปมีลูก มีผัวเป็นคุณหญิง เป็นท่านผู้หญิง จะได้เบิกบานให้เต็มที่ เสร็จแล้วก็เห็นแต่บ่นกันไปทุกคน ข้าก็ไม่รู้จะไปช่วยเหลือได้อย่างไร จริงๆ นะแช่ม เรื่องลูกเรื่องผัว ข้าไม่อยากเกี่ยว โกรธกันก็มาฟ้อง พอดีกันเข้า ก็จะมารุมเล่นงานเอาข้าเข้าอีก\"
        \"โบราณเขาว่า\" คุณสายทูลขึ้นมา
        \"เรื่องความผัวความเมีย อย่าไปเกี่ยวมังคะ\"
        \"อ้อ\" เสด็จทรงพระสรวล
        \"สายก็เคยมีผัวกับเขาเหมือนกันรึ\" ทุกคนในที่นั้น หัวเราะกันเกรียว
        \"วุ๊ย ! \" คุณสายร้องเสียงหลง
        \"เสด็จรับสั่งอะไรอย่างนั้นก็ไม่รู้ หม่อมฉันว่า โบราณเขาว่าดอกมังคะ !\"
        \"แล้วสายไปรู้ได้อย่างไรว่า โบราณเขาว่าถูกหรือผิด ถ้าเราไม่เคย\" ทุกคนในที่นั้น ก็พากันหัวเราะกันขึ้นอีก ขณะนั้นข้าหลวงอีกสองคน เชิญเครื่องเสวยขึ้นมา พลอยเหลียวไปมองดูแม่ เห็นขยิบตาพยักหน้า ให้พลอยถอยออกไป พลอยก็หยิบพานคลานถอยไปหมอบอยู่ใกล้ๆกับแม่
        พวกที่เชิญเครื่องขึ้นมานำเครื่องไปตั้งตรงพระพักตร์เสด็จ เครื่องนั้นใส่จานเงิน วางอยู่บนโตกเงินเล็กๆ พลอยรู้สึกว่าเป็นของเล็กๆน้อยๆเหลือเกิน ครั้งหนึ่งพลอยเคยเห็นที่บ้านตั้งข้าวพระ ถวายพระพุทธ ใส่ชามเล็ก ชามน้อย พลอยยังนึกว่า พระพุทธจะฉันอย่างไรอิ่ม มาเห็นเครื่องเสด็จคราวนี้ ก็ดูไม่น่าจะอิ่มเช่นเดียวกัน
        เสด็จทรงบ้วนพระโอษฐ์แล้วก็เริ่มเสวย ขณะที่เสวยก็รับสั่งคุยกับแม่และคุณสาย ถึงเรื่องทางบ้านของแม่บ้าง หรือเรื่องเก่าๆ ที่ทรงนึกขึ้นได้ แต่ส่วนมากนั้นแม่เป็นผู้คุย พลอยเห็นเสด็จทรงพระสรวลอยู่บ่อยๆ เสด็จเสวยเรื่อยๆ คล้ายกับไม่สนพระทัยในอาหาร ที่กำลังเสวยอยู่ พลอยสังเกตเห็นข้าวที่เสวยนั้น ดูเหมือนจะมีอยู่ประมาณสองช้อนถ้วย แต่เสด็จเสวยเท่าไร ก็ไม่รู้จักหมดสักที กว่าจะเลื่อนเครื่องคาวออก แล้วตั้งเครื่องหวาน ก็ดูนานหนักหนา
        \"สาย\" เสด็จรับสั่ง
        \"บ่ายนี้มีสวดมนต์บนพระที่นั่ง ข้าว่าจะขึ้นไปสักหน่อย เสด็จตำหนักบนจะขึ้นไปหรือไม่ ก็ไม่รู้ ถ้าไปจะได้ไปด้วยกัน\"
        \"หม่อมฉันจะให้ไปทูลถามดูก็ได้มังคะ\" คุณสายทูลตอบ แต่พอคุณสายพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงคนเดินขึ้นบันไดมา เสียงข้าหลวงที่หมอบอยู่ใกล้ๆ ทางขึ้นทูลว่า
        \"แม่มาลัย มาจากตำหนักบนมังคะ\" และทันใดนั้น ก็มีสตรีวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง โผล่หน้าขึ้นมากราบเสด็จ ตรงทางขึ้น แล้วทูลอย่างเร็วปรื๋อว่า
        \"สวดมนต์เย็นบนพระที่นั่งบ่ายวันนี้มังคะ เสด็จให้มาทูลถามเสด็จว่าจะเสด็จหรือไม่เสด็จ ถ้าเสด็จจะเสด็จ เสด็จจะเสด็จด้วย \"
        พลอยไม่เคยได้ยินใครพูดราชาศัพท์ ใช้คำว่า \'เสด็จ\' คำเดียวแต่ได้ความทั้งประโยคและรวดเร็วเช่นนั้น ด้วยความแปลกใจจึงหันไปดู
        เสด็จทรงพระสรวลกี๊ก รับสั่งว่า
        \"พลอยถ้าจะยังไม่เคยได้ยินภาษาชาววัง ไหนพลอยบอกมาลัยเขาสิว่า เสด็จให้ไปทูลเสด็จว่า เสด็จจะเสด็จ ถ้าเสด็จจะเสด็จด้วย เสด็จก็จะดีพระทัยมาก\"
        ทุกคนรวมทั้งแม่มาลัยหัวเราะกันเกรียว ทำให้พลอยต้องหมอบ ก้มหน้าต่ำลงไปอีก
\"แม่แช่ม ไปเอาเด็กที่ไหนมา\" เสียงร้องถาม แม่ตะโกนตอบว่า
\"ลูกฉันเอง จะเอามาอยู่ที่ตำหนัก\" เสียงร้องตอบมาว่า
\"ดีแล้ว จะช่วยดูให้\" แล้วก็มีเสียงขัดคอมาว่า
\"ถ้าซนเหมือนแม่เมื่อเด็กๆ ใครจะไปดูไหว\" ต่อจากนี้ ทั้งแม่และคนที่โต้ตอบกัน ก็หัวเราะกันอย่างขบขัน รื่นเริง แม่ถามโขลนคนต่อไปว่า
\"หลวงแม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง\" ก็มีเสียงตอบมาว่า
\"ก็ยังงั้นๆแหละ เจ็บๆไข้ๆ อายุท่านมากแล้ว\"
        พลอยเกิดความสนใจขึ้นมาใหม่ เพราะชื่อคนว่า หลวงแม่เจ้า นี้ไม่เคยได้ยินมาแต่ก่อน อดความอยากรู้ไว้ ไม่ไหว ต้องกระตุกแขนแม่ แล้วกระซิบถามว่า
        \"แม่จ๋า หลวงแม่เจ้านี่ใครกันจ๊ะแม่\"
        แม่หันมาบอกว่า \"นั่นแหละนายโขลนละ พลอยจำไว้เถิด\" แล้วแม่ก็จูงมือพลอยเดินต่อไป ถนนหนทางตอนนี้ มีทางแยกไปเป็นหลายสาย ถนนทุกสายปูหินแผ่นใหญ่ๆ และไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็มีตำหนักหรือเรือนใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ปลูกอยู่สลับซับซ้อนกันไป แม่พาพลอยเดินเลี้ยวไปทางหนึ่ง ที่ริมทางเดินมีตึกยาวติดต่อกันเป็นสองชั้น แบ่งเป็นห้องๆ พลอยสังเกตดูมีคนอยู่ในตึกนั้นมากมาย ครั้นถามว่า ตึกยาวนั้นเรียกว่าอะไร แม่ก็ตอบสั้นๆว่า \"แถวเต๊ง\"
        \"แล้วใครอยู่ที่แถวเต๊งนี่จ๊ะแม่\" พลอยซักต่อ \"โอ๊ย ! ใครต่อใครเยอะแยะไปหมด\" แม่ตอบ \"คุณพนักงานก็มี คุณเฒ่าแก่ก็มี คุณห้องเครื่องก็มี ข้าหลวงที่บนก็มี\"
        พลอยเดินสนใจชื่อแปลกๆต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาทันที แม่พูดถึงคนชนิดใหม่ๆ อีกหลายชนิด แต่พลอยก็ยัง จำไม่ได้ว่าใครบ้าง จำได้แต่ชื่อสุดท้าย ข้าหลวงที่บน จึงถามแม่แต่เท่าที่จำได้ว่า ข้าหลวงพระตำหนักเป็นใคร แม่ก็ตอบว่า
        \"เป็นข้าหลวงสมเด็จที่บนไงล่ะ\" แล้วแม่ก็หันไปทักทายกับคนที่รู้จักกันตามแถวเต๊ง เหมือนกับว่าคำตอบ ที่ไห้แก่พลอยนั้นแจ่มแจ้ง เพียงพอแล้ว
        พลอยรู้ได้ว่า ตามแถวเต๊งนั้น มีคนอยู่เต็มไปหมด ไม่มีที่ว่าง สังเกตดูจากผู้คนที่นั่งบ้างยืนบ้าง หรือกำลังทำธุระส่วนตัวต่างๆ อยู่บนนั้น บ้างก็ตากผ้า บ้างก็เอาหีบออกมาเปิดผึ่งแดดหน้าห้อง บางแห่งก็มีของวางขายกระจุกกระจิก เป็นของใช้เล็กๆน้อยๆบ้าง เป็นขนมและของกินเล่น พวกไส้กรอกปลาแนม และอื่นๆ มึคนผ่านไปผ่านมา ซื้อขายหรือหยุดทักทายพูดคุยกันไม่รู้จบ พลอยมาเข้าใจว่า ในวังนี้มิใช่บ้านคน อย่างธรรมดาเสียแล้ว แต่เป็นเมืองอีกเมืองหนึ่ง มีระเบียบแบบแผน และความเป็นอยู่ของตัวเอง ไม่เกี่ยวและไม่สนใจต่อโลกภายนอก และภายในเมืองที่พลอยกำลังเข้ามาอยู่ใหม่นี้ พลเมืองทุกคนเป็นผู้หญิง ไม่มีผู้ชายเข้ามาปะปนอยู่เลย
        ในที่สุด แม่ก็จูงมือพลอยเดินมาถึงตึกใหญ่ สี่เหลี่ยมหลังหนึ่ง ฝาฉาบปูนขาวแล้วทาสีเหลือง คล้ำไปด้วยความเก่า ตามขอบหน้าต่าง ขอบประตูมีลายปูนปั้นเป็นช่อดอกไม้ บานหน้าต่างประตูที่ปิดไว้ เป็นส่วนมากนั้นเป็นบานเกล็ด และดูเข้าไปทางประตูตำหนักด้านหน้า และดูมืดครึ้ม ทางขึ้นตำหนักเป็นบันไดหิน เตี้ยๆ ไม่กี่ขั้น แม่บอกให้นางพิศนั่งคอยอยู่ก่อน แล้วพาพลอยเดินเบาๆ เข้าไปข้างใน
          ด้านหน้าตำหนักมีห้องปิดไว้บ้าง และเปิดไว้ให้แลเห็นภายในได้บ้าง พลอยแลเห็นโต๊ะเก้าอี้ มีลวดลายประณีตวางไว้ในห้อง มีตู้กระจกลักษณะเดียวกัน ใส่ของต่างๆ ซึ่งยังสังเกตไม่ทันว่า เป็นอะไรบ้าง แม่หันมากระซิบ สั่งพลอยให้เดินเบาๆ เพราะเสด็จคงยังไม่ตื่นบรรทม แต่ความจริงแม่ไม่จำเป็นต้องห้าม เพราะความมืดครึ้มเยือกเย็น ของสถานที่ ความแปลกและใหม่ของตำหนัก และความรู้สึกเคารพยำเกรง ว่าที่นี่เป็นตำหนักของเสด็จ ทำให้พลอยเดินอย่างเบาที่สุดอยู่แล้ว แม่พาพลอยเดินตรงไปยังห้องๆหนึ่ง ทางด้านหลังตำหนัก ผ่านบันไดใหญ่ ซึ่งพุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นบน ก่อนจะถึงแม่หันมากระซิบ บอกว่าจะพาไปหา คุณสาย ซึ่งเป็นข้าหลวงต้นตำหนักของเสด็จ ความจริงแม่ได้เคยเล่าเรื่องคุณสาย ให้พลอยฟังมาแล้วหลายครั้งว่า คุณสายเป็นข้าหลวงเสด็จ มาตั้งแต่เสด็จยังทรงพระเยาว์ และคุณสายยังเป็นเด็ก คุณสายอยู่กับเสด็จตลอดมา จนเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อพระทัย มอบให้ดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง และให้ดูแลว่ากล่าว ข้าหลวงทุกคนในตำหนัก แม่เล่าว่า คุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรด คอยช่วยเหลืออุปการะข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ คุณสายเป็นผู้ใหญ่แล้วเมื่อแม่ยังเป็นเด็ก และเคยเลี้ยงดูให้ความอุปการะ ตลอดจนถ่ายทอดวิชาความรู้ ให้หลายอย่าง แม่เคยบอกว่านอกจากเสด็จแล้ว ก็ยังมีคุณสายอีกคนหนึ่ง ที่เป็นผู้มีพระคุณต่อแม่ ขอให้ลูกได้จำไว้ ด้วยเหตุที่ได้ยินมาเสมอว่า คุณสายเป็นคนใจดี พลอยจึงเดินตามแม่ไป โดยปราศจาก ความสะทกสะท้าน เมื่อไปถึงห้องคุณสายแล้ว ทรุดตัวลงนั่ง ก้มลงกราบตามคำแม่สั่ง และได้เงยขึ้นดูคุณสาย ซึ่งอยู่กลางห้อง พลอยก็รู้ทันทีว่าที่แม่เล่ามา ถึงความใจดีอารีอารอบของคุณสายนั้น เป็นความจริงทุกประการ
        คุณสายเป็นคนเจ้าเนื้อ หน้าตาเป็นคนอารมณ์ดี ผิวเนื้อสองสี ถึงแม้เป็นคนมีอายุมากแล้ว และผมที่ตัดสั้น ตามสมัยนั้นหงอกประปราย คุณสายก็ยังไม่มีใบหน้าที่แสดงริ้วรอย ของความโกรธหรือความทุกข์ที่ผ่าน คุณสายนุ่งผ้าลายขัดสีเหล็ก ห่มผ้าแถบจีบสีจำปา นอนคว่ำอย่างสบายอยู่บนพื้นกระดาน ที่เย็นและเป็นมัน ไม่มีฝุ่นละอองจับเลย ตรงหน้าคุณสายมีกระด้งไม่ไผ่สาน ในนั้นมีพลูวางอยู่เป็นอันมาก ทั้งที่จีบแล้ว และยังไม่ได้จีบ ข้างๆตัวมีเต้าปูนใบใหญ่ บรรจุปูนที่หอมไปด้วยใบเนียม และพิมเสน คุณสายกำลังจีบพลูยาว ชนิดมีหางยาวเป็นพิเศษ แม้แต่พลูที่คุณอุ่นจีบอยู่เสมอก็ไม่เท่า ข้างตัวคุณสายมีเชี่ยนหมาก ซึ่งขาดเสียไม่ได้ สำหรับสตรีสมัยนั้น และยังมีชามฝาอีกสองใบ วางไว้ใกล้ๆกัน
        พอคุณสายแลเห็นแม่ ก็ลุกขึ้นนั่งต้อนรับด้วยความดีใจ เสือ กกระด้งพลูไปอีกทางหนึ่ง เรียกแม่เข้าไปใกล้ๆ แล้วลูบหลังลูบหน้า ถามเรื่องราวอย่างคนที่ไม่ได้พบกันมานาน ฝ่ายแม่ก็เล่าเรื่องทางบ้าน ให้คุณสายฟังเบาๆ พอพูดไปได้หน่อยหนึ่งแม่ก็ร้องไห้ แต่แล้วก็เล่าเรื่องให้คุณสายฟังต่อไปอีก คุณสายก็พยักพเยิด ด้วยความเห็นใจบ้าง ปลอบแม่ให้หยุดร้องไห้บ้าง เหมือนกับผู้ใหญ่ปลอบเด็ก ระหว่างนั้นพลอยก็ได้แต่สังเกต ดูของต่างๆ ภายในห้องของคุณสาย ทางฝาด้านหนึ่งที่เป็นฝาทึบ คุณสายตั้งตู้ไว้สองสามใบเก็บข้าวของ จิปาถะ อีกด้านหนึ่งที่มีหน้าต่าง คุณสายก็วางหีบอีกหลายใบ และโถลายครามใบใหญ่ๆ ลายดอกไม้และผีเสื้อ สำหรับใส่ผ้าห่มที่จีบแล้ว อีกหลายใบอยู่เหมือนกัน ทางฝาด้านใกล้ประตู พลอยมองไปเห็นก็ใจเต้น เพราะเช้าวันนั้น พลอยเพิ่งรู้ตัวว่า ยังไม่ได้กินข้าว ท้องกำลังจะเริ่มร้องเมื่อเดินทางมาถึงที่หมาย สิ่งที่เตือนให้พลอยรู้ตัวว่ายังไม่ได้กินข้าว ก็คือชั้นเตี้ยๆ ที่วางอยู่ชิดฝาด้านข้างประตู บนชั้นนั้นมีขวดโหล วางเรียงรายอยู่เป็ฯแถว ในขวดโหลนั้นใส่ข้าวตัวกะทิบ้าง น้ำพริกเผาบ้าง หมูยอง มะขามฉาบ ปลาแห้งผัด พริกกะเกลือ ฝอยทองกรอบ ขนมอะลัว และของอื่นๆ ที่น่าสนใจสำหรับเด็กอายุ ๑๐ ขวบขนาดพลอยเป็นอันมาก
        คุณสายกำลังนั่งคุยกับแม่อยู่อย่างสนใจ แต่นานๆ ก็ไม่วายเหลือบมามองดูพลอยสักครั้งหนึ่ง ครั้นเห็นพลอย นั่งพิศดูชั้นที่ตั้งของกินอย่างเพลิดเพลิน คุณสายก็ได้คิด ถามออกมาดังๆว่า
        \"นี่กินข้ากันมาแล้วหรือยัง\"
        แม่ได้ยินดังนั้นก็ยกมือทาบอก ร้องขึ้นว่า
        \"โถ ! พลอยลูกแม่ ตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้กินข้างเลย นี่ก็สายจนป่านนี้แล้ว !\"
        \"พุทโธ่แม่เช่ม\" คุณสายพูด \"มัวแต่ทะเลาะกับผัวเสียจนลูกเต้าอดข้าว นี่มิหิวแย่แล้วหรือ\" ว่าแล้วคุณสายก็กวักมือ เรียกให้พลอยไปนั่งใกล้ๆ พอพลอยคลานเข้าไปเกือบถึงที่คุณสายนั่งอยู่ คุณสายก็เลื่อนชามฝา ที่วางอยู่สองใบใกล้ๆตัวมาให้ แล้วพูดว่า
        \"กินนี่เล่นไปก่อนนะพลอย ป้าจะให้เขาไปจัดสำรับมาให้เดี๋ยวนี้\" ว่าแล้วคุณสายก็จับผ้าห่มให้รัดกุม แล้วเดินเบาๆออกไปข้างนอก ฝ่ายแม่ก็บอกกับพลอยว่า
        \"กินอะไรกันก่อนเถิดพลอย แม่ก็หิวเหมือนกัน อยู่นี่ไม่ต้องกลัวใครเขามาดูถูกหรอก ต้องถือเสียว่า ที่นี่เป็นบ้านของแม่ ดีกว่าบ้านฟากข้างโน้นเป็นไหนๆ\" แล้วแม่ก็เปิดชามฝาสองใบนั้นขึ้นดู
\"แหม ! ดีจริง ไม่ได้กินมาเสียนาน\"
        พลอยมองดูของกินที่อยู่ในชามฝาสองชามนั้น แล้วก็ตกตะลึง ด้วยไม่เคยเห็นมาแต่ก่อน และไม่นึกว่า จะเป็นไปได้ ชามใบหนึ่งนั้น ใส่ไข่แมงดาทะเล ซึ่งพลอยเคยเห็นแต่เขาแกงคั่วกับสับปะรด และชามอีกใบหนึ่งนั้น ใส่กุ้งตะเข็บ ซึ่งพลอยเคยเห็นเขาทำกุ้งเค็ม หรือใช้ผัดใช้แกง แต่ไข่แมงดาทะเลและกุ้งที่เห็นในวังนี้ กลายเป็นของใหม่สำหรับพลอย เพราะทั้งสองอย่างนั้นเชื่อมน้ำตาล มีน้ำตาลจับจนแข็ง พลอยเหลียวไปดูแม่ เพื่อจะหาความรู้ ก็เห็นแม่กำลังหยิบกุ้งเชื่อม หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็ต้องเรียกว่า กุ้งแช่อิ่มนั้น ขึ้นใส่ปากเคี้ยวกิน อย่างเอร็ดอร่อย
        \"แม่\" พลอยกระซิบพลางเขยิบตัวเข้าใกล้ \"ฉันกินไม่เป็นหรอก อะไรก็ไม่รู้\"
        แม่หัวเราะแล้วหยิบไข่แมงดาใส่ปากพลอย ปากก็บอกว่า
\"ลองกินดูสิพลอย อร่อยดีนะ\"
        พลอยลองเคี้ยวดูแล้วก็ต้องรีบกลืนให้หมด เพราะหวานแสบไส้ แต่แล้วก็ต้องนิ่ง ไม่ถามแม่ว่ากระไรต่อ เพราะกลัวแม่จะป้อนของที่ไม่เคยกินเข้าไปอีก
        อีกสักครู่ คุณสายก็เดินกลับเข้ามาในห้อง มีคนยกสำรับตามเข้ามา พร้อมด้วยถ้วยชามข้าวอีกสองใบ เอามาวางตรงหน้าพลอยกับแม่ เด็กอีกคนหนึ่งยกกระโถนขันน้ำ และผ้าเช็ดมือเข้าตั้ง เสียงคุณสายสั่งคนยกสำรับ ซึ่งเธอเรียกชื่อเฉยๆว่าผาด ให้แบ่งผัดปลาแห้งที่ใส่ขวดโหลไว้มาเติม ฝ่ายพลอยนั้นใจคอไม่ค่อยจะดีเลย เพราะเดาไม่ถูกว่าในชามต่างๆ ในสำรับนั้นจะมีกับข้าวชาววัง ที่แปลกประหลาดพิสดารอย่างไรอีกบ้าง แต่พอผาดเปิดฝาชามออก พลอยก็ค่อยคลายใจ เพราะพบกับข้าวที่รู้จักแล้วทั้งนั้น เป็นต้นว่าแกงบอน ผัดถั่วฝักยาว ยำไข่ปลาดุก ระหว่างนั้นคุณสายก็บ่นเอากับแม่ว่า
        \"จะไปจะมาก็ไม่รู้จักกัน ถ้ารู้ตัวก่อนฉันจะได้หาของที่แม่แช่มชอบไว้ให้กิน\"
        แม่หัวเราะแล้วตอบว่า \"คุณละก้อ ตามใจฉันเสียจนเสียคน อยู่กับใครไม่ได้นาน ต้องกลับมาหาคุณอีกทุกที\"
        ระหว่างที่พลอยนั่งกินข้าวอยู่กับแม่นั่นเอง คุณสายก็เดินไปไขตู้ ที่ตั้งอยู่ข้างฝาในห้อง หยิบเอาพานทอง ออกมาใบหนึ่ง แล้วเดินไปที่อีกตู้หนึ่ง เปิดหยิบเอาธูปเทียนแพออกมาหนึ่งแพ ขณะที่เดินกลับมายังที่นั่ง คุณสายก็บอกผาดให้ไปหาใบตองมาอีก จะเย็บกระทงดอกไม้
        แม่มองตาคุณสายด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้นว่า
        \"นั่นคุณจะทำอะไรคะ\"
        \"อ้าว\" คุณสายตอบ \"ก็จัดดอกไม้ธูปเทียนให้พลอยถวายตัวเสด็จไงเล่า\"
        \"ต้องถึงยังงั้นทีเดียวหรือคุณ\" แม่ท้วงขึ้นมา
        \"ก็พลอยเป็นลูกฉัน ก็เป็นข้าเสด็จอยู่แล้ว จะต้องถวายตัวอีกทำไม\"
        \"แม่แช่มนี่เมื่อไรจะโตเสียที\" คุณสายบ่น
        \"พลอยเป็นลูกแม่แช่มเสียคนเดียวเมื่อไหร่ล่ะ พ่อเขาเป็นพระน้ำ พระยา แล้วก็ก๊กฟากข้างโน้น เอาลูกเขามาทำดีไม่ดี เดี๋ยวญาติเขาจะมาพลอยว่าฉันด้วย ไหนๆก็จะเอาพลอย มาถวายท่านแล้ว ทำเสียให้มันถูกเรื่องถูกราว แล้วเรื่องมันก็ไม่ยากเย็นอะไรนักหนา ข้าวของเราก็มีอยู่แล้ว\"
        แม่หัวเราะแล้วบอกพลอยว่า
        \"พลอยดูไว้นา คุณท่านร่ำรวย ข้าวของอะไร ทั้งตำหนักนี่ ของท่านทั้งนั้นแหละ\"
        คุณสายหัวเราะกี๊ก แล้วร้องว่า \"เอ ! อย่ามาพูดดีไป พานใบนี้ของฉันจริงๆนะ ไม่ใช่ของเสด็จหรอก...\"
        \"แล้วธูปเทียนแพนั่นของคุณอีกเหมือนกันซี\" แม่ขัดคอขึ้นมา
        \"โฮ้ย ! ฉันไม่กล้าเถียงหรอกแม่คุ้น !\" คุณสายร้องอย่างอารมณ์ดี
        \"หน้าอย่างฉันใครเขาจะมาถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ก็ของท่านน่ะแหละ ท่านเที่ยวรับของใครๆ เขาไว้ออกเป็นก่ายเป็นกอง นานๆ ฉันก็เอาถวายคืน ท่านไปอีก ท่านจะไปทรงจำได้อย่างไร\"
        พูดแล้วทั้งคุณสายและแม่ก็พากันหัวเราะอย่างขบขัน ส่วนพลอยซึ่งไม่สู้จะสนใจฟังนัก ก็นั่งก้มหน้าเปิบข้าว อย่างคนหิว
        ระหว่างนั้นข่าวที่แม่กลับเข้าวังก็ค่อยๆกระจายออกไป ข้าหลวงเสด็จหลายคน ทยอยกันเข้ามา ในห้องคุณสาย บางคนก็มาจากที่อื่น เพื่อทักทายถามทุกข์สุขกับแม่ จนในที่สุดห้องคุณสายเต็มไปด้วยผู้หญิง แก่บ้างสาวบ้าง ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนฝูงคนรู้จัก ของแม่ทั้งสิ้น ทุกคนทักทายกับพลอยเป็นอันดี บางคนก็กอด จูบ ลูบหลัง พลอยรู้สึกทั้งอายทั้งตื่นเต้น เพราะตั้งแต่เกิดมาเป็นตัว ก็ยังไม่เคยได้รับความสนใจ จากคนเป็นจำนวนมาก ถึงเพียงนี้ แต่ความกระดากอาย ก็มิได้ขัดขวางพลอยมิให้สังเกตเห็นว่า สตรีทุกคนที่เข้ามา ในห้องนั้น แต่งกายสะอาดสะอ้าน เป็นแบบเดียวกัน ทุกคนนุ่งผ้าลายห่มผ้าแถบสีประจำวัน อย่างเดียวกัน จะผิดกันก็ที่แหวน หรือสายสร้อย เครื่องประดับกาย ทุกคนหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นอบ กลิ่นร่ำ นั่งที่ไหน ก็หอมติดกระดาน ผมใส่น้ำมันหวีเรียบ แต่ละคนขัดสีฉวีวรรณ ร่างกายตนมาแล้วอย่างยอดเยี่ยม
        เมื่อเห็นหน้าเพื่อนฝูงเก่าๆ แม่ก็ดูเหมือนจะลืมความทุกข์ทั้งสิ้น ที่ผ่านมา จนทำให้ถึงต้องหอบลูก ออกจากบ้าน เมื่อเช้านี้เอง แม่พูดคุยกับเพื่อนฝูง อย่างสนุกด้วยความเบิกบาน เสียงหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่ ไม่หยุดหย่อน พลอยสังเกตเห็นแม่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน กว่าเมื่ออยู่ที่บ้าน เมื่อครั้งอยู่ที่บ้านนั้น แม่ทำตัวเหมือนคนแก่ มีอารมณ์เฉียวบ่อยๆ บางเวลาก็นั่งเหม่อมึนตึงเฉยๆ น้อยครั้งที่พลอยเคยเห็นแม่ พูดจาเล่นหัวกับใคร แต่พอเข้ามาในวังได้ ไม่กี่ชั่วโมง ได้เข้ามาอยู่ในหมู่เพื่อนฝูง ที่รู้จักคุ้นเคยกันมาแต่เดิม ได้กลับมาสู่บรรยากาศอันร่มเย็น ไร้ความรำคาญจุกจิก แม่ก็ดูกลับเป็นสาว กระชุ่มกระชวยขึ้นทันที เริ่มพูดจาสัพยอกกับคนที่อยู่รอบๆตัว และทุกคนที่มาหาแม่ก็ดูเหมือน จะคอยจับฟังทุกคำพูดของแม่ ด้วยความเลื่อมใส ไม่ว่าแม่จะพูดสิ่งใดออกมาก็เห็นเป็นขบขัน เสียงหัวเราะต้อนรับคำพูดของแม่ มีอยู่ไม่ขาดระยะ
        พลอยกับแม่อิ่มข้าวไปนานแล้ว และผาดก็ยกสำรับกลับออกไปแล้ว เป็นนานเหมือนกัน ระหว่างที่แม่คุย กับเพื่อนฝูง คุณสายก็นั่งเย็บกระทงดอกไม้ฟังอยู่ อย่างอารมณ์ดี นานๆก็ร่วมหัวเราะกับคนอื่นๆด้วย พลอยซึ่งบัดนี้ ไม่มีใครสนใจ เพราะทุกคนพากันนั่งล้อมแม่ คุยกันด้วยเรื่องที่พลอยไม่เข้าใจ และไม่สนใจนัก ก็ได้แต่นั่งดูคุณสายเย็บกระทง แต่กระทงหรือสิ่งที่คุณสายเรียกว่ากระทงนั้น แปลกประหลาดกว่าที่พลอยเคยเห็น ในขั้นแรกคุณสายเอาใบตองดีๆ มาฉีกออกเป็นชิ้นเท่าๆกันก่อน ซึ่งพลอยก็นึกงงงวยเต็มทีว่า คุณสายทำไมจึงทำเช่นนั้น แต่แล้วคุณสายก็เอาใบตองที่ฉีกไว้ แต่ละชิ้น มาพับจีบให้ได้รูป แล้วเอาไม้กลัด กลัดปะติดปะต่อกลับเข้าไปอีก จนในที่สุด ได้รูปกระทงเล็กๆ ซึ่งวิจิตรพิสดารกว่าที่พลอยเคยเห็นมาแต่ก่อน คุณสายแก้ห่อใบตองอีกห่อหนึ่ง หยิบดอกจำปาซึ่งมีอยู่ในนั้นสองสามดอก ใส่ในกระทง แล้วเอาใบตอง มาตัดเย็บเป็นกรวยครอบไว้อย่างเรียบร้อย ครั้นแล้วคุณสาย ก็เอาธูปเทียนแพขึ้นตั้งบนพาน เอากระทงดอกไม้ ตั้งอยู่บนธูปเทียน เมื่อเสร็จแล้วคุณสาย เหลือบมาเห็นพลอยนั่งตั้งตาอยู่ ด้วยความสนใจก็ยิ้มด้วย แล้วถามว่า
        \"สวยไหม พลอย\"
        พลอยไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ก็ได้แต่ยิ้ม แล้วก็ก้มหน้าดูกระดานต่อไป
        อยู่กับป้าไป วันหลังป้าจะสอนให้ทำ กลัวแต่พอคุ้นกันเข้า ก็จะซนเหมือนแม่ เลยทำอะไรไม่เป็นจนบัดนี้\" เสียงคุณสายพูดต่อ
        \"ค้า !\" เสียงแม่ร้องตอบออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ \"อะไรไม่ดีก็ซัดดิฉันเข้าไว้เถอะ ลูกเต้ามันหมดนับถือ คราวนี้เอง\" แล้วทุกคนในที่นั้นก็พากันหัวเราะ
        ขณะนั้น มีหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เดินผ่านห้องคุณสาย จะไปทางหลังตำหนัก คุณสายเห็นเข้าก็ร้องเรียก หญิงนั้นก็เข้ามาคุกเข่า อยู่ตรงประตูห้อง
        \"แม่ลมัย\" คุณสายถาม
        \"บรรทมตื่นแล้วหรือยัง\"
        \"ตื่นนานแล้วละค่ะ\" แม่ลมัยตอบ
        \"อิฉันกำลังจะไปเรียกเครื่อง\"
        พอได้ยินดังนั้น คุณสายก็หันมากุลีกุจอ จับพานดอกไม้ธูปเทียน แล้วพูดว่า
        \"แม่แช่ม ขึ้นเฝ้ากันเสียทีเถิด เฝ้าตอนเสวยนี่แหละดี จะได้ไปช่วยคุยให้เสวยได้\"
        แม่ได้ยินดังนั้นก็ร้องว่า \"นี่พอทอดพระเนตรเห็นฉัน เป็นกริ้วตายแน่ ออกไปมีผัวเสียกี่ปีๆ ไม่เคยเข้ามาเฝ้าเลย จะมากับเขาสักที ก็ต้องหอบลูกมาทิ้งให้ท่านเลี้ยง\"
        แต่แล้วแม่ก็ลุกขึ้น จับผ้านุ่งห่มให้เรียบร้อย แล้วบอกให้พลอยตามออกไปข้างนอก
        เมื่อออกมานอกห้อง คุณสายก็เดินถือพานดอกไม้ธูปเทียนไปข้างหน้า แม่และพลอยเดินตามไปติดๆ คุณสายพาเดินไปตามทางเดิน ที่มืดสลัวๆ ผ่านห้องที่ปิดไว้หลายห้อง แล้วก็เริ่มขึ้นบันไดใหญ่ ที่พลอยเห็นเมื่อตอนเช้า พอก้าวขึ้นบันได พลอยก็เริ่มใจเต้นด้วยความประหม่า เพราะแม่เคยเล่าถึงเสด็จ ให้ฟังมาแต่จำความได้ และเท่าที่รู้ เสด็จก็เป็นยอดแห่งความนับถือเคารพบูชาของแม่ วันนี้เป็นวันแรก ที่พลอยจะได้เฝ้าเสด็จ อีกสักครู่ก็จะได้เห็น เพราะเสด็จประทับอยู่ชั้นบนของตำหนัก ห่างกันด้วยบันไดไม่กี่ขั้นนี้ เท่านั้นเอง
        เมื่อไปถึงกลางบันได คุณสายก็ส่งพานดอกไม้ธูปเทียน มาให้พลอยถือ แล้วคุณสายก็ขึ้นบันได นำหน้าต่อไป เมื่อมาถึงเพียงนี้ พลอยสังเกตได้ทันทีว่า บรรยากาศของชั้นบนแห่งตำหนัก และชั้นล่างนั้น ผิดจากกันไกลอยู่ ที่ชั้นล่างนั้น ใครจะเดินเหินพูดจาก็อย่างเป็นกันเอง และไม่ต้องระมัดระวังตัวเท่าไรนัก แต่พอขึ้นบันไดมาได้ครึ่งหนึ่ง อากัปกิริยาของคุณสายและแม่ก็ผิดไป แม้แต่จะขึ้นบันได หรือส่งพานธูปเทียน ก็ทำด้วยความสำรวม มิใช่ทำตามสบายเหมือนเมื่ออยู่ชั้นล่างของตำหนัก ลมโชยจากชั้นบนของตำหนัก ผ่านมาวูบหนึ่ง พาเอากลิ่นอบร่ำและน้ำอบหอมมาเข้าจมูกพลอย ได้ยินเสียงคนพูดเบาๆ และมีเสียงหัวเราะเบาๆ เช่นกัน
        พอคุณสายขึ้นไปถึงบันไดชั้นสุดยอด ก็คลานต่อไปตามพื้นเฉลียง ทั้งแม่และพลอยคลานตามติดๆไป พลอยประหม่าเสียจน ไม่สามารถจะเงยหน้าขึ้นดูสิ่งที่อยู่รอบๆตัวได้ ประกอบกับมือหนึ่งต้องถือพานดอกไม้ ซึ่งดูเหมือนจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นทุกที ครั้นจะจับพานด้วยมือทั้งสอง แล้วคลานเข่า พลอยก็ไม่กล้า เพราะจะต้องเงยหน้าขึ้น จึงได้แต่จับพานไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งและเข่าทั้งสอง คลานตามอย่างประดักประเดิด สิ่งที่เห็นชัดทีสุดในขณะนั้น คือเท้าของคุณสาย ซึ่งคลานอยู่ข้างหน้า คุณสายคลานนำเรื่อยไปมิรู้ว่านานเท่าไร แต่ในที่สุดก็หยุด หลีกทางออกไปหน่อยหนึ่ง แล้วก็หมอบอยู่ พลอยเหลือบดูแม่ เห็นหยุดคลาน หมอบกราบไปข้างหน้า พลอยก็วางพานลงตรงหน้าแล้วทำตาม แต่แล้วพลอยก็หมอบก้มหน้านิ่งอยู่ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ดูว่าใครเป็นใครอยู่นั่นเอง
        \"นั่นสายพาใครขึ้นมา\" เสียงสตรีผู้หญิงถามขึ้น และเสียงนั้นดังมาจากข้างหน้า พลอยก็เข้าใจเอาว่า เสด็จรับสั่งถาม เมื่อได้ยินเช่นนั้น พลอยก็ยิ่งก้มหน้าลงไปอีก แต่ก่อนที่คุณสายจะทูลตอบ เสด็จก็รับสั่งขึ้นมาทันทีว่า
        \"แช่มไม่ใช่รึนั่น\" พลอยแอบชำเลืองมองดูแม่ เห็นหมอบกราบอีกหนหนึ่ง พลอยก็เลยกราบตามไปอีก
        \"เอ้า ! นั่นอะไรกัน\" เสด็จรับสั่งต่อ
        \"ถามทีกราบที เป็นยังไงแช่ม หายไปกี่ปีแล้วไม่รู้ เพิ่งจะโผล่หน้ามา ข้านึกว่าเจ้าตายเสียแล้ว\"
        \"วันนี้พาลูกสาวมาถวายตัวมังคะ\" พลอยเพิ่งเคยได้ยินคนพูดราชาศัพท์กับเจ้านายในวันนี้ แม่เคยสอนให้พลอยพูด ตั้งแต่อยู่บ้าน แต่ก็ไม่ได้สอนละเอียด เป็นต้นว่าให้ใช้คำว่า \"เพคะ\" เวลาตอบรับ แต่ครั้นเอาจริงเข้า แม่ก็ไม่ได้พูดว่า \"เพคะ\" สักหน่อย เสียงแม่พูดดัวคล้ายๆ \"มังคะ\" โดยออกเสียงตัว \"มัง\" แต่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
        \"เด็กนั่นน่ะรึลูกสาว\" เสด็จรับสั่งต่อ
        \"ข้าเคยเห็นเจ้าวิ่งเล่นอยู่แถวๆนี้ ตั้งแต่ตัวเล็กๆ แล้วก็หายไป กลับมาอีกที ก็หอบลูกมาให้ข้าเลี้ยง พวกเจ้านี่เลี้ยงไม่รู้จักโตสักที ตัวหายไปแล้วลูกก็มาแทน\"
        เสียงผู้หญิงที่หมอบเรียงรายอยู่ตามเฉลียง หัวเราะเบาๆหลายคน
        \"อยู่ดีๆไม่ว่าดี\" เสด็จรับสั่ง
        \"อยากออกไปมีผัว แล้วก็ไปเป็นเมียน้อยเขาเสียด้วย นี่ผัวเขาไล่มา หรือเจ้ามาเอง แช่ม\"
        \"มาเอง มังคะ\" แม่ตอบ
        \"แต่เขาก็ไม่ห้าม\"
        \"ยังพูดเก่งอยู่นั่นเอง\" เสด็จทรงพระสรวล
        \"ลูกชื่ออะไร อายุเท่าไหร่\" รับสั่งถามต่อไป
        \"ชื่อพลอยมังคะ\" แม่กราบทูล
        \"อายุ ๑๐ ขวบ\"
        \"ไหนเงยหน้าขึ้นซิพลอย\" เสด็จรับสั่ง
        \"มาหมอบก้มหน้าเป็นลิงลมอยู่ได้\"
        พอได้ยินเสด็จรับสั่งกับตัวโดยตรง พลอยก็แทบจะแทรกแผ่นดินไปด้วยความประหม่า และความอาย แต่แม่รีบเอื้อมมือมาสะกิด พลอยก็ต้องจำใจเงยหน้าขึ้นตามรับสั่ง
        เมื่อพลอยเงยหน้าขึ้นด้วยความจำใจเช่นนั้น ก็ได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ที่ๆพลอยหมอบอยู่ เป็นเฉลียงยาว พื้นขัดถูจนเป็นมัน ด้านหนึ่งเป็นหน้าต่างมีแสงสว่างเข้ามาตลอด ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นประตู เปิดเข้าไปในห้องต่างๆ บนตำหนัก ตรงหน้าพลอยออกไปมีพรมสีเขียว ปูอยู่ใกล้ๆทางฝาด้านใน เสด็จประทับอยู่บนพระที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ เย็บติดกับที่อิงเย็บเป็นรูปหมอนขวาน ทั้งเบาะและหมอนที่อิง หุ้มด้วยแพรดอกสีแดงเข้ม รอบๆที่เสด็จประทับ พลอยเห็นมีของกระจุกกระจิก วางอยู่หลายอย่าง เป็นต้นว่า กระโถน ขันน้ำ เชี่ยนหมาก กาน้ำร้อน และพานเล็กพานน้อยใส่ของเครื่องใช้ต่างๆอีกมาก
        เสด็จเป็นคน วัยเดียวกับคุณสาย จะแก่กว่าคุณสายก็ไม่กี่ปี่ พลอยสังเกตุเห็นเสด็จขาวกว่าคุณสาย และจะเป็นเพราะประทับตรงที่ๆ มีแสงสว่าง หรือเพราะเหตุใดก็ตาม พลอยรู้สึกว่าเสด็จมีราศี ผุดผ่องกว่าคนอื่นๆ ที่หมอบเรียงรายอยู่บนเฉลียงที่ประทับนั้น ทั้งที่เสด็จแต่งพระองค์ ไม่ผิดกับคนอื่นๆเลย คือทรงผ้าลายและผ้าห่ม เป็นแบบเดียวกับชาววังอื่นๆ ที่พลอยได้เห็น สิ่งที่ดึงดูดความสังเกต ของพลอยมากกว่าอื่นๆ ในพระองค์เสด็จ ก็คือพระเนตรทั้งคู่ ซึ่งดำขลับและเป็นประกาย พระเนตรคู่นั้นดูเหมือนจะมองดูพลอย และมองทะลุไปตลอดลำตัว พลอยรู้สึกทันทีว่า พระเนตรคู่นั้นมีอำนาจ บังคับคนได้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกด้วยว่า พระเนตรคู่นั้นเต็มไปด้วย ความเมตตา อาจยึดถือเป็นที่พึ่งอันแท้จริงได้เช่นกัน
        บนเฉลียงนั้นมีข้าหลวงวัยสาวหมอบอยู่อีกหลายคน และพลอยอดนึกไม่ได้ว่า แต่ละคน ช่างสวยสดงดงามไปสิ้น พอพลอยเงยหน้าขึ้น ตาทุกคู่ก็หันมาจ้องพลอย และทุกคนรวมทั้งเสด็จ ต่างก็ยิ้มอย่างปรานี ขณะที่พลอยกำลังม้วนหน้ากลับลงไปอีก ด้วยความอาย แม่ก็สะกิดอีกทีหนึ่ง แล้วกระซิบว่า
        \"พลอย เอาดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปถวายตัวเสีย\" แล้วแม่ก็ทูลดังๆว่า
        \"ยังขี้อายมังคะ ไม่เคยออกจากบ้าน เพิ่งจะพาออกมาวันนี้\"
        \"ดีแล้วละ\" เสด็จรับสั่งตอบ
        \"ถ้าเก่งอย่างแม่ของมันเมื่อเด็กๆ ข้าก็ชักจะเข็ดเหมือนกัน กลัวเลี้ยงมันไม่ไหว\"
        พลอยลุกขึ้นขยับเขยื้อนมือหนึ่งจับพาน จะคลานก็คลานไม่ค่อยจะออก เพราะยังประหม่าอยู่มาก แต่แม่เอื้อมมือมาเสือ กขาออกไปข้างหน้า พลอยก็ค่อยๆคลานอย่างขลุกขลัก ไปจนถึงพรมสีเขียว พอถึงก็ชะงัก ไม่แน่ใจว่าจะคลานต่อไป หรืออย่างไร พอดีเสด็จรับสั่งว่า
        \"เข้ามาใกล้ๆ สิพลอย\"
        พลอยก็แข็งใจคลานเข้าไปถึงพระองค์ พอถึงก็หลับตาเสือ กพานดอกไม้ธูปเทียน ออกไปข้างหน้า แล้วก็หมอบกราบใจเต้นอยู่ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
        \"ดูสิ กรวยดอกไม้ก็ยังไม่ได้เปิด\" เสียวเสด็จรับสั่ง
        \"เปิดกรวยดอกไม้เสียก่อนพลอย\" เสด็จรับสั่งต่อ
        พลอยเอื้อมมือไปเปิดกรวยดอกไม้ขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป จนเสด็จรับสั่งว่า
        \"ยกพานส่งเข้ามา\" พลอยก็ทำตาม เสด็จทรงรับดอกไม้ธูปเทียน ไปวางไว้ข้างพระองค์ แล้วเอื้อมพระหัตถ์ มาลูบพลอยเบาๆ พลางรับสั่งว่า
        \"ยังไม่ประสาเสียเลย จะคุ้นคนง่ายหรือยากก็ไม่รู้ เดี๋ยวมากลัวเห็นข้าเป็นยักษ์เป็นมาร อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ต้องกลัวกันนะพลอย\"
        เสด็จเอาพระหัตถ์เชยคางพลอยขึ้น ทอดพระเนตรดูหน้า แล้วทรงพระสรวล รับสั่งว่า
        \"หน้าตาน่าเอ็นดู สวยกว่าแม่อีก ผิวพรรณก็ดี สมเป็นลูกพระน้ำพระยา\" พลอยได้ยินดังนั้นก็แทบจะตัวลอย เพราะอยู่บ้านไม่เคยมีใครชมว่าสวย อย่างดีก็บอกว่าน่าเอ็นดู แต่เสด็จรับสั่งชมว่าสวย ทำให้พลอยปลื้ม จนบอกไม่ถูก
        \"เอามาให้แล้วละก็ให้ข้าขาดนะ\" เสด็จรับสั่งกับแม่
        \"ประเดี๋ยวก็จะมาเอาตัวออกไปเสียอีก โตขึ้นก็จะหาผัว ให้กันเท่านั้น\"
        \"โธ่ ไม่ทำหรอกมังคะ\" เสียงแม่ตอบ \"มอบถวายเด็ดขาด แล้วแต่จะทรงพระกรุณาชุบเลี้ยง ถ้าหม่อมฉัน เข้ามายุ่งละก็แล้วแต่จะลงพระอาญาทีเดียว\"
        \"เจ้าก็ดีแต่พูด\" เสด็จรับสั่งตอบ \"แม่ลูกกันจะไปตัดกันขาดได้อย่างไร ข้าก็ได้แต่คอยเลี้ยงจนโตเท่านั้น ว่ายังไง พลอย\"
        แต่พลอยก็ได้แต่ก้มหน้า ไม่รู้จะทูลตอบว่าอย่างไรถูก
        \"แล้วตัวเจ้าล่ะแช่ม จะทำอย่างไรต่อไป\" เสด็จรับสั่งถามแม่ต่อไปอีก
        \"รอจนผัวมารับซีนะ นังตัวดี\" เสด็จรับสั่งสัพยอกแล้วก็ทรงพระสรวล
        \"ชาตินี้ทั้งชาติ แช่มเห็นจะไม่มีวันกลับไปอีกได้\" แม่ทูลตอบ
        \"เมื่อหม่อมฉันอยู่ในวังเคยแต่มีสุข ไม่รู้ทุกข์ ออกไปแล้วจึงได้รู้ เมื่อรู้จักทุกข์แล้ว ก็เห็นจะกลับไปหาทุกข์อีกไม่ได้\"
        \"พวกเจ้าก็เหมือนกันทุกคน\" เสด็จรับสั่ง
        \"อยู่สบายๆไม่ชอบ ว่าคับแคบไปละ ถูกกดขี่ละ อยากออกไปมีลูก มีผัวเป็นคุณหญิง เป็นท่านผู้หญิง จะได้เบิกบานให้เต็มที่ เสร็จแล้วก็เห็นแต่บ่นกันไปทุกคน ข้าก็ไม่รู้จะไปช่วยเหลือได้อย่างไร จริงๆ นะแช่ม เรื่องลูกเรื่องผัว ข้าไม่อยากเกี่ยว โกรธกันก็มาฟ้อง พอดีกันเข้า ก็จะมารุมเล่นงานเอาข้าเข้าอีก\"
        \"โบราณเขาว่า\" คุณสายทูลขึ้นมา
        \"เรื่องความผัวความเมีย อย่าไปเกี่ยวมังคะ\"
        \"อ้อ\" เสด็จทรงพระสรวล
        \"สายก็เคยมีผัวกับเขาเหมือนกันรึ\" ทุกคนในที่นั้น หัวเราะกันเกรียว
        \"วุ๊ย ! \" คุณสายร้องเสียงหลง
        \"เสด็จรับสั่งอะไรอย่างนั้นก็ไม่รู้ หม่อมฉันว่า โบราณเขาว่าดอกมังคะ !\"
        \"แล้วสายไปรู้ได้อย่างไรว่า โบราณเขาว่าถูกหรือผิด ถ้าเราไม่เคย\" ทุกคนในที่นั้น ก็พากันหัวเราะกันขึ้นอีก ขณะนั้นข้าหลวงอีกสองคน เชิญเครื่องเสวยขึ้นมา พลอยเหลียวไปมองดูแม่ เห็นขยิบตาพยักหน้า ให้พลอยถอยออกไป พลอยก็หยิบพานคลานถอยไปหมอบอยู่ใกล้ๆกับแม่
        พวกที่เชิญเครื่องขึ้นมานำเครื่องไปตั้งตรงพระพักตร์เสด็จ เครื่องนั้นใส่จานเงิน วางอยู่บนโตกเงินเล็กๆ พลอยรู้สึกว่าเป็นของเล็กๆน้อยๆเหลือเกิน ครั้งหนึ่งพลอยเคยเห็นที่บ้านตั้งข้าวพระ ถวายพระพุทธ ใส่ชามเล็ก ชามน้อย พลอยยังนึกว่า พระพุทธจะฉันอย่างไรอิ่ม มาเห็นเครื่องเสด็จคราวนี้ ก็ดูไม่น่าจะอิ่มเช่นเดียวกัน
        เสด็จทรงบ้วนพระโอษฐ์แล้วก็เริ่มเสวย ขณะที่เสวยก็รับสั่งคุยกับแม่และคุณสาย ถึงเรื่องทางบ้านของแม่บ้าง หรือเรื่องเก่าๆ ที่ทรงนึกขึ้นได้ แต่ส่วนมากนั้นแม่เป็นผู้คุย พลอยเห็นเสด็จทรงพระสรวลอยู่บ่อยๆ เสด็จเสวยเรื่อยๆ คล้ายกับไม่สนพระทัยในอาหาร ที่กำลังเสวยอยู่ พลอยสังเกตเห็นข้าวที่เสวยนั้น ดูเหมือนจะมีอยู่ประมาณสองช้อนถ้วย แต่เสด็จเสวยเท่าไร ก็ไม่รู้จักหมดสักที กว่าจะเลื่อนเครื่องคาวออก แล้วตั้งเครื่องหวาน ก็ดูนานหนักหนา
        \"สาย\" เสด็จรับสั่ง
        \"บ่ายนี้มีสวดมนต์บนพระที่นั่ง ข้าว่าจะขึ้นไปสักหน่อย เสด็จตำหนักบนจะขึ้นไปหรือไม่ ก็ไม่รู้ ถ้าไปจะได้ไปด้วยกัน\"
        \"หม่อมฉันจะให้ไปทูลถามดูก็ได้มังคะ\" คุณสายทูลตอบ แต่พอคุณสายพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงคนเดินขึ้นบันไดมา เสียงข้าหลวงที่หมอบอยู่ใกล้ๆ ทางขึ้นทูลว่า
        \"แม่มาลัย มาจากตำหนักบนมังคะ\" และทันใดนั้น ก็มีสตรีวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง โผล่หน้าขึ้นมากราบเสด็จ ตรงทางขึ้น แล้วทูลอย่างเร็วปรื๋อว่า
        \"สวดมนต์เย็นบนพระที่นั่งบ่ายวันนี้มังคะ เสด็จให้มาทูลถามเสด็จว่าจะเสด็จหรือไม่เสด็จ ถ้าเสด็จจะเสด็จ เสด็จจะเสด็จด้วย \"
        พลอยไม่เคยได้ยินใครพูดราชาศัพท์ ใช้คำว่า \'เสด็จ\' คำเดียวแต่ได้ความทั้งประโยคและรวดเร็วเช่นนั้น ด้วยความแปลกใจจึงหันไปดู
        เสด็จทรงพระสรวลกี๊ก รับสั่งว่า
        \"พลอยถ้าจะยังไม่เคยได้ยินภาษาชาววัง ไหนพลอยบอกมาลัยเขาสิว่า เสด็จให้ไปทูลเสด็จว่า เสด็จจะเสด็จ ถ้าเสด็จจะเสด็จด้วย เสด็จก็จะดีพระทัยมาก\"
        ทุกคนรวมทั้งแม่มาลัยหัวเราะกันเกรียว ทำให้พลอยต้องหมอบ ก้มหน้าต่ำลงไปอีก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น