คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ซัน_เซน - I will
‘ซกมกขนาดนี้จะมีใครเอา’
ยัยตัวแสบของเขาทำหน้าบึ้ง บอกอาการว่าไม่สบอารมณ์ที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ก็ไม่อาจโต้เถียงอะไรได้ เด็กสาวจึงได้แต่ทำปากมุบมิบพยายามบอกกับฝ่ายตรงข้ามด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ
‘ไม่เห็นจะสนเลย ไม่มีใครเอาฉันก็ไม่เห็นจะเป็นไร’
ซันถอนหายใจ เดินไปผลักศีรษะร่างที่นั่งเล่นเกมอยู่บนพื้น เหลือบมองสภาพของห้องที่ต้องได้รับการจัดเสียใหม่อย่างปลงๆ ก่อนจะเอ่ยปากบ่นกับร่างเล็กอีกครั้ง
‘ขึ้นคานไปแล้วอย่ามาร้องไห้กับฉันก็แล้วกัน’
‘ไม่ร้องหรอก…ใครจะไปร้องกับนายกัน’
‘ก็พูดไปงั้นแหละ ฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอมาร้องไห้ขี้มูกโป่งกับฉันนักหรอก’
หันมองไปทางอื่นพลางนั่งลงข้างๆ ร่างเล็กนั้นช้าๆ รู้สึกนับถืออีกฝ่ายที่แม้จะเล่นเกมอยู่ก็ยังแบ่งสมาธิมาต่อปากต่อคำกับเขาได้…รู้ตัวอีกทีบทสนทนาทั้งหมดก็หยุดชะงักและทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ซันพอใจที่จะนั่งอยู่เช่นนั้นแม้เด็กสาวข้างกายจะก้มหน้างุดไม่ปริปากพูดจาอะไรสักคำ
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเสียงใสที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
‘ซัน’
‘หือ’
เขามีปฏิกิริยาต่อเสียงนี้เสมอ
‘ถ้าสมมติฉันแต่งงานไปนายจะยังอยู่กับฉันไหม’
‘อย่างเธอหรือจะมีใครขอแต่งงาน’
พยายามจะทำอะไรสักอย่างให้เธอยิ้ม
‘อย่าเพิ่งมาแขวะกันได้ไหม…ฉันจริงจังนะ’
‘ฉันก็ไม่ได้พูดเล่นเสียหน่อย’
‘ซัน…’
‘เอาเป็นว่าไว้ถึงตอนนั้น…’
อยากให้เธอมีความสุข เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้เธอได้
‘ถึงตอนนั้น…ฉันจะเป็นคนที่อยู่กับเธอจนจบพิธีเอง ตกลงมั้ย?’
….
…
..
.
.
.
คำพูดที่เขาพูดออกไป…โดยที่คิดว่าต่อให้ไม่มีวันนั้น…แต่เขาก็ยังคงจะรักษาสัญญากับเธอตลอดไป
ทว่าเมื่อมันเป็นความจริงแล้ว กลับเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่
เจ็บ…
ป้าบ!
“เฮ้ ซัน มาทำหน้าซังกะตายอะไรอยู่ตรงนี้”
“เจ็บนะเฮ้ย…”
เขาหันกลับไปมองเจ้าของแรงฟาดที่ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บบนไหล่ช้าๆ เป็นยูนั่นเองไม่ใช่ใครที่ไหน อีกฝ่ายมาในชุดสูทสีดำสุภาพ เซนเหลือบมองด้านหลัง ยังคงมีคนคุ้นหน้าคุ้นตาเดินตามมาอีกสองคนซึ่งก็ไม่ใช่คนไกลตัวที่ไหน เลนหนุ่มรุ่นน้องทักทายเขาทีหนึ่ง และคูล มาในชุดสูทเช่นเดียวกับทุกคน ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เขาแม้มันจะขัดกับใบหน้าที่อ่อนล้านั่นก็ตามที เซนพยักหน้าให้ตามมารยาท
“ขอบใจนะที่มา…เซนคงดีใจ”
“คนกันเอง ก็ต้องมาอยู่แล้วสิ…วันแต่งงานของเซนจังทั้งที”
“อา…”
ใช่แล้ว วันที่เขาคิดว่ามันคงไม่มาถึง…วันแต่งงานที่หญิงสาวหลายๆ คนฝัน รวมถึงยัยตัวแสบของเขาด้วย
“แล้วพวกผู้หญิงไม่มาด้วยเหรอ”
“พวกนั้น…ไปหาเซนที่ห้องแต่งตัวแล้วล่ะ”
“อ๋อ…”
“นานๆ ทีจะเจอกัน ให้สาวๆ ได้คุยกันบ้างดีกว่าเนอะ”
“นั่นสินะครับ”
มันน่าอัศจรรย์ดี ที่งานแต่งงานของสาวๆ ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน…ก็ต้องโทษไอ้ดอกไม้เจ้ากรรมนั่นแหละที่มาตกในมือของเซนพอดี ดังนั้นทั้งปอจู และอุ้มที่เพิ่งแต่งงานไปไม่นานจึงได้มาร่วมงานด้วยอย่างคนสนิท
“เหนื่อยหน่อยนะพวกนาย” ยูและคูลส่งยิ้มให้ แต่คนหลังท่าทางจะอาการหนักหน่อย เพราะงานแต่งของอุ้มเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานมานี้…และพวกเขาก็รู้ๆ กันอยู่ว่าชายหนุ่มคิดยังไงกับหญิงสาวร่างเล็กคนนั้น
“มันช่วยไม่ได้นี่ครับ…ขอแค่เขามีความสุขผมก็พอใจแล้วล่ะ”
คูลบอก “จะเหนื่อยก็ตรงที่ต้องขับรถเทียวรับเทียวส่งนี่ล่ะครับ เพราะว่าคุณฉงซานไม่ว่าง ติดงานกลับดึกทุกที”
“เป็นหมอนี่ก็ลำบากนะครับ”
“ว่าแต่นายเถอะเลน…จะมีข่าวดีเมื่อไหร่”
“อ้อ” หนุ่มรุ่นน้องลากเสียงยาว “ผมคงยังไม่สละโสดเร็วๆ นี้หรอกครับวางใจได้ ยังใช้ชีวิตวัยหนุ่มไม่เต็มอิ่มเลย”
พลางหัวเราะร่วน พวกเขาทั้งหมดถอนหายใจ…ก็รู้กันอยู่ว่าหมายถึงอะไร แต่ก็…พูดออกไปไม่ได้ล่ะนะ…แล้วยูก็เป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้นมาใหม่ว่า
“ว่าแต่ เจ้าบ่าวของเซนจังเป็นใครกันล่ะ ฉันไม่ยักกะเคยหน้าหน้าคร่าตา”
ซันทำหน้าเหม็นเบื่อขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จำใจตอบเสียงห้วนสุดๆ “เอวาริสท์…นามสกุลอะไรไม่รู้ไม่เคยจำ เป็นแค่ไอ้แว่นที่ดีแต่เก๊กหล่อแท้ๆ” แต่กลับ…ได้ใจของเธอไป
“เอาจริงๆ นะ ไปคบกันตอนไหนฉันยังไม่รู้เลย ให้ตายสิ”
เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก…ตอนที่เซนบอกว่า มีคนที่อยากจะแต่งงานด้วยแล้ว
หา? มันเป็นใคร ไอ้หน้าไหนกันมันบังอาจ…หัวเสียไปก็เท่านั้น เพราะเขาไม่สามารถทัดทานหรือห้ามอะไรได้
เพราะเอวาริสท์คนนั้นช่างเพียบพร้อม…เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่ใครๆ ต่างก็ยืนยันกับเขาอย่างหนักแน่นว่าสามารถดูแลเซนได้
หลังจากงานแต่งงานของอุ้ม ตอนที่ช่อดอกไม้นั้นมาตกอยู่ในมือของเซน ใจเขายังไม่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะคิดว่ามันคงเป็นประเพณีเล่นๆ กัน แต่เซนกลับเล่นตามเสียงั้น เมื่อไม่กี่อาทิตย์หลังจากนั้น ว่าที่เจ้าบ่าวที่เขาไม่เคยหน้าหน้าคร่าตาก็ปรากฏตัว
เขาจำได้ว่ามันยังไม่รู้สึกชาเท่าที่มายืนอยู่ในงานตอนนี้เลย
ยูตบบ่าเขาสองสามที “เอาน่ะ ฉันก็เข้าใจความรู้สึกนายนะ…แต่ก็พูดอะไรไม่ได้มากหรอก”
“อือ”
“อย่าทำหน้าเศร้ากันแบบนั้นสิครับพี่ๆ” เลนพยายามยิ้มเปลี่ยนบรรยากาศ “นานๆ ทีจะได้เจอกัน แต่แหม…ไม่ได้กลับไทยนานแล้วเนอะ คิดถึงบ้านจัง”
“พอดีฉันกับยัยนั่นไม่มีวาสนากับงบที่จะไปจัดงานที่ต่างประเทศแบบพวกนายน่ะนะ”
คนโดนพาดพิงหัวเราะ “อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ใช่ว่าพวกผมจะเป็นเจ้าของงานเองเสียหน่อย”
“จัดที่ไทยก็ดีเหมือนกัน เอียนเมืองนอกละ รู้มัยว่าฉัน…หือ…” เสียงของยูหยุดชะงักเมื่อรับรู้ถึงการสั่นในกระเป๋ากางเกง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครจึงกดรับ “ว่าไงคุณนายปอจู…หา เถลไถลอะไรกัน ฉันก็อยู่หน้างานนี่ไง อะไรนะ? หาไม่เจอ ยัยบ้า เธอลองหาดีๆ ซิ…เออ ฉันเห็นเธอแล้ว ลองหันกลับมาซิ”
สักพักจึงวางสาย พวกเขาก้มหน้ามอง ทันใดนั้นก็มีเสียงวิ่งตึกตักมาทางกลุ่มของพวกเขา เป็นหญิงสาวเจ้าของสายเมื่อครู่ที่วิ่งมาถึงเป็นคนแรก ตามด้วยอีกสองคนที่วิ่งตามมาเหยาะๆ เพราะเครื่องแต่งกายไม่อำนวย
เสียงหวานเปิดปาก “ไอ้เคะหัวทอง ฉันบอกให้ไปเจอกันในงานแล้วมัวทำอะไรอยู่ อ๊ะ ซันคุงสวัสดีนะ”
“สวัสดีจ้าซันคุง” อุ้มทักเขาบ้าง เขาจึงพยักหน้าตอบแล้วทักกลับไปบ้าง
“ขอบคุณที่มากันนะ เซนล่ะ?”
“ยังอยู่ในห้องแต่งตัวค่าพี่ซัน เจ้าสาวน่ะต้องเก็บตัวก่อนเริ่มพิธีนะคะ”
“เพราะงั้นพวกเราก็เลยออกมาก่อน แต่ว่านี่ก็ใกล้จะเริ่มแล้วล่ะ อีกสามสิบนาทีใช่ม้า…นี่คูลมาด้วยกันเดี๋ยวสิ”
“ครับ?” คูลโดนจูงมือไปก่อนที่จะได้ทันขานรับเสียอีก แต่เจ้าตัวก็ยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย
“ไปเดินเล่นในงานกันก่อนแป๊บนึง ปอจัง เนลจังจะมาด้วยกันไหมจ๊ะ”
“ก็นะ เหลือเวลาอีกตั้งสามสิบนาทีแน่ะ งั้นนายก็มากับฉันเลยแล้วกันยู”
“อ้าว เดี๋ยวสิ ฉัน—”
“ไปน้าซันคุงงงง~”
เขาโบกมือลาให้กับกลุ่มคนที่หายเข้าไปในงาน ส่วนสองร่างที่เหลือยิ้มให้เขาก่อนที่เนลจะเดินจากไปบ้าง และเลนเดินตามอย่างไม่ต้องถกเถียงให้เสียเวลาเพราะรู้งาน…หรือเพราะโดนลากก็ไม่รู้
ซันสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เหม่อมองบรรยากาศรอบงานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยให้ความคิดล่องลอย
จนกว่าพิธีจะเริ่ม เจ้าสาวจะออกมาไม่ได้สินะ
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก
แต่ทำไม…มันกลับรู้สึกอยากจะออกไปจากงานเดี๋ยวนี้
ซันเคยบอกกับเซนว่า เขาทำทุกอย่างได้ เพื่อให้เธอมีความสุข
และเขาพร่ำบอกอยู่เสมอว่า เขาจะคอยอยู่ข้างๆ เธอ…ในวันที่เธอไม่มีใคร
ในวันที่เธอร้องไห้…เขาจะเป็นคนเช็ดน้ำตาให้แม้เธอจะไม่ต้องการ
และในวันที่เธอแต่งงาน…เขาจะอยู่กับเธอจนจบพิธี
เขาสัญญา ทุกคำพูดที่เขาบอก เขารักษามันเสมอ
หากแต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากผิดสัญญา
เมื่อในอกมันเจ็บ…แม้แต่ในลำคอก็ยังเจ็บ
เจ็บอย่างที่เขารู้ดีว่าทำไม
ซันไม่อาจทนความเจ็บนี้จนจบงานได้ และไม่สามารถปรบมือรับภาพที่เซนเดินไปหาเจ้าบ่าวของเธอได้ เขาไม่อาจร่วมแสดงความยินดีกับเธอได้ทั้งที่ยังรู้สึกแบบนี้ ในหัวของเขามันมีเรื่องมากมายตีกันไปหมด มันทำให้ไหล่ของเขารู้สึกหนักอึ้ง…
เขาไม่สามารถเป็นคนเห็นแก่ตัวได้
ความคิดของเขาหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อซันเหลือบเห็นเจ้าบ่าวยืนอยู่บนเวที อาจเพราะใกล้จะได้เวลาเริ่มงานแล้ว แต่เจ้าสาวก็ยังออกมาไม่ได้ แต่หลังจากนี้…เธอก็จะไปยืนอยู่ข้างคนๆนั้นอย่างไม่มีวันหันหลังกลับมา
เขาไม่สามารถทนภาพแบบนั้นได้
และไม่สามารถผิดสัญญากับเธอได้
ไม่อยากทำให้เธอร้องไห้
แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อคนที่จะคอยเช็ดน้ำตาให้เธอ…ไม่ใช่เขา
ความคิดที่ทำให้ในอกรู้สึกเจ็บเหมือนมีมีดเสียบแทง ซันกลั้นความเจ็บนั้นเอาไว้ รู้สึกชา แม้แต่ใบหน้าก็ไม่อาจแสดงอารมณ์ใดๆ ได้
พลันความเจ็บก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ ความน้อยใจ
มันเจ็บยิ่งกว่าเก่าเมื่อรู้ว่าความพยายามทั้งหมดของตัวเองสูญเปล่า
และเจ็บกว่าเป็นร้อยเท่าเมื่อรู้ว่าต้องปล่อยมือ…
สุดท้ายเขาต้องเป็นฝ่ายจากไป
ซันมองเจ้าบ่าวบนเวทีเป็นครั้งสุดท้าย มองตำแหน่งที่ใครบางคนจะก้าวไปอยู่ตรงนั้น และ…เขาจะไม่สามารถเข้าไปแทรกหรือดึงตัวเธอกลับมา ไม่แม้แต่จะบอกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
เขาอยากให้เธอมีความสุข
แม้แต่วินาทีสุดท้ายที่เขาไม่อาจเคียงข้างเธอได้
อยากเป็นคนทำให้เธอมีความสุขแม้ในตอนนี้สถานะของเขาจะเปลี่ยนไป
เขาจะกลายเป็นแค่คนในความทรงจำ คนที่ไม่สามารถกอดเธอได้อีกแล้ว
และเขาไม่อยากรับความจริงนั้นเลย…
ซันขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด ปล่อยให้ร่างของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเดินผ่านเข้าไปโดยไม่ได้มองว่าเป็นใครมาบ้าง เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นปล่อยให้ทุกสิ่งผ่านไปราวกับว่าได้ปิดตาไม่รับรู้อะไร ก่อนที่ขายาวจะก้าวเดิน…
“เนลจังเห็นซันหรือเปล่าจ๊ะ”
“คะ?”
เจ้าของชื่อขานรับเสียงฉงน ก่อนจะขมวดคิ้ว “เมื่อกี้ก็เห็นอยู่หน้างานนี่คะ…พี่เซนมีอะไรหรือเปล่า”
“อะไรกันเหรอ” ปอจูเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่ามีอะไรผิดสังเกต และเจ้าสาวที่ออกมาจากห้องก่อนพิธี…
“เซน…หาซันไม่เจอ”
หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดบอกหน้าเครียด น้ำเสียงกังวลแม้จะพยายามแล้วไม่ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนทุกคนแตกตื่น…หวังให้ความคิดของเธอไม่เป็นจริง
“คือว่า…โทรไปก็ไม่รับสาย ก็เลยออกมาหาข้างนอกเผื่อจะอยู่แถวนี้”
ทุกคนเงียบเมื่อได้ฟัง ใครสักคนพยายามจะหาคำปลอบใจหรือคำแนะนำดีๆ ที่น่าจะเป็นไปได้ อุ้มพูดขึ้นว่า
“คงอยู่ในงานนี่แหล่ะจ้ะเซนจัง ซันคุงเขาไม่ไปไหนไกลหรอก ที่ไม่รับสายเพราะเสียงในงานมันดังก็เลยไม่ได้ยิน”
“ค่ะ” เจ้าสาวยิ้มหน้าเฝื่อน อดคิดในใจไม่ได้ ถ้าใช่ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เถอะ ก่อนจะรับรู้ถึงน้ำหนักมือที่วางบนไหล่อย่างให้กำลังใจของอุ้ม เซนพยายามจะยิ้ม ยิ้มเพื่อย้ำกับทุกคนและตนเอง วันนี้เป็นวันพิเศษของเรา
วันแต่งงานของเธอ…จะขาดคนๆ นั้นไปไม่ได้
“งั้นเซนขอตัวก่อนนะทุกคน”
“เซนจะไปไหน งานจะเริ่มแล้วนะ” ทุกคนที่ได้ยินขมวดคิ้ว
“แป๊บเดียวค่ะ แป๊บเดียว เดี๋ยวเซนกลับมา”
หญิงสาวบอกอย่างเร่งรีบ ก่อนจะรวบกระโปรงยาวของตนแล้ววิ่งออกไป ทิ้งให้คนข้างหลังมองตามอย่างเป็นห่วง เซนวิ่งไปเรื่อยๆ เท่าที่ชุดและรองเท้าส้นสูงของตนจะอำนวย พร้อมกับสอดส่องมองหาร่างสูงของใครคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่เช้าให้เจอ
ก็เพราะว่าเธอถูกกักตัวไว้ในห้องแต่งตัวตั้งแต่ตีห้า ต้องแต่งหน้าทำผมอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จ แถมยังโดนสั่งไม่ให้ออกมาจากห้องจนกว่างานจะเริ่ม ทั้งที่ถ้าทำตามประเพณีไทยแล้วเธอควรจะออกมาต้อนรับแขกกับเอวาริสท์เจ้าบ่าวของเธอ…ก็ช่วยไม่ได้อีกที่เอวาริสท์นับถือศาสนาคริสต์ทำให้เธอต้องจัดงานแต่งตามธรรมเนียมอีกฝ่าย ดังนั้นซันจึงเป็นคนอาสารับแขกที่หน้างานให้แทน
หลายวันที่ผ่านมาไม่ได้คุยกันเลย ทั้งที่เธอ…คิดถึงเสียงของหมอนั่นตอนที่ทะเลาะกันมากกว่าใครแท้ๆ
เซนส่ายหน้า เธอรู้ว่าเธอไม่ควรคิดเช่นนั้น เพราะมันไม่สมควร เธอกำลังจะแต่งงาน…แต่ซันคือคนสำคัญ คนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็นึกถึงเธอเป็นคนแรก และเป็นคนที่เธอขอให้เขาอยู่ข้างๆ เธอตลอด
จนจบพิธี…เขาสัญญาว่าอย่างนั้น
‘หายไปไหนกันน่ะซัน นี่ยังไม่เริ่มงานเลยนะ’ หญิงสาวคิดอย่างร้อนรน เธอปรี่เข้าไปถามทุกคนที่น่าจะเคยเห็นและรู้จักซันว่าชายหนุ่มหายไปที่ไหน แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าและสายตาฉงนที่มองอย่างสงสัยว่าเจ้าสาวอย่างเธอออกมาข้างนอกได้เช่นไร แต่เซนไม่มีเวลาอธิบายเหตุผลของเธอ
เซนตามหาจนทั่วงาน โทรศัพท์มือถือของเธอต้องทิ้งเอาไว้ที่ห้องเพราะไม่สามารถนำมาด้วยได้หลังจากโทรหาซันเป็นสิบๆ สายแต่ก็ไม่มีการตอบรับ ตอนนี้เธอวิ่งมาจนถึงหน้างานที่ทุกคนบอกว่าซันน่าจะอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววเลย
เซนหน้าเครียด หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ซัน… ซัน… ซัน…
ซัน…
นายอยู่ไหน?
“ซัน…” เซนเรียกเสียงสั่น หวังอย่างยิ่งที่จะให้เจ้าของชื่อปรากฏตัวออกมา
ซัน…
ร่างของเจ้าสาวออกวิ่ง เธอวิ่งผ่านหน้างานไป สถานที่จัดเป็นโรงแรมที่มีทางเดินแยกปูพรมเอาไว้อย่างสวยงาม เซนมองอย่างลังเลก่อนจะสุ่มเลือกเส้นทางมาแล้วรวบกระโปรงวิ่งออกไป
เซนผ่านเวที ผ่านเจ้าบ่าวของเธอไป ตามหาซันอย่างไม่ลดละ หัวใจพองโตเมื่อความคิดที่เธอคิดกำลังจะ…
‘ไม่นะ ไม่นะ ซัน ไหนนายบอกว่า…’
เธอกำลังจะแต่งงาน แต่กลับวิ่งตามหาผู้ชายอีกคน
เธอกำลังจะร้องไห้ รู้สึกกลัว…ใจสั่นไหวในขณะที่วิ่งไปอย่างไม่หยุดหย่อน
“ซัน!”
เซนพยายามเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ ทั้งที่ปกติ ร่างของเขาจะโผล่มาอยู่ด้านหลัง ไม่ก็อยู่ข้างๆ เธอ…
พร้อมบอกว่าอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว…
หากแต่ตอนนี้เธอกำลังกลัวอย่างสุดหัวใจ เมื่อคนๆ นั้นหายไป
“ซัน…ซัน…” ไม่เอานะ ไม่เอานะ ซัน ไม่เล่นอย่างนี้ “ไหนบอกว่าจะอยู่กับฉันจนจบพิธีไง…ซัน”
แล้วนายหายไปไหน?
ขาของเซนเริ่มหยุด เมื่อเธอวิ่งต่อไปไม่ไหว…ไม่ใช่เพราะหมดแรง แต่ไหล่ของเธอกำลังสั่น บริเวณนี้มันเงียบเชียบ ไม่มีใครอยู่เลย ไม่มีแขกคนไหนเดินผ่านมา ไม่มีแม้แต่เงาของซัน…คิดแล้วหัวใจของเธอก็เจ็บ
เจ็บอย่างที่เธอไม่รู้ว่าทำไม
ซันเป็นเพื่อน…เป็นพี่…เป็นคนสำคัญที่ไม่มีใครจะมาแทนที่ได้ เธอจะนึกถึงซันเป็นคนแรก คิดถึงซันเสมอ…คนที่ช่วยให้เธอมีความสุขมาตลอด
หากแต่วันที่เธอควรจะมีความสุข กลับไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง
ซันไม่เคยโกหก ซันไม่เคยผิดสัญญา…
แล้วทำไมล่ะ แล้วเขาหายไปไหน เซนถามกับตัวเอง หวังให้มีคำตอบดีๆ ผุดขึ้นมา คำตอบที่จะแทนคำว่า เขาทิ้งเธอไปแล้ว หรือ เขาจะไม่กลับมาแล้ว
“ซัน…ซัน…”
เสียงของเธอเริ่มสั่น สั่นอย่างที่ไม่ควรจะสั่น
หัวใจของเธอเริ่มท้อ เริ่มสิ้นหวัง รู้สึกเหมือนภาพความฝันทุกอย่างพังครืน
ถ้าไม่มีซันอยู่ข้างๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
“ซัน…นายอยู่ไหน” ทำไมไม่มาอยู่ตรงนี้กันล่ะ
จะไม่กลับมาให้เธอเห็นอีกแล้วหรือ
คนที่เคยทำให้เธอมีความสุข เขาจะไม่กลับมาอีกแล้วหรือ
แล้วเธอจะมีความสุขในวันแต่งงานได้ยังไง
“ซัน…”
เซนเม้มริมฝีปาก พยายามกลั้นเสียงของตนเอาไว้
เธอจะแต่งงานไปทั้งๆ อย่างนี้ได้ไงถ้าไม่มีซัน
“ซัน!!!!!!!!!”
ริมฝีปากสีกุหลาบเปิดปากเรียกเสียงดังอย่างไม่ท้อ เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ใบหน้าทั้งที่อากาศมันไม่ร้อนเลยสักนิด…เซนเริ่มวิ่งต่อ ทั้งที่อีกไม่ถึงห้านาที งานแต่งงานของเธอก็จะเริ่มแล้ว…
แต่ยังหรอก ยังหรอก เธอจะต้องลากคอคนที่สัญญากับเธอไว้ออกมาให้ได้
“ซัน!!!!!!!!!”
คนบ้า…
“ไอ้บ้า…ไอ้บ้าซัน นายอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะลากคอนายออกมาให้ได้ ได้ยินไหมฮะซัน นายหนีฉันไม่พ้นหรอก เข้าใจหรือเปล่า ซัน ซัน!!!”
ซัน…
“คนโกหก…ไหนนายบอกว่าจะอยู่กับฉันจนจบพิธีไง…ฮึ่ก…ซัน สัญญากันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ซัน แล้วนายหายไปไหน ฮึ่ก ซัน นี่ ซัน…ฉันเริ่มท้อแล้วนะ ซัน”
คนบ้า…คนโกหก…ซัน
ฉันจะร้องไห้แล้วนะ
“ซัน!!!!!!!!!”
ปึ่ก!!!
“โอ๊ย!”
พลันความเจ็บก็แล่นปราดเข้ามาจากบริเวณศีรษะ เจ็บเสียจนต้องนิ่วหน้าน้ำตาเล็ด หากแต่เซนกลับไม่มีโอกาสได้เปิดปากเล็ดรอดเสียงออกมา เพราะเสียงอีกเสียงหนึ่ง มันเรียกให้เธอหยุดชะงักเสียก่อน…
“ยัยตัวแสบ วิ่งอะไรของเธอเนี่ย”
คนเดียวที่เรียกเธออย่างนี้
“ซัน…”
“ทำไม ทำหน้าอย่างกับเห็นผี เฮ้ย ร้องไห้ทำไม”
“ซัน…ฮึ่ก…ซัน!!...ฮือออ”
ร่างของคนที่เธอตามหายืนอยู่ตรงหน้า…เซนโผกอดโดยไม่เสียเวลาคิดใดๆ และปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ซันแน่นิ่งไปเมื่อปะทะกับร่างเล็กที่โผเข้ามา เขาทำสีหน้าตะลึง ตกใจอย่างมาก แต่ก็ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร
“คนบ้า คนโกหก นายไปอยู่ไหนมา รู้ไหมฉันตามหานายทั้งงาน ฉันนึกว่านายจะหายไปไม่กลับมาแล้ว ฮืออ”
“…เฮ้ ใจเย็น”
“ฮือ เอาค่าใจหายฉันคืนมาเลยนะเจ้าบ้า ฮึ่ก นายมันแย่ที่สุด ฉันแต่งงานไม่ได้ถ้าไม่มีนายนะ ไหนสัญญาว่าจะอยู่กับฉันจนจบพิธีไง นี่หายไปตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน…รู้ไหมฉันตกใจแค่ไหน วิ่งหานายอย่างกับคนบ้า…บ้า บ้า บ้า บ้า นายมันบ้าที่สุด ซันบ้า ฮือออ”
มือเล็กทุบอกร่างสูงเบาๆ คล้ายระบาย ลงโทษที่ทำให้ใจหาย…คนที่หายไปยืนนิ่งอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจยกมือขึ้นกอดเธออย่างปลอบประโลม มือหนาดันศีรษะของเธอพิงอกแล้วเริ่มพูด
“อย่าร้อง…อย่าร้องน่า เป็นเจ้าสาวแล้วนะเธอ— นี่วิ่งออกมาแบบนี้คนเขาจะนึกว่าเธอหนีงานแต่งเอานะ”
ใครสนกันล่ะ ใช่ เซนอยากจะเถียงกลับไปแบบนั้นแหล่ะ
“ก็เพราะนายนั่นแหล่ะ ฮึ่ก” ซันลูบหัวปลอบไม่ให้เธอสะอื้นไปมากกว่านี้
“เออๆ หน้าเลอะไปฉันไม่รู้ด้วยนะ อายเขาตายเลย ทำเหมือนกับโดนเจ้าบ่าวบอกเลิก”
“นายนี่มันปากเสียที่สุดเลย ตาซันบ้า บ้า บ้า บ้า บ้า” ซันหัวเราะ
“เช็ดน้ำตาซะยัยตัวแสบ วันดีๆ แบบนี้เขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ”
ซันผลักเธอออกเบาๆ เซนมองหน้า ก่อนที่มือหนาจะไล้บรรจงเช็ดหยาดน้ำใสใต้ตาเธออย่างอ่อนโยนและระวังไม่ให้เครื่องสำอางเลือน ซันยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น ทำให้หญิงสาวหยุดร้อง แต่ก็อดที่จะสะอื้นไม่ได้
“สุดท้ายเธอก็มาร้องไห้ขี้มูกโป่งกับฉันจนได้”
“ฮึ่ก ไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย นายนั่นแหล่ะไปอยู่ไหนมา ทำฉันวิ่งวุ่นขนาดนี้” ถ้าตอบไม่ดีล่ะก็ จบไม่สวยแน่
“ฉันเหรอ…” อีกฝ่ายหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นมา เซนมองสิ่งของในมือนั้น ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
“นี่มัน…ช่อดอกไม้”
น้ำเสียงทั้งตกใจ ทั้งแปลกใจ แล้วก็ดีใจ…เมื่อหนึ่งในความคิดจากก้นบึ้งพยายามบอกว่ามันเป็นของเธอ…ซันส่งช่อดอกไม้ให้ ตอบข้อสงสัยนั้นด้วยเสียงที่ทุ้มลื่นน่าฟัง แต่ก็แอบเหนื่อยล้านิดหน่อย
“ฉันออกไปซื้อเจ้านี่มา…ก็เธอจะแต่งงานทั้งทีแต่ไม่มีอะไรจะให้เลย ก็เลยออกไปซื้อที่ร้านดอกไม้แถวๆ นี้…นี่ก็วิ่งสุดๆ แล้วนะ โทรศัพท์ก็ลืมไว้ในรถ”
“ซัน…นี่ของฉันเหรอ” เซนถามเสียงสั่น
“อา…” ซันคลี่ยิ้มอ่อนโยน “อยากให้เธอมีความสุข…ครั้งสุดท้ายที่จะทำให้ได้น่ะ”
ครั้งสุดท้าย…ในฐานะเดิม ก่อนที่มันจะเปลี่ยนแปลงไปหลังจากนี้
“ขอบคุณ…ขอบคุณนะซัน…”
เซนสวมกอดคนตรงหน้าอีกครั้ง และพยายามอย่างมากไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก ซันอึ้ง เขาหัวเราะ กอดตอบเธอเป็นครั้งสุดท้าย
“ยัยบ้า— รู้มั้ยหลังจากนี้เธอจะมากอดฉันอย่างนี้อีกไม่ได้แล้วนะ”
“รู้แล้วล่ะน่า ทำอย่างกับว่าฉันกอดนายบ่อยงั้นแหล่ะ ฮึ…” เซนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผละออกมา ทั้งสองยิ้มให้แก่กัน
“ขอบคุณนะซัน…ที่ไม่ชวนฉันทะเลาะในวันแบบนี้”
“เห็นฉันเป็นคนยังไง หือ…ไม่ทำงานเธอกร่อยหรอกน่า เดี๋ยวเจ้าแว่นเอวาอะไรนั่นจะมาคาดโทษฉันเอา”
“เขาออกจะนิสัยดี นายยังไม่เลิกเขม่นเขาอีกเหรอ”
“กัดไว้ก่อน” นัยน์ตาหรี่ลง พร้อมทอดเสียงทุ้มเบา “ถ้าเจ้านั่นทำเธอร้องไห้…บอกฉันเลยนะ”
“อื้อ ถ้าฉันร้องไห้ ฉันจะแจ้นมาฟ้องนายคนแรกเลย…จะบ้าเหรอ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะยะ ถ้ามีคนทำฉันร้องไห้ ฉันนี่แหล่ะจะต่อยหน้ามันเอง”
เขาและเธอหัวเราะ บรรยากาศดีๆ ที่ไม่ได้มีให้กันมานาน ถึงหลังจากนี้…ฐานะของพวกเราจะเปลี่ยนไปก็ตาม
“บอกแล้วไง…ฉันจะอยู่กับเธอจนจบพิธีเอง”
“……” เซนคลี่ยิ้มเบาบางเมื่อได้ฟัง ก่อนน้ำเสียงจะเปลี่ยนไป ฟังดูมีชีวิตชีวาและสดใสขึ้น “เปลี่ยนใจละ”
“หือ” ชนิดที่คนฟังต้องขมวดคิ้ว เพราะไม่รู้สาวเจ้าจะมาแนวไหน
“นายน่ะ ต้องอยู่กับฉันไปตลอด…จนกว่าจะตาย เข้าใจไหม? ไม่ต้องไปไหนไกล แต่คอยอยู่ข้างๆ ฉันแบบเดิมถึงฉันจะแต่งงานไปแล้ว นั่นแหละหน้าที่ของนาย สัญญาได้หรือเปล่าคะ คุณเพื่อนเจ้าสาว”
ซันเงียบ ทบทวนข้อสัญญาที่มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเพิ่มเติมพร้อมกับมองมือของร่างเล็กที่ยื่นออกมา ก่อนจะขำพรืดเมื่อพบว่านั่นเป็นนิ้วก้อยสัญลักษณ์การสัญญาแบบเด็กๆ แต่ก็ยอมเกี่ยวกลับไปพร้อมรอยยิ้มแบบที่เคยทำ…และแบบที่ไม่เคยให้ใครได้เท่านี้มาก่อน…
“สัญญาครับคุณเจ้าสาว…แต่ไม่ล่ะ เปลี่ยนใจแล้ว”
“หือ” ร้องท้วงในลำคอ “ไหงงั้นอ่ะ”
“ถึงเธอไม่บอก ฉันก็จะตามเธอไปทุกที่นั่นแหล่ะ…ถึงเธอจะแต่งงานแล้วก็จะตามไปเป็นสัมภเวสีเกาะเธอจนกว่าโลกจะแตกเลยเอ้า— พอใจไหม” คนได้ฟังก็ยิ้ม ทำสัญญากันจนพอใจซันก็ทักขึ้นมาว่า
“แล้วนี่เธอจะไม่ไปแต่งงานหรือไง เหลือเวลาแค่สามนาทีนะ พิธีเริ่มเก้าโมงครึ่งไม่ใช่เหรอ”
“เขาบอกว่าเก้าโมงครึ่ง” เจ้าของงานบอกอย่างไม่ยี่หระ “แต่ไม่ได้บอกว่ากี่วิ…เลทไปหน่อยก็ไม่ผิดหรอก”
“ยัยแสบเอ๊ย…” ผลักศีรษะทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้แต่ก็ต้องออมแรงไว้ไม่ให้ผมเจ้าสาวเสียทรง เซนหัวเราะร่วน ก่อนจะใช้มือที่ไม่ได้ถือช่อดอกไม้จับข้อมือเขาไว้
“ไปกันเถอะ…”
เขายิ้ม ปล่อยให้ยัยตัวแสบของเขาฉุดเขาวิ่งไปตามทางเดิน ก่อนที่เขาจะออกวิ่งตามไปด้วย เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเธอดังก้องกังวานอยู่ในประสาท ซันยิ้มออกมา แม้นัยน์ตาจะพร่าเลือน…แม้ในอกจะปวดร้าว และแม้ต่อจากนี้เขาและเธอจะทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว
แต่เขาสัญญาไว้แล้ว ไม่สิ
ไม่ได้สัญญา แต่สาบานกับตัวเองไว้แล้ว
จะคอยอยู่เคียงข้างเธอ…แม้จะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม…จะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป
นี่ล่ะความรักของเขา
จะซื่อสัตย์ แม้ในยามทุกข์หรือสุข แม้ในยามเจ็บไข้หรือสบาย จะรัก จะยกย่องจนกว่าชีวิตจะหาไม่…
I promise to be true to you in good times and in bad, in sickness and in health.
I will love you and honor you all the days of my life.
จบ0w0แกล้งคนแถวนี้สนุกจังเลยค่ะ อิอิ //โดนตบ
ความคิดเห็น