คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 1วันแสนธรรมดากับเลนและเนล
“เฮ้อ..ทำไมร้อนอย่างนี้นะ” เสียงใสบ่นพึมพำขณะที่มือก็โบกไปมาเพื่อพัดให้ตัวเอง ซึ่งนั่นเรียกความสนใจจากร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆได้เป็นอย่างดี วันนี้ทั้งวันเขาฟังเธอบ่นมาไม่ต่ำกว่าสามสี่รอบ อากาศน่ะมันร้อนไม่ต้องสงสัย แต่ที่น่าแปลกคือร่างบางข้างๆต่างหาก เดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็เบื่อ แล้วเดี๋ยวก็บ่น วนไปวนมาซะจนเป็นวัฏจักรซะแล้ว นี่ขนาดพามาเดินเล่นแก้เซ็งแล้วก็ยังไม่หยุดบ่น จนเขาจะมอบโล่ยอดนักบ่นให้อยู่แล้วเนี่ย(?)
“บ่นแล้วมันคงหายร้อนหรอกเนอะ” แน่นอนว่าความอดทนมีขีดกำจัด หลังทนมาได้ทั้งวัน(?) ในที่สุดเลนก็เอ่ยขึ้นมาขัดจนได้ นัยน์ตาสีน้ำตาลใต้กรอบแว่นตวัดมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทำหน้าตาแบบไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดของตัวเองสักนิด
“ฉันจะบ่นมันก็เรื่องของฉัน นายมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ” เด็กสาวพูดแบบขัดใจ ตอนแรกก็หลงดีใจว่าหมอนี่จะไม่ขัดแล้วเชียวนะ สุดท้ายเลนก็คือเลนวันยังค่ำล่ะนะ ไม่ขัดสักวันคงจะดิ้นตาย สงสัยจะถือคติ ‘ขัดวันละนิดจิตแจ่มใส’ (?)
“เรื่องของเธอ? แต่คนฟังน่ะมันฉันนะ”
“ใครใช้ให้ฟังล่ะ!”
“มันได้ยินเอง..”
“กวน -*-”
“เพิ่งรู้เรอะ..”
“ฮึ่ย!”
และสุดท้าย..คนที่แพ้มักเป็นเธอตลอด ทำไงก็ไม่มีทางทนกับไอ้หมอนี่ได้จริงๆ เถียงแต่ละทีก็มีแต่แพ้ พอเถียงชนะก็ดันชนะแบบเจ็บใจเพราะโดนตัดปัญหาที่ว่า ‘ช่างเถอะ ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว’ เป็นแบบนี้ประจำจนชักอยากจะปลงตงิดๆ บางทีเนลก็เคยลองนึกถึงข้อดีของเขาเหมือนกันนะ แต่ว่ายิ่งนึกก็ยิ่งน่าหมั่นไส้สุดๆ เหตุผลก็เพราะ..
เลนเป็นบุคคลจัดได้ว่าหล่อเหลาทีเดียว ผิวสีน้ำนม ผมสีน้ำตาลสวย นัยน์ตาสีไพลินเป็นประกายเมื่อสะท้อนกับแสงแดด ตัวก็สูง.. นิสัยเหรอ?...ก็อัธยาศัยดี พูดเพราะเสนาะหู ยิ้มหวานจนแทบละลาย...แต่นั่นกับสาวอื่นอ่ะนะ กับเธอน่ะทั้งกวนประสาททั้งปากเสีย พูดแล้วก็น่าอารมณ์เสียชะมัด คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่เป็นคนคนเดียวกันแท้ๆแต่ก็ดันดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมกลับเป็นฝ่ายถูกอ่านใจออกซะเอง แล้วชอบตำหนิติเตือนไปซะทุกอย่าง ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ไปได้ ชิ! น่าหมั้นไส้ที่สุด ด้านเสียๆที่หายังไงก็ไม่เคยจะเจอสักทีสิน่า!
สิ่งเดียวที่เลนดีกับเนลตลอดคือเขาไม่เคยทิ้งเธอไปไหน คอยห่วงอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเวลารู้สึกไม่ดีก็ได้เลนนี่แหละคอยปลอบใจตลอด ...เท่าที่จำได้ข้อดีของเขามันก็มีแค่นี้ล่ะนะ!
แถมนึกถึงทีไรก็อดยิ้มไม่ได้สักที...
“ผีขี้บ่นออกแล้วนางสาวไทยใจเย็นเข้าสิงรึไง ยิ้มแป้นเชียวนะ”
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงทุ้มเสียงเดิมเอ่ยขึ้นมาขัดหลังเห็นเด็กสาวเผลอยิ้มออกมา เล่นเอาความคิดของเด็กสาวเบรกเอี๊ยด ความรู้สึกดีๆที่อุตส่าห์ชื่นชมหลุดกระเด็นออกจากหัวไปเสียหมด ไอ้ที่ชมไปเมื่อกี้เลยขอถอนคำพูดไปก่อน คนบ้า!
“บ้ารึไง ปากน่ะเก็บไว้แตกหน้าหนาวเหอะ” ร่างบางมองแบบไม่พอใจ ส่วนเลนนั้นก็หาได้สนใจไม่ คุณชายเขาก็ยืนเก็กหล่อทำหน้าชิวๆของเขาต่อไปจนเนลชักอยากจะเตะเจาะยางสักป้าบให้สำนึก
“บ่นอะไรน่ารำคาญชะมัด ไปกันได้แล้ว” ไม่ว่าเปล่า มือหนาคว้ามือของอีกฝ่ายแล้วจูงให้ตามไป ระหว่างเดินไปก็ชวนคุยไปด้วย เผื่อว่าจะหยุดการบ่นของร่างบางได้ “เธอชวนฉันมาเดินเล่นเรื่อยๆ เหนื่อยก็กลับไม่ใช่รึไง แต่ที่เธอทำอยู่เนี่ยมันลากฉันออกมาฟังเธอบ่นนอกสถานที่ชัดๆเลยนะ” ว่าแล้วเขาก็พล่ามต่อไปไม่มีหยุด ตอนนี้เนลเลยกลายเป็นฝ่ายเงียบแล้วฟังเลนบ่นซะอย่างนั้น แต่เอาเถอะ.. ถือว่าเจ๊ากันแล้วกัน! ไหนๆหมอนี่ก็ฟังเธอมาทั้งวันแล้ว ฟังสักนิดคงจะไม่เป็นไรมั้ง
ว่าแต่คนอื่นทำไมมองแปลกๆนะ บางคนก็ซุบซิบ บางคนก็หัวเราะคิกคัก บางคนก็ชี้ให้เพื่อนดูแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เอ..มันแปลกตรงไหน? แค่จับมือเองเนี่ยนะ..
จับมือเหรอ...
จับมือ...แปลกตรงไหน?
ขณะนี้สมองของเนลกำลังประมวลผลต่อสายตาคนอื่นที่จับจ้องมาทางเธอ แต่มันร้อนจนคิดอะไรไม่ค่อยออก มาไขกระจ่างก็ตอนมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทางพวกเขาแล้วพูดด้วยท่าทางเหนียมอายว่า “พะ..พี่สองคนเป็นแฟนกันสินะคะ พะ..พวกพี่เหมาะกันมากเลยล่ะค่ะ” เอ่อ..แล้วมันยังไงล่ะจ๊ะหนู?? “ถึง..ถึงหนูกับเพื่อนจะชอบพี่ผู้ชายมาก แต่พวกพี่ก็เหมาะกันมากค่ะ ขะ..ขอให้รักกันนานๆนะคะ ขอบคุณค่ะ!!!” ว่าจบสาวน้อยคนนั้นก็เปิดแน่บไปเลย อ้อ..ประเด็นคือจะมาบอกชอบเลนสินะ เสน่ห์แรงจริงนะพ่อคุณ..
“ขอบคุณนะครับ สำหรับคำอวยพร” อืม..เลนนี่ก็มารยาทดีนะ รู้จักขอบคุณด้วย.. แบบนี้คงจะรักกันนาน...
เอ๊ย..ไม่ใช่สิ...
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ พวกพี่สองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะ เดี๋ยว! อ้าว..ไปซะแล้ว” กว่าจะรู้สึกตัวก็สายไปก้าวหนึ่ง หนูน้อยคนนั้นก็เปิดแน่บหายไปไหนซะแล้วก็ไม่รู้ ส่วนเลนก็ดันรับมุขซะนี่ จะช่วยปฏิเสธหน่อยก็ไม่ได้ แล้วยังมีหน้ามาหัวเราะอีกแน่ะ! “หัวเราะอะไรห่ะ! ไปรับมุขน้องเขาทำไม ดูสิ โดนเข้าใจผิดแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อยนี่ หรือเธอร้อนตัว?” ว่าพลางยิ้มไปกลั้นหัวเราะไป เด็กสาวเป็นอันต้องหลบตาอีกคราเมื่อเจอกับรอยยิ้มนี่ นอกจากจะเถียงไม่สู้เขาแล้วยังมีอีกปัญหาหนึ่ง คือไม่รู้ทำไมถึงไม่เคยเอาชนะรอยยิ้มนี่ได้สักที เห็นทีไรก็เป็นใจเต้นตึกตักขึ้นมาอย่างประหลาดเสียทุกครั้งไป
“คะ..ใครร้อนตัวกัน”
“เธอไง โอ๊ย!” ความปากเสียเป็นเหตุให้เท้าน้อยๆของเนลเหยียบย่ำลงบนเท้าของเขาอย่างต็มแรง แถมเหยียบไม่พอมีขยี้ซ้ำอีกต่างหาก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าวิธีแก้แค้น(เขิน)ของเธอมันถึงได้รุนแรงนัก ตัวก็นดเดียวแต่แรงดีสุดๆ เล่นเอาเท้าบวมไปข้างเลย..
“ข้อหาปากเสียกับฉัน เลี้ยงขนมฉันเลย” ไม่ว่าเปล่า มือบางลากแขนเขาเข้าไปในร้านขายขนมเล็กๆตรงหน้าแล้ว รายการขนมนั้นส่วนมากก็เป็นพวกขนมดับร้อนอย่างน้ำแข็งไสหรือไอศกรีม เนลเลือกสั่งน้ำแข็งไส ส่วนเลนสั่งไอศกรีมโคน ต่างคนต่างกินเงียบๆ บรรยากาศในร้านก็มาคุสุดๆ คือมีแค่พวกเขากับลูกค้า 4-5 คนที่โต๊ะข้างๆ กับอาเจ๊เจ้าของร้านที่นั่งทำหน้าทะมึนอยู่ จนทั้งคู่นึกสงสัยแล้วว่าไอ้ร้านนี้มันหุ้นตกใกล้เจ๊งกระบ๊งหรือไง มันถึงได้เงียบขนาดนี้
“ฉันว่าออกไปจากร้านนี้ดีกว่านะ วังเวงชะมัด” เลนวางเงินค่าน้ำแข็งไสและไอศกรีมโคนลงบนโต๊ะก่อนจะจูงเนลออกไป จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ใจตรงกันแฮะ..
หลังจากออกมาจากร้านทั้งคู่ก็ไม่รู้จะไปไหนต่อดีเลยได้แต่ยืนอยู่แถวนั้น แต่เนลเริ่มรู้สึกแปลกๆอีกแล้วเพราะคนอื่นรอบข้างดันมองพวกเขาเป็นตาเดียวกัน เมื่อหาต้นเหตุก็พบว่าเลนจับมือตัวเองอีกแล้ว
แต่คราวนี้ไม่ยอมความรู้สึกช้าอีกแน่ ว่าแล้วเนลก็สะบัดมือออกทันที ส่วนคนจับน่ะเหรอ ทำหน้าทำตาซะน่าสงสาร ประมาณว่าจับต่ออีกนิดให้คนอื่นเขาจิ้นอีกหน่อยไม่ได้รึไง (?) แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่มีวันจับอีกแล้วล่ะนะ!
ส่วนคนอื่นก็ทำหน้าที่สอสระเอือกที่ดีด้วยการ...
“ดูสิคะคุณน้อง ผู้หญิงอะไรเย็นชาจริงๆ แฟนจับมือแค่นี้ก็สะบัดออก”
“ใช่ค่ะคุณพี่ ผู้ชายหงอยเลย น่าสงสารจริงๆ”
“ใช่มั้ยล่ะคะ ซุบซิบๆ”
“ซุบซิบๆ #$%^&)(*&^%$@!#$%^”
เหอะๆ.. เอา..เอาเข้าไปพวกคุณนายทั้งหลายนี่ จะปล่อยมือก็เรื่องของเนล คุณนายเกี่ยวอะไรคะ! แล้วคำว่าแฟนหมายความว่ายังไง อย่างหมอนี่อ่ะนะ เกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็ขนลุกตายชักสิ! พวกคุณนายขี้นินทานี่ตาต่ำชะมัด ชิ!
“ซุบซิบๆ ”
“#$%^&)(*&^%$@!#$%^”
แล้วอีกกี่คำก็ไม่รู้ที่สาวแว่นนามว่าเนลต้องประสบพบเจออีกมากมาย นานเข้าชักทนไม่ไหวอยากจะสวนกลับเต็มทน แต่ติดว่าต้องเป็นกุลสตรีที่ดีเลยไม่อยากจะโต้ตอบ
คุณเธอเลยประชดสายตาฝูงชนด้วยการ…
จูงมือเลนกลับบ้านมันซะเลย!!
“ต๊ายตาย บทจะหวานก็หวานค่ะคุณน้อง จูงมือกันไปโน่นแล้ว”
“นั่นสิคะคุณพี่~~”
แน่ะ!! ประชดแล้วยังตามน้ำอีกนะ!
ก็แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละนะที่คนอย่างเนลจะยอมจูงมือกับเลนกลับบ้านไปอย่างสวัสดิภาพโดยเป็นฝ่ายจูงมือเขาก่อนอย่างหวานชื่นมื่นบานหทัยดั่งน้ำผึ้งเดือนห้า (ประชด?)
อย่าเข้าใจผิดล่ะ...จะบอกอีกครั้งนะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ!
แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆนะ!!
---------------------------------------------------------------------------
ผู้แต่งบทนี้คือ...ปอจู{}จิ้มเองเดียวก็รู้
ความคิดเห็น