คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ของตอบแทน
“อ่ะให้” ยูบอกด้วยเสียงที่ไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้พร้อมกับยื่นสิ่งของบางอย่างมาให้ตรงหน้า
ปอจูย่นคิ้วมองอย่างพิจารณา
“นี่มัน…ดอกกุหลาบ?”
ช่อดอกกุหลาบสีขาวขนาดเล็กแบบพกติดมือง่าย หุ้มด้วยกระดาษห่อดอกไม้สีฟ้าผูกโบประดับอย่างให้ดูน่ารัก กลิ่นหอมติดจมูกที่เป็นเอกลักษณ์แต่จับได้ว่ามีบางอย่างถูกฉีดเพิ่มเข้ามานิดหน่อยอย่างที่คาดได้ว่าน่าจะเป็นน้ำหอม...ปอจูมองอย่างมึนงงไปชั่วขณะ
แต่ก็เพราะอีกฝ่ายยื่นมาให้เธอซึ่งๆ หน้า ทำให้ปอจูต้องรับมันไว้แม้จะไม่เข้าใจที่มาที่ไปก็ตาม
“ให้ฉันเหรอ?” เธอถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
“อืม” ยูตอบกลับมาสั้นๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แม้แต่จะบอกเหตุผลว่าให้ทำไมก็ไม่มี…เป็นเหตุทำให้เด็กสาวต้องคาดคั้นต่อเพราะยังไม่สามารถปะติปะต่อเรื่องราวได้
“เอ่อ ให้ฉันทำไมอ่ะ?”
ที่สำคัญคือทำไมต้องเป็นดอกกุหลาบ…ร้อยวันพันไปไม่เคยเห็นจะให้ของขวัญอะไรกับใครเขา
หรือว่าวันนี้มันมีอะไรพิเศษ?…อ้อออ
เมื่อสรุปได้เด็กสาวก็เงยหน้ามองคนให้โดยพลัน
“อ้อ…ของขวัญวันไวท์เดย์ใช่มะ?”
ยูไม่ตอบคำถามอะไรแต่สีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย คิ้วเรียวขมวดเข้ากันกันนิดหน่อยพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีฝาด เจ้าตัวเบะปากเหมือนไม่ชอบใจที่มีคนรู้ทันหรือไม่ก็เขินที่โดนทัก
“เออ ให้เธออ่ะ”
“หา ว่าแต่เอามาให้ฉันทำไมเนี่ย” พอรู้ว่าเป็นของขวัญในวันไวท์เดย์เด็กสาวก็ตาโตรีบถามใหญ่ ก้มมองช่อกุหลาบในมือสลับกับคนให้ ซึ่งทำหน้าไม่อยากตอบเข้าไปทุกที
“ก็…ให้อ่ะ”
“อะไรของนาย”
“ก็ให้อ่ะ…ให้เฉยๆ ไม่ได้เหรอ”
โดนย้อนซะงั้น ปอจูถอนหายใจแรงๆ กับอาการดื้อรั้นไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ ของฝ่ายตรงข้าม
“ไอ้ให้เฉยๆ มันก็ได้นั่นแหล่ะ แต่ถามหน่อยว่าทำไมต้องเป็นดอกกุหลาบ” ไอ้เรื่องสีขาวไม่ว่ากัน เพราะปอจูก็รู้เรื่องธรรมเนียมในวันไวท์เดย์ดี ก็แค่สงสัยเท่านั้นแหล่ะว่าทำไมพ่อหนุ่มตรงหน้าต้องลงทุนซื้อมันมาให้เธอ
จริงๆ อยากจะถามด้วยซ้ำว่าเสียเงินซื้อไปเท่าไหร่ เฮ้อ
“ก็ให้ตามธรรมเนียม” นั่นไง
“อ้อเหรอ แต่ก็วันไวท์เดย์นี่นะ” เธอลากเสียงล้อเลียนก่อนจะพลิกดูช่อกุหลาบในมือไปมาอย่างระมัดระวังกึ่งเล่น “จริงๆ ฉันว่าถ้านายจะให้ของวันไวท์เดย์น่าจะเป็นพวกขนมอะไรอย่างนี้มากกว่านะ เพราะฉันจะได้เอามากินเล่นแก้เบื่อ”
“เรื่องมากจัง กินขนมเยอะไม่กลัวอ้วนหรือไง”
เสียงย้อนกลับมาแบบทันควันทำให้ปอจูต้องหันขวับ แยกเขี้ยวใส่คนปากเสียที่บังอาจมาวิจารณ์การกินและความอยากของเธอ(?)
“ไม่กลัวย่ะ แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันเลยนะ ไอ้เคะหัวทอง” ตบท้ายด้วยคำด่าที่ล้อเลียนจนชินปาก “เออ ถ้าไม่เห็นว่ามันแพงคงเอาทิ้งไปแล้วแหละ ไอ้ช่อกุหลาบนี่”
“แปลว่าถ้ามันถูกเธอก็จะทิ้งมันทันทีใช่ไหม”
“เห็นฉันเป็นคนยังไง” ปอจูย่นคิ้ว จับได้ว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงประชดนิดหน่อย จึงโกรธที่สนิทกันมากขนาดนี้แต่ยูก็ยังไม่รู้นิสัยเธอว่าพูดเล่นหรือพูดจริง “แล้วซื้อมาเท่าไหร่ล่ะ เอาเงินใครซื้อ”
“มันลดราคา ก็เนื่องในวันไวท์เดย์อะไรนั่นแหละ แล้วก็ฉันออกตังค์ของฉันเอง”
พร้อมแว่วเสียงทิ้งท้ายเบาๆ “อยากให้เอง ก็ต้องลงทุนเองสิวะ…”
“หือ?” ปอจูเลิกคิ้ว จับใจความเมื่อครู่ไม่ค่อยถนัด แต่อีกฝ่ายก็ทำท่าว่าพร้อมจะเปลี่ยนเรื่องได้เสมอทำให้เธอต้องตัดประเด็นนี้ทิ้งไป
“ช่างเหอะ เอาเป็นว่าแต๊งกิ้วละกัน” อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เกลียดดอกไม้
“ว่าแต่ที่ให้นี่รู้หรือเปล่าว่าวันไวท์เดย์มันเป็นวันอะไร?”
ไม่ใช่ว่าเห็นกุหลาบลดราคาก็เลยซื้อๆ มาให้หรอกนะ…
ยูเลิกคิ้ว ก่อนจะตอบกลับมาเสียงค่อนข้างแปลกใจที่ถูกเธอถาม
“รู้สิ วันที่เขาจะให้ของตอบแทนคนที่ให้ของขวัญตัวเองในวันวาเลนไทน์ไง”
พร้อมยังทำหน้าเป็นเชิงว่า ‘นี่เธอไม่รู้หรอกเหรอถึงได้ถาม’ อย่างจริงจัง ปอจูแยกเขี้ยวกลับไปแทนคำตอบว่า ‘ไม่ใช่เฟ้ย’
“อาฮะ แล้ว…นายมีเหตุผลอะไรที่ต้องให้ฉันอ่ะ?”
ถามก่อนจะพลิกหน้าพลิกหลังดูช่อดอกไม้นั้นอีกครั้ง ทำให้คนให้หน้าแดงขึ้นมาชั่วขณะ แต่ก็รีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็วด้วยการตะเบ็งเสียงตอบอย่างสั่นๆ
“ก็…ก็แค่ให้เฉยๆ…ก็บอกไปแล้วไง”
แต่เพราะตอบอย่างตะกุกตะกักทำให้หน่วยการตะโกนลดลงไปหลายเดซิเบล จนคล้ายว่าเจ้าตัวพยายามจะแก้ตัวในลำคอ ปอจูมีสีหน้าไม่เชื่อ รีบซักต่อเพื่อหาความจริง
“จริงอ่ะ…แค่นั้นจริงอ่ะ”
เด็กสาวยิ้มซุกซนอย่างสนุกสนาน ยูที่ถูกทำเสียงล้อเลียนก็หน้าแดงฉ่าทำปากเหวอเถียงไม่ทัน
“เออดิ” ตอบด้วยเสียงสั้นห้วนและท่าทางที่ไม่ค่อยเป็น
“เหรอ…”
ยูทำทีท่าอึ่กอั่ก เหมือนอยากจะหายไปจากตรงนี้เร็วๆ ปอจูเกือบจะหลุดขำพรืดกลั้นยิ้มแทบไม่ไหว แต่ก็ต้องจบการแซวและล้อเลียนอยู่แค่นั้นเพราะดูแล้วพ่อเคะหัวทองของเธอจะไม่ยอมบอกง่ายๆ
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ว่าแต่ตกลงนายซื้อมาให้ฉันจริงๆ เหรอเนี่ย? ไม่ใช่ว่าที่ร้านมันเหลือหรือจะเอาไปให้สาวแต่เขาไม่รับเลยจะยกให้ฉันหรอกนะ?”
แกล้งถามไปงั้นๆ แต่ยูก็มีปฏิกิริยาต่างจากเมื่อกี้ขึ้นทันตาเห็น ร่างสูงขมวดคิ้ว ทำสีหน้าจริงจังที่ทำให้คนรอฟังผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกและย้ำเสียงเข้มเป็นครั้งสุดท้าย
“ฉันซื้อมาให้เธอจริงๆ ไม่ได้จะให้ใครก่อนหน้านี้ แล้วก็ไม่ได้ซื้อของเหลือด้วย”
ปอจูยิ้มเจื่อนลงช้าๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีจริงจังแบบนั้น ก่อนจะก้มหน้าสบถและออกปากด่ากับตัวเองอยู่ในใจ...ไอ้บ้านี่นิ ฉันพูดเล่น อย่าข่มกันสิวะ…
แต่เมื่อนึกทวนคำพูดของอีกฝ่ายดีๆ ร่างบางก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในใจกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธที่เธอพูด ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกเสียงเจื่อนนิดหน่อย “เอ่อ งั้นก็แต๊งกิ้ว…อีกทีนะ”
เด็กสาวลังเลว่าควรจะพูดขอโทษดีหรือเปล่า เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายโกรธเธอหรือไม่…ควรแหละเนอะ เธอก็ผิดที่ไปล้อเล่นแบบนั้น...แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปากขอโทษ เสียงพ่นลมหายใจยาวๆ ก็ดังขึ้น จากร่างสูงตรงหน้า เล่นเอาปอจูงงไปเลยทีเดียว
“ช่างเหอะ บอกก็ได้ฉันซื้อมาตอบแทนเธอเมื่อตอนวาเลนไทน์”
“ห้ะ?”
ปอจูร้องในลำคอแทบจะทันที คิ้วที่อยู่เหนือกรอบแว่นตาขมวดเข้าหากันเป็นปมเพราะไม่เข้าใจว่ายูกำลังหมายถึงเรื่องอะไร เด็กสาวถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่ค่อยเชื่อหู “ตะกี้นายว่าไงนะ”
“ฉันซื้อมาตอบแทนเธอเมื่อตอนวาเลนไทน์” ตอบเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่ออีกครั้ง แต่ตอนนี้ปอจูหาได้สนใจมันไม่ “ทำไม ผิดเหรอที่ฉันซื้อให้”
“ฉันไปทำอะไรให้นายวันวาเลนไทน์?” เด็กสาวไม่ตอบคำถาม แต่เลือกที่จะถามเสียเอง ปอจูมีสีหน้างุนงง กำลังพยายามนึกเรื่องเมื่อเดือนก่อน
“จำไม่ได้เหรอ ก็เธอ…”
“ฉัน?” ปอจูขมวดคิ้ว “ฉันทำไม?”
“ก็เธอ…”
“ฉันทำไมยู”
“ทำไมเราต้องมาพูดเรื่องนี้กันด้วย” ยูทำท่าเหมือนจะเปลี่ยนเรื่อง ยกแขนขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขินหรือไม่ก็เพราะไม่รู้ควรจะเอามือวางไว้ที่ตรงไหนดีแต่ปอจูคว้ามันไว้ได้เสียก่อน
“วันวาเลนไทน์ฉันเอาอะไรให้นาย?”
“……” ยูกลับเงียบไม่ตอบคำถามตามที่เธอตั้งใจเอาไว้ แต่กลับสบตากลับเธอแทนคล้ายจะสื่ออะไรบางอย่าง ทำให้เด็กสาวต้องจ้องกลับไปเพื่อหาคำตอบ และนึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันวาเลนไทน์อีกครั้ง…
…อ้อ…
.....
....
...
..
.
.
.
14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์
ปอจูจำได้ว่ามันเป็นวันศุกร์ จำได้ว่าเป็นวันที่เหล่าคนโสดได้มีโอกาสอิ่มบุญกันสำราญใจ(?) และจำได้แม่นว่ามันเป็นวันพระใหญ่ โรงเรียนหยุดแต่เธอต้องนั่งปวดหัวอยู่กับบ้าน จมอยู่กับกองหนังสือ, กองแบบฝึกหัด, กองงาน, กองการบ้านสารพัดที่ได้รับการแจกจ่ายมา...ไม่เว้นวันหยุดทางพระพุทธศาสนาให้นักเรียนอย่างเธอปวดตับเล่น
ปอจูเลือกที่จะไม่รับรู้ใดๆ ทั้งนั้นว่าวันนี้เป็นวันสำคัญกับโลกทางใด แต่ก่อนหน้านั้นเป็นวันที่13 เพื่อนที่โรงเรียนถือโอกาสวันสุดท้ายก่อนโรงเรียนหยุดชดเชยให้วันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์ แล้วก็แจกจ่ายของขวัญกันตามปกติ เธอก็ได้รับมาบ้าง สติกเกอร์บ้าง ตุ๊กตาบ้าง ดอกไม้บ้าง ส่วนของสำคัญอย่างช็อกโกแลตก็ไม่ต้องถามถึง…ได้อยู่แล้ว แต่แค่ได้เยอะไปหน่อย
บวกกับเธอเป็นคนชอบสะสมช็อกโกแลตอยู่แล้ว ปริมาณที่มีอยู่กับที่ได้รับมาก็เลยรวมกันเยอะจนทานวันเดียวไม่หมด โชคดีที่ช็อกโกแลตพวกนี้ไม่เสียง่าย ถ้าเก็บดีๆ ก็ไม่ละลาย แต่ปัญหาต่อมาของปอจูคือจะจัดการอย่างไรให้มันหมด
ขณะที่กำลังปวดหัวอยู่กับงานเธอก็หยิบช็อกโกแลตที่เทรวมกันอยู่ข้างๆ ขึ้นมาทานแก้เบื่อและเพื่อให้สมองแล่น ปอจูชอบทานขนม แต่คาดการณ์จากปริมาณช็อกโกแลตเหล่านี้แล้ว เธอคงจะเป็นเบาหวานตายไปก่อนหากเร่งทานให้หมดภายในวันเดียว ทำให้เธอต้องปวดหัวอีกครั้ง
ทำงานเพลินๆ(?)ก็หยิบช็อกโกแลตทานไปพลางๆ…ทานจนเลี่ยน…รสชาติหวานมันของช็อกโกแลตหลากยี่ห้อยังแผ่ซ่านติดลิ้น หากเป็นยามปกติก็ชอบอยู่หรอก แต่ถ้ามากกว่านี้ก็ต้องของเซย์กู๊ดบายมายช็อกโกแลต…ปอจูคิดอย่างปลงๆ พร้อมกับฟุ่บหน้าลงกับโต๊ะ เกิดอาการปวดหัวแล่นจิ๊ดขึ้นมาอีกแล้ว...
แล้วยูก็เดินเข้ามาในห้อง…ใช่ เขาเดินเข้ามาชะเง้อหน้าดูว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ก่อนจะถามไถ่ขึ้นมาว่าเป็นอะไร…ปอจูเงยหน้าตอบเสียงเหนื่อยๆ
“เปล่า…นายอยากกินช็อกโกแลตมั้ย”
ยูเลิกคิ้ว กำลังสงสัยว่าทำไมเธอถึงถามอย่างนั้น แต่ก็ฉุดนึกขึ้นได้พอดีว่าวันนี้เป็นวันอะไร… “ก็อยากนะ” คำตอบนั้นทำให้ปอจูผู้หมดไฟมีกำลังใจและความหวังขึ้นมา(?)
“งั้นนายแบ่งเอาไปเลย” เธอพยายามจะยิ้มด้วยสีหน้าอิดโรยพลางชี้ไปทางถาดรวมช็อกโกแลตหลากยี่ห้อ ยูปรายตามองตาม ปอจูหยิบช็อกโกแลตในถาดมาทีละสองสามชิ้นใส่ในมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มที่ยืนรับอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะตัวแข็งทื่อคล้ายตกใจกับปริมาณที่ได้รับ
“ของมันเยอะน่ะ นายช่วยทานหน่อยละกัน” ปอจูอธิบายก่อนจะเอ่ยปากขอร้อง ความจริงก็อยากให้ๆ มันไปหมดทั้งถาดปัญหาของเธอมันจะได้หมด...แต่ก็เกรงใจกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นเบาหวานตายแทนเลยแบ่งไปให้ครึ่งหนึ่ง เหลือไว้ให้เธอทานต่อเองวันหลังอีกครึ่งหนึ่ง
“……” จำได้ว่ายูไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็ยังจ้องช็อกโกแลตในมืออยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ปอจูหันกลับไปสนใจกองงานของตัวเองต่อ เธอบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยล้าและอิดโรยออกไป
...ตัดปัญหาปวดหัวไปได้อีกหนึ่ง ผ่าน...
…..
….
…
..
.
.
.
อ้อ...
ปอจูถึงบางอ้อกับตัวเองเบาๆ
แต่ก็ปวดขมับขึ้นมาอีกครา
ใช่…ใช่แล้ว…เมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อตอนวันวาเลนไทน์ เธอให้ช็อกโกแลตหมอนี่ไป…แต่…เป็น…ของเหลือที่เธอแบ่งให้…แล้วยูก็เอามาตอบแทนตามธรรมเนียม
รู้สึกเหมือนเจอตลกร้าย ทั้งที่ตนให้ของไปส่งๆ แต่อีกฝ่ายกลับตอบแทนซะจริงจัง
ถึงจะแค่ตามธรรมเนียมก็เถอะ แต่มันก็เสียเงินซื้อตั้งแพงเชียวนะ แล้วไอ้ช็อกโกแลตที่เธอได้ส่วนใหญ่มันก็เป็นของได้ฟรีทั้งนั้น ไม่คุ้ม...โคตรไม่คุ้มเลยยู
เธอบอกมันแล้วนะว่าของเหลือ… อย่าบอกนะว่านั่นก็นับเป็นของขวัญวาเลนไทน์ได้ โอ้…
“โทษนะพวก คือฉันว่าน่าจะมีการเข้าใจผิดอะไรนิดหน่อย” ปอจูปล่อยแขนยูแล้วยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองอย่างรู้สึกผิดต่อเจ้าของช่อดอกไม้ในมือนี้จะเป็นจะตาย ยูมองการกระทำและฟังคำพูดนั้นอย่างงงๆ
เห็นอย่างนี้ยิ่งไม่อยากบอกเล๊ยยยย…
“เข้าใจผิดอะไร?”
“คือ…มัน…อ่ะนะ” ปอจูพยายามเรียบเรียงคำพูด แต่ก็พูดออกไปไม่ได้ ยูจ้องมาที่เธอด้วยแววตาสงสัยและกังวลนิดหน่อย เพราะเห็นเธอลุกลี้ลุกลนโบกมือไปมาเหลือเกิน
“…ช่างเถอะ…ฉันยอมแพ้”
ยอมแพ้ต่อความสำนึกผิดของตัวเอง แล้วเก็บเรื่องที่จะพูดไว้อย่างเดิมนั่นแหล่ะดี...
“???” สายตาของยูมีแต่คำถาม “อะไรของเธอ” ว่าแล้วว่าเขาต้องพูดประมาณนี้
“ไม่มีอะไร โทษที…แต๊งกิ้วนะเรื่องดอกไม้” รู้สึกหดหู่จนแทบจะร้องไห้(?)
ยูหน้าแดงขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อสังเกตได้ว่าเธอไม่มีท่าดีใจอะไรเลยก็เปลี่ยนมาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “เธอโอเคหรือเปล่า” จนคนฟังอยากจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
“โทษนะยู…นายเป็นคนดีมาก” เธอสวมกอดร่างตรงหน้าโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัวก่อนจะตบหลังเขาคล้ายอยากจะระบายความรู้สึกผิดที่ตนมีออกมาให้หมด...ให้หมดเลย ฮืออ
ยูที่ถูกกอดแบบกะทันหันก็หน้าเหวอ ข้างแก้มขึ้นสีแดงจัดกว่าครั้งไหนๆ แต่ร่างบางไม่มีโอกาสได้สังเกต เด็กหนุ่มอ้าปากพะงาบๆ ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้กุหลาบ แต่นึกไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างนี้(?)
ยูปะติดปะต่อเรื่องไม่ค่อยได้เท่าไหร่เพราะเด็กสาวตรงหน้าคิดเองสรุปเองแล้วก็เหมือนทำความเข้าใจกับอะไรได้สักอย่าง ก่อนจะกอดเขาเหมือนอยากจะร้องไห้ชวนให้สงสัยว่าเป็นเพราะความซาบซึ้งหรือเปล่า (ใช่หรือไม่หรือมีอะไรมากกว่านั้น...) ก็ไม่อาจหาคำตอบได้เหมือนกัน
มือที่ยกขึ้นเพราะไม่รู้จะวางไว้ที่ไหนเคลื่อนไหวอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะลูบแผ่นหลังร่างที่สวมกอดแผ่วเบาขณะที่ใบหน้าแดงซ่าน แม้คิ้วจะขมวดเข้าหากันแน่นจนคล้ายว่าดูหงุดหงิดแต่แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่เพราะสาเหตุนั้น แต่เด็กสาวที่เป็นฝ่ายกอดก็ไม่มีโอกาสได้เห็นอยู่ดีนั่นแหล่ะ
…ไม่รู้อะไรเอาซะเลย
…ยัยนี่ไม่รู้อะไรเลย มากอดกันแบบนี้มัน…
“……” เสียงใสที่สะอึกสะอื้นอยู่ครู่หนึ่งเงียบหายไปก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “เอ่อ ยู”
“ฮึ” เจ้าของชื่อขานรับในลำคอ รู้สึกกำลังเพลินๆ…
“คือ…นายไม่ต้องกอดฉันตอบก็ได้ หมายถึง ไม่ต้องกอดแน่นขนาดนี้…”
“……” เงียบไปขณะใช้เวลาประมวลผล “…?!”
ร่างสูงสะดุ้งรีบผละออกแทบไม่ทัน มือที่ลูบหลังอีกฝ่ายเพลินๆ กลายเป็นเลื้อยโอบกอดตอบร่างบางนั้นไปได้อย่างไรไม่รู้ ทำให้สาวปอจูมีสติกลับคืนมาอีกครั้งจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาบอกไม่ถูก แต่ก็พยายามจะยิ้มเจื่อนๆ ให้ แต่สำหรับยูแล้ว ยิ้มนั้นมันกลับทำให้หน้าแดงด้วยความอายอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งทำไป
“ขอโทษ แบบว่า…มัน…”
“เอ่อ…ช่างเหอะ ไม่เป็นไร” พยายามไม่เอาเรื่องเพราะรู้สึกซึ้งใจที่อีกฝ่ายเป็นคนดี(?)
“ไม่ คือ…เดี๋ยว ถ้าเป็นเวลาปกติเธอต้องโวยวายแล้วสิ” ท้วงขึ้นมาเมื่อเห็นอะไรผิดสังเกต
“ช่างมันเหอะน่า รู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ มันแปลกๆ นี่ เรื่องที่เธอมากอดฉันก็ด้วย…มีอะไรปิดบังกันไว้หรือไง”
“เปล่าน้า…”
“มีชัวร์เลย”
ยิ่งโดนชี้หน้าปอจูก็ยิ่งรู้สึกจนมุม เด็กสาวรู้สึกเหมือนใบ้กินไปชั่วขณะ ในใจก็รู้สึกผิดอยากจะสารภาพความจริงออกมาตรงๆ แต่ก็กลัวจะโดนฆ่าเอา…ถึงจะแค่เรื่องช็อกโกแลตเหลือก็เหอะ ถึงจะแค่เรื่องช็อกโกแลตเหลือที่เธอไม่ได้ลงทุนอะไรเองเลยแต่ก็ให้อีกฝ่ายไปเพราะตัวเองทานไม่หมดแล้วยูก็ดันบ้าจี้ซื้อกุหลาบช่อแพงๆ มาให้เพื่อตอบแทน…
“แน่ะ ทำหน้าอย่างนั้น มีอะไรที่เธอไม่ได้บอกฉันอยู่ใช่มั้ยยัยถึก”
“……”
“ว่าไง เรื่องที่ไม่ได้บอก ถ้าสารภาพกันตอนนี้ฉันอาจจะยกโทษให้ก็…”
นางสาวปอจูรีบประนมมือย่อไหว้อย่างสวยงามไม่ลืมจะกล่าวคำตามมารยาท ทำให้คนพูดอยู่หยุดชะงัก “ขอโทษนะยู แต๊งกิ้วเวรี่มัชเรื่อกุหลาบสัญญาว่าจะซื้อคืนให้นะ”ก่อนจะโซ้ยหนีไปพร้อมช่อดอกไม้โดยไม่ให้คนกำลังพูดได้ทันตั้งตัว
“…อะ…ห้ะ…เดี๋ยวสิ”
ไม่ทันจะได้เอ่ยปากรั้งหรือคว้าตัวไว้ ร่างบางที่ทั้งผอมและสูงโปร่งก็วิ่งหนีออกจากบ้านไปนู่นแล้ว…ยูมองตามจนร่างนั้นลับตาไป เกาท้ายทอยนิดหน่อยขณะทวนคำพูดอีกฝ่ายดีๆ
“หมายความว่าไง ที่ว่าจะซื้อคืนให้น่ะ…” นี่มันเรื่องอะไร แต่ตัวคนตอบก็ไม่อยู่ซะแล้ว
เด็กหนุ่มลดมือลงเกาแก้มที่ขึ้นสีเรื่อของตัวเอง พยายามระงับอารมณ์ของตัวเองไว้และปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด…ไม่ให้มันแดงหรือเผลอขมวดคิ้วไปมากกว่านี้
บ้าเอ๊ย แต่ว่า
รู้สึก…คุ้มชะมัด
สัมผัสที่วงแขนนุ่มๆ นั้นโอบรอบคอยังจำได้ไม่ลืม…และดูมันจะลบเรื่องที่คาใจยูไปจนหมด เหลือไว้ก็แต่ร่องรอยสีแดงที่ฉาบขึ้นบนพวงแก้มอย่างไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด แม้ยูจะพยายามยกมือขึ้นปิดปากแล้ว ก็ยังอดยิ้มไม่ได้อยู่ดี
ทำให้ฉันเขินจนได้ ยัยบ้านี่นิ
งงใช่มั้ย งงเหมือนกัน อือ...
ความคิดเห็น