คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : คำโกหก
“นาย..จะหายใช่ไหมซัน?” เสียงใสเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบอย่างแผ่วเบา มือบางถูกยกขึ้นมาลูบกลุ่มผมสีดำขลับของอีกคนซึ่งกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วย
เซนเพ่งมองใบหน้าของซัน แก้มของเขาตอบลงเล็กน้อยจากการบำบัดรักษา ริมฝีปากของซันซีดไร้เลือดฝาดจนน่ากลัว
ตอนนี้ซันกำลังป่วยหนัก.. หนักมาเสียจนอดใจหายไม่ได้
“อืม..” คนบนเตียงครางเมื่อรับรู้ถึงการมาของอีกฝ่าย ดวงตาสีสวยของอีกคนที่ตอนนี้หม่นลงนิดหน่อยค่อยๆเปิดขึ้นก่อนจะกลอกตาไปมาและยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“ขอโทษ.. ทำนายตื่นเหรอ?”
“เปล่าหรอก.. ได้เวลาฉันจะตื่นแล้วต่างหาก..”
“งั้นเหรอ..”
“อืม..”
โกหกน่ะ..
“แล้วนายป่วยเป็นอะไรเหรอ”
“มะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย ฉันคงอยู่ได้ไม่นาน..” ซันพูดพลางทำหน้าสลด ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆเมื่อเห็นเซนทำหน้าเชื่อแบบจริงจัง “โกหกน่ะ”
“อะไรของนายเนี่ย?” เซนขมวดคิ้วมุ่นจนแทบจะผูกเป็นโบว์ นึกอยากลุกขึ้นไปตบคนเล่นสักหน่อย แต่ถ้าไม่ติดว่าเขาป่วยอยู่ล่ะก็นะ..
“อันที่จริง..ฉันเป็นฮ่องกงฟุต”
“อี๋..”
“โกหกน่ะ” ซันพูดพลางทำหน้ายียวน
“ตกลงเป็นอะไรกันแน่?”
“ฉันป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย..”
“อ๋อเหรอออ” เซนยิ้ม ก่อนจะทำหน้าแบบคนรู้ทัน “โกหกอีกล่ะสิ”
“อืม..”
พูดจริงน่ะ..
เขาคิดในใจ ไม่มีทางที่จะยอมให้เซนรู้เด็ดขาดว่าตัวเองคอยสลับอาการป่วยของเธอมาตลอด ทุกครั้งที่เซนป่วยเป็นอะไร จะมากน้อยแค่ไหนก็ช่าง เขาจะคอยสลับอาการนั้นมาที่ตัวเองอย่างเงียบๆ ทำมานานหลายปีจนตอนนี้มันถึงขีดสุด.. ร่างกายของเขารับมันไม่ไหวและทรุดลงตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนหลังจากที่ยูและคูลเสียไป
แล้วก็กลายสภาพเป็นคนป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลมาร่วมเดือนแบบนี้ไง..
Rrrr
หลังจากที่จะได้คิดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของเซนก็ดังขึ้น คาดว่าปลายสายคงจะเป็นเอวาริสต์ สามีเธอนั่นแหละที่คอยโทรมาเช็คทุกๆชั่วโมงว่าเธอจะอยู่ไหน ทำอะไร หรือว่าทานอะไรหรือยัง
“นี่ ฉันกลับก่อนนะ เอวาริสต์โทรมาตามแล้วล่ะ”
“อืม โชคดีนะ..”
“เออๆ หายไวๆล่ะ” เธอพูดจบก็ยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าตามเดิมก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่ลืมอวยพรตามมารยาทก่อน
“อืม..”
ถ้าหายนะ..
หลังจากที่เซนออกไปได้ไม่นาน นางพยาบาลและหมอก็เข้ามาตรวจอาการประจำวันของซัน ก่อนจะพูดนั่นพูดนี่น่ารำคาญแล้วพาไปทำกายภาพบำบัด เสร็จแล้วก็กลับมานอนเบื่ออยู่ในห้องเพื่อทำกิจวัตรประจำวันหรือก็คือจดบันทึกเรื่องราวต่างๆลงบนสมุดเล่มเล็กสีดำที่ได้จากใครสักคนในวันเกิดปีที่แล้ว
เขาทำแบบนั้นตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมา ทำทุกวัน ทุกวัน และคิดว่าจะทำไปจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง..
“แค่ก แค่กๆๆ..อึก..”
ซันอาการทรุดลงอีกแล้ว วันนี้สภาพร่างสูงดูแย่กว่าเมื่อวานเสียอีก เขาไอไม่หยุดจนมีเลือดติดฝ่ามือที่ใช้ปิดปากออกมานิดหน่อย แต่เขาก็ยังนิ่งและยิ้มบางๆให้เซนเสมอ
“นายไหวแน่นะซัน?”
“อืม ไหวสิ.. แค่ก..”
โกหกน่ะ..
“นายต้องหายนะซัน ฉันไม่อยากให้นายเป็นแบบยูซังกับคูลซังนะ..” เสียงหวานของอีกคนเริ่มสั่นระริก ส่งผลให้ซันค่อยๆยกแขนที่เรี่ยวแรงแทบไม่มีขึ้นมาแล้วลูบหัวปลอบคนตรงหน้าเบาๆ
“ก็อย่า..แค่ก.. อย่าแช่งสิยัยบ้า.. ฉันแค่ไม่สบายนิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็หาย”
ขอโทษ โกหกอีกแล้วล่ะ..
“อืม.. อ๊ะ ได้เวลาที่ฉันนัดกับม๊าอุ้มไว้แล้วอ่ะ ฉันไปนะ” เซนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป..
ร้านอาหารใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง..
เซนนัดกับอุ้มที่นี่ เพราะเรื่องอะไรไม่รู้คนตัวเล็กตรงหน้าถึงได้นัดเธอมาที่นี่ แต่ที่รู้ๆคือเซนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดแปลกๆเฉพาะโต๊ะของเธอกับอุ้ม
“ม๊าคะ มีอะไรถึงได้นัดเซนมาที่นี่เหรอคะ?”
“เปล่าหรอก ฉันแค่อยากคุยเรื่องซันน่ะจ้ะ”
“ซัน? ทำไมเหรอคะ?”
“ซันน่ะ.. ฉันแค่รู้สึกว่าอาการเหมือนคูล.. ก่อนจะไปเลยล่ะจ้ะ”
“หา?” เซนนิ่งไปสักพักพลางครุ่นคิด สาเหตุที่คูลเสียก็เพราะ.. คอยสลับอาการเจ็บปวดของอุ้มมาที่ตัวเองจุดถึงขีดสุดที่ร่างกายจะรับไหวไม่ใช่เหรอ? “อย่าบอกนะคะว่า...”
“อื้ม.. ซันน่ะ อาจจะสลับอาการแบบของฉันก็ได้นะ ดูสิ เขาทรุดลงทุกวันๆ แล้วเมื่อวันก่อนเซนจังเหมือนจะเป็นหวัดไม่ใช่เหรอจ๊ะ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ไม่เป็นอะไรแล้—….!!!!???” เซนสะดุดกับคำพูดตัวเอง นั่นสิ.. หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแวดหัวหรือคัดจมูกอย่างที่ควรจะเป็นเลย แต่ซันกลับมีอาการเสียอย่างนั้น
“อะไรจ๊ะ?..”
อย่าบอกนะว่า...
“ม๊าคะ! ขอโทษนะคะ! เซนมีเรื่องที่ต้องไปคุยกับซัน!!”
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้น หยิบกุญแจรถแล้วบึ่งไปที่โรงพยาบาลที่ซันรักษาตัวอยู่ทันที มือบางข้างหนึ่งกำพวงมาลัยแน่นส่วนอีกข้างถูกยกขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น น้ำใสๆที่มาจากไหนไม่รู้เริ่มรื้นขอบตาจนมองไม่เห็นภาพถนน
ถ้าเป็นแบบนั้นซันก็... แต่ทำไมล่ะ?! ทำไมซันบอกว่าแค่ป่วยไม่ถึงขั้นต้องเป็นแบบคูล ซันบอกเองว่าจะหายแล้ว ซันบอกว่าจะอยู่กับเซนตลอดไปไม่ใช่เหรอ..
เอี๊ยด!
รถยนต์คันงามถูกจอดที่ริมถนนเงียบๆ เจ้าของรถอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถจะขับต่อได้อีก ใบหน้าหวานซบลงกับพวงมาลัยช้าๆก่อนที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งและหยิบโทรศัพท์กดโทรออกทันที
ตู๊ดดด
[“มีอะไร..”] น้ำเสียงแหบแห้งจากปลายสายทำให้เซนยิ่งน้ำตาไหล ก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยอารมณ์ทั้งโกรธแล้วก็เสียใจ
“ซัน! ฉันรู้เรื่องแล้วนะ ฮึก.. ไหนนายบอกว่าจะไม่เป็นอะไรไง! นายบอกเองว่านายจะหาย! นายโกหก.. ฮึก คนบ้า! คนขี้โกหก”
[“ขอโทษ..”]
“มาขอโทษอะไรตอนนี้! คนบ้า! ฮึก..”
[“เซน.. อย่าร้องไห้..”]
“จะไม่ร้องได้ยังไงล่ะซัน นายน่ะ นายเป็นหนักขนาดนี้ แต่นายยังโกหกฉัน โกหกว่าไม่เป็นไร ทำไมนายทำแบบนั้นล่ะ ฮึก..!!”
[“ก็เพื่อเธอไง.. ฉันไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ ขอร้องล่ะ..หยุดร้องนะ เธอยังมีทุกคน ยังมีเอวาริสต์อยู่นะ..”]
เซนนิ่งไป น้ำตาไหลไม่หยุด
ก็ถูก.. เซนยังมีทุกคน ยังมีเอวาริสต์ แต่เธอจะอยู่ยังไงโดยปราศจากคนสำคัญอย่างซันล่ะ..
“แต่ว่า..”
[“เซน.. สัญญากับฉันนะ แค่ก.. ว่าจะไม่ร้องไห้..”]
“ซัน..”
[“แค่กๆ.. แค่ก.. เรียก.. ทำไม.. กลัวลืมชื่อเหรอ.. แค่ก.. แค่กๆๆ”]
“ฮึก.. ซัน ถ้าไม่ไหวก็หยุดพูดเถอะ ฉันขอร้อง ฮึก.. หยุดพูด.. นายไอหนักแล้วนะ..”ยิ่งพูดน้ำตาก็พาลจะไหลหนักไปกว่าเก่า เซนพูดพร้อมกับนำมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากอีกครั้ง
[“แค่ก.. ไม่เอาหรอก.. ฉันอยากได้ยินเสียงเ-...”]
น้ำเสียงที่ขาดห้วงไปของอีกคนทำให้เซนใจหายวาบ ร่างบางร้องเรียกชื่ออีกคนซ้ำไปมาหลายครั้ง น้ำตาไหลออกมาเป็นสายไม่หยุด
แต่ปลายสายก็ยังคงเงียบ.. เงียบจนน่ากลัว..
ตุบ..
โทรศัพท์เครื่องหรูหล่นจากมือหนาช้าๆหลังจากที่คนถือหมดลมหายใจ... เปลือกตาของซันปิดสนิทอย่างต้องการที่จะพักผ่อนไปตลอด
ปัง!
บานประตูห้องพักคนไข้ถูกเปิดออกโดยคู่สนทนาของเขาเมื่อสักครู่ ร่างบางที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำตาถลาเข้ามาหาร่างไร้วิญญาณของคนบนเตียง ก่อนจะเขย่าเบาๆเพื่อเป็นการปลุก
“ซัน..”
“...”
“ซัน.. อย่าแกล้งนะ ตื่นขึ้นมาสิ..”
“...”
“ฮึก.. มะ.. มันไม่ตลกนะ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” เซนพูดพร้อมกับตบไปที่หน้าของซันแรงๆ แต่ผลก็คือร่างนั้นยังคงนิ่งและปิดเปลือกตาสนิทอยู่เช่นเดิม..
“...”
“ซั-...” น้ำเสียงของอีกคนขาดห้วงไปเมื่อมืออีกข้างที่กำสมุดซึ่งถูกคั่นด้วยปากกาค่อยๆหล่นลงข้างตัว เธอมองภาพตรงหน้าช้าๆก่อนจะเริ่มแน่ใจแล้วว่าซันหลับสบายแล้ว..
หลับสบาย.. ไปตลอดกาล..
“...”
“ซัน ฮึก.. ทำไมไม่รอล่ะ คนใจร้าย” เซนโผเข้ากอดร่างนั้นไว้เหมือนในวันแต่งงานของเธอ แต่คงไม่มีอีกแล้วที่ลำแขนอบอุ่นนั้นจะยกขึ้นมากอดตอบแล้วลูบหลังเธอเบาๆเป็นการปลอบโยน ไม่มี..
“ฮึก.. คนโกหก คนใจร้าย ไหนสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง ฮึก..”
“ทำไมนายต้องเสียสละเพื่อฉันด้วย ฮึก..”
“ฉันจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีนายล่ะ.. ฮือ..”
จากนั้นเซนก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดไส้หมดพุง อ้อมแขนบางยังคงกอดร่างไร้วิญญาณที่เริ่มตัวเย็นชืดเอาไว้ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุดจนกระทั่งพยาบาลเข้ามาเจอและเข้ามาปลอบโยนเซนจนเธอพอจะหยุดร้องไห้ได้ ก่อนจะตามบุรุษพยาบาลให้มาจัดการกับร่างของซัน..
.
.
.
.
หน้าหลุมศพซัน
เซนในชุดเดรสสีดำไว้อาลัยเดินมาพร้อมช่อดอกไม้และสมุดในมือ เธอนั่งลงตรงหน้าหลุมศพช้าๆก่อนจะวางออกไม้ไว้ข้างตัว มือบางหยิบสมุดเล่มเล็กสีดำที่ได้รับจากพยาบาลขึ้นมาพลิกหน้ากระดาษช้าๆ นิ้วเรียวค่อยๆไล้ไปตามตัวอักษรที่เป็นลายมือของคนที่จากไป ก่อนจะอ่านเนื้อหานั่นช้าๆ
.
.
อาการเริ่มไม่ไหวแล้ว.. แต่ฉันก็โกหกเธอว่าไม่เป็นไร..
ขอโทษนะ.. ที่ฉันโกหกเธอ
.
.
วันนี้เธอถามฉันว่าเมื่อไหร่จะหาย? ฉันก็เลยตอบกลับไปว่าเดี๋ยวก็หาย
ขอโทษนะ.. ที่ฉันโกหกเธอ
.
.
เธอขอให้ฉันสัญญาว่าจะต้องหายและอยู่ด้วยกัน ฉันก็เลยสัญญาไป
ขอโทษนะ.. ที่ฉันโกหกเธอ
.
.
วันนี้เธอรู้ความจริงเสียแล้ว ว่าฉันไม่มีทางจะหาย
ขอโทษนะ.. ที่ฉันโกหกเธอ
.
.
แต่เรื่องเดียวที่ฉันไม่ได้โกหกก็คือ...
น้ำตาหยดหนึ่งหยดแหมะลงบนหน้ากระดาษ ข้อความสุดท้ายเขาเขียนยังไม่ทันเสร็จด้วยซ้ำ มันถูกขีดเป็นทางยาวเพราะเจ้าของบันทึกหมดลมและฟุบไปเสียก่อน
“โกหกได้ทุกเรื่อง พอความจริงก็เขียนไม่จบอีกนะ.. คนบ้า..” เซนยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาช้าๆก่อนจะปิดสมุดบันทึกและหยิบช่อดอกไม้ที่เคยวางข้างตัวไปวางตรงหน้าหลุมศพหินอ่อนแทน
“แต่ยังไงก็.. หลับให้สบายนะ..”
...แต่เรื่องเดียวที่ฉันไม่ได้โกหกก็คือ ฉันรักเธอ...
ความคิดเห็น