ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Buddy จับคู่หัวใจให้ตรงกัน

    ลำดับตอนที่ #11 : สัญญาของเรา

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 57


    `★APPLE PIE. 

     

    ...มันคือเรื่องราวที่หัวเราะไม่ออก...

     

     “ นี่ คูล นอนบนเตียงแบบนั้นไม่เบื่อบ้างเหรอ? ”  

     “ ไม่เบื่อหรอกครับ ถ้าได้อยู่กับอุ้มน่ะ ไม่เบื่อแน่นอนครับ...แต่ว่า........................ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่านะครับ”

     “เอ๋? เรื่องนั้นน่ะไม่มีทางอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? จริงไหมล่ะ?”

     “...นั่นสินะครับ “

    ในเวลานั้น.....ฉันไม่ได้สะกิตใจเลยว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั่นออกมา....ตอนนั้นฉันช่างไร้เดียงสา....

     “ นี่ ถ้าหายเมื่อไรไปเที่ยวกันนะ สัญญานะ! เพราะว่า สุขภาพฉันน่ะ ทุกอย่างเลยอยู่ๆก็ดีทั้งหมดเลยล่ะ!

     “ สัญญาครับ แต่ว่า.....อุ้มต้องสัญญาอะไรบ้างอย่างกับผมด้วยนะครับ?”

     “ อะไรเหรอ อะไรเหรอ??”

     “...........................................................ทำได้ไหมครับ?  ถ้าทำได้ช่วยสัญญากับผมนะครับ...............สัญญานะครับ“

    ทำไม ทำไมฉันในตอนนั้นถึงได้ไม่รู้สึกตัวเลยนะ....

     “ เอ่อ.....ก็ไม่รู้สินะ แต่จะพยายามนะ แต่  ตกลง สัญญาค่ะ!

     “ ดีจังนะครับ  ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะครับ”

     รอยยิ้มของเขาในตอนนั้น....ดูเศร้าสร้อย ราวกับจะแตกสลาย....

     “ เป็นอะไรรึเปล่า? รอยยิ้มดูแปลกๆไปนะ?  “

    --แม้ว่าหากเราเดินทางไปหนใด จำเป็นจะต้องจากร้าง  จะยังเป็นมิตรแท้แน่นอน จะเอ่ยจะถามทำไม---

     “ รับโทรศัพท์สิครับ จากแฝดคุณไม่ใช่เหรอครับ?”

     “ อ่า อืม...”

    ในตอนนั้นฉันมีทางเลือก 2อย่างคือ รับโทรศัพท์ หรือ นั่งคุยกับเขาต่อ แต่ฉันกลับเลือกรับโทรศัพท์แทน...แต่พวกเขาสำคัญกับฉันทั้งคู่....

    “สวัสดีค่ะ อ๊ะ แฝดเหรอ? มีอะไรเหรอ? “

    (“สวัสดีนะ แฝดพี่ อ่า...ก็แค่จะมาบอกแฝดพี่ว่า ต่อให้มาด้วยกัน ยังไงแฝดพี่ก็ต้องก้าวไปคนเดียวนะ.....อ๊ะ จะว่าไปแฝดพี่อยู่ไหนเหรอ? “)

     “ เอ๋? อ่า อืม อ๊ะ ตายจริง นี่โทรมาแบบไม่รู้เลยเหรอ แฝดน้อง แคนาดาน่ะ ที่โรงพยาบาลน่ะ คูลต้องรักษาตัวน่ะสิ น่าแปลกใจนะที่อาการทั้งหมดของคูลเหมือนที่อุ้มเคยเป็นเลยล่ะ?”

    (“มันไม่แปลกในสายตาแฝดน้องหรอกนะ....อ๊ะขอโทษที่กวนนะแฝดพี่ รักษาเวลาช่วงนี้ไว้ให้ดีนะ แฝดพี่....รักษาตัวนะ อีก2วันจะบินไปหา โชคดีนะ” )

    ทำไม ทำไมฉันถึงไม่สะกิตใจกับคำพูดของแฝดที่เตือนฉันนะ เพราะอะไรกันนะ....

     “ มีอะไรรึเปล่าครับ? สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ มานี่สิครับ”

     “ อ๊ะ ก็เปล่าหรอก อือ...”

    ฝ่ามือที่อบอุ่นของคุณ....จะได้สัมผัสหรือรู้สึกอีกแล้วเหรอ?....

     “ แต่สีหน้าของคุณบอกว่ามีนะครับ เธอพูดว่าไงบ้างเหรอครับ?”

     “ ความลับ แต่ว่า อีก 2วันแฝดจะมาล่ะ หายให้ทันนะ เพราะหมอนั่น แล้วก็ตานั่น ก็คงมาด้วย “

     “ จะพยายามนะครับ เขามาพากลับบ้านแล้วนะครับ ข้างหลังน่ะ”

     “ ไล่เหรอ? ใจร้ายจังน้า แต่ไม่เห็นต้องสนเลยนี่ อยู่ต่อไม่ได้เหรอ?”

     “ ไม่ได้ครับ เดียวร่างกายจะแย่เอา ไม่อยากทำให้คุณแม่บ้านมาทาเป็นห่วงใช่ไหมล่ะครับ? กลับเถอะนะครับ “

     “ ก็ได้.....เพราะเห็นแก่คุณแม่บ้านนะ ”

    ทำไมนะ ทำไมฉันถึงไม่ดื้อดึงที่จะอยู่ต่อกันนะ...

     “  คุณฉงซาน ขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหมครับ?”

     “ ...ได้สิ คุณไปนั่งรอกับพยาบาลข้างล่างก่อนแล้วกัน เดียวผมตามไป”

     “ จำไว้เลยนะ ทั้งสองคนอ่ะ! เดียวนี้มีความลับกันสินะ เชอะ บู่ว! ช้าเกิน 5นาทีจะขึ้นมานะ!

     

     

     

      ร่างสูงบนเตียงมองตามแผ่นหลังเล็กไป ก่อนจะถอนหายใจหันไปส่งยิ้มตามแบบฉบับให้คุณหมอที่ได้หัวใจของเธอ

     “ เอาแต่ใจน่าดูเลยนะครับ ลำบากสักหน่อยนะครับ  ” ร่างบนเตียงพูดด้วยรอยยิ้มใน ขณะที่คุณหมอหนุ่มขมวดคิ้วมอง

      “ ก็เป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? คุณเองก็เอาใจมากไปนะครับ “ ฉงซานมองคนสนิทของคนตัวเล็กที่พึ่งออกไปด้วยแววตาเหนื่อยใจ   “ ยังไม่ได้บอกเธอหรือครับ?  ”  

     “ บอกไม่ได้หรอกครับ ถ้ารู้เธอคงจะโวยวายไม่ยอมอย่างเดียว....สภาพร่างกายแบบนี้ยังวิ่งไปทั่วได้ น่าแปลกใจจริงๆนะครับ ว่าไหมครับ? “ คูลหันไปยิ้มถามคุณหมอหนุ่ม ผู้ที่รู้ความลับของเขา  สาเหตุจริงๆที่ทำให้คนที่สุขภาพดี ไม่มีป่วยมาตลอดกลับทรุดหนัก ด้วยอาการเดียวกับอุ้ม  ในขณะที่เธอมีสภาพร่างกายที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และเธอที่ซือเกินกว่าจะรู้ตัว...

     “ มันก็ใช่นะครับ อาการในแต่ล่ะโรคไม่ได้แย่มากเท่าไร แต่ถ้าปะทุหรือถึงจุดอิ่มตัวก็คงไม่ไหวหรอกครับ ”
    คนเป็นคุณหมอจับจ้องนาฬิกาข้อมือ เมื่อเห็นว่ามันผ่านมา 3 นาทีแล้ว ถ้าไม่รีบลงไปคงโดนโวยใส่ หรือไม่อุ้มก็คงเดินกลับมานั่งเฝ้าคูลต่อแน่ๆ คิดแล้วปวดหัว....

     “ ถึงจุดอิ่มตัวมานานแล้วล่ะครับ แต่ว่ามันก็มีสิ่งที่ผมนำออกมาจากเธอไม่ได้มันคือ จิตใจที่ยังบอกช้ำ กับเรื่องภูมิต้านทานที่ต่ำติดดินของเธอ  ทั้งๆที่น่าจะสลับได้แท้ๆเชียวนะครับ.... ยังไงก็  ฝากเธอด้วยนะครับ...รีบลงไปได้แล้วล่ะนะครับ เธอคงรอนานแล้ว ”

     คูลยิ้มแต่ไม่ได้เผื่อรอยยิ้มไปที่ตาด้วย แววตาของเขาเหมือนกับคนหวงของ แค่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะหายไปเป็นปกติ

     คุณหมอหนุ่มพยักหน้าและเดินออกไป พร้อมกับเสียงเบาๆของคูล  “ ถ้าดูแลไม่ดี ผมจะกลับมาเอาคืนนะครับ “  

     

     

     

     

     

       2 วันหลังจากนั้น หญิงสาวร่างเล็กก็ยังคงไปมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลตลอด ทั้งๆที่เจ้าตัวเกลียดมากๆ แต่เพราะคนสำคัญของเธอไม่ยอมไปพักฟื้นที่บ้านเธอถึงต้องไปมาตลอด  เพียงแต่ว่า ในวันนี้ จะมีเรื่องอื่นที่ดึงเธออกจากโรงพยาบาล

    โดยที่ไม่รู้ตัวว่า วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่กับเขา ฉัน...ขอโทษนะ ที่ไม่ได้อยู่กับนาย.....ขอโทษ...

     “ Bonjour!  แฝดพี่ ไม่เจอกันนะ นี่แฝดพี่  ไปร้านขนมด้วยกันเถอะนะ เจ้าตัวยุ่งกับเขารอเจออยู่ล่ะ “  

     หญิงสาวผู้มีเรือนผมยักศกสีดำน้ำตาลยิ้มทักเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กเดินมาถึงหน้าโรงพยาบาล ก่อนที่หญิงสาวจะอ้า แขนรับตัวอุ้มผู้เหมือนเด็กน้อยชอบกอด

     “ Bonjour  ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แฝดน้อง แต่ว่า? คูลน่ะ?”  อุ้มคลายอ้อมกอดจากคนเป็นแฝดน้องที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ทางสายเลือด เอียงคอหันไปทางห้องๆหนึ่งในโรงพยาบาลด้วยแววตาเป็นห่วง เหมือนกับทุกครั้งที่เธอเป็นห่วงคนอื่น

     “ ไปเจอมาแล้วล่ะแฝดพี่  แต่ว่า อืม ยังไงดีล่ะ คูลให้มาพาแฝดพี่ไปข้างนอกน่ะ เห็นว่าเฝ้าเขาบ่อยๆกลัวไม่สนุก ไปเจอหลานด้วยไง ไม่ชอบเหรอแฝดพี่? เดียวเลี้ยงขนมก็ได้นะ “ คนเป็นแฝดน้องชักจูงอุ้มอย่างสุดความสามารถ เพราะรับปากกับคูลไว้แล้ว รวมถึงมีเรื่องที่ต้องบอกกับอุ้มให้ได้

     “ ได้สิ!  หวังว่าตาบ้าสองคนนั้นจะไม่มาด้วยนะ แต่ถ้าแฝดน้องเลี้ยงขนมล่ะก็นะ ไม่กวนคูลตลอดบ่ายก็ได้ มั้ง  “

    ตอนนั้นฉันน่าจะ..ตอบว่า ไม่ แล้วกลับขึ้นไปอยู่กับเขาแท้ๆ ทำไมฉันถึงตอบว่า ได้ กันล่ะ...

     “...อ่า ก็ไม่รู้สินะ ”  หญิงสาวผมยักศกชะงักไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะจูงมืออุ้มไปทีร้านขนมที่มีสามีของเธอและลูกชาย วัยกำลังซนรอยู่

     

     

     

     “ มามี้มาแล้ว ป้าก็มาด้วย ป้า ป้า  แด๊ดดี้ดูสิฮะ ” เด็กชายตัวน้อยผู้มีเรือนผมสีทองสว่าง นัยน์ตาสีไพลิน จ้องมองคุณแม่คนสวยของเขากับคุณป้าตัวเล็ก พร้อมๆกับดึงเสื้อคนเป็นพ่อ  

     “ แด๊ดดี้เห็นแล้วครับ...เอาล่ะตัวยุ่งมานั่งตักแด๊ดดี้เป็นโล่ให้แด๊ดดี้ด้วยนะครับ ”ชายหนุ่มร่างสูงอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งตัก

     “ Bonjour ทั้ง ....คู่ ”  อุ้มเดินมาพร้อมแฝดสาวของตัวเองแล้วขมวดคิ้วมองไปรอบๆ  “แฝด? คาริสล่ะ? “ อดไม่ได้ที่จะถามถึงตัวตนอีกด้านของแฝดสาว

     “ ไม่อยู่แล้วล่ะ ตายไปแล้ว....ไปพร้อมกับโรคประจำตัวของฉันน่ะแฝดพี่ นั่งก่อนสิจะเล่าให้ฟัง ปารีสไปนั่งกับป้านะ” แฝดสาวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาวร่างเล็กก่อนจะถอนหายใจ

     “ ฮะ! แต่จะบอกเรื่องคุณลุงจริงๆเหรอฮะ? ” เด็กชายมองหน้าคุณแม่และคุณพ่อของตนที่พยักหน้าก่อนเจ้าตัวจะเดินไปนั่งตักอุ้ม

    แฝดพี่ ที่จริงแล้วไม่ได้บอกหรอกนะ แต่ว่าพอพวกเราแต่งงานแล้ว พวกเขาก็พยายามตีตัวออกห่าง
    พยายามดูแลเรา มันดูเหมือนปกตินะ  แต่ว่าอยู่ๆพวกเขาจะป่วย  ในโรคที่พวกเราเป็น ในอาการเดียวกัน และหลังจากนั้น ก็จะตายไป 
     ตอนที่โทรไปหาแฝดพี่น่ะ คาริสน่ะ คาริสน่ะพึ่งจะหมดลมหายใจ   ดูไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็เป็นความจริง  ทั้งๆที่สัญญาว่าจะมาหาแฝดพี่ด้วยกันแท้ๆ  แล้วก็แฝดพี่ คูลน่ะ ก็จะเป็นแบบคาริส  เขาขอร้องให้พาแฝดพี่ออกมา  เขาไม่กล้าพูดกับแฝดพี่น่ะ  ขอโทษที่พาออกมาในเวลาสำคัญนะแฝดพี่....” คนเป็นน้องกล่าวอย่างใจเย็นเพราะรู้ว่า แฝดพี่ไม่ได้ใจเย็นเหมือนตน

    “.....งั้นเหรอ ขอบคุณที่บอกนะ ยังไงก็.....กลับก่อนได้ไหม?” อุ้มกอดตัวหลานชายตัวน้อยไว้แน่นราวกับเป็นสิ่งยึดเธอไว้กับสภาพที่ยากจะรับได้

    “ได้สิ....แต่จะไปส่งนะ มันอันตรายถ้าให้แฝดไปคนเดียว ” พูดจบทั้งเธอทั้งอุ้มก็ลุกขึ้นมาปล่อยสองหนุ่มไว้ในร้านกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง แม้ว่าทั้งคู่พึ่งจะออกมาก็ตาม 

    ในตอนนั้น ฉัน คิดอย่างเดียวนะ ว่า.....ทำไมถึงไม่บอกล่ะ ทำไมถึงไม่อยู่กับฉันล่ะ ทำไมล่ะ ทำไมถึงโกหก....

     

     

     

    “คูล! “ ร่างเล็กเปิดประตูเสียงดังแล้ววิ่งเข้าที่เตียงจับที่แขนของคูลแน่น  นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตามองอีกตัวตนด้วยสายตาไม่เข้าใจ ไม่พอใจและโกธร และลึกๆลงไปนั้น สายตาที่เป็นห่วง

    “เข้ามาแบบนี้  รู้แล้วเหรอครับ ไม่เอาน่าอย่าร้องไห้สิครับ ยิ้มให้ผมดูหน่อยสิครับ”  มือหนาที่คุ้นเคยลูบหัวอุ้มราวกับเป็นเด็กน้อย ปาดน้ำตาออกจากใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มให้อย่างเหนื่อยอ่อน

    “ตาบ้า! ฮึก ฮึก ใครให้ทำแบบนี้กัน ไม่เห็นต้อง ฮึก สละตัวเองเพราะตัวเล็กเลย ฮึก คนบ้า “
    อุ้มสะอึกแล้วทิ้งใบหน้าลงกับไหล่กว้างของคูลร้องไห้สะอึกสะอืนเหมือนเด็กน้อย  เหมือนเคย ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังเหมือนเดิม เป็นเด็กน้อยในสายตาคูล

    “ไม่ร้องนะครับ ไม่ร้อง   สัญญาไว้แล้วนี่ครับ ต่อให้ร่างกายนี้ไม่อยู่ข้างกาย แต่ผมก็จะอยู่กับคุณตลอดไป คุณก็รู้ว่าผมไม่โกหก นี่ครับ ไม่ร้องนะ เด็กดี  ตาบวมแล้วนะครับ เดียวผมก็โดนต่อยกันพอดีสิครับ ทำคุณร้องไห้แบบนี้น่ะ
     
    คูลพูดปลอบเคย มือหนายังคงลูบหัวคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาต่อไป อย่างไรเสีย เขาก็เป็นแบบนี้ตลอด ทนเห็นน้ำตาของเธอไม่ได้สักครั้ง  และ ชอบที่จะลูบหัวเธอ มันเป็นสิทธิ์พิเศษของเขา....แต่มันก็เป็นสิทธิ์พิเศษของใครอีกคน 

    เขาเลยตัดสินใจว่าจะสละตัวเองเพื่อให้เธออยู่อย่างคนปกติโดยไม่มีโรคประจำตัว แต่ว่าเขาก็ทำไม่ได้หมด
    เขารู้ดีว่าบ้างสิ่งบ้างอย่างติดตัวเธอมากเกินไป  เกินกว่าด้านตรงข้ามอย่างเขาจะใช้เวลาเปลี่ยนมันได้  เพราะถ้าเขาเริ่มที่จะสลับด้าน พวกเขาจะมีเวลาเหลือแค่ 2 เดือนในการอยู่กับคนสำคัญของพวกเขา   

    ในเวลา 2เดือนถ้าเขาเริ่มสลับอาการป่วยของตัวตนอีกด้านแล้วเขาจะหยุดไม่ได้ ต่อให้หยุดได้ เขาก็ไม่คิดจะหยุดอยู่ดี

    “คูลบ้า เอาแต่ใจ ฮึก ไหนว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไงใจร้าย คนโกหกแล้วสัญญาล่ะ!

    “ขอโทษนะครับ.....งั้นเราออกไปเดินเที่ยวข้างล่างก่อนไหมล่ะครับอาการผมน่ะคงตัวแล้วล่ะครับ”

    เจ็บ...เมื่อรู้ว่าเขาโกหก  เจ็บ เมื่อรู้ว่าเขาพยายามทำตามสัญญาทุกอย่าง   และ อยากโทษตัวเองที่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้....

    เหมือนกับว่า คำโกหก ค่อยๆจางหาย ความจริงเริ่มเด่นชัด เจ็บ เมื่อรู้ว่าต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ก็คราวนี้....

    “ตะ แต่....ก็ได้   แต่ว่านะ....ที่ลงไปน่ะ เพราะมันเป็นครั้งสุดท้ายใช่ไหม? ไม่อยากผิดสัญญาสินะ?” 

    “...รู้จริงๆด้วยสินะครับ  ครับ ตามนั้นล่ะครับ เพราะงั้นลงไปกับผมเถอะครับ สุดท้ายแล้วผมขอเอาแต่ใจบ้างนะครับ “

    “เอาแต่ใจนะคูล แต่ว่า ....ไปกันเถอะ.....”  ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มก่อนจะจับมือคนป่วยลงไปเดินที่สวน สำหรับอุ้มแล้วช่วงเวลาแบบนี้ มันคือเวลาสำคัญที่สุด เวลาที่อยากหยุดไว้มากที่สุด

    เพราะหลังจากที่เธอและเขาลงไปเดินข้างล่างเพียงแค่1ชั่วโมง ร่างสูงที่เคยมีลมหายใจก็ได้หมดลมท่ามกลางรอยยิ้มทั้งน้ำตาของหญิงสาวร่างเล็ก กับหิมะที่โปรยปรายลงมา

     

     

     

     

      “ นี่ คูลฉันรักษาสัญญาแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันแข็งแรงดี ยังก้าวต่อไปคนเดียวได้
    ถึงมันจะยากลำบากแต่คนข้างหลังก็ค่อยดันฉันอยู่ล่ะ......ขอบคุณนะ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ขอบคุณนะที่ทำเพื่อฉันจนวินาทีสุดท้าย  ขอบคุณนะ ที่พยายามฝืนเดินกับฉันมาตลอด รักที่สุดเลยนะ พี่ชายตลอดกาลของฉัน ครอบครัวที่รัก “

    อุ้มในเดรสสีขาวบริสุทธิ์นั่งย่องๆลูบป้ายหลุมศพของคนสำคัญของเธอ มันเป็นแบบนี้ตลอด คนสำคัญของเธอมักจะจากไปก่อน แต่ว่าเธอก็ต้องก้าวต่อไปคนเดียว ต่อให้มาด้วยกัน  สุดท้ายก็ต้องเดินไปคนเดียว ทิ้งอีกคนให้คนให้ตกลงไปในป่าที่แสนลึกนั้น  ถึงแบบนั้น  แม้ว่าเธอจะต้องปล่อยมือที่แสนอุ่นที่คุ้นเคย แต่ก็ได้มืออันอบอุ่นที่จะปกป้องเธอจับไว้อีก

     เธอชื่อว่าคูลจะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป.....ก็เขาเป็นคนสำคัญนี่....สัญญาของเรา จะไม่มีวันที่เธอลืมไปหรอก

    รวมถึงสัญญาในวัยเยาว์นั้นด้วย  สัญญาที่เขาจะอยู่กับเธอตลอดไป

    .
    .
    .
    ..

    .

    .

     

    “นี่ คูล นอนบนเตียงแบบนั้นไม่เบื่อบ้างเหรอ?”  

    “ไม่เบื่อหรอกครับ ถ้าได้อยู่กับอุ้มน่ะ ไม่เบื่อแน่นอนครับ   แต่ว่า ถ้าวันหนึ่งไม่มีผมอยู่ข้างคุณขึ้นมา คุณจะเป็นยังไงน่ะสิครับ อุ้ม ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่านะครับ”

    “เอ๋? เรื่องนั้นน่ะไม่มีทางอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? จริงไหมล่ะ?”

    “...นั่นสินะครับ “

     “นี่ ถ้าหายเมื่อไรไปเที่ยวกันนะ สัญญานะ! เพราะว่า สุขภาพฉันน่ะ ทุกอย่างเลยอยู่ๆก็ดีทั้งหมดเลยล่ะ!

    “สัญญาครับ แต่ว่า.....อุ้มต้องสัญญาอะไรบ้างอย่างกับผมด้วยนะครับ?”

    “อะไรเหรอ อะไรเหรอ??”

    ก้าวไปเพียงลำพัง ไม่โกหกตัวเอง จะยังยิ้มต่อไป ยังไง คุณก็ต้องเดินต่อไปคนเดียวนะครับ
    ต่อให้มีคนหนุนก็เถอะครับ   พอจะ
    ทำได้ไหมครับ?  ถ้าทำได้ช่วยสัญญากับผมนะครับ 
     สัญญาว่าจะมีชีวิตต่ออย่างเข้มแข็งและอ่อนโยนเหมือนตอนนี้  สัญญาว่าจะเดินไปเพียงลำพังให้ได้
    สัญญานะครับ“

     “เอ่อ.....ก็ไม่รู้สินะ แต่จะพยายามนะ แต่  ตกลง สัญญาค่ะ!

    “ดีจังนะครับ  ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะครับ”

    แม้ว่า ทุกคนจะคอยฉุดขึ้นมาแต่ว่า เธอต้องเดินคนเดียวเพียงลำพังให้ได้นะครับ มีชีวิตอย่างเข้มแข็ง และอ่อนโยนแบบนี้ตลอดไปนะครับ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม สัญญาไว้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนี่ครับ ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป....

     

    ----------------------------------------

    อืมมมมมม รู้สึกมึนๆ(?) สรุป จะทำร้ายตัวเอง ที่ไหนได้ ตาคูลพระเอกได้อีก.....


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×