คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : สัญญาของเรา
...มันคือเรื่องราวที่หัวเราะไม่ออก...
“ นี่ คูล นอนบนเตียงแบบนั้นไม่เบื่อบ้างเหรอ? ”
“ ไม่เบื่อหรอกครับ ถ้าได้อยู่กับอุ้มน่ะ ไม่เบื่อแน่นอนครับ...แต่ว่า........................ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่านะครับ”
“เอ๋? เรื่องนั้นน่ะไม่มีทางอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? จริงไหมล่ะ?”
“...นั่นสินะครับ “
ในเวลานั้น.....ฉันไม่ได้สะกิตใจเลยว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั่นออกมา....ตอนนั้นฉันช่างไร้เดียงสา....
“ นี่ ถ้าหายเมื่อไรไปเที่ยวกันนะ สัญญานะ! เพราะว่า สุขภาพฉันน่ะ ทุกอย่างเลยอยู่ๆก็ดีทั้งหมดเลยล่ะ! ”
“ สัญญาครับ แต่ว่า.....อุ้มต้องสัญญาอะไรบ้างอย่างกับผมด้วยนะครับ?”
“ อะไรเหรอ อะไรเหรอ??”
“...........................................................ทำได้ไหมครับ? ถ้าทำได้ช่วยสัญญากับผมนะครับ...............สัญญานะครับ“
ทำไม ทำไมฉันในตอนนั้นถึงได้ไม่รู้สึกตัวเลยนะ....
“ เอ่อ.....ก็ไม่รู้สินะ แต่จะพยายามนะ แต่ ตกลง สัญญาค่ะ!”
“ ดีจังนะครับ ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะครับ”
รอยยิ้มของเขาในตอนนั้น....ดูเศร้าสร้อย ราวกับจะแตกสลาย....
“ เป็นอะไรรึเปล่า? รอยยิ้มดูแปลกๆไปนะ? “
--แม้ว่าหากเราเดินทางไปหนใด จำเป็นจะต้องจากร้าง จะยังเป็นมิตรแท้แน่นอน จะเอ่ยจะถามทำไม---
“ รับโทรศัพท์สิครับ จากแฝดคุณไม่ใช่เหรอครับ?”
“ อ่า อืม...”
ในตอนนั้นฉันมีทางเลือก 2อย่างคือ รับโทรศัพท์ หรือ นั่งคุยกับเขาต่อ แต่ฉันกลับเลือกรับโทรศัพท์แทน...แต่พวกเขาสำคัญกับฉันทั้งคู่....
“สวัสดีค่ะ อ๊ะ แฝดเหรอ? มีอะไรเหรอ? “
(“สวัสดีนะ แฝดพี่ อ่า...ก็แค่จะมาบอกแฝดพี่ว่า ต่อให้มาด้วยกัน ยังไงแฝดพี่ก็ต้องก้าวไปคนเดียวนะ.....อ๊ะ จะว่าไปแฝดพี่อยู่ไหนเหรอ? “)
“ เอ๋? อ่า อืม อ๊ะ ตายจริง นี่โทรมาแบบไม่รู้เลยเหรอ แฝดน้อง แคนาดาน่ะ ที่โรงพยาบาลน่ะ คูลต้องรักษาตัวน่ะสิ น่าแปลกใจนะที่อาการทั้งหมดของคูลเหมือนที่อุ้มเคยเป็นเลยล่ะ?”
(“มันไม่แปลกในสายตาแฝดน้องหรอกนะ....อ๊ะขอโทษที่กวนนะแฝดพี่ รักษาเวลาช่วงนี้ไว้ให้ดีนะ แฝดพี่....รักษาตัวนะ อีก2วันจะบินไปหา โชคดีนะ” )
ทำไม ทำไมฉันถึงไม่สะกิตใจกับคำพูดของแฝดที่เตือนฉันนะ เพราะอะไรกันนะ....
“ มีอะไรรึเปล่าครับ? สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ มานี่สิครับ”
“ อ๊ะ ก็เปล่าหรอก อือ...”
ฝ่ามือที่อบอุ่นของคุณ....จะได้สัมผัสหรือรู้สึกอีกแล้วเหรอ?....
“ แต่สีหน้าของคุณบอกว่ามีนะครับ เธอพูดว่าไงบ้างเหรอครับ?”
“ ความลับ แต่ว่า อีก 2วันแฝดจะมาล่ะ หายให้ทันนะ เพราะหมอนั่น แล้วก็ตานั่น ก็คงมาด้วย “
“ จะพยายามนะครับ เขามาพากลับบ้านแล้วนะครับ ข้างหลังน่ะ”
“ ไล่เหรอ? ใจร้ายจังน้า แต่ไม่เห็นต้องสนเลยนี่ อยู่ต่อไม่ได้เหรอ?”
“ ไม่ได้ครับ เดียวร่างกายจะแย่เอา ไม่อยากทำให้คุณแม่บ้านมาทาเป็นห่วงใช่ไหมล่ะครับ? กลับเถอะนะครับ “
“ ก็ได้.....เพราะเห็นแก่คุณแม่บ้านนะ ”
ทำไมนะ ทำไมฉันถึงไม่ดื้อดึงที่จะอยู่ต่อกันนะ...
“ คุณฉงซาน ขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหมครับ?”
“ ...ได้สิ คุณไปนั่งรอกับพยาบาลข้างล่างก่อนแล้วกัน เดียวผมตามไป”
“ จำไว้เลยนะ ทั้งสองคนอ่ะ! เดียวนี้มีความลับกันสินะ เชอะ บู่ว! ช้าเกิน 5นาทีจะขึ้นมานะ!”
ร่างสูงบนเตียงมองตามแผ่นหลังเล็กไป ก่อนจะถอนหายใจหันไปส่งยิ้มตามแบบฉบับให้คุณหมอที่ได้หัวใจของเธอ
“ เอาแต่ใจน่าดูเลยนะครับ ลำบากสักหน่อยนะครับ ” ร่างบนเตียงพูดด้วยรอยยิ้มใน ขณะที่คุณหมอหนุ่มขมวดคิ้วมอง
“ ก็เป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? คุณเองก็เอาใจมากไปนะครับ “ ฉงซานมองคนสนิทของคนตัวเล็กที่พึ่งออกไปด้วยแววตาเหนื่อยใจ “ ยังไม่ได้บอกเธอหรือครับ? ”
“ บอกไม่ได้หรอกครับ ถ้ารู้เธอคงจะโวยวายไม่ยอมอย่างเดียว....สภาพร่างกายแบบนี้ยังวิ่งไปทั่วได้ น่าแปลกใจจริงๆนะครับ ว่าไหมครับ? “ คูลหันไปยิ้มถามคุณหมอหนุ่ม ผู้ที่รู้ความลับของเขา สาเหตุจริงๆที่ทำให้คนที่สุขภาพดี ไม่มีป่วยมาตลอดกลับทรุดหนัก ด้วยอาการเดียวกับอุ้ม ในขณะที่เธอมีสภาพร่างกายที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และเธอที่ซือเกินกว่าจะรู้ตัว...
“ มันก็ใช่นะครับ อาการในแต่ล่ะโรคไม่ได้แย่มากเท่าไร แต่ถ้าปะทุหรือถึงจุดอิ่มตัวก็คงไม่ไหวหรอกครับ ”
คนเป็นคุณหมอจับจ้องนาฬิกาข้อมือ เมื่อเห็นว่ามันผ่านมา 3 นาทีแล้ว ถ้าไม่รีบลงไปคงโดนโวยใส่ หรือไม่อุ้มก็คงเดินกลับมานั่งเฝ้าคูลต่อแน่ๆ คิดแล้วปวดหัว....
“ ถึงจุดอิ่มตัวมานานแล้วล่ะครับ แต่ว่ามันก็มีสิ่งที่ผมนำออกมาจากเธอไม่ได้มันคือ จิตใจที่ยังบอกช้ำ กับเรื่องภูมิต้านทานที่ต่ำติดดินของเธอ ทั้งๆที่น่าจะสลับได้แท้ๆเชียวนะครับ.... ยังไงก็ ฝากเธอด้วยนะครับ...รีบลงไปได้แล้วล่ะนะครับ เธอคงรอนานแล้ว ”
คูลยิ้มแต่ไม่ได้เผื่อรอยยิ้มไปที่ตาด้วย แววตาของเขาเหมือนกับคนหวงของ แค่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะหายไปเป็นปกติ
คุณหมอหนุ่มพยักหน้าและเดินออกไป พร้อมกับเสียงเบาๆของคูล “ ถ้าดูแลไม่ดี ผมจะกลับมาเอาคืนนะครับ “
2 วันหลังจากนั้น หญิงสาวร่างเล็กก็ยังคงไปมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลตลอด ทั้งๆที่เจ้าตัวเกลียดมากๆ แต่เพราะคนสำคัญของเธอไม่ยอมไปพักฟื้นที่บ้านเธอถึงต้องไปมาตลอด เพียงแต่ว่า ในวันนี้ จะมีเรื่องอื่นที่ดึงเธออกจากโรงพยาบาล
โดยที่ไม่รู้ตัวว่า วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่กับเขา ฉัน...ขอโทษนะ ที่ไม่ได้อยู่กับนาย.....ขอโทษ...
“ Bonjour! แฝดพี่ ไม่เจอกันนะ นี่แฝดพี่ ไปร้านขนมด้วยกันเถอะนะ เจ้าตัวยุ่งกับเขารอเจออยู่ล่ะ “
หญิงสาวผู้มีเรือนผมยักศกสีดำน้ำตาลยิ้มทักเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กเดินมาถึงหน้าโรงพยาบาล ก่อนที่หญิงสาวจะอ้า แขนรับตัวอุ้มผู้เหมือนเด็กน้อยชอบกอด
“ Bonjour ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แฝดน้อง แต่ว่า? คูลน่ะ?” อุ้มคลายอ้อมกอดจากคนเป็นแฝดน้องที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ทางสายเลือด เอียงคอหันไปทางห้องๆหนึ่งในโรงพยาบาลด้วยแววตาเป็นห่วง เหมือนกับทุกครั้งที่เธอเป็นห่วงคนอื่น
“ ไปเจอมาแล้วล่ะแฝดพี่ แต่ว่า อืม ยังไงดีล่ะ คูลให้มาพาแฝดพี่ไปข้างนอกน่ะ เห็นว่าเฝ้าเขาบ่อยๆกลัวไม่สนุก ไปเจอหลานด้วยไง ไม่ชอบเหรอแฝดพี่? เดียวเลี้ยงขนมก็ได้นะ “ คนเป็นแฝดน้องชักจูงอุ้มอย่างสุดความสามารถ เพราะรับปากกับคูลไว้แล้ว รวมถึงมีเรื่องที่ต้องบอกกับอุ้มให้ได้
“ ได้สิ! หวังว่าตาบ้าสองคนนั้นจะไม่มาด้วยนะ แต่ถ้าแฝดน้องเลี้ยงขนมล่ะก็นะ ไม่กวนคูลตลอดบ่ายก็ได้ มั้ง “
ตอนนั้นฉันน่าจะ..ตอบว่า ‘ไม่’ แล้วกลับขึ้นไปอยู่กับเขาแท้ๆ ทำไมฉันถึงตอบว่า ‘ได้’ กันล่ะ...
“...อ่า ก็ไม่รู้สินะ ” หญิงสาวผมยักศกชะงักไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะจูงมืออุ้มไปทีร้านขนมที่มีสามีของเธอและลูกชาย วัยกำลังซนรอยู่
“ มามี้มาแล้ว ป้าก็มาด้วย ป้า ป้า แด๊ดดี้ดูสิฮะ ” เด็กชายตัวน้อยผู้มีเรือนผมสีทองสว่าง นัยน์ตาสีไพลิน จ้องมองคุณแม่คนสวยของเขากับคุณป้าตัวเล็ก พร้อมๆกับดึงเสื้อคนเป็นพ่อ
“ แด๊ดดี้เห็นแล้วครับ...เอาล่ะตัวยุ่งมานั่งตักแด๊ดดี้เป็นโล่ให้แด๊ดดี้ด้วยนะครับ ”ชายหนุ่มร่างสูงอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งตัก
“ Bonjour ทั้ง ....คู่ ” อุ้มเดินมาพร้อมแฝดสาวของตัวเองแล้วขมวดคิ้วมองไปรอบๆ “แฝด? คาริสล่ะ? “ อดไม่ได้ที่จะถามถึงตัวตนอีกด้านของแฝดสาว
“ ไม่อยู่แล้วล่ะ ตายไปแล้ว....ไปพร้อมกับโรคประจำตัวของฉันน่ะแฝดพี่ นั่งก่อนสิจะเล่าให้ฟัง ปารีสไปนั่งกับป้านะ” แฝดสาวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาวร่างเล็กก่อนจะถอนหายใจ
“ ฮะ! แต่จะบอกเรื่องคุณลุงจริงๆเหรอฮะ? ” เด็กชายมองหน้าคุณแม่และคุณพ่อของตนที่พยักหน้าก่อนเจ้าตัวจะเดินไปนั่งตักอุ้ม
“แฝดพี่ ที่จริงแล้วไม่ได้บอกหรอกนะ แต่ว่าพอพวกเราแต่งงานแล้ว พวกเขาก็พยายามตีตัวออกห่าง
พยายามดูแลเรา มันดูเหมือนปกตินะ แต่ว่าอยู่ๆพวกเขาจะป่วย ในโรคที่พวกเราเป็น ในอาการเดียวกัน และหลังจากนั้น ก็จะตายไป
ตอนที่โทรไปหาแฝดพี่น่ะ คาริสน่ะ คาริสน่ะพึ่งจะหมดลมหายใจ ดูไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็เป็นความจริง ทั้งๆที่สัญญาว่าจะมาหาแฝดพี่ด้วยกันแท้ๆ แล้วก็แฝดพี่ คูลน่ะ ก็จะเป็นแบบคาริส เขาขอร้องให้พาแฝดพี่ออกมา เขาไม่กล้าพูดกับแฝดพี่น่ะ ขอโทษที่พาออกมาในเวลาสำคัญนะแฝดพี่....” คนเป็นน้องกล่าวอย่างใจเย็นเพราะรู้ว่า แฝดพี่ไม่ได้ใจเย็นเหมือนตน
“.....งั้นเหรอ ขอบคุณที่บอกนะ ยังไงก็.....กลับก่อนได้ไหม?” อุ้มกอดตัวหลานชายตัวน้อยไว้แน่นราวกับเป็นสิ่งยึดเธอไว้กับสภาพที่ยากจะรับได้
“ได้สิ....แต่จะไปส่งนะ มันอันตรายถ้าให้แฝดไปคนเดียว ” พูดจบทั้งเธอทั้งอุ้มก็ลุกขึ้นมาปล่อยสองหนุ่มไว้ในร้านกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง แม้ว่าทั้งคู่พึ่งจะออกมาก็ตาม
ในตอนนั้น ฉัน คิดอย่างเดียวนะ ว่า.....ทำไมถึงไม่บอกล่ะ ทำไมถึงไม่อยู่กับฉันล่ะ ทำไมล่ะ ทำไมถึงโกหก....
“คูล! “ ร่างเล็กเปิดประตูเสียงดังแล้ววิ่งเข้าที่เตียงจับที่แขนของคูลแน่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตามองอีกตัวตนด้วยสายตาไม่เข้าใจ ไม่พอใจและโกธร และลึกๆลงไปนั้น สายตาที่เป็นห่วง
“เข้ามาแบบนี้ รู้แล้วเหรอครับ ไม่เอาน่าอย่าร้องไห้สิครับ ยิ้มให้ผมดูหน่อยสิครับ” มือหนาที่คุ้นเคยลูบหัวอุ้มราวกับเป็นเด็กน้อย ปาดน้ำตาออกจากใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยิ้มให้อย่างเหนื่อยอ่อน
“ตาบ้า! ฮึก ฮึก ใครให้ทำแบบนี้กัน ไม่เห็นต้อง ฮึก สละตัวเองเพราะตัวเล็กเลย ฮึก คนบ้า “
อุ้มสะอึกแล้วทิ้งใบหน้าลงกับไหล่กว้างของคูลร้องไห้สะอึกสะอืนเหมือนเด็กน้อย เหมือนเคย ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังเหมือนเดิม เป็นเด็กน้อยในสายตาคูล
“ไม่ร้องนะครับ ไม่ร้อง สัญญาไว้แล้วนี่ครับ ต่อให้ร่างกายนี้ไม่อยู่ข้างกาย แต่ผมก็จะอยู่กับคุณตลอดไป คุณก็รู้ว่าผมไม่โกหก นี่ครับ ไม่ร้องนะ เด็กดี ตาบวมแล้วนะครับ เดียวผมก็โดนต่อยกันพอดีสิครับ ทำคุณร้องไห้แบบนี้น่ะ ”
คูลพูดปลอบเคย มือหนายังคงลูบหัวคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาต่อไป อย่างไรเสีย เขาก็เป็นแบบนี้ตลอด ทนเห็นน้ำตาของเธอไม่ได้สักครั้ง และ ชอบที่จะลูบหัวเธอ มันเป็นสิทธิ์พิเศษของเขา....แต่มันก็เป็นสิทธิ์พิเศษของใครอีกคน
เขาเลยตัดสินใจว่าจะสละตัวเองเพื่อให้เธออยู่อย่างคนปกติโดยไม่มีโรคประจำตัว แต่ว่าเขาก็ทำไม่ได้หมด
เขารู้ดีว่าบ้างสิ่งบ้างอย่างติดตัวเธอมากเกินไป เกินกว่าด้านตรงข้ามอย่างเขาจะใช้เวลาเปลี่ยนมันได้ เพราะถ้าเขาเริ่มที่จะสลับด้าน พวกเขาจะมีเวลาเหลือแค่ 2 เดือนในการอยู่กับคนสำคัญของพวกเขา
ในเวลา 2เดือนถ้าเขาเริ่มสลับอาการป่วยของตัวตนอีกด้านแล้วเขาจะหยุดไม่ได้ ต่อให้หยุดได้ เขาก็ไม่คิดจะหยุดอยู่ดี
“คูลบ้า เอาแต่ใจ ฮึก ไหนว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไงใจร้าย คนโกหกแล้วสัญญาล่ะ! ”
“ขอโทษนะครับ.....งั้นเราออกไปเดินเที่ยวข้างล่างก่อนไหมล่ะครับอาการผมน่ะคงตัวแล้วล่ะครับ”
เจ็บ...เมื่อรู้ว่าเขาโกหก เจ็บ เมื่อรู้ว่าเขาพยายามทำตามสัญญาทุกอย่าง และ อยากโทษตัวเองที่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้....
เหมือนกับว่า คำโกหก ค่อยๆจางหาย ความจริงเริ่มเด่นชัด เจ็บ เมื่อรู้ว่าต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ก็คราวนี้....
“ตะ แต่....ก็ได้ แต่ว่านะ....ที่ลงไปน่ะ เพราะมันเป็นครั้งสุดท้ายใช่ไหม? ไม่อยากผิดสัญญาสินะ?”
“...รู้จริงๆด้วยสินะครับ ครับ ตามนั้นล่ะครับ เพราะงั้นลงไปกับผมเถอะครับ สุดท้ายแล้วผมขอเอาแต่ใจบ้างนะครับ “
“เอาแต่ใจนะคูล แต่ว่า ....ไปกันเถอะ.....” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มก่อนจะจับมือคนป่วยลงไปเดินที่สวน สำหรับอุ้มแล้วช่วงเวลาแบบนี้ มันคือเวลาสำคัญที่สุด เวลาที่อยากหยุดไว้มากที่สุด
เพราะหลังจากที่เธอและเขาลงไปเดินข้างล่างเพียงแค่1ชั่วโมง ร่างสูงที่เคยมีลมหายใจก็ได้หมดลมท่ามกลางรอยยิ้มทั้งน้ำตาของหญิงสาวร่างเล็ก กับหิมะที่โปรยปรายลงมา
“ นี่ คูลฉันรักษาสัญญาแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันแข็งแรงดี ยังก้าวต่อไปคนเดียวได้
ถึงมันจะยากลำบากแต่คนข้างหลังก็ค่อยดันฉันอยู่ล่ะ......ขอบคุณนะ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ขอบคุณนะที่ทำเพื่อฉันจนวินาทีสุดท้าย ขอบคุณนะ ที่พยายามฝืนเดินกับฉันมาตลอด รักที่สุดเลยนะ พี่ชายตลอดกาลของฉัน ครอบครัวที่รัก “
อุ้มในเดรสสีขาวบริสุทธิ์นั่งย่องๆลูบป้ายหลุมศพของคนสำคัญของเธอ มันเป็นแบบนี้ตลอด คนสำคัญของเธอมักจะจากไปก่อน แต่ว่าเธอก็ต้องก้าวต่อไปคนเดียว ต่อให้มาด้วยกัน สุดท้ายก็ต้องเดินไปคนเดียว ทิ้งอีกคนให้คนให้ตกลงไปในป่าที่แสนลึกนั้น ถึงแบบนั้น แม้ว่าเธอจะต้องปล่อยมือที่แสนอุ่นที่คุ้นเคย แต่ก็ได้มืออันอบอุ่นที่จะปกป้องเธอจับไว้อีก
เธอชื่อว่าคูลจะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป.....ก็เขาเป็นคนสำคัญนี่....สัญญาของเรา จะไม่มีวันที่เธอลืมไปหรอก
รวมถึงสัญญาในวัยเยาว์นั้นด้วย สัญญาที่เขาจะอยู่กับเธอตลอดไป
.
.
.
..
.
.
“นี่ คูล นอนบนเตียงแบบนั้นไม่เบื่อบ้างเหรอ?”
“ไม่เบื่อหรอกครับ ถ้าได้อยู่กับอุ้มน่ะ ไม่เบื่อแน่นอนครับ แต่ว่า ถ้าวันหนึ่งไม่มีผมอยู่ข้างคุณขึ้นมา คุณจะเป็นยังไงน่ะสิครับ อุ้ม ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่านะครับ”
“เอ๋? เรื่องนั้นน่ะไม่มีทางอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? จริงไหมล่ะ?”
“...นั่นสินะครับ “
“นี่ ถ้าหายเมื่อไรไปเที่ยวกันนะ สัญญานะ! เพราะว่า สุขภาพฉันน่ะ ทุกอย่างเลยอยู่ๆก็ดีทั้งหมดเลยล่ะ! ”
“สัญญาครับ แต่ว่า.....อุ้มต้องสัญญาอะไรบ้างอย่างกับผมด้วยนะครับ?”
“อะไรเหรอ อะไรเหรอ??”
“ ก้าวไปเพียงลำพัง ไม่โกหกตัวเอง จะยังยิ้มต่อไป ยังไง คุณก็ต้องเดินต่อไปคนเดียวนะครับ
ต่อให้มีคนหนุนก็เถอะครับ พอจะ ทำได้ไหมครับ? ถ้าทำได้ช่วยสัญญากับผมนะครับ
สัญญาว่าจะมีชีวิตต่ออย่างเข้มแข็งและอ่อนโยนเหมือนตอนนี้ สัญญาว่าจะเดินไปเพียงลำพังให้ได้ สัญญานะครับ“
“เอ่อ.....ก็ไม่รู้สินะ แต่จะพยายามนะ แต่ ตกลง สัญญาค่ะ!”
“ดีจังนะครับ ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะครับ”
แม้ว่า ทุกคนจะคอยฉุดขึ้นมาแต่ว่า เธอต้องเดินคนเดียวเพียงลำพังให้ได้นะครับ มีชีวิตอย่างเข้มแข็ง และอ่อนโยนแบบนี้ตลอดไปนะครับ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม สัญญาไว้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนี่ครับ ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป....
----------------------------------------
อืมมมมมม รู้สึกมึนๆ(?) สรุป จะทำร้ายตัวเอง ที่ไหนได้ ตาคูลพระเอกได้อีก.....
ความคิดเห็น