ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Buddy จับคู่หัวใจให้ตรงกัน

    ลำดับตอนที่ #13 : ฝันร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 57


    `★APPLE PIE.


    ...เขาฝันร้าย

                    ฝันอย่างที่ไม่เคยฝันในรอบหลายปี เพราะเขาเชื่อว่าความฝันเกิดจากความฟุ้งซ่านและเหนื่อยล้าของคน แต่เปล่าเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นมานานแล้ว เพราะเอาเวลาไปทุ่มกับสิ่งๆ หนึ่งจนลืมเหนื่อย เมื่อหัวถึงหมอนและหลับตาลงก็เห็นแต่ภาพมืดสีดำ เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งลืมตาตื่น

                    เลนจำไม่ค่อยจะได้ว่าเขาฝันอะไร รู้แต่เช้านี้เขามึนหัวแปลกๆ เด็กหนุ่มยันกายขึ้นจากเตียง สะบัดศีรษะไล่ความงัวเงียออก ความรู้สึกหนักอึ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่

                    สงสัยเขาคงนอนผิดท่า เลนสรุปว่างั้น

                    แล้วก็ลืมเรื่องความฝันนั้นไปเสียสนิท

                   

     

     

                    “ตื่นสายจังเลยพ่อคุณ”

                    แว่วเสียงทักอย่างสดใสและสนิทสนม แต่ก็แอบแฝงความหมั่นไส้ไว้ในกระแสเสียงนั้นด้วย เลนเกาหัวแกรกๆ มอง ปิดปากหาววอด ลืมการกระทำทุกอย่างไปจนหมดสิ้นเหมือนทำไปโดยไม่รู้ตัว คนมองถึงกับเบ้หน้าแล้วแขวะตามเดิม

                    “สุภาพเสียไม่มี แอบทำอะไรไม่ดีตอนกลางคืนอีกแล้วสิท่า”

                    “ใช่เสียที่ไหน” เขาตอบ แม้ในหัวจะยังคิดอะไรไม่ค่อยออก “แค่รู้สึกล้าๆ แปลกๆ

                    ประโยคหลังที่พูดกับตัวเองไม่ได้เข้าหูคนฟังเสียเท่าไหร่ เนลเลือกที่จะไม่สนใจก่อนจะตักข้าวเช้าใส่จานแล้วเรียกให้อีกร่างมารับอาหารเช้า

                    แต่ก็แปลก เขาตอบกลับไปว่าไม่อยากทาน

                    “เป็นโรคเบื่ออาหารหรือยังไง” เนลบ่นกับตัวเอง “หิวเมื่อไหร่ก็มาตักทานเอาละกันนะ”

                    เลนพยักหน้ารับ แล้วบทสนทนาก็จบลงแค่นั้น

     

                    ทั้งบ้านเงียบสงัด เพราะผู้ปกครองออกไปทำธุระข้างนอก ส่วนพี่สาวที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวก็ออกไปเรียนพิเศษ ลูกสาวคนเล็กที่ไม่มีอะไรทำในช่วงปิดเทอมจึงอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวอย่างสุขสันต์เป็นที่สุด เนลยกจานข้าวมาทานบนโต๊ะคอมฯ แทนที่จะเป็นโต๊ะกินข้าวอย่างที่บ้านอื่นเขาทำ เลนที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จมองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะปิดปากหาววอดอีกรอบ

                    ง่วงแต่เช้า

                    หรืออันที่จริงต้องเรียกว่าสายแล้ว

                    เด็กหนุ่มคว้าเอาหนังสือในชั้นมาเล่มสองเล่มแล้วไปนอนอ่านบนเตียงแก้เบื่อ เพราะคนในห้องเอาแต่จ้องหน้าจอไม่พูดไม่จาแถมยังทานข้าวอยู่ด้วยเลยไม่อยากกวน สองตากวาดอ่านตัวหนังสือก่อนจะเกิดอาการหนักอึ้งที่เปลือกตาขึ้นมาดื้อๆ

                    เลนพยายามจะกระพริบตา แต่มันก็ไม่ช่วยอะไร เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้เขาหันขวับ เหมือนเนลจะทานข้าวเสร็จแล้วจึงยกจานไปเก็บ เสียงเคร้งๆ ดังขึ้นในห้องครัวอยู่แป๊บหนึ่งก่อนที่ร่างของเด็กสาวจะเดินกลับมาแล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าจอคอมพิวเตอร์ตามเดิม เลนจึงหันกลับมา

                    เขาปิดหนังสือเมื่อรู้ว่าอ่านต่อไม่ไหว ก่อนจะหลับไปทั้งๆ อย่างนั้น

                    เข้าสู่ความฝันที่ไม่มีทางตื่น

     

     

     

                    …ในความฝันนั้น ตัวเขาโตขึ้นกว่าตอนนี้นิดหน่อย

                    ไม่นิดหน่อยดูเหมือนจะมีอายุแล้ว ไม่แก่มาก น่าจะแค่ยี่สิบ ใช้เวลาพิจารณาตัวเองแค่แป๊บเดียวเลนก็กวาดตามองสิ่งอื่น

                    เนลก็โตแล้วเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่ อนุมานเอาว่านี่คือความฝัน

                    เขาอยู่ในห้องๆ หนึ่ง แต่ไม่ใช่ของบ้านที่เคยอยู่หลังนี้มันใหญ่กว่า แล้วห้องนี้ก็ใหญ่กว่าห้องนอนที่เป็นทั้งห้องหนังสือและห้องคอมฯ ของเนล ดูดีๆ แล้วไม่ใช่ห้องนอนด้วยซ้ำ เป็นห้องรับแขกไม่ก็ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่

                    เลนนั่งอยู่บนโซฟา เนลนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

                    แล้วผู้ชายคนข้างๆ นั่นใคร

                    นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เลนแปลกใจ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแต่เขาพอจะรับได้ สิ่งเดียวที่แปลกใหม่คือผู้ชายคนนั้นผู้ชายผมยาว หน้าคมสันแบบคนเอเชียแล้วก็รูปร่างสูงโปร่ง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจมาก

                    เออ มันหล่อแล้วไง ก็เขาไม่ได้พิศวาสผู้ชายด้วยกัน

                    ภาพทุกอย่างเคลื่อนไหวช้าๆ เสไปเสมาเหมือนการเล่นมุมกล้องในหนัง ถ้าให้พูดอีกหน่อยก็มีการเล่นแสงอีกด้วยทำให้มันจ้าจนมองอะไรไม่ค่อยจะเห็น

                    เขารู้สึกว่าเนลพูดอะไรสักอย่าง แต่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำเสียงอู้อี้อะไรเลย ท่าทางเหมือนจะกำลังหัวเราะอยู่เสียมากกว่า ผู้ชายคนข้างๆ นั้นก็หัวเราะ แต่ท่าทางสุขุมกว่า เลนพยายามจะเงี่ยหูฟัง แต่อะไรบางอย่างเรียกความสนใจจากประสาทมากกว่า

                    ดวงตาเหลือบไปเห็นแหวนเงินบนนิ้วเล็กๆ ของเนลเข้าเลนรู้สึกสับสนและลืมหายใจไปชั่วขณะ มันคงถูกมองเป็นแค่เครื่องประดับธรรมดา ถ้ามันไม่ได้ถูกสวมอยู่ที่มือข้างซ้าย ถ้ามันไม่ได้ถูกใส่อยู่บนนิ้วนางมันคือแหวนแต่งงาน

                    ยัยแว่นของเขาแต่งงานเสียแล้ว สมองประมวลผลอย่างทันทีโดยไม่ต้องคิดให้วุ่นว่าใครคือเจ้าบ่าว

                    อาอย่างนี้นี่เอง น่าแปลกที่ตัวเขาไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำเหมือนนั่งอยู่เฉยๆ มองภาพคนสองคนคุยกันทั้งที่ตัวเขาก็นั่งอยู่ตรงนั้น เลนพยายามจะส่งเสียง แต่ก็ไม่ได้ผล เหมือนร่างนี้ไม่ใช่ของเขา

                    ลืมไป นี่มันความฝัน

                    เลนหวังว่าเขาจะตื่นจากฝันเร็วๆเพราะฝันที่ทำได้แค่ดูมันน่าเบื่อ บทสนทนาที่ได้ยินก็ฟังไม่ออก ชั่วแวบหนึ่งที่สองร่างหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มตัวเขาที่นั่งอยู่บนโซฟา

                    และตัวเขาในความฝันก็ขยับยิ้ม

     

     

     

                    เลนไม่เข้าใจว่าเขายิ้มทำไม ยิ้มเรื่องอะไร ทั้งสามคนคุยอะไรกัน

                    เขาได้แต่คิดอย่างหัวเสียว่าควรจะตื่นจากฝันเสียที ถึงจะดีหน่อยที่ในความฝันเขาไม่รู้สึกง่วงหรืออ่อนล้าอีกต่อไปแต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขาได้ขยับตัวขยับกายเสียบ้าง

                    เขาไม่เห็นเข้าใจเลยว่าอะไรทำให้เนลในตอนโตเลือกแต่งงานกับผู้ชายผมยาวคนนั้น

                    มันคงไม่ใช่ฝันบอกอนาคตหรอกใช่มั้ย เลนสองจิตสองใจ รู้แต่เขาหงุดหงิดมากที่ไม่ยอมตื่นจากฝันเสียที นานเข้าเขาก็ยิ่งไม่สบอารมณ์พอมองผู้ชายคนนั้น

                    แสงจ้าๆ ทำให้ตาของเขาพร่า บ้าจริง! เริ่มจะมองหน้าไม่ชัดแล้ว

                    ใจหนึ่งก็อยากถามหน้าที่การงานกับประวัติส่วนตัว ติดอยู่ที่ว่าตัวเขาในความฝันไม่อาจขยับปากดั่งที่ใจคิดได้ เลนรู้ว่าตัวเขาในความฝันน่าจะรู้จักผู้ชายคนนั้นดี ถ้าเป็นงั้นเขาก็อยากจะถามตัวเองหน่อยว่าไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร

                    ไม่ได้โกรธที่มันเป็นสามีเนล แต่ถ้ามันแย่งที่ยืนของเขาล่ะก็ จองล้างจองผลาญยันมีลูกแน่

                    พนันได้เลยว่าเนลในตอนนั้นต้องสนใจมันมากกว่าเขานั่นแหล่ะที่เรียกว่าโดนแย่ง

                “นี่ แล้ไหร่จะแต่งล่ะ”

                 เสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นในประสาทหู

                    “ไม่รู้สิ ยังไม่ได้เลือกเลย”

                    ปากเขาขยับไปเองอีกแล้ว

                    อยากจะถามตัวเองว่าพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่

                    “คงอีกสองเดือนมั้งเจ้าสาวเขายังไม่พร้อม”

                    ถามครั้งสุดท้ายแล้วนะ นี่มันเรื่องอะไร

                “เหรยินดีวยนะ”

                    “ขให้มีความสุข”

                ตัวเขาในความฝันคลี่ยิ้ม แต่เขาฉลาดพอที่จะรู้ตัวเองว่าไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขเท่าไหร่

                    “ขอบคุณมาก”

                    เลนรู้สึกอยากจะตบหัวตัวเอง

                    ตบหัวเขาเนี่ยแหล่ะไม่ใช่ใครที่ไหน โอเค เริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องได้แล้ว เขากำลังจะแต่งงาน ถูกมั้ย? เนลก็แต่งงานไปแล้ว ไม่ยักกะรู้ว่าพวกเขาสองคนแยกกันได้ เรื่องมันชักจะพิสดารขึ้นทุกที พิสดารจนเขาเริ่มรู้สึกว่าฝันนี่ไม่ใช่ฝันดี

                    ตื่นจากฝันทีเหอะขอร้อง

                    ใครกันเจ้าสาวของเขา มีด้วยเหรอคนที่ยอมให้เขาหยุด ถ้ามีจริงล่ะก็เขาอยากจะขอยลโฉมเสียหน่อย

                “เมื่อร่...จะพาให้ดู...น้า” เห็นไหม ขนาดกับเนลยังไม่เคยพามาให้เห็นหน้า มีจริงหรือเปล่าฟะยัยเจ้าสาวอะไรนั่น

                    ลืมเรื่องที่เขาฟังเสียงแปลกๆ นั่นออกไปเลย เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็น ตอนนี้เขาหัวเสียกับตัวเองจะแย่อยู่แล้ว

                    “เจ้าสาวเขาเขิน เดี๋ยวก็ได้เห็นเร็วๆ นี้แหล่ะ”

                    โกหกทั้งเพ เขารู้หรอกว่ายัยเจ้าสาวอะไรนั่นไม่มีจริง

                    ผู้หญิงที่ทั้งชีวิตเขาใช้เวลาอยู่ด้วยนานที่สุดมีคนเดียวเหอะ

                “จริงนะ”

                    “จริงสิ”

                    “โกหกกันหรือเปล่า”            

                    “จะโกหกเรื่องอะไร” โกหก นี่ไงที่เรียกว่าโกหก

                “เรื่องเจ้าสาวไง” แม่สเนลตอนโตก็ฉลาดเหมือนกันนี่ “จะพามาให้เห็นจริงๆ เหรอ”

    นั่นมันใช่ประเด็นที่ไหนกันเล่าปัดโธ่!

                “อื้อ จริงสิ”

                “สวยหรือเปล่า ชื่ออะไรบอกฉันได้ไหม”

                “สวยกว่าเธอเยอะเลย” เขาพูดพลางหัวเราะ

                “ย่ะแล้วชื่ออะไร ฉันรู้จักหรือเปล่า”

                “ไว้รู้อีกทีตอนงานเปิดตัวนะ”

                    สร้างเรื่องเก่งจริงๆ เลยเขานี่

                    “ใจร้ายจะมาเป็นพี่สะใภ้ฉันทั้งทีขอรู้ชื่อหน่อยไม่ได้หรือไง”

                “ไม่ได้”

    “ทำไมอ่า” เพราะมันไม่มีจริงไงปัดโธ่

    “เพราะมันคือความลับ”

    “ถึงขนาดบอกกันไม่ได้เชียว ฉันไม่สำคัญแล้วใช่มั้ย” คำพูดเหมือนตัดพ้อแต่เจ้าตัวกำลังทำแก้มป่องสีหน้ายิ้มๆ

               

                    เพราะรู้ดีว่าเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร

     

                    “ยัยบ้า” เขาหัวเราะ นึกสงสัยกับตัวเองว่าสิบปีที่ผ่านมาพูดคำนี้ไปมากเท่าไหร่ “เธอน่ะสำคัญที่สุดอยู่แล้ว”

     

     

     

                    เลนหลับตา

                    เขามายืนอยู่ในสถานที่ๆ หนึ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม

                    ไม่มีห้องนั่งเล่น ไม่มีโซฟา

                    แต่เนลอยู่ข้างๆ

                    แล้วก็ร้องไห้

                    เลนกวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาเห็นแต่โทนสีเดียวจนปวดตา

                    สีดำเหมือนงานไว้ทุกข์

                    เขาลองปรับมุมมองให้กว้างขึ้น ก่อนจะพบว่าภาพตรงหน้าคือสุสาน

                    เนลปิดหน้าร้องไห้ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ข้างๆ

                    เขาเบือนหน้ามองชื่อที่หลุมศพอย่างใจหาย

                แต่เปล่า เขายังไม่ตาย

                “เนลจัง ไม่ร้องนะ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นแต่ไม่ได้บอกกับเขา เมื่อหันกลับไปมองจึงเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่รู้จักกันดีหากแต่วันนี้เธอกลับมีสีหน้าเศร้าสร้อย แม้จะพยายามยิ้มเท่าไหร่ “ซันเขาไปสบายแล้วล่ะ”

                “ฮึ่ก—” ยัยแว่นของเขาสะอื้นออกมาแค่นั้น ก่อนจะสวมกอดกับพี่เซนที่เหมือนจะร้องไห้มากมายจนไม่มีน้ำตาให้หลั่งอีกแล้ว เลนหันมองที่หลุมศพอีกครั้งก่อนจะเริ่มเข้าใจ

                    พี่ชายของเขาจากไปแล้วสินะ

                    พี่ปอจูและพี่อุ้มก้าวเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับผู้ชายอีกสองคนที่เขาไม่รู้จัก แต่แน่ล่ะว่าตัวเขาในความฝันย่อมรู้จักเป็นอย่างดี เลนพิจารณามองใบหน้าของสาวทั้งสอง และได้เข้าใจอีกครั้ง

                    งั้นเหรอ สองคนนั้น ก็จากไปแล้วเหมือนกันสินะ

                    “หลับให้สบายนะครับ” เขาเอื้อนเอ่ยไปแค่นั้น พยายามจะยิ้มท่ามกลางความเศร้าโศกที่ปกคลุมอยู่ทั่วงาน

                    มันไม่ใช่ฝันดีเอาเสียเลย

                    เลนพยายามบอกตัวเองอีกครั้งว่ามันไม่ใช่ฝันบอกอนาคต เขาไม่ต้องเต้นไปตามมัน ไม่ต้องตื่นกลัว ไม่ต้องเสียใจแต่บางทีเขาก็คิดว่านี่คงเป็นเรื่องในอีกสิบปีข้างหน้าที่เขาไม่ควรรู้

                    ไม่ควรเลยจริงๆ

                    “เลนจ๊ะ” พี่ปอจูเรียกเขา เสียงเศร้าเสียจนเขาอยากขอให้พี่กลับมาเป็นอย่างเก่า

                    “ครับพี่”

                    “เราสบายดีใช่มั้ย”

                    “ครับ

                    อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าอย่างนั้นนะ

                “ช่วงนี้อย่าพยายามฝืนอะไรเกินไปนะจ๊ะ” พูดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เลนสังเกตว่าดวงตาคู่นั้นแดงก่ำทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ “รักษาตัวดีๆ นะ”

                “อยู่กับเนลไปนานๆ”

                เขาไม่ได้ตอบรับอะไรไปสักอย่าง จนกระทั่งพี่เซนที่ผละออกมาแล้วพูดกับเขาด้วยยิ้มเศร้าๆ มีเนลยืนอยู่ข้างหลัง

                “ขอโทษนะเลนคุงเกิดเรื่องแบบนี้กะทันหัน งานแต่งเลยต้องเลื่อนใช่มั้ย”

                “ไม่หรอกครับ” เขาพยายามจะยิ้มให้พี่สาวสบายใจ “ผมคงไม่มีความสุขพวกพี่ทุกคนสำคัญกับผม มากกว่าเรื่องแต่งงานอีก” แต่งงานอะไรนั่นมันไม่มีจริง นี่เขาคิดจะหลอกทุกคนจนวินาทีสุดท้ายเลยหรือไง

                    “เสียใจเรื่องพี่ซันด้วยนะครับ”

                    เรื่องพี่ๆ ทุกคน

                    เนลโผเข้ากอดเขาแล้วปล่อยโฮ ร้องไห้จนเขาคาดการณ์ว่าดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นนั้นคงจะแดงก่ำมากแน่ๆ

                “นายอย่าตายนะ” เสียงอู้อี้ที่บอกเขาทั้งที่ยังร้องไห้ “อย่ารับเคราะห์แทนฉันอย่าทิ้งฉันไปไหน

                    เขาตัวแข็งทื่อ ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

                    นี่มันฝันร้าย

                    เลนหลับตา

                    อยากบอกตัวเองว่านี่เป็นแค่ความฝันจึงลงกัดริมฝีปากของตัวเองดู ขณะสวมกอดร่างที่กำลังร้องไห้เอาไว้

                    แล้วเขาก็น้ำตาไหล ร้องไห้ออกมาเงียบๆซุกไหล่คนตัวเล็กซ่อนน้ำตากับเก็บเสียงเอาไว้

                เพราะว่ามันเจ็บ— เจ็บอย่างที่เขายอมรับมันไม่ได้ ว่านี่คือความจริง

     

     

     

                    “นายมีอะไรบอกฉันเลยนะ ปวดหัวตัวร้อนไม่สบายอะไร รีบบอกเลยนะ”

                เขาพยายามจะยิ้มให้อีกฝ่ายที่ถามเขาอย่างร้อนรน

                    ผ่านงานศพของพี่ซันมาแล้ว มันผ่านไปเร็วเหมือนเปลี่ยนหนังเรื่องใหม่

                    เขาลืมตามาพบกับความฝันที่ไม่รู้จบ

                    เนลกระวนกระวายและกังวลเรื่องของเขามากขึ้น ทุกคนลืมเรื่องงานแต่งไปสนิทเมื่อเขาเป็นคนออกปากบอกเองว่าเป็นคนเลื่อนออกไปเองและจะไม่มีการจัดในเร็วๆ นี้ เขาก็โกหกทุกคนจนวินาทีสุดท้ายอยู่ดี เลนแทบจะแยกตัวเองกับตัวเขาในความฝันไม่ออกแล้ว

                    “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก”

                    เขาไม่ตายง่ายๆต้องไม่ตายเสียมากกว่า

                    แต่เขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าความฝันนี่จะเล่นตลกอะไรกับเขาอีกหรือเปล่า

                    “ยังจะทำเป็นเล่นอีกนะ ถ้ารู้สึกไม่ดีต้องรีบบอกฉันเลยนะ”

                เลนถามกลับยิ้มๆ “กลัวฉันป่วยแทนเธอเหรอ”

                “เออ นี่ยังกลัวอยู่เลยว่านายจะป่วยเป็นโรคไหนกันแน่ ปวดบวมปอดแฟ่บ ไอเป็นเลือดหรือเข้าห้องไอซียู”

                    “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง—” มาคิดดูอีกที หล่อนอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ไง

                    “พี่เซนกับพี่อุ้มบอกให้ฉันสังเกตนายดีๆเพราะว่าพี่คูลกับพี่ซันน่ะ เขาก็

                เสียงของเจ้าตัวเงียบหายไป อย่างที่เขารู้ดีว่าทำไมรู้ว่าอีกฝ่ายได้คำเตือนมาว่าอย่างไร แต่ตัวเขาในความฝันตอนนี้ควรจะตอบอะไรสักอย่างกลับไปให้เธอสบายใจไม่ใช่หรือไง

                    “ไม่เป็นไรหรอก” ใช่ เขาไม่เป็นไรหรอก “เพราะว่า

                    เพราะว่า

                    เลนส่งยิ้มกลับทั้งที่ยังหาเหตุผลไม่ได้ “ฉันจะอยู่กับเธอไปอีกนานนั่นแหล่ะ ไม่ต้องกลัว”

                    เพราะว่าเขาพูดได้ไม่เต็มปากว่านี่เป็นแค่ความฝัน

                    มันเป็นฝันร้ายแต่ก็ทำให้เจ็บจนเกือบเชื่อว่าไม่ใช่ฝัน

                    เนลออกปากบ่นอะไรกับเขาอีกนิดหน่อย จับใจความได้ว่าเขามันงี่เง่าอะไรกันล่ะนั่น ตัวเขาแทบจะขำพรืด แต่ก็ระบายออกมาแค่รอยยิ้ม ก่อนที่สาวแว่นที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะไล่ให้เขาไปนอนหลับพักผ่อนซะ จะได้ไม่ป่วยเป็นโรคอะไรอย่างที่สาวเจ้าบ่น

                    เขาไม่ได้หลับมานานแล้ว

                    อันที่จริงต้องบอกว่าไม่ได้ตื่นมานานแล้ว

                    เลนล้มตัวลงนอน เนลเดินมากำชับเขาเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้นอนเสียเดี๋ยวนั้น

                    “ตอนเด็กๆ ก็ใช่ว่าเธอจะนอนเร็วเสียหน่อย”

                    “รู้น่า ไม่ต้องย้อนหรอก นายตอนนี้ต้องพักผ่อนให้เยอะๆ”

                “สามีเธอไม่บ่นหรือไง”

                “พี่อนิรุทธิ์เขาไม่ว่าอะไรหรอกน่ะ”

                เป็นบุญจริงๆ ที่ในที่สุดเขาก็ได้รู้ชื่อไอ้หมอนั่นเสียที

                “หลับให้สบายนะ”

                เขาหัวเราะครั้งสุดท้ายก่อนตั้งใจจะนอนจริงๆ เสียที

                    “พูดเหมือนฉันตายแล้ว”

                    ……

    เนลเงียบเป็นเชิงว่าไม่ขำ แต่ก็พยายามยิ้มอย่างเบาบางและรวบสั่งครั้งสุดท้าย

    “ฝันดี”

                    พร้อมกับประตูห้องที่ปิดลงมันทำให้ตัวเขานึกสงสัยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาแยกนอนกับเธอ

                    (แล้วเขาจะสงสัยทำไม เธอแต่งงานแล้วนี่หว่า ยังอยู่บ้านเดียวกันได้นี่ก็ถือว่าบุญโข)

                    ฝันดี นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ฝันดี

                    เลนหลับตา

                    แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราที่ไม่ได้เข้าถึงมานาน

                ครั้งสุดท้าย

                สุดท้ายจริงๆ

     

     

     

                    เลนรู้สึกตัวอีกทีตอนที่เนลมาปลุก เหมือนจะเช้าแล้วไม่ก็สาย แต่รอบข้างมันมืดไปหมดเขาเลนอนุมานเอาว่าเป็นตอนเช้ามืดน่าแปลกที่อีกฝ่ายตอนโตจะตื่นเช้าได้ขนาดนี้ และน่าแปลกที่เธอเขย่าร่างของเขาแรงมากจนเขาแปลกใจ

                    เฮ้ ใจเย็น แขนฉันจะหลุดแล้ว

                    แปะ

                    อะไรบางอย่างที่ทั้งอุ่นและเย็นในเวลาเดียวกันหยดแหมะลงบนแก้มของเขา ก่อนที่เขาจะได้เอื้อนเอ่ยคำนั้นออกไปเสียอีกอะไรบางอย่างที่เขาหวังอย่างยิ่งว่าจะไม่ใช่

                น้ำตา

                    “เลนเลนตื่นสิ” เสียงของเนลสั่น และเพิ่มแรงที่เขย่าตัวไปด้วยจนมันสั่นตาม “เลนตื่นสิเลน”

                ฉันตื่นแล้ว

                    มันน่าแปลกที่คำพูดนั้นไม่ได้ถูกเอ่ยออกไป

                    มันน่าแปลกกว่าอีกที่เขาพูดไม่ได้

                    “เลนตื่นสิ เจ้าบ้า สายแล้วนะ จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน นี่

                งั้นเหรอ แล้วทำไมเขาถึงมองภาพทุกอย่างเป็นสีดำอย่างนี้ล่ะ

                “เกิดอะไรขึ้น” แว่วเสียงที่ไม่คุ้นดังขึ้น มันทำให้เลนนึกอยากจะถามร่างที่ร้องไห้อยู่ว่านั่นใคร

                “พี่รุทธิ์เลนเลนไม่ยอมลืมตาเลนไม่หายใจแล้ว

                ลมหายใจเขาหยุดชะงัก

                    บ้าน่ะ ยัยแว่น ฉันยังหายใจอยู่ เห็นไหม ฉันยังไม่ตายเสียหน่อย ฉัน

                    “เลนคุณเลน ได้ยินผมไหม” เลนรู้สึกได้ว่ามีสัมผัสมือที่ไม่คุ้นแตะลงที่ใบหน้า

                    เออ ได้ยิน เอามือเอ็งออกไปแล้วบอกเนลซะว่าเลิกร้องไห้เสียที

                “พี่รุทธิ์โทรตามหมอให้ทีโทรหาคุณเฟอร์ให้หน่อย

                เขารับรู้ได้ว่าเสียงของเนลร้อนรนและหวาดกลัวมากจนไม่มีเวลาสะอื้น แต่เธอก็ยังร้องไห้ เขาได้ยินเสียงอนิรุทธิ์เดินออกจากห้องไปเพื่อไปโทรศัพท์ ทิ้งให้เขากับเนลอยู่ในห้อง หญิงสาวเขย่าร่างของเขาซ้ำไปซ้ำมา

                “ตื่นสิไอ้บ้า ฉันรู้ว่านายแกล้ง”

                เปล่าแกล้งนี่ก็ตื่นอยู่

                    “อย่าเล่นแบบนี้นะ ฉันไม่ขำ” ไม่พูดเปล่า สาวเจ้ายังทุบอกเขาอีกต่างหาก “ตื่นสิตื่นสิยะนี่ตื่นเดี๋ยวนี้”

                ทั้งที่เนลทั้งทุบทั้งเขย่าเขาเสียแรง แต่เขากลับไม่รู้เจ็บเลยไม่แม้แต่นิด

                    แปลก นี่มันเรื่องแปลกอีกแล้ว

                “ไอ้บ้าไอ้เลนบ้าตื่นสิ ลืมตาเดี๋ยวนี้”

                    เขาพยายามจะลืมตาแล้ว แต่มันก็ลืมไม่ขึ้น

                    “ไหนนายบอกจะไม่ตายง่ายๆ ไง”

                เขาตายแล้ว?

                    “นี่ ฉันโกรธแล้วนะ”

                ไม่เอาน่ะ

                    “นายตายไม่ได้นะ” น้ำเสียงทั้งสั่นและคล้ายว่าจะสั่งเขาแบบเดียวกันกับที่ชอบทำ “นายตายไม่ได้นะเลนนายอย่าตายนะนายอย่าเงียบอย่างนี้สิ นี่ ตื่นขึ้นมาสิ บอกฉันว่านี่คือความฝันใช่มั้ย

                ใช่ นี่คือความฝัน

                    เลนรู้ว่านี่คือความฝัน ฝันที่เหมือนจริงเกินไป ฝันที่เคยทำให้เจ็บแม้บัดนี้จะไม่รู้สึกเพราะเขาตายไปแล้ว

                นี่ไม่ใช่ฝัน หากเป็นฝัน คงเป็น ฝันร้าย

                    “นายจะทิ้งฉันไปแบบนี้น่ะเหรอเลนไม่เอานะไม่เอานะเลนแล้วฉันจะอยู่ยังไง”

                ริมฝีปากของเขาแห้งผาก ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะยิ้มให้เธอ

    อยู่ได้สิ อยู่ได้...

    “ถ้านายตายแล้วฉันจะอยู่กับใคร

                ไม่หรอก เธอยังมีพี่อุ้ม พี่ปอจู พี่เซนแล้วก็คนอื่นๆ อยู่นะ คนที่ชื่ออนิรุทธิ์นั่นก็อีกคน

                    “ใครใช้ให้นายตาย อย่าทำอะไรงี่เง่าจะได้มั้ย”

                ไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย เลิกร้องได้แล้วน่า

                    “ถ้านายลืมตาขึ้นมาฉันสัญญาว่าจะไม่โกรธนาย

                สัญญามาก่อนว่าจะไม่ร้องไห้

                “ไอ้บ้าฉันโกรธนายแล้วจริงๆ นะ ฮึ่ก”    

                    กลั้นมาตั้งนานสุดท้ายก็สะอื้นจนได้นะ

                “ฮึ่กเลนเลนตื่นเถอะนะ ขอร้องล่ะ ฮึ่กฮือ

                ขอโทษนะ ฉัน

                    “เนลเนลครับ

                “พี่รุทธิ์รถพยาบาลมาแล้วใช่มั้ย คุณเฟอร์ว่าไง เลนเขา

                “เลนเขาไปสบายแล้วนะ”

                “……

                    สรรพสิ่งทุกอย่างรอบกายเงียบสงัด เป็นครั้งแรกที่เลนได้ยินเสียงหายใจของคนอื่นดังกว่าของตัวเอง

                    ก็เขาไม่หายใจแล้วนี่นา

                    “พอเถอะอย่าร้องไห้เลยนะ”

                “ฮึ่ก

                อาถึงจะน่าเจ็บใจไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณล่ะนะ

                    “ถ้าร้องไห้แล้วเลนเขาจะสบายใจได้ยังไง”

                “แต่ว่า

                “ถ้าพี่เป็นเขาคงตายตาไม่หลับหรอก”

                “……

                เขาไม่ได้ยินเสียงสะอื้นแล้ว เปลือกตาหนักอึ้งเกินกว่าจะลืมขึ้นได้อีก อยากจะรู้ว่าภาพทุกอย่างตอนนี้เป็นยังไงอยากจะรู้ว่าทุกอย่างโอเคหรือเปล่าเธอยังร้องไห้อยู่หรือเปล่า

                    “เข้าใจแล้วค่ะพี่รุทธิ์ ขอเนลอยู่กับเลนตามลำพังนะ

                “……

                “จนกว่ารถจะมานะคะ”

                “ครับ”

                เลนรับรู้ว่าอนิรุทธิ์คนนั้นเดินออกไปแล้ว ตามคำขอ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เขาได้แต่รอฟังว่าเนลจะพูดอะไรกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย จนกระทั่งเสียงใสเอื้อนเอ่ย

                    “นายนายตายแล้วจริงๆ เหรอ”

                “นายไม่ตายได้ไหม อยู่กับฉันไปนานๆ ไม่ได้เหรอ”

                “ให้ฉันตายก่อนไม่ได้เหรอนายอยู่กับฉันจนกว่าฉันจะตายไม่ได้เหรอเลน”

                “แล้วเจ้าสาวของนายล่ะ นายยังไม่ได้พามาให้ฉันดูหน้าเลยนะ คนที่นายบอกว่าสวยกว่าฉันตั้งเยอะไง”

                    เนลพยายามจะพูดติดตลกกับร่างที่ไร้ลมหายใจและนอนแน่นิ่งอย่างสงบ

                    แล้วเธอคนนั้นจะอยู่ยังไงล่ะเลน”

                จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้บอกสินะ เจ้าสาวอะไรนั่นน่ะฉันโกหก

                    “สุดท้ายนายก็จะทิ้งเธอไปเหมือนที่ทิ้งฉันเหรอนายมันใจร้ายกับพวกผู้หญิงไม่เคยเปลี่ยน”

                บ้าน่ะ ฉันน่ะเหรอใจร้าย

                    “ฉันอยากให้นายมีความสุขนะเลน อยากอยู่ด้วยกันมากกว่านี้อยากคุยกับนาย อยากทะเลาะกับนาย อยากอยู่กับนายไปนานๆ แต่แล้วนายก็มาด่วนจากไปแบบนี้บอกสิว่าจะให้ฉันทำยังไง”

                ถึงไม่มีฉันเธอก็ต้องอยู่ให้ได้

                    “นายมีอะไรจะบอกฉันมั้ยจะให้ฉันสัญญาอะไรก็ได้ ฉันจะไม่เรียกมันว่าสั่งเสียสำหรับฉันนายคือเพื่อนที่ดีที่สุด เพื่อนที่ไม่มีวันตายถ้านายทำทุกอย่างเพื่อฉันมามากแล้วฉันก็จะทำทุกอย่างให้นายบ้าง”

                จะดีเหรอ— ถ้างั้น

                    อย่านอนดึกนะยัยแว่น

                    พักผ่อนให้เยอะๆ ทานอาหารให้ครบห้าหมู่

                    ดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

                    อย่าเครียด อย่าเก็บกด มีอะไรไม่สบายใจก็ระบายให้คนอื่นฟังบ้าง

                    เพลาๆ เรื่องคอมฯ บ้างก็ได้ จ้องมากไปสายตาจะเสียเอา

                    เป็นเด็กดี เป็นน้องที่ดี เป็นลูกที่ดี เป็นภรรยาที่ดี แล้วก็เผื่อเอาไว้ เป็นแม่ที่ดีด้วย

                    แล้วก็ขอแค่อย่าลืมฉันก็เป็นพอ

                    หญิงสาวขยับยิ้มอย่างเบาบาง กอบกุมมือที่เย็นเฉียบเอาไว้ แต่เธอจำได้เสมอว่าทุกครั้งที่มือคู่นี้ให้ความรู้สึกเช่นไร

                    “เข้าใจแล้วเข้าใจแล้วล่ะ”

                “ขอบคุณนะเลนแล้วก็ขอโทษ

                “ที่ผ่านมา ฉันเอาแต่ใจมาตลอดเลย”

                “โตจนป่านนี้แล้ว ก็ยังสร้างความลำบากให้นายไม่เลิก”

                “แต่ไม่เป็นไรนะ หมดห่วงแล้วล่ะฉันสัญญา จะไม่ลืมนายไม่เด็ดขาด”

                แปะน้ำตาอีกหยดตกลงบนใบหน้าของเขาอย่างช่วยไม่ได้ เลนอยากจะแย้งและเพิ่มสัญญาไปอีกหนึ่งข้อ แต่เสียงใสก็แย้งขึ้นเสียก่อนไม่ใช่ว่าสื่อสารกับคนที่ตายได้ แต่เป็นความรู้สึก

                “แล้วก็นะ ขอโทษที่ฉันงอแงนะเลนแต่ว่า ก็เพราะนายนั่นแหล่ะเลน นายนั่นแหล่ะ”

                อย่านะ อย่าพูดให้ฉันรู้สึกผิดสิ

                “เพราะนายไม่ร้องฉันเลยร้องแทนไงเพราะนายยิ้มมาตลอด ยิ้มแทนส่วนของฉัน ทำให้ฉันยิ้มตามแต่ว่าพอแล้วล่ะเลน จากนี้ฉันจะยิ้มและร้องแทนส่วนของนายเองจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จะไม่ลืมนายเด็ดขาดนายก็หลับให้สบายนะ

                มือที่เย็นเฉียบถูกบีบแต่ไม่แรงนัก แต่ก็ส่งผ่านความรู้สึกกลับมาได้เลนอยากจะขยับยิ้ม อยากจะบอกว่าขอบคุณ อยากจะบอกอะไรหลายๆ อย่างที่มากเกินรับรู้ แต่เขาก็ทำได้แค่หลับตาลง

                “ฝันดีนะเลน

                    “ตลอดไป”

                    เลนหลับตา

                    นั่นคือคำราตรีสวัสดิ์ที่ดีที่สุดที่เคยได้ยินมา

                เขาจะหลับฝันดีตลอดไป

     

     

     

     

     

     

                    ห้วงความฝันที่แสนยาวนาน ไม่อาจรู้สึกตัวว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

                เลนหลับตา

                    ยังคงหลับ จนกระทั่งรู้สึกได้แรงเขย่าที่ข้างแขนกับเสียงเรียกชื่อเขานั่นแหล่ะ

                    ดวงตาสีไพลินปรือขึ้นช้าๆ ประสาททั้งหมดเริ่มทำงานอีกครั้ง

                    “ลนเลนเลเลนเลนตื่นสิไอ้บ้าจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน!!!

                เฮือก

                    เลนลืมตาขึ้นเต็มดวงพร้อมสะดุ้ง แต่ยังไม่มีแรงพอที่ลุกขึ้นได้ เขาหายใจแรงๆ อยู่หลายที ก่อนจะได้สติกวาดมองสิ่งรอบตัว อย่างแรกเลยคือเจ้าของเสียงที่ตะโกนเรียกชื่อเขาจนถึงเมื่อครู่

                    “นะเนลเหรอ”

                    เจ้าของชื่อมุ่นคิ้วเมื่อเจอน้ำเสียงแบบนั้นทำให้เลนได้พิจารณาดูดีๆ อีกฝ่ายตัวเล็กยังเป็นแค่เด็กเป็นแค่เด็กอายุสิบสาม ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาเห็นจนถึงเมื่อครู่

                    “ก็ฉันน่ะสิจะเป็นใคร หลับยาวเลยนะ! เรียกตั้งนานก็ไม่ตื่น แสดงว่าเมื่อคืนอดนอนจริงๆ ล่ะสิท่า!

                    “เอ่อ” เลนชักไม่แน่ใจว่าเขาควรจะตอบว่าอย่างไร

                    “รู้เปล่าว่านายหลับไปเกินสิบสองชั่วโมงเลยนะ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะเจ้าบ้า!

                    คำพูดที่ได้ยินทำให้เขาใจหายเขาหลับไปตอนสิบโมง แสดงว่าเขานอนไปสิบสี่ชั่วโมง

                    เอื้อกหลับไปเกือบครึ่งวันเต็มๆ

                    “ทะ โทษทีไม่ได้ตั้งใจจะยึดเตียง”

                    “ปัญหามันอยู่ตรงนั้นที่ไหนกันเล่าปัดโธ่ นี่แสดงว่าฝันยาวเลยสิท่าเลยไม่ยอมตื่น”

                    เลนไม่ตอบ เขาได้แต่เงียบ ฟังสาวแว่นบ่นพึมพำไม่ได้ศัพท์อีกยาวก่อนที่สาวเจ้าจะลุกออกไปนอกห้องเหมือนจะไปล้างหน้า เพราะคืนนี้กะจะอยู่ดึก ทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวในห้อง

                    เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจอย่างกล้าๆ กลัวๆ ลองขยับมือแล้วจิกนิ้วตัวเองก่อนจะพบว่ามันเจ็บ และเสียงใสเมื่อครู่ที่เขาได้ยินก็ชัดเจน ไม่ได้ก้องกังวานเหมือนกระจกอย่างในฝัน

                    เลนฝันผ่านความฝันที่ยาวนาน

                    เขาฝันร้าย

                    ฝันอย่างที่ไม่เคยฝันในรอบหลายปีจนเกือบลืมว่าฝันเรื่องอะไร

                    ในฝันนั้นเนลโตแล้ว ฝันว่าเนลแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่ออนิรุทธิ์ พี่ๆ ทุกคนก็แต่งงานแล้ว แต่กลับไม่มีพวกพี่ชายที่เขาคุ้นเคยอยู่ในความฝัน และเขาฝันว่าเขาตาย

                    เขาฝันร้าย แต่ก็ฝันดีมันปวดหัวจนคิดเรื่องอื่นไม่ออก เขาถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้องมาหลายนาทีจนคิดว่าน่าจะเที่ยงคืนแล้ว เลนพยายามหยัดกายลุกขึ้น อย่างน้อยก็ควรจะไปอาบน้ำซะแล้วค่อยหาอะไรทำ แต่ต้องไม่ใช่การนอน เพราะเขาหลับมามากพอแล้ว

                ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดขึ้น

    พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งตึ่กตักตรงมาที่เตียงเสียงดังอย่างไม่กลัวคนทั้งบ้านตื่น

                    ร่างเล็กๆ กระโดดทับตัวเขา เลนรู้สึกเจ็บบริเวณแขนและท้องที่โดนทับ เป็นสิ่งยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้กำลังฝัน แต่ก่อนที่จะได้ร้องโอดโอย เสียงหัวเราะสดใสก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

                    “สุขสันต์วันเกิดนะเลน” พร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าที่มองเห็นได้ในระยะใกล้ “อยู่กับฉันไปนานๆ นะ”

                เลนเงียบ เป็นเวลานานที่ปล่อยให้ตัวเองเงียบ ก่อนที่จะรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรเขาหัวเราะ หัวทันคิดว่านี่คงเป็นแผนที่คนตรงหน้าเตรียมเอาไว้ ความเจ็บที่บริเวณท้องและแขนยังย้ำเตือนกับตัวเอง แต่มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึก แปลก อะไรอีกแล้ว เลนเกี่ยวแขนกลับไปโอบรอบคนที่กระโดดทับเอาไว้ก่อนจะระบายรอยยิ้มบนใบหน้า

                    “อื้อ จะอยู่ไปนานๆ เลย

                เขาผ่านช่วงความฝันที่ยาวนาน

                    ฝันที่ยากจะเชื่อว่าเป็นฝัน

                    แต่ว่าก็เป็นแค่ฝัน

                    เขายังอยู่

                    เธอยังอยู่

                    คนพวกนั้นก็ยังอยู่

                    และวันนี้คือวันที่เขาจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต

     

     

     

    “ข อ ใ ห้ มี ค ว า ม สุ ข น ะ”

    ...ตลอดไป...

     

     

     

    จบแล้วค่ะแต่จบไม่เหมือนชาวบ้าน คาดไม่ถึงล่ะสิ อิอิ Q w Q //กลัวโดนตบจัง ฮา

    ก็แหม วันเกิดคนแถวนี้ เค้าไม่อยากทำร้ายอ่ะ ; w ;ใจคอจะเขียนให้ตายกันจริงๆ เลยเหรอ ก็เลยเขียนให้ฝันไป อยากเขียนให้ซึ้งกว่านี้นะแต่กระดากตัวเอง แต่เรื่องที่ว่าเป็นฝันบอกอนาคตหรือเปล่า เลนจะตายตอนหลับอย่างอนาถา(?)หรือไม่ อันนี้แล้วแต่จะคิดค่ะ อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว #ซึ้งล่ะสิ เพิ่งดูทไวไลท์มา #เกี่ยว...

    คุยยาวหน่อยละกันเพราะเป็นวันสำคัญ หมายถึงวันสตรีสากลน่ะนะ ฮาา แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะจ๊ะนาย เรารักนายหรอกนะเลยฆ่านายไม่ลง(จริงๆ น้าาา)

    หม่าม้าบอกให้สาวๆ ดราม่า แต่เผลอเล่าในมุมมองของเลนทั้งเรื่อง กว่าจะรู้ก็แต่งไปหกหน้าแล้ว_  _* เลยกลายเป็นว่าหมอนี่มันดราม่าแทนเราซะงั้น แง้ ความจริงหนูก็ดราม่านะ มีฉากร้องไห้ตอนเลนตายฉากหนึ่ง นั่นแหล่ะดราม่า ฮาา //โดนตบ

    เห็นอะไรงงๆ ในฟิคก็ทำเป็นไม่เห็นไปซะเถอะนะคะ เพราะนี่มันพล็อตกลางเรื่อง ฟฟฟฟฟ

    คือตั้งใจจะเขียนให้เป็นแฮปปี้เบิร์ธเดย์อ่ะไม่ใช่แฮปปี้เดธเดย์ (-  w - ;) นี่คือสาเหตุที่ส่งช้าไงคะ! (แต่ตอนเขียนสุขสันต์วันเกิดก็เที่ยงคืนพอดีเลยนะ) เพราะงั้นจะมากดดันกับโทษหนูไม่ได้นะ! แต่ถ้าเรื่องที่ผิดหัวข้อนี่ตบตีหลังไมค์ได้เลยค่ะ เพราะเอาแต่ใจเปลี่ยนธีมเอาเอง แง้ ; w ; สำนึกผิดแล้ว ขอโต้ดค่ะ

    #จบเถอะ #ปล. เนลรักทุกคน #เดี๋ยว

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×