ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Buddy จับคู่หัวใจให้ตรงกัน

    ลำดับตอนที่ #12 : คำโกหก

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 57


    `★APPLE PIE.


     “นาย..จะหายใช่ไหมซัน?” เสียงใสเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบอย่างแผ่วเบา มือบางถูกยกขึ้นมาลูบกลุ่มผมสีดำขลับของอีกคนซึ่งกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วย

    เซนเพ่งมองใบหน้าของซัน แก้มของเขาตอบลงเล็กน้อยจากการบำบัดรักษา ริมฝีปากของซันซีดไร้เลือดฝาดจนน่ากลัว

     

    ตอนนี้ซันกำลังป่วยหนัก.. หนักมาเสียจนอดใจหายไม่ได้

     

    “อืม..” คนบนเตียงครางเมื่อรับรู้ถึงการมาของอีกฝ่าย ดวงตาสีสวยของอีกคนที่ตอนนี้หม่นลงนิดหน่อยค่อยๆเปิดขึ้นก่อนจะกลอกตาไปมาและยันตัวลุกขึ้นนั่ง

     

    “ขอโทษ.. ทำนายตื่นเหรอ?”

     

    “เปล่าหรอก.. ได้เวลาฉันจะตื่นแล้วต่างหาก..”

     

    “งั้นเหรอ..”

     

    “อืม..”

    โกหกน่ะ..

     

    “แล้วนายป่วยเป็นอะไรเหรอ”

     

    “มะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย ฉันคงอยู่ได้ไม่นาน..” ซันพูดพลางทำหน้าสลด ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆเมื่อเห็นเซนทำหน้าเชื่อแบบจริงจัง “โกหกน่ะ”

     

    “อะไรของนายเนี่ย?” เซนขมวดคิ้วมุ่นจนแทบจะผูกเป็นโบว์ นึกอยากลุกขึ้นไปตบคนเล่นสักหน่อย แต่ถ้าไม่ติดว่าเขาป่วยอยู่ล่ะก็นะ..

     

    “อันที่จริง..ฉันเป็นฮ่องกงฟุต”

     

    “อี๋..”

     

    “โกหกน่ะ” ซันพูดพลางทำหน้ายียวน

     

    “ตกลงเป็นอะไรกันแน่?”

     

    “ฉันป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย..”

     

    “อ๋อเหรอออ” เซนยิ้ม ก่อนจะทำหน้าแบบคนรู้ทัน “โกหกอีกล่ะสิ”

     

    “อืม..”

    พูดจริงน่ะ..

     

    เขาคิดในใจ ไม่มีทางที่จะยอมให้เซนรู้เด็ดขาดว่าตัวเองคอยสลับอาการป่วยของเธอมาตลอด ทุกครั้งที่เซนป่วยเป็นอะไร จะมากน้อยแค่ไหนก็ช่าง เขาจะคอยสลับอาการนั้นมาที่ตัวเองอย่างเงียบๆ ทำมานานหลายปีจนตอนนี้มันถึงขีดสุด.. ร่างกายของเขารับมันไม่ไหวและทรุดลงตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนหลังจากที่ยูและคูลเสียไป

    แล้วก็กลายสภาพเป็นคนป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลมาร่วมเดือนแบบนี้ไง..

     

    Rrrr

     

    หลังจากที่จะได้คิดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของเซนก็ดังขึ้น คาดว่าปลายสายคงจะเป็นเอวาริสต์ สามีเธอนั่นแหละที่คอยโทรมาเช็คทุกๆชั่วโมงว่าเธอจะอยู่ไหน ทำอะไร หรือว่าทานอะไรหรือยัง

     

    “นี่ ฉันกลับก่อนนะ เอวาริสต์โทรมาตามแล้วล่ะ”

     

    “อืม โชคดีนะ..”

     

    “เออๆ หายไวๆล่ะ” เธอพูดจบก็ยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าตามเดิมก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่ลืมอวยพรตามมารยาทก่อน

     

    “อืม..”

    ถ้าหายนะ..

     

    หลังจากที่เซนออกไปได้ไม่นาน นางพยาบาลและหมอก็เข้ามาตรวจอาการประจำวันของซัน ก่อนจะพูดนั่นพูดนี่น่ารำคาญแล้วพาไปทำกายภาพบำบัด เสร็จแล้วก็กลับมานอนเบื่ออยู่ในห้องเพื่อทำกิจวัตรประจำวันหรือก็คือจดบันทึกเรื่องราวต่างๆลงบนสมุดเล่มเล็กสีดำที่ได้จากใครสักคนในวันเกิดปีที่แล้ว

    เขาทำแบบนั้นตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมา ทำทุกวัน ทุกวัน และคิดว่าจะทำไปจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง..

     

     

     

     

    “แค่ก แค่กๆๆ..อึก..”

    ซันอาการทรุดลงอีกแล้ว วันนี้สภาพร่างสูงดูแย่กว่าเมื่อวานเสียอีก เขาไอไม่หยุดจนมีเลือดติดฝ่ามือที่ใช้ปิดปากออกมานิดหน่อย แต่เขาก็ยังนิ่งและยิ้มบางๆให้เซนเสมอ

     

    “นายไหวแน่นะซัน?”

     

    “อืม ไหวสิ.. แค่ก..”

    โกหกน่ะ..

     

    “นายต้องหายนะซัน ฉันไม่อยากให้นายเป็นแบบยูซังกับคูลซังนะ..” เสียงหวานของอีกคนเริ่มสั่นระริก ส่งผลให้ซันค่อยๆยกแขนที่เรี่ยวแรงแทบไม่มีขึ้นมาแล้วลูบหัวปลอบคนตรงหน้าเบาๆ

     

    “ก็อย่า..แค่ก.. อย่าแช่งสิยัยบ้า.. ฉันแค่ไม่สบายนิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็หาย”

    ขอโทษ โกหกอีกแล้วล่ะ..

     

    “อืม.. อ๊ะ ได้เวลาที่ฉันนัดกับม๊าอุ้มไว้แล้วอ่ะ ฉันไปนะ” เซนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป..

     

     

    ร้านอาหารใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง..

    เซนนัดกับอุ้มที่นี่ เพราะเรื่องอะไรไม่รู้คนตัวเล็กตรงหน้าถึงได้นัดเธอมาที่นี่ แต่ที่รู้ๆคือเซนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดแปลกๆเฉพาะโต๊ะของเธอกับอุ้ม

     

    “ม๊าคะ มีอะไรถึงได้นัดเซนมาที่นี่เหรอคะ?”

     

    “เปล่าหรอก ฉันแค่อยากคุยเรื่องซันน่ะจ้ะ”

     

    “ซัน? ทำไมเหรอคะ?”

     

    “ซันน่ะ.. ฉันแค่รู้สึกว่าอาการเหมือนคูล.. ก่อนจะไปเลยล่ะจ้ะ”

     

    “หา?” เซนนิ่งไปสักพักพลางครุ่นคิด สาเหตุที่คูลเสียก็เพราะ.. คอยสลับอาการเจ็บปวดของอุ้มมาที่ตัวเองจุดถึงขีดสุดที่ร่างกายจะรับไหวไม่ใช่เหรอ? “อย่าบอกนะคะว่า...”

     

    “อื้ม.. ซันน่ะ อาจจะสลับอาการแบบของฉันก็ได้นะ ดูสิ เขาทรุดลงทุกวันๆ แล้วเมื่อวันก่อนเซนจังเหมือนจะเป็นหวัดไม่ใช่เหรอจ๊ะ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

     

    “ก็ไม่เป็นอะไรแล้—….!!!!???” เซนสะดุดกับคำพูดตัวเอง นั่นสิ.. หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแวดหัวหรือคัดจมูกอย่างที่ควรจะเป็นเลย แต่ซันกลับมีอาการเสียอย่างนั้น

     

    “อะไรจ๊ะ?..”

     

    อย่าบอกนะว่า...

     

    “ม๊าคะ! ขอโทษนะคะ! เซนมีเรื่องที่ต้องไปคุยกับซัน!!

     

    จากนั้นเธอก็ลุกขึ้น หยิบกุญแจรถแล้วบึ่งไปที่โรงพยาบาลที่ซันรักษาตัวอยู่ทันที มือบางข้างหนึ่งกำพวงมาลัยแน่นส่วนอีกข้างถูกยกขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น น้ำใสๆที่มาจากไหนไม่รู้เริ่มรื้นขอบตาจนมองไม่เห็นภาพถนน

    ถ้าเป็นแบบนั้นซันก็... แต่ทำไมล่ะ?! ทำไมซันบอกว่าแค่ป่วยไม่ถึงขั้นต้องเป็นแบบคูล ซันบอกเองว่าจะหายแล้ว ซันบอกว่าจะอยู่กับเซนตลอดไปไม่ใช่เหรอ..

     

    เอี๊ยด!

     

    รถยนต์คันงามถูกจอดที่ริมถนนเงียบๆ เจ้าของรถอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถจะขับต่อได้อีก ใบหน้าหวานซบลงกับพวงมาลัยช้าๆก่อนที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งและหยิบโทรศัพท์กดโทรออกทันที

     

    ตู๊ดดด

     

    [“มีอะไร..”] น้ำเสียงแหบแห้งจากปลายสายทำให้เซนยิ่งน้ำตาไหล ก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยอารมณ์ทั้งโกรธแล้วก็เสียใจ

     

    “ซัน! ฉันรู้เรื่องแล้วนะ ฮึก.. ไหนนายบอกว่าจะไม่เป็นอะไรไง! นายบอกเองว่านายจะหาย! นายโกหก.. ฮึก คนบ้า! คนขี้โกหก”

     

    [“ขอโทษ..”]

     

    “มาขอโทษอะไรตอนนี้! คนบ้า! ฮึก..”

     

    [“เซน.. อย่าร้องไห้..”]

     

    “จะไม่ร้องได้ยังไงล่ะซัน นายน่ะ นายเป็นหนักขนาดนี้ แต่นายยังโกหกฉัน โกหกว่าไม่เป็นไร ทำไมนายทำแบบนั้นล่ะ ฮึก..!!

     

    [“ก็เพื่อเธอไง.. ฉันไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ ขอร้องล่ะ..หยุดร้องนะ เธอยังมีทุกคน ยังมีเอวาริสต์อยู่นะ..”]

     

    เซนนิ่งไป น้ำตาไหลไม่หยุด

    ก็ถูก.. เซนยังมีทุกคน ยังมีเอวาริสต์ แต่เธอจะอยู่ยังไงโดยปราศจากคนสำคัญอย่างซันล่ะ..

     

    “แต่ว่า..”

     

    [“เซน.. สัญญากับฉันนะ แค่ก.. ว่าจะไม่ร้องไห้..”]

     

    “ซัน..”

     

    [“แค่กๆ.. แค่ก.. เรียก.. ทำไม.. กลัวลืมชื่อเหรอ.. แค่ก.. แค่กๆๆ”]

     

    “ฮึก.. ซัน ถ้าไม่ไหวก็หยุดพูดเถอะ ฉันขอร้อง ฮึก.. หยุดพูด.. นายไอหนักแล้วนะ..”ยิ่งพูดน้ำตาก็พาลจะไหลหนักไปกว่าเก่า เซนพูดพร้อมกับนำมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากอีกครั้ง

     

    [“แค่ก.. ไม่เอาหรอก.. ฉันอยากได้ยินเสียงเ-...”]

     

    น้ำเสียงที่ขาดห้วงไปของอีกคนทำให้เซนใจหายวาบ ร่างบางร้องเรียกชื่ออีกคนซ้ำไปมาหลายครั้ง น้ำตาไหลออกมาเป็นสายไม่หยุด

    แต่ปลายสายก็ยังคงเงียบ.. เงียบจนน่ากลัว..

     

     

    ตุบ..

    โทรศัพท์เครื่องหรูหล่นจากมือหนาช้าๆหลังจากที่คนถือหมดลมหายใจ... เปลือกตาของซันปิดสนิทอย่างต้องการที่จะพักผ่อนไปตลอด

     

    ปัง!

    บานประตูห้องพักคนไข้ถูกเปิดออกโดยคู่สนทนาของเขาเมื่อสักครู่ ร่างบางที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำตาถลาเข้ามาหาร่างไร้วิญญาณของคนบนเตียง ก่อนจะเขย่าเบาๆเพื่อเป็นการปลุก

     

    “ซัน..”

     

    “...”

     

    “ซัน.. อย่าแกล้งนะ ตื่นขึ้นมาสิ..”

     

    “...”

     

    “ฮึก.. มะ.. มันไม่ตลกนะ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” เซนพูดพร้อมกับตบไปที่หน้าของซันแรงๆ แต่ผลก็คือร่างนั้นยังคงนิ่งและปิดเปลือกตาสนิทอยู่เช่นเดิม..

     

    “...”

     

    “ซั-...” น้ำเสียงของอีกคนขาดห้วงไปเมื่อมืออีกข้างที่กำสมุดซึ่งถูกคั่นด้วยปากกาค่อยๆหล่นลงข้างตัว เธอมองภาพตรงหน้าช้าๆก่อนจะเริ่มแน่ใจแล้วว่าซันหลับสบายแล้ว..

    หลับสบาย.. ไปตลอดกาล..

     

    “...”

     

    “ซัน ฮึก.. ทำไมไม่รอล่ะ คนใจร้าย” เซนโผเข้ากอดร่างนั้นไว้เหมือนในวันแต่งงานของเธอ แต่คงไม่มีอีกแล้วที่ลำแขนอบอุ่นนั้นจะยกขึ้นมากอดตอบแล้วลูบหลังเธอเบาๆเป็นการปลอบโยน ไม่มี..

     

    “ฮึก.. คนโกหก คนใจร้าย ไหนสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง ฮึก..”

     

    “ทำไมนายต้องเสียสละเพื่อฉันด้วย ฮึก..”

     

    “ฉันจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีนายล่ะ.. ฮือ..”

     

    จากนั้นเซนก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดไส้หมดพุง อ้อมแขนบางยังคงกอดร่างไร้วิญญาณที่เริ่มตัวเย็นชืดเอาไว้ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุดจนกระทั่งพยาบาลเข้ามาเจอและเข้ามาปลอบโยนเซนจนเธอพอจะหยุดร้องไห้ได้ ก่อนจะตามบุรุษพยาบาลให้มาจัดการกับร่างของซัน..

    .

    .

    .

    .

    หน้าหลุมศพซัน

    เซนในชุดเดรสสีดำไว้อาลัยเดินมาพร้อมช่อดอกไม้และสมุดในมือ เธอนั่งลงตรงหน้าหลุมศพช้าๆก่อนจะวางออกไม้ไว้ข้างตัว มือบางหยิบสมุดเล่มเล็กสีดำที่ได้รับจากพยาบาลขึ้นมาพลิกหน้ากระดาษช้าๆ นิ้วเรียวค่อยๆไล้ไปตามตัวอักษรที่เป็นลายมือของคนที่จากไป ก่อนจะอ่านเนื้อหานั่นช้าๆ

    .

    .

    อาการเริ่มไม่ไหวแล้ว.. แต่ฉันก็โกหกเธอว่าไม่เป็นไร..

    ขอโทษนะ.. ที่ฉันโกหกเธอ

    .

    .

    วันนี้เธอถามฉันว่าเมื่อไหร่จะหาย? ฉันก็เลยตอบกลับไปว่าเดี๋ยวก็หาย

    ขอโทษนะ.. ที่ฉันโกหกเธอ

    .

    .

    เธอขอให้ฉันสัญญาว่าจะต้องหายและอยู่ด้วยกัน ฉันก็เลยสัญญาไป

    ขอโทษนะ.. ที่ฉันโกหกเธอ

    .

    .

    วันนี้เธอรู้ความจริงเสียแล้ว ว่าฉันไม่มีทางจะหาย

    ขอโทษนะ.. ที่ฉันโกหกเธอ

    .

    .

    แต่เรื่องเดียวที่ฉันไม่ได้โกหกก็คือ...

     

    น้ำตาหยดหนึ่งหยดแหมะลงบนหน้ากระดาษ ข้อความสุดท้ายเขาเขียนยังไม่ทันเสร็จด้วยซ้ำ มันถูกขีดเป็นทางยาวเพราะเจ้าของบันทึกหมดลมและฟุบไปเสียก่อน

     

    “โกหกได้ทุกเรื่อง พอความจริงก็เขียนไม่จบอีกนะ.. คนบ้า..” เซนยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาช้าๆก่อนจะปิดสมุดบันทึกและหยิบช่อดอกไม้ที่เคยวางข้างตัวไปวางตรงหน้าหลุมศพหินอ่อนแทน

     

    “แต่ยังไงก็.. หลับให้สบายนะ..”

     

    ...แต่เรื่องเดียวที่ฉันไม่ได้โกหกก็คือ ฉันรักเธอ...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×