คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่สาม : ค่ำคืนที่ดี..? [ุ100%]
วาเดินตามอาคาชิ และมุราซากิบาระที่เดินนำหน้ามา เด็กสาวผมดำหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูก ..ก็แหงล่ะ จะไปทำตัวถูกได้ยังไงล่ะ พวกเขาที่อยู่ตรงนี้เป็นปีศาจเชียวนะ..!! วาถอนหายใจออกมาอย่างเคร่งเครียด พอเหลือบสายตาไปมองทางด้านหลัง เพื่อนของเธอ เฟลทที่ยังหลับไม่ได้สติกูถูกคิเสะอุ้มเดินตามมา พร้อมๆ กับคุโรโกะและทาคาโอะ ส่วนมิโดริมะและอาโอมิเนะนั้นดูเหมือนจะไม่พอใจที่พวกเธอได้ ‘อยู่ต่อ’ จึงรุดกลับห้องของตนไปแล้ว
ในตอนนี้วารู้สึกมันหัวเป็นอย่างมาก ถึงสมองเธอจะค่อนข้างประมวลผลช้า แต่ตอนนี้มันกลับประมวลออกมาเป็นประโยคเดียวว่า ‘นี่มันเรื่องจริงเรอะ!’ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น นอกจากเรื่องที่ทำให้ตกใจเกี่ยวกับเหล่านักบาสใน KNB ที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว ยังมีเรื่องภาษาที่เธอสามารถสื่อสารและฟังได้คล่องราวกับมันเป็นภาษาบ้านเกิด ทั้งๆ ที่เรื่องภาษานี่เธอห่วยกว่าเฟลทเสียอีก
“อืม...ถึงตรงนี้เธอคงต้องแยกกับเพื่อนแล้วล่ะ” อาคาชิหยุดเดินตรงทางแยกสองทางภายในบ้านกว้างๆ แล้วหันมาพูดกับวาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“อ เอ๊ะ แยก..ทำไม...เอ่อ ต้องแยกกันล่ะคะ?” วาถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ปัญหาห้องไม่พอน่ะ บ้านหลังนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง หนึ่งคือทิศตะวันออกนั้นถูกเรียกว่าฝั่ง สึจิ อีกฝั่งด้านตะวันตกคือฝั่ง ฮิกังบานะ เพื่อนของเธอจะถูกแยกไปอยู่ฝั่งฮิกังบานะ และเธอจะอยู่ฝั่งสึจิ ส่วนเรื่องห้องที่ไม่พอก็เป็นเพราะ ‘สมาชิก’ ในบ้านหลังนี้ค่อนข้างเยอะ ฉันเลยตัดสินใจว่าจะให้พวกเธอเวียนไปพักห้องของพวกเราแต่ละคนไปก่อน จนกว่าจะหาห้องว่างได้” อาคาชิกล่าวด้วยรอยยิ้มสุภาพ ส่วนวาอ้าปากเหวอ
‘น นี่หมายความว่าฉันกับเฟลทต้องไปวนนอนห้องใครก็ไม่รู้ไปเรื่อยๆ เรอะ!?’ เด็กสาวผมดำประบ่าคิดในใจอย่างตื่นตะลึง
ไอ้ครั้นจะให้เธอไปต่อรองหรือเถียงอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะพวกเขาเป็นปีศาจ พวกเธอเป็นมนุษย์ แค่พวกเขาปล่อยให้เธอมีชีวิตต่อนั่นก็ดีมากมายแล้ว ขืนเรื่องมาก เดี๋ยวโดน ‘กำจัด’ สองคนพร้อมกันก็ซวยสิ!
“ค ค่ะ...เข้าใจแล้วค่ะ” วาก้มหน้าลงแล้วตอบเสียงสั่น “ต แต่...คุณจะช่วยรับรองความปลอดภัยให้ฉันกับเฟลทได้ใช่มั้ยคะ...” เด็กสาวรวบรวมความกล้าถามออกไป ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ละเลยไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“อืม...ฉันรับรอง” อาคาชิพยักหน้ายืนยันคำพูดของตน ก่อนจะหันไปหาคิเสะและคุโรโกะ “เรียวตะ เท็ตสึยะ คืนนี้ให้เธอคนนั้นนอนที่ห้องพวกนายในฝั่งฮิกังบานะ คนใดคนหนึ่งแล้วกัน” อาคาชิสั่งการด้วยท่าทีราวกับผู้นำ ซึ่งคิเสะก็พยักหน้ารับ คุโรโกะก็ตอบรับในลำคอเบาๆ
“แล้วช็อคโกแลตนี่จะพักห้องใครในฝั่งสึจิล่ะอาคาชิ? ถ้าตัดสินใจไม่ได้ ให้เธอพักห้องฉันก็ได้นา” มุราซากิบาระหันมาเอามือโยกหัววาเบาๆ แต่สามารถทำให้หัวของเด็กสาวผมดำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง (?)
“ห้องฉันเอง” อาคาชิยิ้มให้มุราซากิบาระแล้วตอบ เล่นเอาวาถึงกับเบิกตาโพล่งมองคนที่เธอต้องไปพัก ‘ห้องเดียวกัน’ ในค่ำคืนนี้อย่างตกใจ
‘ถามความสมัครใจฉันด้วยสิคะ โอเรชิซามะ!!T[]T’ โวยวายในใจเพราะไม่กล้าปริปากคัดค้าน
“งั้นๆ จิบินอนห้องฉันน้า! น้าๆๆๆๆ” คิเสะที่นิสัยเหมือนสุนัขพันธุ์โกลเด้นตรงข้ามกับเผ่าพันธุ์ที่เป็นปีศาจแมวสองหาง (เนโกะมาตะ) ก็ระริกระรี้เสนอตัว
“ถ้านอนห้องคิเสะคุง ผมว่าเธอคงไม่รอดถึงพรุ่งนี้หรอกครับ เพราะงั้นนอนห้องผมจะดีกว่า เห็นด้วยใช่มั้ยครับอาคาชิคุง?” คุโรโกะผู้เป็นภูติหิมะ เอ่ยขัดคอ ถึงแม้วาจะสงสัยนิดหน่อยว่าภูติหิมะนี่เขามีแต่ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? แล้วน้องครกนี่...เป็นได้ยังไงล่ะเนี่ย? (แต่ถึงจะสงสัยยังไงเด็กสาวก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม)
“นั่นสินะ นอนห้องเท็ตสึยะจะเหมาะสมกว่า” อาคาชิพยักหน้าเห็นด้วย ทำเอาคิเสะทำหน้าเป็นหมาหงอยทันที
‘น น่ารักดีแหะ’ วาคิดในใจ
“จ ใจร้ายจัง ฉันไม่คิดจะทำอะไรจิบิหรอกน่า” คิเสะบ่นอุบอิบ แล้วก้มลงมองร่างบางที่ยังคงสลบอยู่ในอ้อมแขน “อย่างมากอาจจะลักหลับนิดหน่อยเอง เอ๊ะ นี่ฉันพูดความคิดตัวเองออกไปหรอ!?”
“ป่าเถื่อนมากครับ คิเสะคุง” ชายหนุ่มผมฟ้าปรายตามองเจ้าโกลเด้นขนทองด้วยสายตาเย็นเหยียบ เหมือนพร้อมจะแช่แข็งร่างใครก็ได้ทุกเมื่อ
“ถ้าอย่างนั้นตกลงคุยกันเสร็จแล้วใช่มั้ย ฉันจะกลับห้องล่ะ ฮ้าววววว” มุราซากิบาระที่นิ่งเงียบมานานกล่าวขึ้นพร้อมหาวหวอดออกมาระลอกใหญ่
“เสร็จแล้วล่ะ นายไปพักผ่อนได้เลย อัตสึชิ” ชายหนุ่มผมแดงพยักหน้าอนุญาติให้ยักษ์โอนิร่างใหญ่กลับห้องพักของตนได้ ซึ่งมุราซากิบาระพอได้รับอนุญาตก็ไม่รีรอจะออกเดินกลับห้องพักของตน โดยมิวายหันมาโยกหัววาเล่นอีกหนึ่งครั้ง แล้วบอกราตรีสวัสดิ์ ก่อนที่ร่างใหญ่ผมสีม่วงจะเดินลับไปทางห้องฝั่งสึจิทันที
วาที่ถูกเล่นหัวแบบไม่ทันตั้งตัว ก็มึนๆ อยู่เล็กน้อย ก่อนจะจับที่หัวด้วยมือทั้งสองข้างของตน นัยน์ตาสีเฮเซลของเด็กสาวมองตามร่างใหญ่นั้นไปอย่างงงๆ ไม่น้อย
‘อะไรของตาไททันสองเมตรนั่นกันล่ะเนี่ย’ เด็กสาวผมดำบ่นอุบอิบในใจ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับอาคาชิคุง แล้วก็..เธอชื่ออะไรเหรอครับ?” คุโรโกะหันมาหาวาแล้วถามอย่างสุภาพ
“ว วา...เอ่อ วาเลนไทน์น่ะค่ะ” ซึ่งวาก็ตอบไปอย่างเก้ๆ กังๆ
“วา..เลนไตน์? เอ่อ เรียกยากจัง...” คิเสะผสมโรงสะกดชื่อของเด็กสาวผมดำด้วยสีหน้ามุ่ยๆ อย่างไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“งั้นเรียกว่าไอแล้วกัน..” อาคาชิที่เงียบอยู่ จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา “วาเลนไทน์คือวันแห่งความรักของพวกมนุษย์ใช่มั้ย...ถ้าอย่างนั้นชื่อเธอเรียกว่าไอน่าจะง่ายกว่านะ” ชายหนุ่มผมแดงหันมายิ้มละมุนให้เด็กสาว เล่นเอาวารีบก้มหน้าก้มตาหลบสายตานั้นเพราะไม่อยากให้เขาเห็นสีแดงฝาดบนแก้มของเธอ
“ค ค่ะ...ไอ ก็ได้ค่ะ” วายอมรับชื่อของตนง่ายๆ จริงๆ ชื่อว่าไอก็เพราะดีนะเนี่ย..(. .)////
“งั้นก็ผมขอตัวก่อนนะครับ ไอซัง” คุโรโกะยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะขอตัวเดินกลับห้องพักของตนที่อยู่ฝั่งฮิกังบานะเช่นเดียวกันกับคิเสะที่อุ้มร่างเพื่อนของเธอเดินตามไป
วาชะเง้อคอมองเพื่อนของตนที่ลับตาไปอย่างสุดความสามารถ ในใจก็รู้สึกหน่วงๆ ที่ต้องแยกกับเพื่อนในสถานการณ์น่าลำบาก (?) แบบนี้
“ถ้าอย่างนั้น..พวกเรากลับห้องกันเลยมั้ย ไอ” อาคาชิละสายตาจากพวกคิเสะ แล้วหันมาถามเด็กสาวผมดำ
วาสะดุ้งนิดหน่อยที่ถูกถามกะทันหันอย่างนั้น รวมถึงเสียงทุ้มที่เรียกเธอว่า ‘ไอ’ นั่นด้วย เธอคิดว่าคงต้องชินกับชื่อใหม่ของตัวเองให้ด่วนที่สุด ไม่งั้นเวลาใครเรียกเดี๋ยวพาลจะไม่รู้เรื่องเอา
...แต่พอกลับไปคิดทบทวนกับประโยคที่อาคาชิเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี๊อีกที เรื่องที่ต้องทำใจ (?) ไม่ได้มีแค่เรื่องชื่อเท่านั้น แต่เป็น...
‘พวกเรากลับห้องกันเลยมั้ย’ ไอ้นี่ต่างหาก!
เด็กสาวผมดำประบ่ารู้สึกอยากเอาหัวโขกเสาตายให้รู้แล้วรู้รอด มัวแต่เป็นห่วงเฟลทเพื่อนรัก จนลืมห่วงตัวเองไปเลยว่าคืนนี้ต้องนอนร่วมห้องกับอาคาชิ เซย์จูโร่คนนั้นอ่ะ!
‘พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยยย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยนอนห้องเดียวกับผู้ชายสองต่อสองเลยนะ! ขนาดกับพ่อก็ยังไม่เคยเลยT[]T!!!’
“หืม...เป็นอะไรเหรอ” อาคาชิถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวผมดำข้างๆ กายนิ่งเงียบไปนาน
“อ เอ่อ เอ๊ะ อ่า..ม ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ฉ ฉันสบายดีมากค่ะ!” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สะกดกลั้นความสั่นไว้ไม่มิดเลยสักนิดเดียว
“งั้นเหรอ...งั้นก็ตอนนี้ดึกมากแล้ว ฉันคิดว่ามนุษย์อย่างเธอน่าจะต้องพักผ่อนนะ” ชายนหุ่มผมแดงคลี่รอยยิ้มอบอุ่นเช่นเคย แล้วเอ่ยอย่างเอาใจใส่
“อ เอ๊ะ คะ ค่ะ ...เอ่อ...เข้าใจแล้วค่ะ ข ขอบคุณ..ค่ะ” ในหัวของเด็กสาวผมดำตอนนี้รู้สึกมีหลายอย่างตีรวนมากเกินไปราวกับเครื่องปั่นน้ำผลไม้เลยทีเดียว จึงได้แต่เดินตามร่างสูงที่เดินนำหน้าไปอย่างมึนๆ เหมือนคนไร้วิญญาณก็ไม่ปาน
'จ จะดีจริงอ่ะ นอนห้องเดียวกับอาคาชิคนนั้นเนี่ยนะ แถมยังไม่ใช่เวอร์ชั่นปกติหรือเวอร์ชั่นโบคุชิ แต่นี่อาคาชิเวอร์ชั่นจิ้งจอกเก้าหางเลยนะ!’
“ถึงแล้วล่ะ” อาคาชิเลื่อนประตูโชวจิที่มีลวดลายใบเมเปิ้ลสีแดงออกเบาๆ วามองในห้องกว้างๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบๆ มีขนาดเล็กกว่าห้องนั่งเล่นที่เธอไปมาก่อนหน้านี้แค่เล็กน้อย ทั้งห้องถูกปูด้วยเสื่อทาทามิสีเข้มเหมือนสีไม้แก่ กลางห้องคือฟูกนอนที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย อีกมุมหนึ่งคือมุมซ้ายที่ติดหน้าต่างทรงกลมพอมองออกไปก็จะเห็นสวนหย่อมเล็กๆ มีโต๊ะเตี้ยที่มีแจกันดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกสึจิและดอกฮิกังบานะ กับกระดาษม้วนยาวๆ พู่กัน หมึกและเบาะนั่งจัดวางอยู่ ตะเกียงขนาดกลางถูกตั้งไว้ข้างๆ เสาใกล้กับฟูกนอน และพอมองไปทางด้านขวาก็เห็นชั้นหนังสือไม้สีน้ำตาลเรียบๆ ที่มีม้วนหนังสือแบบเก่าๆ ที่เห็นได้ในหนังย้อนยุค ข้างๆ กันคือตู้ขนาดไม่ใหญ่มากสองตู้ไม้สำหรับเก็บของและเสื้อผ้า
วามองอย่างสงสัยเล็กน้อย เพราะห้องนี้ไม่ใช่ห้องเดียวกันกับห้องที่เธอเจออาคาชิครั้งแรก
“ห้องที่ฉันพาเธอไปพักก่อนหน้านี้เป็นห้องที่ฉันไว้นั่งเล่นโชงิกับนั่งพักผ่อนส่วนตัวน่ะ” อาคาชิหันมาพูดเหมือนจะอ่านความคิดของเด็กสาวออก
“อ อ๋อ ค่ะ” เด็กสาวผมดำรับคำอย่างมึนๆ เพิ่งรู้ว่าจิ้งจอกเก้าหางมีสกิล (?) อ่านใจได้ด้วย
“อืม...เธอจะเปลี่ยนชุดมั้ย? อยากอาบน้ำหรือเปล่า?” อาคาชิมองมายังวาที่ใส่ชุดยูคาตะสำหรับนอนสีขาวอยู่
“เอ๊ะ เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คือ..ฉ ฉัน เอ่อ ไม่กล้า ป ป ไป...เอ่อ” วาตอบออกไปอย่างไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก รู้สึกหงุดหงิดตัวเองชอบกลที่ไม่สามารถพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปได้ แถมเสียงยังตะกุกตะกักขาดๆ หายๆ เหมือนคนติดอ่างอีกด้วย!
‘โถ่เอ๊ย ยัยวาบ้า! พูดไปสิว่ากลัวที่จะต้องไปอาบน้ำเพราะอาจจะเจอปีศาจตนอื่นน่ะ!’ เด็กสาวผมดำขยุ้มผมตัวเองในมโนความคิด
“งั้นเหรอ เข้าใจล่ะ เธอยังไม่คุ้นชินสินะ...” ชายหนุ่มผมแดงพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ เล่นเอาวารู้สึกตื้นตันขึ้นมาในอก เขาใจดีกว่าที่เห็นในอนิเมะเสียอีก! “ถ้าอย่างนั้นฉันให้ภูติรับใช้ปูฟูกไว้ให้แล้ว เธอจะพักผ่อนเลยก็ได้นะ” อาคาชิชี้นิ้วไปทางฟูกที่ปูไว้เรียบร้อย
“ค ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” วาโค้งตัวขอบคุณตามมารยาทในแบบญี่ปุ่น พอเธอกำลังจะเดินไปไปยังฟูกเพื่อพักผ่อนตามอาคาชิบอก สายตาก็มองตามแผ่นหลังของร่างสูงที่ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง
“อ เอ่อ” เด็กสาวผมดำประบ่าส่งเสียงเรียกเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจ อาคาชิหันกลับมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นราวกับจะถามว่า ‘มีอะไรหรือเปล่า’ ทำเอาวาอยากเขกหัวตัวเองแรงๆ นี่ตัวเธอจะไปเรียกเขาเอาไว้ทำซากอะไรเนี่ยยยย! “ฉ ฉันแค่สงสัย..ว ว่าอาคาชิซัง อ เอ่อ จะออกไปข้างนอกเหรอคะ..” เพราะไหนๆ ก็เอ่ยปากเรียกแล้ว เธอจึงกลั้นใจพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาจนจบประโยค
มุมปากของชายหนุ่มผมแดงกดรอยยิ้มเอ็นดูออกมา โดยที่เด็กสาวไม่ทันได้เห็นเพราะมัวก้มหน้าอยู่ ก่อนที่ร่างสูงจะหันหลังกลับเดินตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กสาวผมดำประบ่าในระยะประชิด
‘เอ๊ะ เอ๊ะ!? เดี๋ยวๆๆๆ นี่มันใกล้ไปมั้ย!?’ วาคิดในใจอย่างตื่นๆ แล้วเตรียมจะก้าวถอยหลังเพื่อนเว้นระยะ
หมับ ฟึบ
แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกอาคาชิดึงเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม หนำซ้ำแขนแกร่งยังโอบเอวเธอเอาไว้เพื่อกันเธอถอยหนีอีกต่างหาก!
‘อ..เอ้ยยยยยย! นี่มันอะไรกัน สถานการณ์แบบนี้เนี่ย!!’ วาหน้าแดงราวกับผลมะเขือเทศ พอเงยหน้าขึ้นมองคนที่โอบกอดเธอหลวมๆ อยู่ ก็เห็นว่าบนใบหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์สมกับเผ่าพันธุ์ปรากฏอยู่
‘ก แกล้งฉันอยู่สินะ! โอเรชิซามะต้องแกล้งฉันอยู่แน่ๆ เลย! T[]T’
“สั่นเชียวนะ กลัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอ...” มือหนาเลื่อนจากเอวของเด็กสาวช้าๆ แล้วเปลี่ยนมาสัมผัสที่ใบหน้าด้านข้างของเธออย่างแผ่วเบา “ทั้งๆ ที่ฉันก็เป็นคนช่วยเธอไว้นะ” นัยน์ตาสีแดงของอาคาชิมีประกายบางอย่างที่วาตีความไม่ออก
“อ เอ่อ..อ อา อาคาชิซัง ค คือ ก กำลัง ท ทำอะไร น น่ะคะ” วาไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเองกำลังสั่น สั่นมันหมดทั่งร่างสั่นจากหัวใจยันกล่องเสียงเลยด้วย! และตอนนี้เริ่มมีหยาดน้ำตาเม็ดเล็กเริ่มคลอหน่วงที่นัยน์ตาสีน้ำตาลเฮเซลของวาเรียบร้อย...
อาคาชิที่มองใบหน้าหวานซึ่งกำลังน้ำตาคลอเหน่วง ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆ ฉายแววพึงพอใจ
“เพราะเธอกลัวขนาดนี้ไง ฉันถึงจะไปนอนห้องโชงิก่อนชั่วคราว” อาคาชิค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก แล้วเปลี่ยนมาลูบเรือนผมสำดำเบาๆ อย่างปลอบโยน “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก บอกแล้วไง เธอจะปลอดภัย” รอยยิ้มของอาคาชิเต็มไปด้วยความอ่อนโยน จนทำให้จิตใจของวารู้สึกสงบมากขึ้น
“ค่ะ...ข ขอบคุณนะคะ” วาพูดขอบคุณอีกครั้ง แล้วปาดน้ำตาออกด้วยมือทั้งสองข้าง
“งั้นฉันไปนะ” อาคาชิผละตัวออกจากร่างบาง เตรียมจะเดินออกจากห้องอีกครั้ง...แต่ก็ต้องชะงักมือรู้สึกถึงแรงดึงเบาๆ ที่ยูคาตะของตน “มีอะไรอีกรึเปล่า” น้ำเสียงทุ้มนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความโกรธหรือรำคาญ แต่มันกลับเต็มไปด้วยความเป้นห่วง
“ฉ...ฉันแค่อยากขอบคุณอีกครั้งค่ะ ขอบคุณมาก..ที่ช่วยทั้งฉันและเพื่อนของฉันเอาไว้” วาพูดรัวๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยมือออกจากยูคาตะของอาคาชิ ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มที่แสดงถึงความขอบคุณ นี่เหมือนเป็นครั้งแรกของวันนี้เลยที่เธอยิ้มออกมาจากใจจริงๆ
“ไม่เป็นไร เอาล่ะ คราวนี้เธอก็พักผ่อนได้แล้วนะ” อาคาชิพูดตอบรับคำขอบคุณ
“ค ค่ะ...” วาตอบรับอย่างไม่มั่นใจเหมือนเคย แต่คราวนี้...เธอไม่มั่นใจว่าจะหลับได้รึเปล่านี่สิ
“งั้นฉันไปล่ะ...มีอะไรก็ตะโกนเรียกได้ ฉันอยู่อีกสามห้องถัดไปนี้เอง” พูดจบร่างสูงก็ยิ้มให้เธออีกหนึ่งครั้ง “ราตรีสวัสดิ์ ไอ”
...
[Valentine / Ai talk]
ฉันล้มตัวลงนอนบนฟูกนุ่มๆ หลังจากที่อาคาชิซังออกไปได้สักพักแล้ว...ตะเกียงใกล้ฟูกก็ไม่ได้คิดจะดับ...เพราะฉันนอนในความมืดสนิทไม่ค่อยหลับ พอคิดไปถึงเรื่องที่มากมายจนน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นในวันนี้ แทนที่จะเศร้ามากกว่า แต่ฉันกลับมีรอยยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาดใจ...
เฟลทจะเป็นยังไงบ้างนะ..? เธอคงจะนอนห้องเดียวกับคุโรโกะคนนั้นสินะ งั้นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง...
ฉันเอื้อมมือไปจับศีรษะของตนเบาๆ แล้วเผยรอยยิ้มบางๆ รู้สึกตื้นตันในอก..สัมผัสอันแสนอบอุ่นบนเส้นผมนั้นยังคงมีอยู่จางๆ
นานแล้วสินะ...ที่ไม่มีใครมาลูบหัวเราอย่างอ่อนโยนแบบนั้น...
ฉันคิดในใจอย่างมีความสุข...ก็นะ อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องดีๆ นี่นา...
พอรู้สึกตัวอีกทีนัยน์ตาฉันก็ค่อยๆ ปิดลงซะแล้ว...ง่วงจัง...นอนดีกว่าแฮะเราวันนี้ก็มีเรื่องมาเกือบทั้งวัน...
แล้วพรุ่งนี้...ฉันจะเจอกับเรื่องวุ่นวายอะไรรึเปล่านะ?
[End Valentine / Ai talk]
เด็กสาวเรือนผมสีเขียวอความัดทวินเทลค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอย่างมึนงง นัยน์ตากลมโตที่ควรเป็นสีเขียวอควาบัดนี้กลับเป็นสีน้ำตาลเข้มซึ่งเป็นสีดั้งเดิมมองเพดานไม้ที่มีประกายสีฟ้าอ่อนๆ เหมือนประกายจากเกล็ดน้ำแข็ง พลันร่างบางก็รู้สึกตัวว่าอากาศรอบๆ มันหนาวผิดปกติจนเธอต้องหยิบผ้านวมที่ห่มปิดเพียงช่วงอกลงไปขึ้นมาปิดจนถึงริมฝีปากล่าง
เฟลทหรี่ตามองสภาพรอบๆ ขณะที่ยังนอนอยู่เพราะไม่อาจฝืนลุกขึ้นทั้งๆ ที่ปวดหัวขนาดนี้ได้
“ตื่นแล้วสินะครับ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นข้างกาย พอหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มผู้มีใบหน้าน่ารักคุ้นตา เรือนผมสีฟ้าอ่อนเป็นเอกลักษณ์ กำลังนั่งไล่สายตาอ่านหนังสือเล่มเล็กในมือไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบมองเธอ แต่คำพูดของเขานั้นก็บ่งบอกได้ว่าเขากำลังหมายถึงเธอแน่นอน
“น นาย ค คุโรโกะ...” เฟลทพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แวบแรกก็ตกใจที่เห็นชายหนุ่มผมฟ้า แต่พอตั้งสติไม่นานก็นึกได้ว่า เธอหลงมาที่นี่กับวา เจอเหล่าคนที่หน้าตาเหมือนตัวละครในอนิเมะเรื่อง KNB และที่สำคัญที่สุด...พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่ไม่ใช่มนุษย์
พอคิดมาถึงตรงนี้เฟลทก็อดกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอเสียไม่ได้ ถ้าจะถามว่าเธอกลัวมั้ย ก็มีหวาดๆ บ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่คงเป็นตกใจและทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า ที่เธอเป็นลมอาจเป็นเพราะเรื่องราวมากมายที่สมองเธอต้องรับในวันนี้ก็ได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ คงเป็นวา เพื่อนเอ๋อสุดซื่อของเธอนั่นแหละ
‘เอ๊ะ ว่าแต่...แล้ววาล่ะ!?’ เด็กสาวผมเขียวอความารีนคิดอย่างตื่นตระหนก
“ไอซังไปพักที่ห้องของอาคาชิคุงครับ” คุโรโกะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ก็พูดขึ้นเหมือนอ่านใจเฟลทออก พอเด็กสาวมองอย่างสงสัยชายหนุ่มผมฟ้าก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มบางๆ ให้ “ผมก็แค่อ่านสีหน้าเธอออกน่ะครับ”
‘แล้วนายเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันตอนไหน?’ เฟลทคิดในใจอย่างขุ่นมัว เพราะรู้สึกว่าวันนี้เธอจะโดนอ่านสีหน้าออกบ่อยเหลือเกิน
“เอ๊ะ เอ่อ แล้วไอเป็นใครน่ะ?” เฟลทยันตัวขึ้นนั่งแล้วขมวดคิ้วถาม
“หืม...ชื่อใหม่ของเพื่อนเธอน่ะครับ เพราะชื่อเดิม เอ...วาเลนไตน์ มันค่อนข้างออกเสียงยาก อาคาชิคุงเลยให้เรียกเพื่อเธอว่าไอแทน” คุโรโกะอธิบายแล้วค่อยๆ ปิดหนังสือเล่มเล็กในมือลง “แล้วเธอ...ชื่ออะไรเหรอครับ?” นัยน์ตาสีน้ำเงินสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเฟลท
“เอ่อ เฟลท...ฉันชื่อเฟลท” คนถูกถามชื่อตอบขณะคิดเรื่องที่จู่ๆ เพื่อนสนิทก็ดันมีชื่อใหม่กะทันหัน
“เฟล..โทะ?” คุโรโกะออกเสียงในลำคออย่างไม่มั่นใจ “เรียกยากเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มผมฟ้ายิ้มอ่อนๆ อย่างลำบากใจ
“งั้นเรียกฉันเฟโตะก็ได้ค่ะ..ออกเสียงคล้ายๆ กัน” เฟลทคิดชื่อใหม่ของตนทันที พร้อมพยักหน้ายืนยันกับตัวเองว่าตอนอยู่ที่นี่จะใช้ชื่อ ‘เฟโตะ’ นี่แหละ
“ครับ เฟโตะซัง” คุโรโกะรับคำ แล้วยิ้มจางๆ จนถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็มองไม่เห็น รอยยิ้มนั้นเรียกสีแดงซ่านให้ปรากฏบนใบหน้าหวานๆ ของเฟลทได้เป็นอย่างดี
ก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคุยกับผู้ชายมาก่อน แถมแฟนก็เคยมีมาแล้ว พี่สาวก็มักพูดถึงพวกดาราชายให้ฟังบ่อยๆ แต่ในเหตุกาณ์ทั้งหมดนั้น สิ่งสำคัญที่ทำให้เธอเขินคือ...เธอนั่งอยู่ในห้องนอนกับผู้ชายสองต่อสองเลยนะ! ไอ้การอายหรือประหม่าน่ะเป็นอาการปกติอยู่แล้ว ถึงสัญชาตญาณเธอจะบอกว่าอย่างคุโรโกะ เท็ตสึยะ น่ะไม่มีทางทำอะไรไม่ดีไม่งามอย่างแน่นอนก็เถอะ
“อ..เอ่อ..น นาย..” ให้ตาย...มันชวนกระอักกระอ่วนจนเธอไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ววุ้ย!
“..ครับ?” คุโรโกะพูดเสียงสงสัย เหมือนจะรอให้เธอพูดให้จบประโยค
“น นาย...คุโรโกะซัง..สินะ..?” เด็กสาวตัดสินใจพูดเรื่องที่คิดได้เป็นอันดับแรก...ถามชื่อ!!
“ครับ คุโรโกะ เท็ตสึยะ เป็นชื่อของผม...เรียกผมว่าคุโรโกะเฉยๆ ก็ได้นะครับ ไม่ต้องมีซังหรอก” ชายหนุ่มผมฟ้ายิ้มบางๆ
“อ..อือ คุโรโกะ..” เฟลทก้มหน้าพึมพำชื่อีกฝ่ายแผ่วเบา
“งั้น...จะนอนเลยมั้ยครับ” คุโรโกะถามแล้วชี้ไปที่ฟูกนอน ซึ่งเฟลทยังคงนั่งอยู่บนนั้น
“เอ๊ะ...อ่า...เอ่อ นอน...” เฟลทรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ต้องกลายเป็นพวกตะกุกตะกักเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้ แต่...เธอก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะดึงสติกลับมาตอนนี้ได้เลย..
“ครับ....งั้นก็นอนกันเถอะ” ไม่ทันตั้งตัว...คุโรโกะซุกร่างเข้ามาที่ผ้านวมผืนหนาผืนเดียวกันกับเฟลท โดยมิวายดึงร่างบางลงมากอดไว้ราวกับตุ๊กตาหรือหมอนข้าง
‘เอ๊ะ....เฮ้ยยยย!!!!’ เด็กสาวผมเขียวอความารีนกรีดร้องในใจ เมื่อร่างกายถูกแขนขาวที่เย็นเฉียบเหมือนผ้าชุบน้ำ แต่ถึงจะเย็น...ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกหนาวเกินไป
ไม่สิๆ เรื่องสำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงน้านนนนนน! ปัญหาระดับทวีของเธอในตอนนี้คือ เธอ-โดน-ผู้ชาย-กอด!!! เธอโดนผู้ชายกอดอย่างแนบแน่นอยู่เนี่ยยยยย!!=[]=
เฟลทเตรียมจะอ้าปากด่าพ่อหนุ่มจืดจางที่ถือวิสาสะกอดเธอ แต่พอหันไปเจอเข้ากับใบหน้าน่ารักเกินชายที่กำลังหลับตาพริ้ม หายใจเข้าออกเป็นจังหวะ..และซุกใบหน้าไว้ที่เรือนผมของเธอราวกับเด็กเล็กแล้ว คำด่าทั้งหมดก็ถูกเก็บลงลำคออย่างรวดเร็ว...
เด็กสาวผมเขียวอความารีนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเรือนผมสีฟ้ากระจ่างนั่นเบาๆ หนึ่งครั้งเหมือนคุณแม่..
คุโรโกะกระชับกอดร่างบางแน่นขึ้นไปอีกนิด...ริมฝีปากบางเฉียบของชายหนุ่มขยับรอยยิ้มดีใจ
‘ใจอ่อนจนได้ เราเนี่ย....’ เฟลทคิดในใจ พลางทำหน้ามุ่ยใส่พ่อคนตีเนียน
‘เอาเถอะ...แบบนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร...หรอกมั้ง...?’
เฟลทคิดแล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตารทั้งสองข้างลง
...ร่างกายสัมผัสได้ถึงความเย็นจากร่างหนา...แต่...น่าประหลาดที่เธอกลับรู้สึกอบอุ่น...ตรงหัวใจ...ก็แค่..นิดๆ เเหละนะ (ซึนสินะ..)
ครบร้อยเปอร์แล้วววววว ตอนต่อไปเร็วสุดอาทิตย์หน้าเลยจ้าาาาาา (โดนกระทืบเละ)
ความคิดเห็น