ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KNB] Dimension of love ผจญมิติรักร้ายกับนายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่สาม : ค่ำคืนที่ดี..? [ุ100%]

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 58


    บทที่สาม : ค่ำคืนที่ดี..?



              วาเดินตามอาคาชิ และมุราซากิบาระที่เดินนำหน้ามา เด็กสาวผมดำหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูก ..ก็แหงล่ะ จะไปทำตัวถูกได้ยังไงล่ะ พวกเขาที่อยู่ตรงนี้เป็นปีศาจเชียวนะ..!! วาถอนหายใจออกมาอย่างเคร่งเครียด พอเหลือบสายตาไปมองทางด้านหลัง เพื่อนของเธอ เฟลทที่ยังหลับไม่ได้สติกูถูกคิเสะอุ้มเดินตามมา พร้อมๆ กับคุโรโกะและทาคาโอะ ส่วนมิโดริมะและอาโอมิเนะนั้นดูเหมือนจะไม่พอใจที่พวกเธอได้ อยู่ต่อ จึงรุดกลับห้องของตนไปแล้ว

             
              ในตอนนี้วารู้สึกมันหัวเป็นอย่างมาก ถึงสมองเธอจะค่อนข้างประมวลผลช้า แต่ตอนนี้มันกลับประมวลออกมาเป็นประโยคเดียวว่า
    นี่มันเรื่องจริงเรอะ!’ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น นอกจากเรื่องที่ทำให้ตกใจเกี่ยวกับเหล่านักบาสใน KNB ที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว ยังมีเรื่องภาษาที่เธอสามารถสื่อสารและฟังได้คล่องราวกับมันเป็นภาษาบ้านเกิด ทั้งๆ ที่เรื่องภาษานี่เธอห่วยกว่าเฟลทเสียอีก

             
              “อืม...ถึงตรงนี้เธอคงต้องแยกกับเพื่อนแล้วล่ะ” อาคาชิหยุดเดินตรงทางแยกสองทางภายในบ้านกว้างๆ แล้วหันมาพูดกับวาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

             
              “อ เอ๊ะ แยก..ทำไม...เอ่อ ต้องแยกกันล่ะคะ
    ?” วาถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

             
              “ปัญหาห้องไม่พอน่ะ บ้านหลังนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง หนึ่งคือทิศตะวันออกนั้นถูกเรียกว่าฝั่ง สึจิ อีกฝั่งด้านตะวันตกคือฝั่ง ฮิกังบานะ เพื่อนของเธอจะถูกแยกไปอยู่ฝั่งฮิกังบานะ และเธอจะอยู่ฝั่งสึจิ ส่วนเรื่องห้องที่ไม่พอก็เป็นเพราะ
    สมาชิก ในบ้านหลังนี้ค่อนข้างเยอะ ฉันเลยตัดสินใจว่าจะให้พวกเธอเวียนไปพักห้องของพวกเราแต่ละคนไปก่อน จนกว่าจะหาห้องว่างได้” อาคาชิกล่าวด้วยรอยยิ้มสุภาพ ส่วนวาอ้าปากเหวอ

             
            ‘น นี่หมายความว่าฉันกับเฟลทต้องไปวนนอนห้องใครก็ไม่รู้ไปเรื่อยๆ เรอะ!?’ เด็กสาวผมดำประบ่าคิดในใจอย่างตื่นตะลึง

            
              ไอ้ครั้นจะให้เธอไปต่อรองหรือเถียงอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะพวกเขาเป็นปีศาจ พวกเธอเป็นมนุษย์ แค่พวกเขาปล่อยให้เธอมีชีวิตต่อนั่นก็ดีมากมายแล้ว ขืนเรื่องมาก เดี๋ยวโดน
    กำจัด สองคนพร้อมกันก็ซวยสิ!

             
              “ค ค่ะ...เข้าใจแล้วค่ะ” วาก้มหน้าลงแล้วตอบเสียงสั่น “ต แต่...คุณจะช่วยรับรองความปลอดภัยให้ฉันกับเฟลทได้ใช่มั้ยคะ...” เด็กสาวรวบรวมความกล้าถามออกไป ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ละเลยไม่ได้อย่างเด็ดขาด

             
              “อืม...ฉันรับรอง” อาคาชิพยักหน้ายืนยันคำพูดของตน ก่อนจะหันไปหาคิเสะและคุโรโกะ “เรียวตะ เท็ตสึยะ คืนนี้ให้เธอคนนั้นนอนที่ห้องพวกนายในฝั่งฮิกังบานะ คนใดคนหนึ่งแล้วกัน” อาคาชิสั่งการด้วยท่าทีราวกับผู้นำ ซึ่งคิเสะก็พยักหน้ารับ คุโรโกะก็ตอบรับในลำคอเบาๆ

             
              “แล้วช็อคโกแลตนี่จะพักห้องใครในฝั่งสึจิล่ะอาคาชิ
    ? ถ้าตัดสินใจไม่ได้ ให้เธอพักห้องฉันก็ได้นา” มุราซากิบาระหันมาเอามือโยกหัววาเบาๆ แต่สามารถทำให้หัวของเด็กสาวผมดำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง (?)

             
              “ห้องฉันเอง” อาคาชิยิ้มให้มุราซากิบาระแล้วตอบ เล่นเอาวาถึงกับเบิกตาโพล่งมองคนที่เธอต้องไปพัก
    ห้องเดียวกัน ในค่ำคืนนี้อย่างตกใจ

             
            ‘ถามความสมัครใจฉันด้วยสิคะ โอเรชิซามะ!!T[]T’ โวยวายในใจเพราะไม่กล้าปริปากคัดค้าน

             
              “งั้นๆ จิบินอนห้องฉันน้า
    ! น้าๆๆๆๆ” คิเสะที่นิสัยเหมือนสุนัขพันธุ์โกลเด้นตรงข้ามกับเผ่าพันธุ์ที่เป็นปีศาจแมวสองหาง (เนโกะมาตะ) ก็ระริกระรี้เสนอตัว

             
              “ถ้านอนห้องคิเสะคุง ผมว่าเธอคงไม่รอดถึงพรุ่งนี้หรอกครับ เพราะงั้นนอนห้องผมจะดีกว่า เห็นด้วยใช่มั้ยครับอาคาชิคุง
    ?” คุโรโกะผู้เป็นภูติหิมะ เอ่ยขัดคอ ถึงแม้วาจะสงสัยนิดหน่อยว่าภูติหิมะนี่เขามีแต่ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ? แล้วน้องครกนี่...เป็นได้ยังไงล่ะเนี่ย? (แต่ถึงจะสงสัยยังไงเด็กสาวก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม)

             
              “นั่นสินะ นอนห้องเท็ตสึยะจะเหมาะสมกว่า” อาคาชิพยักหน้าเห็นด้วย ทำเอาคิเสะทำหน้าเป็นหมาหงอยทันที

             
            ‘น น่ารักดีแหะ วาคิดในใจ

             
              “จ ใจร้ายจัง ฉันไม่คิดจะทำอะไรจิบิหรอกน่า” คิเสะบ่นอุบอิบ แล้วก้มลงมองร่างบางที่ยังคงสลบอยู่ในอ้อมแขน “อย่างมากอาจจะลักหลับนิดหน่อยเอง เอ๊ะ นี่ฉันพูดความคิดตัวเองออกไปหรอ
    !?

             
              “ป่าเถื่อนมากครับ คิเสะคุง” ชายหนุ่มผมฟ้าปรายตามองเจ้าโกลเด้นขนทองด้วยสายตาเย็นเหยียบ เหมือนพร้อมจะแช่แข็งร่างใครก็ได้ทุกเมื่อ

             
              “ถ้าอย่างนั้นตกลงคุยกันเสร็จแล้วใช่มั้ย ฉันจะกลับห้องล่ะ ฮ้าววววว” มุราซากิบาระที่นิ่งเงียบมานานกล่าวขึ้นพร้อมหาวหวอดออกมาระลอกใหญ่

             
              “เสร็จแล้วล่ะ นายไปพักผ่อนได้เลย อัตสึชิ” ชายหนุ่มผมแดงพยักหน้าอนุญาติให้ยักษ์โอนิร่างใหญ่กลับห้องพักของตนได้
    ซึ่งมุราซากิบาระพอได้รับอนุญาตก็ไม่รีรอจะออกเดินกลับห้องพักของตน โดยมิวายหันมาโยกหัววาเล่นอีกหนึ่งครั้ง แล้วบอกราตรีสวัสดิ์ ก่อนที่ร่างใหญ่ผมสีม่วงจะเดินลับไปทางห้องฝั่งสึจิทันที

             
              วาที่ถูกเล่นหัวแบบไม่ทันตั้งตัว ก็มึนๆ อยู่เล็กน้อย ก่อนจะจับที่หัวด้วยมือทั้งสองข้างของตน นัยน์ตาสีเฮเซลของเด็กสาวมองตามร่างใหญ่นั้นไปอย่างงงๆ ไม่น้อย

             
            ‘อะไรของตาไททันสองเมตรนั่นกันล่ะเนี่ย เด็กสาวผมดำบ่นอุบอิบในใจ

             
              “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับอาคาชิคุง แล้วก็..เธอชื่ออะไรเหรอครับ
    ?” คุโรโกะหันมาหาวาแล้วถามอย่างสุภาพ

             
              “ว วา...เอ่อ วาเลนไทน์น่ะค่ะ” ซึ่งวาก็ตอบไปอย่างเก้ๆ กังๆ

             
              “วา..เลนไตน์
    ? เอ่อ เรียกยากจัง...” คิเสะผสมโรงสะกดชื่อของเด็กสาวผมดำด้วยสีหน้ามุ่ยๆ อย่างไม่พอใจอะไรบางอย่าง

             
              “งั้นเรียกว่าไอแล้วกัน..” อาคาชิที่เงียบอยู่ จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา “วาเลนไทน์คือวันแห่งความรักของพวกมนุษย์ใช่มั้ย...ถ้าอย่างนั้นชื่อเธอเรียกว่าไอน่าจะง่ายกว่านะ” ชายหนุ่มผมแดงหันมายิ้มละมุนให้เด็กสาว เล่นเอาวารีบก้มหน้าก้มตาหลบสายตานั้นเพราะไม่อยากให้เขาเห็นสีแดงฝาดบนแก้มของเธอ

             
              “ค ค่ะ...ไอ ก็ได้ค่ะ” วายอมรับชื่อของตนง่ายๆ จริงๆ ชื่อว่าไอก็เพราะดีนะเนี่ย..(. .)////

             
              “งั้นก็ผมขอตัวก่อนนะครับ ไอซัง” คุโรโกะยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะขอตัวเดินกลับห้องพักของตนที่อยู่ฝั่งฮิกังบานะเช่นเดียวกันกับคิเสะที่อุ้มร่างเพื่อนของเธอเดินตามไป

             
              วาชะเง้อคอมองเพื่อนของตนที่ลับตาไปอย่างสุดความสามารถ ในใจก็รู้สึกหน่วงๆ ที่ต้องแยกกับเพื่อนในสถานการณ์น่าลำบาก (
    ?) แบบนี้

             
              “ถ้าอย่างนั้น..พวกเรากลับห้องกันเลยมั้ย ไอ” อาคาชิละสายตาจากพวกคิเสะ แล้วหันมาถามเด็กสาวผมดำ

             
              วาสะดุ้งนิดหน่อยที่ถูกถามกะทันหันอย่างนั้น รวมถึงเสียงทุ้มที่เรียกเธอว่า
    ไอ นั่นด้วย เธอคิดว่าคงต้องชินกับชื่อใหม่ของตัวเองให้ด่วนที่สุด ไม่งั้นเวลาใครเรียกเดี๋ยวพาลจะไม่รู้เรื่องเอา

             
              ...แต่พอกลับไปคิดทบทวนกับประโยคที่อาคาชิเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี๊อีกที เรื่องที่ต้องทำใจ (
    ?) ไม่ได้มีแค่เรื่องชื่อเท่านั้น แต่เป็น...

              
            ‘พวกเรากลับห้องกันเลยมั้ย ไอ้นี่ต่างหาก!

             
              เด็กสาวผมดำประบ่ารู้สึกอยากเอาหัวโขกเสาตายให้รู้แล้วรู้รอด มัวแต่เป็นห่วงเฟลทเพื่อนรัก จนลืมห่วงตัวเองไปเลยว่าคืนนี้ต้องนอนร่วมห้องกับอาคาชิ
    เซย์จูโร่คนนั้นอ่ะ!

             
            ‘พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยยย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยนอนห้องเดียวกับผู้ชายสองต่อสองเลยนะ! ขนาดกับพ่อก็ยังไม่เคยเลยT[]T!!!’

             
              “หืม...เป็นอะไรเหรอ” อาคาชิถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวผมดำข้างๆ กายนิ่งเงียบไปนาน

             
              “อ เอ่อ เอ๊ะ อ่า..ม ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ ฉ ฉันสบายดีมากค่ะ
    !” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สะกดกลั้นความสั่นไว้ไม่มิดเลยสักนิดเดียว

             
              “งั้นเหรอ...งั้นก็ตอนนี้ดึกมากแล้ว ฉันคิดว่ามนุษย์อย่างเธอน่าจะต้องพักผ่อนนะ” ชายนหุ่มผมแดงคลี่รอยยิ้มอบอุ่นเช่นเคย แล้วเอ่ยอย่างเอาใจใส่

             
              “อ เอ๊ะ คะ ค่ะ ...เอ่อ...เข้าใจแล้วค่ะ ข ขอบคุณ..ค่ะ” ในหัวของเด็กสาวผมดำตอนนี้รู้สึกมีหลายอย่างตีรวนมากเกินไปราวกับเครื่องปั่นน้ำผลไม้เลยทีเดียว
    จึงได้แต่เดินตามร่างสูงที่เดินนำหน้าไปอย่างมึนๆ เหมือนคนไร้วิญญาณก็ไม่ปาน

             
              'จ จะดีจริงอ่ะ นอนห้องเดียวกับอาคาชิคนนั้นเนี่ยนะ แถมยังไม่ใช่เวอร์ชั่นปกติหรือเวอร์ชั่นโบคุชิ แต่นี่อาคาชิเวอร์ชั่นจิ้งจอกเก้าหางเลยนะ!’

             
              “ถึงแล้วล่ะ” อาคาชิเลื่อนประตูโชวจิที่มีลวดลายใบเมเปิ้ลสีแดงออกเบาๆ วามองในห้องกว้างๆ ที่ตกแต่งอย่างเรียบๆ มีขนาดเล็กกว่าห้องนั่งเล่นที่เธอไปมาก่อนหน้านี้แค่เล็กน้อย ทั้งห้องถูกปูด้วยเสื่อทาทามิสีเข้มเหมือนสีไม้แก่ กลางห้องคือฟูกนอนที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย อีกมุมหนึ่งคือมุมซ้ายที่ติดหน้าต่างทรงกลมพอมองออกไปก็จะเห็นสวนหย่อมเล็กๆ มีโต๊ะเตี้ยที่มีแจกันดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกสึจิและดอกฮิกังบานะ กับกระดาษม้วนยาวๆ พู่กัน หมึกและเบาะนั่งจัดวางอยู่ ตะเกียงขนาดกลางถูกตั้งไว้ข้างๆ เสาใกล้กับฟูกนอน และพอมองไปทางด้านขวาก็เห็นชั้นหนังสือไม้สีน้ำตาลเรียบๆ ที่มีม้วนหนังสือแบบเก่าๆ ที่เห็นได้ในหนังย้อนยุค
    ข้างๆ กันคือตู้ขนาดไม่ใหญ่มากสองตู้ไม้สำหรับเก็บของและเสื้อผ้า

             
              วามองอย่างสงสัยเล็กน้อย เพราะห้องนี้ไม่ใช่ห้องเดียวกันกับห้องที่เธอเจออาคาชิครั้งแรก

             
              “ห้องที่ฉันพาเธอไปพักก่อนหน้านี้เป็นห้องที่ฉันไว้นั่งเล่นโชงิกับนั่งพักผ่อนส่วนตัวน่ะ” อาคาชิหันมาพูดเหมือนจะอ่านความคิดของเด็กสาวออก

             
              “อ อ๋อ ค่ะ” เด็กสาวผมดำรับคำอย่างมึนๆ เพิ่งรู้ว่าจิ้งจอกเก้าหางมีสกิล (
    ?) อ่านใจได้ด้วย

             
              “อืม...เธอจะเปลี่ยนชุดมั้ย
    ? อยากอาบน้ำหรือเปล่า?” อาคาชิมองมายังวาที่ใส่ชุดยูคาตะสำหรับนอนสีขาวอยู่

             
              “เอ๊ะ เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คือ..ฉ ฉัน เอ่อ ไม่กล้า ป ป ไป...เอ่อ” วาตอบออกไปอย่างไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก รู้สึกหงุดหงิดตัวเองชอบกลที่ไม่สามารถพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปได้ แถมเสียงยังตะกุกตะกักขาดๆ หายๆ เหมือนคนติดอ่างอีกด้วย
    !

             
            ‘โถ่เอ๊ย ยัยวาบ้า! พูดไปสิว่ากลัวที่จะต้องไปอาบน้ำเพราะอาจจะเจอปีศาจตนอื่นน่ะ!’ เด็กสาวผมดำขยุ้มผมตัวเองในมโนความคิด

             
              “งั้นเหรอ เข้าใจล่ะ เธอยังไม่คุ้นชินสินะ...” ชายหนุ่มผมแดงพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ เล่นเอาวารู้สึกตื้นตันขึ้นมาในอก เขาใจดีกว่าที่เห็นในอนิเมะเสียอีก
    ! “ถ้าอย่างนั้นฉันให้ภูติรับใช้ปูฟูกไว้ให้แล้ว เธอจะพักผ่อนเลยก็ได้นะ” อาคาชิชี้นิ้วไปทางฟูกที่ปูไว้เรียบร้อย

             
              “ค ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” วาโค้งตัวขอบคุณตามมารยาทในแบบญี่ปุ่น พอเธอกำลังจะเดินไปไปยังฟูกเพื่อพักผ่อนตามอาคาชิบอก
    สายตาก็มองตามแผ่นหลังของร่างสูงที่ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง

             
              “อ เอ่อ” เด็กสาวผมดำประบ่าส่งเสียงเรียกเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจ อาคาชิหันกลับมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นราวกับจะถามว่า
    มีอะไรหรือเปล่า ทำเอาวาอยากเขกหัวตัวเองแรงๆ นี่ตัวเธอจะไปเรียกเขาเอาไว้ทำซากอะไรเนี่ยยยย! “ฉ ฉันแค่สงสัย..ว ว่าอาคาชิซัง อ เอ่อ จะออกไปข้างนอกเหรอคะ..” เพราะไหนๆ ก็เอ่ยปากเรียกแล้ว เธอจึงกลั้นใจพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาจนจบประโยค

             
              มุมปากของชายหนุ่มผมแดงกดรอยยิ้มเอ็นดูออกมา โดยที่เด็กสาวไม่ทันได้เห็นเพราะมัวก้มหน้าอยู่ ก่อนที่ร่างสูงจะหันหลังกลับเดินตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กสาวผมดำประบ่าในระยะประชิด

             
            ‘เอ๊ะ เอ๊ะ!? เดี๋ยวๆๆๆ นี่มันใกล้ไปมั้ย!?’ วาคิดในใจอย่างตื่นๆ แล้วเตรียมจะก้าวถอยหลังเพื่อนเว้นระยะ

             
              หมับ ฟึบ

             
              แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกอาคาชิดึงเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม หนำซ้ำแขนแกร่งยังโอบเอวเธอเอาไว้เพื่อกันเธอถอยหนีอีกต่างหาก
    !

             
            ‘อ..เอ้ยยยยยย! นี่มันอะไรกัน สถานการณ์แบบนี้เนี่ย!!’ วาหน้าแดงราวกับผลมะเขือเทศ พอเงยหน้าขึ้นมองคนที่โอบกอดเธอหลวมๆ อยู่ ก็เห็นว่าบนใบหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์สมกับเผ่าพันธุ์ปรากฏอยู่

             
            ‘ก แกล้งฉันอยู่สินะ! โอเรชิซามะต้องแกล้งฉันอยู่แน่ๆ เลย! T[]T’

             
              “สั่นเชียวนะ กลัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอ...” มือหนาเลื่อนจากเอวของเด็กสาวช้าๆ แล้วเปลี่ยนมาสัมผัสที่ใบหน้าด้านข้างของเธออย่างแผ่วเบา “ทั้งๆ ที่ฉันก็เป็นคนช่วยเธอไว้นะ” นัยน์ตาสีแดงของอาคาชิมีประกายบางอย่างที่วาตีความไม่ออก

             
              “อ เอ่อ..อ อา อาคาชิซัง ค คือ ก กำลัง ท ทำอะไร น น่ะคะ” วาไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเองกำลังสั่น สั่นมันหมดทั่งร่างสั่นจากหัวใจยันกล่องเสียงเลยด้วย
    ! และตอนนี้เริ่มมีหยาดน้ำตาเม็ดเล็กเริ่มคลอหน่วงที่นัยน์ตาสีน้ำตาลเฮเซลของวาเรียบร้อย...

             
              อาคาชิที่มองใบหน้าหวานซึ่งกำลังน้ำตาคลอเหน่วง ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆ ฉายแววพึงพอใจ

             
              “เพราะเธอกลัวขนาดนี้ไง ฉันถึงจะไปนอนห้องโชงิก่อนชั่วคราว” อาคาชิค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก แล้วเปลี่ยนมาลูบเรือนผมสำดำเบาๆ อย่างปลอบโยน “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก บอกแล้วไง เธอจะปลอดภัย” รอยยิ้มของอาคาชิเต็มไปด้วยความอ่อนโยน จนทำให้จิตใจของวารู้สึกสงบมากขึ้น

             
              “ค่ะ...ข ขอบคุณนะคะ” วาพูดขอบคุณอีกครั้ง แล้วปาดน้ำตาออกด้วยมือทั้งสองข้าง

             
              “งั้นฉันไปนะ” อาคาชิผละตัวออกจากร่างบาง เตรียมจะเดินออกจากห้องอีกครั้ง...แต่ก็ต้องชะงักมือรู้สึกถึงแรงดึงเบาๆ ที่ยูคาตะของตน
    “มีอะไรอีกรึเปล่า” น้ำเสียงทุ้มนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความโกรธหรือรำคาญ แต่มันกลับเต็มไปด้วยความเป้นห่วง

             
              “ฉ...ฉันแค่อยากขอบคุณอีกครั้งค่ะ ขอบคุณมาก..ที่ช่วยทั้งฉันและเพื่อนของฉันเอาไว้” วาพูดรัวๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยมือออกจากยูคาตะของอาคาชิ ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มที่แสดงถึงความขอบคุณ นี่เหมือนเป็นครั้งแรกของวันนี้เลยที่เธอยิ้มออกมาจากใจจริงๆ

             
              “ไม่เป็นไร เอาล่ะ คราวนี้เธอก็พักผ่อนได้แล้วนะ” อาคาชิพูดตอบรับคำขอบคุณ

             
              “ค ค่ะ...” วาตอบรับอย่างไม่มั่นใจเหมือนเคย แต่คราวนี้...เธอไม่มั่นใจว่าจะหลับได้รึเปล่านี่สิ

             
              “งั้นฉันไปล่ะ...มีอะไรก็ตะโกนเรียกได้ ฉันอยู่อีกสามห้องถัดไปนี้เอง” พูดจบร่างสูงก็ยิ้มให้เธออีกหนึ่งครั้ง “ราตรีสวัสดิ์ ไอ”

             
              ...

             
            [Valentine / Ai talk]

              
              ฉันล้มตัวลงนอนบนฟูกนุ่มๆ หลังจากที่อาคาชิซังออกไปได้สักพักแล้ว...ตะเกียงใกล้ฟูกก็ไม่ได้คิดจะดับ...เพราะฉันนอนในความมืดสนิทไม่ค่อยหลับ พอคิดไปถึงเรื่องที่มากมายจนน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นในวันนี้ แทนที่จะเศร้ามากกว่า แต่ฉันกลับมีรอยยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาดใจ...

             
              เฟลทจะเป็นยังไงบ้างนะ..
    ? เธอคงจะนอนห้องเดียวกับคุโรโกะคนนั้นสินะ งั้นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง...

             
              ฉันเอื้อมมือไปจับศีรษะของตนเบาๆ แล้วเผยรอยยิ้มบางๆ รู้สึกตื้นตันในอก..สัมผัสอันแสนอบอุ่นบนเส้นผมนั้นยังคงมีอยู่จางๆ

             
              นานแล้วสินะ...ที่ไม่มีใครมาลูบหัวเราอย่างอ่อนโยนแบบนั้น...

             
              ฉันคิดในใจอย่างมีความสุข...ก็นะ อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องดีๆ นี่นา...

              
              พอรู้สึกตัวอีกทีนัยน์ตาฉันก็ค่อยๆ ปิดลงซะแล้ว...ง่วงจัง...นอนดีกว่าแฮะเราวันนี้ก็มีเรื่องมาเกือบทั้งวัน...

              
              แล้วพรุ่งนี้...ฉันจะเจอกับเรื่องวุ่นวายอะไรรึเปล่านะ
    ?

             
            [End Valentine / Ai talk]


              เด็กสาวเรือนผมสีเขียวอความัดทวินเทลค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอย่างมึนงง นัยน์ตากลมโตที่ควรเป็นสีเขียวอควาบัดนี้กลับเป็นสีน้ำตาลเข้มซึ่งเป็นสีดั้งเดิมมองเพดานไม้ที่มีประกายสีฟ้าอ่อนๆ เหมือนประกายจากเกล็ดน้ำแข็ง พลันร่างบางก็รู้สึกตัวว่าอากาศรอบๆ มันหนาวผิดปกติจนเธอต้องหยิบผ้านวมที่ห่มปิดเพียงช่วงอกลงไปขึ้นมาปิดจนถึงริมฝีปากล่าง

              

              เฟลทหรี่ตามองสภาพรอบๆ ขณะที่ยังนอนอยู่เพราะไม่อาจฝืนลุกขึ้นทั้งๆ ที่ปวดหัวขนาดนี้ได้

              

              “ตื่นแล้วสินะครับ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นข้างกาย พอหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มผู้มีใบหน้าน่ารักคุ้นตา เรือนผมสีฟ้าอ่อนเป็นเอกลักษณ์ กำลังนั่งไล่สายตาอ่านหนังสือเล่มเล็กในมือไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบมองเธอ แต่คำพูดของเขานั้นก็บ่งบอกได้ว่าเขากำลังหมายถึงเธอแน่นอน

              

              “น นาย ค คุโรโกะ...” เฟลทพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แวบแรกก็ตกใจที่เห็นชายหนุ่มผมฟ้า แต่พอตั้งสติไม่นานก็นึกได้ว่า เธอหลงมาที่นี่กับวา เจอเหล่าคนที่หน้าตาเหมือนตัวละครในอนิเมะเรื่อง KNB และที่สำคัญที่สุด...พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่ไม่ใช่มนุษย์

              

              พอคิดมาถึงตรงนี้เฟลทก็อดกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอเสียไม่ได้ ถ้าจะถามว่าเธอกลัวมั้ย ก็มีหวาดๆ บ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่คงเป็นตกใจและทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า ที่เธอเป็นลมอาจเป็นเพราะเรื่องราวมากมายที่สมองเธอต้องรับในวันนี้ก็ได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงจริงๆ คงเป็นวา เพื่อนเอ๋อสุดซื่อของเธอนั่นแหละ

              

              ‘เอ๊ะ ว่าแต่...แล้ววาล่ะ!?’ เด็กสาวผมเขียวอความารีนคิดอย่างตื่นตระหนก

              

              “ไอซังไปพักที่ห้องของอาคาชิคุงครับ” คุโรโกะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ก็พูดขึ้นเหมือนอ่านใจเฟลทออก พอเด็กสาวมองอย่างสงสัยชายหนุ่มผมฟ้าก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มบางๆ ให้ “ผมก็แค่อ่านสีหน้าเธอออกน่ะครับ”

             

             ‘แล้วนายเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันตอนไหน?’ เฟลทคิดในใจอย่างขุ่นมัว เพราะรู้สึกว่าวันนี้เธอจะโดนอ่านสีหน้าออกบ่อยเหลือเกิน

              

              “เอ๊ะ เอ่อ แล้วไอเป็นใครน่ะ?” เฟลทยันตัวขึ้นนั่งแล้วขมวดคิ้วถาม

              

              “หืม...ชื่อใหม่ของเพื่อนเธอน่ะครับ เพราะชื่อเดิม เอ...วาเลนไตน์ มันค่อนข้างออกเสียงยาก อาคาชิคุงเลยให้เรียกเพื่อเธอว่าไอแทน” คุโรโกะอธิบายแล้วค่อยๆ ปิดหนังสือเล่มเล็กในมือลง “แล้วเธอ...ชื่ออะไรเหรอครับ?” นัยน์ตาสีน้ำเงินสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเฟลท

              

              “เอ่อ เฟลท...ฉันชื่อเฟลท” คนถูกถามชื่อตอบขณะคิดเรื่องที่จู่ๆ เพื่อนสนิทก็ดันมีชื่อใหม่กะทันหัน

              

              “เฟล..โทะ?” คุโรโกะออกเสียงในลำคออย่างไม่มั่นใจ “เรียกยากเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มผมฟ้ายิ้มอ่อนๆ อย่างลำบากใจ

              

              “งั้นเรียกฉันเฟโตะก็ได้ค่ะ..ออกเสียงคล้ายๆ กัน” เฟลทคิดชื่อใหม่ของตนทันที พร้อมพยักหน้ายืนยันกับตัวเองว่าตอนอยู่ที่นี่จะใช้ชื่อ เฟโตะ นี่แหละ

              

              “ครับ เฟโตะซัง” คุโรโกะรับคำ แล้วยิ้มจางๆ จนถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็มองไม่เห็น รอยยิ้มนั้นเรียกสีแดงซ่านให้ปรากฏบนใบหน้าหวานๆ ของเฟลทได้เป็นอย่างดี

              

              ก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคุยกับผู้ชายมาก่อน แถมแฟนก็เคยมีมาแล้ว พี่สาวก็มักพูดถึงพวกดาราชายให้ฟังบ่อยๆ แต่ในเหตุกาณ์ทั้งหมดนั้น สิ่งสำคัญที่ทำให้เธอเขินคือ...เธอนั่งอยู่ในห้องนอนกับผู้ชายสองต่อสองเลยนะ! ไอ้การอายหรือประหม่าน่ะเป็นอาการปกติอยู่แล้ว ถึงสัญชาตญาณเธอจะบอกว่าอย่างคุโรโกะ เท็ตสึยะ น่ะไม่มีทางทำอะไรไม่ดีไม่งามอย่างแน่นอนก็เถอะ

              

              “อ..เอ่อ..น นาย..” ให้ตาย...มันชวนกระอักกระอ่วนจนเธอไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ววุ้ย!

              

              “..ครับ?” คุโรโกะพูดเสียงสงสัย เหมือนจะรอให้เธอพูดให้จบประโยค

              

              “น นาย...คุโรโกะซัง..สินะ..?” เด็กสาวตัดสินใจพูดเรื่องที่คิดได้เป็นอันดับแรก...ถามชื่อ!!

              

              “ครับ คุโรโกะ เท็ตสึยะ เป็นชื่อของผม...เรียกผมว่าคุโรโกะเฉยๆ ก็ได้นะครับ ไม่ต้องมีซังหรอก” ชายหนุ่มผมฟ้ายิ้มบางๆ

               

              “อ..อือ คุโรโกะ..” เฟลทก้มหน้าพึมพำชื่อีกฝ่ายแผ่วเบา

              

              “งั้น...จะนอนเลยมั้ยครับ” คุโรโกะถามแล้วชี้ไปที่ฟูกนอน ซึ่งเฟลทยังคงนั่งอยู่บนนั้น

              

              “เอ๊ะ...อ่า...เอ่อ นอน...” เฟลทรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่ต้องกลายเป็นพวกตะกุกตะกักเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้ แต่...เธอก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะดึงสติกลับมาตอนนี้ได้เลย..

              

              “ครับ....งั้นก็นอนกันเถอะ” ไม่ทันตั้งตัว...คุโรโกะซุกร่างเข้ามาที่ผ้านวมผืนหนาผืนเดียวกันกับเฟลท โดยมิวายดึงร่างบางลงมากอดไว้ราวกับตุ๊กตาหรือหมอนข้าง

              

              ‘เอ๊ะ....เฮ้ยยยย!!!!’ เด็กสาวผมเขียวอความารีนกรีดร้องในใจ เมื่อร่างกายถูกแขนขาวที่เย็นเฉียบเหมือนผ้าชุบน้ำ แต่ถึงจะเย็น...ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกหนาวเกินไป

              

              ไม่สิๆ เรื่องสำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงน้านนนนนน! ปัญหาระดับทวีของเธอในตอนนี้คือ เธอ-โดน-ผู้ชาย-กอด!!! เธอโดนผู้ชายกอดอย่างแนบแน่นอยู่เนี่ยยยยย!!=[]=

              

              เฟลทเตรียมจะอ้าปากด่าพ่อหนุ่มจืดจางที่ถือวิสาสะกอดเธอ แต่พอหันไปเจอเข้ากับใบหน้าน่ารักเกินชายที่กำลังหลับตาพริ้ม หายใจเข้าออกเป็นจังหวะ..และซุกใบหน้าไว้ที่เรือนผมของเธอราวกับเด็กเล็กแล้ว คำด่าทั้งหมดก็ถูกเก็บลงลำคออย่างรวดเร็ว...

              

              เด็กสาวผมเขียวอความารีนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเรือนผมสีฟ้ากระจ่างนั่นเบาๆ หนึ่งครั้งเหมือนคุณแม่..

              

              คุโรโกะกระชับกอดร่างบางแน่นขึ้นไปอีกนิด...ริมฝีปากบางเฉียบของชายหนุ่มขยับรอยยิ้มดีใจ

              

            ‘ใจอ่อนจนได้ เราเนี่ย.... เฟลทคิดในใจ พลางทำหน้ามุ่ยใส่พ่อคนตีเนียน

              

            ‘เอาเถอะ...แบบนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร...หรอกมั้ง...?’ เฟลทคิดแล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตารทั้งสองข้างลง ...ร่างกายสัมผัสได้ถึงความเย็นจากร่างหนา...แต่...น่าประหลาดที่เธอกลับรู้สึกอบอุ่น...ตรงหัวใจ...ก็แค่..นิดๆ เเหละนะ (ซึนสินะ..)

    ===========================================================================
    ครบร้อยเปอร์แล้วววววว ตอนต่อไปเร็วสุดอาทิตย์หน้าเลยจ้าาาาาา (โดนกระทืบเละ)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×