ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KNB] Dimension of love ผจญมิติรักร้ายกับนายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง : การตัดสินใจ

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 58


    บทที่สอง : การตัดสินใจ



              นี่มันเรื่องบ้า....บ้าชัดๆ บ้าที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตตลอดสิบเจ็ดปีของนางสาวเฟลท ทั้งๆ ที่ไม่มีทางเป็นไปได้ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งๆ ที่มันไม่มีวันเป็นจริงแท้ๆ แต่....มันก็เกิดขึ้นจริง!

             
              ตอนนี้ร่างบางของเด็กสาวผมเขียวอความารีนมัดทวินเทลสองข้างกำลังถูกอุ้มท่าเจ้าหญิง โดยชายหนุ่มร่างสูง (และสูงกว่าตัวเธอหลายขุม) ในชุดฮากามะสีขาวลายดอกเบญจมาศสีเหลือง ผมเสียงเหลืองทองส่องประกายกับแสงจันทร์ที่บ่งบอกว่าตอนนี้เข้าสู่ช่วงพลบค่ำแล้ว นัยน์ตาสีเหลืองทองมองไปข้างหน้า ขณะที่ริมฝีปากบางได้รูปสีแดงอ่อนๆ นั้นก็ขยับยิ้มอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าหล่อเหลาที่คว้าใจหญิงสาวได้ไม่ยากเย็น เฟลทคิดว่าตนเองก็คงจะหลงใบหน้านั้นเหมือนกัน ติดอยู่ตรงที่...เขาหน้าตาเกะพิมพ์เดียวกับคิเสะ เรียวตะ จากเรื่อง
    KNB มาเลยน่ะเซ่!!

             
              เฟลทรู้สึกอยากเป็นลมไปซะเลยในตอนนี้ เพราะหลังจากที่เธอเห็นหน้าหมอนี่ แล้วตะโกนเสียงดังว่า
    คิเสะนี่นา!!’ เขาก็ไม่รีรออุ้มตัวเธอขึ้นอย่างถือวิสาสะ แล้วพูด (ขู่) ด้วยเสียงนิ่มนวลว่า

             
             ‘ถ้ายังไม่อยากตายก็อยู่นิ่งๆ ซะนะ

             
              เธอเลยต้องปล่อยให้ไอ้คนหน้าตาร่าเริงเหมือนหมาโกลเด้น รีทีฟเวอร์ อุ้มเป็นตุ๊กตาอย่างง่ายๆ แบบนี้

             
              ระหว่างทางที่ร่างสูงของคิเสะ (คิดว่าน่าจะใช่คนเดียวกันแน่แท้) กำลังเดินไปนั้นก็เป็นทางเดินไม้เงียบสงัด แสงจากโคมไฟสีส้มที่ติดไว้ตามผนังเป็นระยะ ส่องแสงสลัวๆ พอให้มองเห็นทางข้างหน้าได้

            
              เฟลทคิดอยากจะอ้าปากถามเหลือเกินว่ากำลังจะพาเธอไปที่ไหนกัน แต่เพราะคำขู่ข้างต้นมันแล่นขึ้นสมองทุกครั้งที่เธอจะเอ่ยเสียงพูด เธอเลยไม่ได้โอกาสถามเสียที

             
             ‘ไอ้โกลเด้นนี่กำลังจะพาฉันไปไหนฟะเนี่ยยยยย!!??’ เด็กสาวผมเขียวอความารีนกรีดร้องในใจอย่างอัดอั้น

             
              “เดี๋ยวก็รู้เองน่า ไม่ต้องสงสัยหรอก” คิเสะก้มมองเฟลท แล้วเผยรอยยิ้มแฝงความนัย

              
              “....” ไอ้หมอนี่อ่านใจได้ด้วยเรอะ
    !

             
              “เปล่า ฉันไม่ได้เห็นความคิดเธอหรอก แค่อ่านจากสีหน้าเอาน่ะ” ชายหนุ่มผมเหลืองทองกล่าวสบายๆ ทำให้เฟลทแอบเบ้ปาก

             
            ‘จะอ่านอะไรมันก็เสียมารยาททั้งนั้นแหละย่ะ!’ เธอคิดในใจแล้วเบ้ปากหนักกว่าเก่า ไม่ได้รู้ตัวเลยว่านัยน์ตาสีเหลืองทองนั่นกำลังจ้องมองใบหน้าน่ารักที่เปลี่ยนสีหน้าไปมาตลอดของเธออย่างขบขัน

             
              “โอ๊ะ ถึงแล้วๆ” คิเสะเดินมาหยุดที่หน้าประตูโชวจิของห้องๆ หนึ่ง แล้วค่อยๆ วางร่างของเฟลทให้ยืนบนพื้น

             
              เด็กสาวผมเขียวอความารีนแทบจะกระโดดออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มด้วยซ้ำ พอขาทั้งสองแตะพื้น เฟลทก็รู้สึกเหมือนตนได้รับอิสรภาพ (
    ?) อีกครั้งหนึ่ง

             
              “นายพาฉันมาที่นี่ทำไมน่ะ” เฟลทหันไปขมวดคิ้วใส่คิเสะอย่างสงสัย ลืมความกลัวก่อนหน้าไปจนหมด

             
              “ก็ไม่ทำไม แค่
    คนๆ นั้น เขาสั่งให้พาเธอมาด้วยแค่นั้นเอง” คิเสะยักไหล่พลางตอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปเลื่อนประตูโชวจิออก เผยให้เห็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ที่ภายในห้องมืดทึบที่ไร้แสงไฟมีเบาะนั่งพื้นกับโต๊ะเตี้ยขนาดยาววางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ห้องนั้นใหญ่ขนาดจุคนได้สี่สิบคนสบายๆ หากแต่ในห้องที่ว่าก็ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ

             
              คิเสะพยักเพยิกใส่เฟลทเป็นเชิงว่า
    เข้าไปสิ

             
              เฟลทย่นหน้าอย่างระแวงใจ ไม่คิดจะก้าวเข้าไปในห้องนั้นง่ายๆ แน่ มีอย่างที่ไหน อยู่ๆ พาตัวเธอมา แล้วจะให้เธอเข้าไปในห้องที่ไม่รู้มีกับดักอะไรรึเปล่าเนี่ยนะ
    !?

             
              “ก่อนจะเข้าไป ฉันอยากจะแน่ใจก่อนว่าเพื่อนฉันอยู่ที่ไหน” เฟลทยืนกระต่ายขาเดียวว่าจะไม่เข้าไปเด็ดขาดถ้าเธอยังไม่เจอวา ใบหน้าน่ารักของเด็กสาวผมเขียวอความารีนเขม่นใส่ (คนทิ่คิดว่าน่าจะเป็น) คิเสะอย่างมาดร้าย
    และถ้าทำได้เธอก็อยากตะกุยหน้าตาหล่อๆ นั่นชะมัด ถึงเธอจะชอบหมอนั่นตอนเป็นเคะให้อาโอมิเนะก็เถอะ! (?)

             
              “เพื่อนเธอ
    ? อ้อ คนที่ คนๆนั้น พาไปสินะ อืม...ไม่รู้สิ” ชายหนุ่มผมเหลืองไม่สนใจความมุ่งร้ายที่ถูกส่งมา แล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ

             
              “นี่นาย หมายความว่...
    !!

             
              “เฟลท
    !

             
              สองเสียงของเด็กสาวดังขึ้นพร้อมกัน เฟลทชะงักกึก เก็บคำพูดที่เตรียมจะด่าใส่ร่างสูงลงลำคอ แล้วหันไปตามทางต้นเสียงที่เธอได้ยินอย่างรู้สึกตกใจ

             
              “วา
    !!” เป็นดั่งที่คาด เสียงนั้นเป็นเสียงของเพื่อนสนิทของเธอจริงๆ ด้วย เด็กสาวผมเขียวรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่พอเห็นสภาพของเพื่อนแล้ว เธอก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง

             
              วาเพื่อนของเธอกำลังถูก
    ชายหนุ่ม อุ้มไว้ในอ้อมแขน ดูจากรูปการภายนอกของเด็กสาวผมดำแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่มีบาดแผล ที่ผิดสังเกตคงเป็นชุดของเพื่อนที่กลายชุดยูคาตะสีขาว แต่นอกนั้นก็บ่งบอกได้ว่าเพื่อนเธอสุขสบายดี (?) เฟลทไล่สายตาจากร่างเพื่อน แล้วเงยหน้ามองคนที่อุ้มเพื่อนมาแทน....

             
              “
    =[]=!!!” สีหน้าของเด็กสาวผมเขียวอความารีนกลายเป็นแบบนี้ทันที

             
              ไม่ใช่ว่าเขาหน้าตาน่าเกลียด หรือ มีส่วนไหนทุเรศ เอาตามตรงคือหล่อมาก หล่อพอๆ กับร่างสูงที่ยืนข้างเธอตอนนี้เลย เพียงแต่คนๆ นี้จะดุสุขุมกว่า เป็นผู้ใหญ่กว่า ซ้ำยังแผ่บรรยากาศกดดันออกมาจนน่าอึดอัด เรือนผมสีแดงสดเหมือนทับทิม ด้านหน้าตัดสั้นเล็กน้อย ส่วนด้านหลังก็จัดเข้าทรงอย่างพอดี ดูเข้ากันกับใบหน้าหล่อๆ ของเขา นัยน์ตาสีแดงแบบเดียวกันกับเส้นผมก็ช่างดูเฉียบคม รูปร่างก็พอดีและดูเหมาะในชุดยูคาตะสีดำสนิทกับฮาโอริสีขาวตัดกัน แต่ที่ทำให้เธอตกใจคือ...หมอนี่...หน้าตาเคาะพิมพ์เดียวกันกับ
    อาคาชิ เซย์จูโร่ จากเรื่องKNB เหมือนไอ้โกลเด้นข้างๆ เธอเลยนะเซ่!!!

             
              นี่มัน....เรื่องบ้าชัดๆ
    !!!

             
              แล้วทำอีท่าไหนยัยวาจอมเอ๋อ ซื่อ บื้อ เพื่อนของเธอถึงได้ถูกอาคาชิ (คิดว่าน่าจะใช่) อุ้มมาได้กันล่ะเนี่ย
    !?

             
              “ง..ไงเพื่อน” วาทักเสียงสั่น เมื่อเห็นเพื่อนของตนทำท่าเหมือนองค์ลง

             
             ‘ไง เงย อะไรของแก๊!!!’ เสียงระเบิดในใจของเฟลท

              
              “เรียวตะ ทำไมไม่พาเธอคนนั้นเข้าไปพักผ่อนด้านในก่อนล่ะ” อาคาชิปรายตามองชายหนุ่มผมเหลือง แล้วพูดเสียงนิ่งทว่ามีอำนาจ “เราต้องแนะนำตัวกันเยอะเลยนะ...อย่ามัวเสียเวลาสิ” เสียงทุ้มนั้นดูเหมือนจะมีแววตำหนิอยู่เล็กน้อย ยิ่งมารวมกับใบหน้านิ่งๆ นั่นแล้วยิ่งทำให้ดูคลับคล้ายอาจารย์ฝ่ายปกครองขี้นไปอีก (เฟลทแสดงความคิดเห็นในใจ)

              
              “คร้าบๆ เอ้า เจอเพื่อนแล้วนี่ เข้าไปข้างในได้แล้ว จิบิ” คิเสะดันหลังเฟลทเบาๆ

              
              เด็กสาวผมเขียวอความารีนหูกระตุกเล็กน้อยกับคำว่า
    จิบิ !!

              
              “นี่นาย ว่าใครจิบิฮะ
    !!!” เฟลทหันหลังกลับตั้งท่าจะมีเรื่องเต็มที่ หน็อยๆ ว่าเรื่องไหนไม่ว่า ดันมาล้อปมด้อยเรื่องความสูง เดี๋ยวจะได้รู้ฤทธิ์แม่!!!

             
              “เธอไงจิบิ จิบิตัวเล็ก ตัวกะเปี๊ยกกกก เอ้า เข้าไปได้แล้วจิบิ เดี๋ยวอาคาชิจจิก็หงุดหงิดหรอก” คิเสะพูดรัวๆ อย่างกวนประสาท แล้วทำการดันร่างเล็กๆ ของเฟลทเข้าไปในห้อง

             
              “อ...อ...ฮึ้ย
    !!” เฟลทอย่าจะด่า อยากจะตะโกนว่า ไอ้ผมทองกวนประสาทหน้าตายนี่จริงๆ ทำไมในเมะมันถึงได้ดูเชื่อง (?) แต่ทำไมไอ้คนที่อยู่ตรงนี้ถึงได้กวนประสาทนัก (ฟะ) !?

             
              สุดท้ายเฟลทก็จำใจเข้ามาในห้องกว้างนั่นอย่างจำยอม พร้อมๆ กับร่างของคิเสะเดินตามหลังมาติดๆ และอาคาชิที่ยังอุ้มวาอยู่ เดินตามเข้ามา

             
              พรึบ

             
              ตะเกียงไฟที่ในตอนแรกไม่มีแม้กระทั่งเทียนอยู่ด้านใน ก็ส่องสว่างขึ้นมา...แต่มันไม่ใช่เปลวไฟสีส้มเหมือนอย่างตะเกียงทางระเบียงด้านนอก มันกลับเป็นเปลวไฟสีฟ้าเข้มราวกับดวงไฟวิญญาณในอนิเมะญี่ปุ่นหลายเรื่องที่ทั้งเฟลทและวาเคยดู

             
              เฮือก...

             
              สองสาวขนลุกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

             
              อาคาชิเดินนำคิเสะไปทางเบาะนั่งสีเขียวแก่สีเดียวกับเสื่อทาทามิ แล้วค่อยๆ วางร่างของวาลงบนเบาะนั่งนั้น เด็กสาวผมดำที่ถูกปล่อยนั่งบนเบาะก็เกร็งสีหน้าและเกร็งร่างทั้งร่างเอาไว้ เหงื่อกาฬเม็ดใหญ่ไหลตามไรผม เธอไม่กล้าหือกล้าอือใดๆ ตั้งแต่ถูกพาออกมาจากห้องทั้งๆ ที่ยังสลบเหมือด พอตื่นขึ้นมา (รอบที่สาม) ก็ได้เจอเฟลทเพื่อนรักที่ห่างหายกันไปนาน (
    ?) กับคนที่หน้าตาเหมือนคิเสะ เรียวตะในเรื่องKNBอย่างกับแกะ แล้วก็เข้ามาอยู่ในนี้...บอกตามตรงสมองวาเลนไทน์ตามไม่ทัน...

             
              “เอาล่ะ...แล้วคนอื่นๆ...อืม เหมือนจะให้หมอนั่นไปตามแล้วนี่...ทำไมยังไม่มากันนะ” อาคาชินั่งลงบนเบาะข้างๆ วา แล้วกล่าวพึมพำกับตัวเอง สีหน้าของชายหนุ่มผมแดงนั้นปดปิกความขุ่นเคืองไว้จนมิดชิด

             
             ‘อะไรที่ว่าไปตามมากันคะ โอเรชิซามะ วาเหงื่อตก คิดในใจอย่างหวาดกลัว

             
              “เห...นี่อะนะ
    มนุษย์ที่ว่า...” เสียงเฉื่อยยานคางดังขึ้นด้านหลังวา พร้อมลมเย็นเป่ารดต้นคออย่างจงใจเหมือนจะหยอก เด็กสาวสะดุ้งเฮือก ตัวสั่นหงึกๆ แต่ก็ไม่กล้าหันไปมอง

             
              “อย่ารังแกเธอสิ อัตสึชิ” อาคาชิกล่าวถึงคนที่อยู่ด้านหลังวา อย่างปรามเล็กน้อย
    “แล้วก็...ไปนั่งที่ให้เรียบร้อยด้วยสิ นายกำลังทำเธอตกใจนะ”

             
             ‘อัตสึชิ?...อัตสิชินี่ อย่าบอกนะว่าหมายถึง มุราซากิบาระ อัตสึชิน่ะ!?’ วาคิดอย่างฉงนใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเฟลทที่นั่งตรงข้ามกับตน พอเห็นสีหน้าเพื่อนที่อ้าปากค้างมองเลยไปหลังหัวเธอ ก็บอกได้โดยไม่ต้องหันไปมอง ว่าคนข้างหลังต้องเป็นมุราซากิบาระ อัตสึชิ จากเรื่อง KNB แหงๆ!

             
              เวลานี้วาไม่รู้ว่าควรจะต้องตกใจอีกดีมั้ย เพราะวันนี้มีเรื่องให้เธอตกใจมากมายเหลือเกิน

             
              “อาคาชิ ทำไมไม่
    กำจัด มนุษย์สองคนนี้ไปซะ พวกมันมีแต่จะสร้างปัญหามาให้พวกเรา” คราวนี้เป็นเสียงติดรำคาญจากร่างสูงที่จู่ๆ มาปรากฏตัวนั่งมุมทแยงกับเธอ ซึ่งก็คือข้างๆ คิเสะที่นั่งถัดจากเฟลท วาไม่คิดจะเดาอีกแล้ว มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องเป็นตัวละครจาก KNB อีกแน่นอน และก็ตามคาด ชายหนุ่มในชุดยูคาตะสีเขียวหม่นที่กำลังนั่งคุกเข่าพับขาอย่างเรียบร้อย คือ มิโดริมะ ชินทาโร่ ทั้งนัยน์ตาสีเขียวใบไม้ที่อยู่หลังกรอบแว่นสีดำ เรือนผมสีเขียวตัดสั้นจัดทรงจนเป็นระเบียบ ใบหน้าหล่อเหลาทว่าจริงจัง และเคร่งเครียดเสมอ มือที่พันผ้าพันแผลดันแว่นให้ชิดสันจมูก

             
              “ฮะๆๆ ชินจางงง นายนี่หงุดหงิดง่ายจัง อย่าพึ่งรีบซี่ ยังไงจะ
    กำจัด มันก็ง่ายอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลยนี่” คราวนี้ก็เป็นคนที่ทั้งวาและเฟลทรู้จักดีเช่นกัน ในอนิเมะฉายาของเขาคือ ฮอว์ค อาย หรือก็คือ ทาคาโอะ คาสุนาริ ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอารมณ์ดี และปกปิดความรู้สึกจริงไว้อย่างแนบเนียนด้วยรอยยิ้ม เรือนผมสีดำสนิทเหมือนขนอีกาแสกกลาง และนัยน์ตาเฉี่ยวคมเหมือนเหยี่ยวสีดำสนิท ถึงใบหน้าดูดีนั่นกำลังเผยรอยยิ้มทะเล้นส่งให้เฟลทอย่างมีไมตรี แต่กลับรู้สึกว่าเขาคนนี้ช่างอันตราย

             
              เฟลทที่โดนส่งยิ้มให้ ก็ไม่ได้ยิ้มตอบ แต่กลับเขยิบตัวถอยห่างจากชายหนุ่มตาเหยี่ยวที่จู่ๆ ก็โผล่มานั่งข้างๆ
    สัญชาตญาณลูกผู้หญิงบ่งบอกว่าหมอนี่อันตราย ทั้งๆ ที่ในอนิเมะก็ดูปกติ เหมือนไอ้บ้าคนหนึ่ง...แต่ทำไมพอมาเจอจริงๆ กับตัว ถึงได้คิดว่า ถอยห่างได้เท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น

             
              “พวกคุณนี่ ปากเถื่อนมากครับ” เสียงเรียบเย็นชา มาพร้อมกับไอเย็นที่แผ่ไปรอบห้อง วายกมือกอดตัวเองโดยอัตโนมัติเพราะความหนาวที่ไม่ทราบที่มา และก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาคลุมที่ไหล่ พอหันไปมองข้างๆ ก็เจออาคาชิที่กำลังคลุมฮาโอริของเขาที่ไหล่เธอส่งยิ้มบางมาให้

             
              “....” วาหลบสายตาหนี เรื่องจากภูมิต้านทานผู้ชายหล่อต่ำ (
    ?)

             
              “ฮัดชิ้ว...” เฟลทจามออกมาเล็กน้อย แล้วถูกจมูกด้วยนิ้ว ก่อนจะรู้สึกหัวมันเอียงๆ ไปด้านข้าง พอหันไปมองก็พบคิเสะกำลังเอื้อมมือมาผลักหัวเธออยู่

             
              “ซกมกจัง จิบิ” คำพูดที่ชายหนุ่มผมเหลืองพูดนั้นทำให้เด็กสาวผมเขียวอความารีนอยากกระโดดถีบหน้าหล่อๆ นั่นตะหงิดๆ

             
              “คุโรโกะ หัดเก็บพลังของนายไว้ซะบ้าง มันทำให้คนอื่นเขาตัวเย็นกันไม่รู้รึไง” มิโดริมะพูดพลางเหลือบสายตาไปมองมุมห้อง ที่ทั้งวาและเฟลทไม่สังเกตเลยว่ามีคนยืนอยู่

             
              ฟิ้วววว

             
              ไอเย็นที่กลายเป็นเหมือนหมอกสีขาวปรากฏขึ้นพร้อมๆ กับร่างของใครบางคนก้าวออกมาจากมุมห้อง ชายหนุ่มใบหน้าน่ารักแต่ดูไร้อารมณ์ เรือนผมสีฟ้าตัดสั้นระต้นคอ เข้ากันกับนัยน์ตากลมโตสีน้ำเงินไพรินที่ดูเย็นชาไม่แพ้ใบหน้า ผิวขาวซีดราวกับหิมะดูกลมกลืนกับชุดยูคาตะสำหรับผู้ชายสีขาวบริสุทธิ์และสวมฮาโอริสีฟ้าอ่อนที่เจ้าตัวสวมใส่ เฟลทและวารู้สึกเลือดลมสูบฉีดขึ้นบนใบหน้า...เพราะร่างสูง (รึเปล่า) ที่เดินออกมาจากมุมมืดนั้น...คือ
    คุโรโกะ เท็ตสึยะ หนุ่มจืดจาง..และเคะราชินี..(?) จากเรื่อง KNB นั่นเอง

             
              “ผมปล่อยออกมาขู่พวกคุณต่างหากครับ ว่าอย่าพูดจาปากเถื่อนกับมนุษย์ผู้หญิงแบบนั้น” คุโรโกะเมินมิโดริมะ แล้วจัดการคลุมฮาโอริของตนลงบนไหล่เฟลทอย่างอ่อนโยน
    “ขอโทษด้วยนะครับ...ถ้าทำให้หนาว” รอยยิ้มจากชายหนุ่มผมฟ้าทำเอาเฟลทถึงกับหน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงสุก

             
              “อ...เอ่อ ไม่เป็นไร...ค..ค่ะ..” เด็กสาวผมเขียวอความารีนพูดจาตะกุกตะกักอย่างเขินอาย แต่วาที่นั่งฝั่งตรงข้ามถึงกับอ้าปากค้างที่เห็นเพื่อนตัวเองพูดค่ะ แล้วท่าทีเขินอายอย่างกับสาวน้อยแรกแย้มนั่นด้วย
    !

             
              “คุโรโกจจิ ขี้โกงนี่นา ทำไมถึงได้ทำให้จิบิหน้าแดงได้ล่ะ” คิเสะโวยวาย แล้วดึงเด็กสาวผมเขียวอความารีนเข้ามาใกล้ๆ ตัวอย่าง...หวงแหน
    ? “ฉันเจอจิบิเป็นคนแรกนะ เพราะงั้นจิบิต้องเป็นของฉันสิ!

             
             ‘ม หมายความว่าไง ใครเป็นของนายห๊ะ ไอ้โกลเด้น!!’ เฟลทโวยวายในใจ ขณะพยายามยันตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มผมเหลือง

             
              “ไม่ได้น้า เรียวจัง...เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวว่าใครเจอก่อนหลัง แต่มันอยู่ที่ใครดีใครได้ต่างหากล่ะ” ทาคาโอะแย้งขึ้น แล้วเผยรอยยิ้มสนุกสนาน ไม่วายขยิบตาให้ส่งให้เฟลทอีกหนึ่งหน

             
              “พวกคุณเนี่ย ป่าเถื่อนจริงๆ ด้วยนะครับ” ชายหนุ่มผมฟ้ากล่าวอย่างไม่พอใจ

             
            ‘สถานการณ์แบบนี้มันหมายความว่ายังง้ายยยย!’ เด็กสาวผมเขียวอความารีนมองขวาที่คิเสะที มองซ้ายที่ทาคาโอะที และเงยหน้ามองคุโรโกะอีกที ก่อนจะเลื่อนสายตามาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

             
            ‘วาช่วยฉันที!’ ส่งสายตาปริบๆ ขอความช่วยเหลือ มันเป็นการสื่อสารผ่านทางสายตาที่เพื่อนแท้เท่านั้นถึงจะมองออก!(?) และเพื่อนสาวที่ถูกขอความช่วยเหลือก็มองตอบกลับมาอย่างงงๆ ก่อนจะกระพริบตาตอบความช่วยเหลือของเธอ

             
            ‘อะไร..ไม่เอา ไม่ได้ ไม่กล้าหรอก...รับมือโอเรชิคนเดียวก็จะ (เขิน) ตายแล้ว!’ วาส่งสายตากลับอย่าตัดเยื่อใย (?) เพื่อนสนิทสุดๆ

             
            ‘แงงงง เพื่อนทรยศศศศศ เฟลทโวยวายผ่านทางสายตา

             
              “ฮ้าวววว อาคาชิน...นายจะทำยังไงกับมนุษย์สองคนนี้ล่ะ” มุราซากิบาระที่ (น่าจะ) นอนอยู่ข้างหลังวา พูดขึ้นอย่างเอื่อยๆ ตามนิสัยเจ้าตัว

             
              “อืม...ยังมากันไม่ครบ ก็ไม่อาจด่วยสรุปตัดสินใจได้หรอกนะ” อาคาชิตอบ

             
              “ให้ตายสิ...ทำไมต้องตามฉันมาเอี่ยวในเรื่องน่ารำคาญๆ แบบนี้ด้วยนะ” เสียงเข้ม ห้าว...โหด (
    ?) ดังมาจากด้านข้างวา เล่นเอาสาวเจ้าสะดุ้งอย่างตกใจก่อนจะค่อยๆ หันไปมองผู้มาใหม่แบบไม่ให้สุ้มให้เสียง และไม่รู้ว่าจู่ๆ หมอนี่โผล่มาจากทิศไหน?

             
              ชายหนุ่มที่กำลังนั่งขัดสมาธิและเท้าคางบนโต๊ะอย่างเหนื่อยหน่ายนั้น มีผิมสีเข้ม เข้มมาก...เข้มจนเรียกได้ว่าดำมา..(ติ้ดดด สัญญาณขาดหาย) กับเรือนผมตัดสั้นจนติดศีรษะสีน้ำเงินเข้มที่ถูกยีจนมันชี้ๆ ไม่เป็นทรง นัยน์ตาคมปลาบราวสัตว์ป่าสีน้ำเงินเช่นเดียวกันกับสีผม และใบหน้าคมออกแนวโหด เข้ม...ก็ไม่ได้ดูแย่ กลับกัน เขาคนนี้ก็เป็นชายหนุ่มที่ดูดีคนหนึ่งเลยทีเดียว และที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง...เขาหน้าตาเคาะพิมพ์เดียวมาจากตัวละครเรื่อง
    KNB เหมือนกับคนอื่นๆ ในที่นี้ อาโอมิเนะ ไดกิ

             
              (วาเขยิบตัวถอยห่างจากอาโอมิเนะโดยอัตโนมัติ)

              
              “ทาคาโอะ...ฉันให้นายไปตาม
    ทุกคน มาไม่ใช่เหรอ แล้วไปไหนกันหมด” อาคาชิไม่ได้สนใจการปรากฏตัวของอาโอมิเนะ แต่กลับปรายตามองทาคาโอะอย่างคาดคั้น

             
              “โอ๊ะ จะโทษฉันไม่ได้นะ พวกนั้นน่ะลากมาแต่ละทียากจะตาย แถมคราวนี้พวกนั้นยังยกให้เป็นการตัดสินใจของพวกนายหกคนด้วย” ทาคาโอะแบมือทั้งสองข้างออกแล้วส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงบอกว่า
    ฉันไม่เกี่ยว

             
              “งั้นเหรอ...งั้นก็ดี จะได้คุยกันเร็วหน่อย” แต่แทนที่ชายหนุ่มผมแดงจะโกรธ กลับพยักหน้าอย่างพึงพอใจแทน เพราะคิดไว้ในใจว่า ถ้าต้องมาปรึกษาหารือกันทั้งหมดคงเป็นอะไรที่วุ่นวาย

             
              “งั้นตกลงว่าไง กำจัด หรือ ปล่อยให้อยู่ต่อ” มิโดริมะเอ่ยขึ้นมาทันที ราวกับต้องการยุติปัญหานี้เสียที

             
             ‘กำจัด...ปล่อยให้อยู่..ม มันหมายถึงอะไรอ่ะ สองสาวที่นั่งฟังคิดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย แล้วกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก

             
              “ผมขอให้พวกเธออยู่” คุโรโกะออกความเห็นคนแรก
    แล้วหันมายิ้มให้เฟลทอย่างอ่อนโยน

             
              “ฉันก็ออกเสียงแบบเดียวกันกับคุโรโกจจิ” คิเสะพูดแล้วกระชับกอดร่างบางข้างกาย ...ซึ่งเฟลทกำลังพยายามยื้อตัวออกเต็มกำลัง...

             
              “กำจัด” มิโดริมะกล่าวเสียงห้วนแล้วกระชับแว่นให้ชิดสันจมูก

             
              “ยังไงก็ได้...ให้อยู่ต่อก็ดีเหมือนกัน เพราะมนุษย์คนนี้กลิ่นเหมือนช็อคโกแลตเลย” มุราซากิบาระกล่าวเสียงเอื่อย
    แล้วชี้มาที่วา

             
              “กำจัด...พวกมนุษย์น่ะน่ารำคาญจะตายไป” อาโอมิเนะว่าแล้วส่งสายตาไม่ชอบใจมาทางวา เล่นเอาเด็กสาวผมดำแทบจะกระโดดหนี

             
              สายตาห้า ไม่สิ หกคู่ มองมาที่ตัวตัดสินตัวสุดท้ายอย่างอาคาชิ ซึ่งเจ้าตัวยิ้มบางๆ เหลือบสายตามองที่เด็กสาวผมดำประบ่า (ซึ่งกำลังหวาดผวาอาโอมิเนะสุดชีวิต)

             
              “ฉันออกเสียงให้....พวกเธออยู่ต่อ” สิ้นเสียงทุ้ม มิโดริมะก็ร้องเหอะในลำคอ ส่วนอาโอมิเนะก็หันไปอีกด้านอย่างไม่พอใจ

             
              “ดีจังเนอะ จิบิตัวน้อย” คิเสะกอดเฟลทแน่นขึ้นไปอีก แล้วยิ้มอย่างร่าเริง

             
              “ค ใครจิบิห๊ะ ป ปล่อยฉันนะ หายใจไม่ออก” เฟลทตีแขนที่กอดเธออยู่แรงๆ แต่สำหรับคิเสะมันช่างเบาเหมือนถูกมดกัด

             
              “ป่าเถื่อนมากครับ คิเสะคุง” คุโรโกะช่วยดึงร่างเด็กสาวผมสีเขียวอความารีนออกมาจากอ้อมกอดของหมาโกลเด้นขนทอง (
    ?)

             
              “ข ขอบคุณค่ะ” เฟลทหน้าแดงอย่างขวยเขินเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มผมฟ้า

             
              “ครับ” คุโรโกะยิ้มตอบรับคำขอบคุณของอีกฝ่าย

             
              “หึ พวกนายคิดว่ามนุษย์พวกนี้จะรับ
    สิ่งมีชีวิต อย่างพวกเราได้เหรอ” มิโดริมะเหยียดเสียงพูด แล้วพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างสมเพช

             
              วาและเฟลทชะงักไปกับคำพูดของชายหนุ่มผมสีเขียว จะว่าไปตั้งแต่มาถึงที่นี่ ทุกอย่างก็ผิดปกติไปหมด ทั้งพวกเขา..ทีทั้งหน้าตาเหมือนตัวละครที่พวกเธอรู้จัก ทั้งการปรากฏตัวอันไร้ที่มา และคำพูดแปลกๆ รวมทั้งที่พวกเขาบางคนเรียกพวกเธอว่า
    'มนุษย์พวกนี้ ด้วย

             
              หรือว่า...พวกเขาไม่ใช่...
    มนุษย์ อย่างนั้นเหรอ!?

             
              “งั้นพวกเราควรให้พวกเธอได้เห็น
    ร่างจริง ของพวกเราสินะ..ชินทาโร่” อาคาชิมองไปยังมิโดริมะด้วยสายตากดดันจนทำให้บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้ง

             
              “ใช่” มิโดริมะยืนยันสิ่งที่อาคาชิพูด แล้วปรายตามองไปยังเฟลทอย่างไม่สบอารมณ์ “เพราะถ้ามนุษย์พวกนี้เห็นร่างจริงพวกเรา...ก็คงไม่พ้นหวาดกลัวจนสติแตก”

             
              “งั้นก็ได้” อาคาชิพยักหน้าตกลง

             
              “จะดีเหรออาคาชิจจิ ฉันกลัวว่าจิบิจะ..” คิเสะทำท่าจะค้าน แต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อเจอสายตาคมปลาบของชายหนุ่มผมแดงมองมา

              
              “เข้าใจแล้วครับ” คุโรโกะพยักหน้ารับคำ ก่อนจะหันไปหาเฟลทด้วยสายตาเป็นห่วง “มันอาจทำให้คุณตกใจ แต่เชื่อเถอะ พวกเราไม่ทำร้ายพวกคุณ ไม่มีทางทำร้ายพวกคุณอย่างแน่นอน”

             
              เฟลทที่มองเห็นสายตาจริงจังภายใต้ความเป็นห่วงนั้น ก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างพูดไม่ได้เต็มปาก

             
              “ถ้ากลัว...ก็ไม่เป็นไร...แค่หลับตาซะ” อาคาชิหันมาบอกกับวาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลาฉายแววความลำบากใจไม่น้อย

             
              ครืนนนน

             
              เสียงฟ้าร้องข้างนอกดุจดั่งเสียงประกอบบรรยากาศอันตึงเครียดนี้ ลมพายุด้านนอกพัดกรรโชกรุนแรง ไอหมอกสีดำเริ่มโอบล้อมไปทั่วทุกพื้นที่ในห้อง เฟลทหรี่ตาเมื่อเริ่มมองไม่เห็นอะไร แม้กระทั่งคิเสะ คุโรโกะ หรือทาคาโอะที่นั่งข้างๆ เธอ ส่วนวาก็มองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนกเช่นกัน
    ถึงจะพยายามมองหาอาคาชิ..แต่ไอหมอกสีดำนั้นก็บดบังทัศนียภาพของเธอไปจนหมด

              
              ฟึบ...ฟู่...

             
              จู่ๆ ไอหมอกนั้นก็ค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ วาไอสองสามครั้งกับกลิ่นกำยานที่มาพร้อมไอหมอกสีดำ ส่วนเฟลท เธอหันไปหาคิเสะที่นั่งใกล้เธอที่สุดอย่างตกใจ

             
              ชายหนุ่มที่นั่งตรงนั้น..ยังคงมีหน้าตาและรูปร่างเป็นคิเสะ เรียวตะคนเดิม เพียงแต่.. ที่ผิดแผกไปคือหูแมวสีเหลืองทองทั้งสองข้างที่แทรกขึ้นกลางศีรษะ และหางแมวสีเหลืองทองสองหางกำลังโบกสะบัด ใบหน้าของคิเสะฉายแววกังวลและไม่มั่นใจขณะมองหน้าจิบิของเขา

             
              เฟลทอ้าปากค้าง รีบผละสายตาจากคิเสะมามองที่คุโรโกะบ้าง..

             
              ชายหนุ่มผมฟ้ายังคงมีใบหน้าน่ารักเหมือนเดิม เรือนผมสีฟ้าก็ยังชี้ๆ เหมือนเดิม..เพียงแต่นัยน์ตาทั้งสองข้างที่กลายเป็นสีฟ้าใสดุจเกล็ดน้ำแข็ง ชุดที่เปลี่ยนเป็นชุดยูคาตะสีขาวอมฟ้าลายเกล็ดหิมะ ผ้าคลุมศีรษะที่ปกคลุมเส้นผมสีฟ้าเป็นสีขาวหม่น
    และไอเย็นที่วนเวียนรอบๆ ชายหนุ่มผมฟ้าราวกับว่าคุโรโกะนั้นเป็นจุดศูนย์รวมความหนาวเย็น

             
              เด็กสาวผมเขียวอความารีนกระพริบตาปริบอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ครั้นพอหันไปมองทาคาโอะที่นั่งอีกด้านของเธอ

             
              ชายหนุ่มผมสีดำแสกกลางก็ปรากฏปีกขนนกขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้มเหลือบดำที่กลางแผ่นหลัง ซ้ำเจ้าของปีกยังหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้เธออย่างสบายใจ

             
              เฟลทรู้สึกไม่อยากหันไปมองใครอีกแล้ว พอเลื่อนสายตากลับมาที่คิเสะ ก็ดันเหลือบไปเห็นมิโดริมะพอดิบพอดี

             
              ชายหนุ่มผมสีเขียวที่แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในรูปลักษณ์ภายนอก หากที่ผิดสังเกตคือปีกขนนกเรียบลื่นไม่ปตกต่างจากปีกของอีกาสีดำที่ขนาดใหญ่ไม่แพ้ปีกของทาคาโอะ กำลังสยายเต็มแผ่นหลังแกร่งภายใต้ชุดฮากามะ

             
              วินาทีนั้นเฟลทล้มลงพิงคิเสะอย่างหมดสิ้นซึ่งสติทันที...

             
              ความคิดสุดท้ายของเด็กสาวผมเขียวอความารีนก็คือ...

             
            ‘นี่มันบ้าไปแล้วววว!!!’

              
              ...

             
              มาทางวาที่ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอะไรทั้งสิ้นหลังจากเห็นภาพเหตึการณ์ที่เพื่อนสลบไป และสภาพที่
    เปลี่ยนไป ของชายหนุ่มทั้งสี่ที่นั่งตรงกันข้ามกับเธอ

             
              “ไม่เป็นไรหรอก...ฉันไม่ทำร้ายเธอหรอกนะ” เสียงนุ่มๆ อ่อนโยนของอาคาชิดังจากที่นั่งข้างๆ วารวบรวมความกล้าในใจ..แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ

             
              ภาพตรงหน้าทำให้เธอเผลอพึมพำออกมา

             
              “ส..สวยจังเลย” คำพูดนั้นทำให้อาคาชิเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนที่เห็นร่างของเขาแล้วพูดแบบนี้มาก่อน

             
              ชายหนุ่มเรือนผมสีแดงทับทิมนั่งอยู่อย่างสง่างามเช่นเดิม ที่แปลกตาคือใบหูแหลมราวกับหูจิ้งจอกสีขาวบริสุทธิ์ที่แทรกขึ้นมากลางกลุ่มผมนั้น นัยน์ตาสีแดงสดยังคงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มบางๆ ชวนอุ่นใจ และที่ทำให้วาเผลอพูดคำว่า
    สวย ออกมานั้น ก็คือพวงหางจิ้งจอกสีขาวทั้งเก้าที่โบกสะบัดอยู่เบื้องหลังชายหนุ่ม

             
            ‘อ อาคาชิ เป็นจิ้งจอกเก้าหางงั้นเหรอเนี่ย!?’ วาคิดในใจอย่างตื่นตะลึง

             
              “นี่ ยัยมนุษย์ หล่อนจะมองอาคาชิอีกนานมั้ยห๊ะ” เสียงห้าวของอาโอมิเนะเรียกสติของเด็กสาวผมดำกลับมา วาจึงหันหลังไปมองตามเสียงเรียกโดยอัตโนมัติ

             
              อาโอมิเนะกำลังทำท่าเซ็งอย่างถึงที่สุด เท้าคางมองมาที่วาอย่างโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้เด็กสาวผมดำประบ่าสนใจมากกว่าที่เจ้าดำ (
    ?) ทำเขม่นเธอ ก็คือใบหูตั้งๆ สีน้ำตาลแบบเดียวกับสุนัขที่กระดิกอยู่บนศีรษะของอาโอมิเนะ และหางสุนัขสีน้ำตาลอ่อนที่สะบัดไปมาตามอารมณ์ของเจ้าตัว

             
            ‘อ อาโอมิเนะกลายเป็นหมาไปแล้ว!?’

             
              “ฮ้าววววว มิเนะชิน..ทำช็อคโกแลตอ้าปากค้างด้วยล่ะ” มุราซากิบาระที่ยังนอนอยู่ทางด้านหลังพูดพร้อมๆ กับหาวออกมาเสียงดัง

             
              วาที่ตอนนี้คิดว่ารับได้หมดแล้ว..และจะไม่สลบเป็นรอบที่สี่แน่ๆ ก็จำใจหันหลังไปมองชายหนุ่มผมม่วงคนสุดท้ายในห้อง

             
              มุราซากิบาระยังคงนอนเอามือทูนหัวอยู่อย่างนั้น ในปากมีเซ็มเบ้ที่ไม่รู้เจ้าตัวไปฉกมาตอนไหนและไปเอามาจากไหน สภาพโดยรวมไม่มีอะไรผิดแปลกจนผิดสังเกตเท่าๆ คนที่เหลือเลยสักนิด ที่จะมีแปลกไปก็มีเพียงเขาเล็กๆ สองข้างงอกออกมาจากหน้าผาก

             
            ‘ลักษณะแบบนี้...ยักษ์ (โอนิ) งั้นเหรอ!?’

             
              วาหันหลังกลับมา ภายในสมองยังตีรวนกันด้วยความคิดมากมาย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง...แล้วพูดออกมาด้วยความกล้าทั้งหมดที่มี

             
              “เอ่อ...พาเฟลทกับฉันไปพักที่ห้องได้มั้ยคะ” เด็กสาวผมดำยิ้มแหย ท่ามกลางสายตาของคน ไม่สิ...ปีศาจหกตนที่จ้องมองมา

             
              นี่พวกเธอมาพบเจอกับอะไรที่แปลกประหลาดสุดติ่งเข้าเสียแล้วใช่มั้ยเนี่ย
    !

    ===========================================================================
    คุยกับไรท์เตอร์

              มาแล้วๆ ตามสัญญาๆ ถึงจะมาซะดึก เพราะตอนนี้ค่อนข้างยาว และผมปั่นสดลงสดกันเลยทีเดียว (ไม่ได้แอบจับดาบเลยนะ ไม่เค๊ยยยยย //โดนเตะ) เพราะตอนนี้มันยาว ผมเลยขึ้เกียจหั่น และไม่รู้จะหั่นตรงไหนดี เลยลงมันหมดนี่ในตอนเดียว ในตอนนี้นางเอกรู้แล้วว่าพระเอก (?) ไม่ใช่คน หลังจากนี้ ไรท์คงต้องไปเค้นสมองใหม่ว่าจะแต่งต่ออย่างไร ไปทางใดดี เพราะงั้นจะมาลงอีกทีคือวันอาทิตย์นะเจ้ (เผ่นนนน) วันนี้ก็ โอยาสุมิอีกเช่นเคย (คลุมโปงหนี)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×