ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KNB] Dimension of love ผจญมิติรักร้ายกับนายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : พายุฤดูร้อน...เหรอ?

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 58


    บทนำ : พายุฤดูร้อน...เหรอ?
     


             ณ ที่แห่งหนึ่ง ที่ๆ มืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่างใดๆ เต็มไปด้วยหมอกควันสีขาวและกลิ่นของกำยาน ทุกพื้นที่ของสถานที่แห่งนั้นดำมืดราวกับถูกกลืนไปด้วยสีดำทมิฬ ร่างหนึ่งร่างกำลังยืนอยู่บนพื้นที่สีดำสนิทนั้นอย่างโดดเดี่ยว เงามืดกลืนกินไปทั่วทั้งร่างๆ นั้นจนไม่สามารถมองออกได้ว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แม้กระทั่งร่างๆ นั้นเป็นเพศหญิงหรือชายก็ไม่อาจที่จะบอกได้

             
              “โลกใบนี้เงียบเหงาจริงๆ” เสียงแหบดังก้อง มือที่ถูกเงาสีดำกลืนกินยกขึ้น สะบัดเบาๆ ก็ปรากฏกระจกทรงกลมบานหนึ่งอยู่ตรงหน้าร่างๆ นั้น

             
              “น่าจะถึงเวลาที่จะมีเรื่องอะไรเข้ามาในโลกใบนี้ได้แล้ว” ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ก็เหมือนกับว่าร่างๆ นั้นกำลังแย้มยิ้มน่าหวาดหวั่น

             
              ภายนอกกระจกตรงหน้าของร่างสีดำ ปรากฏภาพของเด็กสาวสองคนที่กำลังอ่านอะไรบางอย่างในโทรศัพท์มือถือและหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน

             
              “เอาล่ะ....ข้าเลือกพวกเจ้า” หลังจากเสียงแหบนั้นกล่าวจบ ร่างสีดำก็สลายหายไปเหลือเพียงหมอกควันสีขาวจางเท่านั้น...

             
              ...

             
              ในห้องสมุดเอกชน จังหวัดกรุงเทพมหานคร

             
              “เฮ้ยๆ อย่าเปิดฉากเรทก่อนสิ
    !” เสียงใสดังมาจากเด็กสาวร่างสูงเพรียวบาง ค่อนข้างสูงกว่าเด็กสาวอายุสิบเจ็ดนิดหน่อย (สูง170ซม.) ในชุดเสื้อยืดสีฟ้าลายทางสีขาว กับกางเกงขาสั้นสีชา เรือนผมสีดำสนิทเหมือนก้อนถ่านตัดสั้นประบ่า มือทั้งสองข้างยกปิดนัยน์ตาสีน้ำตาลเฮเซลเอาไว้เมื่อเพื่อนที่นั่งข้างๆ กันดันเปิดโดจิน Yaoi ของอนิเมะเรื่อง KNB เล่นเอาสาวน้อย (?) ที่ไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้อย่าง วาหรือวาเลนไทน์ ถึงกับปิดตาแทบไม่ทันเลยทีเดียว

             
              “แหมแก...อออกจะน่ารัก” เด็กสาวที่นั่งอ่านโดจินเรทนิดๆในสมาร์ทโฟน รูปร่างเล็กและบอบบางกว่าเพื่อนของตนอยู่มากหน่อย (สูง
    161ซม.) ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูเข้ากันกับรูปร่างเล็กๆ (ไม่ต้องย้ำก็ได้เว้ยยย // เสียงเด็กสาวแว่วมา) ของเธอเป็นอย่างดี ยิ่งมาทำผมสีเขียวน้ำทะเลตามตัวละครญี่ปุ่นชื่อ Miku เด่นสะดุดตาชาวบ้านชาวช่องแบบนี้ด้วยแล้ว..ต้องขอบอกเลยว่าถ้าหน้าตาของ เฟลท คนนี้ไม่น่ารักจริงๆ มีหวังได้โดยล้อว่าแมลงวันหัวเขียวไปอีกสิบชาติ

             
              “น่ารักตรงไหนฮะเฟลท ปิดเลยนะปิดเลย” ไม่ว่าเปล่าวาทำการปิดหน้าจอมือถือเพื่อนอย่างถือวิสาสะไปทันที

             
              “ง่ะ น่าเสียดายอ่ะ อีกนิดเดียวจะไคลแมกซ์ล่ะ...” เฟลทบ่นแล้วทำหน้ายู่ใส่เพื่อนสาวของตน แต่ก็บอกเก็บมือถือของตนลงกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลแต่โดยดี

             
              “ฉากเรทเนี่ยนะ” เด็กสาวผมดำประบ่าส่ายหน้าดิก เนื่องจากไม่ประสีประสากับฉากเรททุกชนิด
    “หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่อ่านว่ะครับ” วาทำมือเป็นรูปกากบาท แล้วทำหน้าบึ้งตึง

             
              “จ้ะ แม่คนใสซื่อ” เด็กสาวผมสีเขียวอความารีนทรงทวินเทลส่ายหน้าเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ ไปกันได้แล้วมั้ง จะห้าโมงเย็นแล้วเนี่ย” เฟลทก้มมองนาฬิการูปนิโกว ซึ่งเป็นสุนัขจากเรื่อง
    KNB

             
              “เย็นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย มัวแต่นั่งอ่านฟิค ลืมเวลาไปเลยแหะ” วามองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใส พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ก่อนจะถอนหายใจ เพราะรู้ดีว่าถึงกลับช้ากลับเร็วก็ไม่มีใครอยู่เพื่อถามว่าไปไหนมา หรือถามว่าจะกลับรึยังอยู่ดี

             
              “แกคิดเรื่องพ่อแม่อยู่ใช่ป่ะ” เฟลทตบบ่าเพื่อนสนิทที่คบกันมายาวนานถึงห้าปีของตนเบาๆ รู้ดีว่าพ่อกับแม่ของวาเลนไทน์ไปทำงานต่างประเทศ และกลับมาหาลูกสาวเพียงคนเดียวปีละสามสี่ครั้ง เฉพาะช่วงเวลาสำคัญ เช่นเป็นวันเกิดของวา หรือ เป็นวันคริสมาสต์ อะไรทำนองนั้น

             
              “อือ...ช่างเหอะ วันนี้ฉันไปกินข้าวที่หอแกแล้วกัน พี่สาวแกอยู่ป่ะล่ะ” วาหยิบกระเป๋าสีดำขึ้นมาสะพาย แล้วยิ้มแห้งๆ พี่สาวของเฟลทที่ว่าคือพี่ฟิชที่ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ซึ่งสองพี่น้องอยู่หอพักเดียวกันเพราะมาเรียนกรุงเทพเหมือนกัน

             
              “ไม่อยู่ เห็นบอกไปดูหนังรอบดึกอะไรสักอย่าง” เฟลทตอบพลางส่ายหน้า

             
              “งั้นฝากท้องวันนึง” วายิ้มอย่างดีใจ แล้วเดินออกจากห้องสมุดเอกชนพร้อมๆ กับเพื่อนของตน

             
              “เออน่ะ แล้วจะแวะซื้ออะไรกินอ่ะ บอกไว้ก่อนไม่ทำเองแล้วนะเว้ย คราวก่อนห้องครัวเกือบไหม้ ฉันนี่โดนพี่ฟิชบ่นหูเกือบหนวก” เฟลทมองหาร้านอาหารตามสั่ง แล้วบ่นอุบ เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วพวกเธอสองคนกะจะลองทำไข่ม้วนกินกันที่หอของเฟลท ผลคือไฟเกือบไหม้ดีที่ดับทัน พี่ฟิชกลับมาเจอสภาพครัวเละเทะเลยบ่นทั้งเฟลททั้งวาแบบมาราธอนสองชั่วโมง แล้วห้ามไม่ให้ทั้งสองเข้าครัวอีก

             
              “ใครจะกล้าทำอีกล่ะ....” วาก้มหน้าจ๋อยๆ เพราะเรื่องเมื่ออาทิตย์ที่แล้วทำเอาพี่ฟิชเขม่นเธอมาจนถึงปัจจุบัน

              
              “งั้นก็แนะนำร้านป้าต๋อย....อ๊ะ”
    เฟลทที่กำลังจะแนะนำร้านข้าวตามสั่ง ก็ร้องขึ้นเบาๆ เมื่อมีจู่ๆ ก็มีลมพัดแรงจนขี้ฝุ่นปลิวว่อนมาเข้าตา

             
              “เฮ้ย ทำไมจู่ๆ ลมถึงพัดแรงปานนั้น” วายกมือกันตาตัวเองเอาไว้ พยายามเพ่งมองไปข้างหน้าโดนไม่ให้ขี้ฝุ่นปลิวเข้าตา ลมที่จู่ๆ ก็พัดมายิ่งโหมแรงขึ้นราวกับจะมีพายุเข้า ผู้คนร้องแตกตื่นแล้วหาที่หลบกันจ้าละหวั่น

             
              “จะรู้เหรอ...โอยยยย ฝุ่นเข้าตา” เฟลทขยี้ตาตัวเองเบาๆ อย่างนึกรำคาญ ทำไมจู่ๆ ถึงมีพายุฟะ นี่หน้าร้อนนะหน้าร้อน หรือพายุโซนร้อนจะมา แต่เอ๊ะ...รู้สึกเหมือนพื้นมันอยู่ห่างจากเท้าจังหว่า อย่างกับเราไม่ได้เหยียบบนพื้นอยู่อย่างนั้น... “ฮะ เฮ้ยยย
    !!!!” เด็กสาวผมเขียวร้องตะโกนอย่างตกใจ เมื่อพบว่าร่างของตนกำลังลอยสูงเหนือพื้น

             
              “ว...เหวออออออ
    !” วาเองก็เช่นกัน เธอเบิกตากว้างไม่สนใจปัดป้องขี้ฝุ่นอีกต่อไป เพราะตอนนี้ร่างของเธอกำลังลอยสูงขึ้นเหนือพื้นดินนนนนน!

             
              ทั้งสองมองหน้ากันอย่างแตกตื่นเมื่อลมพายุมาล้อมรอบร่างไว้ ราวกับพวกเธออยู่ใจกลางของลมทอร์นาโดร์ ไม่มีใครทันสังเกตเห็นเลยว่ามีเด็กสาวสองคนกำลังถูกพัดขึ้นสู่ท้องฟ้า
    !

             
              น..นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ยยย
    !!??

             
              “เฟลท
    !!!” วาตะโกนชื่อเพื่อนแล้วพยายามเอื้อมมือไปจับมือของเด็กสาวผมเขียวเอาไว้

             
              “เฮ้ย วาจับมือฉันไว้
    !!” เฟลทเองก็เอื้อมมือไปหาวาเช่นกัน

             
              หมับ

             
              มือทั้งสองจับกันแน่น พอดีกันกับที่พายุหมุนตัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับอากาศภายในที่ลดน้อยลงจากแรงของลม เด็กสาวทั้งสองประคองสติเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ก่อนที่ร่างจะค่อยๆ หมดแรงต่อต้าน ปล่อยให้กระแสลมอันรุนแรงพัดพาไป...ไปยังที่ๆ ทั้งสองไม่มีทางที่จะคาดถึง

             
              ‘เอาล่ะ ละครบทแรก...เริ่มแล้ว นั่นคือเสียงกระซิบหวีดหวิว ที่ถูกสายลมกลบไปจนทำให้ไม่ได้ยิน....

    ====================================================================================
    คุยกับไรท์เตอร์

              บทนำมาแล้ว ออกจะสั้นไปหน่อยหนึ่งเพราะแต่งไปความยาวบทนี้แค่สามหน้า...(ก้มหน้ายอมรับผิด) ไม่รู้ว่ามันดูแปลกมั้ย แต่ก็...พยายามคิดแล้วนะ มันอาจดูไม่สมเหตสมผลช่วงเเรกๆ แต่ก็จะอธิบายช่วงหลังๆ เองล่ะครับ เพราะงั้นก็ เม้นกันกันหน่อยนะครับบบบผมมม (โค้ง)


    CR.SHL


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×