I knew I loved you,, KiHae's Day - I knew I loved you,, KiHae's Day นิยาย I knew I loved you,, KiHae's Day : Dek-D.com - Writer

    I knew I loved you,, KiHae's Day

    ผู้เข้าชมรวม

    537

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    537

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.ย. 54 / 21:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     12/09

    บางทีความรักก็เกิดขึ้นได้ทุกที ทุกเวลา
    แล้วก็เกิดขึ้นได้กับทุกคน
    แม้แต่คนที่ไม่รู้จักกัน

    แบบนี้ล่ะมั้ง
    ที่เรียกกันว่า
    "พรหมลิขิต"

    I knew I loved you before I met you
    I think I dreamed you into live
    I knew I loved you before I met you
    I have been waiting all my live
    ...
    I knew I loved you - Savage Garden
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                  “อืม” ร่างบางค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น ก่อนจะต้องขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อพบว่ารอบตัวนั้นว่างเปล่าจนน่าแปลก ไม่มีผู้คน ไม่มีอาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่ต้นหญ้าเล็กๆ ไม่มีอะไรที่มากไปกว่าหมอกจางๆ ที่ลอยอยู่ทั่ว สิ่งที่เห็นคงไม่มีอะไรมากไปกว่าความว่งเปล่าสุดลูกหูลูกตา กับด้ายแดงที่พันอยู่บนปลายนิ้วก้อย

                  “ที่ไหน” คนหน้าหวานยังคงถามตัวเองต่อไป ก่อนจะตัดสินใจเดินไปตามด้ายแดงที่ยาวจนมองไม่เห็นปลาย ทั้งที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว มันจะไปสิ้นสุดที่ไหน

                  ในที่สุดก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้วสินะ

      ที่ปลายอีกด้านของด้ายแดง มีใคบางคนยืนอยู่ และปลายของเส้นด้ายก็จบลงที่นิ้วก้อยของเขาเช่นกัน เหมือนว่าใครคนนั้นจะยืนรออยู่ เพราะรู้ดีว่าร่างบางต้องมาถึงที่นี่

      “นาย” คำพูดที่ออกมาอย่างยากลำบาก เบาเกินกว่าจะได้ยิน เหมือนมีบางอย่างกั้นไว้ เขายังอยู่ที่เดิม ในที่ที่ไกลเกินกว่าจะมองห็นอย่างชัดเจน “นายคือ

       

      “ตื่นเดี๋ยวนี้เลยยยยยยยย! >O<” เสียงสดใสชวดปวดหูเรียกคนหน้าหวานออกมาจากความฝันอันยาวนาน ดงเฮมองคนตรงหน้าอย่างงงๆ ก่อนจะมองไปรอบๆห้องเพื่อความแน่ใจ

                  “ห้องฉัน?”

      “เออ! ถ้าไม่ใช่ห้องนายแล้วมันจะเป็นที่ไหน =*=

      “แล้วแล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ!

      “แล้วอะไรกัน ไปอาบน้ำได้แล้ว รีบลงไปกินข้าวด้วย ฉันหิว” พูดจบฮยอกแจก็เดินออกไป

      ฝันเหรอ บ้าจริง! หมอนั่นเป็นใครกัน

       

      วันนี้เป็นวันหยุด แถมฮยอกแจยังออกไปข้างนอก สุดท้าย เวลาบ่ายของดงเฮก็มาจบลงที่ร้านกาแฟใกล้บ้าน ด้วยเหตุลที่ว่าไม่อยากอยู่คนเดียว อย่างน้อยการนั่งในร้านกาแฟก็ทำให้เขาได้เห็นผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปมา

      น่าแปลกที่ดงเฮยิ้มออกมา กับโลกด้านนอกกระจกที่ไม่ได้รู้จักกัน

      คนที่เดินผ่านไป กำลังกุมมือใครอีกคนขนอุ่น ในสวันที่อากาศหนาว

      คนที่เดินผ่านไป กำลังมอบรอยยิ้มอ่อนโยน ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย

      คนที่นั่งมองจากตรงนี้ ถึงได้มีความสุขตามไปด้วย ทั้งที่ส่วนลึกของใจบอกว่าอิจฉา

      You are my everything… Nothing your love won’t bring…

                  “ถ้าจะโทรมาตอนที่ฉันกำลังอารมณ์ดีแบบนี้นะฮยอกแจ

      [ก็จะโทรมาชวนไปกินข้าวเนี่ย แต่ถ้าอยากจะทำอารมณ์ตามสบายต่อไปฉันก็ไม่ว่านะ]

      “เฮ้ย! ไปๆๆๆ รอก่อนนะ” แล้วดงเฮก็รีบวางสาย ก่อนจะรีบออกไปอย่างรวดเร็ว

      ตุบ!

                  “โอ๊ย!” คนหน้าหวานร้องอย่างตกใจ คลำหน้าผากตัวเองที่ชนเข้ากับใครอีกคนแบบไม่ทันตั้งตัว ก็ใครจะคิดว่าจะมีคนเดินเข้ามาล่ะ ยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย

      “ไม่เป็นไรใช่มั้ย” ร่างสูงถามอย่างไม่แน่ใจ เมื่อเห็นร่างบางเอาแต่ยืนถูหน้าผากขาวๆ

      “อ อืม ขอโทษนะ” ดงเฮก้มหัวให้แล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะรีบไปไหนเหมือนตอนแรก แต่เป็นเพราะหัวใจกำลังเต้นรัวทั้งที่ไม่ได้เห็นหน้าเขาชัดๆ ต่างหาก

      ในอีกด้านร่างสูงยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิม ทั้งที่ร่างบางเดินออกไปนานแล้ว เขายืนอยู่นานจนกระทั่งโต๊ะมุมในสุดริมกระจกของร้านว่างลง ถึงได้รู้สึกตัว และก็นั่งลง ตรงที่ที่ร่างบางเพิ่งจะจากมา

      “ขอโทษทีนะ รถติด รอนานรึปล่าวะ” คนที่เพิ่งมาใหม่นั่งลงก่อนจะเริ่มถาม

      “ไม่ ฉันเพิ่งมาถึงเหมือนกัน นัดฉันมามีอะไรรึเปล่าซีวอน”

      “อะไรวะ จะนัดออกมาข้างนอกนี่ต้องมีธุระด้วยเหรอ” ซีวอนหัวเราะเบาๆ “มากไปแล้วโว้ยไอ้คิบอม”

       

      “มาช้า =O=” ฮยอกแจว่า “แล้วไปเดินลากอะไรมาเนี่ย”

      “หือ?”

      “ไปเกี่ยวด้ายอะไรมาเป็นทางเลย -*-

      “เกี่ยวอะไร -O-” ดงเฮมองรอบข้าง อย่าว่าแต่ด้ายซักเส้น ผมซักเส้นยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

      “ไม่เห็นจริงอ้ะ O.o” ฮยอกแจถามย้ำ ก่อนจะมองลงไปที่นิ้วก้อยที่มีด้ายพันของดงเฮ

      “ก็ใช่นะสิ ถามแปลกๆ มีด้ายอะไรที่ไหนกัน”

      “งั้นก็ช่างเหอะ กินข้าวดีกว่า”

      “ประหลาด” คนหน้าหวานบ่น

      เมื่อพ้นสายตาของดงเฮแล้ว ฮยอกแจเหยียดยิ้มบางๆ ให้ตัวเอง นึกถึงความสามารถเฉพาะตัวที่ลืมมันไปแล้วลีฮยอกแจเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น และหนึ่งในสิ่งเหล่านั้นก็คือ พรหมลิขิต ด้ายแดงที่ยาวจนพ้นสายตาไม่ได้มาจากความซุ่มซ่ามของเพื่อนเขา แต่มันมาจากคนอีกคนที่เป็นคู่กันต่างหาก

       

      Maybe it’s intuition

      But something you just don’t question

      Like in your eyes…

                  ดงเฮนั่งกอดเข่าฟังเพลงอยู่คนเดียวนานเป็นชั่วโมง เอาแต่เปิดเพลงเดิมซ้ำๆ วนไปวนมาอย่างไม่มีเหตุผล อธิบายไม่ได้ว่าทำไม ถึงเอาแต่ฟังเพลงนี้แล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว

      “เป็นอะไรเนี่ย นั่งยิ้มอยู่ได้ หน้าต่างมันมีอะไนงอกออกมารึไงกัน =*=

      “ไม่รู้ซักเรื่องได้มั้ยฮยอก! ฉันกำลังอารมณ์ดี อย่าเพิ่งขัดเหอะ ขอร้อง”

      “เอาไว้อารมณ์ดีตอนอื่นแล้วกัน ออกไปซื้อของให้หน่อยสิ เย็นนี้ฉันไม่อยู่บ้านนะ”

      “ชิ! ใช้ได้ใช้ดีจริงๆ นะ” คนหน้าหวานเบ้ปาก

      “อ่ะ! นี่รายการ นายไม่ซื้อของเข้าบ้านมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ไอ้นั่นก็หมด ไอ้นี่ก็หมด”

      “ไม่รู้สิ 2 เดือนแล้วมั้ง แค่นี้ใช่มั้ย ไปนะ”

       

      I see my future in an instant

      And here it goes

      I think I found my best friend…

                คิบอมหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเพลงที่คุ้นหู แม้แต่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ยังหนีไม่พ้น ทุกครั้งที่ฟังมาถึงตรงนี้ เขาก็ต้องหัวเราะไปทุกครั้ง บนโลกนี้จะมีใครที่เป็นอย่างเพลงนี้ได้จริงรึเปล่านะ เขาจะสามารถรักใครที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้จริงรึเปล่า

      You are my everything… / Even though it seems I have everything…

                  “ฮัลโหล” ร่างสูงรับโทรศัพท์อย่างเย็นชา

      “โทรมาทำไม” และที่อีกด้านของชั้นวางของคนหน้าหวานก็กำลังทำในสิ่งเดียวกัน

      “ไร้สาระเป็นบ้า” คิบอมบ่นใส่โทรศัพท์ของตัวเอง “แล้วนี่นายอยู่ไหน”

      “ออกมาซื้อของให้ฮยอกแจ รอไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวรีบกลับไป” ดงเฮบอก

      “นี่! ถ้าช้าได้ขนาดนี้ก็ไม่ต้องหามันแล้ว!” คิบอมเริ่มหงุดหงิดกับตัวเอง

      “นี่ก็รีบที่สุดแล้ว บ้านฉันแทบจะเหลือแต่น้ำเปล่าอยู่แล้วนะซองมิน ขอซื้อของก่อนได้รึเปล่า รออยู่หน้าบ้านนั่นแหละ” ดงเฮกรอกเสียงกลับลงไป

      “พอๆๆๆ วางหูไปซะ เดี๋ยวไว้เจอกันแล้วค่อยคุยทีเดียว” คิบอมตัดบท

      “อืม แค่นี้น” แล้วดงเฮก็วางหู เดินไปอีกทางเพื่อรีบซื้อของให้เสร็จ พร้อมๆ กับที่คิบอมเข็นรถเข็นเอาของทั้งหมดไปจ่ายเงิน โดยไม่ได้รับรู้ถึงบทสนทนาที่เหมือนกำลังคุยกันอยู่เมื่อกี้นี้เลย

       

      “จะมาตกอะไรตอนนี้นะ” คนหน้าหวานมองสายฝนตรงหน้าอย่างหงุดหงิด ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูซุปเปอร์มาร์เก็ตออกไป ละอองน้ำเล็กๆ ที่หยดลงจากฟ้าก็หนาขึ้นจนมองแทบไม่เห็นด้านนอกซะแล้ว

      “คุณกำลังรีบสินะ” ร่างสูงเดาเล่นๆ เมื่อเห็นอาการของคนที่ติดฝนอยู่ด้วยกัน

      ” ดงเฮได้แต่ถอนหายใจ เขาไม่อยากจะคุยกับแปลกหน้าในเวลานี้เท่าไหร่

      “หงุดหงิดไปฝนมันก็คงไม่หยุดง่ายๆ หรอก ผมว่าคุณใจเย็นๆ ดีกว่า”

      “ปกติคุณคุยกับคนแปลกหน้าแบบนี้น่ะเหรอ” คำพูดของคนหน้าหวานถูกกลืนหายลงไปเมื่อได้เห็น คนแปลกหน้าที่ยืนคุยอยู่นาน

      เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จัก

      เขามั่นใจว่าไม่เคยเจอมาก่อน

      เขามั่นใจว่าตรงหน้าคอคนแปลกหน้า

      แต่หัวใจกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ทำไมกันนะ

       

      There’s just no rhyme or reason

      Only the sense of completion

      บางที คำถามของดงเฮก็ไม่ได้ต้องการคำตอบหรอก

       

      “ขอโทษทีนะซองมิน พอดีฉันติดฝนน่ะ” ดงเฮยิ้มแห้งๆ ให้ซองมิน ที่จริง แค่พ้นจากหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตมานิดเดียว ถนนก็แห้งเหมือนว่าฝนตกแค่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเลยล่ะฃ

      “หืม ฉันรอมา 10 นาที น้ำซักหยดยังไม่มีเลย” ซองมินหัวเราะเบาๆ แต่เมื่อเห็นสภาพดงเฮก็พอจะรู้ได้ล่ะว่าฝนตกจริงๆ “เข้าบ้านเถอะ”

      “อืม ขอโทษนะ” ดงเฮบอกซ้ำๆ ก่อนจะไขกุญแจเข้าไปด้านใน

      “นี่นายรู้เรื่องผู้จัดการฝ่ายคนใหม่ที่ย้ายมาจากอเมริการึยังเนี่ย”

      “หือ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” คนหน้าหวานทำหน้างง

      “ก็มีน่ะสิ”

      “แล้วเค้าจะมาเมื่อไหร่

      “พรุ่งนี้

       

      หมอกจางๆ กลับมาอีกแล้ว รอบตัวดงเฮกลายเป็นสีขาวเหมือนที่เคยเป็น ด้ายแดงที่เคยพันอยู่บนปลายนิ้วก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิมแต่ครั้งนี้ปลายของมันไม่ได้ยาจนสุดทางอีกแล้ว มันจบลงที่คนตรงหน้าเขาทันที

      คนหน้าหวานค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ช้าๆ แววตาที่เคยร่าเริงกำลังสั่น เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไป

                  “มันยังไม่ถึงเวลา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เสียงที่คุ้นเคย แต่กลับบอกไม่ได้ว่าทำไม “แล้วเราจะเจอกัน

      “อืม” เสียงที่เบาหวิวลอดผ่านลำคอของดงเฮออกมาอย่างยากเย็น “ฉันรู้

       

      พรึ่บ!

      “ฝันเหรอวะ” แล้วคนหน้าหวานก็ต้องอารมณ์เสียอีกครั้ง เมื่อหันไปมองนาฬิกาบนผนัง “ตี 2! บ้ารึไงวะ มาตื่นเอาตอนนี้เนี่ย =[]=

      ถึงจะตื่นมาโวยวายกับตัวเองแล้ว ความโมโหก็ไม่ได้หายไปง่ายๆ คนหน้าหวานจึงได้แต่นอนลืมตาค้างอยู่บนเตียงนุ่ม รอเวลาที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้า แต่ก็เหมือนรออะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น

      And in your eyes, I see the missing pieces

      I’m searching for

      I think I found my way home

       

      เช้าวันต่อมา

      ฮยอกแจหันมองคนข้างตัวอย่างงงๆ ไม่รู้ว่าวันนี้ ดงเฮพาวิญญาณมาด้วยรึเปล่านะ ทำไมถึงได้ดูเหม่อลอยอย่างบอกไม่ถูกแบบนี้

      “โอ๊ย! เป็นอะไรเนี่ยด๊อง ตื่นรึยังเนี่ย”

      “หือ? ตื่นแล้วสิ ถ้ายังไม่ตื่นจะให้ละเมอมารึไง”

      “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้ว!” ฮยอกแจทำหน้าบูด

      “ฮ่าๆ ฉัน ไม่รู้สิ เหมือนกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง

      “ฉันยังไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าคิดถึงอะไรกันแน่”

      “จะที่ฉันเคบอกได้มั้ย” ฮยอกแจถามโดยไม่หันมามองสีหน้างงๆ ของดงเฮ

      “เรื่องไหน

      “เนื้อคู่ของนายจะมาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว นายจะรักเค้าทั้งที่ไม่รูจักกัน”

      แล้วฉันจะรักเค้าได้จริงๆ เหรอ

      ถ้าไม่ได้ แล้วรักแรกพบมันจะเกิดขึ้นได้ยังไงล่ะ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เหตุผล ถ้าหัวใจมันบอกว่ารัก ก็คือรักนั่นแหละ

      วันนั้น ฮยอกแจบอกเขามาแบบนี้ และมันก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุดสหรับดงเฮ แต่ตอนนี้ เขาคิดว่าเขาเชื่อนะ เพราะหัวใจมันเต้นแรงอย่างไม่ฟังเจ้าของ เหมือนรู้ว่าถึงเวลาที่รอมานานแล้ว

      I know that it might sound

      More than a little crazy

      But I believe

       

      รถสีดำสนิทเลี้ยวเข้าสู่บริษัทใหญ่อย่างไม่รีบร้อน เช่นเดียวกับอารมณ์ของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย คิบอมยิ้มน้อยๆ ให้กับสภาพเมืองที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนี้ ไม่รู้ว่ารอบข้างที่มีแต่ตึกกับรถยนต์มันมีอะไรให้เขายิ้มได้อย่างนี้กันนะ

      “ซีวอนล่ะ”

      “รออยู่ในห้อ้งค่ะ” เลขาของซีวอนตอบอย่างสุภาพ

      “อืม” แล้วคิบอมก็เดินเข้าไป

      “ไง มาแล้วเหรอ”

      “มาแต่เช้าหรือยังไม่ได้กลับเนี่ย” คิบอมถามเล่นๆ

      “อย่างหลังว่ะ แต่นายมาเช้าดีนี่”

      “อืม” คิบอมรับโดยไม่ได้บอกเหตุผล ว่าเค้านอนแทบไม่หลับเลยต่างหาก “ไม่มีอะไรแล้วมั้ง งั้นฉันไปก่อนนะ”

      “อืม ไปถอะ ประชุม 9 โมงนะ” ซวอนบอกตามหลังคนที่เดินออกไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าคิบอมไม่ได้หยุดฟัง

      ร่างสูงเดินไปที่ลิฟต์อย่างใจลอย อยู่ดีๆ ภาพของคนหน้าหวานในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ลอยเข้ามาในหัว

      ใบหน้าที่หงุดหงิดกับสายฝนอย่างถึงที่สุดยึดครองความคิดของเขาไว้จนหมด

      เสียงเพลงที่ฟังบ่อยๆ ลอยขึ้นมาในหัวอย่างไม่มีเหตุผล

      หัวใจเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้

      แล้วคิบอมก็ได้เข้าใจทุกอย่าง เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก

      “นาย” เสียงที่เบาหวิวราวกับสายลมกำลังเรียกเขา

      I knew I loved you before I met you

      “อืม” แล้วเขาก็กำลังตอบรับกลับไป “ผมเอง”

      I think I dreamed you into life

                “ฉัน” ดงเฮขยับปากช้าๆ เหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอ

      I knew I loved you before I met you

                  ” แต่คิบอมก็รู้แล้วว่าดงเฮกำลังจะพูดอะไร หัวใจของเขารู้ทุกอย่าง

      I have been waiting all my life

                  “นายจริงๆ สินะ” ดงเฮยิ้มพร้อมกับทิ้งตัวลงสู่อ้อมกอดของคิบอมโดยไม่รอฟังคำพูดอะไร

                  “อืม” คิบอมโอบกอดร่างบางเอาไว้โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น

      เขาไม่รู้เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้

      ไม่รู้ว่าทำไม

      ทั้งที่ไม่เคยรู้จักคนตรงหน้ามาก่อน

      แต่สิ่งที่เคยเกิดขึ้นกลับไหลเข้ามาในหัวไม่ยอมหยุด

      ตั้งแต่วันที่เดินชนกันในร้านกาแฟ

      หรือวันที่ติดฝนอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต

      หรือแม้แต่ตอนที่ลิฟต์เปิดออก

      คิบอมไม่รู้อะไรทั้งนั้น

      อย่างเดียวที่เขารู้

      I knew I loved you…

      ============================

      มันไม่ค่อยจะสั้นเท่าไหร่
      สาเหตุคือ จบไม่ลง
      ==;
      ใช้เวลา 12 วัน
      =O=
      ไม่รู้มันนานไปมั้ยนะสำหรับ SF
      เม้นซักนิดนะคะ
      จะได้เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์
      :)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×