ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My lovely pet. เจ้าหมากุ๊ยข้างบ้านของยัยหน้าหวานสุดโหด

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 57


    บทที่ 1

    ตอนนี้ฉันก็มาถึงโรงเรียนและซ้อมบาสอยู่กับเพื่อน จริงๆฉันว่าฉันควรเอาเวลานี้ไปอ่านหนังสือนะ (พึ่งคิดได้)

    “หยา ไปเตรียมตัวเข้าแถวเหอะจะแปดโมงละ”

    “อือๆ”

    เสียงข้าวฟ่างเพื่อนสนิทสุดน่ารักของฉันตะโกนเรียกฉันให้ไปเตรียมตัวเข้าแถว แล้วฉันก็เอาลูกบาสฯไปคืนที่ห้องพละ และไปที่สนาม

    “พี่หยา”

    หึ เสียงอีตาฟีนอลไม่ใช่หรอ ลืมซะสนิทเลยว่าไม่ได้เอาข้าวกล่องมา โดนอีตานั้นเทศน์ชัวร์

    “พี่”

    ฉันหั่นไปตามเสียงเรียก แล้วเขาก็ยื่นกล่องข้าวให้

    “ก่อนออกมาหัดเช็คอะไรให้มันดีๆหน่อยสิ”

    “ก็คนมันลืมหนิ”

    “หันหลังไป”

    “อะไรของนาย”

    “หันหลังไป”

    ฉันหันหลังไปตามที่เขาบอก แล้วเขากะเอาโบว์มาติดให้ฉัน

    “ขืนให้เธอติดเองมีหวังเบี้ยวชัวร์”

    “รู้แล้วน่า ฉันให้เพื่อนฉันติดให้ก็ได้”

    ตอนนี้สีหน้าของเขาบอกบ่งเลยว่ามันคือเรื่องจริง

    “นายนี้เห็นฉันเป็นเด็กไปได้”

    “ก็จริงมั้ยหละ เธอทำอะไรเป็นซะที่ไหน”

    “ที่นี้ไง อย่าลืมซิว่าที่โรงเรียนฉันเป็นเจ้าแม่ และดังมากด้วย ทุกคนยังไม่รู้สักหน่อยว่าบ้านเราอยู่ข้างกันยกเว้นฟ่างกับลูกหมี อย่ามาทำให้ฉันดูเป็นเด็กหน่อยเลย ”

    อีตานั้นชอบทำว่าฉันเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย ชิ! น่าหมั่นไส้

    “หยาไปเข้าแถวกัน”

    ลูกหมีเดินมาเรียกฉัน

    “จ้า”

    และฉันก็ตอบกลับไป

    “นายไส้หัวไปเข้าแถวได้แล้ว”

    “ได้ แต่!

    “แต่อะไร”

    “พี่ลืมนี้”

    อีตานั้นชูเข็มโรงเรียนที่ฉันหาไม่เจอเมื่อเช้าและกุญแจบ้าน และฉันคว้ามันมา

    “ขอบใจย่ะ”

    แล้วฉันก็เดินไปเข้าแถว

    “หยา คนเมื่อกี้ฟีนอลใช่มะ?

    “อืมใช่”

    มีมี่เดินมาถามฉัน

    “แล้วเค้ามาทำไมหละ”

    เอาแล้วไงอีตานั้นหาเรื่องให้ฉันอีกแล้วU*U

    “พอดีว่าฉันลืมของไว้ตรงม้านั่งที่สนามบาสเค้าเลยมาให้เฉยๆหนะ”

    “อ๋อ”

    เกือบแล้วมั้ยหละ

    “แล้วเค้ารู้ได้ไงว่าเป็นของแก”

    สตั้น3วิ แล้วเค้ารู้ได้ไงหละ คิดสิคิด -*- แถแป๊บ

    “สงสัยเขาคงเห็นว่าฉันเอาไปว่างไว้ตรงนั้นมั้ง ^^’

    “อืมๆ”

    “ชั่งมันเหอะเนอะๆ”

    แล้วฉันก็ดันยัยนั้นให้ไปเข้าแถว

    “นักเรียนทั้งหมดแถวตรง”

    อาจารย์ศิริโฉม หัวหน้าฝ่ายปกครองสั่งให้นักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติและทำกิจกรรมหน้าเสาธง

    หลังเคารพธงชาติเสร็จ

    อาจารย์ก็ปล่อยแถวให้นักเรียนไปเรียนตามปกติ จริงๆนอกจากฉันจะเป็นเจ้าแม่นักกีฬาประจำโรงเรียนแล้ว ผลการเรียนของฉันก็ถึงว่าดีเลยเหมือนกันนะ ฉันเลยได้อยู่ห้องต้นๆ ห้องเรียนพิเศษที่พิเศษกว่าคนอื่น (มั้ง) แต่บ้างทีฉันก็โคตรจะเซ็งเลยแหละที่ต้องเรียนเยอะกว่าชาวบ้าน แต่ฉันก็โดดเรียนบ่อยนะ :P

    “เอาหละนักเรียนชั่วโมงนี้เราจะเริ่มเรียนกันที่........”

    12:00 น.

    โอ้ย! เมื่อยจัง ต้องนั่งนิ่งๆเรียนสังคมฟังอาจารย์พูดนี้มันแบบ เอิ่ม~เป็นอะไรที่ ขยับตัวก็ไม่ได้ แค่จะหันไปยืมปากกา                 แล็กเชอร์เพื่อนก็โดนแกมองด้วยสายตาพิฆาต มีเสียงกระจุกกระจิกหน่อยก็บอกให้เงียบจะให้เงียบไปถึงไหนคะอาจารย์ ไปเรียนในป่าช้ากันเลยมะ! เงียบดี L

    “หยาฉันกินข้าวด้วยสิ”

    “เอาดิ”

    ข้าวฟ่างเดินมาที่โต๊ะฉัน และมาขอนั่งกินข้าวกลางวันด้วยกัน

    “ฉันด้วย”

    “เชิญเลย”

    และแยมอีกคน พวกเราเป็นเพื่อนรักและสนิทกันมาก เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันรู้จักกับฟ่างตั้งแต่อนุบาลเราอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด ส่วนแยมเราพึ่งมารู้จักกันตอนขึ้นม.1 ฉันเปิดห่อข้าวกล่องออก

    “น่ากินอ่ะ แก~

    แยมมองด้วยสายตาแพรวพราว และอุทานขึ้นมา วันนี้อีตานั้นทำหมูทอดกระเทียมกับผัดผักมาก็น่ากินอย่างที่ยัยนั้นพูดนั้นแหละ

    “ฟีนอลทำให้ใช่มะ”

    “อืมมีคนเดียวนั้นแหละ”

    ลองให้ฉันทำสิ หมายังไม่กินเลอะ

    “เธอนี้ไม่ไหวเลย เป็นผู้หญิงซะเปล่าทำอาหารไม่เป็น”

    แยมบอกฉัน

    “เอาน่าๆ ขืนให้หยาทำบ้านไฟไหม้พอดี”

    จริง! ก็อย่าที่บอกแหละฉันทำอะไรก็ไม่เรียบร้อยออกมาไม่ดีซะอย่าง

    “นี้ก็ม.6 เทอมสองแล้วนะ พวกแกคิดรึยังว่าจะไปต่อที่ไหน”

    เอาจริงๆก็~…ยังไม่ได้คิดอ่ะ

    “ฉันอยากไปต่อมหาลัยดังๆอ่ะ”

    “ส่วนฉันอยากอยู่ใกล้แม่มากกว่าว่ะ”

    แยมกับฟ่างคุยกันเรื่องเรียนต่อ

    “แกอ่ะหยาจะไปไหน ฉันว่าแกเรียนเก่งออก ลองไปสอบชิงทุนไปต่อต่างประเทศมั้ยหละ ภาษาอังกฤษแกก็เก่งจะตาย”

    ฉันยังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้เลย แล้วต้องไปอยู่ลำพังคนเดียวในต่างประเทศตั้งไกล มีหวังอดตายแน่

    “ว่าไงหละ”

    “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ คงเอาที่ไทยหละมั้ง ไม่ค่อยอยากไปไหนไกล แกก็รู้ฉันดูแลตัวเองไม่ได้”

    “แกก็น่าจะลองนะ ถ้าโตไปแม่แกไม่อยู่ อีตาฟีนอลก็ไม่อยู่แกจะทำยังไงหละ”

    “ฉันก็คงต้องหาคนดีๆมาดูแลฉันหละมั้ง 555+”

    “มันไม่ตลกนะหยา มันชีวิตแกเลยนะโว้ย”

    สอึกเลยแหะ  หน้าตาฟ่างแลดูจริงจังมาก ใช่สิมาคิดๆดูแล้วถ้าฉันโตไป ไม่มีทั้งแม่ทั้งฟีนอลแล้วใครจะดูแลฉันหละ แล้วอีกอย่างคิดที่จะมีแฟนมัน หาคนดีๆก็ไม่ได้ง่ายๆนะ ประชากรชายดีเดี๋ยวนี้ยิ่งลดลงเรื่อยๆ บางก็เป็นสาวประเภทสอง บางก็ชั่วจริง และน่ากลัวสุดก็หันมากินกันเองนี้หละสิ -*- จะหาเจอมั้ยนะคนคนนั้นอ่ะ

    “นางสาวมาหยารัศมี อยู่รึเปล่าจ๊ะ”

    อาจารย์นิมินตรา อาจารย์ประจำชั้นฉันเองแหละ แล้วเรียกชื่อฉันทำไมเนี่ย เรียกชื่อจริงซะด้วย แม่ก็นะตั้งชื่อฉันซะแบบเอิ่ม~

    “คะ อาจารย์”

    “ทานข้าวเสร็จไปพบครูที่ห้องด้วย”

    “คะ”

    “แกไปก่อเรื่องอะไรมารึเปล่าเนี่ย”

    “เปล่าหนิ”

    “แล้วอาจารย์จะเรียกแกไปทำไมว่ะ”

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”

    “อ้าว กรรม -*-

    ใช่ กรรมของแท้เลย ฉันออกจะเป็นเด็กดีมาตลอด (มั้ง! แค่โดดเรียนสี่ชั่วโมงต่ออาทิตย์เอง -3-)

    “งั้นฉันไปพบอาจารย์เลยดีกว่า”

    “แต่แกยังกินข้าวไม่หมดนะ”

    “พอดีฉันอิ่มแล้วอ่ะ ไม่เป็นไรหรอก”

    “อือๆ งั้นแกไปเหอะ”

    ฉันรีบเก็บของเก็บข้าวกล่อง แล้วไปพบอาจารย์ที่ห้อง

    ครืด~

    “อ้าวมาแล้วหรอ ครูนึกว่าเธอจะทานข้าวช้ากว่านี้ซะอีก”

    รู้เลยทำไมถึงให้ทานข้าวเสร็จก่อน ก็ครูแกกำลังจกส้มตำเข้าปากอยู่อ่ะ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ติดป้ายไว้ทนโท้ ห้ามนักเรียนนำอาหารหรือเครื่องดื่มเข้ามารับประทานในห้อง จริงอยู่ที่ห้ามนักเรียน แต่ฉันก็เข้าใจนะว่าตึกเราห้องทุกห้องเป็นห้องแอร์ถ้าเอาขนมเข้ามากินก็จะส่งกลิ่นเหม็นได้ แล้วทำไมพวกอาจารย์ถึงเอาส้มตำมากินในห้องพักครูที่ติดแอร์2ตัวด้วยก็ไม่รู้ อีกฎนี้น่าจะเพิ่มไปว่า ห้ามอาจารย์และนักเรียนนำอาหารหรือเครื่องดื่มเข้ามารับประทานในห้อง อย่าลืมสิคะว่าห้องพักครูก็ติดแอร์นะ แล้วเจ้าส้มตำก็กลิ่นแรงอยู่ -..- แล้วอาจารย์แกก็ไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง หลังจากไปยืนรุมจกส้มตำที่โต๊ะส่วนกลางของห้องพักครูมา

    “เชิญนั่งจ๊ะ”

    อาจารย์แกให้ฉันนั่งตรงเก้าอี้อีฝั่งกับแก

    “วันนี้ที่ครูเรียกเธอมาเพราะครูมีโอกาสดีที่จะมอบให้”

    “คะ”

    “พอดีว่ามหาวิทยาลัยชื่อดังในเมกาฯ เขาให้โควตากับนักเรียนโรงเรียนเราหนึ่งคน เพื่อไปเรียนต่อที่นั้น แล้วครูเห็นว่าเธอเป็นเด็กดี ขยันและเรียนเก่ง ถึงแม้จะมีโดดเรียนไปบ้างก็เหอะนะ แต่ครูก็อยากให้เธอรับโอกาสนี้ไป”

    “ทำไมครูไม่ลองถามเอส ไม่ก็แบร์หละคะ เขาสองคนก็เก่งมากหนิคะ”

    “เอสเขาได้โควต้าจากมหาลัยที่อังกฤษแล้วหละจ๊ะ แล้วเค้าก็อยากกลับไปอยู่กับครอบครัวเขาที่นั้นด้วย ส่วนแบร์เธอมีปัญหาสุขภาพเลยไม่อยากอยู่ไกลจากพ่อแม่หนะ”

    หนูก็อยากจะบอกเหมือนกันนะคะว่าหนูก็มีปัญหาด้านการดูแลตัวเองไม่ได้อ่ะ T^T

    “แต่~

    “แต่อะไรจ๊ะ”

    “เปล่าคะ”

    “งั้นก็ลองไปถามแม่เธอก่อนก็ได้นะ แต่รีบๆนะ โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนนะ”

    “คะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอตัวนะคะ”

    “จ๊ะ”

    แล้วฉันก็ลุกออกจากห้องนั้นมา

    บนห้องเรียนม.6/1

    “เป็นไงแก อาจารย์ว่าอะไรมั้ย”

    “ก็แค่ให้โควต้าไปเรียนต่อที่เมกาฯ”

    “จริงดิ!

    “จริง UU

    “แล้วทำไมทำหน้ายังงั้นหละ”

    “ก็ฉันบอกแกแล้วไงว่าฉันดูแลตัวเองไม่ได้ ไปอยู่นู้นมีหวังอดตายแน่”

    “แกก็ลองหัดดิ มันเป็นประโยชน์ต่อตัวแกนะ”

    “ฉันจะลองดูก็ได้ UU

    “จารย์มาๆ”

    ฟึบ!

    โอ้โห้เร็วจริง พอบอกอาจารย์มาเท่านั้นแหละ นั่งโต๊ะกันเร็วเชียว เมื่อกี้พวกผู้ชายยังนั่งเล่นการ์ดอยู่เลย นี้มันม.อะไรกันแล้วเนี่ย มานั่งเลยเป็นเด็กอยู่ได้ นี้แหละเด็กไทย

    ครืด~

    “นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”

    หัวหน้าห้องสั่ง

    “สา-หวัด-ดี-คะ/ครับ”

    “เรามาเรียนกันต่อเปิดไปที่หน้า......”                                      


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×