มหาเวทปราบมาร
เป็นนิยายที่ผมกับเพื่อนๆร่วมกันแต่งขึ้น เพื่อสร้างสามัคคีในห้อง ผมเชื่อว่าเวลาห้องของผมตั้งใจที่จะทำอะไรมันจะต้องออกมาดี จึงอยากให้ใครหลายๆคนได้ลองอ่านนำพักนำแรงของพวกผมที่ร่วยมือกันสรรสร้างมันขึ้นมา
ผู้เข้าชมรวม
177
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ณ ดินแดนในอีกมิติหนึ่งซึ่งดำรงอยู่คู่ขนานกับโลกมนุษย์ มันคืออีกมิติหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลี้ลับยากแก่การค้นหา ซึ่งคนธรรมดามิอาจย่างกรายเข้าไปได้ และเป็นเสมือนโลกอีกโลกหนึ่ง ที่ดูเหมือนกับว่าไร้ขอบเขตจำกัดแน่ชัด เป็นสถานที่ในตำนานที่ไร้ซึ่งการจดบันทึกว่าอยู่แห่งใด
ดินแดนแห่งนี้ถูกผู้คนในดินแดนขนานนามว่า
" ซาวเพิร์ส "
ดินแดนแห่งนี้เป็นสถานที่ ที่เหล่ามนุษย์ที่มีพลังเวทย์ นักดาบ และบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเกินกว่าเราจะคาดคิด อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็อยู่กันอย่างสงบสุขโดยไร้ซึ่งการแก่งแย่งชิงดีเหมือนดังโลกของเรา...แต่แล้ว
หายนะครั้งใหญ่ก็บังเกิดขึ้นเมื่อจักรพรรค์แห่งแดน "กิลอฟ" องค์ที่ สามสิบแปดได้ถือกำเนิดขึ้นมีนามว่า เยติ และเติบโตขึ้นไปพร้อมๆกับความฝักใฝ่อำนาจและพลังเวทย์ในด้านมืด โดยไม่สนใจความถูกต้อง เยติแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พลังในด้านมืดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนยากที่ใครจะมาต่อกรด้วย
เมื่อเยติได้ขึ้นครองราชย์เขาได้ใช้พลังด้านมืดเปลี่ยนแปลงอาณาจักรกิลอฟที่เคยอุดมสมบูรณ์ให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย เขาเปลี่ยนทหารของเขาให้กลายเป็นกองทัพปีศาจที่ไร้ความรู้สึก ไม่มีเจ็บปวด และสร้างนักรบปีศาจที่มีพลังอันแข็งแกร่งขึ้นมาสิบสองตนและได้รับการขนานขามว่า สิบสองเทพขุนพลปีศาจ หลังจากนั้นเยติได้ลงมือรุกรานดินแดนต่างๆ และยึดครองมาเป็นของตนเองและนำของที่มีอิทธิฤทธิ์หรือพลังวิเศษของดินแดนต่างๆมาเป็นของตนเองเพื่อให้ตนเองมีพลังมากขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้กับดินแดนอื่นๆอย่างมาก
ในที่สุดนักเวทย์ผู้หนึ่งซึ่งมีพลังในการทำนายได้แม่นยำกว่าใครได้ทิ้งคำทำนายไว้ว่า ผู้ที่จักกำจัดมารร้ายได้นั้นจะเป็นบุรุษที่มาจากทางทิศตะวันออก เมืองจึงได้รวบรวมกำลังทหารเตรียมตัวรอบุรุษในคำทำนาย เวลาร่วงเลยผ่านไปก็ไม่มีวี่แววของบุรุษในคำทำนาย และเยติก็ยังคงรุกรานและยึดครองอาณาจักรต่างๆมาเป็นของตน
จนผู้คนไม่สามารถทนต่อไปได้จึงตัดสินใจ รวบรวมกำลังคนทั้งหมดเท่าที่มีมุ่งตรงไปยังอาณาจักรกิลอฟ เพื่อหวังที่จะเผด็จศึกในครั้งนี้ ในทัพประกอบด้วยนักเวทย์ นักดาบ นักธนู และผู้ที่มีความสามารถต่างๆมากมาย ราวๆสองแสนคนซึ่งดูยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง มีธงชัยของในลักษณะมากมาย และชุดที่เหล่าทหารใส่ก็แต่ต่างกันออกไป
เมื่อทัพที่มีกำลังถึงสองแสนของนั้นได้เดินทางมาถึงอาณาจักรแห่งความตาย ความหึกเหิมของพลทหารทั้งสองแสนก็ต้องหมดสิ้นลง เมื่อเผชิญหน้ากับทัพปีศาจที่มีกำลังปีศาจในชุดสีดำทมิฬราวๆแปดแสนตน ซึ่งก็หมายความว่าทัพของมนุษย์นั้นน้อยกว่าทัพปีศาจถึงสี่เท่า ชายผู้หนึ่งที่ดูท่าทางอายุยังไม่มากในชุดจอมทัพสีน้ำเงินมีลวดลายสีทองสวยงาม ได้ควบม้าสีดำทมิฬออกมาจากทัพ ดูท่าทางสง่างามยิ่ง ผู้คนต่างมองไปที่บุรุษตรงหน้า เขาหันกลับมาพร้อมกับกล่าวว่า
" เหล่าพี่น้องของข้า "
" ข้าจักรพรรค์แห่ง อิสมอร์ ข้าคิดว่าที่วันนี้เราทุกคนได้มาอยู่ที่นี้ตรงนี้ เพราะพระเจ้าส่งเราให้มาทำสิ่งหนึ่ง พวกเจ้ารู้ไหมว่าอะไร ใครตอบขาได้ไหม "
เหล่าทหารทั้งหลายต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย เชิงคำถามโดยที่ไม่มีผู้ใดหาคำตอบของคำถามนั้นได้
" ฆ่าพวกมัน!! "
เสียงจากทหารนายหนึ่งในทัพของเขาตอบขึ้น จอมทัพจึงยิ้มอย่างพอใจและตะโกนออกไปว่า
" แล้วพวกเราจะยอมให้เขาไปฆ่ามันเพียงคนเดียวหรืออย่างไร "
จักรพรรค์แห่ง อิสมอร์ หยุดดูแววตาของทหารทุกคนในสนามรบแล้วจึงพูดต่อ
" ถ้าเป็นข้า ข้าจะไปฆ่ามันเช่นกัน ฉะนั้นพวกเราควรทำอย่างไร "
แววตาที่หึกเหิมกลับมาสู่เหล่าทหารอีกครั้ง และต่างตอบพร้อมกันว่า
" ฆ่ามัน!! ฆ่ามัน!! "ซ้ำๆกันพร้อมเอาอาวุธมากระแทกกับโล่ของตัวเองเป็นจังหวะทำให้ดูหึกเหิม และเป็นทัพที่น่ากลัวมากสำหรับเหล่าปีศาจ
" ขอให้พระเจ้าประทานชัยชนะแก่เรา "เขาตะโกนขึ้นพร้อมกับควบม้าคู่ใจมุ่งตรงไปยังทัพของปีศาจอย่างไม่เกรงกลัวอะไร โดยที่มีพลทหารสองแสนนั้นตามมาติดๆโดยไม่กลัวว่ามีอะไรรออยู่เบื้องหน้า
เมื่อทัพทั้งสองได้ปะทะกัน พลังเวทย์มากมายถูกเสกใส่กันหลากหลายสี ทั้งไฟ สายฟ้า น้ำแข็งและลูกธนูมากมายก็มุ่งตรงไปสังหารปีศาจล้มตายลงมากมาย พร้อมกับนักดาบจำนวนมากพุ่งตรงไปสังหารปีศาจโดยไม่เกรงกลัวความตาย
การสู้รบยืดเยื้อไปกว่าสองชั่วโมง มีซากศพมากมายอยู่บนพื้นทั้งศพของปีศาจและมนุษย์จำนวนมาก ท้องฟ้าที่เคยสีคราม บัดนี้กลายเป็นสีแดงฉาน ในขณะนี้ทัพของมนุษย์ได้กลายเป็นฝั่งที่ได้เปรียบอยู่มาก ขณะที่ทหารมีกำลังใจอยู่นั้น...แต่แล้วได้มีลำแสงสีม่วงเส้นใหญ่จากทางตะวันตก พุ่งเข้าใส่ทัพของมนุษย์ที่ได้เปรียบอยู่นั้นจนมีทหารล้มตายในคราวเดียวกว่าร้อยคนโดยไม่ทันได้แสดงความเจ็บปวดใดๆ เหล่าทหารต่างตกใจกันอย่างมากและพากันมองไปทางทิศตะวันตกและภาพที่ทุกคนไม่อยากเห็นก็ได้ปรากฏขึ้น
นั้นคือเยติและสิบสองเทพปีศาจซึ่งสวมเกราะสีแดงสดดังสีเลือด ยืนอยู่บนมังกรตัวใหญ่ยักษ์ตัวสีดำทมิฬดูน่ากลัวยิ่งนัก ทำให้เหล่าทหารกล้าทั้งหลายพากันเสียขวัญกันจนหมด สิบสองขุนพลจึงกระโดดลงมาไล่ฆ่าคนอย่างสนุกสนาน ราวกับเป็นแค่เกมที่มีคนพยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ความหวังที่จะชนะกองทัพจักรพรรค์เยติค่อยๆ หลุดลอยหายไปต่อหน้าต่อตา ผู้คนจำนวนมากพยายามร้องขอชีวิตจากเหล่าขุนพลปีศาจ แต่เหล่าปีศาจก็หาฟังไม่ ได้แต่ไล่ฆ่าคนอย่างสนุกสนาน
ทหารจำนวนมากสิ้นหวังยืนอยู่เฉยๆ รอความตาย บางคนได้แต่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ บางคนได้แต่วิ่งหนี ในตอนนี้กองทัพของมนุษย์โดนพรากชีวิตไปเป็นจำนวนมาก โดยที่ไร้ทางต่อสู้หรือแม้แต่จะแค่ง้างดาบขึ้นมาตั้งท่า หรือร่ายเวทย์...แต่แล้ว
ในขณะที่ความตายจะเข้ามาเยือนทุกคนก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็มาจุดประกายแสงสว่างแก่เหล่าทหารเมื่อ มีลูกไฟขนาดใหญ่มากพอๆกับลำแสงของ เยติ พุ่งไปยังทัพปีศาจหลายครั้ง จนปีศาจล้มตายไปหลายพันตน และเมื่อมองไปยังฝั่งตะวันออก
ภาพที่ทุกคนเห็น คือ ชายในชุดนักเวทย์สีน้ำเงิน ตรงกลางอกเป็นรูปสิงโตสีทองสวยงาม และกางเกงสีขาวขายาว ซึ่งมีเข็มขัดสีทองคาดอยู่ที่เอว และรองเท้าบูทสีน้ำเงินมีลวดลายสีทองผสมผสานอย่างลงตัว เข้ากับเสื้อคลุมสีขาวคอปกตั้งขึ้นมีลวดลายสีทองประดับประดาอย่างประณีตอยู่รอบคอ แขนเสื้อทั้งสองข้างมีลายสีทองยาวตั้งแต่ข้อศอกไปจนถึงข้อมือ และสวมถุงมือสีขาว ในมือมีคทาสีเงิน ที่หัวของคทาเป็นรูปนกเปล่งแสงสีขาวอ่อนๆออกมา
ชายผู้นั้นลอยตัวอยู่เหนืออากาศโดย มีวงแหวนเวทย์ลอยอยู่ใต้เท้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้แก่พลทหารทั้งหลายเป็นอย่างมาก เพราะนักเวทที่มีความสามารถลอยตัวได้อย่างอิสระนั้น มีเพียงนักเวทระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้นในดินแดนนี้
ชายผู้นั้นไม่รีรออะไรทั้งสิ้นแววตาของเขาเปรี่ยมไปด้วยความกล้าและความแข็งแกร่ง ชายผู้นั้นลอยตัวมุ่งเข้าหาจักรพรรค์เยติด้วยความเร็วสูง เข้าต่อกรกับเยติโดยไม่เกรงกลัวอำนาจของเยติ และไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างแม้แต่น้อย เมื่อชายผู้นั้นเข้าใกล้เยติได้ก็ปล่อยพลังเวทย์แห่งแสงหลายสายมุ่งเข้าสู่เยติ แต่เยติก็มิได้แค่ยืนอยู่เฉยๆเขากระโดดลอยตัวขึ้น และลำแสงเหล่านั้นก็มุ่งตรงเข้าสังหารมังกรที่เยติเคยยืนอยู่ ระเบิดจนไม่เหลือชิ้นดี
เมื่อเหล่าทหารเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนต่างรู้กันโดยอัตโนมัติว่าเขาเป็นใคร
" บุรุษแห่งคำทำนายมาช่วยเราแล้ว พระเจ้าเข้าข้างเราแล้ว "จักรพรรค์แห่งอิสมอร์ ตะโกนขึ้นด้วยเสียงที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยความหวังแห่งชัยชนะ เมื่อเหล่าทหารกล้าทั่งหลายได้ยินดังนั้นก็ต่างกระชับดาบและอาวุธในมือ เข้าต่อสู่กับปีศาจด้วยกำลังที่เต็มเปรี่ยม และความหวังแห่งชัยชนะโดยไม่เกรงกลัวกองทัพปีศาจ หรือ สิบสองเทพขุนพลปีศาจ จนทำให้ปีศาจเหล่านั้นซึ่งไม่เคยมีความรู้สึก เริ่มเกิดความเกรงกลัวในตัวของเหล่านักรบทั้งหลาย ซึ่งฟาดฟันศัตรูลงด้วยแววที่กล้าหาญ
ส่วนทางด้านของบุรุษในคำทำนายก็ยังคงต่อสู่กับเยติด้วยพลังอันสูสี โดยไม่มีใครอ่อนข้อให้กับใคร ทำให้ท้องฟ้าที่เคยมืดมิด บังเกิดแสงหลากหลายสีขึ้น และพลังเวทย์หลากหลายจากทั้งสองคน ประกอบกับยังมีสายฟ้าผ่าลงมาจากท้องฟ้าอย่างไม่ขาดสายทำให้การต่อสู่ยิ่งดูดุเดือดยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งสองฝ่ายพลัดกันรุกพลัดกันรับโดยไม่ขาดสายโดยไร้ซึ่งการอ่อนข้อให้กันเพราะถ้าฝ่ายใดพลาดนั้นก็หมายความว่าความตายคือสิ่งที่รอเขาอยู่..แต่แล้ว
บุรุษแห่งคำทำนายก็ได้พลาดท่า เนื่องจากการโจมตีที่ติดต่อกันของเยติทำให้เขาเกิดความเหนื่อยล้ามากจนเกินไปจนทำให้เขาพลาดท่าโดนลำแสงสีดำขนาดใหญ่เข้าอย่างเต็มแรง จนเขากระเด็นไปกระแทกกับภูเขาที่ไกลออกไปจนภูเขาลูกนั้นถล่มลงมาทั้งลูก บุรุษแห่งคำทำนายรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถมีแรงที่จะต่อกรกับเยติต่อไปได้แล้วจึงตัดสินใจรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีในตัวของเขา ทำสัญญาที่จะผนึกเยติ สิบสองเทพปีศาจ และเหล่าปีศาจทั้งหลายให้ถูกจองจำไปตลอดกาล โดยการทำสัญญาครั้งนี้จะต้องแรกกับสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เขามีนั้นก็คือ ชีวิตของเขา เมื่อเขาเริ่มร่ายเวทย์บทนั้นท้องฟ้าก็พากันมืดมิด เมฆเข้าปกคลุมฟ้า ฟ้าร้องและฟ้าผ่าก็บังเกิดขึ้นโดยไม่ขาดสาย ทำให้ทั้งมนุษย์และปีศาจ ต่างพากันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
เหล่ากองทัพปีศาจและสิบสองเทพขุนพลเริ่มแสดงอาการเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด และร่างกายของพวกมันเริ่มแห้งลงอย่างรวดเร็วและกลายเป็นทรายสำดำสนิท และค่อยๆลอยไปตามลมอย่างช้าๆกลายเป็นเหมือนหมอกสีดำปลิวไปทุกทิศทุกทาง
ส่วนเยติก็พยายามที่จะร่ายเวทย์เพื่อป้องกันตัวเองจากคำสาบที่บุรุษแห่งคำทำนายร่ายออกมาเพื่อกักขังพวกปีศาจ แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามร่ายเท่าไหร่ เวทย์ที่ร่ายก็ไม่ปรากฏออกมาแม้แต่บทเดียว และในที่สุดเยติก็ต้องพ่ายแพ้แก่คำสาปเมื่อร่างกายของเขาเริ่มที่จะแห้งและกำลังจะสลายไปเป็นทรายสีแดงสด เขาได้พูดคำๆหนึ่งของมานั้นคือ
" ข้าจะกลับมาเมื่อข้ารวบรวมพลังสำเร็จ ข้าจะกลับมา ระวังตัวไว้ให้ดี...อ๊ากกกกก ระตัวไว้เถอะ ข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน "
ร่างของเขาได้สลายไปและกลายเป็นลูกแก้วทรงกลมใหญ่เกือบเท่าตัวคนเปล่งแสงสีดำ และลูกแก้วนั้นก็ดูดทรายสีดำจากทุกทิศให้เข้ามารวมอยู่ในลูกแก้วจนหมด และลูกแก้วนั้นก็ตกจากฟ้าลงสู่พื้นดิน และแสงนั้นก็ดับไปกลายเป็นลูกแก้วสีดำสนิท
และร่างของบุรุษแห่งตำนานก็ได้เปล่งแสง และสลายไปทั้งกายและดวงจิตไว้เพียงแต่ชุดที่เขาสวมใส่ ซึ่งมีพลังที่แข็งแกร่งสถิตอยู่ในอาวุธทั้ง ห้าชิ้น นั้นคือ ถุงมือ ชุดเกราะ ชุดคลุม รองเท้าบูท คทา
ผู้คนต่างตะโกนโห่ร้องกันด้วยความดีใจกับชัยชนะที่ตนได้รับ รอยยิ้มและน้ำตาแห่งความดีใจกลับมาสู่เหล่าทหารกล้าทั้งหลายอีกครั้ง นักเวทย์ต่างยิงเวทย์ขึ้นฟ้ากันหลายสายเพื่อแสดงชัยชนะเพื่อให้คนประจักรกันชัยชนะที่ได้มา มีหลายคนกอดกันร้องไห้ด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ
ลูกแก้วที่กักขังเยติและเหล่าปีศาจถูกนักเวทระดับสูงได้นำมันไปเก็บไว้ ณ ป่าแห่งความตายที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อไม่ไห้ผู้ใดเขาไปยุ่งกับผนึกได้ ส่วนอาวุธทั้งห้าชิ้นก็ถูกแยกไปไว้ในทวีปต่างๆในส่วนที่ลี้ลับที่สุดและมีเทพคอยปกปองและคุ้มครอง เพื่อไม่ให้คนชั่วนำมันไปใช้ในทางที่ผิด
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ความสุข และความสงบกลับเข้ามาสู้ดินแดนคิมเปาก้าอีกครั้งผู้คนต่างฉลองกันอย่างเต็มที่ และเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นตำนานสืบต่อไปในภายภาคหน้าให้คนรุ่นหลังได้กล่าวขานถึงการสู้รบครั้งนี้ต่อไป
หนึ่งพันห้าร้อยปีต่อมา ในขณะที่ทุกคนกำลังใช้ชีวิตอยู่กันอย่างมีความสุข หายนะครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับดินแดนแห่งนี้ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน
การผจญภัยและการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็กำลังจะบังเกิดขึ้นอีกครั้ง
ผลงานอื่นๆ ของ กระต่ายPlayboy ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ กระต่ายPlayboy
ความคิดเห็น