คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : No. 2 : เพราะคุณนั้นเป็นถึงดาวมหา'ลัย ดาวมหา'ลัยที่คนใฝ่หา~~[100%]
I love you my foolish darling!!!
By : Sakiya
No. 2 : เพราะคุณนั้นเป็นถึงดาวมหา'ลัย ดาวมหา'ลัยที่คนใฝ่หา~~[60%]
***************************************************************
“พวกนายนี่แย่จริงๆเลย มีเรื่องสนุกๆแบบนี้ทำไมถึงไม่รอฉันบ้างเลยนะ!”
เสียงโวยวายของชายหนุ่มร่างโปร่งที่เพิ่งจะกลับเข้ามาเรียนในช่วงบ่ายดังขึ้นก่อนที่จะบู้หน้าพองแก้มใส่ด้วยความงอนหลังจากได้ฟังเรื่องน่าสนุก(?)ของเพื่อนทั้งสองจากปากคำของร่างสูงใหญ่ข้างๆ จนทำเอาคังอินอดที่จะแอบคิดในใจไม่ได้ว่า
‘ไอ้การที่กรูเกือบโดนรถชนตายนี่มันน่าสนุกตรงไหนว่ะ?’
“เออ แล้วเจ้าฮันคยองมันหายไปไหนละเนี๊ย” บ่นมาซักพักชักนึกได้ว่ายังไม่เห็นเจ้าทุกข์อีกคนของเรื่อง ก็เลยถามถึงซะหน่อย
“โดดมั้ง เห็นบอกว่าไม่มีอารมณ์เรียนแล้ว” คังอินว่าพลางยักไหล่ขึ้นนิดหน่อย
“งั้นเหรอ ว่าแต่ ไอ้คนที่จะชนแกนะมันชื่ออะไรนะ?”
ร่างสูงไม่ตอบ แต่ยื่นนามบัตรที่มีร่องรอยรองเท้าขนาดกำลังสวยของเพื่อนซี้ประทับอยู่เต็มไปหมดส่งให้ เพราะหลังจากเดินขึ้นตึกเรียนมาได้ไม่เท่าไหร่พ่อคนจีนสุดหล่อก็เกิดอาการของขึ้นอีกรอบ เลยหยิบนามบัตรของของคู่กรณีมากระทืบๆๆแล้วก็ชิ่งโดดเรียนออกไปซะดื้อๆ ดังนั้นเขาก็เลยเก็บมันขึ้นมาแทน (ก็แหม...เผื่อจะเอาเบอร์ออกไปขายสาวๆไง แค่ตัวละ 500 วอนก็รวยแล้ว~~ >_< )
“เอ๋...ชเว ซีวอน?” ทงเฮร้องออกมาทันทีเมื่อเห็นชื่อในนามบัตร ...ชื่อที่สาวๆค่อนมหาลัยใฝ่ฝันที่จะได้ควง...แม้จะแค่คืนเดียวก็ยังดี “ไอ้เฟรชชี่บอยปีนี้...ลูกชายคนเดียวของตระกูลชเวที่รวยล้นฟ้านั่นอ่ะนะ”
“ก็ใช่นะสิ ไอ้คนชื่อชเว ซีวอนในเกาหลีมันมีเยอะนักรึไงละทงเฮ” หนุ่มหัวเกรียนว่าพลางกระดกกระทิงแดงเข้าปากเรียกพลังงานที่เสียไปเมื่อตอนกลางวันกลับมา
“อะฮ้า! ถึงว่า...เจ้าฮันมันถึงได้ฉุนนัก” หมวยเล็กประจำกลุ่มว่าพลางพยักหน้าเออออเข้าใจเองอยู่คนเดียวทิ้งให้คนข้างๆนั่งสงสัยว่ามันเข้าใจอะไรของมันอยู่
ที่แท้ก็เมะ...เอ๊ย! เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้นี่เอง...
*--------------------------------- 20% --------------------------------*
“โวะ! ทำไมไม่ออกว่ะ!” เสียงโวยวายจากริมฝีปากของคนที่กำลังยืนเขย่าตู้ขายน้ำอัตโนมัติอย่างบ้าคลั่งอยู่นั้นช่างเรียกร้องความสนใจจากสายตาหลายๆคู่ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างชะงัดนัก
“ไอ้ตู้บ้า! มากินเหรียญกันแบบนี้ได้ไงว่ะ?! อย่างงี้มันต้องสั่งสอน! โอ๊ย!!!”
เมื่อเห็นว่ามือชักไม่ได้ผลเลยเปลี่ยนใจไปใช้ขาเตะแทน แต่คงจะลืมไปว่าไอ้ตู้ตรงหน้านะมันเป็นเหล็กเตะยังไงก็ไม่เจ็บหรอก ดังนั้นแทนที่จะได้สั่งสอนก็เลยได้ความเจ็บที่แล่นปร๊าดมาจากปลายนิ้วเท้าถึงเส้นประสาทในสมองจนเกือบจะสั่งน้ำตาไม่ให้เล็ดออกมาแทบไม่ทัน...
“ทำอะไรของนายอยู่นะฮันคยอง -__-” ” เสียงหวานๆไม่แพ้หน้าตาเอ่ยถามขึ้นอย่างอนาถใจเมื่อเห็นท่าทางประหลาดๆของคนตรงหน้า
“อ้าว...พี่ทึกกี้ ก็ดูดิ ไอ้ตู้บ้านี่มันกินเหรียญผมอ่ะ.....เอ่อ...พี่ฮีชอลก็มาด้วยเหรอฮะ
”
เจ้าของชื่อหันหน้าไปตามเสียงเรียกพลางเอยฟ้องไอ้เจ้าตู้ขายน้ำอัตโนมัติตรงหน้าให้รุ่นพี่คนสนิทฟัง แต่ยังไม่ทันจะจบเสียงบ่นทั้งหมดก็ต้องสะดุดลงเมื่อสายตาคู่สวยนั้นเหลือบไปเห็นใบหน้าคุ้นตาของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอีทึกเข้า ทันใดนั้นเองความอายที่ไม่ค่อยจะมีอยู่ก็แล่นมารวมกันที่ใบหน้าจนหมด...
... ก็แหงละ นั่นมันรุ่นพี่ฮีชอลคณะอักษรฯอดีตดาวมหาลัยที่เขาแอบชอบมาตั้งกะปี 1 นี่หว่า อ่า...ว่าแต่เห็นตอนที่เราทะเลาะกับตู้ขายน้ำเมื่อกี้นี้รึเปล่าว่ะ?... (เต็มๆสองตาเลยละฮันเอ๋ย... : Sakiya -_-”)
“ก็มานะสิ...” แม้จะตอบออกมาเสียงเรียบๆแต่ฟังดูก็รู้ว่าจริงๆแล้วกำลังแอบกลั้นหัวเราะอยู่แหงๆ ทำเอาใบหน้าขาวๆของฮันคยองยิ่งขึ้นสีหนักเข้าไปอีก
โอ๊ย~ หมดกัน! ไอ้ภาพลักษณ์หนุ่มหล่อสุดเท่ห์ที่พยายามทำให้พี่ฮีชอลเห็นมาตลอด ฮือๆ....ใครก็ได้เอามีดมาให้กรูที....กรูอยากตายยยยยยยยย!!! T_T
เมื่อเห็นรุ่นน้องคนสนิททำท่าเหมือนอยากลาโลกเข้าไปทุกทีอีทึกก็ได้แต่ส่ายหน้า เขารู้ดีว่าฮันคยองแอบชอบฮีชอลมาตั้งนานแล้ว...แต่จะให้ทำยังไงได้ละ ก็ในเมื่อจริงๆแล้วเค้าก็แอบชอบเพื่อนสนิทคนนี้เหมือนกันนี่นา...ใครจะไปยอมยกให้ง่ายๆละ!
“...แล้วพี่อีทึกมาคณะทำไมเหรอฮะ วันนี้พี่ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มผมซีดหันหน้ากลับไปถามรุ่นพี่ทั้งสองหลังจากที่ปรับสภาพใบหน้าให้กลับมาทนต่อความอายได้ 100% เหมือนเดิมแล้ว
“อ๋อ...คืองี้ ทางองค์การนิสิตฯของม.เรานะจะจัดให้มีการกระชับมิตรเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างดาวและเดือนของแต่ละคณะทั้งอดีตและปัจจุบันน่ะ พี่ก็เลยมาบอกให้เรารู้ไว้ก่อน” พ่อหนุ่มตาหวานอดีตเดือนมหาลัยอันดับ 2 รุ่นเดียวกันกับหนุ่มหน้าสวยข้างๆอธิบายให้ร่างสูงโปร่งตรงหน้าฟัง เพราะว่าฮันคยองเองนั้นก็เคยเป็นอดีตเฟรชชี่บอยมาก่อนเช่นกัน...แต่ว่านั่นมันก็ผ่านมาตั้งสองปีแล้วละนะ
“เอ๋...กระชับมิตร? แล้วมันต้องทำยังไงอ่ะพี่?” ไอ้หนุ่มผมทองเงยหน้าขึ้นถามพลางส่งใบหน้างงๆปนสายตาเอ๋อๆให้ ดูน่ารักซะจนพี่ๆทั้งสองแอบคิดในใจว่า 'อย่างมันน่ะ...ไปอยู่ข้างเซเมะได้ยังไงกันว้าาาาาาา~
'
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เราจะจัดให้มีการแสดงโชว์ความสามารถอะไรทำนองนั้นละ” ฮีชอลอธิบายต่อ ฮันคยองพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ
“ถ้าเข้าใจแล้วงั้นก็เจอกันวันพรุ่งนี้ตอน 4 โมงเย็นที่ห้องประชุมเล็กนะ อย่าลืมซะละ”
อีทึกว่าขึ้นทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปพร้อมๆกับฮีชอลที่คลี่ยิ้มสวยให้รุ่นน้องร่วมสถาบันปิดท้ายก่อนจากลา รอยยิ้มหวานๆที่ได้รับมาทำเอาพ่อหนุ่มตี๋แดนมังกรของเราถึงละเมอเพ้อพกจนแทบเดินไม่ตรงทาง แถมยังเกือบจะขี่จักรยานคู่ใจไปตกคูข้างทางอีกต่างหาก...
*--------------------------------- 60% --------------------------------*
...เย็นวันต่อมา...
“...สี่โมงครึ่ง.......นายมาสายไป 30 นาที”
เสียงนุ่มๆของหนุ่มตาหวานเปรยขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นใบหน้าขาวๆตี๋ๆของรุ่นน้องคนสนิทวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบจนดูราวกับว่าเพิ่งไปรับจ๊อบแบกกระสอบข้าวสารไม่มีผิด แขนเรียวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะหันมันไปทางร่างสูงโปร่งที่เพิ่งมาใหม่แล้วใช้นิ้วจิ้มลงไปบนหน้าปัดแบบถี่ๆเหมือนคล้ายจะด่าทางอ้อมว่า...นี่มรึงไม่เคยดูนาฬิกาเลยใช่ไหม?!...
“โธ่...เห็นใจกันหน่อยซิฮะพี่ทึกกี้ ก็วันนี้ผมมีซ้อมบาสนี่นา นี่ผมก็รีบปั่นมาจนขาแทบจะพันกันตายกลางทางแล้วนะคร้าบ~” ฮันคยองโอดครวญยกใหญ่เมื่อเห็นรุ่นที่เคารพกลายสภาพเป็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดย่อมๆที่แผ่รังสีอำมหิตออกมาอยู่ตลอดเวลา เขารู้ดีว่าพี่อีทึกไม่ชอบให้คนอื่นมาสาย(ยกเว้นตัวเอง...)(อืม...เจริญจริงๆ...=___= : Sakiya) แต่ทำไงได้ละ...ก็เขามีธุระจริงๆนี่นา
“เออๆ ช่างเหอะ” เมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนที่ถูกส่งมาพร้อมกับนัยน์ตาใสซื่อของอีกฝ่ายอีทึกต้องถอนหายใจออกมา เฮ้อ...เจอลูกอ้อนตาแป๋วแบบนี้ทีไร ก็อดที่จะยกโทษให้ไอ้หมอนี่ไม่ได้ทุกทีสิน่า...
“ว่าแต่ปีนี้ใครได้เป็นเฟรชชี่บอยกะเฟรชชี่เกิร์ลอ่ะพี่” พ่อหนุ่มผมทองเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีทึกเริ่มหายโกรธเขาแล้ว
สิ้นเสียงถามของร่างตรงหน้า อดีตรองตำแหน่งเดือนมหาลัยก็ใช้กำปั้นทุบฝ่ามืออีกข้างหนึ่งขึ้นอย่างนึกได้
“เออ จริงสิ! ปีนี้ช่วงที่เค้าประกวดกันนายกลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองจีนมานี่นา งั้นมานี่ เดี๋ยวฉันจะแนะนำทุกคนให้รู้จัก”
ว่าแล้วทึกกี้ก็จับข้อมือของคนข้างๆลากไปลากมายังแทบจะทุกส่วนของห้องประชุมเพื่อแนะนำเจ้าของตำแหน่งต่างๆประจำปีนี้ให้ฮันคยองรู้จักจนคนถูกลากแทบขาขวิด หลังจากวิ่งวนไปวนมาซักพักก็มาถึงคนสุดท้ายที่อีทึกยังไม่ได้แนะนำ เขาพาร่างของรุ่นน้องคนสนิทไปหยุดอยู่ที่ตรงมุมหนึ่งของห้องซึ่งมีร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอ่านข้อความในโทรศัพท์อยู่
“เอ้า! รู้จักกันไว้นะ! นี่ชเว ซีวอนเฟรชชี่บอยปีนี้ ส่วนนี่ฮันคยองเฟรชชี่บอยเมื่อ2ปีที่แล้ว...”
ด้วยความที่เพิ่งปั่นจักรยานมาเหนื่อยๆแถมยังต้องโดนหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าลากไปลากมาแบบแทบไม่ได้พัก ฮันคยองเลยได้แต่ยืนตัวงอเอามือท้าวหัวเข่าข้างหนึ่งไว้ด้วยความเหนื่อยหอบ ส่วนอีกมือก็ยื่นออกไปทักทายโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเลย เช่นเดียวกับร่างสูงที่กำลังกดปิดโทรศัพท์แล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงอยู่จึงยื่นมือออกมาโดยไม่ได้เหลือบสายตาขึ้นมองคนตรงหน้าเช่นกัน
“สวัสดีครับ....เฮ้ย!!!”
เมื่อฮันคยองเริ่มหายเหนื่อยและซีวอนก็เก็บโทรศัพท์เข้าประเป๋าเรียบร้อยแล้วทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมองกันเพื่อจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ แต่เพียงแค่เหลือบสายตาไปเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเท่านั้น....ต่างคนก็ต่างเบิกตากว้างพลางยกนิ้วขึ้นชี้หน้ากันแล้วร้องตะโกนออกมาดังลั่นห้องว่า
“ไอ้แพนด้าบรูซลี!!!”
“ไอ้ตีนผีมินิคูปเปอร์!!!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อ้าว...นี่รู้จักกันแล้วเหรอ? ดีจังเลยนะ...^__^ ” ส่วนรุ่นพี่ทึกกี้ของพวกเราก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เหมือนเคย...
...เฮ้อ...ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกะชาวบ้านเค้าเล๊ย~... =___= ”...
TBC
.
(เมื่อชาติต้องการ)
***************************************************************
Free Talk
ในที่สุดตอนที่สองก็จบลงจนได้หลังจากอู้ขี้เกียจเขียนมาซะตั้งนาน...แหะๆ (ยังจะมาหัวเราะอีกเร๊อะ!)
ต่อไปว่าจะทยอยมาลงทีละนิดทีละหน่อย เพราะคิดว่าถ้ารอลงทั้งตอนเลยทีเดียวแบบเมื่อก่อนคงได้รอกันยาวแน่ อืม...รู้สึกว่าลงทีละนิดจะขี้เกียจน้อยกว่าแฮะ
คงจะมาลงตอนต่อไปช้าสักหน่อยนะคะ เพราะอยู่ในช่วงสอบแล้ว คงจะเล่นเนทมากเหมือนเดิมไม่ค่อยได้แล้ว แบบว่าต้องทำเกรดอ่ะค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์เช่นเคยนะค้า~ ^ ๐ ^
ความคิดเห็น