ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ's Fiction] +@+I love you my foolish darling!!!+@+ [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #2 : No. 2 : …เพราะคุณนั้นเป็นถึงดาวมหา'ลัย ดาวมหา'ลัยที่คนใฝ่หา~~[100%]

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 50


    I love you my foolish darling!!!

    By : Sakiya

    No. 2 :  เพราะคุณนั้นเป็นถึงดาวมหา'ลัย  ดาวมหา'ลัยที่คนใฝ่หา~~[60%]

     

     


    ***************************************************************

     

     


    พวกนายนี่แย่จริงๆเลย   มีเรื่องสนุกๆแบบนี้ทำไมถึงไม่รอฉันบ้างเลยนะ!”

    เสียงโวยวายของชายหนุ่มร่างโปร่งที่เพิ่งจะกลับเข้ามาเรียนในช่วงบ่ายดังขึ้นก่อนที่จะบู้หน้าพองแก้มใส่ด้วยความงอนหลังจากได้ฟังเรื่องน่าสนุก(?)ของเพื่อนทั้งสองจากปากคำของร่างสูงใหญ่ข้างๆ    จนทำเอาคังอินอดที่จะแอบคิดในใจไม่ได้ว่า

    ไอ้การที่กรูเกือบโดนรถชนตายนี่มันน่าสนุกตรงไหนว่ะ?

     

    เออ  แล้วเจ้าฮันคยองมันหายไปไหนละเนี๊ยบ่นมาซักพักชักนึกได้ว่ายังไม่เห็นเจ้าทุกข์อีกคนของเรื่อง  ก็เลยถามถึงซะหน่อย

     

    โดดมั้ง  เห็นบอกว่าไม่มีอารมณ์เรียนแล้ว คังอินว่าพลางยักไหล่ขึ้นนิดหน่อย

     

    งั้นเหรอ   ว่าแต่ ไอ้คนที่จะชนแกนะมันชื่ออะไรนะ?

    ร่างสูงไม่ตอบ  แต่ยื่นนามบัตรที่มีร่องรอยรองเท้าขนาดกำลังสวยของเพื่อนซี้ประทับอยู่เต็มไปหมดส่งให้   เพราะหลังจากเดินขึ้นตึกเรียนมาได้ไม่เท่าไหร่พ่อคนจีนสุดหล่อก็เกิดอาการของขึ้นอีกรอบ  เลยหยิบนามบัตรของของคู่กรณีมากระทืบๆๆแล้วก็ชิ่งโดดเรียนออกไปซะดื้อๆ   ดังนั้นเขาก็เลยเก็บมันขึ้นมาแทน   (ก็แหม...เผื่อจะเอาเบอร์ออกไปขายสาวๆไง    แค่ตัวละ 500 วอนก็รวยแล้ว~~ >_< )

     

    เอ๋...ชเว  ซีวอน?ทงเฮร้องออกมาทันทีเมื่อเห็นชื่อในนามบัตร  ...ชื่อที่สาวๆค่อนมหาลัยใฝ่ฝันที่จะได้ควง...แม้จะแค่คืนเดียวก็ยังดี ไอ้เฟรชชี่บอยปีนี้...ลูกชายคนเดียวของตระกูลชเวที่รวยล้นฟ้านั่นอ่ะนะ

     

    ก็ใช่นะสิ   ไอ้คนชื่อชเว  ซีวอนในเกาหลีมันมีเยอะนักรึไงละทงเฮหนุ่มหัวเกรียนว่าพลางกระดกกระทิงแดงเข้าปากเรียกพลังงานที่เสียไปเมื่อตอนกลางวันกลับมา

     

    อะฮ้า!   ถึงว่า...เจ้าฮันมันถึงได้ฉุนนัก หมวยเล็กประจำกลุ่มว่าพลางพยักหน้าเออออเข้าใจเองอยู่คนเดียวทิ้งให้คนข้างๆนั่งสงสัยว่ามันเข้าใจอะไรของมันอยู่

     ที่แท้ก็เมะ...เอ๊ย!  เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้นี่เอง...  

     

    *--------------------------------- 20% --------------------------------*

     

    โวะ!  ทำไมไม่ออกว่ะ!” เสียงโวยวายจากริมฝีปากของคนที่กำลังยืนเขย่าตู้ขายน้ำอัตโนมัติอย่างบ้าคลั่งอยู่นั้นช่างเรียกร้องความสนใจจากสายตาหลายๆคู่ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างชะงัดนัก

     

    ไอ้ตู้บ้า!  มากินเหรียญกันแบบนี้ได้ไงว่ะ?!  อย่างงี้มันต้องสั่งสอน!  โอ๊ย!!!”

    เมื่อเห็นว่ามือชักไม่ได้ผลเลยเปลี่ยนใจไปใช้ขาเตะแทน  แต่คงจะลืมไปว่าไอ้ตู้ตรงหน้านะมันเป็นเหล็กเตะยังไงก็ไม่เจ็บหรอก   ดังนั้นแทนที่จะได้สั่งสอนก็เลยได้ความเจ็บที่แล่นปร๊าดมาจากปลายนิ้วเท้าถึงเส้นประสาทในสมองจนเกือบจะสั่งน้ำตาไม่ให้เล็ดออกมาแทบไม่ทัน...

     

    ทำอะไรของนายอยู่นะฮันคยอง -__- เสียงหวานๆไม่แพ้หน้าตาเอ่ยถามขึ้นอย่างอนาถใจเมื่อเห็นท่าทางประหลาดๆของคนตรงหน้า 

     

    อ้าว...พี่ทึกกี้   ก็ดูดิ  ไอ้ตู้บ้านี่มันกินเหรียญผมอ่ะ.....เอ่อ...พี่ฮีชอลก็มาด้วยเหรอฮะ…”

    เจ้าของชื่อหันหน้าไปตามเสียงเรียกพลางเอยฟ้องไอ้เจ้าตู้ขายน้ำอัตโนมัติตรงหน้าให้รุ่นพี่คนสนิทฟัง  แต่ยังไม่ทันจะจบเสียงบ่นทั้งหมดก็ต้องสะดุดลงเมื่อสายตาคู่สวยนั้นเหลือบไปเห็นใบหน้าคุ้นตาของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอีทึกเข้า   ทันใดนั้นเองความอายที่ไม่ค่อยจะมีอยู่ก็แล่นมารวมกันที่ใบหน้าจนหมด...

     

    ... ก็แหงละ  นั่นมันรุ่นพี่ฮีชอลคณะอักษรฯอดีตดาวมหาลัยที่เขาแอบชอบมาตั้งกะปี 1 นี่หว่า    อ่า...ว่าแต่เห็นตอนที่เราทะเลาะกับตู้ขายน้ำเมื่อกี้นี้รึเปล่าว่ะ?... (เต็มๆสองตาเลยละฮันเอ๋ย... : Sakiya -_-”)

     

    ก็มานะสิ... แม้จะตอบออกมาเสียงเรียบๆแต่ฟังดูก็รู้ว่าจริงๆแล้วกำลังแอบกลั้นหัวเราะอยู่แหงๆ   ทำเอาใบหน้าขาวๆของฮันคยองยิ่งขึ้นสีหนักเข้าไปอีก

     

    โอ๊ย~   หมดกัน!   ไอ้ภาพลักษณ์หนุ่มหล่อสุดเท่ห์ที่พยายามทำให้พี่ฮีชอลเห็นมาตลอด     ฮือๆ....ใครก็ได้เอามีดมาให้กรูที....กรูอยากตายยยยยยยยย!!! T_T

     

    เมื่อเห็นรุ่นน้องคนสนิททำท่าเหมือนอยากลาโลกเข้าไปทุกทีอีทึกก็ได้แต่ส่ายหน้า   เขารู้ดีว่าฮันคยองแอบชอบฮีชอลมาตั้งนานแล้ว...แต่จะให้ทำยังไงได้ละ   ก็ในเมื่อจริงๆแล้วเค้าก็แอบชอบเพื่อนสนิทคนนี้เหมือนกันนี่นา...ใครจะไปยอมยกให้ง่ายๆละ!

     

    ...แล้วพี่อีทึกมาคณะทำไมเหรอฮะ  วันนี้พี่ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอชายหนุ่มผมซีดหันหน้ากลับไปถามรุ่นพี่ทั้งสองหลังจากที่ปรับสภาพใบหน้าให้กลับมาทนต่อความอายได้ 100% เหมือนเดิมแล้ว

     

    อ๋อ...คืองี้   ทางองค์การนิสิตฯของม.เรานะจะจัดให้มีการกระชับมิตรเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างดาวและเดือนของแต่ละคณะทั้งอดีตและปัจจุบันน่ะ   พี่ก็เลยมาบอกให้เรารู้ไว้ก่อนพ่อหนุ่มตาหวานอดีตเดือนมหาลัยอันดับ 2  รุ่นเดียวกันกับหนุ่มหน้าสวยข้างๆอธิบายให้ร่างสูงโปร่งตรงหน้าฟัง   เพราะว่าฮันคยองเองนั้นก็เคยเป็นอดีตเฟรชชี่บอยมาก่อนเช่นกัน...แต่ว่านั่นมันก็ผ่านมาตั้งสองปีแล้วละนะ

     

    เอ๋...กระชับมิตร?   แล้วมันต้องทำยังไงอ่ะพี่?ไอ้หนุ่มผมทองเงยหน้าขึ้นถามพลางส่งใบหน้างงๆปนสายตาเอ๋อๆให้     ดูน่ารักซะจนพี่ๆทั้งสองแอบคิดในใจว่า 'อย่างมันน่ะ...ไปอยู่ข้างเซเมะได้ยังไงกันว้าาาาาาา~…'

     

    ก็ไม่มีอะไรมากหรอก   แค่เราจะจัดให้มีการแสดงโชว์ความสามารถอะไรทำนองนั้นละ ฮีชอลอธิบายต่อ   ฮันคยองพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ

     

    ถ้าเข้าใจแล้วงั้นก็เจอกันวันพรุ่งนี้ตอน 4 โมงเย็นที่ห้องประชุมเล็กนะ   อย่าลืมซะละ

    อีทึกว่าขึ้นทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปพร้อมๆกับฮีชอลที่คลี่ยิ้มสวยให้รุ่นน้องร่วมสถาบันปิดท้ายก่อนจากลา    รอยยิ้มหวานๆที่ได้รับมาทำเอาพ่อหนุ่มตี๋แดนมังกรของเราถึงละเมอเพ้อพกจนแทบเดินไม่ตรงทาง   แถมยังเกือบจะขี่จักรยานคู่ใจไปตกคูข้างทางอีกต่างหาก...

     

     

    *--------------------------------- 60% --------------------------------*



    ...เย็นวันต่อมา...

     

     

    ...สี่โมงครึ่ง.......นายมาสายไป 30 นาที

    เสียงนุ่มๆของหนุ่มตาหวานเปรยขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นใบหน้าขาวๆตี๋ๆของรุ่นน้องคนสนิทวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบจนดูราวกับว่าเพิ่งไปรับจ๊อบแบกกระสอบข้าวสารไม่มีผิด   แขนเรียวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะหันมันไปทางร่างสูงโปร่งที่เพิ่งมาใหม่แล้วใช้นิ้วจิ้มลงไปบนหน้าปัดแบบถี่ๆเหมือนคล้ายจะด่าทางอ้อมว่า...นี่มรึงไม่เคยดูนาฬิกาเลยใช่ไหม?!...

     

    โธ่...เห็นใจกันหน่อยซิฮะพี่ทึกกี้     ก็วันนี้ผมมีซ้อมบาสนี่นา    นี่ผมก็รีบปั่นมาจนขาแทบจะพันกันตายกลางทางแล้วนะคร้าบ~” ฮันคยองโอดครวญยกใหญ่เมื่อเห็นรุ่นที่เคารพกลายสภาพเป็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดย่อมๆที่แผ่รังสีอำมหิตออกมาอยู่ตลอดเวลา    เขารู้ดีว่าพี่อีทึกไม่ชอบให้คนอื่นมาสาย(ยกเว้นตัวเอง...)(อืม...เจริญจริงๆ...=___=  : Sakiya)  แต่ทำไงได้ละ...ก็เขามีธุระจริงๆนี่นา

     

    เออๆ  ช่างเหอะเมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนที่ถูกส่งมาพร้อมกับนัยน์ตาใสซื่อของอีกฝ่ายอีทึกต้องถอนหายใจออกมา    เฮ้อ...เจอลูกอ้อนตาแป๋วแบบนี้ทีไร  ก็อดที่จะยกโทษให้ไอ้หมอนี่ไม่ได้ทุกทีสิน่า...  

     

    “ว่าแต่ปีนี้ใครได้เป็นเฟรชชี่บอยกะเฟรชชี่เกิร์ลอ่ะพี่พ่อหนุ่มผมทองเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีทึกเริ่มหายโกรธเขาแล้ว   

    สิ้นเสียงถามของร่างตรงหน้า  อดีตรองตำแหน่งเดือนมหาลัยก็ใช้กำปั้นทุบฝ่ามืออีกข้างหนึ่งขึ้นอย่างนึกได้

     

    เออ  จริงสิ!   ปีนี้ช่วงที่เค้าประกวดกันนายกลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองจีนมานี่นา   งั้นมานี่  เดี๋ยวฉันจะแนะนำทุกคนให้รู้จัก

    ว่าแล้วทึกกี้ก็จับข้อมือของคนข้างๆลากไปลากมายังแทบจะทุกส่วนของห้องประชุมเพื่อแนะนำเจ้าของตำแหน่งต่างๆประจำปีนี้ให้ฮันคยองรู้จักจนคนถูกลากแทบขาขวิด    หลังจากวิ่งวนไปวนมาซักพักก็มาถึงคนสุดท้ายที่อีทึกยังไม่ได้แนะนำ    เขาพาร่างของรุ่นน้องคนสนิทไปหยุดอยู่ที่ตรงมุมหนึ่งของห้องซึ่งมีร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอ่านข้อความในโทรศัพท์อยู่

     

    เอ้า!  รู้จักกันไว้นะ!   นี่ชเว ซีวอนเฟรชชี่บอยปีนี้  ส่วนนี่ฮันคยองเฟรชชี่บอยเมื่อ2ปีที่แล้ว...

    ด้วยความที่เพิ่งปั่นจักรยานมาเหนื่อยๆแถมยังต้องโดนหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าลากไปลากมาแบบแทบไม่ได้พัก   ฮันคยองเลยได้แต่ยืนตัวงอเอามือท้าวหัวเข่าข้างหนึ่งไว้ด้วยความเหนื่อยหอบ  ส่วนอีกมือก็ยื่นออกไปทักทายโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเลย    เช่นเดียวกับร่างสูงที่กำลังกดปิดโทรศัพท์แล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงอยู่จึงยื่นมือออกมาโดยไม่ได้เหลือบสายตาขึ้นมองคนตรงหน้าเช่นกัน

     

    สวัสดีครับ....เฮ้ย!!!”

     

    เมื่อฮันคยองเริ่มหายเหนื่อยและซีวอนก็เก็บโทรศัพท์เข้าประเป๋าเรียบร้อยแล้วทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมองกันเพื่อจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ    แต่เพียงแค่เหลือบสายตาไปเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเท่านั้น....ต่างคนก็ต่างเบิกตากว้างพลางยกนิ้วขึ้นชี้หน้ากันแล้วร้องตะโกนออกมาดังลั่นห้องว่า

     

    ไอ้แพนด้าบรูซลี!!!”

     

    ไอ้ตีนผีมินิคูปเปอร์!!!”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    อ้าว...นี่รู้จักกันแล้วเหรอ?  ดีจังเลยนะ...^__^ ” ส่วนรุ่นพี่ทึกกี้ของพวกเราก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เหมือนเคย...

     


     

    ...เฮ้อ...ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกะชาวบ้านเค้าเล๊ย~...  =___= ”...

     

     

     

     

     

     

     

    TBC….

    (เมื่อชาติต้องการ)

     

     

     

    ***************************************************************

     

     

    Free Talk

     

     

    ในที่สุดตอนที่สองก็จบลงจนได้หลังจากอู้ขี้เกียจเขียนมาซะตั้งนาน...แหะๆ (ยังจะมาหัวเราะอีกเร๊อะ!)

     

    ต่อไปว่าจะทยอยมาลงทีละนิดทีละหน่อย  เพราะคิดว่าถ้ารอลงทั้งตอนเลยทีเดียวแบบเมื่อก่อนคงได้รอกันยาวแน่    อืม...รู้สึกว่าลงทีละนิดจะขี้เกียจน้อยกว่าแฮะ 

     

    คงจะมาลงตอนต่อไปช้าสักหน่อยนะคะ   เพราะอยู่ในช่วงสอบแล้ว   คงจะเล่นเนทมากเหมือนเดิมไม่ค่อยได้แล้ว   แบบว่าต้องทำเกรดอ่ะค่ะ

     

     

    สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์เช่นเคยนะค้า~ ^ ^

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×