คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : No. 1 : แรกพบ
ชายหนุ่มยืนมองภาพที่ปรากฏขึ้นมาบนกระจกบานใหญ่ภายในห้องของตัวเองด้วยความพึงพอใจชนิดที่แสดงออกมาบนใบหน้าอย่างปิดไม่มิด
อืม...ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็หล่อจริงๆแฮะ
เรือนร่างสูงโปร่งแต่ไม่ได้ดูบอบบางนักเพราะชอบออกกำลังกายเป็นนิจกระชับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีอ่อนที่สวมทับเสื้อตัวในเอาไว้ให้แนบตัวยิ่งขึ้น มือขาวเนียนละเอียดอย่างคนสุขภาพดียกขึ้นจัดเสื้อยืดตัวในสีดำสนิทลายกราฟิตี้ให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเอี้ยวซ้ายเอียงขวาแล้วหมุนตัวไปรอบๆ
...ภาพที่ปรากฏในกระจกเงาคือใบหน้าได้รูปภายใต้กรอบผมสีอ่อนที่ผ่านการตัดซอยจนดูพลิ้วราวกับเส้นไหม นัยน์ตาเรียวสวยสีนิลมองภาพสะท้อนของตัวเอง แล้วริมฝีปากบางก็ต้องหยัดยิ้มขึ้นมาบางๆอย่างที่สาวๆเห็นแล้วรับรองว่าต้องละลายกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟภายในไม่กี่วินาทีแหงๆ...
‘ทำไมเราถึงได้เท่ห์แบบนี้ว่ะเนี๊ย?’
หลังจากตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองแล้ว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเดินออกมาจากหอพักของตนเองด้วยความมาดมั่น มือเรียวสะพายเป้ขึ้นบ่าแล้วคว้าจักรยานเมาท์เทนไบค์ที่ไม่เคยได้ขี่ขึ้นภูเขาตามหน้าที่จริงๆของมันซักที(แล้วซื้อมาทำไม?) ก่อนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู...เข็มสั้นชี้ไปที่เกือบจะถึงเลข 10
อืม...เกือบจะ 10 โมงแล้วสินะ
เขารำพึงรำพันขึ้นมาเบาๆพลางสูดอากาศยามเช้า(?)เข้าปอดไปอย่างสบายใจ แต่แล้วก็ทำท่าเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เพราะจู่ๆใบหน้าได้รูปก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงโปร่งรีบก้าวขึ้นคร่อมจักรยานคู่ใจแล้วทะยานปั่นออกไปยังคณะเศรษฐศาสตร์...ที่เรียนของเขาในทันทีด้วยความเร็วขนาดที่มิคาเอล ชูมัคเกอร์ แชมป์นักแข่งรถ F1 หลายสมัยมาเห็นแล้วยังต้องอายจนแทบอยากจะมุดตุ่มหนี...
.
.
.
.
.
.
“ฮ่าๆๆ เหงื่อซกเชียวนะแก นี่คงปั่นสุดฝีตรีนมาเลยละสิท่าไอ้ฮันคยอง” เสียงทักทายจากเพื่อนสนิทร่างใหญ่เจ้าของทรงผมสกินเฮดที่ดูแล้วสุดแสนจะเด็กแนวทำเอาคนมาใหม่ถึงกับหันไปแยกเขี้ยวให้แทนคำทักทายกลับ
“ก็เออนะสิไอ้หมี” ชายหนุ่มเจ้าของนาม ‘ฮันคยอง’ ว่าพลางทรุดตัวนั่งลงข้างๆกายเพื่อนซี้ที่มาถึงก่อน “เรียนถึงไหนแล้วละ เอาเลคเชอร์มาดูดิ”
“อ่ะ เอาไป” คนที่ถูกเรียกว่าหมีก็ไม่ได้โกรธอะไร เขาวางปากกาลงบนโต๊ะก่อนจะโยนสมุดจดลายหมีพูห์ที่คนขอยืมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดด้วยเหตุผลที่ว่า ‘มีน้องชายอยู่ใกล้ๆเวลาเรียนแกจะได้ไม่เหงา’ ให้ไป “เร็วๆด้วย จารย์แกจะสอนต่อแล้ว”
“เออๆ รู้แล้วน่าคังอิน” ร่างสูงโปร่งว่าพลางๆจดยิก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามเพราะนึกได้ว่ายังไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนรักอีกคน “แล้วทงเฮละ?”
“โดด” คำเดียวสั้นๆได้ใจความ ฮันคยองพยักหน้าอย่างเข้าใจ
...สงสัยไปกับเจ้าคิบอมแหง...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
“หิวๆๆ ไปกินข้าวกันเหอะ” เพิ่งจะสิ้นเสียงอาจารย์บอกเลิกคลาสได้ไม่กี่วินาที ชายหนุ่มร่างสูงข้างๆเขาก็ร้องโวยวายออกมา แถมทำท่าซะยังกะเป็นหมีขาดอาหาร
“เออๆ ไปดิ” ฮันคยองตอบรับพลางแอบเหล่ตามองเพื่อนสนิท
หิวอะไรของมันอีก เห็นตอนเรียนก็นั่งกินขนมหมดไปตั้ง 2 ถุงใหญ่ๆ รึว่ากระเพาะมันจะมี 4 มิติวะ?
******************************************************************************
ด้วยความที่เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยทั้งคู่ จึงทำให้ระหว่างที่กำลังเดินไปโรงอาหารต่างก็มีทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง และรุ่นเดียวกันเข้ามาทักทายตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ที่เป็นสาวๆ...
“สวัสดีค่ะพี่ฮันคยอง” เสียงใสๆของรุ่นน้องหน้าตาน่ารักกลุ่มหนึ่งเอ่ยทักทายขึ้นในระหว่างที่เขากำลังต่อแถวเข้าคิวซื้ออาหารกลางวันอยู่
“สวัสดีครับ” เสียงนุ่มตอบรับพลางคลี่ยิ้มสวยให้กับเด็กสาวตรงหน้า ทำเอาเธอหน้าแดงเทือกไปถึงใบหูแถมยังทำท่าจะเป็นลมแบบเดียวกับสาวๆที่อยู่ในบริเวณของรัศมี ‘ฮันคยองแอ๊คแทค’ อีกต่างหาก
ชายหนุ่มมองภาพเหตุการณ์ชุลมุนของสาวๆตรงหน้าแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา
“ความหล่อนี่ช่างเป็นบาปจริงๆ”
หลังจากซื้ออาหารเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็มานั่งลงที่โต๊ะประจำของพวกเขา จากนั้นก็นั่งเงียบลงมือกินอย่างตั้งอกตั้งใจดูเหมือนจะจริงจังยิ่งกว่าทำข้อสอบปลายภาคเสียอีก แต่ระหว่างที่ชายหนุ่มผมทองกำลังกินข้าวอยู่นั้น...จู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังเข้าหูมา
“เธอว่าในมหาลัยเราเนี๊ย ใครเท่ห์ที่สุด?”เสียงสาวน้อยที่นั่งอยู่ใกล้ๆเอ่ยขึ้นมาทำให้เขาต้องเงี่ยหูฟังอย่างแสนตั้งใจ
“ฉันว่าพี่ฮันคยองคณะเศรษฐศาสตร์นะ ทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ แถมยังเป็นนักกีฬาอีกตั้งหาก”ฟังประโยคนี้จบปุ๊บ คนที่ถูกเอ่ยถึงก็แอบยิ้มจนหน้าบาน
...ถูกต้องแล้วน้องเอ๋ย พี่นะดูดีที่สุดในมหาลัยเราแล้ว...
“แต่ฉันว่าน้องใหม่คณะวิศวะที่ชื่อซีวอนนั่นก็ไม่เลวนะ รูปหล่อ หุ่นดี ตัวสูง แล้วก็รวยด้วย” ช่างเป็นคำตอบที่ทำให้คนแอบฟังอยู่ชักรู้สึกหงุดหงิดชอบกล
...ใครว่ะ? หนอย~ บังอาจมาเทียบรัศมีเซเมะกับเรา!...
“นั่นสิเนอะ...ลืมนึกถึงไปเลย แต่ฉันว่าอย่างพี่ฮันคยองนี่ไม่เรียกว่าหล่อหรอกนะ ฮิๆ”
‘ช่ายๆ อย่างพี่นี่เรียกว่า โค-ตรหล่อเลยใช่ไหมน้อง’ ฮันคยองยังคงพูดเองเออเองในใจเสร็จสรรพต่อไปพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้กระหาย
“ช่าย~ ต้องเรียกว่า ‘น่ารัก’ ถึงจะถูก
”
ยังไม่ทันสิ้นประโยค คนที่แอบฟังชาวบ้านนินทาตัวเองอยู่ก็ถึงกับสำลัก จนน้ำเปล่าที่เคยอยู่ในปากโยกย้ายนิวาสถานไปอยู่บนหน้าของเพื่อนรักเรียบเป็นที่ร้อยแล้ว...
“...ไอ้ฮัน” เสียงเย็นๆของคนตรงหน้าทำเอาหนุ่มตี๋แดนมังกรถึงกับหน้าถอดสี
“เอ่อ...โทดที แกก็คิดซะว่ามันเป็นน้ำมนต์ล้างซวยก็แล้วกันนะคังอิน”ฮันคยองเอื้อมมือไปตบไหล่ร่างใหญ่ตรงหน้าเบาๆแล้วก็แถเอาแบบข้างๆคูๆ ทำเอาคนที่เพิ่งถูกเพื่อนรักรดน้ำมนต์ให้อารมณ์ฆาตกรพุ่งสูงปรี๊ดจนปรอทวัดแทบแตก...
“อืม...น้ำมนต์... แกตายยยยยยยยยยยยยยย!!!” คังอินทวนคำพูดของคนตรงหน้า ก่อนจะร้องตะโกนลั่นพลางวิ่งไล่หนุ่มฮ๊อตประจำมหาลัยไปทั่วโรงอาหาร
“อ๊ากกกกกกกก ช่วยด้วย! หมีตกมันอาละวาด!!!”
*************************************************************
หลังจากเสริมสร้างมิตรภาพลูกผู้ชายด้วยการวางมวยกันไปหลายยกอยู่ ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากโรงอาหารเพื่อเตรียมตัวกลับไปเรียนวิชาช่วงบ่าย แต่ในขณะที่คังอินกำลังเดินข้ามฝั่งไปยังตึกเรียนนั้น จู่ๆสายตาของพ่อหนุ่มผมสีซีดก็เหลือบไปเห็นมินิคูปเปอร์สีน้ำเงินคันสวยที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน กำลังขับตรงดิ่งมาทางเพื่อนของเขาด้วยความเร็วสูง!
“เฮ้ยไอ้คัง! ระวัง!!!” ...ไวเท่าแสง ฮันคยองยกฝ่าเท้าขึ้นถีบกลางหลังเพื่อนรักอย่างไม่ต้องฉุกคิดด้วยแรงขนาด 30 นิวตันเมตรต่อวินาที เพื่อให้ร่างใหญ่นั้นพ้นออกไปจากรัศมีทางรถ
“แอ๊ก!!!” นี่เป็นเพียงเสียงเดียวที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของร่างสูงที่กำลังปลิวละลิ่วไปด้วยแรงฝ่าเท้าของเพื่อนสนิท ...อืม...ถึงรอดจากรถชน แต่ไปตายเพราะเพื่อนถีบมันก็ไม่น่าภูมิใจนักหรอกนะคังอินเอ๋ย...
หลังจากรถคันสวยวิ่งผ่านไป ร่างสูงโปร่งตรงปรี่เข้ามายังร่างของเพื่อนซี้ที่นอนแน่นิ่งเป็นหมีถูกฆาตกรรมอำพรางรอให้ตำรวจเอาสเปรย์มาพ่นที่พื้นอยู่ด้วยความเป็นห่วง
“เฮ้ย! เป็นไงบ้างว่ะ? ยังไม่ตายใช่ไหม?”
ด้วยความที่ยังจุกอยู่เลยทำให้พูดไม่ออก จึงทำได้แต่เพียงแค่ส่ายหน้าไปมาเท่านั้น แต่กระนั้นก็ยังไม่วายแอบบ่นในใจว่า ‘กรูจะตายเพราะมรึงนี่แหละไอ้ฮัน!’
“เฮ้! คุณเป็นไงบ้าง?”น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยแต่แค่ฟังดูก็รู้ว่าเจ้าของมันต้องหล่อแหงๆดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำเอาฮันคยองหันไปทางต้นเสียงทันที
ร่างสูงใหญ่ก้าวลงมาจากรถมินิคูปเปอร์เปิดประทุนสีน้ำเงินเข้ม แล้วตรงเข้ามาเอ่ยถามความเป็นไปของร่างที่นอนแหมะอยู่กับพื้น
‘เห...เป็นคนดีเหมือนกันนี่หว่า’ ฮันคยองลอบคิดในใจก่อนที่กำลังจะเอ่ยปากออกไปว่า ‘เพื่อนของเขาไม่เป็นอะไรมากหรอก’ แต่แล้วก็แทบจะต้องโยนความคิดในทีแรกทิ้งไปในทันทีเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“ไม่รู้รึไงว่าวิ่งทะเล่อทะล่าออกมากลางถนนแบบนี้มันอันตรายนะ มันทำคนอื่นเค้าเดือดร้อนไปด้วย ยังดีนะที่ไม่เป็นไร ไม่งั้นก็ยุ่งยากอีก” ชายหนุ่มหน้าตาดีเข้าขั้นเทพเอ่ยมาเป็นชุดจนทำเอาพ่อหนุ่มตี๋ถึงกับมึน ...เฮ้ยๆ แกคนผิดไม่ใช่เรอะนั่น...
“เฮ้ๆ! คุณนะ มาพูดอย่างนี้ได้ไง เพื่อนผมเดินข้ามถนนอยู่ดีๆแถมยังเป็นตอนที่ไม่มีรถด้วย คุณต่างหากละที่เป็นฝ่ายผิด!” ไอ้หนุ่มผมทองสวนกลับไปในทันที ...ถึงกรูจะหล่อก็หล่ออย่างมีสตินะเว้ย ใครจะยอมให้มาด่ากันง่ายๆละ...
“ก็นี่มันทางรถยนต์นะคู๊ณณณณ! รถมันก็ต้องเป็นใหญ่ซิ! ถ้าอยากให้หมีเป็นใหญ่ก็ไปป่าสงวนนู่น!!!” อีกฝ่ายก็ใช่ย่อย โดนด่ามาก็ด่ากลับเฉยไม่ได้สำนึกเลยว่าตัวเองเป็นคนผิด แถมยังมีแอบกัดคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นอีกต่างหาก
“อ้าว ผิดก็ยอมรับกันหน่อยซิคุณ ไหงมาแถกเอาด้านๆแบบนี้ละ” ฮันคยองชักฉุน คนอะไรว่ะหน้าตาก็ดี(น้อยกว่าเราหน่อยนึง : ฮันคยอง) แต่แมร่ง~
ช่างแถสุดๆ!
“เฮอะ! ยังไงผมก็ไม่ผิด แต่เอาเถอะผมยังมีธุระที่ต้องไปทำอีก เอ้า! นี่นามบัตรผม” ร่างสูงโปร่งมองคนตรงหน้างงๆ แต่ก็หยิบนามบัตรใบนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อของตัวเอง
...แล้วมันจะเอานามบัตรมาให้กรูทำซากอะไร?...
“เพื่อนคุณจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ว่ามา
” ยังไม่ทันจบประโยคดี ลูกเตะมหาประลัยของไอ้หนุ่มแดนมังกรก็ตรงเข้าสู่ปลายคางของอีกฝ่ายด้วยความเร็วเหนือแสงไม่แพ้ตอนถีบหลังเพื่อน ทำเอาร่างสูงตรงหน้าหงายหลังล้มโครมลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นคอนกรีต
“อย่ามาดูถูกกันนะว้อยยยย!!! ไอ้บ้า!!!” ฮันคยองโวยวายลั่นพลางจะเดินเข้าไปซ้ำไอ้หน้าหล่อปากเสียอีกรอบ ทำเอาคังอินที่ไม่รู้ว่าหายจุกตั้งแต่เมื่อไหร่ต้องรีบเข้ามาล็อคแขนล็อคขาเพื่อนซี้เอาไว้อย่างสุดแรงเกิด
...ก็แหงละ เขายังไม่อยากเป็นคนไปซื้อโอ้เลี้ยงกับข้าวผัดให้มันตอนอยู่ในคุกนี่หว่า...
“เฮ้ย! พอน่าฮันคยอง ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนี่นา ขึ้นเรียนกันเถอะ” คังอินว่าพลางลากตัวหนุ่มจีนขึ้นตึกเรียนไปอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่วายตะโกนก้องปิดท้ายก่อนไป
“ถึงไอ้คังเพื่อนฉันมันจะไม่หล่อเท่าไหร่แต่มันก็มีศักดิ์ศรีนะเว้ย! จำไว้ด้วยละ!!!”
ยังคงประกาศกร้าวไม่เลิก แต่คนที่ถูกพูดถึงชักไม่ค่อยแน่ใจ
...สรุปว่ามันชมรึด่ากันแน่ว่ะ?...
***************************************************************
“อู๊ย~ เป็นบ้าอะไรของเค้าว่ะ? จู่ๆก็เตะมาได้ เจ็บชะมัด!” หนุ่มรูปหล่อที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมอีท่าไหนก็ไม่ทราบเลยกลายร่างเป็นกระสอบทรายซะเฉยๆ พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากพื้นพลางเอามือลูบตำแหน่งที่เพิ่งถูกเตะไปเมื้อกี้นี้ด้วยความเจ็บแปลบ
“หนอย~ บังอาจมาทำกับคนอย่างชเว ซีวอนถึงขนาดนี้ เรื่องมันไม่จบง่ายๆแน่ คอยดูเหอะ!!!” เสียงทุ้มประกาศก้องพลางมองตามแผ่นหลังของคนที่เพิ่งเดินขึ้นตึกไปอย่างแสนแค้น
...โอย~ ว่าแต่ลูกเตะเมื่อกี้นี้หนักจริงๆแฮะ เล่นเอาเห็นดาวเลยนะเนี๊ย....
TBC
(เมื่อไหร่ก็ไม่รู้)
***************************************************************
Let’s talk with Sakiya
หวัดดีค่าทุกๆคน วันนี้ซาคิยะหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว...เรื่องเก่ายังแต่ไม่จบแถมทำท่าว่าจะดองอีกต่างหาก แต่ดันมือบอนมาเขียนเรื่องใหม่อีกแล้ว แหะๆๆ
อ่านจบแล้วเป็นไงบ้างเอ่ย สนุกไหม? ยังไงก็ขอคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้คนแต่งซักนิดนะค่ะ
ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ ^_^
ความคิดเห็น