คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Introduction
‘The Fraction of nightmare’
หมายเหตุ : ลูกใครที่บทน้อยในนี้ไม่ต้องเสียใจ....บทท่านในเรื่องเยอะกว่านี้เป็นเท่าตัวค่ะ!!!! แต่ไรท์อยากเก็บท่านไว้ไปปล่อยของในเรื่องค่ะ!
หมายเหตุสอง : ความยาวสิบเก้าหน้าเวิร์ดค่ะ....
“บ้าเอ๊ย…ใครมันทำวะ…!”
หากท่านเดินออกจากหมู่บ้านมนุษย์ทางตอนใต้ สู่เขตแดนทางเหนือ ทะลุผ่านป่าใหญ่อันเต็มไปด้วยพฤกษานานาพรรณแล้วไซร้ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นหลังจากออกมาจากป่าได้…คือประตูรั้วขนาดใหญ่สีดำสนิท ชนิดที่ว่ากระโดดให้สูงแค่ไหนก็ไม่ถึง …ประตูรั้วนี้เป็นดังปราการและกรงขัง ‘สิ่งที่อยู่หลังรั้วนี้’ เอาไว้ในคราเดียวกัน
ใช่ นี่คือประตูเข้าสู่หมู่บ้านปีศาจ… ‘ซินเซอร์ริส…’
‘ซินเซอร์ริส’ (Sinceris) เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ใหญ่ถึงขนาดกินพื้นที่ภูเขาทางตอนเหนือทั้งหมด แถมยังแผ่อาณาเขตไปจนถึงทางตอนกลางและทางตะวันออกบางส่วนด้วย ด้วยพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ทำให้ยอมรับได้ยากว่านี่เป็นเพียงแค่หมู่บ้าน น่าจะเรียกว่าเป็น ‘เมือง’ มากกว่า แต่ก็เอาเถอะ…คนที่นี่ติดเรียกว่า ‘หมู่บ้าน’ มากกว่าอยู่ดี ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าปีศาจหลากหลายสายพันธุ์อาศัยรวมกันอย่างสงบสุข (…โดยรวมน่ะนะ เพราะปีศาจบางจำพวกอย่างพวกออร์คกับก็อบลินยังคงทำตัวเป็นตัวป่วนตามสัน___ของมันอยู่) แต่อย่างน้อย ปีศาจที่นี่ก็ไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับมนุษย์ที่อยู่หมู่บ้านทางตอนใต้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ดูท่าวันนี้จะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น…ประตูหมู่บ้านถึงได้นอนราบกับพื้นยังกับถูกตอร์ปิโดยิง…(ดูมันเปรียบเทียบ) แถมพื้นที่โดยรอบยังดูเละเทะเหมือนอ้วกถูกเหยียบ(ยี้…) พูดง่ายๆคือ มันเละไม่มีชิ้นดี ต้นไม้ล้มระเนระนาด บ้านพักของเหล่าปีศาจหลายตนที่ตั้งอยู่ริมประตูถูกรื้อถอน แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งเกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างแน่นอน
และภาพนี้…ทำให้ ‘หล่อน’ ปรี๊ดมาก…
“ไอ้….ไอ้…ไอ้พวกถั่วงอกเอ๊ย! กล้าดียังไงมาทำแบบนี้วะ!! อย่าให้เจอตัวนะ!! ไอ้พวกหอยขม!!!”
…เออ มันปรี๊ดจริง….
ทุกสายตาในหมู่บ้านต่างจับจ้องไปยังหญิงสาวที่กำลังกรีดร้องเป็นบ้าเป็นหลังให้กับประตูสุดที่รักของหล่อนที่ถูกพังไม่มีชิ้นดี แต่ก็ยังไม่ลืมเว้นระยะห่างระหว่างตัวหล่อนประมาณสามเมตร เพราะกลัวเธอกัด…(?)
หญิงสาวผู้นี้มีนามกรอันแสนหรูเลิศว่า ‘ดิสคอร์เดีย โจคัสต้า’
หากจะให้บอกถึงรูปทรงองค์โฉมของเธอคนนี้ คงต้องขอบอกก่อนว่าเธอไม่ได้มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นเหมือนหญิงสาวทั่วไปนัก ออกจะค่อนไปทางบึกบึน(?)และล่ำ(?) สมกับเผ่าพันธุ์ของเธอซึ่งเป็น ‘ยักษ์’ แต่ก็ไม่ได้ล่ำเกินไปจนน่าเกลียด ในทางกลับกัน เธอเองก็ไม่ได้ผอมบางร่างเพรียวดังเช่นมนุษย์ผู้สวยงามหลายๆคน
โจคัสต้าหรือโจเป็นเจ้าของเรือนผมยาวสยายสีแดงเพลิง เฉกเช่นเดียวกับดวงตาที่มีสีแดงราวกับไฟลุกโหม ใบหน้าสวยค่อนไปในทางเคร่งขรึมนิดๆแต่มันก็ยังดูดีทั้งๆที่เป็นแบบนั้น รูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีน้ำผึ้งของเธอจะไม่มีรอยตำหนิอะไรเลยหากมันไม่มี ‘บาดแผล’ แซมอยู่บนเนื้อเนียนนั้นหลายจุดด้วยกัน โดยที่แผลตามร่างกายเหล่านี้บ่งบอกถึงลักษณะนิสัยใจร้อนบ้าระห่ำของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี อีกอย่าง โจดำรงตำแหน่งคนเฝ้าประตูของหมู่บ้าน ต้องมีเรื่องชกต่อยกับผู้บุกรุกเป็นธรรมดา…ดังนั้น แผลพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ
“ไอ้พวกนั้นมันเป็นใคร!!” หญิงสาวเกศาเพลิงขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันไปตวาดลั่นใส่พวกปีศาจมุง (?)ที่มุงดูเธออยู่ “บอกมา!”
“พ พวกไหน?”
“ก็ไอ้พวกที่ทำแบบนี้ไงเล่า!”
ด้วยความกลัวว่าโจคัสต้าอาจจะกระโดดงับหัวเอาได้ เอลฟ์ตัวน้อยหนึ่งในฝูงปีศาจมุงก็ค่อยๆพูดเสียงตะกุกตะกัก
“พวกมันเป็นมนุษย์ครับ”
“มนุษย์ ? มนุษย์เนี่ยนะ?? นี่แกจะบอกว่ามีมนุษย์บุกเข้ามางั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ…”
“ในระหว่างที่ฉันไม่อยู่?”
“ครับ…หวา!”
หมับ!!!
“ตอนนี้พวกมันอยู่ไหน!!”
คอเสื้อของเอลฟ์น้อยถูกยักษ์สาวคว้าหมับแล้วกระชากอย่างแรง ตอนนี้เธอไม่สนอะไรแล้ว รู้แต่ว่าเธอโกรธมาก โกรธจนทนไม่ไหวแล้ว!! กล้าดียังไงมาบุกหมู่บ้านกันแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าวไปบอกเธอเลย และที่สำคัญ…ไอ้พวกมนุษย์ซากแฟ้บพวกนี้เปิดประตูดีๆไม่ได้รึไงฟะ! พังทำไม!! พังลูกรักตรูทำไม!! (หลังๆชักจะไม่ใช่…)
“พ พวกมันบุกไปวิหารบาปแล้วครับ…!”
“วิหารบาปใช่มั้ย โอเค…” หญิงสาวปล่อยมือแล้วตั้งท่าวิ่งฝ่าฝูงชนตรงไปยังวิหารบาป แต่จู่ๆสองเท้าก็หยุดกึก…เมื่อเธอคิดอะไรบางอย่างออกมาได้…
“แล้ววิหารบาปนั่นอยู่ไหนละวะ!!!!!”
ไม่มีสัญญาณตอบรับ…เพราะฝูงชนรอบตัวเธอต่างเงิบค่ะ…
“หุ…”
จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะแหลมสูงเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน เจ้าของเสียงหัวเราะก็ได้ก้าวออกมาจากวงล้อม ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้ายักษ์สาวผมแดงด้วยทวงท่าอันสง่างาม
‘สวยมากๆ’ …นี่อาจเป็นคำเดียวที่ใช้บอกถึงลักษณะของเธอได้... ถึงจะไม่รู้ว่าเธอคือใคร แต่โจก็อดชื่นชมในใจไม่ได้เลยทีเดียว… เธอมีเส้นผมยาวสลวยสีดำดุจท้องฟ้ายามราตรีล้อมกรอบใบหน้าสวยเด่น เข้ากับดวงตาสีเดียวกับเส้นผมที่ตัดกับริมฝีปากสีแดงน่าจุมพิตได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด นั่นยังไม่นับรูปร่างสง่างามราวกับนางพญาและผิวสีขาวหิมะของเธอ ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างมาให้เธองดงามเกินใครแท้ๆ…
“เธอเป็นใคร?”
“ซารีเอล ดาเรีย ลาติฟาห์” เธอคนนั้นยกยิ้มน้อยๆ “น่าตลกจังนะคุณคนเฝ้าประตู ไม่รู้จริงๆเหรอว่าวิหารบาปอยู่ไหน?”
“เออน่า…เธอรู้ก็ช่วยนำทางไปหน่อยสิ”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว… เพราะฉันน่ะคือท่านซารีเอลที่แสนงดงามยิ่งกว่านางสวรรค์ชั้นฟ้าวิมานใดเชียวนะ เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ ฉันน่ะนะ…นอกจากจะสวยแล้วยังเปี่ยมล้นไปด้วยมันสมอง กิริยามารยาทที่แสนจะดูดี๊ดูดีมีชาติตระกูล…อ้อ…แล้วก็….”
“อ เอ่อ…นี่เธอ…”
คุณเธอคะ สรุปวิหารบาปอยู่ไหนคะ! << เสียงในใจโจ
“อย่าพูดขัด!!!” ไม่ทันที่โจจะอ้าปากพูด นิ้วชี้เรียวงามของฝ่ายตรงข้ามก็ถูกชี้เข้าที่หน้าของเธอเต็มๆ ชนิดที่ว่าถ้าไม่ถอยหลังหนีต้องโดนจิ้มเข้าเต็มหน้าผากแน่ๆ ซารีเอลพ่นลมหายใจเบาๆก่อนจะพูดต่อ “ต่อนะ…ท่านซารีเอลน่ะสวยงามอลังการยิ่งกว่าอะโฟรไดต์บวกกับไซคี แม้กระทั่งเฮเลนแห่งทรอยยังพ่ายแพ้เลยนะ แบบนี้ยังจะมีใครสวยกว่าอีกเหรอ? โฮะๆๆๆ โอ๊ย…บนโลกนี้ไม่มีใครงดงามกว่าฉันแล้วล่ะ โฮะๆๆๆๆ”
ล แล้ววิหารบาปอยู่ไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ขณะเดียวกัน
วิหารบาป
นักบวชสาวจ้องมองเหล่ามนุษย์ผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ดวงตาสีแทนซาไนท์คู่งามหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่มองไปยังเหล่ามนุษย์ที่พากันส่งเสียงเอะอะโดยไม่มีความเกรงใจ
“ไอ้พวกปีศาจ!!!”
“ข้าจะถอนรากถอนโคนพวกแกให้หมดเลย!! ไปตายซะ!!”
“ในนี้มีปีศาจอยู่ใช่มั้ย ลากคอมันออกมา!!!”
ความจริง ‘เอสเธอริน่า ไลล่า เมนาสเชห์’ นักบวชสาวเพียงคนเดียวที่ประจำการอยู่ที่วิหารบาปแห่งนี้พอจะคาดการณ์ออกว่าเกิดอะไรขึ้น จากเนื้อความในเสียงตะโกนของพวกมนุษย์พวกนี้ทำให้เธอรู้ได้ว่าพวกมนุษย์ยังเหมือนเดิม…ยังทำตัวเกะกะระรานพวกปีศาจเหมือนเดิม ทั้งๆที่พวกปีศาจอย่างเธอแค่อยู่เฉยๆในหมู่บ้านของตัวเองก็หาเรื่องมาบุกทำลายหมู่บ้านปีศาจได้เรื่อยๆ แล้วก็…เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างพัง… พอจะรู้เลยว่าพวกนี้พังประตูหมู่บ้านเข้ามาแหงๆ…
ทำอะไรติงต๊องจริงๆเลย แล้วคนเฝ้าประตูมัวทำอะไรอยู่??...
“ต้องการอะไรจากที่นี่งั้นเหรอคะ…?”
เสียงตะโกนโหวกเหวกเงียบลงทันทีเมื่อเอสเธอร์ก้าวออกมาจากตัววิหาร เธอโปรยยิ้มอ่อนหวานให้กับผู้รุกรานอย่างไม่กลัวเกรง น่าแปลกที่ทั้งใบหน้าและรอยยิ้มนั้นสะกดทุกคนในที่นี้ได้อยู่หมัด… ราวกับเธอมีเสน่ห์อะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนตะลึงงันได้
“หรือว่า…ต้องการทำลาย เพียงเพราะว่าที่นี่ชื่อว่าวิหาร ‘บาป’ ?”
เสียงระรื่นหูนั้นราวกับเวทย์มนต์ที่ตรึงทุกคนหยุดนิ่งไว้กับที่ คำพูดของเธอแทงใจทุกคนเต็มๆ แม้น้ำเสียงจะเรียบนิ่ง แต่กลับเย็นเฉียบไม่ต่างจากน้ำในธารน้ำแข็ง
“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกคุณจะบอกว่าพวกคุณไม่มีบาปเหรอคะ?”
“นังปีศาจ!! อย่ามาพูดดีไปหน่อยเลย!!” ผู้ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของกลุ่มคนเหล่านี้ตะโกนขึ้นมา เมื่อมีคนเริ่ม เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือก็พลอยตะโกนคำที่มีเนื้อหาไม่ต่างกันนี้ตามๆกันมา
“ใช่!!ใช่!!!”
“ฆ่ามันเลยดีกว่า ท่านดิเอซ เราต้องฆ่าปีศาจทุกตัวในนี้ให้หมดลืมไปแล้วรึไง?!”
“หึ…” หลังจากได้ยินคำพูดของเหล่าลูกน้อง ผู้เป็นหัวหน้าก็หยิบมีดขึ้นมา ดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยความประสงค์ร้าย “ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ก็เป็นปีศาจ ปล่อยไว้ไม่ได้หรอกนะ!”
“คิดว่าจะทำได้งั้นเหรอคะ?”
ฉับ!!
“อึก….!!”
ตุบ…
สิ้นเสียง ‘ฉับ!!’ ปริศนาที่ไม่รู้มาจากไหน ร่างหนาก็ล้มลงไปที่พื้นราวกับตุ๊กตาหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ยกเว้นเอสเธอร์ที่พอจะรู้ว่าคนๆนั้นเป็นอะไร…
“นังปีศาจ! แกทำอะไรท่านดิเอซ!!”
“ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ”
ฉับ!!
ฉับ!!
เสียงเหมือนกรรไกรตัดอะไรบางอย่างยังดังต่อเนื่อง เมื่อสิ้นเสียงนั้น เหล่าชายฉกรรจ์ก็เริ่มทรุดลงไปนอนกับพื้น คนที่ยังรอดอยู่ก็ได้แต่อึ้งว่ามันเกิดอะไรขึ้น?? ใครทำ??
“…คุณกระจกบอกว่า…รบกวนบาซิลิกส์ตอนนอนต้องประหาร” จุดรวมสายตาเปลี่ยนไปเป็นที่เด็กสาวคนนึงที่มายืนอยู่หลังพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ…ในมือเธอมีกรรไกรสีเงินที่แผ่กลิ่นอายสังหารออกมา “ไม่รู้กฎหมายกันเลยรึไง มาตราที่สิบสอง บรรทัดที่สามร้อยหกสิบเก้า วรรคที่สิบ คำที่สองน่ะ!”
ฉับ!!!
กรรไกรถูกง้างออกแล้วตัดฉับในทันที พร้อมๆกับร่างๆหนึ่งที่ล้มลงพื้นเพราะถูกเธอ‘ตัดชีวิต’ คนที่เหลือเริ่มแตกตื่นทั้งๆที่เมื่อกี้ยังปากกล้า แต่เมื่อเจอของจริงเข้า ขาก็สั่นพั่บๆ
เด็กสาวผู้ใช้กรรไกรไม่ได้มีรูปลักษณ์น่ากลัวอะไรนัก เธอมีเส้นผมสีพีชเปล่งประกายที่รวบมัดเป็นทวินเทล ประดับมงกุฎอยู่บนหัว อีกทั้งใบหน้านั้นยังน่ารักมาก…แต่กลับเห็นได้ไม่ชัด เพราะเจ้าตัวดันใส่แว่นกันแดดเอาไว้ มือข้างหนึ่งถือกรรไกร ส่วนอีกข้างหนึ่งถือหมอนข้างลายริXXคุมะ รุ่นลิมิเต็ดเอ็ดดิชั่นของแท้จากญี่ปุ่นอยู่ ช่างเป็นผู้หญิงที่ดูแล้วไม่น่ากลัวเลยสักนิด!!!...
“ยังมากวนคุณกระจกอีกเหรอ…” เธอพูดเสียงต่ำ “คุณกระจกบอกว่าต้องสั่งสอนอีกหน่อย…”
“ว้ากกกกกกกกกก”
ด้วยความกลัวตาย เหล่าคนที่ยังรอดอยู่พากันเผ่นราบ แต่ใช่ว่าวิ่งหนีไปจะรอด เพราะที่หน้าประตูวิหารบาปนั้นมีหญิงสาวหุ่นสะบึม(?)ผมสีชมพูอ่อนอีกคนยืนอยู่…ในมือของเธอไม่มีอาวุธอะไร…
…แต่อย่าวางใจ….
ปึ้ก!!!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เท้าในรองเท้าส้นสูงสีแดงยันเข้าไปเต็มๆจุดยุทธศาสตร์ของชายหนุ่มที่วิ่งมาใกล้ ตามด้วยเตะผ่าหมากอีกรอบ!! เธอไม่สนร่างที่กองอยู่บนพื้นเพราะฝีมือเธอเท่าไหร่นัก รองเท้าส้นสูงคู่งามถูกเจ้าของใช้มันเป็นอุปกรณ์ในการระดมเตะผ่าหมาก(?)หมู่คนที่วิ่งหนีตายมาก็ยังไม่รอด เจอความตายอย่างเมามันส์ เห็นได้ชัดจากแววตาสีครามคู่งามที่เปล่งประกายเมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดสุดชีวิตของบุรุษเหล่านั้น
“อย่ามาทำสำออยนะพวกแก! ไปตายซะ!!!”
ปั้ก!!!
ว่าจบ ชีแกก็ ‘เหยียบ’ ซากศพ(?) ที่นอนอยู่แทบปลายเท้าแล้วก้าวข้ามไปอย่างไม่ไยดี…
นี่แหละ ‘คูอิล เวอร์เฟรเวนด์’ หญิงสาวซาดิสต์ (?)ที่เซ็กซี่ที่สุดในหมู่บ้านปีศาจ ใครๆต่างหลงใหลเธอแม้มองหน้าอกเพียงครั้งเดียว !
หลังจากสถานการณ์สงบลงแล้ว ‘เซนต์ซินไฮน์ วาเลนไฮม์’ เด็กสาวมือกรรไกรก็หลับปุ๋ยคาหมอนข้างลาย ริXXคุมะอย่างไม่สนใจไยดีอะไรทั้งสิ้น ปอยผมสีเข้มระใบหน้าอ่อนวัย ทำให้เธอดูราวกับนางฟ้าน้อยๆที่กำลังหลับใหลเลยทีเดียว คูอิลที่กำลังจะเดินมาหาเอสเธอร์มองเซนต์ซินนิดหน่อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น
“วุ่นหน่อยนะ”
“เล็กน้อยค่ะ”
ตึก! ตึก!
“เฮ้ย!! มีใครบาดเจ็บตรงไหนมั้ย!?”
โจคัสต้าที่วิ่งไปหอบไปมาถึงวิหารบาปในที่สุด พร้อมๆกับซารีเอลที่ทำเพียงแค่เดินชิลๆ(?)แบบสวยๆ(?) เอสเธอร์คลี่ยิ้มให้ก่อนจะพูดเบาๆ
“ไม่ค่ะ ขอบคุณที่ห่วงนะคะ”
“โอย…เหนื่อยเว้ย…!” ทันทีที่ได้ยินคำพูดจากปากของนักบวชแล้ว โจแทบจะลงไปนอนด้วยความโล่งอก…
“ตามสูตร…คนเฝ้าประตูมาตอนจบ…”
…มันจะไม่โล่งอกเพราะประโยคนี้ละเฟ้ย!!!
“ว่าไงนะ…”
คูอิลไม่แม้แต่จะเกรงกลัวยักษ์อย่างโจคัสต้า ซ้ำยังพูดต่อไปเรื่อยๆโดยมีซารีเอลเป็นลูกคู่…
“หูหนวกรึไง?”
“ไม่สวยแถมยังหูหนวกด้วย แย่จริงๆเลย สู้ท่านซารีเอลผู้นี้ก็ไม่ได้…”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก << เสียงในใจโจ(อีกรอบ)
“คุณโจคัสต้าเขาคงมีธุระมั้งคะ เลยอยู่เฝ้าประตูในช่วงนั้นไม่ได้…” เอสเธอริน่าพูดพร้อมรอยยิ้มหวานที่โจคิดว่ามันเหมือนนางฟ้ามาโปรดสุดๆ ทำให้โจทรุดตัวลงนั่งได้อย่างสบายใจ… บวกกับคูอิลและซารีเอลที่เริ่มเปลี่ยนไปเม้าท์เรื่องอื่นกันแล้ว บรรยากาศทั้งหมดสงบสุขดี…
…
…..แน่เหรอ?
กึกๆๆๆๆ….
“!!!”
กึกๆๆๆๆๆๆ…..
“กล้วยทอดเอ๊ย!!!”
เสียงของแม่มดผมดำที่จู่ๆก็ตะโกนลั่นทำลายความสงบทำเอาทุกคนหันไปมองหน้าต้นเสียงแบบงงๆ แต่เมื่อเห็น ‘บางสิ่ง’ ที่ทำให้ซารีเอลร้องลั่นก็พากันอึ้งไปตามๆกัน
แท่นบูชาตรงกลางวิหารกำลังสั่น…เหมือนมีคนใช้มือเขย่าจากใต้โต๊ะอย่างแรง! ทั้งๆที่ทุกคนแน่ใจว่าในวิหารบาปตอนนี้มีเพียงแค่พวกตน แล้วใครกันละ…? ใครกันที่อยู่ใต้โต๊ะนั่น!
“….!!”
“…..!!!”
ทุกชีวิตที่อยู่ ณ ที่นั้นพากันมองหน้ากันไปมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด แม้แต่เซนต์ซินที่กำลังหลับฝันดีก็ตื่นขึ้นมาดูภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นตกใจ มีเพียงคนเดียวในที่นั้นที่ดูไม่ตกใจสักเท่าไหร่ นั่นคือเอสเธอร์… ร่างบางเจ้าของเรือนผมสีสวยก้าวไปยังแท่นบูชาอย่างช้าๆ ก่อนจะก้มลงเลิกผ้าปูโต๊ะขึ้นช้าๆ…
แต่นแต๊นนนนนนนน…. (ซาวด์เอฟเฟ็คต์ทุเรศมาก)
“ผีชัวร์! ร ริน เบียว โท ฉะ!!!”
“ยัยยักษ์หัวแดงเอ๊ย! หุบปาก!!”
“คุณกระจกลุ้นจังเลย…”
“ถ้ามันเป็นหนูจะทำยังไง ยี้ โสโครก!”
นักบวชสาวเลิกผ้าปูโต๊ะขึ้น ก่อนจะขมวดคิ้วบางๆให้กับภาพที่ปรากฏตรงหน้า แน่นอนว่าสีหน้าของแต่ละคนที่เห็นความจริงที่ปรากฎ(?)ไม่ได้ต่างกันนัก
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนคือ…‘เด็กสาวสองคน’ ที่ขดตัวกลมอยู่ใต้แท่นบูชานั้น…
คนแรกเป็นเด็กสาวผมสั้นสีทองเปล่งประกายเข้ากับดวงตาสีอำพันกลมโต บนหัวมีหมวกสีชมพูเหมือนชุดที่ใส่อยู่สวมไว้ ส่วนอีกคนเป็นเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงเช่นเดียวกับดวงตา ทั้งสองคนมองหน้าผู้ที่มาเปิดผ้าปูโต๊ะตาแป๋ว…ก่อนจะหันไปกระซิบอะไรบางอย่าง(ที่ได้ยินกันถ้วนหน้า)กันสองคน
“เพลนจัง ทำไงดี ซ่อนเงินดีแล้วใช่มั้ย?”
“ไม่เชื่อมือเค้าเหรอ!”
“แต่ถ้าพี่สาวนักบวชรู้ว่าเรามาขโมยเงินทำบุญละก็แย่แน่เลยนะ!”
“ไม่มีใครรู้หรอก เชื่อเค้าสิเทลลีลี่!”
…รู้กันหมดแล้วค่ะหนูๆ…
“เฮ้ย! พวกเธอเป็นใคร! อย่ามายุ่งตรงนี้น่า นี่มันที่ของผู้ใหญ่!”
หลังจากรู้ว่าไม่ใช่ผี โจคัสต้าก็กลับมาโวยวายเหมือนเดิม พลางเอามือฟาดโต๊ะทีนึงเพื่อทำให้ตัวเองดูสถุลเท่ยิ่งขึ้น…แต่การกระทำนั้นกลับทำให้…
“ท เทลลีกลัว!! ฮึก….เทลลีกลัว….อย่าเข้ามานะ….! ฮือออออ”
…ทำให้เธอกลายเป็นคนรังแกเด็กซะงั้น!
ดวงตาสีน้ำตาลแดงกลมโตมีน้ำตาปริ่ม…ไม่นานมันก็ไหลพรากออกมา ร่างเล็กสั่นระริกๆ ริมฝีปากสีชมพูเม้มเข้หากันหน่อยๆ ก่อนที่เด็กสาวจะปล่อยโฮออกมา!
ชิบลอสแล้วไงจอร์จ!! (?)
“เฮ้ย…เธอ…ฉัน เอ่อ…ขอโทษ…”
“…ฮึก…ฮือ!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ย หยุดร้องไห้เถอะนะ เดี๋ยวซื้ออมยิ้มให้กินก็ได้…หยุดเถอะน่า”
“จริงนะ…” การหลอกเด็ก (?)ของโจได้ผล… เด็กสาวใช้ดวงตากลมโตมองหญิงผมแดงอย่างตื่นเต้น “อย่าหลอกกันนะ! สัญญานะ!”
“อืม…”
…แล้วดิสคอร์เดีย โจคัสต้าก็เข้าสู่สถานะสงบเสงี่ยม…
“คุณกระจกฝากถามว่า ทำอะไรน่ะ?”
อีกด้านหนึ่ง เซนต์ซินที่ไม่มีอารมณ์นอนอีกต่อไป(?) เอ่ยถามเด็กสาวผมทองสั้นที่เดินไปเดินมาในวิหารด้วยน้ำเสียงงัวเงียพลางใช้มือข้างที่ไม่ได้กอดริXXคุมะขยี้ตาเบาๆ ผู้ถูกถามหันมาเอียงคอยิ้มให้จนหมวกบนหัวแทบร่วง
“รอลูกค้าแหละ!”
“ลูกค้า?”
“วันนี้เค้านัดลูกค้าบริษัทเค้าที่นี่แหละ เดี๋ยวก็คงจะมาแล้ว!” เพลนนาทอเรี่ยม ดี หรือเด็กสาวผมสีทองฉีกยิ้มให้เซนต์ซิน “แต่ไหนๆขอมาถึงแล้ว เลยขอจิ๊กเงินทำบุญหน่อยละกัน อย่าบอกเอสซี่นะ!”
เอ่อ คุณกระจกไม่อยากบอกหรอกนะว่าคุณนักบวชเขายืนจ้องอยู่ข้างหลังน่ะ << ในใจเซนต์ซิน
แต่บาซิลิกส์สาวไม่อยากจะพูดทำลายความมั่นใจของเพลน ได้แต่ควักDSสีม่วงวิ้งขึ้นมาเล่นเกม ‘คาวบอยปะทะเอเลี่ยน Saga’ ต่ออย่างเมามันส์ไม่สนใจใครทั้งสิ้น (มันจะมีไอ้ saga ห้อยท้ายทำไมวะ?)
หลังจากแน่ใจว่าตัวเองได้อมยิ้มแน่นอน ‘รีซันเทลลี ฮาฟิเควียร์ เดล มาร์คูติน’ ก็ผละออกจากโจคัสต้าผู้สงบเสงี่ยม (หาชมยาก!)ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เทลลีลากตัวเองในชุดกระโปรงสีสันสดใสไปหาเพลนที่ยืนรอลูกค้า ก่อนจะใช้นิ้วเล็กๆจิ้มเอวเพื่อนสาวสุดซี้เบาๆ
“เพลนจัง”
“อะไรเหรอ เทลลีลี่?”
“ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆรึเปล่า?...งื้อ น่ากลัว…”
“ไม่นะ…?”
“แง้ว…”
ก๊อกๆ…
เสียงเคาะแผ่วๆบนแผ่นไม้สีเข้มอันเป็นประตูของวิหารบาปดังขึ้นขัดจังหวะสาวๆทั้งเจ็ดคนที่กำลังอยู่ในอากัปกิริยาผ่อนคลาย เอสเธอร์ก้าวไปเปิดประตูบานหนักออก พบว่าผู้มาเยือนคนใหม่นั้นเป็น ‘ตุ๊กตา’
เธอผู้นั้นมีผิวพรรณเนียนขาวไม่ต่างจากไข่มุกชั้นดี มีเส้นผมสีเขียวประกายทองน่าสัมผัสและดวงตาสีเขียวมรกตน่าหลงใหล
“มีธุระอะไรที่นี่เหรอคะ?”
“…” ร่างบางไม่ตอบ แต่ค่อยๆก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาในวิหารท่ามกลางสายตางุนงงของทุกคน
“แมรี่ไม่ใช่เหรอนั่น? มีอะไรรึไง?” ซารีเอลเอียงคอมอง ‘เลอ แมริโพซ่า อินโซล่าร์’ หรือแมรี่ด้วยสายตาสงสัย เพราะโดยปกติแล้ววูดูสาวผู้เย็นชาคนนี้ไม่ค่อยออกมาจากที่พักนักหรอก การที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้จึงทำให้แม่มดผมดำคิดว่ามันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ…
“เอาข่าวมาแจ้ง…”
“ข่าว?” คูอิลกล่าว “ข่าวอะไร??”
“ผู้บุกรุก…”
คำพูดของโจที่เงียบมานานแทนคำตอบของแมรี่ได้ดี ร่างของผู้เฝ้าประตูยืนนิ่งอยู่ตรงขอบหน้าต่างวิหาร ตาจ้องเขม็งไปที่ภาพตรงหน้า ก่อนจะสบถคำด่ามากมายออกมาเบาๆ
“คุณกระจกถามว่า เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“พวกมนุษย์มันส่งกำลังเสริมมา…ตอนนี้ใกล้จะถึงหน้าประตูหมู่บ้านแล้วละ…” หญิงสาวผมแดงกำหมัดแน่น “ฉันจะไปอัดพวกมัน…!”
“เดี๋ยวค่ะ…” เอสเธอร์รั้ง “…กำลังเสริมที่ถูกส่งมาไม่ใช่น้อยๆแน่นอนค่ะ คุณคนเดียวจะไหวเหรอคะ คุณโจ?”
“ก็ยังดีกว่าฉันไม่ทำอะไรเลย ไม่ไหวค่อยว่ากันอีกที”
ตูม!!!
เสียงกรีดร้องของพวกชาวบ้านดังขึ้นสลับกับเสียงระเบิด จู่ๆ…พวกมนุษย์ที่เหล่าปีศาจตายใจแล้วว่าไม่มีกำลังเสริม กลับยกพวกมาบุกโจมตีหมู่บ้านเป็นรอบที่สองโดยไม่ทันให้ตั้งตัว!
“บัดซบเหอะ! ไอ้พวกนี้มันไม่ยอมจบดีๆใช่มั้ย!” ซารีเอลตะโกนลั่นด้วยความหัวเสีย ก่อนจะผลักโจที่ขวางทางออกแล้วตรงไปที่ประตูวิหาร
“เธอจะทำอะไร”
“ไปอัดไอ้พวกมนุษย์!!”
ไม่ว่าเปล่า เธอถีบประตูวิหารให้เปิดออกแล้วเดินตรงดิ่งไปยังจุดที่ถูกบุกรุกทันที…!
“นั่นมันหน้าที่ของฉันนะ! …นี่!!!ยัยเปี๊ยกพวกนั้นน่ะ ถอยไป! ไม่ใช่เรื่องของเด็ก!”
“เทลลี…เทลลีอยากไปช่วย…แต่เทลลีก็กลัวอะ….”
“คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก เพลนนีนี่จะแสดงให้ดูว่าเค้าไม่ใช่เด็ก!”
“โธ่เอ๊ยยยย ที่พวกเธอจะไปมันสนามรบนะยัยบ้า!”
“ไปกันเทลลี!”
“เพลนจังต้องปกป้องเทลลีนะ…เทลลีกลัว”
“ได้เลย! เค้าจะไปตีๆๆๆพวกมนุษย์ทุกคนเลย! เพราะพวกมันมาบุกแบบนี้เนี่ยแหละทำให้ลูกค้าเค้าไม่มา!”
“นั่นสิๆ”
“ฟังกันหน่อยสิโว้ย!!!”
“หึ…” ดวงหน้าสวยของซารีเอลหันกลับมามองโจคัสต้าพลางคลี่ยิ้ม “พวกมนุษย์พวกนี้ควรจะรู้ซะบ้าง ว่าใคร ‘เริ่ด’ที่สุดในปฐพี…”
ว่าแล้วชีแกก็เดินสวย(?) ตรงไปเลย…ทิ้งโจเงิบอยู่ตรงนั้น…
“คุณกระจกบอกว่าต้องพิพากษาคนก่อกวนความสงบตามมาตราที่ห้าสิบสาม บรรทัดที่เจ็ด วรรคที่หก คำที่สิบแปด…” ไม่ทันได้เงิบนาน เซนต์ซินก็เดินลากตุ๊กตาอุลXXแมนผ่านโจไปโดยไม่สนใจไยดี
“พวกมนุษย์ควรได้รับการสั่งสอนซะบ้างค่ะ…” แม้แต่เอสเธอร์เองก็ยังเดินถือคทาทองคำประจำกายเดินออกมาจากวิหารด้วย…
“…”
วูดูสาวเดินผ่านโจไปแบบเงียบๆ ในมือของเธอปรากฏเส้นเอ็นคมกริบขึ้นมา
แม้แต่แมรี่ก็เอาจริงงั้นเหรอ?
“คิดจะมาตอนจบอีกรึไง?” คนสุดท้ายที่เดินออกมาคือคูอิล…ที่ถูกรองเท้าส้นสูงพร้อมรบ “ถ้าไม่ไปตั้งแต่ตอนนี้ จะเอาเวลาที่ไหนมาเสียใจละ…?”
“…”
“อีกอย่าง พวกมันพังประตูเธอไม่ใช่เหรอ?”
“………ประตู!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
รีบอร์นนนนนนนนนนนนนนน (?) ปกป้องประตูแบบสู้ตาย!!! <<???
ตลอดเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา…ปีศาจไม่เคยระรานมนุษย์ก่อน…แม้แต่เวลาที่มีมนุษย์รุกรานก็ทำเพียงแค่ป้องกันตัวเล็กๆน้อยๆ…
แต่มันได้เวลาปฎิวัติแล้วละ!
……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………
……….
…..
.
“คุณกระจกบอกว่า…เราชนะแล้วละ…”
ร่างมนุษย์คนสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นพร้อมๆกับเสียงกรรไกรที่ตัดฉับ ดวงตาสีพีชใต้แว่นกันแดดกวาดมองซากมนุษย์ที่ม้วยมรณาหลากหลายรูปแบบปะปนกันตั้งแต่คทาฟาดหัว โดนหนังสือตบกบาลแยก สำลักความเงิบตาย(?) ไปจนถึงโดนตัดชีวิต…
“รู้รึยังยะว่าใครเริ่ดสุด! ห๊ะ!! ท่านซารีเอลยังไงละ! พูดเซ่!!!” ซารีเอลกำลังกระซากคอมนุษย์นายหนึ่งที่นอนพะงาบๆ จะตายแหล่มิตายแหล่พร้อมกับตะโกนใส่หน้าด้วยสุรเสียงอันดัง
“มันเป็นใบ้มั้ง ?” คูอิลปัดผมที่ปรกหน้าแบบเชิดๆ แต่ซารีเอลหาได้สนไม่ ยังคงตะโกนใส่หน้าชายผู้โชคร้ายอย่างเมามันส์…
“คนนอนตายเต็มไปหมดเลย! เทลลีกลัว!!!”
“วันนี้ลูกค้าเยอะจัง! เค้าชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”
“…ฉันว่านี่เป็นเรื่องที่สมควรโดนแล้ว…”
“คนบาปน่ะ ตะโกนว่าไม่บาปมันก็ยิ่งบาปนะคะ…”
“ฝันร้าย…อึก….”
มนุษย์นายนึงที่นอนจมกองเลือดอยู่ไม่ห่างพูดเสียงแผ่ว พลางเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวแปดคนที่ทำร้ายพวตนด้วยสีหน้าตื่นกลัว…
“นี่ข้ากำลังฝันร้ายแน่ๆ!”
คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากของโจได้เป็นอย่างดี ยักษ์สาวเดินตรงไปหาผู้ที่พูดประโยคนั้น ก่อนจะเอ่ยออกมา
“งั้นจำไปบอกพวกเดียวกับแกด้วยนะ ว่าหลังจากนี้พวกเราจะเอาคืนบ้างแล้วละ…”
“พวกเราจะจัดฝันร้ายให้ตามที่พวกแกขอ” คูอิลเสริม “เพราะพวกเราคือเศษเสี้ยวแห่งฝันร้ายไงละ!”
+++
หลังๆเกรียนมาก…บัดซบค่ะ….
สัญญาว่าตอนหน้าจะดีกว่านี้ ไรท์อยากเก็บมุขบางมุก ฉากบางอย่างไปปล่อยในเรื่องมากกว่าค่ะ ฮาว์
ฝากด้วยนะคะ ชะลาลาฮาฮ่า!
THE★
FARRY
ความคิดเห็น