ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] 'LAST WAR' ;{Hunhan}

    ลำดับตอนที่ #2 : (I) ;Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 60


    Last War’

    ( I )

     

    “The worst way to miss someone

    Is to be sitting right

    beside them

    Knowing

    you can’t have them.”



     

     

    ‘นี่เสี่ยวลู่ รอข้าด้วยสิ!’


    ‘เจ้าก็วิ่งเร็วๆหน่อยสิ !! เจ้าขายาวกว่าข้าแท้ๆนะ’ เด็กน้อยกอดอกแล้วหันมามองเห็นที่อยู่ด้านล่างของเนินดิน พร้อมหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน


    ‘ฮึก..เสี่ยวลู่นิสัยไม่ดีกับข้าเลย!! อะ…อี้ชิง’

    เด็กน้อยเหนื่อยเกินไปที่จะวิ่งขึ้นเนินตามเสี่ยวลู่ เขาสะอื้นแล้ววิ่งลงไปที่สวนหย่อม บุคคลหนึ่งที่กำลังดูแลต้นไม้และดอกไม้ ไม่สิ…เขากำลังชุบชีวิตมันขึ้นมา ดอกไม้เหี่ยว…กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

     

    ‘ว่าไง เซฮุน?’ เขาหันมาหาเด็กน้อยก่อนที่จะลูบหัวเบาๆ อี้ชิง เขาเป็นคนที่อยู่ทางตะวันออก มานาน กว่าทศวรรษ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่เขาก็เป็นมิตรกับทุกคนและดูเหมือนจะกุมความลับบางอย่างเอาไว้ในตัวเขา…

     


     

    ‘เสี่ยวลู่ แกล้งข้า’ เด็กน้อยสะอื้น

    ‘ก็เซฮุนวิ่งช้าเองไม่ใช่หรอ ขายาวกว่าเสี่ยวลู่แท้ๆนะ’ เด็กน้อยลู่หานยังเถียงไม่หยุด

    ‘นี่ อย่าทะเลาะกันสิ อืม… งั้นไปเอาขนมในครัวมานะ แล้วข้าจะให้พวกเจ้ากิน’


    ‘จริงหรอ!!!’ เด็กน้อยพูดพร้อมกัน


    ก็มันลืมไป…ว่าเคยทะเลาะกัน

    อี้ชิงพยักหน้ารับก่อนที่เด็กน้อยทั้งสองคนวิ่งไปในครัวอย่างรวดเร็ว อี้ชิงหัวเราะอย่างขบขันเด็กคือสิ่งที่ไร้เดียงสา และบริสุทธิ์


     

                   ‘อ้าว….อู๋ฟานเองหรอ’ เมื่ออี้ชิงได้ยินเสียงคนเดินมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปก็เจอเด็กผู้ชายตัวสูงอยู่ข้างหลังเขา อี้ชิงยิ้มให้เขาเล็กๆ ‘มาหาลู่หานหรอ?’

                  

                   ‘ ไม่ ’

                   ‘…’


            ‘มาหาอี้ชิง…’ เด็กน้อยอู๋ฟานหันหน้าไปทางอื่น ผมปรกหน้าเขาจึงทำให้ไม่เห็นดวงตาเขา อู๋ฟานเดินเข้ามาหาอี้ชิงก่อนที่จะยื่นดอกไม้สีม่วงดอกหนึ่งให้

                  


                   ‘ไลเลคสีม่วง…’ อู๋ฟานพูดขึ้น อี้ชิงยื่นมือไปรับก่อนที่จะฟังเขาพูดต่อ

                   ‘…’

                 ‘มัน…..แปลว่า…แปล….เอ่อ…’ อู๋ฟานพูดอ้ำอึ้งทันใดนั้นเอง…



            ‘เจ้าอู๋ฟาน!!!! ทำอะไรท่านอี้ชิงน่ะห้ะ!!! ’ เสียงโวยวายของเด็กน้อยเซฮุนบนต้นไม้เกิดขึ้น ทั้งเซฮุนและลู่หานเกาะบนต้นไม้ข้างๆนั้น เซฮุนฮึดฮัดขึ้นเมื่อเห็นอู๋ฟานกำลังยื่นดอกไม้

    ตะโกนทั้งๆที่ขนมเต็มปาก…

                  


    ‘เจ้าอู๋ฟานคนเหลาะแหละ ข้าไม่ยกพี่อี้ชิงให้เจ้าหรอกนะ!!’ เซฮุนยังต่อว่าอู๋ฟานไม่หยุด โถ่ อาการหวงพี่…

            ‘นี่เซฮุน อู๋ฟานอายุมากกว่าเจ้านะ แล้วก็ลงมาได้แล้วทั้งสองคน!! ขึ้นไปนานรึยัง’ อี้ชิงตะโกนเรียกเด็กน้อย


    ‘นานแล้ว’ ลู่หานและเซฮุนปีนลงมาจากต้นไม้ ซนอย่างกะเซฮุน ft. ลู่หาน…

            ‘ลู่หาน…ท่านแม่ของเจ้า….ให้กลับได้แล้ว’


               อู๋ฟานที่นิ่งเงียบอยู่นานก็พูดขึ้น ลู่หานทำหน้ามุ่ยก่อนที่จะหันมาโบกมือให้อู๋ฟานและอี้ชิง เซฮุนจึงเห็นทีว่าควรจะกลับได้แล้วเขาโค้งคำนับทั้งสองและจากไป เหลือเพียงอู๋ฟานและอี้ชิงอยู่เพียงลำพังอีกครั้ง

    ‘เมื่อซักครู่ อู๋ฟานจะพูดอะไรกับข้ารึเปล่า?’

    ‘...ข้าอยากจะบอกเจ้า..ว่า..’


    ทันใดนั้น จักรพรรดิหรือ ‘พ่อ’ ของอู๋ฟานและลู่หานก็เดินเข้ามาในสวนหย่อม อี้ชิงจึงคำนับ จักรพรรดิรับคำนับน้อยๆก่อนที่จะพูดขึ้น ‘อู๋ฟาน…เจ้าไม่ไปเรียนกับอาจารย์คยูฮยอน…ไปเรียนซะ’

     

    ‘เอ่อ…พะย่ะค่ะ ท่านพ่อ’ อู๋ฟานเดินก้มหน้าไปในประตูท้องพระโรง เขามองกลับมาที่พ่อของเขาและอี้ชิง เพียงปรารถนาว่าจะอยู่ที่นี่ให้นานอีกซัก


    ‘แล้วเจ้าล่ะ อี้ชิงสบายดีหรือไม่’ จักรพรรดิถามในขณะที่กำลังมองต้นไม้และดอกไม้

    ‘สบายดีพะย่ะค่ะ พระองค์ทรงรักษาสุขภาพด้วย ข้าได้ยินว่าท่านประชวร…’

    ‘แค่เล็กน้อย สบายใจได้ ข้าดีใจนะที่เจ้ายังสุขภาพดี คอยทำให้ผืนดินนี้อุดมสมบูรณ์ ถึงเจ้าจะอยู่มานานจนขนาดที่ท่านทวดข้า ปู่ของข้า และพ่อของข้า แต่เจ้าก็ไปเปลี่ยนไปซักนิด แล้วดูข้าสิ ฮ่าฮ่าฮ่า’

    พระราชาหัวเราะและปลงในความแก่ของตน เขารู้ว่าอีกไม่นานเท่านั้นที่เขาจะมีชีวิตอยู่ ‘ข้าขอให้เจ้าอยู่ไปนานๆนะ รักษาสุขภาพด้วย’

    ‘พะย่ะค่ะ’

    .

    .

    .

    .

     

            ‘อ๊ะ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว! ท่านพ่อกับพี่ฟานก็มาด้วย’



         ราชาเดินตามและยิ้มให้ลูกชายอย่างสดใส ก่อนที่จะยื่นมือไปลูบหัว แต่ว่าในขณะนั้นก็ถูกสายตาหนึ่งจับจ้องอยู่…อู๋ฟานมองทั้งสองคนอย่างเงียบๆ


    นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับจากผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็น พ่อ ต้องถูกบังคับให้เรียน เข้มงวด ตัดสินใจต่างๆ…ทั้งความฝัน ความอยาก เขาไม่เคยทำ ไม่เคยสัมผัส…


               จักรพรรดิลังเลเมื่อเห็นสายตาของลูกชายคนแรก…เขาเลื่อนมือลง เลือกที่จะไม่ลูบหัวลูกคนที่สอง

                   ‘ข้า…ไปเรียนก่อนนะ ท่านพ่อ…’ อู๋ฟานพูดในขณะที่เดินขึ้นบันได


                   ‘อ่า…’ จักรพรรดิเพียงแต่ตอบรับ


    เขาคิด

    เขากำลังสร้างให้ลูกคนนี้เป็นราชาที่ดี ราชาที่น่าเกรงขาม… มันไม่ใช่..ความฝันของอู๋ฟานทั้งหมดมืดลงเมื่ออายุเพียงแค่ 13 เขาถูกตนปฎิบัติอย่างเข้มงวดทุกอย่าง หลังจากที่ภรรยาเสียไป

     

    ต่างจากเด็กคนนั้น…ลู่หานเป็นลูกคนที่สองของจักรพรรดิเป็น ‘น้องต่างแม่’ ของอู๋ฟาน การเติบโตมากอย่างสนุกสนานและสมบูรณ์ช่างน่าอิจฉาจริงๆ…

    ‘พ่อ อู๋ฟานทำไมต้องเรียนหนักด้วย’


    จักรพรรดิเงียบไม่ได้ตอบอะไร ขอเพียงให้อู๋ฟานรู้ว่า มันคือหน้าที่ ก็เพียงพอ…

     

     

    ‘ลู่หาน’

    ‘ว่าไงพะย่ะค่ะ ท่านพ่อ?’

    ‘พรุ่งนี้…เจ้าไม่ต้องไปหาเซฮุนแล้ว เข้าใจมั้ย?’


    ‘หา? ทำไมล่ะท่านพ่อ เรียนหรอ? ข้าต้องเรียนเหมือนอู๋ฟานหรอ? ทำไมล่ะ?’

    ‘…’ จักรพรรดิเงียบ ไม่ตอบ พูดไปเด็กคนนี้ก็ไม่เข้าใจ

    …ช่างประไร…

     


     

    ‘ท่านพ่อ…’ ลู่หานเรียกจักรพรรดิแต่ก็ไร้การตอบกลับ จักรพรรดิยังเดินไปเงียบๆโดยทิ้งความสงสัยให้กับลู่หานที่ไม่อาจเข้าใจ…




     

     

    _______________________________________________________

     


     

    จิ๊บ….จิ๊บ…

     

     

    เสียงนกร้องอย่างสนุกสนานภายนอกระเบียง อา…. เช้าวันจันทร์อันแสนน่าเบื่อ อยากนอนต่อซักพัก ให้หลับ หลับ หลับ หลับ……หลาบ….

     

     

    “ไอ้ลูกจอมขี้เกียจ!!! ตื่นมาเดี๋ยวนี้นะ เจ็ดโมงครึ่งแล้ววววว!!! ”


    “ห้ะ!! อะไรนะ” ผมเด้งตัวขึ้นมาทันทีทำให้เห็นกับโปสเตอร์แมนเชสเตอร์ยูไนเตดโผล่หราอยู่ข้างหน้าตัวเอง แหม่…รุ่นลิมิเตดซะด้วย อ๊ะ เดี๋ยวนะ…. “โอ้ย!! ม๊า!!”

     

     

    “นี่ๆๆ ตั้งนาฬิกาปลุกเป็นสิบกว่ารอบจะไม่ตื่นเลยใช่มั้ย ห้ะ ” ผู้หญิงทีได้ชื่อว่าเป็น


    มหามารดา


    อยู่ข้างกายผู้ประกอบไปด้วยผ้ากันเปื้อนและกระทะในมือ…

     

    “เดี๋ยวนะม๊าๆๆ ม๊าใช้กระทะตีหัวผมเนี่ยนะ !! มันเจ็บนะม๊า” ผมลูบหัวตัวเอง สัมผัสได้ถึงความบวมเป่งและความเจ็บแล่นปรู๊ดเข้าระบบประสาทสมองอันปราดเปรื่องของลู่หาน ม๊ายิ้มเล็กน้อย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ยิ้มแห่งความสุขก็เถอะนะ…


     

    “เอ้า!! ยังจะนอนอีก ไปรีบไปได้แล้ว ถ้าวันอื่นไม่ตื่น มาก็จะเข้ามาปลุกด้วยอุปกรณ์อื่นๆ” โอ้โห…จัดว่าเด็ด


    “แต่ถึงยังไงม๊าก็ไม่ควรเข้าห้องชายหนุ่มนะม๊า!! ผมต้องการความเป็นส่วนตั้ว”


    “โอ้ยแก ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ก็อาบน้ำให้ ยังมีหน้ามาพูดว่าชายหนุ่ม เห็นทุกรูขุมขนของแกแล้ว!”

    “ม๊า! ทะลึ่งเปล่า พูดแบบนี้สาวที่ไหนจะมาแต่งงานด้วย”

    “โอ้ยยย ก่อนสาวจะเห็นร่างกายแก แม่เห็นมาหมดแล้วละกัน”

    นั่นไง…

    ม๊าพูดหยอกเล่นกับลูกชายตัวเองก็ที่จะถือกระทะออกไปจากห้อง ผมตั้งสติอีกครั้งก่อนที่ลุกไปอาบน้ำและแต่งตัว ปัจจุบันผม ลู่หาน เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมปลาย sm ent. School ขอเตือนนะครับ หากจะหาโรงเรียนมัธยมอย่ามาหาโรงเรียนนี้ ทั้งขี้ข้น เอ๊ย ขี้เหนียว ทั้งเข้มงวดชื่อของมันอาจจะย่อมาจาก ซาดิสม์&มาโซคิสม์ ก็เป็นได้

     

    “ลู่หานคนสวยยยย จะแต่งตัวไปถึงเมื่อไหร่?”

    “สวยพ่อ มึงอะ”

    “ดอกไม้” หมิ่นแกล้งร้องไห้เมื่อถูกเพื่อนสนิทกว่าครึ่งชีวิตทำร้าย(ด้วยคำพูด)


             “ทำไมหน้าตาเป็นงั้น? ฝันเปียก!!”

    “เออ ประมาณนั้น ถุยยย ไปๆวันนี้มีสอบไรมั่ง?”


               ผมตัดบทส่งๆ หมิ่นหยิบสมุดบันทึกในกระเป๋าออกมา สมแล้ว ที่ 2 ของโรงเรียนกับกรรมการนักเรียนดีเด่น

     

     

                   “วันนี้มีสอบภาษาเกาหลี”

                   “โอ๊ะ ชิลๆเลย” สบายใจได้ถึงแม้คณิตศาสตร์จะอยู่ในขั้นห่วยแต่ภาษาเกาหลีผมไม่เป็นรองใคร

     

                   “ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ อ๊ะ! ซูอาาา” ไม่ทันไรก็มาถึงโรงเรียนแฟนสาวคนสวยของหมิ่น ก็รอหน้าโรงเรียนอยู่แล้ว เธอวิ่งมาหาหมิ่นก่อนที่จะเกาะแขนของเขา ก่อนที่จะพูดกันอย่างหวานชื่น

    มันก็แค่ต่อหน้าเท่านั้นแหละ


            ‘ประกาศ…ขอให้กรรมการนักเรียนทุกคนมาประชุมต้องนี้ด้วยค่ะ….ประกาศ…’

     


     

                   “โอ๊ะ! วันนี้มีประชุมหรอ กูไปก่อนนะลู่ ไปก่อนนะซูอา” หมิ่นโบกมือลาก็ก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าไปในโรงเรียน ชิบหาย ใครจะไปรู้ว่ามีประชุมวันนี้…


     

                   “โอ้โห…ได้อยู่ด้วยกันแล้วอะเนอะ ดีจังเลย…” ซูอาเดินเข้ามาหาผมแล้วเกาะแขนผมไว้ มันก็แค่ลับหลังหมิ่น…ที่เธอจะทำแบบนี้

    “ซูอา...ปล่อย” ผมพยายามอดทนอดกลั้นก่อนที่จะบอกเธอ เธอยังไม่หยุดมือที่เกาะอยู่ข้างหนึ่งเลื่อนลงมาหาที่ๆไม่ควรจับ

     

    “ปล่อย”

    “หืมม…” มือของเธอยังอยู่ไม่สุขอยู่ในกางเกงของผม

    “ปล่อย…”

     

    “อะไรกัน เราก็เคยสุขมาด้วยกันไม่ใช่หรอ วันนั้นฉันเกือบเสียสิ่งสำคัญให้แล้วรู้มั้ย…เธอก็เกือบเสียเพื่อนดีๆไปแล้วนะ…ถ้าชั้นไม่ช่วยตอนนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ เฮ้อ…”

            หากซูอาไม่ขอ…หมิ่นคงเลิกคบผมไปแล้ว เขาคงโกรธผมไปจนตาย แต่ตอนนี้หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ซูอาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน นอกจากต่อหน้าหมิ่นเธอก็ยังเหมือนเดิม แต่พอลับหลังเธอก็ทำตัววิปริตแบบนี้ อยากไปจากเธอให้พ้นๆซะ…

     

     

            “ลู่หานนี่สุดยอดจริงๆเลยอ่า…”

            “พอเถอะ นะ...”



            “นั่นใครน่ะ” จู่ๆมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงักก่อนที่จะมองหาที่มาของเสียง

                “อยู่ตรงนี้โว้ยย” ผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาจากพงหญ้ารกๆ แล้วจ้องมองเราทั้งสองคน

    “พวกแกมาทำอะไรที่นี่วะ? สวนหย่อมหลังโรงเรียนปิดให้บริการไปตั้งแต่แม่พวกแกเกิดไป 3 ศตวรรษแล้ว!”

                  

                   “เอ่อ…” เรายังเงียบและตกใจกับมนุษย์พงหญ้า


                   “เอ้า! พูดแล้วยังไม่ไปอีก แล้วยัยผู้หญิงนั่นน่ะ ถึงหนูจะเป็นผู้หญิงดอก…….ไม้ แต่หนูก็ไม่คู่ควรกับสวนหย่อมนะจ้ะ”

                   “นะ นี่ลุง !!” จีซูหน้าเสีย เธอกระชากมือของเธอออกจากกางเกงของผม

                   “อ้าว นี่ไม่ยอมรับความจริงรึไง ข่มขืนผู้ชายมันบาป หน้าตาก็สวย นิสัยดันเสีย บังเอิ้ญญญญ ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดนะ เขาพึ่งเอามาติดเพราะแถวนี้โจรมันเยอะ”

    ซูอาตกใจอย่างหนักก่อนผละผมแล้ววิ่งออกไปจากสวนหย่อม ผมมือสั่นเพราะคงจะถูกพักการเรียนเป็นแน่ถ้ามันมีกล้องวงจรปิดอยู่ตรงนั้น


    “ไม่ต้องกลัวไม่มีกล้องหรอก” มนุษย์พงหญ้ากล่าวขึ้น มือของผมหยุดสั่นอย่างโล่งใจ            

               “เอ่อ…ขอบคุณ…”

            “ไม่ต้องขอบคุณฉันไอ้หนู แกนี่โง่หรือซื่อหรือขาดความอบอุ่น? ให้ผู้หญิงมายืนจับไข่ในฤดูหนาวแบบนี้ หากางเกงในมาใส่ซะนะ” มนุษย์พงหญ้ายังบ่นไม่หยุด

              

    “แล้วคุณคือ….”


    “ประธาน เราประกาศหาประธานนานแล้วนะครับ!!” จู่ๆหมิ่นก็วิ่งเข้ามาในสวนหย่อมด้วยท่าทางรีบเร่ง


    เดี๋ยวนะ…นี่มนุษย์พงหญ้าเป็นประธานนักเรียนเรอะ!!!

     

    “กว่าผมจะเจอรุ่นพี่นะ…อ้าว ลู่หาน”

    “เออๆเดี๋ยวไป เอ้อนี่ ฉันจะบอกอะไรนายอย่างนะ” จู่ๆประธานนักเรียนก็หันมาหาผมแล้วพูดขึ้น                  

            

              “อะไรที่เป็นอดีตก็ลืมๆมันซะ หากมันยังหลอกหลอนก็เคลียร์ๆให้จบไปซะ ใจ๊?”

    “…”  เขาพูดราวกับว่าเขาสามารถอ่านใจของผมได้


    “รุ่นพี่จงแด ไปได้แล้วครับเขารอพี่คนเดียว แล้วทำไมพี่ไม่ใส่เครื่องแบบนักเรียนวะเนี่ย ไปก่อนนะลู่หาน” หมิ่นโบกมือลาพร้อมจูงรุ่นพี่่ไปด้วยปล่อยให้ผมนั่งอยู่ที่สวนหย่อมตัวคนเดียว


    รุ่นพี่…ผมก็อยากหยุดแต่ผมต้องเสียเพื่อนไปเลยงั้นหรอ…

     

    .

    .

    .

    .

     

    “เซฮุน เจ้าเป็นอะไรน่ะ”


                อีกด้านหนึ่งบนหลังคาของอาคารเรียนที่ใกล้สวนหย่อมที่สุด มีสายตา 2 สายตาที่กำลังจับจ้องอยู่ที่ลู่หาน ชายคนหนึ่งถามผู้เป็นเพื่อนออกไปเมื่อเห็นเพื่อนของตัวเองเป็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งนิ่ง ทั้งโกรธ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปรากฏขึ้น แบคฮยอนยิ้มเยาะ

     

    “เป็นอะไรหรือเจ้า หึงเจ้านั่นหรออ มันก็สมควรน่า นังผู้หญิงนั่นมาทำอะไรอุจาดตาตรงนั้นเอง โชคดียังมีคนมาเห็น ไม่งั้นเซฮุนของข้า ท่าจะได้เด็ดหัวแม่นั่นแน่แท้” แบคฮยอนทำท่าเสียดาย

     

    “หนวกหู… แบคฮยอน” เซฮุนพูดแต่การกระทำของเขายังคงตรงข้าม แบคฮยอนหัวเราะคิกคัก เพื่อนของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ และแบบนี้ก็หายากเช่นกัน

              “โธ่ๆ เจ้าเซฮุนผู้หน้าสงสาร เจ้าถูกความรักครอบงำเสียแล้ว เข้าใจหรือไม่ love is blind” แบคฮยอนยังเล่นลิ้นเซฮุนไม่หยุด


              “ข้าจะเอาไปบอกท่านราชาว่าเจ้าแอบหนีมาที่นี่โลกมนุษย์เซฮุน” แบคฮยอนกล่าว

    “เหอะ คนอย่างมันน่าหรือจะมาสนใจเรื่องของข้า คงยุ่งกับการเตรียมการสงครามเป็นแน่แท้”

    “เสียงเจ้าดูเหมือนเศร้ามากกว่านะ” แบคฮยอนได้แต่หัวร่อในความไร้เดียงสาของเซฮุนทั้งๆที่ภายนอกดูเหมือนเป็นคนที่เข้มแข็งมาก แต่ที่จริงเขาก็ไม่รู้อะไรเลยต่างหาก…

     



     

    “ลู่หาน…..”

       ________________________________________________________
    จบไปอีกหนึ่งแชป พิมพ์ไปหมั่นไส้ไป5555555555
    ขอขอบคุณมนุษย์พงหญ้าสำหรับการช่วยเหลือในแชปนี้  
     
    เม้น 1 เม้นขอท่านมีค่ากับเรา(?)
     
    ติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×