ตอนที่ 6 : บทที่ ๕ เข้าทาง
บทที่ ๕ เข้าทาง
โฟร์วีลคันเก่าไต่ไปตามไหล่เขา ตัวรถโขยกเขยกไปมาเป็นระยะๆ บางครั้งหักหลบกองดินซึ่งเป็นผลพวงจากฝนตกหนักเมื่อคืน ดินถล่มลงมากองตลอดแนวถนนด้านหนึ่ง กระจายเศษเรี่ยราดเกะกะเส้นทาง คนขับสบถออกมาอย่างหัวเสีย ใจรุ่มร้อนอยากไปให้ถึงที่หมายโดยเร็ว เส้นทางลำบากแต่ความเร็วรถหาได้ลดลงตามความลำบากของเส้นทางแม้แต่น้อย เมื่อถึงโค้งหักศอก ความลื่นของดินโคลนทำให้รถแฉลบออกข้างทางจนเสียการควบคุม
ตัวรถไถลไปตามพื้นที่เชิงผา ชนต้นไม้เล็กล้มระเนระนาด ไม่มีวี่แววว่าคนขับจะหยุดรถได้ แต่แม้จะอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตภูไทยังพยายามบังคับพวงมาลัยมั่น ก่อนรถแล่นออกสู่หน้าผาเพียงนิดเดียว ชายหนุ่มหักพวกมาลัยไปเบรกกับต้นไม้ใหญ่ เกิดเสียงดังสนั่นจนฝูงนกในบริเวณนั้นกระพือปีกบินเป็นทิวแถว
ควันลอยโขมงหน้ารถ คนขับฟุบหน้ากับพวงมาลัยเลือดไหลอาบศีรษะ ผ่านขมับจนถึงคางบึกบึนแล้วหายไปในเครายาวเฟิ้ม ไม่นานก็หยดลงพื้น ศีรษะใหญ่ขยับน้อยๆ พยายามออกห่างพวงมาลัย แต่ยกขึ้นได้ไม่เกินหนึ่งนิ้วก็ฟุบลงไปอีก พร้อมกับสติสัมปชัญญะดิ่งวูบในวินาทีนั้น
หา..! อะ...อะไรนะ? เสียงถามคล้ายละเมอในตอนท้าย พอเสียงปลายสายย้ำประโยคเดิม นางก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว โทรศัพท์ร่วงลงไปห้อยอยู่ข้างโต๊ะสี่ขา คนรับสายเซนั่งแปะบนโซฟาซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ยกมือกุมหน้าอก หายใจหอบถี่ ดวงหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด
เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณหญิง? แม่น้อมร้องถามสีหน้าตระหนกไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน นางได้ยินเสียงคุณหญิงร้องอุทาน ตอนแรกนึกว่าหูแว่ว แต่ขายังเร่งก้าวตุ้บตั้บเข้ามาดู เห็นอาการนายแบบนี้พลอยพาให้ใจวูบ
คุณหญิงละล่ำละลักบอกน้ำเสียงสั่นเครือ
ตาไทแม่น้อม...ตาไท... พูดได้เท่านั้นก็พูดไม่ออก เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกตรงช่วงอก
คุณหนูทำไมคะคุณหญิง? แม่น้อมเร่ง
ตาไท...ตาไทขับรถตกเขา...โธ่...ตาไทหลานย่า
คุณพระช่วย! แม่น้อมยกมือกุมหน้าอกอีกคน แล้วคุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ? เธอเป็นอะไรรึเปล่า? เป็นนางบ้างที่ต้องละล่ำละลักถามน้ำเสียงสั่นเครือ
คุณหญิงส่ายหน้า ดวงตาคลอครองไปด้วยหยาดน้ำใส แล้วไหลลงมาตามร่องแก้มเหี่ยวย่น แค่ ทางโน้น รายงานมาว่า นายเหมืองขับรถตกเขา นางก็ชาวาบไปทั้งตัว ไม่อาจรับรู้ต่อไปได้ว่าหลานรักอาการหนักหนาสาหัสสากรรจ์แค่ไหน หรือถึงแก่ชีวิตหรือไม่
แม่น้อมมองโทรศัพท์ที่ยังห้อยต่องแต่ง เดินเข่าเข้าไปหยิบฟังได้ยินสัญญาณตัดการติดต่อ นางจึงกดโทรฯ ออก เบอร์นี้แม้จะไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนัก เพราะทางโน้นจะเป็นฝ่ายโทรฯ มาเสียส่วนใหญ่ แต่นางก็จำได้ขึ้นใจ ขณะรอสายแม่น้อมเหลียวมองคุณหญิง สบกับดวงตารอคอยของนาง แววในดวงตาทั้งหวาดหวั่นและมีความหวังสลับคละเคล้ากันไปมา
อุไรเหรอ คุณหนูเป็นยังไงบ้าง? คนใจร้อนรีบเข้าเรื่อง
คุณหญิงท่านไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ตกใจที่รู้ข่าว แล้วตกลงคุณหนูเธอเป็นไงบ้าง?
แม่น้อมเงียบฟังปลายสายอยู่นาน
โธ่...พ่อคุณ ไปไงมาไงถึงได้ขับรถตกเขาได้ล่ะเนี่ย?
ทำไมถึงได้ปล่อยให้นายขึ้นเขาไปคนเดียว คนงานมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่รู้จักตามนายไปบ้าง แม่บ้านของคุณหญิงโวยวาย ถ้าโทรศัพท์สามารถเห็นหน้าคู่สนทนาได้นางคงได้เห็นว่าฝ่ายโน้นนั่งหดคอหน้ายู่ หน้าแทบจะไม่มีสี
แล้วโทรฯ มารายงานเรื่อยๆ นะ คุณหญิงท่านเป็นห่วงคุณหนูมาก
แม่น้อมเดินเข่าเข้ามานั่งข้างๆ คุณหญิง รายงาน
อาการหนักน่าดูค่ะ ตอนนี้ยังไม่ฟื้น หมอกำลังดูอาการอยู่ เธอเสียเลือดมากเพราะสลบเลือดไหลอยู่นานกว่าคนที่เหมืองจะไปพบ แต่วางใจเถอะค่ะถึงมือหมอแล้ว หมอนิวัฒน์ไม่ยอมให้คุณหนูเป็นอะไรไปแน่ๆ
ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด คุณหญิงสำทับ แล้วไปไงถึงได้พารถไปตกเขาได้ล่ะแม่น้อม ตาไทขับรถแข็งจะตาย โอ้ย...นี่ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไปฉันต้องหัวใจวายตามหลานฉันไปแน่ๆ คุณหญิงหันไปควานหายาดม
ใจร้อนจะขึ้นไปดูจุดที่เพิ่งสำรวจพบสายแร่และเริ่มขุดไปได้ไม่นานค่ะ แม่อุไรบอกว่าเมื่อคืนฝนตกหนัก คงเป็นห่วงกลัวเสียหายหนักเลยไม่ทันระมัดระวัง เห็นบอกมาอีกว่าทางขึ้นเขาโคลนถล่มปิดทางกว่าครึ่ง ลงคุณหนูเธอจะทำอะไรจะไปไหน ใครห้ามได้เสียที่ไหนล่ะคะ เมื่อคืนนอนพักที่แคมป์ พอฟ้าแจ้งก็กระโดดขึ้นรถขับล่วงหน้าไปก่อน สั่งให้คนอื่นตามไปทีหลัง พวกที่ตามไปรอบหลังนี่แหละค่ะเจอรถเธอเสียบคาโคนต้นไม้อยู่ริมผา ถึงได้ช่วยกันหามขึ้นรถพาไปเหมือง จุดนั้นมันใกล้เหมืองอยู่ด้วย พวกคนงานคงอยากให้ถึงมือหมอเร็วๆ เลยพาส่งเข้าห้องพยาบาลของเหมืองก่อนค่ะ
โธ่...ไม่น่าเลยตาไทเอ๊ย ถ้าตกผาไปย่าได้หัวใจวายตามหลานไปแน่ๆ พูดจบก็ยกยาดมขึ้นสูดซ้ายทีขวาที หวาดเสียวกับสิ่งที่คิด อย่าเป็นอะไรไปมากนักเลย...แม่น้อม พาฉันไปห้องพระหน่อย ฉันจะสวดมนต์ให้หลานฉัน คุณหญิงยกแขนขึ้นข้างหนึ่ง รอให้แม่น้อมมาช่วยพยุงลุก
ยามปกติคุณหญิงรำไพดูแข็งแรงมีสง่าราศี แต่เมื่อมีเรื่องมากระทบจิตใจแบบนี้นางก็ไม่ต่างหญิงชราธรรมดาๆ คนหนึ่งที่แทบจะไม่มีแรงเดิน สองนายบ่าวจึงประคองทุลักทุเลเข้าห้องพระด้วยกัน
วันหยุดจอมใจขลุกอยู่กับมารดาที่โรงพยาบาล ดวงหน้านางสดชื่นแจ่มใส ต่างจากวันแรกที่จอมใจไปเจอนางในโรงพยาบาลประจำอำเภอ อาจเพราะหมอดียาดีอย่างใครๆ ว่าทำให้อาการป่วยของนางหายวันหายคืน แต่ส่วนสำคัญคงเป็นเพราะนางได้อยู่ใกล้ชิดกับบุตรีทุกวัน ได้เห็นความสุขสะดวกสบายของลูกรักซึ่งนางไม่เคยมอบให้ได้ ผู้เป็นแม่ก็ปลาบปลื้ม จิตใจดีมีความสุขร่างกายก็ดูดีมีความสุขตาม
จอม...หนูได้ไปเยี่ยมคุณหญิงบ้างหรือเปล่าลูก?
จอมใจกำลังนั่งปอกผลไม้อยู่ตรงโต๊ะตัวเล็กข้างเตียง เงยหน้าขึ้นมอง
ไม่ได้ไปจ้ะแม่ เลิกงานแล้วจอมก็มาหาแม่ ออกจากนี่ก็กลับบ้านไงจ๊ะ แม่ก็เห็นนี่จอมอยู่กับแม่ตลอด กว่าจะกลับบ้านก็สามทุ่มสี่ทุ่มไปแล้ว
หนูควรไปเยี่ยมคุณหญิงบ้างนะลูก แม่ดูว่าท่านรักหนูมาก ท่านอยู่คนเดียวไม่มีลูกไม่มีหลานไม่ใช่รึ? คงว้าเหว่ตามประสาคนแก่ เจอหนูถึงได้รักใคร่ขนาดนี้
ใครบอกแม่ล่ะจ๊ะว่าท่านไม่มีหลาน?
อ้าว? มารดาอุทาน ก็จอมบอกแม่ว่าท่านอยู่คนเดียวไม่ใช่รึไง?
ใช่จ้ะ จอมบอกว่าท่านอยู่คนเดียว แต่จอมไม่ได้บอกนี่จ๊ะว่าท่านไม่มีลูกไม่มีหลาน บุตรสาวอมยิ้ม ตาพราว ละม้ายคนเจ้าเล่ห์นิดๆ
ท่านมีหลานชายอยู่คนนึงจ้ะ แต่ยังไงก็ไม่รู้ หลานชายท่านไม่ได้อยู่ด้วยกัน อยู่ที่เหมืองอะไรสักอย่างนี่แหละ จอมก็จำไม่ได้แล้ว
อย่างงั้นหรือ? มารดารำพึง พลางขยับตัวขึ้นนั่ง กล่าวน้ำเสียงจริงจัง ยังไงท่านก็เมตตาเราสองแม่ลูกมาก หนูต้องกตัญญูกับท่านให้มากๆ นะจอม อะไรที่ช่วยท่านได้ก็อย่าลังเลที่จะช่วยเหลือ เข้าใจมั้ยลูก?
เข้าใจค่า จอมใจรับคำ ทำหน้ายู่คล้ายตัวตลกใส่มารดาเหมือนทุกครั้งที่โดนนางอบรมสั่งสอน
ดู๊ โตแล้วยังมาเล่นเป็นเด็ก มารดาดุเจือหัวเราะเบาๆ แต่จอมใจหัวเราะร่า
มือผอมย่นชรายกขึ้นลูบผมดำขลับของบุตรสาวด้วยแววรักใคร่ นานเท่าไหร่แล้วที่ทั้งสองไม่ได้หัวเราะกันแบบนี้ วันนี้นางมีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของบุตรสาว ความทุกข์กังวลอื่นๆ ที่คอยกรุ้มรุมมาตลอดดูเหมือนจะมลายหายไปสิ้น
แม่จ๊ะ จอมใจเอ่ยเรียกเสียงเบา วางมือจากผลไม้ ทำไมแม่ไม่บอกจอมล่ะจ๊ะว่าเราเป็นหนี้ธนาคาร และบ้านเรากำลังจะถูกยึด
จอม... นางเรียกชื่อบุตรสาวแผ่วเบา คาดไม่ถึง หนูรู้ได้ยังไงลูก?
จอมเห็นใบทวงหนี้จ้ะ เราคุยกับทางธนาคารได้มั้ยจ๊ะ ขอประนอมหนี้ไว้ก่อน แล้วจอมจะทำงานผ่อนชำระให้
แต่มันเยอะนะลูก หนูจะไหวเหรอ?
ต้องไหวจ้ะ จอมไม่อยากให้บ้านเราไปเป็นของคนอื่น
ผู้เป็นมารดาถอนหายใจ ใช่ว่านางจะไม่รักไม่หวงบ้าน แต่สมบัติมันก็แค่ของนอกกาย ถึงเวลาเสียก็ต้องเสีย ตอนนางเอาไปจำนองขอกู้เงินรู้อยู่เต็มอกว่าไม่สามารถหาเงินมาไถ่คืนได้ หวังเพียงให้จอมใจเรียนจบมีงานมีการดีๆ ทำหาเลี้ยงตัวเองได้ ถึงตอนนั้นจะเสียบ้านหรืออะไรนางก็ไม่ห่วงอีกแล้ว
ถ้าจอมคิดว่าไหวแม่ก็ไม่ห้าม แต่ถ้าจอมไม่ไหวก็ปล่อยมันไปเถอะลูก อยู่แค่พอมีพอกินไม่ต้องไปรักษาสมบัติอะไรไว้หรอก ชีวิตมันก็แค่นี้
แต่บ้านของเรานะจ๊ะแม่ หญิงสาวโผเข้าโอบกอดเอวมารดา กล่าวเสียงสั่นเครือ บ้านของพ่อ ของแม่ ของจอม...ความทรงจำดีๆ ของจอมอยู่ที่นั่น ความรักของจอมก็อยู่ที่นั่น
มารดาลูบหลังไหล่ปลอบประโลม น้ำเสียงนุ่มละมุนขณะกล่าว
แต่ความทรงจำของพ่อกับแม่อยู่ที่หนูนะลูก ความรักของพ่อกับแม่ก็อยู่ที่หนู ไม่มีอะไรสำคัญกว่าหนูอีกแล้ว
จอมใจมิอาจรั้งน้ำตาไว้ได้อีก ร้องไห้จนตัวโยนอยู่ในอ้อมอกอุ่นของแม่
บานประตูซึ่งแง้มอยู่นิดๆ ค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับคนที่ตั้งใจแวะมาเยี่ยมถอยกลับออกไปตามทางเดินยาว คุณหญิงรำไพมิได้ตั้งใจเสียมารยาทแอบฟังบทสนทนาของคนอื่น ทว่าขณะกำลังเปิดประตูจะเข้าไปในห้อง คำถามเรื่องหนี้สินธนาคารดังมาให้ได้ยินจึงต้องหยุดชะงัก ลังเลใจว่าจะเข้าไปขัดจังหวะการสนทนาของสองแม่ลูกดีหรือไม่ แต่แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดวาบ
นางมาที่นี่เพื่อเยี่ยมนางจิตรีนั่นคือเหตุผลรอง เหตุผลหลักคืออยากจะมาขอร้องจอมใจให้ช่วยไปดูแลหลานชายของนางสักระยะ จุดประสงค์ลึกซึ้งไปกว่านั้นนางหวังใช้ความใกล้ชิดทำให้เด็กทั้งสองผูกใจต่อกัน แม้จะเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ นางก็ยังหวัง จอมใจเป็นเด็กดี น่ารัก ใครอยู่ใกล้ก็อดใจไม่รักไม่ได้ นางหวังว่าหลานชายนางก็คงไม่ต่างกัน แต่คำขอร้องของนางจะว่าไปมันก็คล้ายการทวงบุญคุณ ขณะนั่งรถมานางยังตัดสินใจไม่ขาดว่าจะทำอย่างไรดี มาได้ฟังเรื่องหนี้สินของนางจิตรีเข้าแบบนี้ บางทีนางน่าจะยื่นข้อเสนอบางอย่าง ข้อเสนอที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ทั้งนางทั้งจอมใจ และไม่มีเรื่องใดๆ ให้ต้องตะขิดตะขวงใจต่อกัน
คุณหญิงยิ้มหน้าบานกับความคิดตนเอง ลงมาถึงหน้าโรงพยาบาลก็โทรฯ เรียกวิเชียร วางสายไปแล้วยังมีแก่ใจคิดได้ว่าช่วงที่ผ่านมาวิเชียรงานหนักไม่น้อย ทั้งเทียวรับเทียวส่งจอมใจ แล้วยังคอยเป็นคนขับรถพานางไปโน่นมานี่ เห็นทีสิ้นเดือนนี้ต้องตบรางวัลอย่างงาม
รถเข้ามาจอดเทียบหน้าตึก วิเชียรวิ่งมาเปิดประตู โค้งนอบน้อม คุณหญิงกล่าวขอบใจและยิ้มกว้างให้จนวิเชียรประหลาดใจ
กลับบ้าน นางสั่งเมื่อวิเชียรเข้าประจำที่ หนุ่มใหญ่มองนางทางกระจกหลัง พลางชวนคุย
วันนี้อยู่คุยกับคุณจอมไม่นานนะครับคุณหญิง
ใครว่าล่ะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลยต่างหาก ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะกระจุ๋งกระจิ๋งของแม่ลูก
วิเชียรเหลือบตาขึ้นมองกระจกอีกครั้ง เห็นคุณหญิงอมยิ้มน้อยๆ มองออกนอกรถ หัวคิ้วของคนขับขมวดเข้าหากัน ประหลาดใจจริงๆ
กลับถึงคฤหาสน์แม่น้อมกุลีกุจอยกน้ำเย็นมาเสิร์ฟ แล้วนั่งแปะลงบนพื้นรายงานเสียงเจื้อย
แม่อุไรโทรฯ มาค่ะคุณหญิง บอกว่าคุณหนูจะเข้าเหมืองให้ได้ทั้งที่ตัวเองยังเจ็บหนักปานนั้น ทีนี้ก็เดือดร้อนถึงหมอนิวัตน์สิคะ ต้องเรียกคนงานชายมาจับตัวแล้วมัดไว้กับเตียง คุณหนูแผลงฤทธิ์จนบ้านแทบจะพัง เล่ามาถึงตรงนี้แม่น้อมปิดปากหัวเราะคิก แต่คุณหญิงกลับส่ายหน้าระอากับความเลือดร้อนของพ่อหลานชาย
เจ้าไทนะเจ้าไท โดนกระแทกจนซี่โครงเดาะไปสองซี่ไม่ช้ำในตายก็บุญเท่าไหร่แล้ว นี่เพิ่งพักฟื้นได้ไม่เท่าไรก็จะกระเสือกกระสนเอาร่างกายไปทรมานอีก ไอ้นิสัยเลือดร้อนนี่มันติดใครมานะ ทำไมไม่เอานิสัยใจเย็นของพ่อของแม่มันมาบ้าง คุณหญิงควานยาดมในกระเป๋า เจอก็เปิดฝายกขึ้นสูด เมื่อครู่เพิ่งอารมณ์ดีมาแท้ๆ ตอนนี้ต้องมาปวดหัวเพราะไอ้หลานตัวดีนี่อีก
แม่น้อม สั่งให้วิเชียรเตรียมรถ เอารถตู้นะ ฉันจะไปดูเจ้าไทมันหน่อย เจ็บหนักจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อย่ามันยังไม่ไปดูดำดูดีมันเลย ได้แต่สวดมนต์ขอพรพระให้มันหายเร็วๆ ทั้งที่ใจอยากแจ้นไปตั้งแต่รู้ข่าว อ้อ บอกให้นังเดือนไปเก็บเสื้อผ้าให้ฉันด้วยนะ ฉันจะไปค้างสักคืนสองคืน เจ็บอยู่อย่างนั้นมันยังจะลุกมาไล่ให้ฉันออกจากบ้านได้ก็ให้มันรู้ไป
แม่น้อมคลานเข่าตุ้บตั้บออกไป ทิ้งให้คุณหญิงนั่งพิงพนักโซฟาสูดยาดม ครุ่นคิดถึงเรื่องที่จะทำ
รถตู้เข้าจอดหน้าบ้านไม้ซุงในตอนเย็นย่ำ รอจนคนขับลงมาเปิดประตูให้คุณหญิงรำไพจึงก้าวลงจากรถ มองบ้านหลังน้อยในแสงสลัวยามอัสดง บ้านหลังเล็กโดดเดี่ยวกลางป่าเขา บ้านซึ่งหลานรักใช้ชีวิตอย่างเดียวดายมากว่าสิบปี
ตัวบ้านมีระเบียงเตี้ยสามขั้นบันได รายรอบเป็นลานหญ้ากว้าง วางโต๊ะไม้ไว้มุมหนึ่งใกล้ระเบียง มีพุ่มไม้เล็กๆ แซมห่างตา ต้นวาสนาต้นใหญ่ยืนเด่นอยู่หน้าบ้าน กางพุ่มใบแทบจรดหลังคา นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้มาเหยียบที่นี่? ตั้งแต่ครั้งหลังสุดที่มาตามพ่อหลานชายคนดีกลับบ้านด้วยกัน กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ครั้งนั้นภูไทหนีเข้าป่าไปเป็นแรมเดือน ไม่ไล่ก็เหมือนไล่ สิ่งที่เขาทำบอกให้รู้ว่าถ้านางยังอยู่ที่นี่เขาจะไม่ยอมกลับมาเหยียบอีกเด็ดขาด
เมื่อหลานรักต้องการอย่างนั้น ผู้เป็นย่าอย่างนางจะทำอย่างไรได้ นอกจากยอมกลับคฤหาสน์แต่เพียงลำพัง หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ข่าวว่าภูไทกลับเข้าบ้าน โชคดีที่นางสั่งให้อุไรส่งข่าวอยู่เป็นระยะ ยังพอได้รู้ความเป็นไปของหลานบ้าง ไม่อย่างนั้นนางคงไม่รู้เรื่องอะไรเลย หลานจะเป็นจะตายอย่างไร ย่าคนนี้ก็คงนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น
ภูไทใจแข็งนัก รถตกเขาจนเจ็บหนักก็ยังไม่ยอมส่งข่าวถึงนางสักคำ ไอ้หลานคนนี้มันตัดย่ามันได้จริงๆ แต่ย่าอย่างนางไม่มีวันตัดหลานได้ลงคอเลย
หญิงรูปร่างอวบวัยสี่สิบต้น สวมเสื้อเชิ้ตลายดอกกางเกงยืดสามส่วน เดินลงบันไดมา
สวัสดีค่ะคุณท่าน
หวัดดีแม่อุไร ตาไทเป็นไงบ้าง อยู่ในบ้านใช่มั้ย?
ค่ะ อยู่ในบ้าน อาละวาดตั้งแต่เช้า เอาข้าวปลาไปให้ก็ขว้างทิ้งหมดไม่ยอมทานอะไรเลยค่ะ เชิญคุณท่านเข้าบ้านก่อนดีกว่านะคะ
อุไรเดินนำ พาคุณหญิงเข้ามาในห้องรับแขก จะแยกไปหาเครื่องดื่มมาต้อนรับคุณหญิงก็ร้องห้าม
ไม่ต้องหรอก ฉันอยากเข้าไปดูหลาน อยู่ห้องเดิมใช่มั้ย? คุณหญิงถามทว่าไม่รอคำตอบ นางเดินเลยไปยังห้องที่จำได้ดี อุไรได้แต่ยืนอึ้ง ที่จริงเธออึ้งตั้งแต่แม่น้อมโทรฯ มาแจ้งล่วงหน้าแล้วว่าคุณหญิงจะมา งานนี้ความลับที่แอบส่งข่าวให้คุณหญิงรู้อยู่เนืองๆ ต้องไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ไม่ตายตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปตายตอนไหนแล้ว อุไรหน้าซีด นั่งแปะลงบนพื้นหมดสิ้นเรี่ยวแรง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

555
รออยุ่น่ะค่ะ
^^
สงสัยค่าตัวแพง..เลยออกมาน้อย 55+
ไรเตอร์น่ะ
มุกเยอะดี
ภูไทเลยเห็นจอมใจเป็นผู้หญิงขายตัวซะงั้นสินะ
ให้ฟ้าช่วยมั๊ยค่ะ 555+
555+
พระเอกถ้าจะใจแข็ง เป็นห่วงนางเอกจัง
รถนั่นถูกตัดสายเบรคหรือเปล่า
คุณหญิงจะใช้หนี้ให้ แล้วจอมก็ไปอยู่เหมือง
เข้าล็อคพอดีเลย...เหมืองอะไรน้า
แล้วใครจะเป็นคนยื่นกัน
งานนี้ฝ่ายที่ได้เห็นจะมีแต่คุณย่าเท่านั้น อิอิ
ส่วนเฮียภูจ๊ะ นอนแบะหยอดน้ำข้าวต้มอยู่
อย่าเพิ่งแผลงฤทธิ์ล่ะ เดี๋ยวจะช้ำในเปล่าๆ
โอ๊ยยยยย!!! อยากให้จอมใจเจอเฮียเร็วๆจังเลย
จากคราบเทพบุตรจะแปลงร่างเป็นซานตาน
ตอนเห็นจอมใจหรือเปล่านะ
สงสารจอมมากๆๆ
อยากอ่านฉากที่มีพระเอเยอะๆๆ