ตอนที่ 4 : หน้าที่ 4 หางาน
กลิ่นของเสื่อทาทามิที่ไม่ได้สูบมานาน…
“อือ…เอ๋ ที่นี่ที่ไหน” ฉันลืมตาขึ้นมาแต่ยังตื่นไม่เต็มตาทำให้ได้แต่พูดพึมพำอยู่กับตัวเองก่อนจะพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเกิดอะไรขึ้น
อ่า แขนข้างขวาของฉันมันแปลกไป…แล้วฉันก็คือเสือกินคนที่ว่านั่นสินะ…
…
หือออ หลังจากตั้งสติได้ฉันก็รีบลุกขึ้นมามองที่มือของตัวเอง เอ๊ะ ก็เหมือนเดิมนี่น่า เราคงตื่นตูมมากเกินไปสินะ ที่เมื่อวานแขนเป็นแบบนั้นเพราะเราคือเสือที่ว่านั่นหรือจะพูดให้ถูกคือเราคือ ผู้มีพลังพิเศษ : สัตว์ร้ายใต้แสงจันทร์ ที่สามารถกลายร่างเป็นเสือได้สินะ ฉันถอนหายใจเพื่อคลายความกังวลก่อนจะเริ่มมองสำรวจห้องแห่งนี้
“นานแล้วสินะที่ไม่ได้นอนใต้หลังคา…” ฉันพูดรำลึกความหลังที่นอนไปทั่วตามสวนสาธารณะบ้างล่ะ ตรงม้านั่งบ้างล่ะ ข้างถนนบ้างล่ะ…อนาถสิ้นดี
จะว่าไปทำไมเราถึงมานอนตรงนี้ได้กันนะ? จำได้ว่าสลบนี่น่า?
ครืนนนนนนนน
เสียงบางอย่างดังขึ้นที่ข้างหลัง ทำเอาคนพึ่งตื่นนอนสะดุ้งตกใจ
“อะ..อะไรน่ะ” ฉันลนลานมองไปทั่วห้องก่อนไปสะดุดที่หัวเตียงที่มีโทรศัพท์มือถือแบบพับที่เป็นต้นเหตุของเสียงออกมา
“อ่ะ ค่ะๆ” ฉันรีบคว้ามันเอาไว้ในมือแล้วพยายามกดรับอย่างลนลาน
“จะรับแล้ว! จะรับแล้วค่ะ!!จะรับเดี๋ยวนี้แหละค่ะ!!!” ฉันพูดลนไปมาเพราะหาปุ่มกดรับไม่เจอสักที
“ปุ่มไหนกันเนี่ย ปุ่มไหนกัน…อ่ะ ฮัลโหลค่ะ!!”
“Good Morning ~ ” เสียงที่ตอบกลับมาคือเสียงรื่นเริงของชายหนุ่มคนนึงที่เธอก็พอจะเดาออกว่าใคร
“คุณดาไซเหรอคะ?”
“วันนี้อากาศดีเนอะ หอพักใหม่เป็นยังไงบ้าง?” ที่เขาถามแบบนี้แปลว่าเป็นคนพาเรามาสินะ
“เป็นบุญคุณจริงๆค่ะถ้าเทียบกับนอนข้างทางแล้วนี่มันวังบนปุยเมฆชัดๆเลยค่ะ” ฉันพูดกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง ถึงคนอื่นจะเห็นว่ามันเป็นเพียงที่นอนธรรมดาๆก็ตามแต่ฉันก็คิดว่ามันหรูสุดสำหรับฉันในตอนนี้แล้วล่ะนะ
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ ชุดเปลี่ยนวางไว้บนหัวเตียงเป็นของขวัญจากสมาชิกสำนักงานนักสืบทุกคนนะ”
บนหัวเตียงตามที่คุณดาไซว่ามีเสื้อผ้ากับกระเป๋าสะพายวางอยู่แล้วก็มือถือเครื่องนี้ด้วยอย่างงั้นสินะ ทุกคนใจดีกันจัง
“ต้องขอบคุณสำหรับหลายๆเรื่องจริงๆค่ะ”
“ว่าแต่ว่า อัตสึโกะจัง โทษนะ ออกจะกะทันหันไปหน่อย….”
“หืม?”
“อันที่จริงเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นน่ะ”
“เหตุฉุกเฉิน?” ฉันขมวดคิ้วงงๆ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ
“อา จะช้าไม่ได้อีกแล้วล่ะ ช่วยมาตรงที่ฉันระบุเดี๋ยวนี้ทีนะ สถานกาณ์วิกฤติสุดๆ!! ไม่พึ่งเธอก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วนะ” ดาไซส่งเสียงผ่านมือถือกลับมาบ่งบอกว่าเป็นเรื่องจริงจังอย่างมากแถมมีแค่เธอเท่านั้นที่จะช่วยได้
“คะ..ค่ะๆ เข้าใจแล้วล่ะค่ะ”
หลังจากยืนยันกับคุณดาไซเสร็จฉันจะรีบเปลี่ยนชุดที่อยู่บนหัวเตียงให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็รีบวิ่งไปนั่งใส่รองเท้าให้เร็วที่สุดในขณะที่หูยังแนบมือถือเอาไว้ที่ไหล่ไม่ให้หลุดสายที่คุยค้างไว้ด้วย
“เตรียมพร้อมแล้วรึยัง? อัตสึโกะจัง” ดาไซพูดถามความสมัครใจฉันอีกรอบ
“ค่ะ!” ฉันตอบยืนยันไปด้วยสีหน้าจริงจังถึงอีกฝ่ายจะไม่เห็นก็เถอะ
“ก่อนอื่นออกมาจากนอกห้อง ปิดประตูให้เรียบร้อยด้วยนะ แล้วก็หลังมามองข้างหลัง!” ฉันทำตามอย่างว่าง่ายและระมัดระวังตัวก่อนจะหันหลังไปตามที่คนในสายบอก
“ข้างหลัง…อ่ะ!”
ฉันรีบวิ่งลงบันไดห้องพักอย่างรวดเร็วและมาหยุดอยู่ตรงหน้าต้นเหตุของคนที่บอกว่านี่คือเหตุฉุกเฉินของเขา…
ฉันมองด้วยสีหน้าเจื่อนๆและอยากจะตะโกนออกไปเหลือเกินว่า…
“นี่มันอะไรกันคะ…”
ฉันหยุดมองคุณดาไซที่มองฉันด้วยรอยยิ้มอย่างร่าเริงแจ่มใสดูเหมือนจะปกติทุกอย่าง…ถ้าไม่ติดที่ไอ้เจ้าถังที่คุณดาไซนั่งอยู่ในนี้นี่ละ!!!
“คิดว่าเป็นอะไรล่ะ?” ยังมีน่าจะมาถามต่ออีกเหรอคะ
“เอ่อ…ภาพหลอนรับอรุณ” รู้สึกหัวกำลังประมวลอะไรแปลกๆ
“ผิดจ้า”
“หรือว่าศัตรูบุกโจมตีงั้นเหรอคะ? ไปโดนกับดักเข้างั้นเหรอคะ?” ฉันเริ่มคิดเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ และถามคนข้างในด้วยความเป็นห่วง
“เข้ามาเอาต่างหาก”
“หา!”
“ก็แบบว่าได้ยินมาว่ามีวิธีฆ่าตัวตายด้วยการเอาตัวหย่อนเข้าไปในถังน้ำมันแบบนี้อยู่ก็เลยลองทดสอบดูหน่อยแต่พอทำตามดูแล้วมันดันเจ็บอย่างเดียวแต่ไม่ตายนี่สิ แถมพอหย่อนลงไปลึกเข้ามันก็ออกเองไม่ได้อ่ะ จะตายแล้วจ้า” เขาพูดพร้อมกับสาธิตให้เห็นว่าตัวหย่อนเข้าไปเรื่อยๆจนออกมาเองไม่ได้ แล้วก็ยังจะหย่อนลงไปอีก!!
ฉันที่ยืนฟังถึงกับขำไม่ออก…
“แต่ก็จะฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าปล่อยไว้แบบนั้นเดี๋ยวก็ตายสมใจแล้วนะคะ” ฉันพูดตอกย้ำคนตรงหน้าที่กำลังทำเรื่องขัดแย้งของตนเองอยู่
“ฉันชอบฆ่าตัวตายก็จริง แต่ก็ไม่เอาแบบที่ทรมานหรือเจ็บตัวเฟ้ย!” ดาไซเถียงฉันกลับด้วยความหงุดหงิดและตัวก็ยังหย่อนลงไปลึกเรื่อยๆ…
“แหงอยู่แล้วสิ่งที่ฉันได้เรื่องรู้จากมันก็คือนี่ไม่ใช่วิธีฆ่าตัวตาย แต่เป็นการทรมานตัวเองชัดๆ!”
“อ่า อย่างงี้นี่เอง..”
เขายังคงพูดเถียงต่อไปไม่มีท่าทีจะหยุดฉันเลยจับตรงถังน้ำมันก่อนจะผลักลงพื้นไปให้ตัวคุณดาไซออกมา หลังจากหลุดออกมาก็ยืดเส้นยืดสายอย่างกับพวกคนแก่ไม่มีผิด
แต่ก็นะถึงจะเห็นคุณดาไซเป็นพวกบ้าบอแบบนี้ เขาเองก็ถึงสมาชิกกลุ่มผู้มีพลังพิเศษของสำนักงานนักสืบบุโซ
กร๊อบ กร็อบ
“เจ็บจังเลย ขอบคุณมากเลยนะ อัตสึโกะจัง ถ้าไม่มีเธอเอวฉันคงหักดังกร๊อบไปแล้ว” แต่ทำไมฉันยังได้ยินเสียงตรงเอวดังกร๊อบอยู่ล่ะคะ อ่ะ จะว่าไป…
“ทำไมไม่ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นล่ะคะ?” ฉันถามด้วยความสงสัยแต่มันก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นมากกว่ามาขอความช่วยเหลือจากฉันที่พึ่งรู้จักกันไปแค่เมื่อวานเองนะ
“อื้ม ก็โทรไปแล้วนะ บอกว่า จะตายแล้ว แต่ทุกคนก็ดันพร้อมใจพูดกันว่า ยินดีด้วยนะ เฉยเลยอ่ะ คิดว่าไงอ่ะ” เขาถามกลับด้วยความน้อยใจ
แต่ก็นะ สมควรแล้วมั้ยล่ะ…ฉันที่ไม่กล้าพูดความจริงตรงนั่นออกไปได้แต่หัวเราะแห้งๆกับไปให้คนข้างๆฟังแทน คุณดาไซที่ดูเหมือนจะรู้คำตอบก็บ่นออกมา
“ให้ตายสิ พวกมีพลังพิเศษเนี่ย มีแต่คนจิตไม่ปกติทั้งนั้นเลย”
นั้นมันก็คุณด้วยไม่ใช่เหรอคะ! ถึงอยากจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ แต่… ผู้มีพลังพิเศษ งั้นเหรอ?
“คุณดาไซคะ…”
“หืม?”
“พวกคนที่เป็นสายสืบ…ของสำนักงานนักสืบนี่ทุกคนเป็นผู้มีพลังพิเศษกันหมดเลย สินะคะ”
“ใช่ เป็นกลุ่มติดอาวุธที่โค่นศัตรูแม้แต่ตำรวจยังเอาไม่อยู่ได้เชียวนะ”
“งั้นฉันคงเข้าสำนักงานนักสืบไม่ได้หรอกค่ะ”
“แต่พลังพิเศษเธอก็เจ๋งดีนิ?”
“ก็จริงอยู่ว่าการกลายร่างเป็นเสือมันเป็นพลังพิเศษ แต่ฉันควบคุมมันไม่ได้เลยนะคะ ฉันก็แค่กลายร่างไปโดยไม่รู้ตัว เปลี่ยนร่างเป็นเสือด้วยความตั้งใจของตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ” ฉันพูดตัดพ้อกับพลังของตัวเอง
อีกอย่างพลังนี่นะ…
ไม่มีใครต้องการหรืออยากให้ช่วยหรอก…
“เพราะงั้นถึงเอาฉันเข้าไปก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้หรอกนะคะ”
“….”
“ก็รู้สึกขอบคุณอยู่หรอกค่ะ แต่ขอโทษด้วยนะคะ”ฉันลุกขึ้นก้มโค้งให้คุณดาไซ
“แล้วจากนี้จะทำยังไงต่อล่ะ?”
“ว่าจะลองหางานสักอย่างที่พอทำไหวดูนะคะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะหาได้ง่ายๆหรอกค่ะ” ฉันพยายามพูดไม่ให้คุณดาไซเป็นห่วง ถึงหนทางที่ว่าจะไม่ใช่ง่ายๆก็เถอะ
“ฉันพอมีลู่ทางหางานที่เธอน่าจะทำได้อยู่นะ”
“เอ๋” ฉันอุทานออกมาด้วยคำที่ไม่คาดคิดของชายคนนี้
“ถ้าไม่รังเกียจก็จะช่วยแนะนำให้ก็ได้นะ”
“จริงเหรอคะ!” ฉันยิ้มกว้างออกมา สีหน้าดีใจที่เก็บซ่อนเอาไว้ไม่ได้
“…” เขามีเพียงรอยยิ้มกลับมาที่เป็นคำตอบ
“รบกวนด้วยนะคะ” ฉันยิ้มตาหยีด้วยความดีใจ
ก่อนที่เราทั้งสองคนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในเมืองกัน ระหว่างเดินอยู่ฉันก็อมยิ้มไปตลอดทางในขณะที่คุณดาไซเองก็เอาแต่จ้องฉันมาสักพักแล้ว ฉันที่เริ่มเกร็งต่อสายตาเขาเลยร้องทัก
“คุณดาไซคะ? มองฉันทำไมงั้นเหรอคะ?”
“….”
ดาไซยังคงไม่ตอบแต่ก็ยังจ้องมองอัตสึโกะต่อไป ที่เขาจ้องแบบนั้นเพราะกำลังคิดว่าชุดที่เธอใส่วันนี้ดูน่ารักและเข้ากับเธอดีเท่านั้นเอง แต่บางทีกระโปรงสั้นไปหน่อยแหะแต่ก็เอาเถอะวันหลังค่อยซื้อแบบกางเกงให้ก็แล้วกัน
“คุณดาไซ?” อัตสึโกะมองด้วยความสงสัย
“อื้ม ป่าวไม่มีอะไรหรอก”
“…”
“แค่คิดว่าวันนี้ อัตสึโกะจัง น่ารักดีนะ” พูดจบเขาก็เอามือไปหยีหัวเด็กสาวต่อ
“ขอบคุณค่ะ…แต่หัวฉันมันจะยุ่งแล้วนะคะ!!”
เธอปัดมือดาไซออกก่อนจะรีบเดินนำหน้าไปอย่างอารมณ์เสีย ดาไซอดขำไม่ได้แต่ก็เดินตามเด็กสาวไปเรื่อยๆ
ผมนุ่มดีแหะ…
"รอด้วยสิ อัตสึโกะจัง"
"ไม่รอแล้วค่ะ!"
*** ข้อความจากไรท์ 01/04/2020 ***
อากาศร้อนมากเลยค่ะ ออกไปไหนก็ไม่ได้ ปั่นเสร็จตอนเดียวเอง แรงจะหายไปกับแสงแดดก็ไม่ได้สินะ(ความจริงก็แอบขี้เกียจนิดๆแหละ) ยังไงก็เอาใจช่วยอัตสึโกะจังในตอนต่อไปด้วยนะ ตอนหน้าพบปะกับสำนักงานนักสืบบุโซกัน!!
ตัวพระเอกนี่ยังไม่บอกหรอกน่ะว่าใคร เรื่องยังต้องดำเนินอีกยาวไกล ฮุๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ดาไซซัง หลงเสน่ห์น้องแล้วสิ-นะ-คะ?