ตอนที่ 12 : หน้าที่ 11 คนตายกับเหยื่อของคดี
อุดมคติคืออะไร…
คำตอบของคำถามนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน…
มีทั้งถ้อยคำ แนวคิด นิยามของมันนั้นมีมหาศาลแต่ถ้าจะให้ฉันตอบล่ะก็…
คำตอบมันแน่อยู่แล้ว
มันคือคำที่เขียนไว้บนสมุดพกของฉัน….อุดมคติ…ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันอยู่ในสมุดเล่มนี้
กำหนดการ แผนการ เป้าหมาย
สมุดเล่มนี้คือทุกสิ่งทุกอย่างในอนาคตของฉัน…
.
.
[Kunikida Part ]
ตึง!!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มหน้าเขรงขรึมคนหนึ่งจะค่อยๆเดินออกมาและตรงไปที่ประตูบานหนึ่งที่เขียนว่า สำนักงานนักสืบบุโซ…
‘ วันนี้มาเร็วไป10 วินาทีแฮะ’
ชื่อของเขาคือ คุนิคิดะ ดปโปะ เป็นหนึ่งในพนักงานของสำนักงานนักสืบบุโซแห่งนี้และเป็นผู้มีพลังพิเศษอีกด้วยเช่นกัน แถมยังเป็นพวกยึดมั่นในอุดมคติมากกว่าใครทั้งหมดและต้องการทำให้อุดมคติของตนกลายเป็นจริงด้วย
ได้เวลาแล้วสินะ…
เขามองดูนาฬิกาข้อมือตัวเองเสร็จก็เดินไปเปิดประตูเข้าตามที่จดเอาไว้เป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของวันนี้
“อรุณสวัสดิ์!”
“คุณคุนิคิดะ ช่วยด้วยค่ะ!!!”เด็กสาวร่างเล็กผมขาวสั้นหน้าม้าแหว่งวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีลนลาน
“เอะอะอะไรแต่เช้า” เขาถามอย่างใจเย็นกับคนตรงหน้า
ชื่อของเธอคือ นาคาจิมะ อัตสึโกะ เป็นเด็กสาวเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ตัวเองว่ามีพลังพิเศษสามารถเปลี่ยนเป็นเสือได้จนถึงเมื่อเร็วๆนี้ แถมยังเป็นพนักงานน้องใหม่ของสำนักงานด้วย ค่อนข้างโลกสวยไม่ทันคน อ่อนโยน ใจดี แต่ถ้าได้ทำเพื่อคนอื่นแล้วก็จะพยายามทำอย่างสุดความสามารถที่ สำคัญเธอมีรอยยิ้มที่แสนวิเศษจนไม่ว่าใครเห็นยังต้องยิ้มตาม…
“คะ…คุณดาไซน่ะค่ะ กลายเป็นอย่างงั้นไปแล้ว!!” อัตสึโกะรีบชี้ไปทางตัวต้นเหตุของความวุ่นวาย
“คุนิคิดะคุงงง~ เกิดเรื่องแล้วล่ะ”ชายหนุ่มที่มีแต่ผ้าพันแผลตามตัวทำท่าทางประหลาดๆใส่พวกเขา เด็กสาวที่ทนดูไม่ได้เลยรีบผลักคนที่เธอขอความช่วยเหลือไปทางเขาโดยเร็วที่สุด
“มีเรื่องอะไร”
“ดูนี่สิ นี่ไงล่า!~” เขาชี้ไปที่บนหัวตัวเองที่ไม่มีอะไรอยู่
“ตอนนี้ฉันเห็นแค่คนบ้าคนนึง”
“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!นี่น่ะเหรอโลกหลังความตาย โยโมสึฮึราซากะ(ประตูทางไปสู่โลกหลังความตาย) มีหมอกสีฟ้าปกคลุมที่พื้น แสงจันทร์ส่องกระทบกับหน้าต่าง…”
“มันเป็นบ้าอะไรของมันวะ…”
หมอนั้นชื่อ ดาไซ โอซามุ เป็นเพื่อนร่วมงานของคุนิคิดะ เป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์แต่ก็มีความฉลาดหลักแหลมเลยทีเดียว แต่ก็ในทางเดียวกันก็เป็นคนแปลกๆด้วย มีงานอดิเรกชอบฆ่าตัวตายแถมยังชอบพันผ้าแผลโดยสิ้นเปลืองตามร่างกายอีก
ขอบบอกว่าอยากฆ่าตัวตายโดยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนที่ทุกวันนี้มันก็ยังชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนเสมอ
“คุณคุนิคิดะ น่าจะเป็นเพราะเจ้านี่ค่ะ” เด็กสาวหยิบเห็ดรูปร่างแปลกๆขึ้นมากับหนังสือฆ่าตัวตายฉบับสมบูรณ์ของเขา
“….ทำไมแกถึงหน้าแดงขนาดนั้น” คุนิดคิดะพึ่งจะสังเกตหน้าเธอที่แดงจนจะเป็นลูกมะเขือเทศแล้ว
“อ่อ…มีเรื่องนิดหน่อยนะคะ ก่อนคุณจะมาถึง” เธอเลี่ยงที่จะตอบและหลบสายตาเขา
ใครมันจะกล้าพูดล่ะ….ว่าโดนคุณดาไซเข้ามากอดนัวเนียไม่ยอมปล่อย กว่าจะงัดออกเกือบตายแหนะ
“ฮะฮ่าๆ คู่มือฆ่าตัวตายฉบับสมบูรณ์ นี่มันงานชิ้นโบแดงของแท้เลย ฮะๆ แค่กินเห็ดพิษที่ขึ้นบนเขาแถวนี้ก็เจอทางฆ่าตัวตายที่ทำให้สุขสมได้ขนาดนี้แล้ว ฮะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“มันกินเห็ดพิษเข้าไปเรอะ?”
“คืองี้ค่ะ เขาไปจำสลับผิดกับเห็ดที่มีพิษถึงตาย---…” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบก็โดนใครบางคนสวมกอดเข้าอย่างจังแบบไม่ทันทั้งตัว
“อ่ะ….ดะ…คุณดาไซ!!!” เธอแทบหยุดหายใจแต่ก็พยายามผลักอีกคนออก
“จับตัวได้แย้ววว อัตสึโกะจัง~”
“อึก…คุณคุนิคิดะ!!!!!!”
“ขอจัดการกับเอกสารประจำวันก่อน รอไปจนกว่าจะเสร็จนะ” เขาว่างั้นแล้วก็เข้าโหมดนั่งพิมพ์งานเลยโดยไม่ทันสังเกตว่าเด็กสาวแทบน้ำตาร่วงไปแล้ว
“เอ๋!! ไม่น้า!”
“มา-เล่น-กัน-เถอะ-อัต-สึ-โกะ-จัง~” ว่าจบเขาก็ลากตัวเธอไปที่โต๊ะทำงาน
“ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!”
.
แกร๊ก… แกร๊ก…
คุนิคิดะนั่งพิมพ์งานโดยไม่ได้สนใจใครอีกจนมีมารผจญกำลังเดินไปหาเขา…
“คู-นิ-คิ-ดะ-คูงงงงงง~” ดาไซจับแก้มคุนิคิดะยืดเล่นเหมือนก้อนโมจิ
“แอ่ก….” ถึงจะส่งเสียงออกไปแต่ก็ไม่ยอมหยุดพิมพ์งาน
“นายเองก็มาเที่ยวยมโลกด้วยกันสิ สุดยอดไปเลยน้า~” แล้วก็ยังบิดแก้มไปมาไม่ยอมหยุด
“….” นี่ก็ยังคงนั่งพิมพ์งานต่อ
“อือ…อือ!!!!!” อัตสึโกะส่งเสียงอู้อี้เพราะโดนดาไซจับพันเป็นมัมมี่เอาไว้ทำให้ขยับไปไหนไม่ได้
“มาเล่นกันเถอะ ที่นี่สุดยอดไปเลยน้า มีทั้งสายรุ้ง อาหารก็น่าอร่อย แถมยังมีสาวสวยให้ส่องอีกด้วย”
ตึง
เขาปิดคอมพิวเตอร์ลงและจับคอเสื้อดาไซทุ่มลงที่พื้นอย่างแรงจนอีกฝ่ายสลบ
“หุบปากไปเลยเว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ทั้งสองคนเข้ากันไม่ได้เลยสักนิดทำไมถึงมาจบคู่ทำงานกันได้กันนะ
อัตสึโกะถึงกับไม่เข้าใจความขัดแย้งที่ต่างฝ่ายต่างไม่เหมือนกันแต่ก็ยังอุตสาห์ทำงานเป็นคู่ได้อีก
“คุณคุนิคิดะ งานไหว้วานจากประธานวันนี้ค่ะ” คุณฮารุโนะเลขานุการของสำนักงานนักสืบเดินเปิดประตูอีกฝั่งเข้ามาบอกถึงงานวันนี้
“อ่อ ขอบคุณครับ” เขาเดินไปดูรายละเอียดงานและกลับมาลากคอเพื่อนร่วมงานอีกคนไปด้วย
“ไปกันได้แล้วเจ้าบ้า”
“เอ๋…..”
“แกเองก็ด้วย ตามมาสิ ยัยหนู”
“อ่ะ ค่ะ!!”
.
.
[ Atsuko Part ]
ท่าเรือแห่งหนึ่งในโยโกฮาม่า
“ดาไซมัวทำอะไรอยู่ เดินให้มันไวๆหน่อยสิ”
“คร้าบ…..”
“เหลือเวลาอีกแค่ 2 นาที15 วิ ก็จะถึงเวลานัดแล้วนะ”
“แย่เลยนะนั้น”
คุณคุนิคิดะ คุณดาไซ และฉันพวกเราได้เดินทางมาที่ท่าเรือกันเพื่อทำงานแต่คุณดาไซก็ยังทำตัวเอื่อยเฉื่อยเรื่อยๆจนโดนคุณคุนิคิดะบ่นตั้งแต่ต้นทางมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
“ให้ฉันมาด้วยจะดีเหรอคะ?”
ฉันเอ่ยปากถามกับคุณคุนิคิดะที่อยู่ๆก็เรียกให้ฉันมาด้วยแบบไม่ทันตั้งตัว
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกงานเด็กใหม่เหมือนกัน ครั้งนี้พวกเรารับทำคดีคนหายต่อเนื่องในโยโกฮาม่า”
“รู้สึกจะเป็นคดีที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในโยโกฮาม่าแล้วหายตัวไปทีละคนสินะคะ”
“มีคนแจ้งข่าวเข้ามา แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อ ว่าเหยื่อที่ถูกลักพาตัวไปถูกจับขังในที่ที่แห่งหนึ่ง”
“แลดูน่าสงสัยจังเลยนะคะ…”
“คนแจ้งข่าวไม่เปิดเผยชื่อเป็นคำที่ดูเพราะแล้วก็น่าสงสัยสุดๆเลยสินะ” คุณดาไซเองก็เห็นด้วยกับคำของฉัน
“แต่จะไม่สนก็ไม่ได้”
“จะไปตรวจสอบที่ขังนั่นเหรอคะ”
“เปล่า”
เขาปฏิเสธก่อนจะเดินมาเปิดประตูบานหนึ่งที่เชื่อมลงไปข้างล่างของอาคารอย่างกับห้องใต้ดิน
“ก่อนอื่นต้องสืบคนปล่อยข่าวก่อน”
พวกเราเดินลงไปข้างล่างกันก่อนจะเจอกับจอคอมพิวเตอร์จำนวนมากและตู้ปลาตู้ใหญ่ที่วางไว้ตรงกล้าระหว่างพวกนั้น แถมยังมีคนยืนอยู่ตรงนั้นอีกด้วย
“งานถึงไหนแล้ว พ่อค้าข่าว” คุณคุนิคิดะทักเดินเข้าไปหา
“ไง ไอ้แว่น วันนี้ก็ยังเป็นทาสสมุดพกอยู่เหรอ” ผู้ชายในมุมมืดเอ่ยตอบอีกฝ่ายด้วยคำพูดกวนประสาท
“อาชญากรไซเบอร์อย่างแกมาพูดจาอวดดีกับสำนักงานนักสืบมันจะดีเรอะ?ถ้าแกถูกจับขึ้นมาพ่อที่ตายไปมีหวังร้องไห้แน่”
“อย่าเอาเรื่องคุณพ่อมาพูดนะเว้ย…” ผู้ชายคนนั้นกัดฟันพึมพำพูดเสียงเบา
“อ่ะ…” ฉันเงยหน้ามองเขาเพราะได้ยินเรื่องที่คุยกับคุณคุนิคิดะเมื่อกี้
“ที่สำคัญมาสายนะ หายากนะเนี่ย ไปเดตมารึไง?” เขาหันมาทำหน้าล้อเลียนใส่
“ไม่ใช่เดตมันต้องกับผู้หญิงที่กำหนดไว้แล้วต่างหาก แล้วตามที่เขียนไว้ในสมุดก็คือแต่งงานอีก6 ปีข้างหน้านี้”คุณคุนิคิดะว่างั้นพร้อมยกสมุดพกออกมา
“เอ๋! คุณคุนิคิดะมีผู้หญิงที่หมั้นหมายจะแต่งงานด้วยแล้วเหรอคะ”
ฉันแทบไม่อยากเชื่อคำพูดคนอย่างคุณุนิคิดะที่ไม่มีท่าทีว่าจะสนผู้หญิงเนี่ยนะ
“จะหาได้อีก 4 ปีข้างหน้า”
“….”
ฉันทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะเบ้ปากให้เขา อะไรกันตกใจหมด แต่อีกสี่ปีข้างหน้างั้นเหรอจะกำหนดชัดเจนเกินไปไหมนั้น!!!
“นั้นเด็กใหม่เหรอ” พ่อค้าข่าวคนสนิทของคุณคุนิคิดะถามฉัน
“นาคาจิมะ อัตสึโกะค่ะ!” ฉันยืนตัวตรงแนะนำตัวกับเขา
นักเจาะระบบ
ทากุจิ โรคุโซ
“ฉันชื่อ ทากุจิ โรคุโซ เป็นพ่อค้าข่าว ไม่มีอะไรที่สืบไม่ได้ถ้าให้ราคาดี”
“แล้วรู้รึยังว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวมา” คุณคุนิคิดะพูดขัดขึ้นมากลางวงล้อม คุณทากุจิเงียบไปสักักก่อนจะเอ่ยชื่อของคนนั้นขึ้นมา
“ผู้ส่งสาส์นสีคราม”
“อะไรนะ…” เขาเบิกตากว้าง
“มันมีข้อมูลเหลืออยู่ในเซิร์ฟเวอร์น่ะ นอกนั้นก็มีรูปเหยื่อในคดีลักพาตัวล่ะนะ” เขาเอารูปสี่ห้าใบมาวางไว้ให้ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้
“แต่ว่าเจ้านั้นคงไม่ใช่คนไม่ดีหรอกมั้ง? อุตสาห์บอกที่ซ่อนคนร้ายมาเชียวนะ”
“ไม่รู้สินะ…” คุณดาไซว่า
“หืม?”
“เอาไปเอามาปรากฏว่าเป็นหนึ่งในคนร้ายลักพาตัวเฉย ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็ดีหรอก”
“ผู้ส่งสาส์นสีครามเหรอ…” คุณคุนิคิดะที่ยังคงคิดเรื่องของชื่อคนแจ้งข่าวที่คุณทากุจิบอกมาในแววตาของเขาแอบสั่นไหวเล็กน้อยแต่ก็กลับไปทำหน้าเคร่งขึมเหมือนเดิม
“ช่วยสืบเรื่องนี้ต่อด้วย”
“ถ้ามีอารมณ์นะ พอดีฉันค่อนข้างยุ่งกับการเลี้ยงปลาเขตร้อนซะด้วย”
“หมายถึงปลาตัวนั้นเหรอคะ” ฉันชี้ไปที่ตู้ปลาตรงกลาง
“ก็นะ สนใจเหรอ”
“ค่ะ พึ่งเคยเห็นน่ะค่ะ” ฉันมองปลาด้วยแววตาเป็นประกาย
“ไม่ได้มาเล่นนะ ไปกันได้แล้ว” ว่างั้นแล้วคุณคินิคิดะก็เอามือมาวางบนหัวฉัน
“อ่า…ค่ะ” ฉันทำตาตกแอบเสียดายก่อนจะมองไปหันน้องปลา
ไปก่อนนะ น้องปลา….
“ไว้คราวหน้าเดี๋ยวพามาอีกหรอก ยังไงก็ต้องได้มาเอาข้อมูลกับเจ้านี้อยู่แล้ว”
“จริงเหรอคะ! สัญญาณนะคะ คุณคุนิคิดะ” ฉันดีใจฉีกยิ้มเบิกบาน
“อ่า…” เขาส่งยิ้มน้อยๆให้
โรคุโซที่มองดูอยู่ถึงกับแอบอึ้ง คนอย่างเจ้าแว่นก็ยิ้มอย่างงั้นเป็นด้วยแหะ เขาเอามือเท้าคางบมองพวกเราที่กำลังเดินออกไปจนสุดสายตา
.
.
“อ่า…รบกวนด้วย โทรเรียกแท็กซี่แล้ว จากนี้เราจะไปโรงพยาบาลร้างตามคำไหว้วาน” คุณคุนิดะว่างั้นหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ
“ทำไมคุนิคิดะคุงถึงต้องคอยคุ้มหัวพ่อหนุ่มโรคุโซนั้นด้วยเหรอ?”
“หมายความว่าไง” คุณคุนิคิดะถามดาไซที่ถามคำถามแปลกๆออกมาถามตน
“หางานให้แฮกเกอร์นอกกฎหายอย่างงี้ไม่สมเป็นคุนิคิดะคุงเลยนี่ แล้วแทนที่จะคุยโทรศัพท์กันก็กลับถ่อมาถึงที่นี้ เห็นว่าพ่อเขาเสียไปแล้วสินะคิดจะเป็นตัวแทนพ่อเขาเหรอ?”
ก็จริงอย่างที่คุณดาไซว่ามันไม่สมเป็นคุณคุนิคิดะเลยแต่อาจจะเพราะยังมีเยื่อใยกับเขาก็ได้ถึงได้มาหาคุณทากุจิ
“ที่มาที่นี่ก็เพื่อให้ยัยหนูได้เจอกับหน้าพ่อค้าข่าวเท่านั้นแหละ ไม่มีความหมายอย่างอื่น”
“เอาที่สบายใจเลยแล้วกัน”
คุณดาไซยักไหล่ยอมแพ้ให้กับความปากแข็งของเพื่อนร่วมงานของตนเลย ระหว่างที่เราคุยสับเพเหระกันรถแท็กซี่ที่ว่าก็มาจอดอยู่ข้างหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วเราก็ออกรถไปตามที่หมายของคำไหว้วาน
“คนขับรถคนนี้เป็นแหล่งข้อมูลอีกที่เหมือนกัน อดีเคยเป็นนักแสดงละครเวที” คุณคุนิคิดะแนะนำคนขับรถให้กับฉัน
“แต่ดันขายไม่ออกเลยเปลี่ยนอาชีพน่ะครับ” คนขับรถเขาว่าอย่างขำๆ
“คิดถูกแล้วที่เปลี่ยนอาชีพ ในคนที่ฉันรู้จักเขาเป็นคนที่รู้เกี่ยวกับโยโกฮาม่าดีที่สุด แถมในคดีคนหายต่อเนื่องยังเป็นพยานพบเห็นเหยื่อ 2 ใน11คนในช่วงก่อนหายไปด้วย”
“ ถึงจะบอกเป็นพยานพบเห็นก็แค่ขับจากท่าเรือไปส่งที่โรงแรมเองครับ”
“เป็นการลักพาตัวจริงๆเหรอคะ ไม่เห็นมีการเรียกค่าไถ่เลยนี่” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะถ้าเป็นการลักพาตัวจริงๆมันก็ควรมีการเรียกค่าไถ่อย่างว่าสิ
แต่ว่าตอนนี้เรากำลังขึ้นทางที่ไม่ใช่ทางถนนซึ่งมันเป็นพื้นขรุขระไม่ใช่น้อยฉันกับคุณดาไซที่นั่งหลังถึงกับต้องหาที่จับเพื่อไม่ให้มันสั่นสะเทือนไปมากกว่าเดิม
“คนที่โดยสารรถนายไปคือสองคนนี้แน่สินะ” คุณคุนิคิดะหยิบรูปสองใบส่งให้คนขับรถดู
“ครับ ไม่ผิดแน่ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เหมือนกันเลยครับ”
“อย่างงี้นี่เอง” คุณดาไซแอบฉกรูปภาพในมือคุณคุนิคิดะมาดูก่อนจะพยักหน้าทำความเข้าใจอะไรบางอย่างคนเดียว
“รู้แล้ว ดูรูปนี่สิ สองคนนี้ใส่แว่นหมดเลยใช่ป่ะ หมายความว่านี่ก็คือ คดีสวมแว่นตาคนหายต่อเนื่องนั้นเอง ได้เวลาคุนิคิดะคุงออกโรงแล้วนะ”
ก็นึกว่าพูดเรื่องจริงจังอะไรสักอีก….ทำเอาสตั้นไปเลยค่ะ
“ในเหยื่อคนทั้งหมดก็มีคนไม่ใส่แว่นเหอะ เอามาเป็นจุดร่วมไม่ได้เฟ้ย”
“อะไรกัน อุตสาห์นึกว่าจะได้เห็นคุนิคิดะคุงออกโรงแล้วซะอีก”
“คงจะทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั่นไม่ได้…แกจะบอกว่าถ้าฉันไม่มีแว่นก็ไม่มีโอกาสออกโรงเลยใช่มั้ย!!!!” ว่าจบความเดือดของคุณคุนิคิดะก็ไปลงที่การบีบคอคุณดาไซเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ
เอี๊ยดดดดดดดดดดด
อยู่ๆรถก็เบรกอย่างกะทันหันจนเกือบจะเอาหน้าฟาดกับเบาะ แต่คุณคุนิคิดะที่เมื่อกี้เอาตัวข้างหลังนะสิเกือบตัวปลิวแล้วถ้าไม่มีที่คาดเข็มขัดช่วยเอาไว้
“ทะ…ทำอะไนน่ะ” คุณคุนิคิดะถามคนขับรถ
“ถึงแล้วล่ะครับ โรงพยาบาลร้างที่ว่า”
“บรรยากาศสุดๆไปเลยเนอะ” คุณดาไซว่างั้นเมื่อเห็นสภาพโรงพยาบาลร้างที่เก่าเกินกว่าจะมีใครมาอยู่หรือเข้าใกล้ได้ เพราะมันทรุดโทรมสุดๆแถมยังให้ความรู้สึกเหมือนจะมีอะไรโผล่มาได้ตลอดเวลาอีกด้วย
“เดี๋ยวก็โผล่ออกมาแน่” คุณดาไซว่างั้นด้วยรอยยิ้มกวนๆกับคุณคุนิคิดะ
“อะไรโผล่หา!”
“น่าขนลุกสมเป็นโรงพยาบาลร้างเลยนะคะ”
พวกเราเดินเข้ามาในโรงพยาบาลร้างกัน ฉันที่สอดส่องมองไปทั่วพึ่งจะเคยเห็นสถานที่ที่เหมือนหลุดออกมาจากในหนังสยองขวัญที่เคยดูสมัยก่อน
“ฉันว่ามันกำลังดีเลยน่า ชักจะคึกขึ้นมาแล้วสิ”
“คงไม่ได้ไปกินเห็ดแปลกๆเข้าไปอีกใช่มั้ย” คุณคุนิคิดะที่อยู่ด้านหลังสุดตะโกนถาม
“หรือคุนิคิดะคุงจะกลัวเหรอ?” เขาถามคุณคุนิคิดะที่ทำท่าทางแปลกตอนเดินเข้ามาแถมยังเดินอยู่หลังสุดอีกต่างหาก
“กลัวผีงั้นเหรอคะ”
“ผีเผออะไรไม่ได้กลัวสักหน่อย” เขาปฏิเสธเสียงแข็งผิดกับการกระทำที่ขัดแย้ง
“งั้น…มาจับชายเสื้อฉันไว้ทำไมล่ะคะ?”
“งั้นก็รีบมาสิ” คุณดาไซเร่งอีกฝ่ายให้ขึ้นมาข้างหน้า
“ไอ้โง่ หนังแนวนี้ คนที่ทะเลอทะล่าออกไปคนแรกนี่แหละมันจะตายก่อนชาวบ้าน” เขาพูดจนลิ้นพันกัน
“อัตสึโกะจัง ถ้ากลัวก็จับมือฉันก็ได้นะ แต่คุนิคิดะคุงไม่ให้จับหรอกนะ” คุณดาไซเมินคำคุนิคิดะแต่หันมายื่นมือมาหาฉันแทน
“ไม่ล่ะค่ะ แล้วคุณคุนิคิดะคะ!? ช่วยเลิกดึงชายเสื้อฉันได้รึป่าวคะ!”
“ฉันกลัวว่าแกจะกลัวต่างหากเลยช่วยจับให้ไง หัดขอบคุณฉันซะบ้างสิ ยัยหนู!!” เขายังคงบอกปัดไปทั่วและทำเหมือนคนกลัวผีน่ะเป็นฉัน
“เอ้า นั้นไง อัตสึโกะจังถ้ากลัวก็อย่าฝืนสิ”
“หะ…เอ่อ…ไม่---….” ฉันพยายามบอกปฏิเสธ
“ไม่ต้องพูดแล้ว งั้นเอางี้น่ะมาจับมือกันทั้งสามคนเถอะ นี่ไงแบบนี้แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วเนอะ”
คุณดาไซสรุปเรื่องเองทั้งหมดก่อนจะเอาจับมือฉันเองโดยไม่ขออีก เนียนเลยนะยะ…
“ก็อย่างที่เจ้าดาไซว่า ทำแบบนั้นล่ะ” คุณคุนิคิดะเองก็ไม่ใช่ว่าจะขัดแถมยังเห็นดีเห็นงามด้วยแล้วเอามือฉันไปจับอีกข้างเช่นกัน
สถานการณ์แบบนี้มันอะไรเนี่ย….
พ่อแม่ลูกเดินเล่นกลางโรงพยาบาลร้างเรอะ!?
ฉันยอมแพ้ให้กับทั้งคู่และลอบถอนหายใจก่อนที่จะเผลอสังเกตเห็นอะไรสักอย่างที่ตรงพื้นบันไดข้างล่าง
“ดูนั้นสิคะ รอยเท้านี่ยังใหม่ๆอยู่เลย”
“ช่วยด้วย!!!!” มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากความมืดมิดของโรงพยาบาลร้าง
“เสียงเมื่อกี้”
“จากใต้ดินเรอะ!” คุณคุนิคิดะว่างั้นแล้วพวกเราก็รีบวิ่งลงที่ทางใต้ดิน
“อะไรเนี่ย” คุณคุนิคิดะที่ไปถึงก่อนพบกับหญิงสาวในอยู่ในแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่สามารถนำคนทั้งคนใส่ไปได้แต่มันก็มีเหล็กใส่ไว้อยู่ข้างบนทำให้ไม่สามารถออกมาจากข้างในได้ แถมตอนนี้ก็มีน้ำถูกปล่อยใส่ข้างในจนเต็มทำให้ตัวลอยขึ้นมา
หญิงสาวในตู้ที่ยื้อตัวเองไม่ไหวเลยปล่อยมือจากตรงกรงเหล็กข้างบนก่อนจะหันหน้ามาทางคุณคุนิคิดะ เธอส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาที่เขา
คุณคุนิคิดะหยิบปืนออกมาและยิงเข้าที่ตู้เพื่อให้น้ำที่อยู่ในนั้นไหลออกมาและตุบเศษจนสามารถเอาตัวเธอออกมาได้สำเร็จ จากนั้นคุณดาไซก็เอาผ้าคลุมตัวเองคลุมให้ร่างหญิงสาวคนนั้นเพราะตามตัวเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยนอกจากชุดชั้นในที่ยังเหลืออยู่
“แค่กๆๆ….ขอบคุณนะคะ…ที่ช่วยชีวิตฉันไว้”
เธอกล่าวขอบคุณพวกเราที่เข้ามาช่วยไว้ทันก่อนจะแนะนำตัวกับเรา
“ฉันชื่อ ซาซากิ โนบุโกะ เป็นอาจารย์มหาลัยโตเกียวค่ะ”
“เหยื่อรายที่ 12 งั้นเหรอคะ” ฉันถามคุณดาไซ
“คุณเห็นหน้าคนร้ายที่ลักพาตัวคุณมารึป่าว”
“ขอโทษนะคะ ตอนที่อยู่สถานีจู่ๆก็หมดสติไปเลย พอรู้สึกตัวอีกทีก็กำลังจมอยู่ในแท็งก์น้ำอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”
“ดาไซ คิดยังไงกับสถานการณ์นี้บ้าง?” คุณคุนิคิดะหันไปถามความเห็นกับคู่หูตน
“สารรูปคุณซาซากิตอนนี้เอ็กซ์มากเลยล่ะ” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“จริงจังหน่อยสิวะ!!!!”
“จริงสิ ที่นี่น่าจะมีคนอื่นที่ถูกลักพาตัวมานอกจากฉันอยู่ด้วยค่ะ ก่อนจะจมลไปในแท็งก์เหมือนจะได้ยินเสียงอยู่น่ะค่ะ”
“ว่าไงนะ!”
ว่าจบพวกเราทั้งสามก็รีบไปเปิดประตูทุกบานของชั้นใต้ดินเพื่อหาเหยื่อคนอื่นๆที่โดนจับตุวมาไว้ ณ ที่แห่งนี้ ก่อนที่พวกเขาจะเป็นอะไรไปเราต้องรีบหาตัวให้เจอ
“คุณคุนิคิดะเจอแล้วค่ะ! ทางนี้ค่ะ” ฉันร้องเรียกคุณคุนิคิดะให้มาทางฉันโดยเร็ว
เบื้องหน้าของฉันก็คือเหยื่อรายอื่นๆที่อยู่หลังตู้กระจกพวกเขากำลังร้องขอความช่วยเหลือกันอยู่ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ขอร้องล่ะ ช่วยด้วย!”
“เป็นอะไรไหม!” คุณคุนิคิดะรีบวิ่งไปที่กระจกใบหนาที่ขวางกั้นระหว่างเขากับเหยื่อคนอื่นๆอยู่ พวกเขาทุบกระจกไปมาแถมยังบอกอีกฝ่ายว่าให้รีบช่วยออกมาอย่างเร่งรีบ
แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรกันเลย
ชู้ดดดด
เสียงจากข้างบนข้างในของบานกระจกที่มีเหยื่ออยู่ได้มีเสียงของไอแก๊สอะไรสักอย่างลงมาที่พวกเขาก่อนที่พวกเขาจะล้มตัวลงไอกันเสียงดังและทรมานเหมือนหายใจไม่ออก
“ถอยออกมาอัตสึโกะจัง!!! นั่นแก๊สพิษ!!!!คุนิคิดะคุงด้วย!!!!” คุณดาไซขวางไม่ให้ฉันเข้าไปใกล้ที่ตรงนั้นและเรียกให้คุณคุนิคิดะออกมา
“เฮ้ย ทำใจดีๆไว้!” แต่คุณคุนิคิดะที่ไม่รู้ว่าได้ยินเสียงคุณดาไซหรือตั้งใจไม่ยอมออกมากันแน่กลับตะโกนเรียกคนอีกฝั่งและพยายามหาทางช่วยอย่างไม่ลดละ
“คุนิคิดะคุง!!” คุณดาไซวิ่งไปล็อคตัวเขาออกมาให้ห่างจากตรงนั้น
“ปล่อยฉัน ดาไซ!! จะให้คนมาตายด้วยเรื่องพรรคนี้ได้ไง!! ปล่อยนะ!!”
“….”
“ปล่อยสิวะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงคุณคุนิคิดะดังก้องไปทั่วโรงพยาบาลร้าง สีหน้าของเขาเจ็บปวดไม่ต่างจากพวกคนอีกฝั่งของบานกระจกที่สูดแก๊สพิษเข้าไปจนนอนสลบตายกันทีละคนทีละคน
ช่วยเอาไว้ไม่ได้ ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ….
พวกเราที่มาอยู่ ณ ที่นี่ ไม่รู้เลยว่าจะเป็นกับดักอย่างที่พวกเราสังหรณ์ใจเอาไว้ไม่มีผิดเพราะหลังจากนั้นตอนเช้าก็มีข่าวลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งทุกฉบับเกี่ยวกับสำนักงานนักสืบของเรา…
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เห้อ หยุดเพ้อถึงคุณดาไซไม่ได้จริงๆ