ตอนที่ 10 : หน้าที่ 9 คดีฆาตกรรม (ตอนต้น)
หลังจากจับโยนพวกกิ้งก่าดำที่มาลอบโจมตีกันได้สักพักพวกเราเหล่าพนักงานเลยมาช่วยกันเก็บกวาดสำนักงานที่ตอนนี้เละตุ้มเปะไปหมดแต่ถึงจะบอกว่าช่วยเก็บกวาดก็เถอะ…
กริ่ง…กริ่ง…
ฉันแอบมองไปทางคุณรัมโปที่เขย่าขวดรามูเนะเล่นอยู่ที่โต๊ะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ช่วยเก็บกวาดข้าวของแถมยังนั่งเล่นเหมือนเด็กๆด้วย แปลกคนจัง…
“นี่ๆฮารุโนะจิ ช่วยเอาลูกแก้วในขวดออกมาให้หน่อยได้รึป่าว” คุณรัมโปยื่นขวดแก้วไปให้คุณฮารุโนะที่เป็นเลขา
“ค่ะ เดี๋ยวทำให้นะคะ” ว่าจบเธอก็เดินไปที่ห้องครัวและเอาค้อนทุบขวดแก้วจนแตกก่อนจะเดินเอาลูกแก้วมาให้คุณรัมโป
เขาจะเอาลูกแก้วไปทำอะไรนะ? ฉันแอบสนใจพฤติกรรมนั้นเลยแอบมองต่อสักพัก
“ดีจังเนอะ ลูกแก้วเนี่ย” คุณรัมโบว่าขึ้นพลางมองส่องดูมันที่แวววาวกระทบกับแสง
“ดีจังนะคะ ลูกแก้วเนี่ย” คุณฮารุโนะตอบไปตามมารยาท
ฉันมองอย่างงงๆกับคำพูดของเขา อะไรล่ะนั้น…แต่ความจริงไอ้ที่ติดใจฉันนะคือเรื่องที่เขาทำตัวแปลกๆนั้นต่างหากล่ะ
ฉันเขยิบเข้าไปหาคุณคุนิคิดะพร้อมเอานิ้วสะกิดหลังเขา
“คุณคุนิคิดะๆ…”
“หืม?”
“เอ่อ…คุณรัมโปเขาไม่มาช่วยงานหน่อยเหรอคะ…” ฉันกระซิบเสียงเบาถามเขาพลางแอบมองคุณรัมโปสลับไปด้วย
“คุนิคิดะคุง” เสียงคุณรัมโปดังขึ้นขัดกับตอนที่ฉันกำลังถามเรื่องเขาอย่างกับจงใจ ทำให้ฉันสะดุ้งจนเกือบทำเอกสารร่วงลงพื้นหมด
“เดี๋ยวผมต้องออกไปทำงานยอดนักสืบแล้วล่ะ”
“อ่ะ ไปช่วยสืบคดีฆาตกรรมสินะครับ”
“ให้ตายสิ ตำรวจเมืองนี้พอไม่มีผมก็จับคนร้ายกันไม่ได้สักคนเลยนะ…แต่ก็นะ สุดยอดสันนิษฐาน ของผมในสำนักงานแห่ง…ไม่สิ ในประเทศนี้ยังถือว่าเป็นพลังที่เจ๋งที่สุด มันก็ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะพึ่งผมล่ะนะ” คุณรัมโปบอกอย่างว่าเล่น
“ต้องพึ่งคุณแล้วล่ะครับ คุณรัมโป” คุณคุนิคิดะตอบด้วยคำพูดสุภาพจนหน้าตกใจ
คนอย่างคุณคุนิคิดะเนี่ยถึงกับเคารพคุณรัมโปเลยเหรอไม่งั้นคงไม่พูดทำตัวดีขนาดนี้ ฉันมองอย่างอึ้งๆ
“ถ้าเข้าใจก็ดี ใช่ พวกนายใช้ชื่อสำนักงานนักสืบแต่เอาจริงๆยังสืบสวนสู้ลิงไม่ได้ด้วยซ้ำที่สำนักงานนักสืบยังใช้ชื่อว่าสำนักงานนักสืบได้มันก็ด้วยบารมีพลังพิเศษ สุดยอดสันนิษฐานของผมล้วนๆ” เขาชมตัวเองอย่างออกหน้าเกี่ยวกับพลังของตัวเอง
ทำเอาฉันตะลึงกับความมั่นใจนั้นจนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
มันเป็นพลังที่สุดยอดขนาดนั้นเชียว…
“ยอดไปเลยนะคะ สุดยอดสันนิษฐาน เนี่ยพอใช้แล้วก็รู้ข้อเท็จจริงของคดีได้โดยทันทีแบบนั้น” คุณฮารุโนะกล่าวชื่นชม
“เป็นอุดมคติของสำนักงานนักสืบ…ไม่สิ ของผู้มีพลังพิเศษทุกคนเลยครับ!” ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินคุณคุนิคิดะชมเมื่อกี้ ทีกับคุณดาไซไม่เห็นเป็นงี้เลย
อ่อ…ไม่สิ คนๆนั้นไม่ได้ทำตัวหน้าเคารพมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นะ
“แน่นอนอยู่แล้ว” คุณรัมโปยื่นอกอย่างภาคภูมิใจ
“อัตสึโกะ” คุณคุนิคิดะทักฉัน
“คะ?”
“ไม่ต้องช่วยเก็บกวาดทางนี้แล้วไปช่วยคุณรัมโปเถอะ ที่เกิดเหตุนั่งรถไฟไปแปปเดียวก็ถึงแล้ว”
“จะให้ฉันไปเป็นผู้ช่วยนักสืบงั้นเหรอคะ” ฉันถามคุณคุนิคิดะกลับ
“จะบ้าเหรอ…” คุณรัมโปพูดขัดฉันขึ้น
“เอ๋…”
“ผมไม่ใช่นักสืบชั้นสองซะหน่อย ผู้ช่วยอะไรนั้นไม่เอาหรอก”
“งั้นจะให้ฉันไปทำอะไรคะ?” ฉันทำหน้างุนงงกลับไป
“ก็แบบว่าผม…” เขาเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ ทำเอาฉันลุ้นไปด้วย
“ขึ้นรถไฟไม่เป็นนี่น่า” เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
“คะ!?........................................”
.
.
.
ก็อย่างที่ว่าไปข้างบนนั้นเลยเป็นเหตุให้ฉันมานั่งรถไฟกับคุณรัมโปตอนนี้ พวกเรานั่งเงียบกันมาได้สักพักอาจจะเพราะไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรกันด้วยแหละ ฉนองก็แอบมองคุณรัมโปยู่เป็นระยะๆแทน ส่วนเขาเองก็เอาแต่นั่งจ้องลูกแก้วส่องดูมันที่แวววาวกระทบกับแสงไปมาอย่างกับเด็กๆ
เอาจริงๆตกใจหมดเลย…
ทั้งวิธีการซื้อตั๋ว วิธีสอดตั๋ว หรือแม้แต่ตำแหน่งของชานชาลา เขาไม่รู้อะไรสักอย่างเลยจริงๆ
คนๆนี้พอไม่ใช่พลังพิเศษก็ทำอะไรไม่เป็นเลยแฮะ….ถ้าไม่มีคนดูแลเขาเนี่ย ชีวิตลำบากไปหมดแน่ๆ
“มาช้านะ สำนักงานนักสืบ” คุณตำรวจท่าทางน่ากลัวกอดอกมองพวกเราไม่วางตาทำให้ฉันกลัวเลยไปหลบข้างหลังคุณรัมโป
“อ้าว? นายเป็นใครเนี่ย? คุณยาสุอิล่ะ?” คุณรัมโปเอ่ยถามด้วยความไม่คุ้นหน้าคุ้นตาคนตรงหน้า
“ฉันชื่อ มิโนอุระ มารับตำแหน่งแทนยาสุอิ คดีนี้แผนกเราจะรับผิดชอบเอง แกกับพวกสำนักงานนักสืบไม่ต้องมายุ่ง” คุณมิโนอุระแนะนำตัวและไล่ให้พวกเรากลับไป
“บ้ารึป่าวเนี่ย คดียากๆทั้งหลายมันควรให้ยอดนักสืบเป็นคนไขไม่ใช่เหรอ” คุณรัมโปหัวเราะขำ
“งานนี้ไม่ต้องพึ่งนักสืบหรอก”
“…”
“เพราะเหยื่อที่ถูกฆ่าคือลูกน้องของฉันเอง…” เขาว่าด้วยสีหน้าเจ็บปวดแล้วเดินไปเปิดผ้าคลุมศพข้างๆออกให้พวกเราดู
สภาพศพเป็นหญิงสาวผมยาวที่ดูดีคนหนึ่งถึงแม้ว่าปากจะซีดเซียวไปเพราะตายมาได้นานแล้วบวกกับรอยเสื้อตรงอกที่ถูกยิงไปหลายนัด น่าจะเพราะอย่างงั้น แหละเลยทำให้เธอตาย
พวกเราที่เห็นศพก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ยืนไว้อาลัยให้แก่ตัวเธอที่ตายจากไปแล้ว
“สุภาพสตรีเหรอ?” คุณรัมโปที่ยืนไว้อาลัยถามพวกตำรวจ
“ศพถูกพบลอยอยู่ในแม่น้ำครับ” ตำรวจคนหนึ่งตอบเค้า
“ถูกยิงที่อกสามนัด สถานที่และเวลาเกิดเหตุยังไม่ทราบ แม้แต่ลูกกระสุนก็ยังหาไม่พบ” คุณมิโนอุระอธิบายให้ฟัง
“มีผู้ต้องสงสัยบ้างไหม?”
“ยังไม่รู้…เท่าที่ดูจากพฤติกรรมในที่ทำงานเหมือนจะไม่ได้คบหากับใครเป็นพิเศษ”
“แบบนั้น…ไม่บอกซะเลยล่ะ ว่าไม่รู้อะไรเลย” คุณรัมโปพูดตอกกลับเขา ทำเอาคุณมิโนอุระจ้องเขม็งใส่
“เพราะงี้ไงถึงฝากให้นักสืบสมัครเล่นจัดการไม่ได้” ว่าจบเขาก็ยืนขึ้นและเตรียมไล่พวกเราอีกรอบ
“เฮ้ย!! มีอะไรไม่รู้มาลอยติดตาข่าย” แต่ก็มีตำรวจนายหนึ่งที่อยู่ตรงแม่น้ำส่งเสียงเรียกทำให้พวกเราทุกคนหันไปทางนั้นกันหมดซะก่อน
“อะไรกันคะนั้น…”
“เราตึงตาข่ายไว้ในแม่น้ำเผื่อจะมีหลักฐานอื่นถูกน้ำพัดมาอีกนะครับ”
“คนนี่…มีคนติดขึ้นมา!!”
“ว่าไงนะ?” คุณมิโนอุระตกใจ
“หรือว่าจะเป็นเหยื่อรายที่ 2 งั้นเหรอคะ?” ฉันถามออกไปด้วยความกังวล
ระหว่างที่เครื่องตึงตาข่ายกำลังยกตาข่ายอีกอันขึ้นมาพวกเราที่อยู่ห่างจากแม่น้ำจึงรีบวิ่งไปดูสถานการณ์โดยเร็ว
ตาข่ายที่นำขึ้นมาปรากฏเป็นร่างคนอย่างที่ว่า…แต่…เดี๋ยวนะ…
“ไง อัตสึโกะจัง บังเอิญจังนะ” คุณดาไซที่ลอยกลับหัวอยู่พูดทักฉันอย่างอารมณ์ดี
“….ดะ…โดดน้ำฆ่าตัวตายอีกแล้วเหรอคะ…” ฉันกัดฟันถามและมองเจ้าคนต้นเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเขาแตกตื่นไปชั่วขณะ
“ไม่…ฆ่าตัวตายคนเดียวน่ะ มันเฉยเกินไปแล้ว อัตสึโกะจัง…” คุณดาไซบอกปัดความคิดของฉัน
“อ่า….”
“ฉันรู้ตัวแล้วว่าถ้าจะฆ่าตัวตายก็ต้องเป็นการตัวตายคู่กับสาวงามเท่านั้น…อ่า…ฆ่าตัวตายคู่ ช่างเป็นคำที่ไพเราะเหลือเกิน” คุณดาไซพรรณนาถึงการฆ่าตัวตายด้วยความสุข
“….”
“พอมาเทียบกันแล้วการจากโลกนี้ไปอย่างเหงาหงอยมันช่างว่างเปล่าเสียกระไรเพราะงั้นแหละตอนนี้เลยเปิดรับสมัครสาวสวยที่จะมาฆ่าตัวตายคู่ด้วยกันอยู่จ้า แต่ว่าถ้าเธอสนใจฉันก็ยินดีรับนะถึงจะไม่ใช่สาวงามก็ตาม”
“ขอโทษนะคะที่ไม่ใช่สางงามน่ะค่ะ แล้วก็ขอปฏิเสธค่ะ…”
“เอ๋….อัตสึโกะจังใจร้ายจังน้า”
“แล้วถ้าไม่ใช่ฆ่าตัวตายที่ลอยมาวันนี้คือ”
“หึ นี่ก็แค่ลอยน้ำมาเล่นๆเท่านั้นแหละ” เขาตอบด้วยหน้าจริงจัง
“อ่า งั้นเหรอคะ…” ฉันทำหน้าตายใส่
“ว่าแต่อัตสึโกะจัง มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“ทำงานค่ะ”
“งาน?”
“คือ…” ว่าจบฉันก็นั่งเล่าสถานการณ์เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมให้เขาฟัง ฟังจบแค่นั้นแหละเขาทำหน้าตาช็อกสุดๆก่อนจะรีบวิ่งไปที่ศพของหญิงสาว
“อะ…อะ…อะ….อะไรกัน สุภาพสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ กลับต้องมาจากโลกไปตั้งแต่วัยเยาว์ ฮึก ฮือๆ เศร้าจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว ทำไมไม่มาฆ่าตัวตายกับฉันแทนกันนะ” เขาว่าอย่างนั้นแล้วก็นั่งร้องไห้โอดครวญอย่างเสียดาย
“…หมอนี่มันใครน่ะ…” คุณมิโนอุระที่เงียบมากนานถามขึ้น
“ไม่รู้จักค่ะ….” ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง
“เพื่อนร่วมงานที่สำนักงาน ก็เป็นคนแบบนั้นแหละ” คุณรัมโปบอกแล้วเอามือมาตบบ่าฉันเสมือนบอกว่าให้ทำใจเถอะ
“โปรดวางใจเถอะครับ คุณคนสวย ยอดนักสืบผู้หาจับตัวยากจะล้างแค้นให้คุณเอง…เนอะ…คุณรัมโป?”
“แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้รับคำไหว้วานเลยนะ”
“เอ๊ะ หมายความว่าไง” คุณดาไซหันไปหาด้วยความสงสัย
“ก็ถามคนๆนี้สิ” คุณรัมโปโบยไปทางคุณมิโนอุระ
“เราไม่ต้องการนักสืบหรอก พูดตามตรง ลูกน้องของฉันทุกคนยังมีฝีมือดีกว่าพวกนักสืบอิสระอีก”
“โอ้…นายชื่ออะไร” คุณรัมโปชี้นิ้วไปทางด้านหลังของนายตำรวจคนหนึ่ง
“เอ๊ะ ผมพลตำรวจสึกิโมโตะเป็นลูกน้องของคุณยามากิวะที่ถูกฆ่าครับ” คุณสึกิโมโตะแนะนำตัวอย่างสรรพเสร็จ จากนั้นคุณรัมโปเลยเอามือไปวางไว้ที่ไหล่เขา
“ดีล่ะ สึกิโมโตะคุง จงไขคดีให้ได้ภายใน 60 วินาทีนับจากนี้ซะ”
“เอ๋!!!” คุณสึกิโมโตะร้องตกใจ
“ถ้าเป็นผมจะไขได้ภายใน 1 นาที ถ้าเขาเก่งกว่าผมอย่างที่คุณโม้จริงๆ ก็คงทำได้สินะ…” คุณรัมโปพูดพลางมองไปที่คุณมิโนอุระราวกับจะท้าทายเขา
“ถ้างั้น สึกิโมโตะคุง ลุยได้เลย”
“เอ๋…เออ…คือ…ยังไงก็เถอะ 60 วินาทีมัน…” เขาลนลานอย่างเห็นได้ชัดยิ่งเวลาน้อยเท่าไหร่ความคิดก็ยิ่งประมวลผลตามไม่ทัน
“เอ้า อีก 50 วินาที” คุณรัมโปที่จับเวลาอยู่บอกเขา
“เอ๋!!!!”
คุณรัมโปกำลังแกล้งอยู่ชัดๆเลยสินะ แถมอีกอย่างปกติเราก็คงเป็นแบบคุณสึกิโมโตะสินะ ฮะๆอย่างกลับเห็นภาพสะท้อนเลยนะ
“จริงด้วย ช่วงนี้ รุ่นพี่ยามากิวะกำลังสืบสวนคดีคอรัปชั่นของนักการเมืองกับการเคลื่อนไหวของพอร์ตมาเฟียอยู่ครับ รู้สึกวิธีการฆ่าจะคล้ายกับวิธีล้างแค้นของพวกมาเฟียด้วยครับ ไม่แน่รุ่นพี่อาจจะโดนมาเฟียตามสืบอยู่ก็ได้--…..” คุณสึกิโมโตะที่นึกเรื่องราวของผู้ตายออกเลยพยายามหาเหตุผลที่โดนฆ่ามาสิ่งมันก็มีความเป็นไปได้อยู่จริงๆอย่างที่ว่าแต่ถ้าไม่โดนคำพูดของใครขัดขึ้นซะก่อน
“ไม่ใช่หรอก” คุณดาไซเอ่ยเสียงเรียบ
“เอ๋” คุณสึกิโมโตะหยุดพูดและฟังเขา
“วิธีล้างแค้นของพอร์ตมาเฟียมันก็คือบัตรแสดงตนดีๆนี่แหละ มันจะบ่งบอกชัดเจนไปถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเลย…อันดับแรกคือให้คนทรยศเอาปากคาบทางเท้าแล้วเตะที่หลังศีรษะให้กรามแหลก…จากนั้นก็พลิกร่างเหยื่อที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดสาหัส…แล้วยิงเข้าที่อกสามครั้ง”
“ที่ว่ามามันก็ถูกจริงๆแหละครับ…”
“วิธีลงมือนี่เหมือนมาเฟียแต่ก็ไม่ใช่มาเฟีย ”
คุณดาไซที่ตอบทุกอย่างด้วยสีหน้าเพิกเฉยแท้ๆแต่ฉันกลับตัวสั่นไปกับคำพูดของเขาด้วยความกลัว…แต่ถึงจะกลัวก็จริงแต่เรื่องที่คุณดาไซรู้นี่มัน…อย่างกับเคยเป็นคนของทางนั้นมาเลยไม่ใช่รึไงนะ….ตอนนั้นเองฉันก็นึกเกี่ยวกับเรื่องที่อาคุตางาวะพูดอะไรบางอย่างกับคุณดาไซตอนที่ฉันกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่
เขาบอกว่าคุณดาไซเป็นอดีตพอร์ตมาเฟีย…เรื่องมันยังไงกันแน่นะ ฉันได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้คนเดียว
“เป็นการอำพรางคดีของคนร้าย?” คุณมิโนอุระพูดให้กระจ่าง
“แค่เพียงเพราะจะตบตาถึงกับต้องยิงซ้ำอีกสองนัดเลยเหรอ…โหดร้าย” คุณสึกิโมโตะพยายามข่มอารมณ์เศร้าเอาไว้
“บู่!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงคุณรัมโปดังขึ้นทำลายบรรยากาศตึงเครียดของทุกๆคน
“เอ้า หมดเวลาแล้วนะ ไม่ไหวเลยน้า ยังห่างชั้นจากยอนักสืบอย่างผมอีกเยอะนะ” เขาว่าพลางตบไหล่คุณสึกิโมโตะที่เมื่อกี้สะดุ้งตกใจยิ่งกว่าใครๆ
“อ่า…”
“แต่อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าที่นายบอกวาลูกน้องของนายทุกคนเก่งกว่าผมมันไม่จริงล่ะนะ”
“พอกันสักที!” คุณมิโนอุระพูดเสียงดัง
“….”
“ฟังแกพล่ามมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วทั้งสันนิษฐานเอย ยอดนักสืบเอย อ่านนิยายมากไปแล้ว สิ่งที่เรียกว่าไขคดีน่ะ มันต้องค่อยสืบสวน สอบปากคำแล้วก็ตรวจสอบที่เกิดเหตุต่างหาก” เขาพูดออกมาว่าอย่างเหลือดอดกับคุณรัมโป
“หา…ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ” คุณรัมโปขมวดคิ้วเดินไปหาคุณมิโนอุระ
“ยอดนักสืบเขาไม่มานั่งสอบสวนกันหรอก พลัง สุดยอดสันนิษฐาน ของผมน่ะมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้ว ว่าคนร้ายเป็นใคร ลงมือได้เมื่อไหร่และยังไง ไม่ใช่แค่นั้นนะ หลักฐานอยู่ที่ไหน จะกดดันคนร้ายยังไงให้สารภาพ มันผุดขึ้นมาในหัวแบบชัดแจ้งเลยล่ะ…เพราะผมเป็นผู้มีพลังพิเศษไงล่ะ” คุณรัมโปร่ายยาวเกี่ยวกับความสามารถของเขาให้คุณมิโนอุระฟังด้วยสีหน้าจริงจังทั้งที่ปกติเอาแต่เล่นแท้ๆ ขนาดฉันที่ได้ยินยังอึ้งเลยเป็นพลังที่สุดยอดไปเลยแหะ
“จากการทำงานตำรวจนี่ก็ทำให้ฉันรู้อยู่ว่ามีผู้ใช้พลังพิเศษอยู่ แต่ถ้ามีพลังที่แสนสะดวกสบายแบบนั้นมันก็ไม่ต้องมีตำรวจสอบสวนอย่างเราเลยก็ได้มั้ง” คุณมิโนอุระพูดประชดใส่
“ถูกต้องตามนั้นเลย ในที่สุดก็เข้าใจแล้วสินะ” คุณรัมโปตอบด้วยหน้าระรื่นอย่างไม่รู้ว่าตัวเองโดนประชดอยู่
“แก!!!” คุณมิโนอุระกำหมัดอย่างเดือดแถมเข้าใจผิดว่าคุณรัมโปกำลังเล่นสงครามประสาทกับเขา
แย่ละสิแบบนี้…ถึงคุณรัมโปจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
“น่าๆคุณตำรวจ คุณรัมโปเขาเป็นของเขาแบบนี้อยู่แล้วล่ะครับ” คุณดาไซมายืนขวางทั้งคู่ไว้
“เพราะคติประจำใจของผมก็คือ ถ้าผมดีทุกอย่างก็ดีหมด! ยังไงล่ะนะ”
ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคติประจำใจที่มันเหมาะขนาดนี้ด้วย…ขนาดคติของฉันยังเป็น แค่มีชีวิตอยู่ก็ดีถมเถแล้ว เลย
“ไม่ไหวๆ…” คุณดาไซเองก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ถ้าพูดขนาดนั้นก็ใช้ให้ดูหน่อยสิ ไอ้พลังพิเศษนั่นนะ”
“โอ๊ะ นั่นหมายถึงคำไหว้วานสินะ? ขอกันดีๆตั้งแต่แรกก็จบแล้วแท้ๆ”
“เหอะ กล้าไขคดีสุดหินที่ไม่มีแม้แต่เบาะแสให้เลยแบบนี้ มั่นใจน่าดูเลยนะ ให้จับเวลา 60วิ ให้ไหม?” คุณมิโนอุระยังคงประชดประชันใส่คุณรัมโปแต่ถึงอย่างงั้นเขาก็อนุญาตให้ทางฝ่ายเราสืบคดีได้เสียที
“ไม่ต้องใช้เวลาขนาดนั้นหรอก…” คุณรัมโปฉีกยิ้มกว้าง
“ดูให้ดีนะ อัตสึโกะจัง นี่แหละพลังที่คอยค้ำจุนสำนักงานนักสืบเรา”
“…” ฉันหยุดนิ่งตามที่คุณดาไซว่าและมองดูพลังของคุณรัมโปอย่างใจจดใจจ่อ
“พอใส่แว่นอันนั้นแล้ว คุณรัมโปก็จะเริ่มใช้พลัง สุดยอดสันนิษฐาน ได้”
พลังพิเศษที่ทำให้รู้ข้อเท็จจริงของคดี มีพลังแบบนั้นอยู่จริๆงั้นเหรอ….คุณรัมโปหยิบแว่นขึ้นมาก่อนจะสวมมันเข้าไปเพื่อปลดปล่อยพลังออกมาใช้
“ พลังพิเศษ สุดยอดสันนิษฐาน” ว่าจบเขาก็เบิกตากว้างและใช้ความคิดอยู่สักพัก
“….” ทุกคนรวมถึงฉันหยุดรอฟังคำตอบจากคุณรัมโปกัน
“อย่างงี้นี่เอง” เขาดันแว่นแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง
“อย่างงี้นี่เองอะไรของแก จะบอกว่ารู้ตัวคนร้ายแล้วเรอะ” คุณมิโนอุระพูดเย้ยคุณรัมโป
“แน่นอน”
“หา”
“คนร้ายก็คือ…” คุณรัมโปพูดวรรคไว้และยกมือชี้ไปยังตัวคนร้ายที่แท้จริงของคดีครั้งนี้เป็นที่เราคาดไม่ถึงกัน
“นายนั้นแหละ…”
*** ข้อความจากไรท์ 17/05/20 ***
ตัดจบแบบโคนัน ตอนต่อไป คดีฆาตกรรม(ตอนปลาย) มาคั่นโฆษณาโดยการอ่านตอนเก่ากันไปก่อนเนอะ หยอกนะคะ ฮ่าๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
