ตอนที่ 1 : หน้าที่ 1 อดตายกับฆ่าตัวตาย
ข้าวราดน้ำชาหนึ่งชาม….
โรยสาหร่ายฉีกลงบนบ๊วยแดงตามด้วยเนื้อไก่ที่เหลือจากมื้อค่ำกินพร้อมกับน้ำชาร้อนๆที่ลอยบนชิโอะคอมบุ….
มันอร่อยสุดๆเลยละนะ….
ข้าวราดน้ำชาที่เคยแอบไปกินที่ห้องครัวของบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า….
ท่ามกลางความคิดของเด็กสาวที่กำลังเหม่อมองทางสายน้ำตรงที่ทางรถไฟวิ่งผ่านอย่างไร้ค่าและหมดหวังก่อนจะล้มตัวลงอย่างแรง
ไม่ไหวแล้ว…หิวจะตายอยู่แล้ว…
เด็กสาวได้แต่บ่นในใจอย่างไร้ความหวังอีกครั้ง
ชื่อของเธอคือ นาคาจิมะ อัตสึโกะ เธอถูกไล่ออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าไม่มีทั้งอาหารหรือแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
ที่สำคัญที่สุดคือเงินก็ไม่มี!!
แถมที่สำคัญยังไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะไปขโมยของมาจากใครด้วยจนมาลงเอยนอนหมดแรงอยู่ ณ ที่ตรงนี้
เด็กสาวถอนหายใจอย่างเอื้อมระอาตัวเองก็จะกำหมัดทุบกับพื้นแล้วพยายามยืนขึ้นอีกครั้งพร้อมกับปณิธานของตน
…แต่ถ้าเราอยากมีชีวิตรอด เราก็ต้องมีแต่ไปขโมยหรือปล้นเขาเท่านั้น…
“ออกไปซะ ไอ้คนไร้ค่า!”
“ไม่มีบ้านเด็กกำพร้าที่ไหนต้อนรับคนอย่างแกทั้งนั้น”
“ไปนอนอยู่ข้างถนนยังจะดีต่อสังคมมากกว่าอีก”
แต่อยู่ๆความคิดด้านลบที่อยู่ในใจของตัวเธอก็ดังออกมาอย่างไม่ตั้งใจ อ่า…เผลอไปนึกถึงตอนที่ถูกไล่ออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าซะได้ คำพูดของเขาคนนั้นที่คอยตอกย่ำตัวเธอ…
หนวกหู… น่ารำคาญ…
“หนวกหูน่า!!!!!” ฉันลุกขึ้นและตะโกนสุดเสียงเพื่อไล่ความคิดพวกนั้นออก นอนตายข้างถนนเนี่ยนะ?
“ฉันไม่มีวันยอมตายหรอก…ยังไงก็ต้องมีชีวิตรอดไปให้ได้”
“ดีล่ะ เราจะต้องดักทำร้ายคนที่เดินผ่านมาทางนี้ แล้วแย่งกระเป๋าตังค์มาซะ!” ระหว่างที่กำลังพูดให้กำลังใจตัวเองฉันก็สัมผัสได้ถึงเสียงของที่กำลังผ่านมาแต่พอหันไปเพื่อเตรียมวิ่งทางข้างหน้าบนทางลาดกลับเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ผ่านไปด้วยความเร็วที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ตามไม่ทันแน่ๆเพราะตนนั้นท้องว่างอยู่
“คนต่อไปนี้แหละ!”
ฉันไม่ยอมแพ้และรอเป้าหมายคนถัดไปแต่ก็ต้องยืนแข็งตัวเพราะที่กำลังผ่านมาคือพวกสารวัตรทหารที่กำลังฝึกซ้อมวิ่งกันอยู่กันมากกว่าสิบยี่สิบคน
“สารวัตทหารที่กำลังฝึกซ้อมคงไม่พกกระเป๋าตังค์ติดตัวกันหรอก…” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงใครจะไปสู้แย่งจากคนตั้งเยอะแบบนั้นกันได้ละ โดยจับพอดี!
“คนต่อไปนี้แหละ…จะต้องเอาให้ได้เลย” ฉันหลับตาตั้งปณิธานก่อนจะหันไปด้านหลังเพราะเหมือนจะได้ยินเสียงคนอยู่
“คราวนี้แหละ!!”
แต่ก็ต้องเป็นช็อกกว่าเดิมอีกเพราะตรงหน้าที่เธอกำลังมองคือคนกำลังจมน้ำเห็นแต่ขาที่โผล่ขึ้นมาที่ลอยมาจากทางไหนก็ไม่รู้
“เอ่อ..ปล่อยไปดีกว่ามั้งแบบนี้”
“…..”
“ปล่อยผ่านไปเถอะ…”
“…..”
“ปล่อยผ่านไป…โธ่เอย!!!” สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจโดดลงน้ำไปช่วยหลังจากลังเลได้สักพัก เอาเข้าจริงฉันเองก็ไม่ใช่ว่าจะว่ายน้ำเก่งอะไรขนาดนั้นเล่นทำเอาหอบเลยล่ะเพราะคนที่ฉันช่วยขึ้นมาเป็นผู้ชายในขณะที่ฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแถมอีกอย่างที่น่าสงสัยคือทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีแต่ผ้าพันแผลตามตัวกันนะ
ในขณะที่ฉันกำลังสูบเอาอากาศหายใจอยู่ๆผู้ชายคนนั้นก็เอนตัวขึ้นมาด้วยสีหน้างงๆ ฉันแอบสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนจะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ให้ฟัง
“คือว่าคุณโดนน้ำพัดมานะคะเป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“ถูกช่วยไว้งั้นเหรอ…” ผู้ชายข้างๆพึมพำราวกับพึ่งได้สติก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดออกมา
“ชิ!”
“ชิ?” ฉันทำหน้างงๆกลับไปจ้องเขา เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นพูดว่า ชิ งั้นเหรอ
“เธอเองสินะที่เป็นคนขัดขวางการโดดน้ำของฉันน่ะ”
“ฉันแค่ตั้งใจจะช่วยแค่นั้นเองหรอกค่ะ….เอ๋…โดดน้ำ!!”
“อะไรกัน ไม่รู้จักงั้นเหรอ โดดน้ำฆ่าตัวตาย ไง”
“ฆะ…ฆ่าตัวตาย!?” อะไรเนี่ย คนๆนี้กำลังพูดว่าโดดน่าตัวตายด้วยสีหน้าที่ไม่สะทกสะท้านอะไรแม้แต่นิดเดียวผิดกับตัวฉันเองที่ลนลานตกใจจนงงไปหมดแล้ว
“ใช่ ฉันกำลังฆ่าตัวตายอยู่แต่เธอก็ดันมายุ่งไม่เข้าเรื่องนะสิ” เขาพูดด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีดราวกลับกำลังโทษว่าทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดทั้งหมดของตัวฉันคนเดียวที่ดันมายุ่งเรื่องนี้
แต่ว่าทำไม ฉันถึงต้องมาโดนดุด้วยละเนี่ย นี่ฉันผิดเรอะ!!!
“เอาเถอะ การฆ่าตัวตายอย่างใสสะอาดโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อนคือปณิธานของฉัน แต่ที่ทำให้เธอเดือดร้อนถือว่าเป็นความผิดของทางนี้เอง จะขอโทษยังไงดี--”
จ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกก….
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบเสียงกระเพราะอันน้อยนิดของฉันกลับร้องออกมาเสียงดังเกินกว่าที่เด็กผู้หญิงอย่างเธอจะทำต่อหน้าผู้ชาย แต่ช่วยไม่ได้ละนะที่มันเป็นเหตุที่เลี่ยงไม่ได้
“หิวอยู่งั้นเหรอ สาวน้อย?” ฉันหน้าแดงพลันไม่อยากจะยอมรับแต่ก็จำใจพูดออกไป
“อันที่จริง ฉันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วนะคะ”
จ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกก….
“บังเอิญจังนะ ฉันก็เหมือน”
“ถ้างั้น!” ก็หมายความจะได้กินข้าวแล้วสินะ ในขณะที่กำลังคิดอย่างมีความหวัง
ก็โดนดับฝันในทันใด…
“แต่ดูเหมือนกระเป๋าตังค์จะโดนน้ำพัดไปแล้วด้วยนะ” พร้อมกับควักกระเป๋าเสื้อคลุมออกมาให้ดูเป็นการยืนยันว่าข้างในไม่มีอะไรเหลือแล้วเลย
“เอ๋ ไม่จริงน่า….” ฉันแทบหมดแรงอยากจะร้องไห้ออกมา
“มาอยู่ที่นี้เองเรอะ! ไอ้งี่เง่า!”
อยู่ๆก็ได้ยินเสียงทุ้มของผู้ชายจากอีกฝั่งของแม่น้ำ พอหันไปชายผู้ใส่แว่นคนนั้นก็ทำหน้าตาบึงตึงคิ้วขมวดกัน เขายืนกอดอกพร้อมถือสมุดไว้ในมือ พร้อมกับจ้องเขม็งมองมาที่ชายอีกคนที่กำลังยืนอยู่กับเรา
โกรธอยู่สินะคะ…
“อ๊ะ คุนิคิดะคุง เหนื่อยหน่อยน้า” ชายหนุ่มผ้าพันแผลร้องทักผู้ชายอีกครั้งด้วยสีหน้ารื่นระเริงแถมยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกว่าคนทางนั้นโกรธอยู่
“เหนื่อยหน่อยบ้านแกสิ ที่ต้องมาเหนื่อยมันก็เพราะแกทั้งนั้นแหละ ไอ้โรคจิตชอบฆ่าตัวตายนี่! แกต้องพังกำหนดการของฉันอีกเท่าไหร่ถึงจะพอใจ!----” คนอีกฝั่งที่โวยวายยังไม่ยอมเลิกอยู่ๆชายหนุ่มที่มีแต่ผ้าพันแผลก็นึกอะไรสักอย่างออกก็จะหันมาพูดกับเด็กสาว
“คิดอะไรดีๆออกแล้ว เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของฉันเอง ให้เขาเลี้ยงละกัน”
“ฟังที่คนอื่นเขาพูดบ้างสิฟะ!!” อีกฝั่งที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งอารมณ์เสียกว่าเดิม ทำเอาเด็กสาวสะดุ้งตกใจ
“เธอชื่ออะไรงั้นเหรอ” ชายหนุ่มผ้าพันแผลเอ่ยถามกับเด็กสาว
“เอ๊ะ? นาคาจิมะ อัตสึโกะค่ะ”
“งั้นตามมาเลย อัตสึโกะจัง อยากกินอะไรล่ะ? ”
“เอ่อคือ…ถ้าเป็นไปได้…” ฉันอ่ำอึ้งด้วยความเกรงใจ
“อะไรเล่า ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า”
“อยากกินข้าวราดน้ำชาค่ะ” ชายหนุ่มผ้าพันแผลมองงงๆก่อนจะหลุดขำออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆ เด็กสาวผู้ใกล้จะอดตายปรารถนาข้าวราดน้ำชางั้นเหรอ เอาสิ ให้คุนิคิดะคุงเลี้ยงซัก30 ชามไปเลย!”
“อย่าเอาเงินไปเลี้ยงใครเองสิฟะ ดาไซ!” ชายหนุ่มตรงข้ามยังคงโวยวายกลับมาต่อว่าไม่ลดละ
“ดาไซ?” ฉันหันกลับมามองหน้าชายพันแผลตรงหน้าพลางเอียงคอด้วยความสงสัย
“อ้อ ชื่อฉันเองนะ…”
“….”
“ชื่อของฉันคือ ดาไซ…ดาไซ โอซามุ”
ท่ามกลางยามสนธยา ลมปลิวไสวไปทั่วท้องนภา รอยยิ้มที่เขามอบให้ สายตาที่จ้องมองเธอ และนั่นก็คือการพบเจอกันครั้งแรกของฉันกับคุณดาไซที่ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ แต่นั่นก็เป็นเพียงลางสังหรณ์ของตัวฉันเท่านั้นเอง...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พึ่งดูเรื่องนี้จบเลยค่ะ เลยลองเสี่ยงค้นหาดู สรุปมี5555 น่าติดตามนะคะเรื่องนี้