“ผมรู้..ว่าเราไม่สมกัน” สมนึกบอกกับนิตยา ซึ่งกำลังเหม่อมองดาวบนฟ้าอย่างใจจดใจจ่อ “แต่นิตก็ไม่น่าทำกับผมอย่างนี้”
นิตยาถอนใจเบาๆ เธอเพิ่งนับดาวไปได้แค่หนึ่งล้านสามแสนสี่หมื่นเก้าพันกว่าดวงเท่านั้น ดูเอาเถอะ...คำพูดของสมนึกทำให้เธอเสียสมาธิ ประเดี๋ยวเธอก็ต้องเริ่มนับใหม่อีกรอบสิเนี่ย
เธอหันหน้ามามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าอวบอูมประดับด้วยสิวเม็ดเล็กๆสีชมพูดูน่ารักนั้น ทำให้เธออดหวั่นไหวไม่ได้เกือบทุกครั้งที่หันไปมอง ครั้งหลังสุดนิตยาถึงกับเอาแว่นตาสำหรับช่างอ๊อกเหล็กมาใส่เวลามองสมนึกจะได้ไม่ต้องหวั่นไหว แต่มันก็เกือบทำให้เธอถูกรถเมล์ชนตาย เพราะว่ามองทางไม่เห็น.. รู้ตัวอีกทีก็เดินเลยลงไปถึงกลางถนนแล้ว
คราวนี้เธอเลยต้องหาคอนแท็คเลนส์ลดความหวั่นไหวของแอคคิววิวมาใส่ ถึงกระนั้นสิวเม็ดเป่งๆของสมนึกก็ยังมีอานุภาพทะลุทะลวงมาได้บ้างเหมือนกัน จนนิตยาเริ่มสงสัยว่ามันเป็นสิวแบบจีเอสเอ็มสองวัตต์ นี่สมนึกลงทุนไปซื้อสิวเซลลูล่ามาติดเชียวหรือนี่
“นิตยังไม่ได้ทำอะไรสะมะซะหน่อย” เธอพูดเสียงใสน่าเอ็นดู สมนึกไม่ชอบให้ใครเรียกสม-นึก เขาเลียนแบบดีเจชื่อดังด้วยการบอกเพื่อนๆให้เรียก สะ-มะ-นึ-กะ นัยว่าจะได้เหมือนญี่ปุ่น ตามเทรนด์เจป็อบขณะนี้
“ก็..เอาผมมายั่วให้ชาตรีหึงเนี่ย นิตว่ามันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ” เสียงของสมนึกตัดพ้อ
นิตยาถอนใจ ทำไมผู้ชายชอบคิดอะไรตื้นๆ แบบนี้
“นิตบอกตั้งหลายหนแล้วว่า นิตกับชาตรีไม่ได้เป็นอะไรกัน เอาละ ถึงแม้เราจะเคยเล่นไพ่ป๊อกเด้งกันบ้าง แต่นิตก็กินเขาหมดตูดทุกตา หรือบางทีอาจมีคนเห็นเราเล่นตี่จับกันบ้าง แต่ก็เป็นเพราะอยู่หอแล้วมันเหงา จะเล่นทศกรีฑาก็ไม่ได้เพราะที่มันแคบ นอกจากเล่นเกมอะไรพวกนี้แล้วก็ไม่เห็นมีอะไร ชาตรีก็เป็นเพื่อนของนิตเหมือนสะมะนั่นแหละ” เธอพูดยืดยาวแทบหายใจหายคอไม่ทัน ยังดีที่บนภูกระดึงช่วงนี้มีบุรุษพยาบาลลางานมาเที่ยวกันมาก บุรุษพยาบาลคนหนึ่งจึงส่งหน้ากากออกซิเจนมาให้ทันเวลาพอดี
“เราเป็นแค่เพื่อนกันเหรอครับ นิต” สมนึกไล่บุรุษพยาบาลที่เริ่มรุมล้อมและทำท่ากรุ้มกริ่มใส่นิตยาแล้วหันมาพูดต่อ “ไหนๆ บรรยากาศก็เป็นใจแล้ว ผมอยากสารภาพความในใจให้นิตรู้”
“อะไรล่ะคะ” นิตยาสะเทิ้นอาย มือดึงหญ้าในความมืดตรงหน้าด้วยความเขิน กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่เธอถอนไม่ใช่หญ้าแต่เป็นเส้นผมของนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่เมาหลับอยู่แถวนั้นก็ล่อเข้าไปตั้งครึ่งหัวแล้ว นักท่องเที่ยวรายนั้นแทบจะสร่างเมา รีบลุกเดินหนีไปพลางบ่นพึมพำ ได้ยินเสียงแว่วๆ มีคำว่าแม่ๆ อยู่ด้วย นิตยาสงสัยว่าเขาคงจะคิดถึงแม่ขึ้นมากะทันหันอย่างแน่นอน
“ผม..ผม..ผมชอบนิต” แม้รอบๆ ตัวจะเป็นความมืด แต่นิตยาก็เห็นได้ถนัดว่าสมนึกหน้าแดงก่ำ แดงยิ่งกว่าใบเมเปิ้ลแดงที่ลอยอยู่ตามน้ำตกเสียอีก “ผมชอบนิตมาตลอด ถ้าไม่เป็นเพราะชาตรีกับผมสนิทกัน ผมคงสารภาพกับนิตไปนานแล้ว นิตครับ..” สมนึกจับมือเธอขึ้นมาแนบอก แต่ถุงมือกันความหนาวห้าชั้นที่นิตยาใส่อยู่ทำให้เธอไม่รู้สึกอะไร “นิตจะมาคบกับผมได้ไหมครับ”
“มันเร็วไปนะคะ” นิตยาชักมือกลับ ถุงมือหลุดติดอยู่ที่สมนึกสามชั้น เหลือแค่สองชั้น
“เร็วตรงไหนเนี่ย เรารู้จักกันมาตั้งแต่ชั้นประถม..ยี่สิบปีแล้วนะ”
“เร็วไปค่ะ..” เธอยืนยัน
“ไม่เร็ว”
“เร็ว”
“ไม่เร็ว”
“เร็ว”
“ไม่เร็ว”
“ไม่เร็ว”“
เร็ว..อ้าว..” สมนึกตกหลุมเธอจนได้ นิตยาแอบยิ้มอยู่ในความมืด
“เห็นไหมคะ สมนึ..เอ๊ย..สะมะยังบอกว่าเร็วเลย” เธอลุกขึ้นยืน พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นแล้ว รอนับดาวต่อไปก็เสียเวลาเปล่า “เราไปตามหาชาตรีกันดีกว่า ขึ้นภูมาได้ 5 วันแล้วนะคะ แต่ 3 วันนี้ไม่เห็นชาตรีเลย”
สมนึกถอนใจ
“ผมขอนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกัน ผม..ผมเสียใจมากที่นิตไม่รับรักผม ผมอยากอยู่คนเดียว”
“ค่ะ นิตเข้าใจ” นิตยาลุกขึ้นยืน ผู้ชายนี่แปลกจริงๆ
เมื่อสามวันก่อนชาตรีก็มาพูดกับเธอแบบนี้แหละ พอเธอปฏิเสธเขาๆ ก็ขออยู่คนเดียวเหมือนกันเปี๊ยบ จนป่านนี้ไม่รู้ว่าจะออกมาจากผาหล่มสักหรือยัง
.
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันที่ 29 ธันวาคม ลงพาดหัวตัวไม้
-- ด่วน พบนักท่องเที่ยวนั่งแห้งตายบนภูกระดึง 2 ราย ชาวบ้านแห่ขึ้นภู -ขอหวย --
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น