แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่เดินเหม่อ อย่างหมดแรงก่อนจะฟุบตัวลงนอนบนเตียง 'มิซาเอะ เรมิโกะ' นักแต่งเพลงสาวชื่อดัง ควบตำแหน่งนักเขียนนิยายแนว feel good ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ล้วนโด่งดังทุกครั้งไป ด้วยความอัจฉริยะในวัยสิบแปดปีก็สามารถจบการศึกษาได้ด้วยเกียรติ์นิยมอันดับหนึ่ง รวมทั้งผลงานเพลงที่ไม่ว่าจะเพลงใดก็ล้วนไพเราะติดหูคนฟัง หรือจะเป็นนิยายแนวฟีลกู๊ดที่พอได้อ่านครั้งหนึ่งก็วางไม่ลงกันเลย
แน่นอนว่าด้วยความสามารถอย่างเธอย่อมมีงานรัดตัวเสมอ วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งเช่นกันที่เธอเค้นหัวสมองออกมาคิดไอเดียใหม่ๆ และออกตามหาสถานที่ดีๆในการหาแรงบรรดารใจ
"เฮ้อออ!"
เรมิโกะถอนหายใจเฮือกใหญ่และบิดตัวไปมาบนเตียงกว้างในคอนโดหรูของเธอ หลังจากนั้นก็พลิกตัวนอนมองเพดาน เพดานห้องที่ถูกตกแต่งมาจำลองหมู่ดาว สิ่งที่แย่งความโดดเด่นของแสงดาวอ่อนๆไปคือ ภาพโปสเตอร์เหมือนของการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เธอวาดเองกับมือ ภาพของตัวละครที่เธอชื่อชอบเป็นพิเศษ เรมิโกะเผยยิ้มบางๆออกมาเป็นอย่างนี้นี้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะมองมาที่นี่กี่ครั้ง ก็เหมือนกับการเติมพลังงานให้เธอเสมอ
มือบางยกขึ้นหมายจะแตะที่ส่วนใบหน้าคม แต่ก็ไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้...."เอาเถอะ แค่ได้มองอย่างนี้ก็รู้สึกดีพอแล้วล่ะ" เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตา แต่ก็ผลอยหลับไปในที่สุด
'ที่นี่ที่ไหนกัน?'
ฉันคิดพรางหันซ้ายขวา ก็พบเจอแต่หมอกเต็มไปหมด ไม่เห็นอะไรเลยมองตัวเองก็พบว่ายังคงอยู่ในชุดเดิม ที่แม้แต่รองเท้าก็ไม่มี "ฝัน...หรอ?" คิดได้ดังนั้นก็ลองหยิกตัวเองดู "ไม่เจ็บ" สรุปแล้วถ้านี่เป็นฝัน ถ้างั้นฉันต้องทำอย่างไรต่อ สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ และยิ่งเดินหมอกมันก็ยิ่งจางลง จนกระทั่งเธอได้เห็นวิวภายนอก
"อิตาลี่?"
เธอมองธงประชาติสามสีประเทศกำเนิดของตัวละครที่ชอบอย่างงงๆ และเดินสำรวจเมือง
"อ๊ะ!?"
ผู้คนที่นี่ล้วนเดินผ่านฉันไปอย่างกับว่าฉันไม่มีตัวตน แต่นั่นมันไม่น่าตกใจเท่าพวกเขาเดินทะลุผ่านตัวเธอไปต่างหาก ฉันพยายามโบกมือเรียกร้องความสนใจแต่ก็ไม่มีใครมองทั้งนั้น แม้แต่...
"เฮ้!!!"
การตะโกนดังลั่นก็ตาม เธอนิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มอย่างติดตลก ฝันว่าตัวเองเป็นผีงั้นหรอ ประหลาด...แต่ก็น่าสนุกดี
"หายบ้าแล้วหรอ"
!!!?
ฉันหันควับอย่างตกใจ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร คนที่เป็นโปสเตอร์แปะบนเพดาน คนที่เธอต้องการจะเจอมาตลอด
"ริบจัง!" ฉันเอ่ยอย่างตื่นเต้นก่อนจะพุ่งไปหาเขาทันที
"ชื่อพิลึกอะไรของเธอกันยัยบ้า"
โกหกน่า เรื่องจริงใช่ไหม คนตรงหน้าเธอคือรีบอร์นจริงๆใช่ไหม แต่ทำไมอยู่ในร่างปลดคำสาปล่ะ ไม่สิดูหน้าเด็กกว่าร่างปลดคำสาปอีก แต่จะว่าไปนี่ก็เป็นความฝันนี่เนอะ จะเป็นอะไรก็ไม่แปลก
"นี่ริบจังเห็นฉันด้วยหรอ"
"พูดอะไรน่ะก็ต้องเห็นสิ....อ่ะ!"
ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มสังเกตได้แล้วว่าไม่มีใครมองเห็นเธอเลย "เธอเป็นใคร..." เขาถามเธออย่างไม่ไว้ใจ "อืม...ไม่รู้สิก่อนหน้านี้ก็คนปกติอะนะแต่ตอนนี้...เหมือนจะเป็นวิญญาณแหละค่ะ" เธอตอบไม่วายทดสอบตัวเองโดยการทะลุผ่านนน้ำพุกลางเมืองให้ดู โอ๊ะ ได้ด้วยแหะสมแล้วที่ตอนนี้เป็นวิญญาณ
"....."
รีบอร์นอึ้งไปสักพักนี่เขาดื่มกาแฟมากไปรึเปล่าถึงได้เห็นผีกลางวันแสกๆได้ แถมยังเป็นผีที่ไม่มีความน่ากลัวเอาซะเลยเสียด้วย "เน่ๆ ริบจังไหนๆก็มีริบจังที่เห็นฉันคนเดียวแล้วขอเป็นวิญญาณตามติดสักพักได้ไหมอ่า" มิหนำซ้ำยังมีมารยาทขอตามติดอีก ผีทุกตนปกติเป็นแบบนี้รึเปล่า ตัวเขาได้แต่ถามในใจ และเลือกที่จะเดินเมินไปซะ
"เดี๋ยวซี่ อย่าเมินกันจิ" วิญญาณสาวได้แต่เบ้ปากขัดใจเธอเป็นผีนะ!ไม่กลัวกันหน่อยหรอ
"ไม่ขอแล่ว! ตามติดเลยดีกว่า"
รีบอร์นเหล่มองวิญญาณสาวปริศนาที่วิ่งตาเขาด้วยเท้าเปล่ามาเดินขนาบข้างเขา สำรวจดูแล้วเหมือนจะเป็นสัญชาติฝั่งเอเชียซะมากกว่า อายุก็น่าจะน้อยกว่าเขาเสียอีก ตัวก็เล็กกระเปี๊ยกแค่ใต้อกเขาเท่านั้น
"ริบจังอายุเท่าไหร่หรอ"
เรมิโกะถามเธอไม่เห็นเลออนแสดงว่าน่าจะอยู่ในเหตุการณ์ก่อนโดนสาปเป็นอัลโกบาเลโน่สินะ "20"
"ว้าวว มากกว่าฉันแค่สองปีเอง"
แสดงว่าก่อนเหตุการณ์คำสาปจริงๆด้วยสินะ แล้วเธอกับเขาก็เดินมาถึงที่แหล่งหนึ่งเป็นตึกสูงที่พอเข้ามาก็เหมือนสำนักงานอะไรสักอย่างเพียงแต่ที่นี่ดูหรูกว่ามากๆ "นี่ๆ ที่นี่ที่ไหนหรอ" เธอเอ่ยถามพรางมองไปรอบตัว "สมาคมนักฆ่า แหล่งรวมนักฆ่าเก่งๆไว้ทั่วโลก" เธอทำปากรูปตัวโออย่างเข้าใจ
"ภารกิจที่แล้วก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเคยนะคะ"
พี่สาวหุ่นเซี๊ยะสวยเซ็กซี่ที่เหมือนเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์เอ่ยทักทายคนข้างตัวเธอ "อืม"
"เย็นชาเหมือนเดิมเลยนะคะภารกิจต่อไปคือ มอลโต้ค่ะ"
"นักธุรกิจไฟแรง?" รีบอร์เลิกคิ้วถาม
"ค่ะ"
"เบื้องหลังเน่าเฟะหรอ"
"ไม่ค่ะเขาสะอาดและเป็นมีความสามารถมากพอควรเลยล่ะ"
"ไม่รับ"
เธอหันซ้ายขวา มองบทสนทนาที่คาดว่านะจะเป็นการส่งมอบภารกิจต่อไปให้ของทั้งคู่อย่างสนใจ พวกนักฆ่าเนี่ยทำงานเป็นระบบขนาดนี้เลยหรอเนี่ย นึกว่าจะเป็นกิลสมัยก่อนที่เป็นคลับบาร์ เข้ามาก็ดึงภารกิจที่สนใจจากบอร์ดประชาสัมพันธ์ไปทำ ทำเสร็จเอาหลักฐานมายืนยันแล้วรับเงินซะอีก
"ว่าแล้วว่าคุณต้องไม่รับ งั้นเป็นถล่ม เจลอนเต้แฟมมิลี่ไหมคะ"
"ประวัติ"
"แฟมมิลี่ค้าอาวุธเถื่อน ผลิตยาเสพติด ค้าประเวณี ถนัดลอบกัดและหมาหมู่"
"เอามา"
รีบอร์นรับใบภารกิจมาจากสาวประชาสัมพันธ์ก่อนจะเดินออกไม่สนอะไรทั้งสิ้นไม่มีกระทั่งคำบอกลา เธอได้แต่เดินตามต้อยๆ อย่างมึนๆ
"อยากตามก็ตาม แต่ถ้าเห็นภาพอะไรไม่ดีก็อย่าโวยวายสติหลุดแล้วกัน"
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนะเดินนำเธอไป ลำบากเธอต้องวิ่งตามอีกรอบ "เป็นผีนี่ลอยไม่ได้หรอ?" เออหว่ะ เธอลองคิดว่าตัวเองลอยดูก็ปรากฎว่าลอยได้จริงๆ ค่อยคุ้มกับการเป็นผีสักหน่อยงี้ก็สบายแล้ว เธอลอยตามหลังรีบอร์นไปเรื่อยๆ จนถึงสถานที่เป้าหมาย ปราสาทเจลอนเต้แฟมมิลี่
โครมมมม!
"0[]0"
ปกติต้องทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ตัวไม่ใช่หรอ ไหงพี่ท่านถึงยันประตูโครมไปเลยล่ะ และไม่พูดพร่ำทำเพลงก็หยิบปืนขึ้นมายิงคนในปราสาททันที กระสุนทุกลูกไม่ปักที่กลางกระโหลก ก็ที่หัวใจ นัดเดียวจอดทั้งนั้น และท่าทางการหลบการโจมตีที่พริ้วไหวรวดเร็วนั้น ไม่มีปราณี ไม่มีเมตตา และไม่ลังเล เธอมองโศกอนาตกรรมเลือดสาดนั้นด้วยสายตาที่สับสน ควรจะกลัวไหม? จะว่าเธอตายด้านก็ได้นะแต่ว่าเธอเคยดูหนังเลือดสาดมามากมาย แต่ละเรื่องก็ทำเหมือนจริงกันทั้งนั้น เจอของจริงเธอก็เลยรู้สึกเฉยๆ ไปเลย แต่ที่ไม่เฉยคงเป็นกลิ่นกับเสียงดังของปืนใกล้ๆนี่ละมั้ง
เธอใจร้ายไม่สงสารคนตายหรอ? จากที่ฟังดูพวกเขาก็เป็นคนเลวสมควรฆ่าพอควรไม่ใช่หรออีกอย่างเธอก็ไม่ได้โลกสวยขนาดเป็นห่วงเป็นใย คนที่แม้แต่หน้าก็ไม่เคยเห็นสักครั้งหรอกนะ และแทนที่จะมากังวลหรือกลัว ในเมื่อมาถึงนี่แล้วและเลือกที่จะมาเองก็เปลี่ยนจุดโฟกัสซะใหม่ จากคิดมากนั่นนี่ เป็นชื่นชมศิลปะการต่อสู้ และฝีมือของริบจังดีว่าไหม อย่างน้อยก็น่าดูและไม่ต้องมาคิดให้ปวดสมองกับเรื่อง จิตศีลธรรมต่างๆนาๆ หรือแง่ดีกว่านั้นพวกเขาก็ไม่ตายทรมาณ....ก็นัดเดียวจอดนี่นา
ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงรีบอร์นสามารถถล่มคนทั้งแฟมมิลี่ได้ทั้งหมดโดยไม่รอดสักคน เธอได้แต่ปรบมือแปะๆอย่างตะลึงงัน รีบอร์นหันมามองด้วยความฉงนวิญญาณสาวที่ดูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโลกมืด ดูจะไม่กลัวเลยสักนิด
"ไม่กลัวหรอ"
"ฉันมันคนเลวที่ฆ่าคนเชียวนะ"
"เป็นปีศาจร้ายที่ใครๆก็หวาดหวั่น"
"น่ารังเกียจใช่ไหมล่ะทางเดินที่แสนสกปรกแบบนี้น่ะ"
รีบอร์นเอ่ยแล้วเหม่อไปยังพื้นกระเบื้องสีขาวที่โดนเคลือบไปด้วยสีแดงก่ำ "ไม่ว่าใครก็เป็นปีศาจร้ายได้ทั้งนั้นแหละค่ะ แต่มันขึ้นกับว่าจะเป็นปีศาจสำหรับใครมากกว่า" เรมิโกะเอ่ยขณะลอยนำออกไปจากสถานที่ที่ตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นชวนอ้วก
"แต่ต้องไม่ใช่ตัวคุณ"
"อย่าวางบทบาทให้กับตัวเองทั้งๆที่ชีวิตคุณเป็นคนดำเนินเรื่องนี้เอง"
"และอย่าดูถูกทางเดินตัวเอง"
"อย่างฉันที่เลือกจะเป็นนักแต่งเพลง แต่รู้อะไรไหมเสียงที่เพราะสำหรับฉันไม่ใช่เสียงตัวโน๊ต"
.
.
.
.
.
"เสียงที่เพราะที่สุดสำหรับฉันคือเสียงเท้ากระทบกับทางในตอนเดิน....เพราะเสียงแต่ละย่างก้าวมันมีความหมายเสมอไงล่ะ :)"
เจ้าของเสียงหวานยังคงพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง รีบอร์นมองแผ่นหลังเล็กอย่างเหม่อลอยก่อนคนข้างหน้าจะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่สดใส นั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าทางเดินที่แสนโสมมของเขายังคงมีสิ่งสวยงามอยู่...ตรงหน้าเขานั่นไง
"และเสียงการเดินแต่ละคนไม่เหมือนกันเพราะทั้งรูปแบบการเดิน และทางเดินไม่เหมือนกัน"
"หึ ตัวแค่นี้แต่คำพูดน่าหยิกชะมัด" รีบอร์นพึมพัมกับตัวเองก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาร่างบางเอง "หั่นแน่! ยอมรับฉันแล้วใช่ไหมล่าาา งั้นขอเป็นวิญญาณตามติดเต็มตัวเลยล่ะกัน!" ร่างบางเอ่ยอย่างสดใสก่อนจะลอยเข้าไปเกาะหลังรีบอร์น และยังคงพูดเสียงเจื้อยแจ้วไปเรื่อย โดยที่เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร
"อ๊ะ ริบจังดูนั่นสิ!" เรมิโกะชี้ไปที่ร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งอย่างตื่นเต้น ปลายนิ้วเรียวชี้ไปที่หมวกปีกกว้างสีดำคาดเหลืองใบหนึ่ง ตัวเธอพึ่งมาสังเกตว่าริบจังของเธอไม่ได้ใส่หมวกอันเป็นเอกลักษณ์เลย
"อยากได้หรอ แต่จะใส่ยังไงล่ะเธอสัมผัสมันไม่ได้นี่"
"ไม่ๆ ให้ริบจังใส่ นะๆ ใส่น้า"
ร่างบางที่เกาะหลังเขาอยู่เอาหัวถูบ่าเขาไปมาอย่างออดอ้อน จนเขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวเบาๆ เอาเถอะ...แค่หมวกใบหนึ่ง ถือว่าทำตามคำขอของวิญญาณไร้ที่สิงแล้วกัน เขาเดินเข้าไปซื้อหมวกใบนั้นแล้วใส่ให้ร่างบางดู
"เป็นไง"
"อื้ม! เท่มากเลยล่ะ"
"ริบจัง so handsome! ^[+++]^"
"หึ!"
เขาหยิกแก้มของวิญญาณปากหวานไปทีหนึ่งด้วยควมหมันเขี้ยว ทั้งดวงตาประกาย ทั้งรอยยิ้มกว้างจนตาหยี อะไรจะขนาดนั้นกับอีแค่ใส่หมวก
"จะให้ใส่ตลอดเลยไหมล่ะ" ได้นะแลกกับรอยยิ้มนั้นน่ะ
"ได้หรอ? อื้ม! เอาสิ ใส่ไว้ตลอดเลย!!"
"ฉันจะได้เป็นคนเดียวที่เห็นใบหน้าหล่อๆชัดๆคนเดียวไงล่ะ"
"ฮ่าๆ เด็กน้อยเอ้ยย"
รีบอร์นสาบานได้เลยว่าเขาไม่ได้หัวเราะเต็มเสียงอย่างมีความสุขนี้มานานมากแล้ว "อวยกันขนาดนี้ต้องการอะไรล่ะ" เขาเอ่ยถามยิ้มๆ แล้วยีหัวทุยนั้นโดยเจ้าตัวไม่ได้ว่าอะไรออกจะไม่สนด้วยซ้ำ "ไม่ได้อวยนะพูดความจริง!หล่อก็บอกหล่อสิ"
"ตกลงจะใส่ไหม"
"อืม"
"เย้! ตอนใส่ดึงหมวกลงมาก็ดีนะเงาจะได้บังหน้า"
"และฉันก็จะได้เป็นบุคคลพิเศษที่ได้เห็นใบหน้าเต็มๆของคุณนักฆ่าคนเก่งคนเดียว!"
ฮ้าาาา ได้พูดความรู้สึกไปแล้ว ก็แหม ไหนๆก็ย้อนมาทั้งทีพอเห็นใบหน้าเต็มๆของริบจังแล้วเธอก็อดที่จะหวงเก็บไว้ดูคนเดียวไม่ได้นี่นา
"อืมๆ จะพยายามใส่ตลอด"
"สัญญาแล้วนะ"
"สัญญา"
ร่างสูงเกี่ยวก้อยกับร่างเล็ก รอยยิ้มที่เขาส่งให้เธอดูมีความสุขและอ่อนโยนกว่าที่เคยเป็นมาก่อน คนตรงหน้าเขาไม่ได้สวยจนตะลึง ไม่ได้เพอร์เฟคทุกระเบียบ ไม่ได้ดีจนเกินเหตุ เธอเหมือนกับดวงดาวที่มีแสงอ่อนๆในตัวเอง ไม่ได้จ้าราวดวงอาทิตย์ ไม่ได้งดงามชวนฝันแบบดวงจันทร์ แต่มองแล้วสบายใจ เพลินตา จนอยากจะมองอีกเรื่อยๆไป
"โอ๊ะ!"
เขามองร่างบางที่ตัวเริ่มโปร่งแสงอย่างตกใจ "ดูเหมือนจะได้เวลาไปแล้วล่ะ" ไป...ไปไหน จะหายไปแล้วงั้นหรอ เธอพุ่งมากอดตัวเขาแน่น "เสียดายจังเลยน่าจะนานว่านี้" นั้นสินานกว่านี้ได้ไหม "บ๊ายบายนะริบจังถ้าถ้ามีโอกาสหวังว่าจะได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง" ก่อนร่างในอ้อมกอดเขาจะสลายไปเป็นละอองแสงสีเงิน
จะไปได้ยังไงเขายังไม่ทันบอกลาเลย....
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TALK
ระหว่างรอสมัครก็ขอดำเนินคู่นี้ไปก่อนเลยนะคะ เพราะยังไงเนื้อหามันก็ไม่ข้องเกี่ยวกันมาก แต่ละคนก็คนละบท ยังรับสมัครอยู่นะคะมาสมัครกันได้น้าาาาา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ชอบเรื่องหมวกมากเลย เพราะรีบอร์นใส่ตลอดเวลาจริงๆ คิดแล้วเขิน //////
#คู่นี้ทำไมมุ้งมิ้ง5555
ชอบอะ!!!ยังไม่จบใช่มั้ยคะ!!!!!ขอดูคู่รีบอร์มากกว่านี้สิ!!!!